ลำดับตอนที่ #11
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 11 จำใจต้องจากลา
นับตั้งแต่คุชินะให้กำเนิดนารูโตะและซากุระมาครอบครัวอุซึมากิแทบจะมีแต่ความสุขอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน เธอใช้เวลาในการพักฟื้นเพียง 2 วันเนื่องจากจักระ 9 หางที่คุรามะได้ทิ้งไว้นั้นได้สมานเยี่ยวยาจนร่างกายกลับมาแข็งแรงได้อีกครั้ง ส่วนมินาโตะนั้นมักจะใช้เวลาส่วนใหญ่ในการดูแลลูกทั้งสองรวมกับคุชินะแต่การดูแลเด็กทั้งสองนั้นบอกได้คำเดียวเลยว่าเป็นงานที่ยากมากทั้งป้อนอาหารและเช็ดขี่เช็ดเยี่ยว ตอนนี้เด็กทารกทั้งสองนอนอยู่ในเปลขนาดใหญ่ที่แกะสลักจากไม้เนื้อแข็ง และเด็กทั้งสองยังใส่ชุดยูคาตะสีขาวที่ทำให้ดูเหมือนตุ๊กตาน่ารัก โดยมีคุณพ่อมือใหม่คอยดูแลอยู่ข้างๆ
"แหวะ!!" เด็กหนุ่มถึงกับอยากจะอ้วกเมื่อต้องมาเช็ดขี้เช็ดเยี่ยวลูกทั้งสอง ที่ได้ถ่ายออกมา
"แอ้ แอ้" เด็กน้อยทั้งสองที่นอนอยู่ในเปล ร้องแอ้อย่างมีความสุขที่ได้แกล้งพ่อ
"อย่าคิดแกล้งพ่อเลยลูกส่งสารพ่อเหอะ" เด็กหนุ่มทำหน้าเจื่อนๆ "พ่อตามเช็ดระเบิดของลูกไม่ไหวนะ"
"แอ้อออออ" เด็กน้อยทั้งสองร้องอย่างดีใจ
"อ้าวเป็นไงบ้างพ่อลูกคู่นี้" เด็กสาวเดินเข้ามาภายในห้องและตรงมายังที่เปลเด็ก
"ลูกเราช่างแสบมากเลยปล่อยอึ ออกมาให้ฉันดมเต็มที่เลย เอ่ย " มินาโตะยิ้มก่อนที่จะจัดการเปลี่ยนผ้าอ้อมแล้วนำที่เลอะไปใส่ตระก้าข้างๆ แล้วกลับมาใส่ผ้าอ้อมให้เด็กทั้งสองใหม่
"งั้นหรือมามะได้เวลาดืมนมแล้วจะ ส่งสัยลูกคงหิวแล้วล่ะ" เด็กสาวนั้งลงข้างเปล แล้วอุ่มลูกน้อยทั้งสองออกจากเปลแล้ว เธอแหวกชุดยูคาตะออกมาก่อนที่จะให้ลูกทั้งสองดืมนมจากเต้า
เด็กหนุ่มนั้งดูลูกน้อยดูดนมอย่างอย่างเอร็ดอร่อยอย่างสบายใจ เด็กสาวเองก็รู้สึกเขินที่เด็กหนุ่มผู้เป็นสามีกำลังมองลูกน้อยทั้งสองดูดนมอยู่
"นี้มินาโตะอย่าจ่องนานสิฉันอายนะ" เด็กสาวหน้าแดงขึ้นมาทันที่ด้วยความอาย
"อะไรกันฉันเห็นของเธอมาเยอะแล้วจะอายไปทำไมกันล่ะ"
จริงอย่างที่เด็กหนุ่มพูดมินาโตะเองก็เห็นเรือนร่างของเธอมาเยอะแล้วจะอายทำไมกันล่ะ
"หือ นายก่อ"
เด็กหนุ่มยังคงหยอกล่อเล่นกับเด็กสาวต่อไปโดยที่อากาศข้างนอกนั้นยังคงเย็นสบายหิมะก็ไม่ตกหนักเหมือนแต่ก่อนแล้ว ข้างนอกนั้นนกน้อยได้บินออกจากรั้งเพื่อหาอาหารกลับไปให้ลูกนกที่กำลังหิวโหยอยู่
"แอ้ แอ้แอ้ "
นารูโตะและซากุระหลังจากที่ดื่มนมจากเต้า เด็กน้อยก็ยืนมือมาจับใบหน้าของผู้เป็นมารดา
"จ่าๆ ลูกแม่รู้ว่าลูกอยากออกไปข้างนอกนะ" เด็กสาวจับมือลูกทั้งสองด้วยความเอ็นดู
"งั้นเราจะรออะไรอยู่ล่ะ ออกไปข้างนอกกันเถอะคุชินะซัง" มินาโตะพูดชวนโดยที่มือของเด็กหนุ่มจับบนไหล่ของเด็กสาว
"แต่ลูกของเรายังเล็กอยู่นะอีกอย่างฉันไม่รู้ด้วยซ่ำว่าลูกเราจะทนกับอากาศหนาวได้ไหม" เด็กสาวกล่าวด้วยความเป็นหวงเพราะลูก ๆ เพิ่งเกินไม่นานนี้
"ไม่ต้องห่วงเราก็ใส่ชุดกันหนาวและเสื้อผ้าหนาให้เรากับลูกสิ ลูกของเราต้องการเห็นโลกภายนอกน่ะ" มินาโตะชวน
"แอ้ แอ้แอ้ " เด็กทั้งสองเหมือนฟังรู้เรื่องว่ากำลังจะได้ออกไปเที่ยวข้างนอกต่างร้องอ่อ ๆ แอ้อย่างดีใจ
"ดูท่าลูกของเราอยากออกไปน่ะ" มินษโตะมองแววตาของเด็กทั้งสองอย่างรู้ใจ
"ก็ได้งั้นเราออกไปกันเถอะ"
พูดไท่ทันขาดคำมินษโตะและคุชินะต่างไปที่ตู้เสื้อผ้าแล้วหยิบ เสื้อกันหนาวที่ทำจากผ้าชั้นดีทำอย่างหนาๆ ลวดลายสวยงามออกมาสวมใส่ นอกจากนี้พวกเขายังสวมเสื้อกันหนาวและหมวกให้กับลูกทั้งสองด้วย สองพ่อแม่มือใหม่ตัดสินใจจะพาลูกไปเที่ยวชมภายในอุทยานปราสาทเท่านั้นเพราะท่านฮารุกะอนุญาติให้พาลูกเที่ยวได้ในเฉพาะอาณาบริเวณที่เธอสามารถจับตาดูได้เพื่อเกิดอะไรขึ้นจะได้ช่วยได้ทัน
