ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    สาวห้าวตัวร้ายกับพี่ชายตัวแสบ

    ลำดับตอนที่ #1 : คนที่ควรรู้จัก

    • อัปเดตล่าสุด 23 ก.พ. 50


    1

                บ้านหลังสวยที่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงหน้านั้นทำให้เด็กหนุ่มผู้เป็นเจ้าของบ้านรู้สึกภูมิใจในตัวเองนัก กับวัยเพียงยี่สิบต้นๆและมือเปล่าที่ก่อร่างสร้างตัวขึ้นมาได้ แววตาอ่อนโยนนั้นฉายถึงความสุขเมื่อได้มีบ้านเป็นของตนเป็นครั้งแรก

    นี่แหละ บ้านของเรา เขาพูดขึ้นได้อย่างภาคภูมิใจที่สุด บ้านของเรา

    ไม่คิดมาก่อนเลยนะคะพี่ชาย ว่าเราจะมีบ้านกับเขาได้เหมือนกัน หญิงผู้เป็นน้องพูดขึ้นอย่างกับไม่คาดฝันเช่นกัน ใจนั้นรู้สึกได้ถึงสิ่งดีๆที่จะตามมา หลังจากที่ได้พบกับความทุกข์มามากพอแล้ว

    คิดถึงแม่จัง

    คำพูดของผู้เป็นน้องนั้นทำให้ทั้งสองต่างนิ่งเงียบ ถ้าป่านนี้แม่ของพวกเขายังอยู่ แม่ก็คงจะมีความสุขกับพวกเขามากเช่นกัน

    ไป...เข้าไปในบ้านกันเถอะ ชายหนุ่มพูดตัดบทก่อนที่เขาจะรู้สึกคิดถึงแม่ไปมากกว่านี้ ภายในบ้านที่พร้อมอยู่และเต็มไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกทุกชนิด ภาพของห้องพักที่ทั้งเก่าและเล็กในสมัยเมื่อพวกเขายังเด็กก็ปรากฏขึ้นในความคิดของทั้งสอง ทำไมตอนนี้มันช่างต่างอะไรจากเมื่อก่อนเหลือเกิน...

    หญิงสาวผู้เป็นน้องนั้นนั่งลงที่โซฟาที่ทั้งใหญ่และนุ่มแล้วอดนึกถึงเก้าอี้พลาสติกแข็งๆที่ตัวเองนั่งเป็นประจำเมื่อสมัยเด็กๆไม่ได้

    พี่ชาย พี่จำเก้าอี้พลาสติกตัวเดียวในบ้านเราเมื่อสมัยก่อนได้ไหม เสียงนั้นสั่นเครือเล็กน้อย ในขณะที่มือเรียวสวยนั้นสัมผัสที่โซฟานุ่มอย่างครุ่นคิด

    เก้าอี้เหรอ...

    ใช่ เก้าอี้ตัวเดียวในบ้านของเรา

    จำได้สิ ก็เก้าอี้ตัวนั้นแหละที่พ่อจับมันมาฟาดพี่จนตัวพี่ซ้ำไปหมด ก่อนที่แม่จะขอเลิกกับพ่อ... เสียงนั้นเบามากผู้ฟังแทบไม่ได้ยิน แววตาคมกริบนั้นยังพยายามฝืนให้ดูแข็งแกร่งเสมอ

    พี่ริว นั่งลงข้างอิงหน่อยได้ไหม นานแล้วนะที่เราไม่ได้นั่งด้วยกัน อิงพยายามยิ้มอย่างเต็มที่เพราะไม่อยากให้พี่ชายกลับไปนึกถึงความหลังที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นัก

    ริวนั่งลงข้างน้องสาวตามที่เธอบอก เขาพินิจใบหน้าอ่อนเยาว์นั้นอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง น้องสาวที่เคยเป็นเด็กตลอกเวลานั้นเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้เธอโตเป็นสาวแล้ว แต่ถึงอย่างไรใบหน้านั้นก็ยังคงรอยยิ้มสดใสไว้เช่นเดิม

    นี่พี่ชาย จ้องอิงอย่างนั้นทำไม

    นี่น้องพี่โตขึ้นมากเลยนะเนี่ย โตเป็นสาวแล้ว แถมยังสวยอีกด้วย ไม่รู้ว่าที่มหาลัยจะมีหนุ่มๆมาจีบไหมน้า...

