ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    (Fic Naruto ) Naruto The paradise of Atlantis ผจนภัยดินแดนแอตเลนติส

    ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 จำใจต้องจากลา

    • อัปเดตล่าสุด 18 มี.ค. 63


         



         นับตั้งแต่คุชินะให้กำเนิดนารูโตะและซากุระมาครอบครัวอุซึมากิแทบจะมีแต่ความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอใช้เวลาในการพักฟื้นเพียง 2 วันเนื่องจากจักระ 9 หางที่คุรามะได้ทิ้งไว้นั้นได้สมานเยี่ยวยาจนร่างกายกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ส่วนมินาโตะนั้นมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูแลลูกทั้งสองรวมกับคุชินะแต่การดูแลเด็กทั้งสองนั้นบอกได้คำเดียวเลยว่าเป็นงานที่ยากมากทั้งป้อนอาหารและเช็ดขี่เช็ดเยี่ยว  ตอนนี้เด็กทารกทั้งสองนอนอยู่ในเปลขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากไม้เนื้อแข็ง และเด็กทั้งสองยังใส่ชุดยูคาตะสีขาวที่ทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาน่ารัก โดยมีคุณพ่อมือใหม่คอยดูแลอยู่ข้างๆ

    "แหวะ!!" เด็กหนุ่มถึงกับอยากจะอ้วกเมื่อต้องมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวลูกทั้งสอง ที่ได้ถ่ายออกมา

    "แอ้ แอ้" เด็กน้อยทั้งสองที่นอนอยู่ในเปล ร้องแอ้อย่างมีความสุขที่ได้แกล้งพ่อ

    "อย่าคิดแกล้งพ่อเลยลูกส่งสารพ่อเหอะ" เด็กหนุ่มทำหน้าเจื่อนๆ "พ่อตามเช็ดระเบิดของลูกไม่ไหวนะ"

    "แอ้อออออ" เด็กน้อยทั้งสองร้องอย่างดีใจ

    "อ้าวเป็นไงบ้างพ่อลูกคู่นี้" เด็กสาวเดินเข้ามาภายในห้องและตรงมายังที่เปลเด็ก

    "ลูกเราช่างแสบมากเลยปล่อยอึ ออกมาให้ฉันดมเต็มที่เลย เอ่ย "  มินาโตะยิ้มก่อนที่จะจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วนำที่เลอะไปใส่ตระก้าข้างๆ แล้วกลับมาใส่ผ้าอ้อมให้เด็กทั้งสองใหม่

    "งั้นหรือมามะได้เวลาดืมนมแล้วจะ ส่งสัยลูกคงหิวแล้วล่ะ" เด็กสาวนั้งลงข้างเปล แล้วอุ่มลูกน้อยทั้งสองออกจากเปลแล้ว เธอแหวกชุดยูคาตะออกมาก่อนที่จะให้ลูกทั้งสองดืมนมจากเต้า

         เด็กหนุ่มนั้งดูลูกน้อยดูดนมอย่างอย่างเอร็ดอร่อยอย่างสบายใจ เด็กสาวเองก็รู้สึกเขินที่เด็กหนุ่มผู้เป็นสามีกำลังมองลูกน้อยทั้งสองดูดนมอยู่

    "นี้มินาโตะอย่าจ่องนานสิฉันอายนะ" เด็กสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที่ด้วยความอาย

    "อะไรกันฉันเห็นของเธอมาเยอะแล้วจะอายไปทำไมกันล่ะ"

    จริงอย่างที่เด็กหนุ่มพูดมินาโตะเองก็เห็นเรือนร่างของเธอมาเยอะแล้วจะอายทำไมกันล่ะ

    "หือ นายก่อ"

          เด็กหนุ่มยังคงหยอกล่อเล่นกับเด็กสาวต่อไปโดยที่อากาศข้างนอกนั้นยังคงเย็นสบายหิมะก็ไม่ตกหนักเหมือนแต่ก่อนแล้ว ข้างนอกนั้นนกน้อยได้บินออกจากรั้งเพื่อหาอาหารกลับไปให้ลูกนกที่กำลังหิวโหยอยู่

    "แอ้ แอ้แอ้ "

    นารูโตะและซากุระหลังจากที่ดื่มนมจากเต้า เด็กน้อยก็ยืนมือมาจับใบหน้าของผู้เป็นมารดา 

    "จ่าๆ ลูกแม่รู้ว่าลูกอยากออกไปข้างนอกนะ" เด็กสาวจับมือลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู

    "งั้นเราจะรออะไรอยู่ล่ะ ออกไปข้างนอกกันเถอะคุชินะซัง" มินาโตะพูดชวนโดยที่มือของเด็กหนุ่มจับบนไหล่ของเด็กสาว

    "แต่ลูกของเรายังเล็กอยู่นะอีกอย่างฉันไม่รู้ด้วยซ่ำว่าลูกเราจะทนกับอากาศหนาวได้ไหม" เด็กสาวกล่าวด้วยความเป็นหวงเพราะลูก ๆ เพิ่งเกินไม่นานนี้

    "ไม่ต้องห่วงเราก็ใส่ชุดกันหนาวและเสื้อผ้าหนาให้เรากับลูกสิ ลูกของเราต้องการเห็นโลกภายนอกน่ะ" มินาโตะชวน

    "แอ้ แอ้แอ้ " เด็กทั้งสองเหมือนฟังรู้เรื่องว่ากำลังจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกต่างร้องอ่อ ๆ แอ้อย่างดีใจ

    "ดูท่าลูกของเราอยากออกไปน่ะ" มินษโตะมองแววตาของเด็กทั้งสองอย่างรู้ใจ

    "ก็ได้งั้นเราออกไปกันเถอะ"