ตอนนี้ทั้งสี่พ่อแม่ลูกต่างพากันมาอยู่ที่อุทยานภายในปราสาทที่ปกคลุมไปด้วยหิมะ และเป็นเวลากลางวันที่แสงอาทิตย์สาดส่องและให้ความอบอุ่นมินาโตะและคุชินะใช่เป้อุ่มเด็กแบบสลิงแหวน(Ring slings baby)คือ เอาผ้าสวมผันรอบร่างกายจากไหล่ถึงสะโพกแล้วนำปรายผ้าไปผูกติดกับหัววงแวนที่อยู่บนไหล่ แล้วนำทารกมาใส่อยู่ข้างหน้า คุชินะอุ่มซากุระ ส่วนมินาโตะอุ่มนารูโตะ ตอนนี้นารูโตะกับซากุระถูกสวมด้วยเสื้อกันหนาวน่ารักราวกับตุ๊กตา
ภายในอุทยานขนาดใหญ่แห่งนี้ประกอบไปด้วยสวนสไตล์ญี่ปุ่น มีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่จับตัวเป็นน้ำแข็งเหมาะแก่การเล่นสเก็ตน้ำแข็ง นอกจากนี้ยังมีสวนดอกไม้ที่ซึ่งดอกกุหลาบสีแดงและสีขาวเบ่งบานรับแสงตะวันที่สาดส่องมาจากฟากฟ้า
"แอ้ แอ้" เด็กน้อยทั้งสองเริ่มร้องด้วยความตื่นเต็นที่ได้เห็นสถานที่สวยงามแห่งนี้
"จ่า ลูกที่นี้คืออุทยานในวังจะ อยากชมตรงไหนบอกแม่มาน่ะ" คุชินะพูดกับเด็กทั้งสอง เด็กน้อยกวาดตามองไปทั่วหมายจะหาสถานที่ที่จะไป
"งั้นเราไปตรงนั้นดีกว่าตรงนั้นเป็นทุ่งดอกหยาดหิมะ(Snowdrop ) ไปชมกันเร็ว" มินาโตะกล่าวชวน
"ได้งั้นไปกันเถอะ"
ทั้งสองไม่รอช้าต่างเดินกันไปที่ทุ่งดอกหยาดหิมะที่เริ่มเบ่งบานออกดอกอย่างสวยงาม
"แอ้ แอ้ แอ้ แอ้" นารูโตะพยายามเอื่อมมือน้อยไปเด็ดดอกไม้แต่มือน้อย ๆ กลับเอื่อมไม่ถึง
"มาเดียวพ่อหยิบให้" มินาโตะเด็ดดอกหยาดหิมะ มาไว้ในมือน้อยของลูกชาย
"แอ้ แอ้ แอ้"
"ชอบใช้ไหมลูก ดอกไม้นี้มันเติบโตในที่หนาวเหน็บมาก ๆ และมันจะบานขึ้นเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง เจ้าดอกไม้นี้มีความหมายน่ะลูกมันคือดอกไม้แห่งความหวัง ไม่ว่าเราจะเจออุปสรรคมากแค่ไหนเราก็จะผ่านมันไปได้เหมือนดอกไม้นี้ไง" มินาโตะพลางลูปหัวลูกชาย
"แอ้ออออ"
"ซากุระดูนี้สิลูกดอกกุหลาบ" คุชินะพละจากมินาโตะแล้วมาหยุดอยู่ที่ทุ่งดอกกุหลาบที่อยู่ใกล้ ๆ กับทุ่งดอกหยาดหิมะ ดอกกุหลาบสีแดงเริ่มเบ่งบานอย่างสวยงามและยังส่งกลิ่มหอมคลุงไปทั่ว
"หอมไหมจะลูก"
"แอ้ออออ"
เด็กสาวตัวน้อยร้องอย่างดีใจผู้เป็นมารดาค่อยนั้งย่องแล้วกะเถิบเข้าไปใกล้กุหลาบต้นหนุึ่ง
"ลองจับดูสิลูก มันหอมน่ะ" คุชินะกล่าว เด็กน้อยค่อย ๆ ยื่นมือเขาไปลูปกุหลาบเล่น
"แอ้ แอ้ แอ้"
"สนุกมากไหมลูก 555 ดูท่าลูกจะชอบกุหลาบแล้วสิ"
หลังจากที่ชมสวนดอกไม้เสร็จทั้งคู่เดินมาถึงบริเวณสวนแห่งซึ่งถูกสร้างด้วยโคลงเหล็กทอดยาวจนเหมือนอุโมงค์และประดับไปด้วยดอกวิสทีเรียสีม่วงและสีเหลืองอ่อน ที่หอยยาวลงมาเหนือหัวของทั้งสอง
"แอ้ แอ้ แอ้ แอ้"
เด็กน้อยทั้งสองร้องด้วยความตื่นเต้นที่ได้พบกับดอกไม้อันมหัศจรรย์เหล่านี้และพยายามเอื่อมมือขึ้นไปแตะ
"สวยมากเลยคุชินะ นึกไม่ถึงว่าดอกวิสทีเรียจะบานในช่วงเวลานี้" มินาโตะเอามือลูปไปตามดอกไม้
"สวยจริงๆเลย ฉันนึกไม่ถึงว่ามันจะออกดอก ออกผลได้งดงามขนาดนี้" เด็กสาวกล่าวด้วยความดีใจ
"แอ้ แอ้ แอ้ แอ้"
"แม่รู้ว่าลูกอยากจับมันเดี่ยวแม่เด้ดให้น่ะซากุระ" คุชินะค่อยเอื่อมมืออันบอบบางไปเด็ดกอหวิสทีเรียมาดอกหนึ่งและวางลงบนมือของเด็ดหญิงตัวน้อย เด็กน้อยกำเล่น ๆ ก่อนจะหันคดตัวนอนอย่างสงบ
"หลับเสียแหละลูกคนนี้ก็" คุชินะพูดแซว
ทั้งคู่ใช้เวลาในอุทยาน จนถึงช่วงเวลาบ่ายก่อนจะกลับเข้าไปในปราสาท ภายในห้องคุชินะมินษโตะได้ว่างลูกทั้งสองลงบนฟูกและเล่นกับลูกน้อยผู้น่ารัก
