ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 14 ฝึกวิชาครั้งแรก

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 63





     5 วันต่อมา

         หลังจากที่พวกเขาได้กลับมาอยู่ที่ทะเลสาปอันเป็นถิ่นที่มินาโตะและคุชินะเคยอยู่มาก่อน ทั้งสองได้ใช้เวลาในการสอนลูก ๆ ของพวกเขาในการเป็นนินจาตามแบบฉบับโคโนฮะ ในห้องหนังสือนั้นมีหนังสือทุกสาขาวิชามากมายที่ท่านฮารุกะนำมาใส่ไว้ มีตั้งแต่การเมืองการปกครอง คณิตศาสตร์ นิติศาสตร์ วิทยาศาสตร์ ภูมิศาสตร์ ศาสนา ศิลปะ ประวัติศาสตร์ ชาติพันธ์ชนเผ่าต่าง ในดินแดนนี้ รวมทั้งภาษาท้องถิ่น หนังสือแผ่นที่โลก และอีกมากมายนับไม่ถ้วน

         นอกจากนี้มินาโตะและคุชินะยังพาลูก ๆ ทั้งสองไปดูถ้ำที่พวกเขาอาศัยอยู่ซึ่งภายในข้าวของยังอยู่ครบดี และยังพาลูก ๆ ไปชมสวนศิลซากุระที่ซึ่งเป็นที่อยู่ของเหล่านางไม้และพรายน้ำซึ่งทำให้เด็กทั้งสองถึงกับตื่นเต้นและรู้สึกประปลาดใจในความสวยงามอย่างมาก ที่นี้ลูกของพวกเขาได้เล่นกับเหล่าเจ้าสุนัขป่าตัวจิ๊วตัวน้อยขนขาวปุบปุ๋ย

    "นารูโตะ ซากุระตื่นได้แล้วลูก วันนี้ลูกต้องไปฝึกกับพ่อน่ะ จ่ะ" เสียงเรียกหวานของผู้เป็นมารดาตะโกนปลุกให้ลูกชายและลูกสาวตื่นจากการนอนหลับ

    "จริงด้วยวันนี้ต้องไปฝึกกับท่านพ่อ" ซากุระตื่นก่อนตั้งนานแล้ว "ท่านพี่รีบตื่นเร็วเข้า"

    "ขออีกห้านาทีซากุระ บอกแม่ไปว่าพี่ขอนอนต่อ " นารูโตะตะโกนกลับและดึงผ้าห่มขึ้นคลุมโปร่ง ทำให้คุชินะที่กำลังจัดอาหารอยู่ในครัวถึงกับชะงักไป

    "ท่านพี่เร็วเข้าอย่าให้ท่านแม่โกรธนะ" ซากุระพยายามดึงผ้าห่มเธอเองก็ไม่อยากมีเรื่องกับแม่ของเธอมากนักเพราะเมื่อหลายวันก่อนนั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง

    "ลงมาเดียวนี้เลยทั้งสองคน อย่าให้แม่ขึ้นไปจัดการกับพวกเจ้าน่ะ" คุชินะตะโกนดังลั่นบ้าน ทำเอาลูกชายและลูกสาวรีบลงมาทันที่ทันใด ก่อนที่นางจะขึ้นไปอัดพวกเขานี้ไม่ใช้ครังแรกเลยด้วยซ่ำนี้เป็นครั้งที่สองซะมากกว่า

    "คราวหน้าลูกอย่าตื่นสายสิ เป็นนินจาต้องตื่นให้ตรงเวลาอย่ามั่วชักช้าเข้าใจไหม" คุชินะเอ็ดเด็กทังสองและวางอาหารลงบนโต๊ะ ซึงมือเช้าวันนี้ก็เป็น ปลาแซวมอนจากทะเลสาป และผลไม้ส้มกับผักบุ้ง "รีบไปล้างหน้าล้างตาให้เสร็จ วันนี้ลูกต้องออกไปฝึกซ่อมกับพ่อเข้าใจไหม"

    "ครับ/ค่ะ" เด็กทังสองตอบพร้อมกัน

         วันนี้เป็นวันแรกที่ท่านพ่อจะสอนวิชานินจาให้กับพวกเรา ซึ่งพวกเราตื่นเต้นมาก ๆ ที่พวกเราจะได้เรียนรู้วิชานินจาตามแบบฉบับโคโนฮะ

    "กลับมาแล้ว" มินาโตะเดินเข้ามาหลังจากที่ออกไปทำพืชสวนไร่นามา เมื่อเดินเข้ามาก็พบว่ามินาโตะนั้นเปลือยท่อนบนเผยให้เห็นร่างกายของเด็กหนุ่มที่มีความแข็งแรงเกินวัย