         พูดไท่ทันขาดคำมินษโตะและคุชินะต่างไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบ เสื้อกันหนาวที่ทำจากผ้าชั้นดีทำอย่างหนาๆ ลวดลายสวยงามออกมาสวมใส่ นอกจากนี้พวกเขายังสวมเสื้อกันหนาวและหมวกให้กับลูกทั้งสองด้วย สองพ่อแม่มือใหม่ตัดสินใจจะพาลูกไปเที่ยวชมภายในอุทยานปราสาทเท่านั้นเพราะท่านฮารุกะอนุญาติให้พาลูกเที่ยวได้ในเฉพาะอาณาบริเวณที่เธอสามารถจับตาดูได้เพื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยได้ทัน

         ตอนนี้ทั้งสี่พ่อแม่ลูกต่างพากันมาอยู่ที่อุทยานภายในปราสาทที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และเป็นเวลากลางวันที่แสงอาทิตย์สาดส่องและให้ความอบอุ่นมินาโตะและคุชินะใช่เป้อุ่มเด็กแบบสลิงแหวน(Ring slings baby)คือ เอาผ้าสวมผันรอบร่างกายจากไหล่ถึงสะโพกแล้วนำปรายผ้าไปผูกติดกับหัววงแวนที่อยู่บนไหล่ แล้วนำทารกมาใส่อยู่ข้างหน้า คุชินะอุ่มซากุระ ส่วนมินาโตะอุ่มนารูโตะ ตอนนี้นารูโตะกับซากุระถูกสวมด้วยเสื้อกันหนาวน่ารักราวกับตุ๊กตา

         ภายในอุทยานขนาดใหญ่แห่งนี้ประกอบไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น มีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่จับตัวเป็นน้ำแข็งเหมาะแก่การเล่นสเก็ตน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีสวนดอกไม้ที่ซึ่งดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวเบ่งบานรับแสงตะวันที่สาดส่องมาจากฟากฟ้า

    "แอ้ แอ้" เด็กน้อยทั้งสองเริ่มร้องด้วยความตื่นเต็นที่ได้เห็นสถานที่สวยงามแห่งนี้

    "จ่า ลูกที่นี้คืออุทยานในวังจะ อยากชมตรงไหนบอกแม่มาน่ะ" คุชินะพูดกับเด็กทั้งสอง เด็กน้อยกวาดตามองไปทั่วหมายจะหาสถานที่ที่จะไป

    "งั้นเราไปตรงนั้นดีกว่าตรงนั้นเป็นทุ่งดอกหยาดหิมะ(Snowdrop ) ไปชมกันเร็ว" มินาโตะกล่าวชวน

    "ได้งั้นไปกันเถอะ"

         ทั้งสองไม่รอช้าต่างเดินกันไปที่ทุ่งดอกหยาดหิมะที่เริ่มเบ่งบานออกดอกอย่างสวยงาม

    "แอ้ แอ้ แอ้ แอ้" นารูโตะพยายามเอื่อมมือน้อยไปเด็ดดอกไม้แต่มือน้อย ๆ กลับเอื่อมไม่ถึง 

    "มาเดียวพ่อหยิบให้" มินาโตะเด็ดดอกหยาดหิมะ มาไว้ในมือน้อยของลูกชาย

    "แอ้ แอ้ แอ้" 

    "ชอบใช้ไหมลูก ดอกไม้นี้มันเติบโตในที่หนาวเหน็บมาก ๆ และมันจะบานขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง เจ้าดอกไม้นี้มีความหมายน่ะลูกมันคือดอกไม้แห่งความหวัง ไม่ว่าเราจะเจออุปสรรคมากแค่ไหนเราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนดอกไม้นี้ไง" มินาโตะพลางลูปหัวลูกชาย

    "แอ้ออออ"

    "ซากุระดูนี้สิลูกดอกกุหลาบ" คุชินะพละจากมินาโตะแล้วมาหยุดอยู่ที่ทุ่งดอกกุหลาบที่อยู่ใกล้ ๆ กับทุ่งดอกหยาดหิมะ ดอกกุหลาบสีแดงเริ่มเบ่งบานอย่างสวยงามและยังส่งกลิ่มหอมคลุงไปทั่ว

    "หอมไหมจะลูก"

    "แอ้ออออ"

         เด็กสาวตัวน้อยร้องอย่างดีใจผู้เป็นมารดาค่อยนั้งย่องแล้วกะเถิบเข้าไปใกล้กุหลาบต้นหนุึ่ง 

    "ลองจับดูสิลูก มันหอมน่ะ" คุชินะกล่าว เด็กน้อยค่อย ๆ ยื่นมือเขาไปลูปกุหลาบเล่น 

    "แอ้ แอ้ แอ้"

    "สนุกมากไหมลูก 555 ดูท่าลูกจะชอบกุหลาบแล้วสิ"

         หลังจากที่ชมสวนดอกไม้เสร็จทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณสวนแห่งซึ่งถูกสร้างด้วยโคลงเหล็กทอดยาวจนเหมือนอุโมงค์และประดับไปด้วยดอกวิสทีเรียสีม่วงและสีเหลืองอ่อน ที่หอยยาวลงมาเหนือหัวของทั้งสอง

    "แอ้ แอ้ แอ้ แอ้"

    เด็กน้อยทั้งสองร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้พบกับดอกไม้อันมหัศจรรย์เหล่านี้และพยายามเอื่อมมือขึ้นไปแตะ

    "สวยมากเลยคุชินะ นึกไม่ถึงว่าดอกวิสทีเรียจะบานในช่วงเวลานี้" มินาโตะเอามือลูปไปตามดอกไม้