"แอ้ แอ้ แอ้" เด็กทั้งสองร้องพร้อมใบหน้ายิ้มแย่ม
"ใครน่าคือเด็กสาวผู้น่ารักสวยงาม ลูกเอง" คุชินะเอามือปิดตาก่อนจะเปิดตาจะเอ่กับลุกทั้งสอง
"ใครน่ะคือเด็กน้อยรูปหล่อ ลูกเอง" มินาโตะฟัดที่แก้มลูกชาย
"แอ้ แอ้ แอ้"
ทันใดนั้นลูกทั้งสองก็เริ่มมผลิกตัวและเริ่มคลานไปทั่ว ห้องทำให้สองพ่อแม่มือใหม่ต้องตามดูแทบไม่ทัน เด็กทั้งสองคลานเร็วมาก
"มาให้พ่อจับลูกคลานเร็วจริง" เด็กหนุ่มรีบตามลูกทั้งสองแทบไม่ทัน
"หยุดน่ะซากุระลูกอย่าคลานไปมา" เด็กสาวพยายามรีบตามลูกทั้งสอง เด็กทั้งสองต่างคลานอย่างรวดเร็วจนทำให้พ่อแม่ถึงกับคำไปด้วย เด็กน้อยทั้งสองหันมาทางพ่อแม่ของพวกเขาก่อนจะทำเรื่องที่ไม่คาดคิด จนทำให้มินษโตะและคุชินะถึงกับอ้าปากค้าง
ลูกทั้งสองค่อยยื่นสองขา เด็กทั้งสองค่อนพยุ่งตัวและลุกขึ้นอย่างช้าจนสามารถยืนสองขาได้
"คุณพระช่วยลูกของเรายืนได้แล้ว" คุชินะกล่าวอย่างไม่เชื้อสายตา
"อายุแค่นี้ถึงกับยื่นได้แล้วหรือ" มินาโตะพูดอย่างไม่เชื้อสาย
ไม่ทันใดเด็กทั้งสองค่อยก้าวท้าวเล็กเดินมาหาพ่อแม่ เด็กทั้งสองก้าวเดินอย่างช้า
"มามา มาหาแม่มา"
"มาเร็วลูกอีกก้าวเดียว อีกก้าวเดียว"
สองพ่อแม่มือใหม่ต่างพากันเชียร์ให้ลูกทั้งสองเดินมาหาพวกตนนารูโตะเริ่มเดินนำหน้าซากุระไปก้าวเดียว แต่ทันใดนั้น
ตุบ
เด็กสาวตัวน้อยกับสดุดหกล้มยังจังทำเอาผู้เป็นแม่และพ่อถึงกับใจหาย
"แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ"
เด็กหญิงตัวน้อยร้องไห้ด้วยจ่าในทันที่
"ซากุระลูกแม่เป็นไงบ้าง" คุชินะพูดด้วยเสียงที่ตื่นตระหนกเมื่อเห็นลูกสาวล่ม แต่ทันใดนั้น นารูโตะค่อย ๆก้าวเดินมาหาน้องสาวและค่อยๆคุกเขาคลานเข้าไปใกล้และเอามือจับที่หัวของน้อง
"แอ้ แอ้ แอ้"
"แอ้ แอ้ แอ้"
เด็กสาวตัวน้อยหยุดร้องไห้ก่อนที่ผู้เป็นพี่ชายจะจับมือให้นางลุกขึ้นและจูงมือเดินไปหาพ่อแม่ ภาพประทับใจนี้ทำให้มินาโตะและคุชินะถึงกับหลั่งน้ำตาในความปลืมปิติ ในความรักของเด็กทั้งสอง
"มาลูกก้าวอีกนิดเดี่ยวใกล้ถึงแล้ว ใกล่ถึงแล้ว"
"อีกนิดเดียวซากุระ นารูโตะพยายามเข้า"
ทันใดนั้นเด็กทั้งสองก็ก้าวไปหาพ่อแม่จนสำเร็จเด็กหนุ่มและเด็กสาวต่างกอดบุตรชายและบุตรสาวด้วยความรัก สี่พ่อแม่ลูกต่างเล่นกันอย่างสนุกสนานก่อนที่ดวงอาทิตย์จะตกเย็น
กลางดึกคืนหนึ่ง
" อุแว้! อุแว้! อุแว้! "
เสียงเด็กน้อยทั้งสองดังขึ้นทำให้ปลุกพ่อแม่มือใหม่ตื่นขึ้นมาจากการนอนหลับอันแสนสบาย
"อุอุอู อย่าร้องนะลูกรักของแม่" เด็กสาวค่อยกล่อมลูกน้อยทั้งสองให้นอนหลับ
"มาให้ฉันช้วยเธอนะ" เด็กหนุ่มที่อยู่ในอาการอยากจะหลับ รีบเข้ามารับลูกชายของตนแล้วตบแผ่นหลังเด็กน้อยอย่างเบาๆ โดยที่เด็กสาวอุ่มบุตรสาวของตนแล้วขยับโยกไปมารวมทั้งอัมเพลงอย่างเบา ๆ เด็กน้อยทั้งสองค่อยหลับปุ๋ยหลงในที่สุดราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
"ฉันว่าเราเอาลูกมานอนรวมกันดีไหม" เด็กสาวเสนอความเห็นในใจเะอนั้นอยากให้ลูกน้อยทั้งสองมานอนอยู่ข้างๆ พวกเราสองคน
"ฉันว่าก็ดีนะ " มินาโตะเห็นด้วย "ลูกเราอาจจะขากความอบอุ่นจากอ่อมกอดเรา เลยทำให้ร้องไห้"
"มาเถอะลูกแม่มานอนด้วยกันน่ะ"
เด็กทั้งสองจัดฝูกใหม่โดยมินาโตะนอนฝั่งขวา คุชินะนอนฝั่งซ้าย ส่วนเด็กทั้งสองนอนอยู่ตรงกลางฟูก ทั้งสี่พ่อแม่ลูกต่างหลับไหลในนินทราอย่างสบาย
********
เช้าวันต่อมา แสงแดดของเช้าวันใหม่สาดส่องเข้ามายังภายในห้องนอน อากาศข้างนอกนั้นเย็นสบายถึงจะยังคงมีหิมะปกคลุมอยู่ก็ตาม
" อุแว้! อุแว้! อุแว้! "
"จ่า ลูกรักแม่ตื่นแล้วจ่ะ สงสัยลูกจะ กรี๊ดดดด!!"
