ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ร่างทรง
บทที่2
    “กรี๊ดดดดดด....นั่นเจ้าชายพชร”เสียงกรี๊ดจากบรรดาสาวๆกลุ่มหนึ่ง ก่อนพวกเจ้าหล่อนจะวิ่งมาหาเจ้าชายร่างสูงที่โปรยยิ้มให้
    “อุ๊ย! คนนั้นใครน่ะหล่อระเบิดเลย”
    “ต๊าย นี่เจ้าไม่รู้จักเหรอ น้องบุญธรรมของเจ้าชายพชร เจ้าชายภาคิน.....ว่าที่สวามีของข้าไง”
    “เจ้าพี่ภาคินเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
    “อ๊ายยยยยย.... ภาคินน่ะหล่อเป็นบ้าเลย อย่างกะเจ้าชายน้ำแข็ง”
    “ดีเจ้าเอาภาคินไป พชรขอข้าแล้วกัน หวายยยยย  ยิ้มมาทางนี้ด้วย”
    ไม่กี่วินาทีบรรดาสาวน้อยใหญ่ก็มารุมล้อมสองหนุ่ม ฝ่ายพชรเองดูจะปรีดาสราญใจอยู่ไม่น้อย แต่ฝ่ายภาคินจอมอาละวาดนี่สิ.....
    “พวกเจ้าเป็นใครกัน อย่าขวางทางเซ่....พวกเจ้านี่มัน....โคตรน่ารำคาญเลย”
    เด็กสาวกลุ่มนั้นเงียบเสียงลงก่อนจะหลีกทางให้เด็กหนุ่มเดินผ่านไป
    “โหยยยย.......เท่ห์ชะมัดเวลาเค้าโมโหน่ะ”
    “อ๊ายยยยกรี๊ดสลบ”
    ภาคินโคลงหัวอย่างเอือมระอา ‘งานประชุมข้ามอาณาจักรบ้าไรฟะ’คิดพลางเดินไปตักอาหารที่โต๊ะไม้ยาวกลางห้องโถง จัดเรียงอาหารนานาประเภทอย่างประณีตงดงาม สิ่งเดียวที่ทำให้ภาคินอารมณ์เย็นลงได้
    “เจ้าชายกฤตราเสด็จแล้ววววววววววววววว”เสียงประกาศดังลั่นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างบาง นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินคงความสุขุมเกินวัย เจ้าชายน้อยสอดส่องสายตาไปมา ก่อนจะขยับยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินตรงไปดั่งพบจุดหมาย
    “กรี๊ดดดดดดดดด เจ้าชายกฤตรามานู่นแล้ว”บรรดาลูกสาวขุนนาง และเหล่าเจ้าหญิงหันเหความสนใจ ก่อนจะยกพวกไปทางเป้าหมายใหม่ ซึ่งเจ้าชายกฤตราผู้มีวาทศิลป์เป็นเลิศก็ยังรับมือได้อย่างดี
    “สาวงามทั้งหลาย ข้าขอตัวสักเดี๋ยว คงได้จับคู่กับท่านเมื่อถึงเวลาเต้นรำ”ก่อนจะเดินไปหาสาวงามนางหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะยืนรอเขาอยู่แล้ว เธอผู้งดงามกว่าใคร(ที่สำคัญไม่กรี๊ดกร๊าดรบกวนโสตประสาท)
    เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวสยายถึงสะโพกสมส่วน บางส่วนเกล้าหลวมๆ ปักตบแต่งด้วยบุษบาสีขาวนานาพันธุ์ ดวงหน้าละมุนและนัยน์ตาสีไพลินคู่โตดูอ่อนโยน ริมฝีปากกระจับสีเรื่อซึ่งบัดนี้คลี่ยิ้มเข้ากับพวงแก้มสีชมพูอ่อน
    “นังนั่นใครน่ะ ใช้น้ำมันพรายกับกฤตราของข้ารึไงยะ”
    “แหม.....ข่าวสารของอาณาจักรเจ้าล่าช้าขนาดนี้เชียวรึ นั่นเจ้าหญิงเภตราพระขนิษฐาฝาแฝดของเจ้าชายกฤตรา เธอเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้าไง ทำเป็นลืม”
    ‘หนวกหูชะมัด ให้ตายเซ่’ภาคินหันมาส่งสายตาอาฆาตให้สองสาวต้นเสียงที่ยืนอยู่แถวนั้น
    “ฮะๆ อย่าหัวเสียนักเลยเจ้าคิน”พชรกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ลงมือตักอาหารตรงหน้า “การประชุมจะเริ่มในอีกไม่ช้า เพราะบรรดาเสนาอำมาตย์ และเหล่ารัชทายาทจากอาณาจักรต่างๆเริ่มมากันครบแล้ว”
    “ดี......ข้าล่ะเบื่อ”
    “น่าจะชินได้แล้วนะ”
    “ข้าล่ะไม่เข้าใจ มางานประชุมทำไมต้องยกขโยงมาทั้งครอบครัว ทั้งชายา ทั้งลูกสาว หลานสาว น้องชาย พ่อตา มาซัก๒รึ๓คนก็น่าจะพอ”ภาคินบ่นงึมงำ ซึ่งผู้เป็นพระเชษฐาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ
    ‘เจ้านี่มันไม่มีความสามารถในการเข้าสังคมเอาซะเล้ยยยยยยยยยยยย....’