    "สวยจริงๆเลย ฉันนึกไม่ถึงว่ามันจะออกดอก ออกผลได้งดงามขนาดนี้" เด็กสาวกล่าวด้วยความดีใจ

    "แอ้ แอ้ แอ้ แอ้"

    "แม่รู้ว่าลูกอยากจับมันเดี่ยวแม่เด้ดให้น่ะซากุระ" คุชินะค่อยเอื่อมมืออันบอบบางไปเด็ดกอหวิสทีเรียมาดอกหนึ่งและวางลงบนมือของเด็ดหญิงตัวน้อย เด็กน้อยกำเล่น ๆ ก่อนจะหันคดตัวนอนอย่างสงบ

    "หลับเสียแหละลูกคนนี้ก็" คุชินะพูดแซว

         ทั้งคู่ใช้เวลาในอุทยาน จนถึงช่วงเวลาบ่ายก่อนจะกลับเข้าไปในปราสาท ภายในห้องคุชินะมินษโตะได้ว่างลูกทั้งสองลงบนฟูกและเล่นกับลูกน้อยผู้น่ารัก

    "แอ้ แอ้ แอ้" เด็กทั้งสองร้องพร้อมใบหน้ายิ้มแย่ม

    "ใครน่าคือเด็กสาวผู้น่ารักสวยงาม ลูกเอง" คุชินะเอามือปิดตาก่อนจะเปิดตาจะเอ่กับลุกทั้งสอง

    "ใครน่ะคือเด็กน้อยรูปหล่อ ลูกเอง" มินาโตะฟัดที่แก้มลูกชาย

    "แอ้ แอ้ แอ้"

         ทันใดนั้นลูกทั้งสองก็เริ่มมผลิกตัวและเริ่มคลานไปทั่ว ห้องทำให้สองพ่อแม่มือใหม่ต้องตามดูแทบไม่ทัน เด็กทั้งสองคลานเร็วมาก

    "มาให้พ่อจับลูกคลานเร็วจริง" เด็กหนุ่มรีบตามลูกทั้งสองแทบไม่ทัน

    "หยุดน่ะซากุระลูกอย่าคลานไปมา" เด็กสาวพยายามรีบตามลูกทั้งสอง เด็กทั้งสองต่างคลานอย่างรวดเร็วจนทำให้พ่อแม่ถึงกับคำไปด้วย เด็กน้อยทั้งสองหันมาทางพ่อแม่ของพวกเขาก่อนจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิด จนทำให้มินษโตะและคุชินะถึงกับอ้าปากค้าง 

    ลูกทั้งสองค่อยยื่นสองขา เด็กทั้งสองค่อนพยุ่งตัวและลุกขึ้นอย่างช้าจนสามารถยืนสองขาได้

    "คุณพระช่วยลูกของเรายืนได้แล้ว" คุชินะกล่าวอย่างไม่เชื้อสายตา

    "อายุแค่นี้ถึงกับยื่นได้แล้วหรือ" มินาโตะพูดอย่างไม่เชื้อสาย

    ไม่ทันใดเด็กทั้งสองค่อยก้าวท้าวเล็กเดินมาหาพ่อแม่ เด็กทั้งสองก้าวเดินอย่างช้า

    "มามา มาหาแม่มา"

    "มาเร็วลูกอีกก้าวเดียว อีกก้าวเดียว"

    สองพ่อแม่มือใหม่ต่างพากันเชียร์ให้ลูกทั้งสองเดินมาหาพวกตนนารูโตะเริ่มเดินนำหน้าซากุระไปก้าวเดียว แต่ทันใดนั้น

    ตุบ

    เด็กสาวตัวน้อยกับสดุดหกล้มยังจังทำเอาผู้เป็นแม่และพ่อถึงกับใจหาย

    "แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"

    เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ด้วยจ่าในทันที่ 

    "ซากุระลูกแม่เป็นไงบ้าง" คุชินะพูดด้วยเสียงที่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นลูกสาวล่ม แต่ทันใดนั้น นารูโตะค่อย ๆก้าวเดินมาหาน้องสาวและค่อยๆคุกเขาคลานเข้าไปใกล้และเอามือจับที่หัวของน้อง

    "แอ้ แอ้ แอ้"

    "แอ้ แอ้ แอ้"

         เด็กสาวตัวน้อยหยุดร้องไห้ก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะจับมือให้นางลุกขึ้นและจูงมือเดินไปหาพ่อแม่ ภาพประทับใจนี้ทำให้มินาโตะและคุชินะถึงกับหลั่งน้ำตาในความปลืมปิติ ในความรักของเด็กทั้งสอง

    "มาลูกก้าวอีกนิดเดี่ยวใกล้ถึงแล้ว ใกล่ถึงแล้ว"

    "อีกนิดเดียวซากุระ นารูโตะพยายามเข้า"

         ทันใดนั้นเด็กทั้งสองก็ก้าวไปหาพ่อแม่จนสำเร็จเด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างกอดบุตรชายและบุตรสาวด้วยความรัก สี่พ่อแม่ลูกต่างเล่นกันอย่างสนุกสนานก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตกเย็น


    กลางดึกคืนหนึ่ง

    อุแว้! อุแว้! อุแว้! " 

    เสียงเด็กน้อยทั้งสองดังขึ้นทำให้ปลุกพ่อแม่มือใหม่ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับอันแสนสบาย

    "อุอุอู อย่าร้องนะลูกรักของแม่" เด็กสาวค่อยกล่อมลูกน้อยทั้งสองให้นอนหลับ

    "มาให้ฉันช้วยเธอนะ" เด็กหนุ่มที่อยู่ในอาการอยากจะหลับ รีบเข้ามารับลูกชายของตนแล้วตบแผ่นหลังเด็กน้อยอย่างเบาๆ โดยที่เด็กสาวอุ่มบุตรสาวของตนแล้วขยับโยกไปมารวมทั้งอัมเพลงอย่างเบา ๆ เด็กน้อยทั้งสองค่อยหลับปุ๋ยหลงในที่สุดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "ฉันว่าเราเอาลูกมานอนรวมกันดีไหม" เด็กสาวเสนอความเห็นในใจเะอนั้นอยากให้ลูกน้อยทั้งสองมานอนอยู่ข้างๆ พวกเราสองคน

    "ฉันว่าก็ดีนะ " มินาโตะเห็นด้วย "ลูกเราอาจจะขากความอบอุ่นจากอ่อมกอดเรา เลยทำให้ร้องไห้"

    "มาเถอะลูกแม่มานอนด้วยกันน่ะ"

         เด็กทั้งสองจัดฝูกใหม่โดยมินาโตะนอนฝั่งขวา คุชินะนอนฝั่งซ้าย ส่วนเด็กทั้งสองนอนอยู่ตรงกลางฟูก ทั้งสี่พ่อแม่ลูกต่างหลับไหลในนินทราอย่างสบาย 

    ********

         เช้าวันต่อมา แสงแดดของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามายังภายในห้องนอน อากาศข้างนอกนั้นเย็นสบายถึงจะยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่ก็ตาม

    อุแว้! อุแว้! อุแว้! " 

    "จ่า ลูกรักแม่ตื่นแล้วจ่ะ สงสัยลูกจะ กรี๊ดดดด!!

         เด็กสาวที่พึ่งตื่นขึ้นมาเมื่อมองมาที่ลูกทั้งสอง ทำให้เด็กสาวถึงกับตกตะลึงและกรี๊ดร้องจนเด็กหนุ่มถึงกับสะดุงตื่นขึ้นมา

    "คุชินะมีอะไรเกิดอะไรขึ้น หะนี้มัน!!" 

    "มินาโตะลูกของเรา !!"

         เด็กหนุ่มถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าลูกทั้งสองคนนั้นมีคลืนจักระสีแดงไหล่วนอยู่รอบกายเต็มไปหมด และลูกยังคงร้องดังรั่น

    อุแว้! อุแว้! อุแว้! " 

    "จะทำอย่างไรดี ลูกเรา" เด็กสาวอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าพลังจักนะพวกนี้มาจากไหนและทำไมถึงมาไหล่เวียนตามร่างกายของลูก ๆ เธอ

    "รีบพาไปหาท่านฮารุกะเร็วเขา" 

         มินาโตะและคุชินะต่างอุ่มลูกทั้งสองขึ้นมาตัวของเด็กทั้งสองนั้นสัมผัสได้ถึงความร้อนที่มาจากพลังจักระทั้งสองรีบพาลูกไปพบท่านฮารุกะอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องโถง ท่านหญิงได้ทำการตรวจเช็คพลังจักรอย่างระเอียดโดยมีเด็กทั้งสองค่อยอยู่ข้างลูกทั้งสองด้วยความเป็นห่วง

    "คิดไว้แล้วเชียว"

    "หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าค่ะ"

         เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วงลูกทั้งสอง หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบราวกับรูปปั่น 

    "จักระพวกนี้เป็นจักระ 9 หาง สงสัยว่าจักรที่อยู่ในตัวเธอนั้นมันคงส่งมาถึงลูกของพวกเธอ ทำให้ลูก ๆ ของพวกเธอนั้นเกิดมามีจักระที่มีปริมาณมหาศาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังของ 9 หางนั้นถือได้ว่าเป็นพลังที่วิเศษมากมันสามารถถ่ายไปสู้รุ่นลูกรุ่นหลานได้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ภายในลูกๆของเธอมี 9 หางตัวที่สองและสามเกิดขึ้นมา"

    หญิงสาวอธิบายด้วยเสียงที่เรียบ

    "งั้นหมายความว่าลูกของผมมี 9 หางในตัวเกิดขึ้นมาใช้ไหมครับ" มินาโตะถามด้วยความเป็นห่วง เขาแทบไม่เชื้อมาก่อนเลยว่า 9 หางนั้นสามารถแบ่งพลังออกมาเป็นตัวที่สองหรือสามได้

    "แต่ทำไม 9 หางถึงไม่แบ่งตัวเองออกมาตอนที่มันเป็นอิสระล่ะ" เด็กสาวถาม "จริงสิแล้วทำไมพลังเก้าหางที่เคยอยู่ในตัวท่านมิโตะถึงไม่ส่งมาถึงลูกหลานอย่างท่านซึนาเดะละ"

    "เท่าที่ฉันคุยกับคุรามะมานั้น จักระของ 9 หางมันต้องการร่างต้นในการทำรงพลังเอาไว้ถ้ามันแบ่งพลังออกมาโดยไม่มีร่างมนุษย์รองลับมันจะกลายเป็นเพียงกระแสพลังที่ไม่มีกลุ่มก่อน เพราะฉะนั้นพลัง 9 หางที่เจ้าคุรามะนั้นทิ้งไว้ในตัวเธอนั้นมันจึงก่อรูปร่างขึ้นมา แล้วมันก่อแบ่งพลังบางส่วนมาสู่ลูก ๆ ของพวกเธอยังไงล่ะทำให้เกิด 9 หางสองถึงสามตัวขึ้นมาอย่างไรล่ะ และที่ตอนอยู่ในตัวมิโตะนั้น พลัง 9 หางถูกผนึกอย่างแน่หน้าทำให้ไม่สามารถถ่ายไปสู่ลูกหลานได้อย่างไรล่ะ " 