เด็กสาวที่พึ่งตื่นขึ้นมาเมื่อมองมาที่ลูกทั้งสอง ทำให้เด็กสาวถึงกับตกตะลึงและกรี๊ดร้องจนเด็กหนุ่มถึงกับสะดุงตื่นขึ้นมา
"คุชินะมีอะไรเกิดอะไรขึ้น หะนี้มัน!!"
"มินาโตะลูกของเรา !!"
เด็กหนุ่มถึงกับตกตะลึงเมื่อพบว่าลูกทั้งสองคนนั้นมีคลืนจักระสีแดงไหล่วนอยู่รอบกายเต็มไปหมด และลูกยังคงร้องดังรั่น
" อุแว้! อุแว้! อุแว้! "
"จะทำอย่างไรดี ลูกเรา" เด็กสาวอยู่ในอาการทำอะไรไม่ถูก ไม่รู้เลยว่าพลังจักนะพวกนี้มาจากไหนและทำไมถึงมาไหล่เวียนตามร่างกายของลูก ๆ เธอ
"รีบพาไปหาท่านฮารุกะเร็วเขา"
มินาโตะและคุชินะต่างอุ่มลูกทั้งสองขึ้นมาตัวของเด็กทั้งสองนั้นสัมผัสได้ถึงความร้อนที่มาจากพลังจักระทั้งสองรีบพาลูกไปพบท่านฮารุกะอย่างรวดเร็ว เมื่อมาถึงห้องโถง ท่านหญิงได้ทำการตรวจเช็คพลังจักรอย่างระเอียดโดยมีเด็กทั้งสองค่อยอยู่ข้างลูกทั้งสองด้วยความเป็นห่วง
"คิดไว้แล้วเชียว"
"หมายความว่าอย่างไรหรือเจ้าค่ะ"
เด็กสาวถามด้วยความเป็นห่วงลูกทั้งสอง หญิงสาวยังคงนิ่งเงียบราวกับรูปปั่น
"จักระพวกนี้เป็นจักระ 9 หาง สงสัยว่าจักรที่อยู่ในตัวเธอนั้นมันคงส่งมาถึงลูกของพวกเธอ ทำให้ลูก ๆ ของพวกเธอนั้นเกิดมามีจักระที่มีปริมาณมหาศาลอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พลังของ 9 หางนั้นถือได้ว่าเป็นพลังที่วิเศษมากมันสามารถถ่ายไปสู้รุ่นลูกรุ่นหลานได้พูดอีกอย่างหนึ่งก็คือ ภายในลูกๆของเธอมี 9 หางตัวที่สองและสามเกิดขึ้นมา"
หญิงสาวอธิบายด้วยเสียงที่เรียบ
"งั้นหมายความว่าลูกของผมมี 9 หางในตัวเกิดขึ้นมาใช้ไหมครับ" มินาโตะถามด้วยความเป็นห่วง เขาแทบไม่เชื้อมาก่อนเลยว่า 9 หางนั้นสามารถแบ่งพลังออกมาเป็นตัวที่สองหรือสามได้
"แต่ทำไม 9 หางถึงไม่แบ่งตัวเองออกมาตอนที่มันเป็นอิสระล่ะ" เด็กสาวถาม "จริงสิแล้วทำไมพลังเก้าหางที่เคยอยู่ในตัวท่านมิโตะถึงไม่ส่งมาถึงลูกหลานอย่างท่านซึนาเดะละ"
"เท่าที่ฉันคุยกับคุรามะมานั้น จักระของ 9 หางมันต้องการร่างต้นในการทำรงพลังเอาไว้ถ้ามันแบ่งพลังออกมาโดยไม่มีร่างมนุษย์รองลับมันจะกลายเป็นเพียงกระแสพลังที่ไม่มีกลุ่มก่อน เพราะฉะนั้นพลัง 9 หางที่เจ้าคุรามะนั้นทิ้งไว้ในตัวเธอนั้นมันจึงก่อรูปร่างขึ้นมา แล้วมันก่อแบ่งพลังบางส่วนมาสู่ลูก ๆ ของพวกเธอยังไงล่ะทำให้เกิด 9 หางสองถึงสามตัวขึ้นมาอย่างไรล่ะ และที่ตอนอยู่ในตัวมิโตะนั้น พลัง 9 หางถูกผนึกอย่างแน่หน้าทำให้ไม่สามารถถ่ายไปสู่ลูกหลานได้อย่างไรล่ะ "
หญิงสาวอธิบายออกมาทำให้ทั้งห้องอยู่ในความเงียบไปขัวคณะยกเว้นเด้กทารกทั้งสองที่ยังคงร้องไห้อยู่
"แล้วเราจะทำอย่างไรกับลูกของเราล่ะ" เด็กทั้งสองถามขึ้นมาโดยเฉพาะลูกทั้งสองที่มีพลังจักระไหล่เวียนออกมา
" อุแว้! อุแว้! อุแว้! "
"ฉันจัดการเอง ฉันจะผนึกมันลงไปเองไม่ต้องห่วง" หญิงสาวนำฝ่ามือสองค้างนำมาลงประทับบนท้องของเด็กทารกทั้งสองที่ยังคงร้องไห้อยู่ แล้วก็เกิดประกายแสงสีแดงบางอย่างขึ้นมา มินาโตะคุชินะถึงกับกุมขมับด้วยความเป็นห่วงลูกทั้งสอง แล้วคลืนจักระที่เคยไหลเวียนอยู่ทั่วร่างกายของเด็กทั้งสองก็ค่อย ๆ หายไป เมื่อหญิงสาวนำฝามือออกมา ก็ปรากฏเป็นสัญลักษณ์ ผนึก 8 ทิศ และมีตราน้ำวนอยู่ตรงกลางบนท้องของเด็กทารกทั้งสอง