    “อาคันตุกะที่เข้าร่วมประชุมทุกท่าน องค์สดายุเชิญที่ห้องประชุมใหญ่”เสียงประกาศดังขึ้น หันเหความสนใจของราชอาคันตุกะทุกผู้ทุกคนสู่ห้องประชุมจริง
    “ขอต้อนรับสู่สุคันธานครแห่งภูติมายาอย่างเป็นทางการ ข้าสดายุใคร่ขอเปิดการประชุม”องค์สดายุกล่าวน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหันไปพะยักหน้าให้กฤตราผู้เป็นน้องชาย
    “การประชุมที่สุคันธาเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในครั้งนี้ ทุกท่านคงทราบถึงจุดประสงค์ดีว่าเป็นการประชุมในรอบ๑๐๐ปี คำทำนายในคัมภีร์แห่งเราปรากฏแล้ว”เจ้าชายน้อยกล่าวเสียงเรียบก่อนจะพลิกเอกสารบนมือไปมา นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่คมตวัดขึ้นมามองเหล่าอาคันตุกะ
“อโณทัยลาร่วงโรย ราตรีกาลจะโบยบิน กาละหมุนเวียนผกผิน มหาอสุรีจะกินกลืน เทพีผู้งามงดจะคืนฟื้น”
    เสียงเรียบของกฤตราเอื้อนเอ่ยคำทำนาย ความเงียบโรยตัวสู่เหล่าอาคันตุกะอย่างช้าๆ ความผวาเข้าเกาะกุมจิตใจ ฉุดทึ้งให้แสงแห่งความหวังดิ่งลงสู่ความไม่มี
    “ท่านจะบอกแก่เราว่า มหาสงครามอันน่าผวาจะฟื้นคืนดังหลายปีก่อน”เสียงของจักรพรรดินีสวรรยา (สะ-วัน-ละ-ยา) แห่งอาณาจักรศิรารินทร์ อาณาจักรแห่งสายธารมัสยา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่ว หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นไล้ผมสีชาสยายอย่างกังวล นัยน์เนตรสีทองหวานซึ้งแสดงออกถึงความผวาอย่างเห็นได้ชัด
    “รัตติกาลมันจะฟื้นจากการถูกสะกดงั้นรึ ล้อเล่นน่ะ”ภาคินทำสีหน้าปั้นยาก กฤตรายิ้มที่มุมปากก่อนจะเลื่อนตามามองผู้ตั้งคำถาม
    “มันไม่ได้จะฟื้น แต่มันฟื้นแล้ว ร่างทรงของมันฟื้นขึ้นมาเพื่อล้างแค้นร่างทรง.....ของเทพีสรัสวดี” สิ้นประโยค เรื่องราวของตำนานมหาศึกชิงพิภพก็ไหลเข้าสู่ห้วงความคิดของผู้ร่วมประชุม
“หึ นังเทพีตัวแสบ”เสียงจอมปีศาจตวาดลั่น นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยแววกราดเกรี้ยว “เจ้าสั่งเศษดินพวกนี้ให้ตรึงข้าไว้ได้ไม่นานหรอก”
    ร่างบางช้อนใบหน้าซีดเซียวขึ้นมามองร่างจอมปีศาจที่ถูกผืนปฐพีตรึงไว้ พลางเอ่ยกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อาจจะใช่ แต่ข้าจะทำแม้ชีวิตจะหาไม่ เพราะข้าทำเพื่อคนที่ข้ารัก ปีศาจอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก”
