ลำดับตอนที่ #12
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : ตอนที่ 12 4 ปีต่อมา
4 ปีต่อมา
เช้าวันนี้เป็นเช้าที่อากาศสดใส่มากที่สุดในเมืองอุซึชิโอะ ผู้คนต่างเดินออกมจับจ่ายใช้สอยตามปกติ ชีวิตในเมืองยังคงเงียบสงบปกติภายในปราสาทนั้นมีเด็กน้อยสองคนกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน
"ฮา ฮา พี่นารูโตะจับหนูให้ได้สิ"
"อย่าหนีนะซากุระ"
เด็กน้อยสองคนวัยสี่ขวบกำลังวิ่งไล่จับกันอย่างสนุกสนาน ในสวนแห่งหนึ่ง คนหนึ่งเป็นเด็กชายผมสีบลอนด์ทอง ดวงตาสีฟ้าดุจมหาสมุทร ผิวสีน้ำผึ่ง ตรงแก้มสองข้างมีขีด 3 ขีดเหมือนลูกแมว กำลังไล่จับเด็กสาวที่มีผมสีชมพูยาวสลวย ใบหน้ารูปไข่น่ารักสมวัย ดวงตาสีเขียมมรกตดูงดงาม ผิวกายขาวอมชมพู กำลังวิ่งหนีเด็กชายด้วยความสนุกสนาน
"อ่าจับได้แล้ว" นารูโตะร้องนี้ใจที่สามารถเอามือไปจับไหล่น้องสาวได้ "พี่ชนะแล้ว ฮา ฮา"
"งั้นตาหนูเอาคืนบ้าง"
"จับพี่ให้ได้สิยัยหัวชมพู ฮา ฮา ฮา"
นารูโตะพูดเยาะเย้ยซากุระผู้เป็นน้องสาวก่อนที่จะรีบวิ่งหนีอย่างสุดชีวิตโดยมีเด็กสาวไล่ตามติดอย่างไม่ลดละ เด็กทั้งสองวิ่งเล่นกันอย่างสนุกสนานโดยมีท่านหญิงฮารุกะยืนดูอยูนปราสาท
(พวกเขาเติบโตและน่ารักดีน่ะ มินาโตะ คุชินะ) หญิงสาวพูดในใจ เด็กทั้งสองนั้นเติบโตและมีเค้าโครงเหมือนพ่อแม่ของพวกเขามาก โดยเฉพาะ นารูโตะที่มีหน้าตาคล้ายครึงเหมือนมินาโตะอย่างมาก ทั้งสีผมและหน้าตา รวมทั้งดวงตาด้วย ส่วนซากุระนั้นแทบจะถอดแบบมาจากแม่ของเธอจริง ๆ
"มิคุ"
"ค่ะท่านหญิง"
หญิงสาวเรียกสาวใช้ที่อยู่หลังประตู ให้เข้ามาพบ
"ช่วยเรียกนารูโตะและซากุระมาพบฉันที่ บอกไปว่าวันนี้ฉันจะสอนภาษาเอลฟ์ให้พวกเขา"
"เจ้าค่ะ"
สาวใช้รับคำสั่งก่อนที่จะปิดประตูและเดินออกไปเรียกเด็กทั้งสองที่กำลังสนุกสนานอยู่ให้เขามาพบท่านหญิง
********
การเรียนการสอนเป็นสิ่งที่นารูโตะไม่ชอบอย่างมาก เพราะนารูโตะอยากสนุกสนานตามภาษาเด็กทั่วไป รวมทั้งทำวีรกรรมแสบ ๆ ที่เหล่าสาวใช้ต่างพากันเคืองไม่ใช้น้อย เช่น เคยแอบใส่กิ่งกือลงไปในจานอาหารแล้วนำไปเสริฟให้ท่านฮารุกะผลสุดท้าย โดนเข้กกะบานไป 3 ที่ หรือเอาหนู ไปใส่ไว้ในหีบเสือผ้าของน้องสาวตนเอง ทำให้น้องสาวกรี๊ดดังลั่นไปทั่วปราสาท ยังไม่รวมถึงแกล้งเป็นผีไปหรอกแม่บ้าน หรือวีรกรรมต่างๆที่แสบๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน
ตอนนี้นารูโตะและซากุระกำลังเรียนหนังสืออยู่ในห้องเรียนกับท่านหญิงฮารุกะ ซึงบรรยากาศโดยรอบแล้วนารูโตะรู้สึกอึดอัดอย่างมากกับการเรียนเพราะ การเรียนภาษาต่าง ๆ นั้นเป็นอะไรที่ไม่ชอบมาก ๆ
"นี้เธอเขียนผิดนี้" หญิงสาวยื่นกระดาษเรียงความที่นารูโตะเขียน คืน เด้กน้อยรับกระดาษนั้นมาแล้วดูวงกลมที่ถูกวงไว้ในกระดาษ
"อ่า อะไรกันผมไม่ได้เขียนผิดซักหน่อยนี้" นารูโตะท้วง "ผมเขียนมาตั้ง 3 รอบแล้วน่ะยังไม่เห็นมีอะไรเลยมันจะผิดได้ยังไง"
"ไม่ต้องพูดมากไปเขียนใหม่ ถ้าเธอไม่ฝึกใช้ภาษาให้ครองต่อไปจะสื่อสารกับใครลำบากเข้าใจไหม" ท่านหญิงฮารุกะสั่งด้วยเสียงที่เด็ดขาด "ต่อไปซากรุะ"
เด็กสาวซากรุะส่งกระดาษให้หญิงสาวที่นั่งอยู่ตรงหน้า หญิงสาวดูอย่างพินิจพิจารณา อย่างละเอียด
"ยินดีด้วยซากุระ เธอสอบผ่าน" หญิงสาวทำเสียงเรียบบอก "เธอเขียนได้ดีมาก"
"เย้ หนูผ่านแล้ว" เด็กสาวร้องดีใจ ขณะที่ผู้เป็นพี่ทำได้เพียงเขียนเรียงความภาษาเอลฟ์ใหม่ด้วยความเจ็บใจ
ต่อมาก็เป็นการฝึกปาดาวกระจาย ซึ่งขอบอกได้เลยว่าเป็นวิชาที่ซากุระชอบมาก ๆ แต่นารูโตะเจอวิชานี้ที่ไรเป็นอันต้องแห้วทุกที่เพราะ เด็กน้อยนั้นปาได้แย่มากจนได้ที่โหล่ไปเต็ม
ปัก ปัก ปัก ปัก ปัก
ดาวกระจายของซากรุะปาเข้าเป้าพร้อมกันอย่างแม่ยำ
"เยียมมากเลยซากรุะ เธอนี้ฝีมือไม่เบาเลยน่ะ" หญิงสาวตบมืออย่างภูมิใจ
"ขอบคุณค่ะ ท่านฮารุกะ" เด็กสาวโค้งคำนับ
"ฮา ค่อยดูนะพี่จะต้องทำให้ได้อย่างเธอแน่นอน" นารูโตะพูดอย่างมั่นใจในฝีมือของตัวเอง
"แน่จริงหรือท่านพี่ ท่านทำไม่ได้หรอก ครั้งที่แล้วก็ปาได้แย่เอามากแล้วครั้งนี้จะทำไหวเหรอ แบ่" เด็กสาวแรบริ้นใส่ทำให้เด็กชายเคืองนิด ๆ
"ฮา ไม่เชื้อเดียวดูฝีมือพี่ให้ดี ย้าก"
เด็กชายไม่รอช้าปาดาวกระจาย ออกไปอย่างรวดเร็วแต่ทว่า
ปัก ปัก ปัก
กรี๊ด!!
ดาวกระจายปาไม่โดนเป้า ซ้ำมันยังกระจายไปทั่วทิศทางอันหนึ่งเฉียดหน้าฮารุกะและไปติดผนังกำแพง อีกอันหนึ่งเฉยีวโดนเสื้อของสาวใช้ ขนขาดหลุดหลุย ส่วนอีกอันลอยไปโดนนกพิราบผู้โชคร้ายจนตกลงมาตายกับพื้น
(ตายแน่กูนี้กูเกือบฆ่าท่านหญิงหรือเนี้ย) เด็กชายทำหน้าซีดทันที่ เพราะรู้ตัวแล้วว่าเกือบพาท่านหญิงไปสวรรค์แล้ว
"นี้เธอเกือบฆ่าฉันแล้ว นะไอ้เด็กเวร!!"
"อ่า!! ผมขอโทษที่ครับ!!"