    นี่...พี่ชาย น้องสาวอดเขินกับคำพูดของผู้เป็นพี่ไม่ได้ ใบหน้านั้นแดงก่ำขึ้นทันที จีบอะไรเล่า... ไม่มีหรอก ถึงมีอิงก็ไม่สนใจหรอก

    ทำไมล่ะ พี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย

    พี่รู้อะไรไหม ตอนนี้อิงน่ะความสุขมากเลยนะที่ได้กลับมาอยู่กับพี่อีกครั้ง

    อืม รู้สิ ก็พี่ฉลาดนี่

    เอ๊ะ พี่นี่ จริงจังนะเนี่ย ทำมาพูดเล่นอยู่ได้

    เออ แล้วเราจะย้ายมาอยู่บ้านตอนไหนเนี่ย

    ก็เร็วๆนี่แหละพี่ เพราะตอนนี้ไชนเขาก็จะย้ายออกจากหอของม.เหมือนกัน

    ชายไหน

    รูมเมทอิงไง เรียนนิเทศฯ พี่จำไม่ได้เหรอ ทำเป็นตกใจไปได้ แล้วอีกอย่างไชนเขาเป็นผู้หญิงนะคะ

    เหรอ...ก็ชื่อชาย พี่ก็นึกว่าจะเป็นผู้ชาย ชายหนุ่มดูท่าเหมือนจะไม่ค่อยสนใจคนที่น้องสาวพูดถึงเท่าไหร่นักแต่ความจริงแล้วเขาสนใจยิ่งกว่าสิ่งอื่นใด เขาลุกขึ้นเดินสำรวจรอบๆห้อง

    คำว่า ไชน ที่มาจาก sunshine ไงล่ะคะ ไชนน่ะเก่งมากเลยรู้ไหมพี่ เล่นกีตาร์เนี่ยเก่งสุดยอด ขนาดผู้ชายยังอายเลยอ่ะพี่

    จะเก่งสักแค่ไหนก็สู้พี่ไม่ได้อยู่ดีนั่นแหละ ชายหนุ่มพูดหยอกน้องด้วยเห็นว่าน้องจะให้ความสนใจเพื่อนคนนี้เป็นพิเศษ บ่อยครั้งแล้วที่เธอพูดถึงเพื่อนคนนี้แต่เขาก็ไม่ได้สนใจนัก

    แหม...ใครเขาจะไปสู้พี่ล่ะ ได้เป็นศิลปินใหญ่แล้วนี่ แต่ไชนน่ะเขาเป็นนักแต่งเพลงนะพี่ รู้สึกว่าจะแต่งให้กับค่ายเดียวกันกับพี่นั่นแหละ

    จริงเหรอ เขาแต่งเพลงให้กับค่ายเพลงที่พี่เซนต์สัญญาด้วยเหรอ ริวไม่ค่อยเชื่อเท่าไหร่

    ใช่ ดีไม่ดีนะ...เขาอาจจะแต่งเพลงให้พี่ก็ได้

    แหม โลกมันคงไม่กลมขนาดนั้นหรอกมั้ง

    ก็ไม่แน่นะพี่

    ว่าแต่เราเถอะ เป็นยังไงบ้างล่ะ อยู่หอมาตลอดอย่างนี้ ถ้าย้ายมาอยู่บ้านจะไม่รู้สึกแปลกๆเหรอ

    ไม่หรอก...แต่จะว่าไปแล้วมันก็แปลกๆเหมือนกันนะเนี่ย เคยอยู่กับเพื่อนๆ ทำอะไรก็ทำพร้อมกันตลอด แต่พอต้องแยกอยู่อย่างนี้... ถ้าไชนมาอยู่ด้วยก็คงจะดีไม่ใช่น้อยเลยนะเนี่ย

    คำพูดนั้นเริ่มทำให้ผู้เป็นพี่รู้สึกประหลาดใจ...ไชน...ทำไมน้องสาวของตนถึงได้เอ่ยถึงแต่เพื่อนคนนี้นัก

    เออ...พี่ชาย จะเป็นไรไหมถ้าอิงจะชวนไชนมาอยู่ด้วย

    คำถามนั้นยิ่งทำไมผู้ได้ฟังถึงกับเงียบไปโดยทันที... ทำไมเพื่อนที่ชื่อไชนถึงได้มีอิทธิพลกับอิงนัก ถึงขนาดที่อิงอยากจะชวนมาอยู่ด้วยเลยเหรอ...