"ผนึกที่ฉันใช้นั้นคือผนึกแปดทิศแค่นี้พลังจักรของเก้าหางจะไม่มีวันหลุดออกมาอีกแล้ว"
เด็กน้อยที่เคยร้องไห้บัดนี้ก็ได้สงบลงแล้ว และหลับลงในที่สุด
"โถ่ลูกแม่ " หญิงสาวเอาฝามือมาสัมผัสลูกน้อยทั้งสองด้วยความเป็นห่วงแม้แต่มินาโตะเองก็ยังเป็นห่วงลูกไม่แพ้กัน
"ขอบคุณมากเลยนะครับที่ช่วยลูกของผมเอาไว้" เด้กหนุ่มและเด้กสาวโค้งคำนับ
"ไม่ต้องขอบคุณอะไรมากหรอก พวกเธอก็กลับไปดูแลลูกของพวกเธอซะและตอนบ่ายค่อยมาพบกันที่ห้องทำงานฉันนะฉันมีเรื่งอจะคุยกับพวกเธอสองคน"
หญิงสาวลุกขึ้นและเดินออกไป ปล่อยให้เด็กทั้งสองนำลูก ๆ กลับไปที่ห้องนอน เมื่อกลับมาถึงแล้วคุชินะได้ว่างลูกทั้งสองนอนลงบนเปล เด็กน้อยทั้งสองนอนหลับปุ๋ยอย่างหน้ารัก มินาโตะจัดแจ้งเดินไปอาบน้ำตอนเช้าก่อนเมื่ออาบน้ำเสร็จแล้ว คุชินะก็เดินไปอาบน้ำต่อเพื่อพัดกันดูแลลูก ๆ และกินข้าวเช้า เมื่อกินข้าวเสร็จแล้วทั้งสองก็ใช้เวลาเลี้ยงลูก ๆ อย่างทะนุทะนอม จนกระทั้งถึงเวลาบ่าย
มินาโตะและคุชินะก็ได้เดินมายังห้องทำงานของท่านหญิงฮารุกะ โดยฝากลูกทั้งสองไว้ให้กับแม่นม เมื่อเข้ามาถึงห้องทำงานที่ดูเป็นรัเบียบเรียบร้อย
"เข้ามาได้ มานั้งตรงนี้ก่อนสิ" หญิงสาวเชิญเด็กทั้งสองมานั้งลงตรงข้ามกับโต๊ะ
"มีเหตุอันใดหรือภึงเรียกพวกเราเข้ามาครับ" เด็กหนุ่มถามขึ้นมา
"ฉันไม่มีเรื่องอะไรมากหรอกก็แค่เป็นเรื่องของพวกเธอสองคน" หญิงสาวจิบชาเขียวร้อนอย่างระมัดระวัง
"แล้วมันคือเรื่องอะไรหรือ" เด็กสาวถามในใจยังคงเป็นห่วงลูกของเธอ
"เรื่องที่ว่านี้ก็คือ" ฮารุกะวางถ่วยลงอย่างแผวเบา "พวกเธอฟังฉันให้ดีๆ นะ"
"ครับพวกเราฟังอยู่ พูดมาเถอะครับ"
คำถามของหญิงสาวทำให้ทั้งสองรู้สึกอึดอัดอย่างมาไม่รู้เลยว่าหญิงสาวกำลังจะบอกอะไรกับทั้งคู่ เรื่องที่จะบอกนี้มันจะคืออะไร หญิงสาวมองมาที่ดวงตาของเด็กทั้งสองก่อนจะค่อยๆ เอ้ยปากขึนมาว่า
" ฉันจะให้พวกเธอออกเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนแสวงหาความรู้ต่าง ๆ เป็นเวลา 4 ปี และค่อยกลับมาที่เมืองอุซึชิโอะ"
คำพูดจากปากหญิงสาวนั้น เด็กทั้งสองแน่นิ้งไปในทันที่ ทั้งสองพยายามคิดว่าท่านหญิงแห่งเมืองอุซึชิกำลังพูดเล่นกับพวกเขา
" ตะกี้ท่านพูดอะไรนะครับ" มินาโตะย้อนถามราวกับพยายามคิดว่าที่พูดมานั้นเป็นเพียงเรื่องเล่น ๆ ของหญิงสาว
"พูดอีกที่ก็คือ ฉันจะส่งพวกเธอออกไปเล่าเรียนวิชาต่าง ๆ ทั่วดินแดนเป็นเวลา 4 ปี"
คำพูดของหญิงสาวฟังไม่ผิด เธอกำลังจะส่งพวกเราออกไปเรียนรู้ในโลกภายนอก ทำให้เด็กทั้งสองแน่นิ้งไปในทันที่ แต่เราจะทำอย่างนั้นได้อย่างไรกันเรามีลูกต้องดูแล นะ ทำไมท่านถึงจะส่งพวกเราออกไป
"ทำ ทำ ทำไมล่ะครับ " มินาโตะพูดขึ้นมาทันที่ "ทำไมท่านถึงจะส่งพวกเราออกไปเล่าเรียนโลกภายนอกในเมื่อพวกเรามีลูกต้องดูแล ท่านจะพรากพ่อ แม่ลูกกันเลยหรือ"
"แต่ ท่านฮารุกะ ลูกของเราจะอยู่อย่างไรเมื่อไม่มีพวกเราดูแล พวกเราเป็นห่วงลูก ๆ ของเรานะ " เด็กสาวร้อง
เราทั้งสองคัดค้านอย่างหนักแน่มาก เพราะลูก ๆ ทั้งสองจะอยู่อย่างไรหากปราศจากพ่อแม่ และพวกเขาจะรู้สึกอย่างไรเมื่อไม่มีพ่อแม่
"ใจเย็นก่อน ใจเย็นก่อน ฟังฉันให้ดีน่ะ " หญิงสาวพยายามควบคุมสถาการณ์ ซึ่งก็สำเร็จเด็กทั้งสองยอมฟังที่เธอพูด