    “หุบปาก.... พวกเทพอย่างเจ้าก็ดีแต่อ้างตัวว่าเป็นผู้ประเสริฐ แต่ข้าขอถามเถิดพวกเจ้าฆ่าพี่น้องของข้าไปกี่ตนแล้ว หึ เจ้าก็เป็นได้แค่เทพีเศษสวะที่เที่ยวใช้วาจาสิทธิ์ของเจ้าสั่งนู่นนี่ไปทั่ว”แสยะยิ้มก่อนกระชากท่อนแขนแข็งแกร่งออกจากดินที่ตรึงแขนไว้ แล้วลูกไฟสีรัตติกาลก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของจอมปีศาจ
    “ลงนรกซะสรัสวดี”ร่างบางถูกพลังซัดกระเด็นก่อนจะกระอักเลือดออกมา
    “เจ้า.....เจ้ามารรัตติกาล..ขะ..ข้า ขอสั่งธรณีให้สูบเจ้า...ลงไป”น้ำเสียงสั่นระริกก่อนหยาดน้ำใสๆจะไหลริน ‘ทำไม เพราะอะไร ทั้งที่ข้า............ ไม่อยากฆ่าใคร’
    “หึๆ กระจ้อยร่อยเสียจริงพลังของเจ้า”ใบหน้าคมคายหล่อเหลาทว่าเย็นชาของจอมทัพแห่งเงาคลี่ยิ้มแสยะ “บอกลาโลกที่สวยงามของเจ้าเถิด” สรัสวดีปิดเปลือกตาลงอย่างสงบ
    ‘ขอโทษด้วยท่านพี่อัครา พี่หญิงธรณี และท่านเทพทั้งหลาย ข้าสกัดไว้ได้แค่นี้’ความคิดสุดท้ายของเทพีผู้งดงามก่อนจะสิ้นใจลงด้วยดาบนิลกาฬ
    “ม่ายยยยยยยยยยย น้องสรัสวดี”ร่างกำยำของชายหนุ่มพุ่งปราดเข้ามาคว้าร่างของเทพีผู้ไร้วิญญาณ ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะร่ายเวทเข้าซัดร่างฆาตกร
    “ข้าธรณี เทพีแห่งสรวงสวรรค์ไม่ยอมให้มารถ่อยสถุลย์อย่างเจ้าเยียบย่ำศักดิ์ศรีของน้องหญิงสรัสวดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว”หญิงสาวกล่าว
“ข้าเป็นพี่ที่แย่เสมอ สรัสวดีน้องข้า ข้าไม่น่าปล่อยให้เจ้าอยู่ต้านทัพมารที่หน้าเมืองอย่างนี้เลย ข้าขอโทษๆ”
อัคราเอ่ยเสียงแหบพร่า
    “เจ้าพี่ เจ้าพี่มาทัน  รักษาเมืองที่หญิงรักไว้ให้ได้นะเจ้าพี่.......อย่าร้องไห้สิ หญิงโกรธนะ.....อย่าร้องนะ พี่หญิงพิรุณรอพี่อยู่ในราชวัง  รักษาดวงใจของพี่ให้ดีนะ...แล้ว..แล้ว”สรัสวดีเอ่ยอย่างอ่อนแรง ดวงหน้าสวยยิ้มละไมอย่างอ่อนโยน นัยน์เนตรสีไพลินรื้นด้วยน้ำตา ความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาในสมองของอัครา เขาไม่ควรพรากสรัสวดีจากบุรุษที่นางรัก เขาทำพลาดกับนางหลายอย่าง......ขอโทษน้องหญิง พี่ขอโทษ
    “อย่าตายนะสรัสวดี ถ้าเจ้าตาย.....ถ้าเจ้า.....ตาย”มือเรียวยกขึ้นไล้ผิวหน้าของพระเชษฐา หญิงสาวยิ้มกว้าง ก่อนจะ....