    หญิงสาวอธิบายออกมาทำให้ทั้งห้องอยู่ในความเงียบไปขัวคณะยกเว้นเด้กทารกทั้งสองที่ยังคงร้องไห้อยู่

    "แล้วเราจะทำอย่างไรกับลูกของเราล่ะ" เด็กทั้งสองถามขึ้นมาโดยเฉพาะลูกทั้งสองที่มีพลังจักระไหล่เวียนออกมา

    อุแว้! อุแว้! อุแว้! " 

    "ฉันจัดการเอง ฉันจะผนึกมันลงไปเองไม่ต้องห่วง" หญิงสาวนำฝ่ามือสองค้างนำมาลงประทับบนท้องของเด็กทารกทั้งสองที่ยังคงร้องไห้อยู่ แล้วก็เกิดประกายแสงสีแดงบางอย่างขึ้นมา มินาโตะคุชินะถึงกับกุมขมับด้วยความเป็นห่วงลูกทั้งสอง แล้วคลืนจักระที่เคยไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเด็กทั้งสองก็ค่อย ๆ หายไป เมื่อหญิงสาวนำฝามือออกมา ก็ปรากฏเป็นสัญลักษณ์ ผนึก 8 ทิศ และมีตราน้ำวนอยู่ตรงกลางบนท้องของเด็กทารกทั้งสอง



    "ผนึกที่ฉันใช้นั้นคือผนึกแปดทิศแค่นี้พลังจักรของเก้าหางจะไม่มีวันหลุดออกมาอีกแล้ว" 

    เด็กน้อยที่เคยร้องไห้บัดนี้ก็ได้สงบลงแล้ว และหลับลงในที่สุด

    "โถ่ลูกแม่ " หญิงสาวเอาฝามือมาสัมผัสลูกน้อยทั้งสองด้วยความเป็นห่วงแม้แต่มินาโตะเองก็ยังเป็นห่วงลูกไม่แพ้กัน

    "ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยลูกของผมเอาไว้" เด้กหนุ่มและเด้กสาวโค้งคำนับ

    "ไม่ต้องขอบคุณอะไรมากหรอก พวกเธอก็กลับไปดูแลลูกของพวกเธอซะและตอนบ่ายค่อยมาพบกันที่ห้องทำงานฉันนะฉันมีเรื่งอจะคุยกับพวกเธอสองคน" 

         หญิงสาวลุกขึ้นและเดินออกไป ปล่อยให้เด็กทั้งสองนำลูก ๆ กลับไปที่ห้องนอน เมื่อกลับมาถึงแล้วคุชินะได้ว่างลูกทั้งสองนอนลงบนเปล เด็กน้อยทั้งสองนอนหลับปุ๋ยอย่างหน้ารัก มินาโตะจัดแจ้งเดินไปอาบน้ำตอนเช้าก่อนเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว คุชินะก็เดินไปอาบน้ำต่อเพื่อพัดกันดูแลลูก ๆ และกินข้าวเช้า เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วทั้งสองก็ใช้เวลาเลี้ยงลูก ๆ อย่างทะนุทะนอม  จนกระทั้งถึงเวลาบ่าย 

         
         มินาโตะและคุชินะก็ได้เดินมายังห้องทำงานของท่านหญิงฮารุกะ โดยฝากลูกทั้งสองไว้ให้กับแม่นม เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานที่ดูเป็นรัเบียบเรียบร้อย 

    "เข้ามาได้ มานั้งตรงนี้ก่อนสิ" หญิงสาวเชิญเด็กทั้งสองมานั้งลงตรงข้ามกับโต๊ะ 

    "มีเหตุอันใดหรือภึงเรียกพวกเราเข้ามาครับ" เด็กหนุ่มถามขึ้นมา

    "ฉันไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกก็แค่เป็นเรื่องของพวกเธอสองคน" หญิงสาวจิบชาเขียวร้อนอย่างระมัดระวัง

    "แล้วมันคือเรื่องอะไรหรือ" เด็กสาวถามในใจยังคงเป็นห่วงลูกของเธอ

    "เรื่องที่ว่านี้ก็คือ" ฮารุกะวางถ่วยลงอย่างแผวเบา "พวกเธอฟังฉันให้ดีๆ นะ" 

    "ครับพวกเราฟังอยู่ พูดมาเถอะครับ"

         คำถามของหญิงสาวทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดอย่างมาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวกำลังจะบอกอะไรกับทั้งคู่ เรื่องที่จะบอกนี้มันจะคืออะไร หญิงสาวมองมาที่ดวงตาของเด็กทั้งสองก่อนจะค่อยๆ เอ้ยปากขึนมาว่า


    " ฉันจะให้พวกเธอออกเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนแสวงหาความรู้ต่าง ๆ เป็นเวลา 4 ปี และค่อยกลับมาที่เมืองอุซึชิโอะ"

         คำพูดจากปากหญิงสาวนั้น เด็กทั้งสองแน่นิ้งไปในทันที่ ทั้งสองพยายามคิดว่าท่านหญิงแห่งเมืองอุซึชิกำลังพูดเล่นกับพวกเขา

    " ตะกี้ท่านพูดอะไรนะครับ" มินาโตะย้อนถามราวกับพยายามคิดว่าที่พูดมานั้นเป็นเพียงเรื่องเล่น ๆ ของหญิงสาว

    "พูดอีกที่ก็คือ ฉันจะส่งพวกเธอออกไปเล่าเรียนวิชาต่าง ๆ ทั่วดินแดนเป็นเวลา 4 ปี"