    ว่าไงล่ะพี่ชาย ไชนน่ะเด็กต่างจังหวัด เลยต้องอยู่หอ ถ้าให้ไชนมาอยู่กับอิงนี่คงจะดีมากเลย

    นี่เราถามพี่จริงๆเหรอ

    ก็ถามจริงๆสิ ไชนน่ะเป็นคนเข้ากับคนอื่นง่าย รับรองไม่สร้างปัญหาให้กับเราหรอก

    ...ไม่สร้างปัญหาให้กับเรา...ตอนนี้ริวเองกลับคิดว่าไชนนั่นแหละตัวปัญหา ทำไมอิงถึงได้ติดเพื่อนคนนี้นัก

    นี่ๆ เรารู้จักเพื่อนคนนี้มามากแค่ไหนกันเชี่ยวถึงได้มารับรองอะไรเขาขนาดนี้ ริวถามจริงจังพลางเดินกลับมานั่งข้างน้องสาวของตน

    ก็รู้จักตั้งนานแล้ว ไชนก็เป็นรูมเมทของอิงมาตลอด เกือบปีแล้วนะคะ

    งั้นก็หมายความว่า เราสนิทกับเขามากล่ะสิ

    ก็ใช่นะพี่ชาย เราสนิทกันมากจนคนอื่นๆคิดว่าเราเป็นคู่ทอมดี้กันเลย หญิงสาวพูดพลางหัวเราะแต่ผู้ที่ได้ฟังนั้นกลับหัวเราะไม่ออก...คู่ทอมดี้...นี่เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวคนเดียวของเขากันแน่

    เดี๋ยวนะ นี่เพื่อนเราเป็นพวก...เออ...พวกชอบผู้หญิงด้วยกันเหรอ

    ไม่ใช่นะพี่ชาย คนอื่นเขาแค่เข้าใจผิดกันเท่านั้น แต่จะว่าไปแล้ว ไชนมันก็เท่ห์ของมันอยู่น้า... เล่นกีตาร์ก็เก่ง เล่นบาสฯก็เก่ง แถมยังหน้าหล่ออีกต่างหาก

    นี่บอกพี่สิว่าเราไม่ได้อำพี่เล่น

    อำอะไรล่ะพี่ อิงน่ะเคยถูกพวกสาวๆที่ตามจีบไชนเข้าใจผิดด้วยนะพี่ เกือบจะมีเรื่องกันด้วยเลยล่ะ

    ริวถึงกับเงียบเพราะพูดไม่ออกหรือไม่รู้ว่าควรพูดว่าอะไรดี...

    ไชนน่ะมันดังจะตาย ถามคนที่ม.เขาก็รู้จักกันหมดนั่นแหละ นะพี่นะ ให้ไชนมาอยู่กับเรานะ หญิงสาวพูดเสียงหวานเป็นการขอ แต่สิ่งนั้นกลับไม่เป็นผลเลย ริวตัดสินใจได้อย่างไม่ลังเลเลยว่าไม่มีทางที่จะให้ให้ไชนผู้หล่อเหล่าและเล่นกีตาร์เก่งนั้นมาอยู่กับน้องสาวของตนเป็นอันขาด

    พี่ว่ามันไม่เหมาะหรอกมั้ง

    ไม่เหมาะยังไงล่ะพี่ชาย ไชนน่ะนิสัยดีจะตาย ถ้าพี่ได้รู้จักเธอพี่จะต้องชอบเธออย่างที่อิงชอบเธอแน่

    เหมือนฟ้าถล่มแผ่นดินทลาย ริวแทบนั่งไม่ติดแล้วเมื่อคิดว่าน้องสาวสุดที่รักของเขาชอบผู้หญิงด้วยกัน นี่คงเป็นความผิดของเขาเองที่ให้น้องอยู่โรงเรียนประจำมาตั้งแต่มัธยมต้น ถ้าเธอเคยชินกับการมองผู้หญิงทุกวันมันก็ไม่แปลกอะไรที่เธอจะนึกชอบผู้หญิงด้วยกัน