    "ยินดีต้อนรับกลับมาน่ะ" คุชินะพูดก่อนจะพาสามีมานั่งลงแล้วส่งแก้วน้ำมาให้ดื่ม

    "พ่อฮะ วันนี้พ่อจะสอนวิชานินจาให้พวกเราไหมครับ" นารูโตะถามขณะนั่งอยู่ที่เก้าอี้

    "สอนอยู่แล้วลูก" มินาโตะกระดกน้ำก่อนที่คุชินะจะเอาอาหารมาเสริฟ

    "แล้วจะไปฝึกที่ไหนกันค่ะ" ซากุระถามผู้เป็นบิดา มินาโตะยิ้มแบบมีปริศนาราวกับว่าเข้าจะพาลูกไปที่ไหนซักแห่ง

    "ที่ที่พวกเราจะไปนั้นมันเหมาะเป็นที่ฝึกอย่างมาก รีบกินข้าวก่อนเถอะเดียวเราจะได้ไปกัน" มินาโตะตัดจบแล้วกินข้าวเช้า

         หลังจากกินข้าวเสร็จ ทั้งสี่ก็ไปอาบน้ำที่เย็นช่ำ และแต่งตัวเสร็จ คุชินะเลือกที่จะดูแลบ้าน ในใจของนารูโตะและซากุระอยากให้ท่านแม่มาด้วย แต่ท่านแม่บอกว่าไม่เป็นไรลูกไปฝึกกับพ่อก่อนหลังจากนั้นนางจะสอนพวกเรา ที่หลัง

         เช้าวันใหม่เป็นเช้าที่อากาศสดใส อากาศเย็นสบาย มินาโตะพาลูกออกเดินจากบ้านผ่านทุ่งสวนไรนาของพวกเขาก่อนที่ จะข้ามพื้นป่าสีเขียวขจี ผ่านถนนที่ถูกทำเอาไว้ ทั้งสามเดินไปตามทางที่ดีเงียบสงบและได้ยินเสียงนกและสัตว์ต่างมากมาย จนกระทั้งมินาโตะพาลูกขึ้นมาบนภูเขาเด็กได้ทัศนียภาพอันสวงามของธรรมชาติ แม่น้ำที่ไหล่คนเคียวราวกับงู ดวงอาทิตย์ส่องกระทบพื้นน้ำจนเกิดแสงสะท้อนระยิบระยับ ขุนเขาสลับซับซ่อนที่ปกคลุม ด้วยหิมะ มันยิ่งใหญ่ราวกับราชาที่หลับไหล่เฝ่ารอวันที่จะได้ตื่นขึ้น อากาศเย็นสบายสายลมผัดผ่านจนเย็นไปทั้งตัวพื้นป่าที่เขียวชอุ่มแมกไม้ต่างสั่นไหวไปมาตามแรงวายุ




    "เป็นไงล่ะนารูโตะ ซากุระ" มินาโตะหันมาถามลูกทั้งสอง 

    "มันสวยมากเลยท่านพ่อ" ซากุระกล่าวชมเธอมองทัศนียภาพความสวยงามโดยตาไม่กระพิบ

    "มันยิ่งใหญ่มากนึกไม่ถึงจริง ๆ เลยว่าโลกภายนอกจะกว้างใหญ่และสวยงามเช่นนี้" นารูโตะพูดพรางมองไปรอบ ๆ 

    "นี้แหละลูกเอ่ยธรรมชาติสร้างสรรค์สิ่งที่งดงามเสมอโลกใบนี้ยังมีที่ที่สวยงามอีกมาก  มาเถอะใกล้ถึงที่ฝึกแล้ว อดทนนิดหนึ่ง"  มินาโตะ เดินนำขึ้นเขา

         ทั้งสามเดินขึ้นเขาต่อไปเลื่อย ๆ เด็กทั้งสองเองก็เริ่มเมื่อและเหนื่อยเพราะตลอดชีวิตของพวกเขานั้นไม่เคยผจนภัยหรือออกมาเที่ยวเล่นนอกปราสาทมาก่อนเลย แต่นี้เป็นครั้งแรก จนกระทั้งมาถึงที่หมายจนได้กว่าจะมาถึงนั้นพูดได้คำเดยวว่าเหนือย

    "อ้าวล่ะมาถึงแล้ว" มินาโตะพูดขึ้นและหันมาดูลูกกับพบว่าเด็กทั้งสองนั้นต่างหอบเหนื่อยอย่างหน้าตาย