         คำพูดของหญิงสาวฟังไม่ผิด เธอกำลังจะส่งพวกเราออกไปเรียนรู้ในโลกภายนอก ทำให้เด็กทั้งสองแน่นิ้งไปในทันที่ แต่เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกันเรามีลูกต้องดูแล นะ ทำไมท่านถึงจะส่งพวกเราออกไป


    "ทำ ทำ ทำไมล่ะครับ " มินาโตะพูดขึ้นมาทันที่ "ทำไมท่านถึงจะส่งพวกเราออกไปเล่าเรียนโลกภายนอกในเมื่อพวกเรามีลูกต้องดูแล ท่านจะพรากพ่อ แม่ลูกกันเลยหรือ"

    "แต่ ท่านฮารุกะ ลูกของเราจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีพวกเราดูแล พวกเราเป็นห่วงลูก ๆ ของเรานะ " เด็กสาวร้อง

         เราทั้งสองคัดค้านอย่างหนักแน่มาก เพราะลูก ๆ ทั้งสองจะอยู่อย่างไรหากปราศจากพ่อแม่ และพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อไม่มีพ่อแม่

    "ใจเย็นก่อน ใจเย็นก่อน ฟังฉันให้ดีน่ะ " หญิงสาวพยายามควบคุมสถาการณ์ ซึ่งก็สำเร็จเด็กทั้งสองยอมฟังที่เธอพูด

    "ทำไม ท่านถึงทำแบบนี้กับพวกเราท่านไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่เลยหรือ" เด็กหนุ่มพูดด้วยความเจ็บใจ

    "ที่ฉันจำต้องทำแบบนี้ก็เพราะ" หญิงสาวอธิบาย " ฉันเห็นว่าพวกหเธอยังมีโอกาศเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย เกี่ยวกับโลกภายนอก พวกเธอมีโอกาศมากมายที่จะได้สั่งสมความรู้และประสบการณ์อีกมากมาย ไม่ดีหรือไง"

    คำพูดของฮารุกะนั้นฟังพอขึ้นพวกเราต้องได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกใบนี้แต่ทว่า

    "แต่ พวกหนูมีลูกนะ หนูไม่สามารถทิ้งพวกเขาได้" คุชินะหลั่งน้ำตาออกมา " พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากปราศจากพวกเรา พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าไม่มีอ่อมกอดอันแสบอบอุ่นของพ่อกับแม่ ถ้าหนูจะต้องไปหนูขอตายไปพร้อมกับลูกเลยดีกว่าจะมีชีวิต แล้วเห็นลูก ของหนูไร้พ่อแม่"

    "ใจเย็นคุชินะ" หญิงสาวพูดแต่ก็พยายามไม่ให้กระทบจิตใจอันบอบบางของเด็กสาว "ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดีว่าเธอห่วงและรักลูกของเธอมาก แต่ฟั่งให้ดีนะทั้งสองคน การเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนนี้ นอกจากจะทำให้พวกเธอมีความรู้และประสบการณ์แล้ว พวกเธอยังสามารถนำมาถ่ายทอดให้ลูก ของพวกเธอได้อีกนะ ไม่ดีหรือไงที่ลูก ๆ ของพวกเธอจะได้รับความรู้จากพ่อแม่ "


         ที่ท่านฮารุกะพูดมาก็ถูก ที่ท่านส่งพวกเราออกไปท่องทั่วโลกก็เพื่อให้พวกเรานำความรู้มาสอนให้กับลูกของเรา ให้มีวิชาความรู้ในการดำรงชีวิต

    "แล้วลูกเราล่ะ ค่ะ" เด็กสาวพูดด้วยความเป็นห่วง

    "ลูก ๆ ของเธอไม่เป็นไรหรอกทางนี้ฉันจะดูแลเอง ฉันจะดูแลเด็กให้เหมือนกับเป็นลูกของฉัน ฉันจะสอนสั่งศิลปะต่าง  ๆ ให้ลูกของพวกเธอเอง "

    คำพูดของหญิงสาวนั้นทำให้เด็กทั้งสองพอใจเย็นลงได้บ่างแต่ก็ยังไม่อาจจะเย็นลงได้เสียที่เดียว

    "ฉันให้เวลาพวกเธอ 1 เดือน ในการอยู่กับลูก ๆ ของพวกเธอจากนั้นพวกเธอจะต้องออกเดินทาง" หญิงสาวลุกจากที่นั่งและเดินออกไปจากห้องทิ้งเด็กทั้งสองให้อยู่ในอาการที่โศกเศร้า และทำใจไม่ได้

    ********

    ณ ห้องนอน

         เด็กสาวกำลังโยกเปลที่ลูกทั้งสองนอนหลับปุ๋ยราวอย่างหน้ารัก ด้วยใจที่เหม่อลอยและเศร้าส่อย ขณะที่เด็กหนุ่มนั้นก็นั้งกุ่มเขาอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้วยความเสียใจ

    "ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเลย" เด็กหนุ่มสูดน้ำหมูก "ทำไม ทำไมพวกเราจะต้องจากลูกของเราไปด้วย"

    "โถ่ลูกแม่ เราทำกรรมอันใดไว้กันแน่ ทำให้เราพ่อแม่ลูกจะต้องจากกัน " คุชินะ พูกด้วยความสะเทือนใจฝ่ามือบอบบางค่อยสัมผัสที่แก้มของลูกทั้งสอง "พวกเราไม่ได้อยากจะจากหรือทิ้งลูกไปเลยด้วยซ่ำ "

         คำพูดของเด็กสาวที่พูดออกมานั้นก็ไม่สามารถทำให้เด็กทั้งสองที่นอนอยู่ในเปลนั้นรับรู้ได้เพราะพวกเขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจความเจ็บปวดของพ่อแม่ได้