เด็กหนุ่มรีบพนมมือไปขอโทษท่านหญิงพร้อมกับได้ลูกมะนาวอีก 10 ลูกบนหัวกลับมา ทำให้ซากุระผู้เป็นน้องสาวถึงกับหัวเราะอย่างสะใจ
******
หลังจากที่กินข้าวเย็นเสร็จแล้วเด็กน้อยทั้งสองคนได้เข้าไปนอนในห้องนอนที่แสนสบายของพวกเขา บนฟูกนั้นมีตุ๊กตาชายหญิงสองคนนอนอยู่ ด้วย เด็กน้อยทั้งสองได้นอนกอดตุ๊กตาเล่นอย่างสนุกสนานราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเล่น
"นี้ นี้ มาโดกะวันนี้ฉันสอบผ่านการปาดาวกระจายรวมทั้ง รวมทั้งภาษาเอลฟ์ด้วยนะ " เด็กสาวยิ้มและกอดตุ๊กตาหญิง
"เฮ่ย ฉันมันแย่" เด็กชายกล่าวด้วยความเสียใจและนั่งลงบนฟูกอย่างสินหวัง พร้อมทั้งหยิบตุ๊กตา ผู้ชายที่ชื่อ โทรุขึ้นมากอด
"พี่นารูโตะพี่เป็นอะไรหรือเปร่า" เด็กสาวเข้ามาจับไหล่พี่ชายด้วยความเป็นห่วง
"ไม่เป็นไรหรอกพี่แค่รู้สึกแย่ ที่พี่ทำอะไรไม่ได้สักอย่าง" นารูโตะพูดอย่างสิ้นหวัง
"ไม่เป็นไรหรอกเดียวพี่ก็ทำได้เองน่ะ" เด็กสาวพูดให้กำลังใจ "หนูจะช่วยสอนพี่ให้มากๆน่ะค่ะ"
"ขอบใจมากซากรุะเธอเป็นน้องสาวที่พี่รักสุดๆ ไปเลย" เด็กชายเข้ากอดเด็กสาวไว้ในอ้อมกอด
"อะ นั้นดาวตกรีบอธิษฐานเร็วเข้า ท่านพี่"
เด็กสาวชี้ไปที่หน้าต่างที่มีหมู่ดาวตกลงมาจากฟากฟ้า เด็กทั้งสองคุดเข่าและพนมมือ
"ข้าแต่พระแม่แห่งฝากฟ้า " เด็กทั้งสองประสานเสียงพร้อมกัน "ผู้เป็นมารดาของทุกสรรพสิ่ง พวกหนูขออธิษฐาน ขอให้พวกหนูได้พบท่านพ่อกับท่านแม่ด้วยอีกครั้งด้วยเถอะ ขอให้ครอบครัวของเรากลับพบกันอีกครั้ง "
ตั้งแต่เราสองพี่น้องเกิดมาเรานั้นถูกเลี้ยงดูมาโดยท่านหญิงฮารุกะ ในปราสาทแห่งนี้ พวกเรานั้นไม่เคยพบหรือเห็นพ่อแม่ของพวกเราตั้งแต่เกิดเลยด้วยซ่ำไม่รูเลยว่าพวกท่านหน้าตาเป็นอย่างไร เราสองคนพี่น้องพยายามถามชื่อของพ่อแม่เราจากคนในปราสาทและท่านหญิงทุกคนตอบแบบเดียวกันว่า ไม่รู้จัก พวกเรานั้นรู้สึกเจ็บปวดและถามภายในใจว่า ท่านพ่อและท่านแม่ไปไหน ทำไมถึงทิ้งพวกเรา พวกเราทำอะไรผิดหรือ
ตลอดคืนพวกเราสองพี่น้องจะร้องไห้ตลอดเวลา เฝ่าหาความอบอุ่นจากอ่อมกอดของพ่อแม่แต่ก็ไม่เคยมีอ้อมกอดใดๆเลย มีเพียงอ้อมกอดของสองพี่น้องเรานี้แหละที่ทำให้อบอุ่นใจได้บ้าง
"ฮือ ฮือ หนูคิดถึง พ่อ และแม่" เด็กสาวร้องไห้ออกมา "ทำไม ฮือ พวกท่านถึงทิ้งพวกเราไป...ฮือ...ฮือ"
"โอ ซากุระอย่าร้องไห้เลยน่ะ" นารูโตะกอดน้องสาว "คำอธิษฐานครั้งนี้ต้องเป็นจริงแน่นอนซักวันหนึ่งเราจะมีครอบครัวที่อยู่ครบหน้าครบตากันแน่นอน พวกท่านต้องกลับมาหาเราแน่นอน"
"แต่นี้ผ่านมาสี่ปีแล้ว คำอธิษฐานก็ยังไม่สำริดผล พวกเราทำไมถึงเกิดมาถึงถูกทิ้งอย่างพวกเราทำอะไรผิดหรือ พ่อกับแม่ถึงไม่รัก ฮือ ฮือ ฮือ"
"ซากรุะเธอไม่ได้ทำอะไรผิดหรอก ครั้งนี้อาจสำเร็จก็ได้พวกท่านต้องกลับมาอย่างแน่นอน"