    "นี้พ่อไม่คิดจะหยุดพักบ้างเลยหรือ" นารูโตะพูดเหนื่อย ๆ "พวกเราเดินขึ้นเขามาจนขาเหมื่อยไปหมดแล้ว"

    "ใช้แล้วหนูเองก็แทบจะหมดแรงและเดินไม่ไหวแล้ว" ซากุระอยู่ในอาการเดียวกับนารูโตะ 

    "โอเคพ่อเข้าใจดีว่าลูกไม่เคยเดินทางมาก่อน แต่คิดเสียเถอะว่านี้เป็นการออกกำลังกายงั้นลูกก็พักไปก่อนนะ " มินาโตะวางสัมพาระลง เด็กทั้งสองต่างนั้งลงบนพื้นที่อ่อนนุ่มและกระดกน้ำจากกระติกดื่ม พรางมองสถานที่ฝึกของพ่อ ซึ่งสถานที่แห่งนี้ถือได้ว่าเป็นที่เหมะแก่การฝึกมาก ๆ มันเป็นทะเลสาปขนาดกลางบนภูเขา ที่มีเกาะกลางอยู่ตรงกลาง มองไปทางไหนไม่มีต้นไม้เลยมีแต่ ทุ่งหญ้าสีเหลืองอาหร่าม กับขุนเขาสูงเสียดฟ้าที่มีหิมะปกคุลมราวกับมงกุฏกษัตริย์เอลฟ์ ภายในพื้นน้ำนี้มีเหล่าปลาน้อยใหญ่แวกว่ายอย่างอิสระ




    "เราจะฝึกการเป็นนินจาที่นี้ใช้ไหมครับท่านพ่อ" นารูโตะถาม

    "ใช้แล้วลูก พ่อเลือกที่นี้เพราะเห็นว่าเป็นที่ที่เหมาะแก่การฝึกอย่างไรล่ะ" มินาโตะกระดกกระติดน้ำดื่ม

    "แล้วเราจะเริ่มตอนไหนหรือ" ซากุระถาม

    "ตอนนี้ไงล่ะ" 

         หลังจากที่พักไป 10 นาที ซากุระ นารูโตะและมินาโตะ ก็ลุกขึ้นแล้วเริ่มฝึกฝนการเป็นนินจา รวมทั้งการใช้พลังจักระ 

    "เริ่มแรกพ่อจะสอนให้ลูกวิ่งวนไปรอบ ๆ ซัก 5 รอบพ่อ" มินาโตะบอกลูก ๆ 

    " ท่านพอครับ ทำไมต้องทำอย่างนั้นละครับ ทำไมไม่สอนวิชานินจาเราที่เดียวเลยละครับ" นารูโตะพูดด้วยความสงสัย

    "นั้นก็เพราะว่าลูก ๆ ต้องดึงจักระออกมาก่อน จักระนั้นจะแข็งแรงและทรงพลังหากเราหมันฝึกฝนและออกกำลังกายทุกวัน เอาล่ะไปวิ่งได้"

    "โอ้"


          มินาโตะอธิบาย หลังจากนั้นเด็กทั้งสองก็วิ่งไปรอบทะเลสาปเป็น 5 รอบ นารูโตะเองก็ทำหน้าฟัดเหวี่ยงอย่างมากที่จะต้องมาวิ่ง 5 รอบให้เหนื่อย หลังจากที่วิ่งเสร็จแล้ว มินาโตะก็สอนให้ทั้งสองส่งพลังจักระลงไปในท้าวก่อนที่จะสาธิตเดินบนทะเลสาป 

    "ว้าว ท่านพ่อทำได้อย่างไรกัน" ซากุระชมด้วยสายตาที่คาดไม่ถึง

    "ส่งจักรลงไปที่ท้าวไงลูกและที่นี้ลูกลองทำบ้าง" มินาโตะพูด ไม่ทันไรเด็กทั้งสองก็ก้าวเดินลงมาลงบนทะเลสาปแต่ทว่า


    "อ้า" นารูโตะร้องเสียงหลงและจมน้ำลงไป แต่ดีที่เป็นน้ำตื่นไม่งั้นคงจมไปแล้ว

    " ทำไมผมถึงจมน้ำละครับ" ตัวของนารูโตะเปียกไปหมดก่อนที่จะเดินขึ้นมา

    "นั้นก็เพราะลูกส่งจักระไปไม่ครบนะสิ ฝึกใหม่"

         มินาโตะสั่งให้นารูโตะไปฝึกใหม่ การฝึกยังคงหนักหน่วงแต่ก็ไม่หนักมากนััก เพราะมินาโตะรู้ดีว่าลูกของเขานั้นยังเด็กอยู่จำเป็นต้องค่อย ฝึก ไป