    "จะพูดหรือเสียใจอะไรไปมันก็เปร่าประโยชน์" เด็กหนุ่มลุกจากที่แล้วเดินมาอยู่ข้าง ๆ เด็กสาวที่กำลังเสียใจอยู่

    "คุชินะ ฟังฉันให้ดีน่ะ" เด็กหนุ่มจับมือที่บอบบางของเด็กสาว "เราไม่มีทางเลือกอะไรมากแล้ว ท่านฮารุกะให้เวลาเราเพียง 1 เดือนในการออกเดินทาง "

    "แต่ฉันไม่อยากไป" เด็กสาวพูดด้วยสั่นคลอนและเจ็บปวด " ฉันไม่อยากทิ้งนารูโตะ และซากุระให้อยู่เพียงลำพัง มินาโตะคิดให้ดีก่อนเถอะเด็กที่เกิดมาแล้วโดนพ่อแม่ทิ้งมันรู้สึกเจ็บปวดอย่างไรบ้าง"

         น้ำตาของเด็กสาวไหล่ลงอาบแก้มเธอนั้นไม่อยากทิ้งลูกไปเลยเธออยากอยู่ข้างกายลูกทั้งสองอยากให้พวกเขามีความอบอุ่น  เด็กหนุ่มนำมือขึ้นมาปาดน้ำตาเด้กสาวที่กำลังเสียใจ เขาเข้าใจดีของความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่ต้องการอยู่เคียงข้างลูกๆ

    "ฉันรู้คุชินะ" มินาโตะพูดด้วยเสียงที่อ่อน " แต่เราไม่มีทางเลือกมากนัก แต่เราไม่ได้ทิ้งลูกนี้ เราแค่ไปศึกษาเล่าเรียน แค่ 4 ปี เดียวเราก็กลับมา ดีไม่ดีเราจะสามารถนำความรู้ที่เล่าเรียนมา มาสอนลูกได้อีก ลูกๆของเราจะได้มีความรู้ในการดำลงชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้ได้"

         หน้าผากของเด็กทั้งสองแนบชิดติดกัน พร้อมกับลมหายใจที่อ่อนถี่ ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวลใจเกี่ยวกับลูกอย่างมาก

    " อุแว้ อุแว้ อุแว้" เด็กน้อยทั้งสองร้องดังรั่น ทำให้เด็กสาวอุ่มลูกน้อยขึ้นมา 

    "ใจเย็นน่ะ ลูกแม่แม่รู้ดีว่าลูกกำลังหิวมามะ เดี่ยวแม่จะให้นมเจ้ากินนะ" เด็กสาวแหวกชุดยูคาตะออกแล้วให้นมลูกทั้งสองดื่มกิน ทำให้เด็กน้อยสงบลง

         มินาโตะและคุชินะจองมองลูกตัวน้อย ๆ ที่กำลังกินนมอย่างเอล็ดอร่อย ด้วยความเอ็นดู น้ำตาของเด็กสาวไหล่ลงมาอาบแก้ม ด้วยความเสียใจที่จะต้องจากลูก ๆ ไป 

    "ลูกแม่ แม่ขอโทษจริงนะ แม่ไม่อยากจะทำอย่างนี้กับเลย แต่แม่ไม่มีทางเลือกจริง ฮือ ฮือ" เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอืนด้วยความสะเทือนใจ

    "พ่อเองก็รักลูกนะ แต่ว่าพ่อไม่มีทางเลือกเหมือนแม่เจ้าพ่อเสียใจจริง ๆ ที่ไม่อาจเห็นพวกเจ้าเติบโตได้ แต่" 

    "เราสองคนให้สัญญานะนารูโตะ ซากุระ" ทั้งสองพูดประสานเสียงพร้อมเพียงกัน ด้วยเสีงที่อ่อนเบาแต่หนักแน่ " พ่อกับแม่จะกลับมาหาลูก เราสัญญาว่า เราจะไม่ทิ้งลูกทั้งสองไปอีกแล้ว  นารูโตะลูกรักหากพ่อกับแม่ต้องจากพวกหนูไป ลูกจงเป็นพี่ที่ดี  ปกป้องดูแลซากุระให้ดีนะ และลูกทั้งสองจงรักกันให้มาก ๆ นะถึงเจ้าทั้งสองจะไรซึ่งอ้อมกอดของพ่อแม่แต่จงละลึกไว้นะ ว่าพวกเรายังอยู่รอบ ๆ กายของลูกเสมอ "

         น้ำตาของเด็กหนุ่มและเด็กสาวไหล่ลงอาบแก้มและหยดลงมายัง ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสอง ที่เริ่มรับรู้บ้างอย่างจากพ่อแม่ได้ว่าพวกท่านกำลังจะจากพวกเขาไปแล้ว การจากลาครั้งนี้เป็นอะไรที่บาดใจเด็กทั้งสองอย่างมากที่กำลังจะจากลูก ๆ อันเป็นที่รักไปโดยไม่ได้แม้แต่จะเห็นพวกเขาเติบโต

    *******

         ตลอดระยะเวลา 1 เดือนมานี้ พวกเราสองคนได้ใช้เวลาอยู่ดูแลลูก ๆ ของเราพวกเราได้ทำตุ๋กตาที่มีลักษณะเหมือนพวกเราขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทนของเราที่จะอยู่ข้างกายลูกของเรา มินาโตะเองก็กำลังสนุกสนานกับลูกน้อยทั้งสองอย่างมาก ตอนนี้ลูกทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูพวกเราด้วยความอยากรู้อยากเห็นใบหน้าของพ่อแม่ ผู้มอบความอบอุ่นให้ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่สั่นแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเราทั้งสี่มีความสุขที่สุด