    “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย....สรัสวดี”
    “ฆ่ามัน”น้ำเสียงเฉียบขาดไร้ความปราณีจากมหาเทพอัคราราชาแห่งทัพแสงกล่าว แล้วกองทัพเทพก็โถมกายเข้าหาร่างจอมทัพเงาที่ยืนหยัดอยู่เพียงลำพัง
   
ร่างของรัตติกาลทรุดฮวบลงจมกองเลือด สงครามของแสงและเงาจะจบลงแล้วหรือ??? เผ่าเงาจะแพ้เผ่าแสงงั้นหรือ??? ชายหนุ่มเลื่อนสายตาที่เปี่ยมด้วยความอาดูรไปทางร่างไร้วิญญาณของสรัสวดีที่อยู่ในอ้อมแขนของมหาเทพอัครา
    “ข้าขอสาปเจ้าสรัสวดี คราใดที่เจ้าได้ลงมาจุติ ขอให้ข้าได้ตามมาฆ่าเจ้าทุกชาติไป”คำสาปส่งสุดท้ายแล้วกาลอวสานของอสูรรัตติกาลก็มาถึง   
    “แฮ่กๆ.....”เสียงหอบกระชั้นของพชรก่อนเจ้าตัวจะตวัดนัยน์เนตรสีมรกตไปรอบห้องประชุม เหล่าอาคันตุกะจากอาณาจักรอื่นล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งสิ้น จะมีเพียงแต่องค์กษัตริย์สดายุและเจ้าชายกฤตราที่ปราศจากอาการใดๆ
    เจ้าชายน้อยแห่งสุคันธานั่งเอนหลังพิงพะนักเก้าอี้ไม้สักทองอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะยิ้มที่มุมปากเมื่อเวลาที่รอได้มาถึง
    “ท่านทำอะไร เจ้าชายกฤตรา”ภาคินถามเสียงเอาเรื่อง
    “ประวัติศาสตร์สงครามชิงพิภพเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไงเล่า....เรื่องที่เกี่ยวกับการจุติของหนึ่งเทพธิดาและอีกหนึ่งพญามาร”กฤตราตอบเสียงเรียบ
    “มหาสงครามจะเริ่มต้นอีกครั้ง....โลกของเราจะถึงกาลอวสานถ้าร่างทรงเทพีตาย....เราไม่มีผู้นำ แต่พวกปีศาจชั่วๆมันมี”เสียงของอาคันตุกะแห่งอาณาจักรมนุษย์แผดก้อง
    “ฝ่ายมันมีเท่าไหร่......”ราชินีสวรรยาเอ่ยถาม พลางเหลือบตาไปทางองค์สดายุที่นั่งยิ้มละไม
    “มีเผ่า ปีศาจ คนแคระ แล้วก็พวกวิญญาณ”พชรกล่าวเสียงเครียด “แต่พวกเรา เผ่าพรายจ้าวจะไม่ยอมให้พวกมันครองโลกได้เด็ดขาด”
    “แล้วที่ประชุมมาทั้งหมด ท่านได้ตามหาตัวร่างทรงเทพีรึยัง”อาคันตุกะเผ่ามนุษย์ถาม พลางขมวดคิ้วมุ่น
    “ร่างทรงเทพีสรัสวดี อยู่ตรงหน้าท่านแล้ว”กฤตรากล่าวเสียงเรียบก่อนจะผายมือไปทางร่างของหญิงสาวร่างอรชร ..เจ้าหญิงเภตราแห่งสุคันธา!!!!