         ตอนนี้ทั้งสามต่างฝึกซ่อมอย่างหนักรอบทะเลสาป ซากุระนั้นเริ่มพอมีผลงานบ้าง แต่นารูโตะนั้นมีปัญหาอย่างมากเรื่องการใช้จักระ ไม่ว่าจะเป็น การส่งจักระลงไปในดาวกระจาย หรือการแยกร่าง 

    ปัก ปัก ปัก

    "ทำได้เยี่ยมมากซากุระ" มินาโตะชมบุตรสาวที่เขวี่ยงคุไนลงบนเป้าซ่อมได้ตรงเป้าหมาย "ต่อไปนารูโตะ"

    "โอ้ฉันแสดงฝีมือให้ดูในฐานะโฮคาเงะในอนาคต ย้าก " 



    ตึก แกร่ง


         นารูโตะเขวี่ยงคุไนไปที่เป้าหมายแต่ผลสุดท้ายพราด มันกระเด็นไปที่อื่น เหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้นารูโตะหน้าจ่อยไปเลย

    "ไม่เป็นไรหรอกลูก เดียวลูกก็ทำได้เอง มามาพักเทียงก็เถอะ" มินาโตะเข้ามาปลอบลูกชาย ทั้งสามมานั้งพักกินข้าวเที่ยงกัน อย่างอเล็ดอร่อย ข่าวฝีมือคุชินะนั้นถูกใจปากทั้งสามอย่างมากหลังจากที่กินเสร็จแล้ว ทั้งสามก็มาฝึกกันอย่างปกติ 

    "คาถาแยกร่าง" นารูโตะประสานอิน จนเกินควัญที่อยู่ข้าง แต่ผลสุดท้ายร่างแยกกลับกลายเป็นวุ่นอย่างหน้าตลก ตาย

    "คาถาแยกร่าง" ซากุระประสานอิน ทำให้ร่างแยกของเธอปรากฎขึ้นมา

    "ทำได้ดีมากซากุระ นารูโตะไม่เป็นไรหรอกลูก" มินาโตะชมซากุระก่อนที่จะมาหาลูกชายที่หน้าจ่อยอยู่ "ยังมีโอกาสอีกมากที่ลูกจะทำได้ ลูกทำได้อยู่แล้ว"

    "ใช้ ๆ ท่านพี่ ท่านทำได้อยู่แล้ว ครั้งนี้อาจพลาด แต่ครั้งหน้าต้องได้แน่นอน" ซากุระเอามือมาแตะหลังพี่ชายเบาๆเพื่อให้กำลังใจ

    "ขอบคุณมากซากุระ พี่รักเธอที่สุดเลย ซากุระจัง" นารูโตะกอดน้องสาวสุดที่รัก 

    "โอเคต่อมาพ่อจะสาธิตอะไรให้ดูนะ" มินาโตะหงายฝ่ามือ ออกมาปรากกฎลูกบอลสีฟ้าขึ้นมาบนฝ่ามือ

    "ว้าวท่านพ่อทำได้อย่างไรกัน หนูอยากทำแบบนี้ได้จังเลย"

    "สุดยอดมากเลย"

         ารูโตะและซากุระถึงกับตาลุกโชนเมื่อได้เห็นลูกบอลสีฟ้าในมือของพ่อ มันทั้งสว่างและทรงพลังอำนาจมาก ๆ เด็กทั้งสองจองเข้าไปในลูกบอลสีฟ้านั้นอย่างพินิจพิเคราห์ด้วยความอยากรู้อยากเห็น

    "มันคือกระสุนวงจักรนะลูก"

    "กระสุนวงจักร " เด็กทั้งสองพูดประสานเสียงพร้อมกัน "แล้วท่านพ่อทำมันได้อย่างไรกัน "

    "พ่อเป็นคนคิดข้นมันขึ้นมาเองนะ พ่อได้มาจากการสังเกตการเล่นลูกบอลของแมวเลยเอามาทำตามแต่นี้ยังน้อยไปเดียวพ่อจะสาธิตคาถาที่ยอดเยี่ยมที่สุดให้ดู " มินาโตะพูดจบก่อนที่หายวับไป ราวกับไม่มีตัวตนทำให้เด็กทั้งสองถึงกับผงะไปชั่วขณะก่อนที่จะพบอยู่อีกฝั่งหนึ่งของทะเลสาป