"ทำไม ท่านถึงทำแบบนี้กับพวกเราท่านไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดของผู้เป็นพ่อเป็นแม่เลยหรือ" เด็กหนุ่มพูดด้วยความเจ็บใจ
"ที่ฉันจำต้องทำแบบนี้ก็เพราะ" หญิงสาวอธิบาย " ฉันเห็นว่าพวกหเธอยังมีโอกาศเรียนรู้สิ่งต่าง ๆ อีกมากมาย เกี่ยวกับโลกภายนอก พวกเธอมีโอกาศมากมายที่จะได้สั่งสมความรู้และประสบการณ์อีกมากมาย ไม่ดีหรือไง"
คำพูดของฮารุกะนั้นฟังพอขึ้นพวกเราต้องได้รับประสบการณ์และความรู้ใหม่เกี่ยวกับโลกใบนี้แต่ทว่า
"แต่ พวกหนูมีลูกนะ หนูไม่สามารถทิ้งพวกเขาได้" คุชินะหลั่งน้ำตาออกมา " พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรหากปราศจากพวกเรา พวกเขาจะรู้สึกอย่างไรถ้าไม่มีอ่อมกอดอันแสบอบอุ่นของพ่อกับแม่ ถ้าหนูจะต้องไปหนูขอตายไปพร้อมกับลูกเลยดีกว่าจะมีชีวิต แล้วเห็นลูก ๆ ของหนูไร้พ่อแม่"
"ใจเย็นคุชินะ" หญิงสาวพูดแต่ก็พยายามไม่ให้กระทบจิตใจอันบอบบางของเด็กสาว "ฉันเข้าใจความรู้สึกของเธอดีว่าเธอห่วงและรักลูกของเธอมาก แต่ฟั่งให้ดีนะทั้งสองคน การเดินทางไปศึกษาเล่าเรียนนี้ นอกจากจะทำให้พวกเธอมีความรู้และประสบการณ์แล้ว พวกเธอยังสามารถนำมาถ่ายทอดให้ลูก ๆ ของพวกเธอได้อีกนะ ไม่ดีหรือไงที่ลูก ๆ ของพวกเธอจะได้รับความรู้จากพ่อแม่ "
ที่ท่านฮารุกะพูดมาก็ถูก ที่ท่านส่งพวกเราออกไปท่องทั่วโลกก็เพื่อให้พวกเรานำความรู้มาสอนให้กับลูกของเรา ให้มีวิชาความรู้ในการดำรงชีวิต
"แล้วลูกเราล่ะ ค่ะ" เด็กสาวพูดด้วยความเป็นห่วง
"ลูก ๆ ของเธอไม่เป็นไรหรอกทางนี้ฉันจะดูแลเอง ฉันจะดูแลเด็กให้เหมือนกับเป็นลูกของฉัน ฉันจะสอนสั่งศิลปะต่าง ๆ ให้ลูกของพวกเธอเอง "
คำพูดของหญิงสาวนั้นทำให้เด็กทั้งสองพอใจเย็นลงได้บ่างแต่ก็ยังไม่อาจจะเย็นลงได้เสียที่เดียว
"ฉันให้เวลาพวกเธอ 1 เดือน ในการอยู่กับลูก ๆ ของพวกเธอจากนั้นพวกเธอจะต้องออกเดินทาง" หญิงสาวลุกจากที่นั่งและเดินออกไปจากห้องทิ้งเด็กทั้งสองให้อยู่ในอาการที่โศกเศร้า และทำใจไม่ได้
********
ณ ห้องนอน
เด็กสาวกำลังโยกเปลที่ลูกทั้งสองนอนหลับปุ๋ยราวอย่างหน้ารัก ด้วยใจที่เหม่อลอยและเศร้าส่อย ขณะที่เด็กหนุ่มนั้นก็นั้งกุ่มเขาอยู่ที่ขอบหน้าต่างด้วยความเสียใจ
"ฉันไม่อยากให้เรื่องนี้เกิดขึ้นเลย" เด็กหนุ่มสูดน้ำหมูก "ทำไม ทำไมพวกเราจะต้องจากลูกของเราไปด้วย"
"โถ่ลูกแม่ เราทำกรรมอันใดไว้กันแน่ ทำให้เราพ่อแม่ลูกจะต้องจากกัน " คุชินะ พูกด้วยความสะเทือนใจฝ่ามือบอบบางค่อยสัมผัสที่แก้มของลูกทั้งสอง "พวกเราไม่ได้อยากจะจากหรือทิ้งลูกไปเลยด้วยซ่ำ "
คำพูดของเด็กสาวที่พูดออกมานั้นก็ไม่สามารถทำให้เด็กทั้งสองที่นอนอยู่ในเปลนั้นรับรู้ได้เพราะพวกเขายังเด็กเกินกว่าจะเข้าใจความเจ็บปวดของพ่อแม่ได้
"จะพูดหรือเสียใจอะไรไปมันก็เปร่าประโยชน์" เด็กหนุ่มลุกจากที่แล้วเดินมาอยู่ข้าง ๆ เด็กสาวที่กำลังเสียใจอยู่
"คุชินะ ฟังฉันให้ดีน่ะ" เด็กหนุ่มจับมือที่บอบบางของเด็กสาว "เราไม่มีทางเลือกอะไรมากแล้ว ท่านฮารุกะให้เวลาเราเพียง 1 เดือนในการออกเดินทาง "
"แต่ฉันไม่อยากไป" เด็กสาวพูดด้วยสั่นคลอนและเจ็บปวด " ฉันไม่อยากทิ้งนารูโตะ และซากุระให้อยู่เพียงลำพัง มินาโตะคิดให้ดีก่อนเถอะเด็กที่เกิดมาแล้วโดนพ่อแม่ทิ้งมันรู้สึกเจ็บปวดอย่างไรบ้าง"