    “กรี๊ดดดดดด....นั่นเจ้าชายพชร”เสียงกรี๊ดจากบรรดาสาวๆกลุ่มหนึ่ง ก่อนพวกเจ้าหล่อนจะวิ่งมาหาเจ้าชายร่างสูงที่โปรยยิ้มให้
    “อุ๊ย! คนนั้นใครน่ะหล่อระเบิดเลย”
    “ต๊าย นี่เจ้าไม่รู้จักเหรอ น้องบุญธรรมของเจ้าชายพชร เจ้าชายภาคิน.....ว่าที่สวามีของข้าไง”
    “เจ้าพี่ภาคินเป็นของเจ้าตั้งแต่เมื่อไหร่ยะ”
    “อ๊ายยยยยย.... ภาคินน่ะหล่อเป็นบ้าเลย อย่างกะเจ้าชายน้ำแข็ง”
    “ดีเจ้าเอาภาคินไป พชรขอข้าแล้วกัน หวายยยยย  ยิ้มมาทางนี้ด้วย”
    ไม่กี่วินาทีบรรดาสาวน้อยใหญ่ก็มารุมล้อมสองหนุ่ม ฝ่ายพชรเองดูจะปรีดาสราญใจอยู่ไม่น้อย แต่ฝ่ายภาคินจอมอาละวาดนี่สิ.....
    “พวกเจ้าเป็นใครกัน อย่าขวางทางเซ่....พวกเจ้านี่มัน....โคตรน่ารำคาญเลย”
    เด็กสาวกลุ่มนั้นเงียบเสียงลงก่อนจะหลีกทางให้เด็กหนุ่มเดินผ่านไป
    “โหยยยย.......เท่ห์ชะมัดเวลาเค้าโมโหน่ะ”
    “อ๊ายยยยกรี๊ดสลบ”
    ภาคินโคลงหัวอย่างเอือมระอา ‘งานประชุมข้ามอาณาจักรบ้าไรฟะ’คิดพลางเดินไปตักอาหารที่โต๊ะไม้ยาวกลางห้องโถง จัดเรียงอาหารนานาประเภทอย่างประณีตงดงาม สิ่งเดียวที่ทำให้ภาคินอารมณ์เย็นลงได้
    “เจ้าชายกฤตราเสด็จแล้ววววววววววววววว”เสียงประกาศดังลั่นพร้อมกับการปรากฏตัวของร่างบาง นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินคงความสุขุมเกินวัย เจ้าชายน้อยสอดส่องสายตาไปมา ก่อนจะขยับยิ้มที่มุมปาก แล้วเดินตรงไปดั่งพบจุดหมาย
    “กรี๊ดดดดดดดดด เจ้าชายกฤตรามานู่นแล้ว”บรรดาลูกสาวขุนนาง และเหล่าเจ้าหญิงหันเหความสนใจ ก่อนจะยกพวกไปทางเป้าหมายใหม่ ซึ่งเจ้าชายกฤตราผู้มีวาทศิลป์เป็นเลิศก็ยังรับมือได้อย่างดี
    “สาวงามทั้งหลาย ข้าขอตัวสักเดี๋ยว คงได้จับคู่กับท่านเมื่อถึงเวลาเต้นรำ”ก่อนจะเดินไปหาสาวงามนางหนึ่ง ที่ดูเหมือนจะยืนรอเขาอยู่แล้ว เธอผู้งดงามกว่าใคร(ที่สำคัญไม่กรี๊ดกร๊าดรบกวนโสตประสาท)
    เด็กสาวผมสีน้ำตาลเข้มยาวสยายถึงสะโพกสมส่วน บางส่วนเกล้าหลวมๆ ปักตบแต่งด้วยบุษบาสีขาวนานาพันธุ์ ดวงหน้าละมุนและนัยน์ตาสีไพลินคู่โตดูอ่อนโยน ริมฝีปากกระจับสีเรื่อซึ่งบัดนี้คลี่ยิ้มเข้ากับพวงแก้มสีชมพูอ่อน
    “นังนั่นใครน่ะ ใช้น้ำมันพรายกับกฤตราของข้ารึไงยะ”
    “แหม.....ข่าวสารของอาณาจักรเจ้าล่าช้าขนาดนี้เชียวรึ นั่นเจ้าหญิงเภตราพระขนิษฐาฝาแฝดของเจ้าชายกฤตรา เธอเป็นว่าที่พี่สะใภ้ของข้าไง ทำเป็นลืม”
    ‘หนวกหูชะมัด ให้ตายเซ่’ภาคินหันมาส่งสายตาอาฆาตให้สองสาวต้นเสียงที่ยืนอยู่แถวนั้น
    “ฮะๆ อย่าหัวเสียนักเลยเจ้าคิน”พชรกล่าวขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วก็ลงมือตักอาหารตรงหน้า “การประชุมจะเริ่มในอีกไม่ช้า เพราะบรรดาเสนาอำมาตย์ และเหล่ารัชทายาทจากอาณาจักรต่างๆเริ่มมากันครบแล้ว”
    “ดี......ข้าล่ะเบื่อ”
    “น่าจะชินได้แล้วนะ”
    “ข้าล่ะไม่เข้าใจ มางานประชุมทำไมต้องยกขโยงมาทั้งครอบครัว ทั้งชายา ทั้งลูกสาว หลานสาว น้องชาย พ่อตา มาซัก๒รึ๓คนก็น่าจะพอ”ภาคินบ่นงึมงำ ซึ่งผู้เป็นพระเชษฐาก็ได้แต่ถอนหายใจอย่างปลงๆ
    ‘เจ้านี่มันไม่มีความสามารถในการเข้าสังคมเอาซะเล้ยยยยยยยยยยยย....’