    "นั้นท่านพ่อทำได้อย่างไรกัน" นารูโตะพูดอย่างไม่เชื้อสายตา แม้แต่ซากุระก็ด้วย

    "ทำได้อย่างไรหรือ" มินาโตะหายวับไปก่อนที่จะมาอยู่ข้างหลังของลูกสองคน "นี้คือวิชาเทพสายฟ้าเหินเป็นวิชาที่ เซนจู โทบิรามะ โฮคาเงะ รุ่นที่ 2 คิดค้นขึ้นมา ผู้ใช้สามารถวาปไปที่ไหนก็ได้เพียงแค่ทำสัญลักษณ์ไว้ในที่ต่าง ๆ "

    "สุดยอดไปเลย สอนพวกเราได้ไหมค่ะ ท่านพ่อ" ซากุระร้องขอบิดาของตน

    "ได้อยู่แล้วลูก พ่อสอนลูกทั้งสองแน่นอน แต่ลูกจะต้องฝึกฝนวิชาทั้งหมดให้ครบก่อนเมื่อพ่อเห็นว่าลูกพร้อมแล้วพ่อจะสอนให้ตกลงตามนั้นน่ะ" มินาโตะจับไหล่ของเด็กทั้งสอง

    "ครับ/ค่ะ" เด้กทั้งสองขานรับพร้อมกัน

    "ดีงั้นเรามาฝึกซ่อมกันต่อเถอะ ยังมีเวลาเตรียมตัวการเป็นนินจาอีกมาก ไปเร็ว" มินาโตะตบมือทำให้เด็กทั้งสองกลับไปฝึกวิชาที่พ่อได้สั่งเอาไว้อีกครั้ง


         การฝึกฝนยังคงดำเนินต่อไป นารูโตะและซากุระเรื่มทำได้ดีมากขึ้นพวกเขาสามารถควบคุมพลังจักระให้คงที่มากขึ้นแล้ว รวมทั้งยังสามารถวิ่งบนน้ำได้แล้ว ทางด้านคาถาแยกร่างของนารูโตะนั้นนารูโตะสามารถใช้ได้คล่องแคลว มากขึ้น หลังจากที่ฝึกฝนกันมานานทั้งสามก็เดินทางกลับบ้านโดยการเดินลงจากเขานั้นยากพอ ๆ กับตอนขึ้นมาด้วยซ้ำ เมื่อลงมาแล้วก็ต้องเดินผ่านป่าและทุ่งหญ้าเขียวขจี 

    "จริงสิท่านพอผมขอถามอะไรได้ไหมครับ" นารูโตะถามบิดาของตนขณะเดินอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า

    "ถามมาเลยลูก" มินาโตะพูดขณะที่ก้าวเดินนำหน้าอยู่

    "เจ้าแท่งยาวที่พ่อสะพายอยู่มันคืออะไรหรือครับ ผมเห็นมาตั้งแต่เช้าแล้วแต่ลืมถาม" นารูโตะชี้มายังสิ่งที่มินาโตะสะพายไว้ข้างหลัง

    "อ่อเจ้านี้หรือมันคือปืนคาบศิลา ที่ถูกสร้างโดยคนแคระ มันจุกระสุนได้ 1 นัดเป็นอาวุธที่ยิงได้ทั้งใกล้และไกล มันสามารถยิงสังหารสัตว์ร้ายให้ตายในทันที่ได้เลย" มินาโตะอธิบาย รายละเอียดเกี่ยวกับอาวุธให้ลูกฝั่ง

    "แล้วที่โลกนินจามีปืนแบบนี้ไหมค่ะ" ซากุระถาม

    "ไม่ ที่โลกนินจาไม่เคยมีปืนเลยด้วยซ่ำ แต่นี้เป็ครั้งแรกที่พ่อได้ใช้ มันมีอานุภาพที่แรงมากจนธนูกับหน้าไม้ชิดซ้ายไปเลย ถ้าถ่ายจักระลงไปคงมีอานุภาพแรงมาก" มินาโตะพูดผรางมองดวงอาทิตย์ที่กำลังจะตกดิน

    "แล้วพ่อได้มาอย่างไรหรือ" นารูโตะถาม

    "พ่อได้มาตอนที่ไปทำภารกิจกับคนแคระที่ชื่อโธอิน พ่อกับเขาไปช่วยกันขับไล่พวกก็อบลินเถื่อนที่เข้ามาก่อกวนในเหมืองของคนแคระ เพื่อเป็นการตอบแทนในฐานะมิตรเขาจึงมอบปืนไรเฟิลนี้ให้พ่ออย่างไรล่ะ" 