น้ำตาของเด็กสาวไหล่ลงอาบแก้มเธอนั้นไม่อยากทิ้งลูกไปเลยเธออยากอยู่ข้างกายลูกทั้งสองอยากให้พวกเขามีความอบอุ่น เด็กหนุ่มนำมือขึ้นมาปาดน้ำตาเด้กสาวที่กำลังเสียใจ เขาเข้าใจดีของความรู้สึกของผู้เป็นแม่ที่ต้องการอยู่เคียงข้างลูกๆ
"ฉันรู้คุชินะ" มินาโตะพูดด้วยเสียงที่อ่อน " แต่เราไม่มีทางเลือกมากนัก แต่เราไม่ได้ทิ้งลูกนี้ เราแค่ไปศึกษาเล่าเรียน แค่ 4 ปี เดียวเราก็กลับมา ดีไม่ดีเราจะสามารถนำความรู้ที่เล่าเรียนมา มาสอนลูกได้อีก ลูกๆของเราจะได้มีความรู้ในการดำลงชีวิตบนผืนแผ่นดินนี้ได้"
หน้าผากของเด็กทั้งสองแนบชิดติดกัน พร้อมกับลมหายใจที่อ่อนถี่ ในใจของทั้งสองเต็มไปด้วยความกังวลใจเกี่ยวกับลูกอย่างมาก
" อุแว้ อุแว้ อุแว้" เด็กน้อยทั้งสองร้องดังรั่น ทำให้เด็กสาวอุ่มลูกน้อยขึ้นมา
"ใจเย็นน่ะ ลูกแม่แม่รู้ดีว่าลูกกำลังหิวมามะ เดี่ยวแม่จะให้นมเจ้ากินนะ" เด็กสาวแหวกชุดยูคาตะออกแล้วให้นมลูกทั้งสองดื่มกิน ทำให้เด็กน้อยสงบลง
มินาโตะและคุชินะจองมองลูกตัวน้อย ๆ ที่กำลังกินนมอย่างเอล็ดอร่อย ด้วยความเอ็นดู น้ำตาของเด็กสาวไหล่ลงมาอาบแก้ม ด้วยความเสียใจที่จะต้องจากลูก ๆ ไป
"ลูกแม่ แม่ขอโทษจริงนะ แม่ไม่อยากจะทำอย่างนี้กับเลย แต่แม่ไม่มีทางเลือกจริง ฮือ ฮือ" เด็กสาวร้องไห้สะอึกสะอืนด้วยความสะเทือนใจ
"พ่อเองก็รักลูกนะ แต่ว่าพ่อไม่มีทางเลือกเหมือนแม่เจ้าพ่อเสียใจจริง ๆ ที่ไม่อาจเห็นพวกเจ้าเติบโตได้ แต่"
"เราสองคนให้สัญญานะนารูโตะ ซากุระ" ทั้งสองพูดประสานเสียงพร้อมเพียงกัน ด้วยเสีงที่อ่อนเบาแต่หนักแน่ " พ่อกับแม่จะกลับมาหาลูก เราสัญญาว่า เราจะไม่ทิ้งลูกทั้งสองไปอีกแล้ว นารูโตะลูกรักหากพ่อกับแม่ต้องจากพวกหนูไป ลูกจงเป็นพี่ที่ดี ปกป้องดูแลซากุระให้ดีนะ และลูกทั้งสองจงรักกันให้มาก ๆ นะถึงเจ้าทั้งสองจะไรซึ่งอ้อมกอดของพ่อแม่แต่จงละลึกไว้นะ ว่าพวกเรายังอยู่รอบ ๆ กายของลูกเสมอ "
น้ำตาของเด็กหนุ่มและเด็กสาวไหล่ลงอาบแก้มและหยดลงมายัง ใบหน้าของเด็กน้อยทั้งสอง ที่เริ่มรับรู้บ้างอย่างจากพ่อแม่ได้ว่าพวกท่านกำลังจะจากพวกเขาไปแล้ว การจากลาครั้งนี้เป็นอะไรที่บาดใจเด็กทั้งสองอย่างมากที่กำลังจะจากลูก ๆ อันเป็นที่รักไปโดยไม่ได้แม้แต่จะเห็นพวกเขาเติบโต
*******
ตลอดระยะเวลา 1 เดือนมานี้ พวกเราสองคนได้ใช้เวลาอยู่ดูแลลูก ๆ ของเราพวกเราได้ทำตุ๋กตาที่มีลักษณะเหมือนพวกเราขึ้นมา เพื่อเป็นตัวแทนของเราที่จะอยู่ข้างกายลูกของเรา มินาโตะเองก็กำลังสนุกสนานกับลูกน้อยทั้งสองอย่างมาก ตอนนี้ลูกทั้งสองลืมตาขึ้นมาดูพวกเราด้วยความอยากรู้อยากเห็นใบหน้าของพ่อแม่ ผู้มอบความอบอุ่นให้ ถึงจะเป็นช่วงเวลาที่สั่นแต่ก็เป็นช่วงเวลาที่พวกเราทั้งสี่มีความสุขที่สุด
1 เดือนต่อมา ยามเช้า อากาศสดใส ปลอดโปล่ง
วันนี้เป็นวันที่พวกเราสองคนจะต้องออกเดินทางออกจากเมืองแล้ว โดยท่านฮารุกะได้จัดม้า มาให้เราสองคน ตอนนี้ที่หน้าประตูเมือง ท่านได้เดินมาส่งพวกเราสองคนพร้อมกับสาวใช้ที่ได้อุ่มลูกน้อยของเราสองคนมาด้วย
"ขอให้พวกเธอเดินทางปลอดภัยกลับมาให้ดีนะ" ท่านหญิงฮารุกะกล่าวอ้วยพร "ทางนี้เราจะดูแลลูก ๆ ของพวกเธอเอง"
"ครับหลังจากที่พวกเรา เล่าเรียนเสร็จผมสัญญาว่าผมจะรีบกลับมาครับ" มินาโตะตอบกลับ
"งั้นพวกเราสองคนขอลากัยตรงนี้นะค่ะ"
เด็กทั้งสองได้โค้งคำนับต่อท่านหญิงแห่งเมืองอุซึชิโอะ คุชินะได้เดินเข้ามาหาลูกทั้งสองที่สาวใช้อุ่มอยู่