    พี่ชาย...พี่ชาย อิงพูดพลางโบกมือไปมาให้ผู้ที่อยู่ในภวังค์รู้สึกตัว

    หา...ว่าอะไรนะ ริวสะดุ้งตื่นจากภวังค์

    อิงยังไม่ได้ว่าอะไรเลย แต่พี่น่ะยังไม่ตอบคำถามอิงเลยนะ

    คำถามเหรอ เราถามพี่ว่าอะไรนะ

    เอ๊ะ! พี่ชายนี่ อิงถามว่า มันไม่เหมาะสมยังไงที่ไชนจะมาอยู่กับเรา

    อ้อ...ก็... ริวพูดตะกุกตะกักรีบหาเหตุผลทันที ก็...

    ก็...

    ก็ไหนเราบอกว่าคนอื่นเขาเข้าใจผิดกันไง ยิ่งถ้าไชนย้ายมาอยู่กับเรา คนอื่นเขายิ่งจะไม่เข้าใจผิดกันไปใหญ่เหรอ

    ริวโล่งใจที่นึกเหตุผลดีๆขึ้นมาได้ อิงมีท่าทีคล้อยตามกับเหตุผลของเขาด้วย

    ก็จริง อิงลืมคิดขอนี้ไปเลย

    ใช่ๆ มันสำคัญมากๆด้วยนะ ริวเสริมเหตุผลขึ้นทันที

    อืม อิงนี่ไม่รอบครอบเอาซะเลย ไชนก็ว่าอยู่บ่อยๆเหมือนกัน

    ริวยิ้มรับ แต่ภายในใจนั้นกลับครุ่นคิดว่าจะมีซักเรื่องไหมที่อิงจะไม่เอ่ยถึงไชน เขาชักอยากจะรู้จักไชนซะแล้ว ทำไมเธอถึงได้มีอิทธิพลกับความคิดของอิงเหลือเกิน

    เรามีแฟนรึยังล่ะเรา ริวถามขึ้นเพราะต้องการรู้ว่าอิงมีแฟนแล้วรึยัง ช่วงเวลาที่ทั้งสองไม่ได้อยู่ด้วยกันนั้นอาจนานพอที่จะทำให้ริวไม่รู้จักน้องสาวของเขาดีพอในตอนนี้

    ...แฟนอะไรล่ะ...อิงยังไม่มีแฟนซะหน่อยอิงตอบเสียงเบาพลางก้มหน้า เมื่อถูกสายตาคมกริบนั้นจ้องจับความจริง

    จริงเหรอ

    จริงสิ อิงว่าเราขึ้นไปดูชั้นบนกันเถอะ เธอรีบเปลี่ยนเรื่องทันที และไม่รอช้ารีบลุกแล้วเดินไปที่บันได มาเร็วพี่ชาย

    ริวลุกขึ้นเดินตามน้องไป เขาชักรู้สึกเป็นห่วงน้องขึ้นมาโดยประหลาด ทั้งที่อิงนั้นไม่ได้มีอันตรายอะไรแต่สิ่งที่อันตรายที่สุดก็คือใจของอิงเอง หากอิงชอบไชนขึ้นมาจริงๆ คนเป็นพี่ที่ห่วงน้องสาวจากพวกหนุ่มๆอย่างริวคงจะอยู่เฉยไม่ได้อย่างแน่นอน

     

     พี่ชาย...นี่ไชนค่ะ

    เสียงนั้นทำให้ริวแทบเป็นบ้า เมื่อเห็นน้องสาวกำลังจะเดินไปหาผู้หญิงอีกคนหนึ่ง

    อิงชอบไชนค่ะ

    ม่าย... ริวสะดุ้งตื่นจากความฝัน ใบหน้านั้นชุ่มเหงื่อไปหมด เขาหายใจหอบอย่างไม่เคยเป็นมาก่อน ก่อนจะหันไปมองนาฬิกาที่หัวเตียง เข็มทั้งสองที่ไม่เคยโกหกนั้นบอกว่านี่สายมากแล้ว ริวกุมหัวตัวเองก่อนที่จะคิดอะไรฟุ้งซ่านไปมากกว่านี้ แล้วลุกขึ้นไปเข้าห้องน้ำ