คำพูดของเด็กหนุ่มดูเป็นไปไม่ได้อย่างมาก ที่คำอธิษฐานจะสำริดผล เราขอพรพวกนี้มาร้อยครั้งแล้วแต่มันก็ไม่เคยสำเร็จเสียที่ มีแต่ความสิ้นหวังและความว่าเหว่ภายในใจของสองพี่น้อง
"นอนเถอะซากุระ พี่จะอยู่ข้างเธอเอง"
เด็กชายจูบที่หน้าหน้าฝากของเด็กสาวก่อนที่จะค่อย ๆนอนลงบนฟูก โดยมีตุ๊กตาสองตัวค่อยอยู่ข้างตัว เด็กทั้งสอง ภายในใจของสองพี่น้องมีอยู่อย่างเดียวขอให้พ่อแม่กลับมาหาพวกเขา
*********
ณ ถนนแห่งหนึ่งยามเช้า
มีเด็กหนุ่มวัยรุ่นคนหนึ่ง อายุราว 16 ปีกำลังควบม้าไปตามถนนที่จะมุ่งหน้าไปสู่เมืองอุซึชิโอะ เขาเป็นเด็กหนุ่มที่มีหน้าตาหล่อเหลาปานเทพบุตร เขามีความสูงอยู่ที่ 186 ซม. น้ำหนัก 78.72 กิโลกรัม มีร่างกายสูงใหญ่ที่กำยำแข็งแรง มีไหล่กว้างที่ทรงพลัง แขนทั้งสองของเขานั้นใหญ่มีกล้ามเนื้อเป็นมัด ๆ ราวกับชายที่แข็งแรงและทรงพลังมาก ฝามือที่ใหญ่หยาบกรานและแข็งแกร่งของเขานั้นสามารถต่อย หรือบีบกะโหลกศัตรูให้ตายได้ภายในไม่ถึงวิ ยังไม่ต้องพูดถึงซิกแพคที่แข็งแรงและแน่นที่ถูกปกปิดไว้ใต้เสื้อผ้า ที่สาวใดเห็นใจต้องละลายและหลงใหล่ในรูปลักษณ์อันงดงามและแข็งแรงของเด็กหนุ่มชาตินักรบ เขาแต่งกายด้วยเสื้อสีขาวคอปก กางเกงสีน้ำตาล พร้อมผ้าคลุมมีฮูดสีฟ้า มีดาบและปืนคาบศิลาสะพายอยู่ข้างหลัง ตาสีฟ้ากวาดตามองไปทั่วทิศเพื่อมองทัศนียภาพที่สวยงามของหมู่แมกไม้ และนกกับสัตว์ต่าง ๆ นี้เป็นเวลาสี่ปีแล้วที่เขาได้ครบกำหนบจะเดินทางกลับมาที่เมืองหลังจากผจนภัยและรวบรวมความรู้อย่างยาวนาน
"ไม่ได้เจอกันานเลยน่ะนายน่ะ ดูเปลี่ยนไปเยอะเลยน่ะ มินาโตะคุง"
เด็กหนุ่มหยุดม้า แล้วหันไปมองตรงสี่แยก ทางขวาก็พบกับ
เด็กสาววัยรุ่นผู้แสนสวยและเซ็กซี่ อายุ 15 ปี ผมสีแดงยาวสรวยจนถึงก้น ดวงตาสีฟ้า ผิวกายขาวสะอาด เธอมีความสูงอยู่ที่ 166 ซ.ม น้ำหนัก 60.6 กิโลกรัม เธอแต่งกายอย่างเปิดเผยเรือนร่างของตัวเอง เผยให้เห็นร่างกายที่แข็งแรงดุจนักรบหญิง เธอมีกล้ามเนื้อแขนที่แข็งแรงมาก ๆ มีผ้าสีแดงรัดอก จนเห็นแผ่นท้องซิกแพคที่ดูแข็งแรง เซ็กซี่และมีสัญลักษณ์ผนึก 8 ทิศ เธอใส่กางเกงสีแดงข้าสั่นมาก เธอมีธนูสะพายอยู่ข้างหลังและมีกริชแนบอยู่กับเข็มขัด เธอควบม้าเข้ามาหาเด็กหนุ่ม สำหรับคุชินะแล้วมินาโตะตอนนี้เปลี่ยนไปมากจากเด็กหนุ่มที่หล่อเหลาและงดงามกับกลายเป็นชายหนุ่มที่มีร่างกายสูงใหญ่บึกบึนกำยำแข็งแรง รวมทั้งความหล่อก็ยังฉายแววออกมามากกว่าแต่ก่อนจนทำให้เด็กสาวถึงกับตะลึงและหลงไหลในตัวเด็กหนุ่มอย่างมาก
"ฉันนึกว่าเธอคงจะพัดหลงหรือไม่รอดมาแล้วน่ะ" เด็กหนุ่มยิ้ม "แต่เธอก็ยังอยู่ตรงนี้"
"ช่างเถอะมินาโตะ นายเป็นไงบ้างล่ะการเดินทางของนายสนุกไหม หรือแอบไปมีใครมาหรือเปร่า" คำพูดของเด็กสาวทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหน้าแดงขึ้นมาทันที่