         หลังจากที่เดินสนทนากันมานานทั้งสามก็เดินข้ามแม่น้ำ มาทั้งสามก็ได้เดินผ่าน ซากเส้าหินขนาดใหญ่ซึ่งไม่มีใครรู้เลยว่าใครเป็คนสร้างมันขึ้นมา แต่เด็กทั้งสองต่างกลัวขึ้นมาทันที่เมื่อมองหินที่แกะสลักเป็นรูปงูกำลังไหล่ขึ้นยอดเส้า มันดูเป็นเส้าหินที่น่ากลัวมากจนนารูโตะยังตัวสั่น แม้แต่ซากุระเองก็ยังอกสั่นขวัญไหวที่เดียว

    (ชักสงสัยแล้วสิว่าใครมาเป็นคนสร้างเจ้าเส้าบ้านี้ หน้ากลัวเป็นบ้าเลย) นารูโตะคิดในใจด้วยความสยองขนฟอง

    อาหูหูหู

    "มาหลบหลังต้นไม้เร็วเข้า"

         เสียงหมาป่าห่อนดังขึ้นทำให้ ทำให้มินาโตะรีบพาลูกทั้งสองมาหลบหลังต้นไม้พร้อมทั้งใช้ร่างแยกออกมาก่อนที่จะนำปืนคาบศิลาที่สะพายอยู่ข้างหลังออกมาถือตั้งเตรียมยิง

    "นั้นมันหมาป่า" 

    "ชูว"


         มินาโตะจุปากให้นารูโตะเงียบ ไม่ทันไรก็ปรากฎเงาดำขนาดมหึมา ออกมาจากข้างหน้า หมาป่าตัวใหญยักษ์มันเดินไปตามทางของมันพร้อมทั้งดมกลิ่มไปตามพื้นราวกับกำลังหาเหยื่อ


         เด็กทั้งสองถึงกับกลืนน้ำลายและตัวสั่นทันที่ใช้แล้วมันคือ สุนักป่าโลกันต์ สัตว์ร้ายที่มีขนาดใหญ่มาก ทั้งสองเคยได้พบกับมันมาก่อนโดยเฉพาะสุนักป่าโลกันต์  ที่ท่านฮารุกะได้เลี้ยงไว้ถึงเจ้านั้นจะเป็นหมาป่าที่หน้ารักไม่ค่อยดุร้าย แต่ถ้าเป็นหมาป่าทั่วไป นั้นจะถือว่าเป็นสัตว์ดุร้ายเลยที่เดียวทั้งสองเคยได้ยินมาว่า ปากของมันสามารถขย้ำคอกระทิงยักษ์รวมทั้งวัวป่าออรอช* ให้ขาดสะบันได้เลยที่เดียว หรือ ถ้าอยู่เป็นฝูงมันยังสามารถล้มช้างได้ ตั้ง 2 ตัว หรืออาจทั้งโขรงได้เลยที่เดียว

         แค่คิดก็สยองแล้ว และนี้เป็นฝันร้ายที่ทั้งสองได้พบกับหมาป่า ในธรรมชาติตัวเป็น ๆ ซึ่งมันคงไม่เป็นมิตรแน่นอนเพราะตามธรรมชาติของสัตว์ร้ายตัวนี้คือล่ากับฆ่าเพื่อกินเท่านั้น

         มันสูดดมไปตามพื้นและหายใจหืดหาด โดยที่มินาโตะยังคงจ่อปืนอยู่หลังต้นไม้พร้อมเตรียมยิง ณ ตอนนี้มันเป็นเวลาความเป็นความตายที่เจ้าปีศาจจะพบเจอพวกเขาหรือไม่ เด้กทั้งสองยังคงกลันหายใจด้วยความกลัว แต่ไม่ทันไรมันก็ออกเดินไปจากจุดที่พวกเขาอยู่ทำให้ 3 พ่อลูกโล่งใจได้บ้าง

    "รีบไปกันเถอะก่อนที่พวกมันจะกลับมา" มินาโตะเดินออกมาหลังจากนั้นก็รีบพาลูกทั้งสองกลับไปบ้านอย่างรวดเร็วทั้งสามยังคงเดินผ่านป่า และดวงอาทิตย์ก็ใกล้จะตกแล้ว แสงอาทิตย์เริ่มจะละขอบฟ้า

    "โคตรสยองขวัญจริง ๆ เห็นไหมซากุระนั้นมันหมาโลกันต์ตามธรรมชาตินึกไม่ถึงจริงว่ามันจะหน้ากลัวขนาดนี้ " นารูโตะถึงกับหายใจโล่งอกทันที่