    “อาคันตุกะที่เข้าร่วมประชุมทุกท่าน องค์สดายุเชิญที่ห้องประชุมใหญ่”เสียงประกาศดังขึ้น หันเหความสนใจของราชอาคันตุกะทุกผู้ทุกคนสู่ห้องประชุมจริง
    “ขอต้อนรับสู่สุคันธานครแห่งภูติมายาอย่างเป็นทางการ ข้าสดายุใคร่ขอเปิดการประชุม”องค์สดายุกล่าวน้ำเสียงจริงจังก่อนจะหันไปพะยักหน้าให้กฤตราผู้เป็นน้องชาย
    “การประชุมที่สุคันธาเป็นเจ้าภาพจัดขึ้นในครั้งนี้ ทุกท่านคงทราบถึงจุดประสงค์ดีว่าเป็นการประชุมในรอบ๑๐๐ปี คำทำนายในคัมภีร์แห่งเราปรากฏแล้ว”เจ้าชายน้อยกล่าวเสียงเรียบก่อนจะพลิกเอกสารบนมือไปมา นัยน์ตาสีน้ำเงินคู่คมตวัดขึ้นมามองเหล่าอาคันตุกะ
“อโณทัยลาร่วงโรย ราตรีกาลจะโบยบิน กาละหมุนเวียนผกผิน มหาอสุรีจะกินกลืน เทพีผู้งามงดจะคืนฟื้น”
    เสียงเรียบของกฤตราเอื้อนเอ่ยคำทำนาย ความเงียบโรยตัวสู่เหล่าอาคันตุกะอย่างช้าๆ ความผวาเข้าเกาะกุมจิตใจ ฉุดทึ้งให้แสงแห่งความหวังดิ่งลงสู่ความไม่มี
    “ท่านจะบอกแก่เราว่า มหาสงครามอันน่าผวาจะฟื้นคืนดังหลายปีก่อน”เสียงของจักรพรรดินีสวรรยา (สะ-วัน-ละ-ยา) แห่งอาณาจักรศิรารินทร์ อาณาจักรแห่งสายธารมัสยา เอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงแผ่ว หญิงสาวยกมือเรียวขึ้นไล้ผมสีชาสยายอย่างกังวล นัยน์เนตรสีทองหวานซึ้งแสดงออกถึงความผวาอย่างเห็นได้ชัด
    “รัตติกาลมันจะฟื้นจากการถูกสะกดงั้นรึ ล้อเล่นน่ะ”ภาคินทำสีหน้าปั้นยาก กฤตรายิ้มที่มุมปากก่อนจะเลื่อนตามามองผู้ตั้งคำถาม
    “มันไม่ได้จะฟื้น แต่มันฟื้นแล้ว ร่างทรงของมันฟื้นขึ้นมาเพื่อล้างแค้นร่างทรง.....ของเทพีสรัสวดี” สิ้นประโยค เรื่องราวของตำนานมหาศึกชิงพิภพก็ไหลเข้าสู่ห้วงความคิดของผู้ร่วมประชุม
“หึ นังเทพีตัวแสบ”เสียงจอมปีศาจตวาดลั่น นัยน์ตาเปี่ยมไปด้วยแววกราดเกรี้ยว “เจ้าสั่งเศษดินพวกนี้ให้ตรึงข้าไว้ได้ไม่นานหรอก”
    ร่างบางช้อนใบหน้าซีดเซียวขึ้นมามองร่างจอมปีศาจที่ถูกผืนปฐพีตรึงไว้ พลางเอ่ยกล่าววาจาด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “อาจจะใช่ แต่ข้าจะทำแม้ชีวิตจะหาไม่ เพราะข้าทำเพื่อคนที่ข้ารัก ปีศาจอย่างเจ้าไม่มีวันเข้าใจหรอก”