"บ้าไม่มีหรอกพูดอะไรแบบนั้น แต่มันก็ดีเหมือนกันคุชินะฉันผจนภัยผ่านอะไรมาตั้งมากมายเหมือนกัน แต่เธอดูสวยมากขึ้นเลยนะ แม่สาวน้อย" มินาโตะรีบตัดบทอย่างรวดเร็ว ก่อนจะแอบกล้าวชมความงดงามของเด็กสาว
"ปากหวานน่ะนายนะ" คุชินะพูดเอ็ด "แต่ฉันอยากรู้จริง ๆ ว่านายไปทำอะไรมาทำไมถึง ดูมีรูปกายกำยำแข็งแรงขนาดนี้" เด็กสาวกวาดตามองรูปลักษณ์ของเด็กหนุ่มภายใน เธอเองก็หลงใหล่ในรูปลักษณ์ที่เปลี่ยนไปของมินาโตะเหมือนกัน เขาทั้งสูงใหญ่ หล่อเหลา กำยำแข็งแรงดุจชายชาติบุรุษ
"ไว้ฉันจะเล่าให้เธอฟังที่หลังน่ะ ไปเถอะเราเข้าเมืองกันเถอะ" มินาโตะควบม้าไปข้างหน้า "มาแข่งกันว่าใครจะไปถึงเมืองก่อนกัน"
ชายหนุ่มควบม้าออกไปอย่างรวดเร็วจนเห็นฝุ่น
"ไม่ยอมหรอก" เด็กสาวควบม้าตามติดม้าของชายหนุ่มไปติด ทั้งสองต่างพากันแข่งกันไปให้เร็วที่สุดเพื่อมุ่งหน้าไปยังเมืองอุซึชิโอะ จนกระทั้งทั้งสองมาถึงเมืองอุซึชิโอะ โดยคนที่มาถึงก่อนคือคุชินะเหมือนเดิม
ณ ปราสาท
ตอนนี้ทั้งสองได้ผ่านประตูปราสาท เข้ามาแล้วมาจอดที่คอกม้า ทั้งสองลงจากหลังม้าแล้วเมื่อมินษโลงมาจากหลังมาทำให้คุชินะถึงกับผงะในความสูงใหญ่ของมินษดตะเพราะเขานั้นสูงใหญ่กว่าเธอมาก มินาโตะเองก็มองลงมาที่คุชินะจนแทบจะเรียกได้ว่าเธอนั้นดูมีขนาดเตี้ยอย่างมาก แต่นี้ไม่ใช้เวลาจะมาถามทั้งคู่รีบเดินออกจากคอมม้า ก่อนที่จะเดินเข้าไปในปราสาท จนถึงห้องโถง สาวใช้เปิดประตูห้องโถง เด็กหนุ่มและเด็กสามเดินเข้าไปพบกับ ท่านหญิงผู้ปกครองเมือง
"อ้าวมาถึงพอดีเลยนะ มินาโตะ คุชินะ" ฮารุกะ วางหนังสือลง "เป็นไงบ้างพวกเธอสองคนสบายดีไหมดูเปลี่ยนไปเยอะเลยน่ะ"
"สบายดีมากครับท่านฮารุกะ" มินาโตะโค้งคำนับรวมทั้งคุชินะ
"พวกเธอเริ่มโตเป็นวัยรุ่นแล้วนะดูเธอสิมินาโตะ เธอดูหล่อมากขึ้นเลยน่ะ ส่วนเธอคุชินะเธอก็สาวสวยขึ้นเลยน่ะ" ฮารุกะกล่าวชมที่ได้เห็นเด็กทั้งสองเติบโตเป็นวัยรุ่น
"ค่ะท่านฮารุกะท่านไม่ต้องกล่าวชมพวกเรามากรอกค่ะ" คุชินะพูดด้วยความรู้สึกเขิน
"พวกเธอเดินทางเป็นอย่างไรบ้าง ได้พบโลกและความรู้มากมายเลยสิน่ะ" ฮารุกะถาม
"ใช้ครับพวกเราออกเดินทางไปทั่วทำให้เราได้พบกับเมือง อารยธรรมใหม่ๆ รวมทั้งประเพณี เผ่าพันธ์ต่าง ๆ ด้วย" มินาโตะพูดเล่าเรื่องราวการเดิน
"แล้วหนูก็ยังได้เรียนวิชาการต่อสู่รวมทั้ง" คุชินะเล่าด้วยความภูมิใจ "ยังได้ช่วยเหลือเผ่าพันธ์อมนุษย์ด้วยค่ะ"
"ดีมากพวกเธอสองคนนี้ส่งไปเล่าเรียนแล้วได้ประสบการณ์ต่างๆ มา" ฮารุกะกล่าวชมอย่างภูมิใจ "ไม่เสียดายเลยที่ไม่ทำให้ฉันผิดหวัง"
เด็กทั้งสองรู้สึกดีมากที่ท่านหญิงผู้เคยสังสอนศิลปะต่างมานั้นได้ภูมใจในความสำเร็จของพวกเขา
"จริงสิแล้วลูกของพวกเราล่ะ ค่ะ" คุชินะพูดขึ้นมาทันที่ เธอนั้นตั้งแต่จากมา 4 ปี เธอคิดถึงลูกอย่างมาก ไม่ว่าจะเดินทางนอน หรือแม้แต่กินข้าวเธอนั้นจะคิดถึงลูกเสมอ