    ใบหน้างุนงงที่ปรากฏให้เห็นที่กระจกนั้นทำให้ริวระลึกได้ว่าตัวเองนั้นฟุ้งซ่านไปแค่ไหน เขาเปิดน้ำก่อนจะกวดน้ำมาล้างหน้าเพื่อให้ได้สติมากขึ้น ความเย็นของน้ำนั้นทำให้ริวเริ่มเข้าสู่ภาวะปกติ เขาจ้องหน้าตัวเองในกระจก พลางคิดได้ว่าจะไม่มีทางยอมให้น้องสาวคนเดียวของตนนั้นชอบผู้หญิงเหมือนกันได้เป็นอันขาด

    การอาบน้ำนั้นอาจชำระสิ่งสกปรกให้ออกจากกายเขาได้ แต่ก็ไม่สามารถชำระให้ความคิดวิตกนั้นให้ออกจากใจของเขาได้เสียที ในขณะที่อยู่บนรถไฟฟ้า ใจเขาก็พะวงแต่เรื่องนี้ ทันทีที่ถึงค่ายเพลง เขาก็ตรงไปที่ห้องอัดเสียงโดยไม่หยุดทักน้ายามอย่างเช่นทุกวันจนน้ายามสังเกตเห็นได้

    เมื่อเปิดประตูห้องอัดเสียงออก กลุ่มเพื่อนร่วมวงที่รอกันอยู่พร้อมหน้าต่างก็ทักทายเขาอย่างเช่นทุกครั้ง ทุกคนอยู่ครบ พี่โปรดิวเซอร์ก็พร้อมรออยู่แล้ว เว้นแต่มีหญิงสาวในชุดนักศึกษาคนหนึ่งซึ่งริวไม่รู้จักอยู่ในห้องอัดเสียงนั้นด้วย เธอหันหลังให้ริวเพราะวุ่นกับการเก็บของอยู่

    ขอโทษนะครับที่มาช้า ริวกล่าวขึ้น

    ไม่เลย เราต่างหากที่มาเร็ว นัดกันไว้กี่โมงดูสิ ริวมาก่อนเวลานัดเสียอีก พี่เมธีชายร่างใหญ่ผิวเข้มผู้เป็นโปรดิวเซอร์ตอบรับ

    เป็นอะไรรึเปล่าริว หน้าแกดูซีดหน่อยนะ โอ๊ดมือเบสของวงทักเพื่อนเมื่อสังเกตได้

    เปล่าหรอก ฉันก็ซีดอย่างนี้ของฉันทุกวัน ริวไม่อยากบอกเหตุผลเลยว่าทำไมตัวเองถึงได้ดูซีดขนาดนี้

    โอ.เค.รึเปล่าริว ไหวนะ พี่เมธีถามขึ้น

    ครับ ไหวอยู่แล้วล่ะครับ

    อืม งั้นก็ดี พี่เมธีพูดพลางตบไหล่ริวอย่างเป็นกันเอง

    ริวยิ้มตอบรับก่อนจะหยิบกีตาร์ขึ้นมาตรวจดู

    พี่เมธีค่ะ กลับแล้วล่ะคะ หญิงในชุดนักศึกษาเอ่ยขึ้นแล้วยกมือไหว้ก่อนเดินออกไป

     ริวดูให้แน่ชัดว่าเขาออกไปจากห้องแล้วจึงถ้าขึ้นเออ...พี่ คนเมื่อกี้เขาชื่ออะไรเหรอ

    หา...คนเมื่อกี้น่ะเหรอ

    ครับ เขาชื่ออะไรเหรอ

    นั่นแน่สนใจเขาล่ะสิ ตามนักร้องนำของวงพูดแซว แต่ริวเองยังคงนิ่งเฉย

    สนอะไรเล่า

    อ้าวเหรอ ฉันนึกว่าแกสนใจเขาซะอีก พี่เมธีช่วยพูดแซวอีก ริวเกาหัวเพราะไม่รู้ว่าควรทำอะไรต่อไป ทั้งพี่เมธีและตามต่างก็หัวเราะด้วยสนุกที่ได้หยอกเพื่อน