    “หุบปาก.... พวกเทพอย่างเจ้าก็ดีแต่อ้างตัวว่าเป็นผู้ประเสริฐ แต่ข้าขอถามเถิดพวกเจ้าฆ่าพี่น้องของข้าไปกี่ตนแล้ว หึ เจ้าก็เป็นได้แค่เทพีเศษสวะที่เที่ยวใช้วาจาสิทธิ์ของเจ้าสั่งนู่นนี่ไปทั่ว”แสยะยิ้มก่อนกระชากท่อนแขนแข็งแกร่งออกจากดินที่ตรึงแขนไว้ แล้วลูกไฟสีรัตติกาลก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของจอมปีศาจ
    “ลงนรกซะสรัสวดี”ร่างบางถูกพลังซัดกระเด็นก่อนจะกระอักเลือดออกมา
    “เจ้า.....เจ้ามารรัตติกาล..ขะ..ข้า ขอสั่งธรณีให้สูบเจ้า...ลงไป”น้ำเสียงสั่นระริกก่อนหยาดน้ำใสๆจะไหลริน ‘ทำไม เพราะอะไร ทั้งที่ข้า............ ไม่อยากฆ่าใคร’
    “หึๆ กระจ้อยร่อยเสียจริงพลังของเจ้า”ใบหน้าคมคายหล่อเหลาทว่าเย็นชาของจอมทัพแห่งเงาคลี่ยิ้มแสยะ “บอกลาโลกที่สวยงามของเจ้าเถิด” สรัสวดีปิดเปลือกตาลงอย่างสงบ
    ‘ขอโทษด้วยท่านพี่อัครา พี่หญิงธรณี และท่านเทพทั้งหลาย ข้าสกัดไว้ได้แค่นี้’ความคิดสุดท้ายของเทพีผู้งดงามก่อนจะสิ้นใจลงด้วยดาบนิลกาฬ
    “ม่ายยยยยยยยยยย น้องสรัสวดี”ร่างกำยำของชายหนุ่มพุ่งปราดเข้ามาคว้าร่างของเทพีผู้ไร้วิญญาณ ก่อนที่หญิงสาวอีกคนจะร่ายเวทเข้าซัดร่างฆาตกร
    “ข้าธรณี เทพีแห่งสรวงสวรรค์ไม่ยอมให้มารถ่อยสถุลย์อย่างเจ้าเยียบย่ำศักดิ์ศรีของน้องหญิงสรัสวดีไปมากกว่านี้อีกแล้ว”หญิงสาวกล่าว
“ข้าเป็นพี่ที่แย่เสมอ สรัสวดีน้องข้า ข้าไม่น่าปล่อยให้เจ้าอยู่ต้านทัพมารที่หน้าเมืองอย่างนี้เลย ข้าขอโทษๆ”
อัคราเอ่ยเสียงแหบพร่า
    “เจ้าพี่ เจ้าพี่มาทัน  รักษาเมืองที่หญิงรักไว้ให้ได้นะเจ้าพี่.......อย่าร้องไห้สิ หญิงโกรธนะ.....อย่าร้องนะ พี่หญิงพิรุณรอพี่อยู่ในราชวัง  รักษาดวงใจของพี่ให้ดีนะ...แล้ว..แล้ว”สรัสวดีเอ่ยอย่างอ่อนแรง ดวงหน้าสวยยิ้มละไมอย่างอ่อนโยน นัยน์เนตรสีไพลินรื้นด้วยน้ำตา ความรู้สึกผิดประเดประดังเข้ามาในสมองของอัครา เขาไม่ควรพรากสรัสวดีจากบุรุษที่นางรัก เขาทำพลาดกับนางหลายอย่าง......ขอโทษน้องหญิง พี่ขอโทษ
    “อย่าตายนะสรัสวดี ถ้าเจ้าตาย.....ถ้าเจ้า.....ตาย”มือเรียวยกขึ้นไล้ผิวหน้าของพระเชษฐา หญิงสาวยิ้มกว้าง ก่อนจะ....