"ลูกของพวกเธอหรือ ตามมาสิ"
หญิงสาวลุกขึ้นก่อนจะพาเด็กทั้งสองเดินมาที่หน้าต่างแล้วชี้ลงไปข้างล่าง ก็พบกับเด็กทั้งสองคนกำลังเล่นบอนกันอย่างสนุกสนาน เด็กหนุ่มและเด็กสาวถึงกับหลั่งตาออกมาไม่รู้ตัว ด้วยความปลื่มปิติ ที่ได้เห็นลูกอันเป็นที่รักของพวกเขาเติบโตขึ้นมามีหน้าตาหน้ารัก
"ลูกของพวกเธอเติบโตมากเลยน่ะ" ฮารุกะพูด "นารูโตะน่ะ เกิดมามีหน้าตาเหมือนเธอเลยนะมินาโตะ ส่วนซากุระนั้นเธอเกือบมีหน้าตาคล้ายเธอมากเลยน่ะคุชินะ เสียอย่างเดียวเธอมีตาสีเขียว"
"ขอใหพวกเราไปหาพวกเขาได้ไหม" มินาโตะพูดด้วยความปลื่มปิติ และปาดน้ำตา "ผมอยากจะกอดพวกเขา"
"หนูอยากจะกอดลูก" คุชินะ ปาดน้ำตา เธอนั้นพลัดพรากมามากมายแล้วครั้งนี้เธอจะไม่ยอมเสียมันไปอีก
"ไปสิ พวกเขากำลังรอพวกเธออยู่ ไปหาพวกเขาสิทั้งสองคน" หญิงสาวอนุญาติ
เด็กทั้งสองไม่รอช้ารีบวิ่งลงจากปราสาทอย่างรวดเร็วและเข้าไปในสวนที่เด็กทั้งสองเล่นกันอยู่ เมื่อมาถึงทั้งสองเดินไปหลบหลังต้นไม้ และดูเด็กทั้งสองกำลังโยนลูกบอลเล่นกันอย่างสนุกสนาน
"พี่นารูโตะส่งมาให้หนูเร็วเข้า"
"ได้เลยซากุระ"
เด็กน้อยโยนลูกบอลให้น้องสาวรับ เด็กสาวรับอย่างรวดเร็ว เป็นภาพที่ทำให้มินาโตะและคุชินะประทับใจอย่างมากที่ได้เห็นลูก ๆ เล่นกันอย่างสนุกสนาน
"ซากุระ นารูโตะ"
"ท่านฮารุกะ"
เด็กทั้งสองโค้งคำนับท่านหญิงอุซึชิโอะอย่างนอบน้อม
"ท่านมีอันใดหรือค่ะ" เด็กสาวถาม
"ฉันอยากจะบอกพวกเกี่ยวกับเรื่องที่พวกเธอควรรู้หน่อยนะ" หญิงสาวพูดเสียงเรียบ
"เรื่องอะไรหรือครับ" นารูโตะถามอย่างอดใจไม่ไหว "ผมอยากรู้แล้วครับ"
หญิงสาวรับตาเงียบไปชั่วขณะหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากว่า
"เรื่องพ่อแม่ของพวกเธออย่างไรล่ะ"
"พ่อแม่ของพวกหนูหรือ" เด็กทั้งสองประสานเสียงกันอย่างพร้อมเพลียงกัน ไม่อยากเชื้อท่านหญิงผู้ไม่เคยเอ่ยชื่อพ่อแม่ของพวกเขาจะมีวันนี้ที่ได้พูดออกมา
"ใช้แล้วพ่อแม่ของพวกเธออันที่จริงเธอสองคนไม่ได้เป็นเด็กกำพร้าหรอก พวกเธอมีพ่อแม่น่ะ"
คำพูดของหยิงสาวทำใหเด้กทั้งสองแทบไม่เชื้อสายตาตลอดเวลามานี้พวกเขานั้นคิดเสมอว่าเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกพ่อแม่ทิ้ง แต่นี้ท่านฮารุกะกำลังจะบอกว่าพวกเขาไม่ได้กำพร้า
"แล้วพ่อแม่ของหนูอยู่ไหนค่ะ" ซากุระรีบถามด้วยความตื่นเต้น "หนูอยากเจอพวกเขา"
"จริงด้วยพวกท่านอยู่ไหน" นารูโตะถามขึ้น
"หันไปข้างหลังพวกเธอสิ"
หญิงสาวบอกเมื่อเด็กทั้งสองหันไปข้างหลังก็พบกับ เด็กวัยรุ่นชายหญิงสองคนยื่นอยู่หลังพวกเขา พวกเขาแทบไม่เชื้อสายตาว่าคนทั้งสองนี้เป็นใครกันแน่ แต่ในใจของเด็กทั้งสองกำลังบอกพวกเขาถึงอะไรบ้างอย่าง ตอนนี้เด็กทั้งสองและเด็กวัยรุ่นต่างสบตากันราวกับเวลาทั้งหมดได้หยุดลงไปชั่วขณะ ความรู้สึกนี้คือความรู้สึกที่ไม่เคยสัมผัสมาก่อนตั้งแต่แรกเกิด