    "หนูรู้สึกเหมือนมันกำลังออกล่าอะไรบ้างอย่าง ท่านพ่อค่ะตั้งแต่ท่านแม่กับท่านพ่อมาอยู่นี้พวกท่านอยู่รอดมาได้อย่างไรในธรรมชาติที่มีแต่ความโหดเหี้ยมขนาดนี้" ซากุระถามผู้เป็นพ่อด้วยความสงสัย

    "ที่อยู่มาได้ก็เพราะเราเรียนรู้อย่างไรล่ะ ว่าจะอยู่หางพวกมันและหลีกเลี้ยงพวกมันอย่างไร ธรรมชาติภายนอกก็แบบนี้แหละซากุระ ไม่เรียนรู้หรือป้องกันตัวคือตาย คนที่ไม่เรียนรู้ที่จะอยู่กับธรรมชาติคือคนที่จะตายก่อนได้เสมอ เดินต่อเถอะ" มินาโตะทำเสียงที่ดูเย็นชา ดูราวกับว่ามีเรื่องไม่ดีกับมันยังไงก็ไม่รู้


         จนในที่สุดทั้งสามก็กลับมาถึงบ้านที่แสบอบอุ่นได้ในที่สุด คุชินะยื่นรอทั้งสามอยู่ที่หน้าประตูบ้าน สายตาของเธอจองมองทั้งสามเดินมาที่ประตูบ้านด้วยความยินดี

    "ยินดีต้อนรับกลับมาน่ะ เป็นไงบ้างการฝึกการเป็นนินจาครั้งแรก" คุชินะกล่าวต้อนรับทั้งสามก่อนที่จะถามเรื่งอในวันนี้

    "หนูฝึกได้ดีมากเลยค่ะ หนูสามารถใช้ร่างแยกได้แต่แค่นิดหน่อยค่ะ" ซากุระพูดด้วยความดีใจ

    "ก็เหนื่อย และผลก็ยังฝึกได้ไม่ดีเท่าไหล่ครับ" นารูโตะพูด "แต่ผมก็เจอหมาป่าโลกันต์ด้วยน่ะ"

    "อะไรนะ " คุชินะร้องขึ้นมาทันที่ "มินาโตะจริงหรือเปร่าที่เจอมัน"

    "จริงแต่ดีที่มันไม่โจมตีเรา ถือได้ว่ารอดมาปาฏิหาร์ก็ถือว่าดีแล้ว"

    "แม่รู่สึกใจหายมากคิดว่าลูกจะเป็นอะไรไปแล้ว" คุชินะถอนหายใจด้วยความโล่งอก " มาเถอะเข้าบ้านไปอาบน้ำแล้ว มากินข้าวเย็นกัน วันนี้แม่ทำอาหารโปรดให้ลูกด้วยนะ"

    "จริงหรือค่ะ/ครับ " เด็กทั้งสองพูดขึ้นพร้อมกัน

    "มาเถอะมินาโตะนายเหนื่อยมามากพอแล้วเข้ามาสิ ฉันเตรียมอาหารไว้ให้นายแล้ว"

         คุชินะดึงมินาโตะเข้าบ้าน หลังจากที่อาบน้ำเสร็จแล้วทั้งสี่ก็ลงมากินข้าวและสนทนาเล่าเรื่องราวต่างที่ได้ไปฝึกฝนมาซากุระนารูโตะดูตื่นเต้นมากที่ได้เล่าเรื่องเกี่ยวกับการฝึกฝนและธรรมชาติที่สวยงามที่ได้ไปพบมา มันเป็นสิ่งที่เด็กทั้งสองไม่เคยพบมาก่อนเลยตั้งแต่เกิด 


         หลังจากที่กินข้าวเสร็จแล้ว สี่พ่อแม่ลูกก็ช่วยล้างจาน และทำความสะอาดโต๊ะ ก่อนที่จะเข้านอนอย่างสงบด้วยความอ่อนหล้า

    *******

    ยามดึกคืนหนึ่ง

         แสงจันทร์ส่องสว่างเข้ามายังหน้าต่างสองบานผ่านทะลุผ้าม่าน ซากุระและนารูโตะต่างหลับอยู่บนเตียงด้วยความอ่อนล้าจากการฝึกอย่างหนัก เด็กทั้งสองนอนหลับอย่างสงบโดยที่ทั้งสองต่างหันหน้าเข้าหากัน เสียงจิ่งหลีดและจักจั่นยังคงดังไปทั่วภายนอกบ้านโดยเฉพาะบริเวณสวนและพื้นป่า

    "คุชินะ........อ๊า........ขอเถอะฉันเหนื่อยอยู่น่ะ.......อ๊า" 