    “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย....สรัสวดี”
    “ฆ่ามัน”น้ำเสียงเฉียบขาดไร้ความปราณีจากมหาเทพอัคราราชาแห่งทัพแสงกล่าว แล้วกองทัพเทพก็โถมกายเข้าหาร่างจอมทัพเงาที่ยืนหยัดอยู่เพียงลำพัง
   
ร่างของรัตติกาลทรุดฮวบลงจมกองเลือด สงครามของแสงและเงาจะจบลงแล้วหรือ??? เผ่าเงาจะแพ้เผ่าแสงงั้นหรือ??? ชายหนุ่มเลื่อนสายตาที่เปี่ยมด้วยความอาดูรไปทางร่างไร้วิญญาณของสรัสวดีที่อยู่ในอ้อมแขนของมหาเทพอัครา
    “ข้าขอสาปเจ้าสรัสวดี คราใดที่เจ้าได้ลงมาจุติ ขอให้ข้าได้ตามมาฆ่าเจ้าทุกชาติไป”คำสาปส่งสุดท้ายแล้วกาลอวสานของอสูรรัตติกาลก็มาถึง   
    “แฮ่กๆ.....”เสียงหอบกระชั้นของพชรก่อนเจ้าตัวจะตวัดนัยน์เนตรสีมรกตไปรอบห้องประชุม เหล่าอาคันตุกะจากอาณาจักรอื่นล้วนตกอยู่ในสภาพเดียวกันทั้งสิ้น จะมีเพียงแต่องค์กษัตริย์สดายุและเจ้าชายกฤตราที่ปราศจากอาการใดๆ
    เจ้าชายน้อยแห่งสุคันธานั่งเอนหลังพิงพะนักเก้าอี้ไม้สักทองอย่างสบายอารมณ์ ก่อนจะยิ้มที่มุมปากเมื่อเวลาที่รอได้มาถึง
    “ท่านทำอะไร เจ้าชายกฤตรา”ภาคินถามเสียงเอาเรื่อง
    “ประวัติศาสตร์สงครามชิงพิภพเมื่อหลายร้อยปีก่อนยังไงเล่า....เรื่องที่เกี่ยวกับการจุติของหนึ่งเทพธิดาและอีกหนึ่งพญามาร”กฤตราตอบเสียงเรียบ
    “มหาสงครามจะเริ่มต้นอีกครั้ง....โลกของเราจะถึงกาลอวสานถ้าร่างทรงเทพีตาย....เราไม่มีผู้นำ แต่พวกปีศาจชั่วๆมันมี”เสียงของอาคันตุกะแห่งอาณาจักรมนุษย์แผดก้อง
    “ฝ่ายมันมีเท่าไหร่......”ราชินีสวรรยาเอ่ยถาม พลางเหลือบตาไปทางองค์สดายุที่นั่งยิ้มละไม
    “มีเผ่า ปีศาจ คนแคระ แล้วก็พวกวิญญาณ”พชรกล่าวเสียงเครียด “แต่พวกเรา เผ่าพรายจ้าวจะไม่ยอมให้พวกมันครองโลกได้เด็ดขาด”
    “แล้วที่ประชุมมาทั้งหมด ท่านได้ตามหาตัวร่างทรงเทพีรึยัง”อาคันตุกะเผ่ามนุษย์ถาม พลางขมวดคิ้วมุ่น
    “ร่างทรงเทพีสรัสวดี อยู่ตรงหน้าท่านแล้ว”กฤตรากล่าวเสียงเรียบก่อนจะผายมือไปทางร่างของหญิงสาวร่างอรชร ..เจ้าหญิงเภตราแห่งสุคันธา!!!!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น