"หวัดดีนารูโตะ ซากุระลูกโตขึ้นเยอะเลยน่ะ" มินาโตะพูดพร้อมกับยิ้มมุมปาก และเอามือมาสัมผัสใบหน้าบุตรชายอย่างแผวเบา "ดูสิลูกแทบถอดแบบมาจากพ่อเลยนะ"
"ซากุระลูกของแม่ ลูกสาวแม่" หญิงสาวไม่อาจกลั้นน้ำตาได้อีกต่อไปเธอนำมือที่แข็งแกล่งแต่อ่อนหนุ่มมาสัมผัสใบหน้าของเด็กสาวผมสีชมพู "แม่อยู่นี้แล้วแม่คิดถึงลูกจริง ๆ เลย"
"พวกเขาคือพ่อแม่ของพวกเธออย่างไร ล่ะ" ฮารุกะพูดขึ้น ทำให้เด็กทั้งสองถึงกับแน่นิ้งไปชัวขณะหนึ่ง หัวใจของทั้งสองถึงกับสั่นคลอนและอยากจะร้องออกมาดั่งจากภายในใจ
"ท่าน....พ่อ.......ท่าน...แม่" เด็กทั้งสองค่อยพูดที่ระนิดด้วยความช็อก
คำพูดของท่านหญิงทำให้เด็กทั้งสองแน่นิ้งไปราวกับหินราวกับว่าสิ่งที่พวกเขานั้นไม่เคยมีมาก่อนบัดนี้ได้กลับมาหาพวกเขาแล้ว เด็กทั้งสองหลั่งน้ำตาออกมาด้วยใจที่เจ็บปวด และรู้สึกข่มขืน พร้อมกับคำถามภายในใจที่ต้องการคำตอบ
"ทำไม ทำไม ทำไมพวกถึงทิ้งพวกเราไป" นารูโตะร้องออกมาก่อนจะปัดมือของมินาโตะออกไปด้วยความเสียใจ " เราทำสิ่งใดไม่ดีท่านถึงได้ไม่รักพวกเรา ทำไมต้องทิ้งพวกเราไปด้วย"
"ทำไม ถึงทิ้งพวกหนูไป หนูทำอะไรผิดหรือ ทำไมถึงไม่รักพวกเราสองคน พวกเราเป็นลูกที่ไม่ดีใช้ไหมค่ะ"
คำพูดอันเจ็บปวดของเด็กสาวที่พูดออกมามันแทงจิตใจมินาโตะและคุชินะอย่างมากนึกไม่ถึงว่าตลอด 4 ปี มานี้พวกเขาสร้างความเจ็บปวดให้ลูกน้อยของพวกเขามากแค่ไหน พวกเขารู้สึกผิดและเสียใจอย่างมากต่อสิ่งที่เกิดขึ้นและมันไม่น่าให้อภัย น้ำตาของมินาโตะและคุชินะไหล่ลงอาบแก้มด้วยความสำนึกผิดจนจะบรรยายได้
"พ่อกับแม่ขอโทษจริงลูกแต่พวกเราจำเป็นต้องทำอย่างนี้จริง" มินาโตะพูดด้วยความรู้สึกผิด "พวกเราไม่ได้อยากจะทิ้งพวกลูกเลยด้วยซ่ำ"
"แม่ขอโทษแม่ขอโทษจริง แม่ไม่อยากทำอย่างนี้จริง ๆ " คุชินะร้อง "แม่ผิดไปแล้วแม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริง ๆ "
"พวกท่านเคยรู้สึกถึงความเจ็บปวดของเราสองพี่น้องไหม ท่านเคยเห็นพวกเราร้องไห้จนหลับไปเพราะคิดถึงอ่อมกอดอันแสนอบอุ่นรวมทั้งคำถามภายในใจว่าทำไมพวกท่านถึงทิ้งพวกเราไป " นารูโตะร้องด้วยความโกรธ
"ฮือ ฮือ ทำไม ท่านไม่รักหนู" ซากุระร้องไห้ " รู้ไหมว่าหนูอธิฐานอยู่เสมอว่า ขอให้พวกท่านกลับมา และอยากถามพวกท่านว่าทำไมถึงทิ้งพวกเราสองคนไป"
คำพูดอันแสบเจ็บปวดดังมีดแทงหัวใจของบุพกาลีของเด็กทั้งสองนั้นทำให้มินาโตะ คุชินะต่างรู้สึกผิดอย่างมากที่ทำให้ลูก ๆ ทั้งสองต้องเสียใจและเจ็บปวดจากการโดนทอดทิ้ง แต่ไม่ทันไรมินาโตะและคุชินะก็ได้เข้ามากอดเด็กทั้งสองพร้อมกัน ตอนนี้เด็กทั้งสองได้อยู่ในอ่อมกอดของพ่อแม่แล้ว
"นารูโตะ ซากุระ พ่อกับแม่ผิดไปแล้วที่พวกเราทิ้งลูกไป พ่อนั้นเป็นพ่อที่แย่มาก ไม่สมคสรเป็นเลยด้วยซ่ำ" มินาโตะพูดออกมาจากก้นบึ้งของจิตใจ