    เขาชื่ออัญชลี แต่งเพลงให้พวกแกด้วยนะ พี่เมธีอธิบายเพราะรู้ว่าริวไม่สนุกด้วย

    อัญชลีเหรอพี่

    อืม ยังเรียนมหาลัยอยู่เลย แต่เก่งเพลงใช้ได้เลยล่ะ

    อ้อ...แล้วเขามาทำไมล่ะพี่

    เขามาบอกว่าเพลงไดอารี่ที่เขาแต่งน่ะ ถ้าลองใช้กีตาร์ปิกกิ้งกับเครื่องทองเหลืองดูก็เพราะไปอีกแบบ

    อ้อ เพลงไดอารี่น่ะเหรอ ผมก็ว่าจะบอกพี่อยู่เหมือนกัน ริวรู้สึกแปลกใจขึ้นมา เพราะเขาเองก็คิดอย่างนั้นเช่นกัน

    แล้วเขาเรียนอยู่ม.ไหนล่ะพี่

    นี่ๆ ไหนบอกว่าไม่สนใจไง ตามยังพูดหยอกไม่เลิกเมื่อเห็นริวยังคงสนใจในตัวนักแต่งเพลงคนนี้

    ริวมองหน้าตามเป็นเชิงดุด้วยตามรู้ทัน ตามได้แต่งหัวเราะก่อนหันไปปะมือกับโอ๊ด จนไผ่มือกลองก็อดยิ้มไปกับเพื่อนไม่ได้

    นี่ สนใจเขาก็บอกมาเถอะน่า โอ๊ดยังช่วยตามแกล้งริวไม่เลิกเมื่อเห็นหน้าเพื่อนเริ่มแดงขึ้นมา

    สนบ้าสนบออะไรล่ะ หน้าเขาฉันยังไม่ทันสังเกตเห็นด้วยซ้ำไป ริวพูดตัดบท

    เฮ้ย น่ารักนะไอ้ริว ตากลมๆ จมูกนี่โด่งคมสวยเลยว่ะแก แต่ทีเด็ดนี่อยู่ตรงที่ยิ้มว่ะ ยิ้มสวยซะมัดเลย ตามพูดชมขึ้น

    แล้วก็มาว่าฉันสนใจ ที่แท้แกก็สนใจเขาเหมือนกันนี่หว้า ริวได้โอกาสพูดคืนบ้าง

    ไม่ว่ะ ไม่ใช่แบบที่ฉันชอบ ถึงเขาจะน่ารักนะแต่ก็ดูเท่ห์ แกว่าไหมไอ้โอ๊ด ตามพูดอย่างครุ่นคิดก่อนหันไปถามเพื่อน

    เออว่ะ ผมดูยุ่งๆเลยบ่ามานิดเดียว อย่างกับผู้ชายแหนะ

    ริวมองหน้าเพื่อนสองคนอย่างไม่ใส่ใจ สำหรับเขา ความคิดเรื่องผู้หญิงของสองคนนี่มักเชื่อถือไม่ได้อยู่แล้ว ด้วยความที่เป็นเพื่อนกันมานานจึงทำให้ริวรู้ว่าทั้งสองเจ้าชู้แค่ไหน

    แกว่าไงไอ้ไผ่ ริวหันไปถามเพื่อนอีกคนที่มักจะนั่งเงียบคอยฟังเพื่อนคนอื่นๆคุยกัน นานๆจะเสนอความคิดเห็นออกมาบ้าง

    ฉันว่า เขาก็เท่ห์ดีน่ะ แปลกนะ หน้าสวยแต่กลับดูเท่ห์

    ริวซักเริ่มสนใจขึ้นมาแล้ว เขาอยากจะวิ่งออกไปดูหน้าผู้หญิงคนนี้อีกครั้ง เพราะตอนแรกยังไม่ทันสังเกตด้วยไม่สนใจ