    เสียง ๆ หนึ่งครางขึ้นทำให้เด็กสาวและเด็กชายที่กำลังหลับอยู่ได้ยินและลืมตาตื่นขึ้นมาราวกับมีใครมาปลุก

    "น่า.......ขอเถอะมินาโตะฉันต้องการมันขอให้ฉันได้ริมรสนายสักครั้งหนึ่ง เถอะ" คุชินะครางออกมาด้วยเสียงแผวเบาแต่ดูแล้วมันเหมื่อนเจือไปด้วยความต้องการบ้างอย่าง

    "ทำไมพ่อกับแม่ถึงยังไม่นอน ล่ะ" 

    "พี่ก็ไม่รู้เหมือนกัน แต่ซักจะแปลก แฮะ"

         ซากุระถามนารโูตะด้วยความสงสัยก่อนที่เด็กทั้งสองนั้นจะหันไปที่ตนต่อของเสียงนั้น นารูโตะชะเงอมองขึ้นมาส่วนซากุระพลิกตัวหันมายังเตียงของพ่อแม่ ทำให้ทั้งสองต้องพบกับภาพที่จะติดตาเด็กทั้งสองไปตลอดกาล

    "อ่าาาาาาาา อย่างนั้นและ มินาโตะ อ๊ะ ๆๆๆๆ" 

         ภาพตรงหน้าคือ มินาโตะและคุชินะ พ่อแม่ของพวกเขาไร้ซึ่งเสื้อผ้า ตัวเปลือยเปร่า กำลังเสพรักกันอยู่  คุชินะขึ้นคร่อมบนตัวของมินาโตะ พร้อมกับขยับร่างกายไปมาอย่างเร่าร้อน มือทั้งสองที่ใหญ่และหยาบกรานของมินาโตะเลื่อนขึ้นมาจับสัมผัสขย้ำหน้าอกของคุชินะ  การรวมรักกันของทั้งสองเป็นไปอย่างเร่าร้อนและรุนแรงเผ็ดร้อนกว่าคู่รักใด ๆ เด็กทั้งสองถึงกับตกตะลึงกับสิ่งที่พวกเขาพบพวกเขานั้นไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าพ่อกับแม่ทำอะไรกัน

    "มิ.....นา...โตะ .......อ้า ......อ้า ....อ้า"


    "อีกนิดเดียวจะเสร็จแล้ว"

    "อ้าาาาาาาาาา สวรรค์"

    ในที่สุดคู่รักทั้งสองก็มาถึงสวรรค์เมื่อมินาโตะได้ปลดปล่อยสายธารแห่งชีวิตเข้าไปยังเรือนร่างของคุชินะ ทั้งสองต่างหอบเหนื่อยจากการรวมรักกัน คุชินะเอามือทั้งสองดันหน้าอกที่แข็งแรงของมินาโตะก่อนจะเอนกายลงมาเพื่อจะจุมพิตครั้งสุดท้าย

    "พ่อกับแม่ทำอะไรกันน่ะ" นารูโตะพูดขึ้นจะในทันที่

    "ว้ากกกกกกก"

    "กรี๊ด!!"








    *******



    วัวป่าออรอช (Auroch) วัวออรอชเป็นสัตว์ที่มีมาตั้งแต่ยุคน้ำแข็ง พวกมันเป็นต้นตระกูลของวัวบ้านพันธุ์ต่างๆ จากซากดึกดำบรรพ์ ออรอชเป็นวัวป่าขนาดใหญ่มาก และมีความสูงมากกว่าสองเมตร พบในยุโรป เอเซีย และอาฟริกาเหนือ แต่ซากที่เก่าแก่ที่สุดพบในอินเดีย มีอายุถึง 250,000 ปี ในเวลาต่อมาวัวออรอชป่า หลงเหลืออยู่แต่ในทวีปยุโรปเท่านั้น 
    .
    …..ในยุคกลาง ออรอช ถูกใช้เป็นสัญลักษณ์ของความแข็งแกร่ง การล่าออรอช กลายเป็นกิจกรรมยอดนิยมของบรรดาเชื้อพระวงศ์ในยุคนั้น จนจำนวนของออรอชลดลง ในที่สุดก็เหลือฝูงสุดท้ายที่ ป่าจ็าคทอโรว์ (Jaktorow forest) ในประเทศโปแลนด์เพียงแห่งเดียว อย่างไรก็ดีวัวป่าเหล่านี้ยังคงถูกล่าโดยเชื้อพระวงศ์ของโปแลนด์ จนกระทั่งในฤดูหนาวของปี ค.ศ. 1627 วัวป่าออรอชเพศเมียตัวสุดท้ายของโลกก็ถูกสังหาร 







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×