"ซากุระแม่เองก็ผิด แม่ไม่ได้อยากจะทิ้งลูกเลยด้วยซ่ำ" คุชินะกอดเด็กสาวยอย่างแน่ "แม่อยากจะอยู่ข้าง กายลูกทั้งสองจริง ๆ "
"ฮือ...ฮือ....ทำไมพวกท่านถึงทิ้งพวกเราไป" เด็กทั้งสองถามอย่างสะอึกสะอืน
"พวกเราไม่ได้ทิ้งลูก พวกเราจะเล่าเรื่องนี้ให้ลูกฟังเอง" มินาโตะพูด
หลังจากที่คลายกอดเสร็จ มินาโตะและคุชินะก็ได้เล่าเรื่องราวต่าง ๆ และสาเหตุที่ทิ้งพวกเขาไปทำให้เด็กทั้งสองเริ่มเข้าใจพ่อแม่ขึ้นมาบ้าง
"ตั้งแต่ลูกเกิดมานั้น พวกเราสองคนสัญญากันว่า เราจะเลี้ยงลูกกันไปตลอดจนเห็นลูก เติบโต " มินาโตะเล่า "แต่เหตุที่พวกเราจำต้องทิ้งพวกลูกไปเพราะ "
"เพราะอะไรหรือ" เด็กทั้งสองถาม
"เพราะท่านฮารุกะ" คุชินะพูด "ท่านต้องการให้พวกเรานั้นออกไปศึกษาหาความรู้ต่าง เพราะเห็นว่าพวกเรานั้นยังมีอนาคตอีกเยอะ ในตอนนั้นพวกเราคัดค้านอย่างมาก แม่เองพอรู้เรื่องนี้แม่ถึงกับหัวใจแหลกสลาย เพราะแม่ไม่อาจจะทิ้งพวกลูกไปได้ ท่านฮารุกะให้เวลาพวกเราออกไปศึกษาหาความรู้เป็นเวลา 4 ปี จนกระทั้งครบ 4 ปี พวกเราจะได้กลับมาหาลูกไง"
บัดนี้ดวงตาของ ทั้งสี่ได้สบตากันอีกครั้ง ราวกับครอบครัวได้กลับมาอยู่พร้อมหน้ากันอีกครั้ง
"นารูโตะ ซากรุะ" มินาโตะ คุชินะพูดขึ้นอย่างพร้อมเพลียงด้วยเสียงที่อ่อนโยน "พวกเราขอสัญญาไว้ว่าพวกเราจะไม่ทิ้งลูกไปอีกแล้ว พวกเราสัญญาว่าจะเป็นพ่อแม่ที่ดีและดูแลพวกลูกตลอดไป เราจะปกป้องลูกตลาบลมหายใจสุดท้าย"
คำพูดของทั้งสองทำให้ความเศร้าของเด็กน้อยทั้งสองหายเป็นปริดทิ้งน้ำตาใส่บริสุทธิ์ยังเริ่มไหล่ลงอาบแก้มของเด็กทั้งสองมันไม่ใช้น้ำตาแห่งความโสกเศร้าเสียใจแต่มันคือน้ำตาแห่งความปิติยินดีที่ความรักของบุพการีได้กลับมาหาพวกเข้าอีกครั้ง ทั้งสี่ได้โผเข้ากอดกันอย่างจะไม่แยกจากกันอีกต่อไป
"ฮือ....ฮือ.....ท่านพ่อ....ฮือ...ท่านแม่" ซากุระ นารูโตะหลั่งน้ำตาอย่างมีความสุขที่บัดนี้พวกเขาจะไม่ต้องอยู่อย่างโดดเดียวดายอีกต่อไปแล้ว บัดนี้ครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะ ได้กลับมาร่วมกัน ราวกับหัวใจที่ขาดหายไปได้กลับมาต่อกันอีกครั้ง
"ไม่เป็นแล้วลูกพ่อ ไม่ต้องร้องไห้อีกแล้วบัดนี้พวกเรากลับมาอยู่กับลูกแล้ว" มินาโตะและคุชินะกอดเด็กทั้งสองอย่างแน่นเหมือนกับการกอดครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายในชีวิตของพวกเขาทั้งสอง
ภาพสี่พ่อแม่ลูกกอดกันนี้ทำให้ท่านหญิงฮารุกะหลั่งน้ำตาออกมาอย่างไม่รู้ตัว ด้วยความปลื่มปิติที่ได้เห็น ครอบครัวนี้ได้กลับมาเจอหน้ากันอีกครั้งหลังพลัดพรากมาตั้ง 4 ปี บัดนี้ความสุขได้กลับมาเยือนครอบครัวนี้อีกครั้ง และการผจนภัยของ ครอบครัวอุซึมากิ-นามิคาเซะ กำลังจะเริ่มขึ้นแล้ว
********
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น