    ฉันยังสงสัยอยู่เลยว่าเขาเป็นพวกทอมอะไรเปล่า แกว่าไงโอ๊ด ตามเอ่ยขึ้นตมที่ตนคิด โดยที่ไม่รู้เลยว่าประโยคนั้นมันมีผลต่อความรู้สึกของริวขนาดไหน

    ฉันก็ว่าจะถามแกอยู่...ไม่อยากเชื่อว่าแกจะคิดอย่างฉัน โอ๊ดดูมีทีท่าจะเห็นตรงกับตาม

    แกก็คิดเหรอ แล้วแกว่าไง

    ตอนที่ฉันเข้ามาแล้วเห็นเขานะ ฉันก็คิดว่าผู้หญิงคนนี้น่ารักดี แถมยังมนุษยสัมพันธ์ดีอีกต่างหาก เขาชวนฉันคุยนะ ยังกับคนรู้จักกันมาแรมปี แต่พอเขาเริ่มจับกีตาร์เท่านั้นแหละ จากผู้หญิงน่ารักๆนะ เปลี่ยนไปเป็นแบบเท่ห์ๆอะไรประมาณนั้นเลย

    ใช่ ตอนฉันเข้ามาเห็นเขากำลังเล่นกีตาร์อยู่นะ ฉันยังเกือบนึกว่าเขาเป็นผู้ชายเลย นี่ถ้าไม่ทันสังเกตเห็นสวมกระโปรงนะ ฉันคงนึกว่าเขาเป็นผู้ชายไปแล้ว

    ทั้งโอ๊ดและซันต่างก็พูดถึงอัญชลีต่างออกรสจนพี่เมธีอดหัวเราะไปด้วยไม่ได้

    พวกนายไม่รู้อะไร พี่เมธีเอ่ยขึ้น เห็นอย่างนี้น่ะ เคยมีผู้หญิงมาตามจีบร่วมเดือนเลยนะ

    แล้วเขาได้เป็นทอมรึเปล่าพี่

    โอ้ย...ทอมบ้าอะไรล่ะ ผู้หญิงจะตายไป พี่เมธีพูดพลางออดหัวเราะไม่ได้ เออ...แต่จะว่าไปแล้ว พี่ก็ไม่เคยเห็นมันมีแฟนกับเขาเลยนะ

    นั่นไงพี่ หน้าตาดีขนาดนั้นจะไม่มีแฟนได้ไง ตามเริ่มหาเหตุผลขึ้น

    คงไม่มีใครกล้าจีบล่ะมั้ง

    ไม่มีใครกล้าจีบหรือไม่ได้ชอบผู้ชายกันแน่

    มันก็น่าคิดนะ...เฮ้ย ไม่ใช่หรอกมั้ง พี่เมธีดูมีท่าทางไม่ค่อยมั่นใจ

    เออ...พี่ ผมถามหน่อย อะไรทำให้ผู้หญิงกับผู้หญิงชอบกันล่ะพี่ ริวถามขึ้นด้วยกำลังใจลอยคิดไปถึงน้องสาวของตน

    เฮ้ย แกถามอะไรของแกว่ะเนี่ย พี่เมธีมีอาการสะดุ้งเล็กน้อยพลางทำหน้าแหยง

    ถ้าผู้หญิงอยู่ด้วยกันนานๆ ประมาณว่า อยู่โรงเรียนหญิงล้วนมาตั้งแต่ม.ต้น โอกาสที่จะนึกชอบผู้หญิงด้วยกันมันจะมีสูงไหมพี่

    นี่แกคงไม่ได้หมายถึง อิงหรอกนะ โอ๊ดถามเสียงหลง ในขณะที่ทุกคนเงียบกันหมด

    มันก็เป็นไปได้นะ แต่พอขึ้นเรียนมหาลัยก็คงหายแล้วล่ะ พี่เมธียังคงพยายามพูดให้ริวดูมีอาการดีขึ้น