"ลาก่อนนะลูก อีก 4 ปีพวกเราจะได้เจอกันอีกนะอยู่ดูแลน้องให้ดีน่ะนารูโตะ"
คุชินะก้มจูบหน้าผากของเด็กทั้งสองที่นอนหลับอยู่ให้อ้อมแขนของสาวใช้ และก้าวเดินออกมาก่อนที่จะขึ้นบนหลังม้า
"อุแว้ อุแว้ อุแว้"
เด็กน้อยทั้งสองร้องดั่งรัน ราวกับกำลังจะรู้ว่าบุพการีผู้เป็นที่รักนั้นกำลังจะจากไป เด็กสาวกุมสายบังเหี่ยนด้วยความเจ็บปวด น้ำตาแห่งความเป็นแม่ไหล่ลงมาอาบแก้ม แม้แต่เด็กหนุ่มเองก็มีอาการแบบเดียวกับเด็กสาวเหมือนกัน
ไม่รอช้าเด็กสาวรีบก้าวกระโดลงจากหลังม้าแล้วรีบมาที่สาวใช้ที่กำลังกล่อมเด็กทั้งสองให้หยุดร้อง เด็กสาวรับลูกทั้งสองอย่าระมัดระวังโดยมีสาวใช้ค่อยช้วย
"อุแว้ อุแว้ อุแว้"
"ฮือ ฮือ แม่ขอโทษ แม่ขอโทษจริงแม่เองก็ไม่อยากจะทิ้งลูกไปแต่มันจำเป็นจริง ฮือ ฮือ" เด็กสาวร้องห่มร้องไห้โดยกอดเด็กทั้งสองไว้แน่นราวกับจะไม่แยกจากกัน ภาพนี้เป็นภาพที่ทำให้ฮารุกะและคนใช้ต่างพากันหลังน้ำตาออกมาโดยไม่รู้ตัว
เมื่อได้สติเด็กสาวก็ได้ร้องเพลงเพลงหนึ่งออกมา
อุ่นใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน
อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง
ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป
ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน
อุ่นอกอ้อมแขนอ้อมกอดแม่ตระกอง
รักเจ้าจึงปลูก รักลูกแม่ย่อมห่วงใย
ไม่อยากจากไปไกล แม้เพียงครึ่งวัน
ให้กายเราใกล้กัน ให้ดวงตาใกล้ตา
ให้ดวงใจเราสองเชื่อมโยงผูกพัน
อิ่มใดๆ โลกนี้มิมีเทียบเทียม
อิ่มอกอิ่มใจ อิ่มรักลูกหลับนอน
น้ำนมจากอก อาหารของความอาทร
แม่พร่ำเตือนพร่ำสอน สอนสั่ง
ให้เจ้าเป็นเด็กดี ให้เจ้ามีพลัง
ให้เจ้าเป็นความหวังของแม่ต่อไป
ใช่เพียงอิ่มท้อง
ที่ลูกร่ำร้องเพราะต้องการไออุ่น
อุ่นไอรัก อุ่นละมุน
ขอน้ำนมอุ่นจากอกให้ลูกดื่มกิน
บทเพลงอันแสนไพเราะนี้ทำให้เด็กทั้งสองที่เคยร้องไห้นั้นได้สงบลงในที่สุดแล้วหลับ ไป เด็กสาวส่งเด็กทั้งสองคนคืนให้กับสาวใช้ก่อนที่จะเดินไปขึ้นม้า พร้อมทั้งปาดน้ำตา และควบออกไปกับเด็กหนุ่ม ภายในใจของทั้งสองนั้นเต็มไปด้วยความเจ็บปวดคิดถึงลูกน้อยทั้งสอง ราวกับจะจากพวกเขาไป ไม่มีรอยยิ้มหรืออาการตื่นเต้นใดบนใบหน้าของเด็กทั้งสองเลย
ตอนนีพวกเข้ามาภึงทางสามแพร่งแล้ว ทั้งสองได้ตัดสินใจแล้วว่าจะแยกกันออกไปเรียนรู้ตามที่ต่าง ๆ
"ล่าก่อนนะคุชินะ"
"ล่าก่อนมินาโตะ ขอให้นายปลอดภัยนะ"
เด็กหนุ่มและเด็กสาวกล่าวลากันครั้งสุดท้ายก่อนจะควบม้าไปกันคนระทิศคนระทาง โดยมีเพียงสัญญาที่ให้ไว้กันไว้ว่าจะกลับมาหาลูกของพวกเขาอีกครั้ง เมื่อครบ 4 ปี
******
ตอนนี้ฮารุกะได้กลับมาที่ปราสาทแล้วสั่งให้สาวใช้นำเด็กทั้งสอง ไปนอนลงบนเปล เด็กน้อยนอนอยู่ในเปลอย่างมีความสุข โดยที่เด็กชายผู้เป็นพี่คนโต ได้นอนกุมมือน้องสาวของเขาไว้แน่นราวกับจะไม่แยกจากกันและจะปกป้องกันไปตลอดชีวิต
"พ่อ แม่ ของพวกเธอจะกลับมาน่ะ ฉันสัญญาว่าฉันจะดูแลพวกเธอให้เหมือนลูกของฉัน ฝันดีนะ นารูโตะ ซากุระ" ท่านหญิงฮารุกะ ก้มมาจุมพิษที่หน้าฝากของเด็กทั้งสองก่อนจะออกไปจากห้องเพื่อไปจัดการกับเอกสารในห้องทำงาน
*******
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น