    1 เดือนต่อมา ยามเช้า อากาศสดใส ปลอดโปล่ง

         วันนี้เป็นวันที่พวกเราสองคนจะต้องออกเดินทางออกจากเมืองแล้ว โดยท่านฮารุกะได้จัดม้า มาให้เราสองคน ตอนนี้ที่หน้าประตูเมือง ท่านได้เดินมาส่งพวกเราสองคนพร้อมกับสาวใช้ที่ได้อุ่มลูกน้อยของเราสองคนมาด้วย

    "ขอให้พวกเธอเดินทางปลอดภัยกลับมาให้ดีนะ" ท่านหญิงฮารุกะกล่าวอ้วยพร "ทางนี้เราจะดูแลลูก ๆ ของพวกเธอเอง"

    "ครับหลังจากที่พวกเรา เล่าเรียนเสร็จผมสัญญาว่าผมจะรีบกลับมาครับ" มินาโตะตอบกลับ

    "งั้นพวกเราสองคนขอลากัยตรงนี้นะค่ะ" 

    เด็กทั้งสองได้โค้งคำนับต่อท่านหญิงแห่งเมืองอุซึชิโอะ คุชินะได้เดินเข้ามาหาลูกทั้งสองที่สาวใช้อุ่มอยู่

    "ลาก่อนนะลูก อีก 4 ปีพวกเราจะได้เจอกันอีกนะอยู่ดูแลน้องให้ดีน่ะนารูโตะ" 

    คุชินะก้มจูบหน้าผากของเด็กทั้งสองที่นอนหลับอยู่ให้อ้อมแขนของสาวใช้ และก้าวเดินออกมาก่อนที่จะขึ้นบนหลังม้า

    "อุแว้ อุแว้ อุแว้"

         เด็กน้อยทั้งสองร้องดั่งรัน ราวกับกำลังจะรู้ว่าบุพการีผู้เป็นที่รักนั้นกำลังจะจากไป เด็กสาวกุมสายบังเหี่ยนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความเป็นแม่ไหล่ลงมาอาบแก้ม แม้แต่เด็กหนุ่มเองก็มีอาการแบบเดียวกับเด็กสาวเหมือนกัน

         ไม่รอช้าเด็กสาวรีบก้าวกระโดลงจากหลังม้าแล้วรีบมาที่สาวใช้ที่กำลังกล่อมเด็กทั้งสองให้หยุดร้อง เด็กสาวรับลูกทั้งสองอย่าระมัดระวังโดยมีสาวใช้ค่อยช้วย

    "อุแว้ อุแว้ อุแว้"

    "ฮือ ฮือ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริงแม่เองก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไปแต่มันจำเป็นจริง ฮือ ฮือ" เด็กสาวร้องห่มร้องไห้โดยกอดเด็กทั้งสองไว้แน่นราวกับจะไม่แยกจากกัน ภาพนี้เป็นภาพที่ทำให้ฮารุกะและคนใช้ต่างพากันหลังน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว

    เมื่อได้สติเด็กสาวก็ได้ร้องเพลงเพลงหนึ่งออกมา

    อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
    อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง
    รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
    ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
    ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
    ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน

    อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
    อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
    น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
    แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง
    ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
    ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป

    ใช่เพียงอิ่มท้อง
    ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
    อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
    ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน

         บทเพลงอันแสนไพเราะนี้ทำให้เด็กทั้งสองที่เคยร้องไห้นั้นได้สงบลงในที่สุดแล้วหลับ ไป เด็กสาวส่งเด็กทั้งสองคนคืนให้กับสาวใช้ก่อนที่จะเดินไปขึ้นม้า พร้อมทั้งปาดน้ำตา และควบออกไปกับเด็กหนุ่ม ภายในใจของทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดคิดถึงลูกน้อยทั้งสอง ราวกับจะจากพวกเขาไป ไม่มีรอยยิ้มหรืออาการตื่นเต้นใดบนใบหน้าของเด็กทั้งสองเลย

    ตอนนีพวกเข้ามาภึงทางสามแพร่งแล้ว ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแยกกันออกไปเรียนรู้ตามที่ต่าง ๆ 

    "ล่าก่อนนะคุชินะ"

    "ล่าก่อนมินาโตะ ขอให้นายปลอดภัยนะ" 

         เด็กหนุ่มและเด็กสาวกล่าวลากันครั้งสุดท้ายก่อนจะควบม้าไปกันคนระทิศคนระทาง โดยมีเพียงสัญญาที่ให้ไว้กันไว้ว่าจะกลับมาหาลูกของพวกเขาอีกครั้ง เมื่อครบ 4 ปี

    ******

      ตอนนี้ฮารุกะได้กลับมาที่ปราสาทแล้วสั่งให้สาวใช้นำเด็กทั้งสอง ไปนอนลงบนเปล เด็กน้อยนอนอยู่ในเปลอย่างมีความสุข โดยที่เด็กชายผู้เป็นพี่คนโต ได้นอนกุมมือน้องสาวของเขาไว้แน่นราวกับจะไม่แยกจากกันและจะปกป้องกันไปตลอดชีวิต

    "พ่อ แม่ ของพวกเธอจะกลับมาน่ะ ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลพวกเธอให้เหมือนลูกของฉัน ฝันดีนะ นารูโตะ ซากุระ" ท่านหญิงฮารุกะ ก้มมาจุมพิษที่หน้าฝากของเด็กทั้งสองก่อนจะออกไปจากห้องเพื่อไปจัดการกับเอกสารในห้องทำงาน


    *******
































    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×