    แล้วถ้ามันไม่หายล่ะพี่ แต่ริวเองก็ยังคงอดเป็นห่วงอยู่ไม่ได้

    เฮ้ย อย่าคิดมากน่ะ

    นี่แกอย่าบอกนะว่า อิงมันชอบผู้หญิงด้วยกัน โอ๊ดยังคงถามย้ำอีกครั้ง

    ฉันกลัวว่ะ

    เสียดายของ... ตามอุทานขึ้นอย่างไม่ตั้งใจ ริวหันไปจ้องโดยทันที เฮ้ย ไม่ใช่อย่างนั้นนะเว้ย ฉันไม่ได้ชอบน้องแกนะโว้ย แต่...น้องแกน่ะออกจะน่ารัก ถ้าไปชอบผู้หญิงด้วยกัน โอ๊ย...ฉันไม่อยากจะคิด

    คำพูดนั้นไม่ได้ช่วยให้อะไรมันดีขึ้นเลย ซ้ำร้ายมันยิ่งทำให้ริวคิดหนักขึ้นไปอีก

    ไม่ใช่หรอก... เสียงของไผ่ทำให้ทุกคนหันไปมองเขาหมด ไผ่มีท่าทีประหม่าเล็กน้อยเมื่อถูกทุกคนมองอย่างนี้ ก่อนจะหันไปพูดกับริว แกแน่ใจได้ไงว่ะว่าน้องแกชอบผู้หญิงด้วยกัน

    ก็...ไม่รู้สิ ฉันเป็นห่วงนี่หว้า แกก็รู้ ฉันเหลือน้องอยู่แค่คนเดียว

    ฉันว่ามันไม่ใช่อย่างที่แกคิดหรอก การที่อยู่โรงเรียนหญิงล้วนมาตลอดก็ใช่ว่าต้องชอบผู้หญิงเหมือนกันเสมอไปนะ แล้วอีกอย่าง น้องแกก็เรียนมหาลัยแล้ว ไม่ได้อยู่กับพวกผู้หญิงตลอดเวลาอีกแล้วนะ

    มันก็จริง แต่...

    แต่...อะไร

    แต่ช่วงนี้น้องฉันได้แต่พูดถึงเพื่อนคนหนึ่งตลอดเวลา

    เพื่อนอะไรของแกว่ะ

    เพื่อนผู้หญิง ริวย้ำเสียงแข็ง

    นี่ น้องแกจะมีเพื่อนก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่หว้า ไผ่ยังคงพยายามหาเหตุผลมาแย้งให้ริวรู้สึกดีขึ้น

    ก็ใช่ แต่ฉันว่าอิงมันสนิทกับเพื่อนคนนี้มากเกนไปล่ะสิ

    มากเกินไปยังไง

    ก็ อิงมักจะชมเพื่อนคนนี้ตลอดเวลา ไม่ว่าจะพูดอะไรจะทำอะไรก็มักจะมีเพื่อนคนนี้มาเกี่ยวทุกเรื่อง เออจริงสิ...อิงบอกว่าเพื่อนคนนี้แต่งเพลงให้กับที่นี่ด้วยนะพี่ พี่พอจะรู้จักนักแต่งเพลงที่ชื่อไชนบ้างไหม ริวหันไปถามพี่เมธีที่กำลังตั้งใจฟังเรื่องทั้งหมด

    พี่เมธีนิ่งเงียบพลางจ้องริวตาเขม็งจนริวต้องเรียกอีกรอบ พี่...พี่

    ไชน...ก็คืออัญชลีนั่นแหละ

    ...เหมือนทุกอย่างหยุดนิ่งหมด ริวแทบไม่เชื่อในสิ่งที่ตนได้ยิน ไชนก็คืออัญชลี คนที่ทุกคนต่างก็พูดถึง ทำไมฟ้าถึงได้เล่นตลกกับเขาอย่างนี้

    ทำใจเถอะริว โอ๊ดเดินเข้ามาตบบ่าเพราะรู้ว่าเพื่อนคงช็อกมาก

    นี่... แล้วเรื่องนี่มันเกี่ยวกับงานของเรายังไงเนี่ย ทำไมเราไม่เริ่มลงมือทำงานกันได้แล้ว วงSubstanceนี่จะคุยกันเรื่องนี่ไปทำไมเนี่ย พี่เมธีพูดเตือนสติให้ทุกคนเริ่มทำงานกันได้แล้ว ภายในใจนั้นไม่รู้ว่าควรพูดอะไรกับริวต่อดี หากคนที่อิงพูดถึงคือไชน ริวก็ควรทำใจซะ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×