ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : กษัตริย์รึนี่?????
บทที่1
    ‘อา......ทำไมถึงอบอุ่นเช่นนี้ สัมผัสที่อ่อนโยนและแผ่วเบา หอมหวานละไม’แสงสว่างเจิดจ้ารอบตัวทำให้คิดไปต่างๆนาๆ เด็กหนุ่มเพ่งมองไปทางบางอย่างที่ไหวตัวอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ‘ผู้หญิง.....’
    “เฮ้....เจ้าเป็นใครน่ะ”ทันทีที่เขาเอื้อมมือออกไปสิ่งรอบตัวก็ผันเปลี่ยน จากความว่างเปล่าปรากฏทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ต้นหญ้าสีเขียวอ่อนที่ปลิวไสวโอนเอนตามสายลมตัดกับท้องนภายามเช้าสดใส กลีบเมฆปุยขาวกระจายเต็มท้องฟ้าดั่งถูกเหล่าเทพธิดาจัดเรียง ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปรากฏเด็กสาวคนหนึ่ง เรือนร่างอรชรของเธอถูกบดบังด้วยแพรพรรณสีขาวเนื้อดี เส้นผมสีนิลละเอียดยาวสลวยพริ้วไหวตามสายลม
    เจ้าหล่อนหาได้หันกลับมาไม่ แต่กลับหัวเราะนิดๆประหนึ่งรับรู้ถึงการมาของเด็กหนุ่ม
    “เจ้าเป็นใคร ข้าถามไปก็ตอบมาสิ”เด็กหนุ่มตวาดกลับเพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก แต่สาวงามก็ไม่ยอมหยุดหัวเราะ
    “เจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา”เด็กสาวเอ่ยตอบด้วยสุรเสียงหวานหู
    “เฮ้ เดี๋ยวเซ่ อย่าพึ่งไป”เด็กหนุ่มตะโกนเมื่อภาพรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นความมืด
    “เราได้พบกันอีกคราแน่”เสียงแผ่วเบาดังขึ้นที่กกหูของเด็กหนุ่ม
    “เฮือก”นัยน์เนตรคู่คมสีม่วงเบิกโพลงก่อนจะรีบปิดกลับเพราะแสงตะวันยามเช้า เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พลางนั่งบีบขมับอย่างครุ่นคิด
    “หนูภาคินเอ๊ย ตื่นเถิดนะยอดดวงจาย”เสียงของใครบางคนดังมาจากนอกห้องนอนของเด็กหนุ่มนามภาคิน คนถูกเรียกถอนหายใจ
    “ตื่นเถิดยอดขมองอี่มมมมมมมมมมมมมมมมมม”เสียงนั้นแหกปากร้องเพลงไม่หยุด คนพึ่งตื่นยกมืออุดหูพลางสบถด่ากลับไป
    “ไอ้หอกเอ๊ย แกน่ะเงียบเลยไป”
    “โอ๊ะ อย่ามาขึ้นเสียงกะข้านะ รีบๆลุกได้แล้ว ถ้าเจ้าช้า เดี๋ยวมีดีให้เจอแน่ไอ้ภาคิน”พูดพลางเล่นผมละเอียดของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เด็กหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากเมื่อรับรู้ได้ว่าเหล่านางกำนัลที่ผ่านไปมาอึ้งทึ่งในความหล่อของตน
    “ปัง!!!!!!!!”ประตูไม้สลักบานใหญ่เปิดออก พร้อมกับที่ภาคินชะโงกศีรษะอันยุ่งเหยิงออกมา นัยน์เนตรสีม่วงหันมามองพระเชษฐาอย่างไม่สบอารมณ์
    “นี่แกคือการอาบน้ำของแกเหรอวะ”
    “ข้านี่นาไม่ใช่พี่....พชร (พะ-ชะ-ระ)”ตอบกลับก่อนจะหาวหวอดใหญ่ “ไปซะทีเซ่ ยืนเป็นผีเฝ้าประตูอยู่ได้”
    เด็กหนุ่มนามพชรกุมขมับก่อนจะออกเดินตามไป ‘ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมีสาวมาต่อแถวรอเป็นชายามันนับร้อย’คิดพลางถอนหายใจก่อนจะปรายตามองภาคินที่เดินนำลิ่วๆ
    “อาคันตุกะแห่งจิลลาภัทรเสด็จแล้วววววววววววววววววววววววววว”เสียงประกาศดังกึกก้องพร้อมกันที่ร่างสูงสองร่างก้าวเท้าเข้าสู่ท้องพระโรง
    หนึ่งคือเด็กหนุ่มร่างสูงสมส่วน ผมสีดำขลับยาวละต้นคอแลดูยุ่งเหยิง ดวงหน้าขาวซีดคมคาย หล่อเหลาราวรูปสลัก นัยน์เนตรสีม่วงคู่คมที่ดูไม่ยี่หระกับสภาพตัวเอง ต่างลิบลับกับเด็กหนุ่มอีกคน(ที่ดูจะสูงน้อยกว่าซักหน่อย...หน่อยเดียวเท่านั้น) ผมสีทองยาวสลวยที่ถักเปียไว้อย่างเป็นระเบียบ ตัดกับผิวสองสีทีเจ้าตัวดูจะภาคภูมิใจ เชือกสีดำที่ผูกอยู่รอบศีรษะห้อยหินสีมรกตสีเดียวกับนัยน์ตาคู่คมมากเล่ห์ กับรูปแบบการแต่งตัวที่ดูเหนือชั้นกว่าอย่างที่เด็กหนุ่มข้างๆไม่มีวันเทียบติด สองร่างของหนุ่มหล่อที่เดินตามกันมาเป็นเป้าสายตาของเหล่านางกำนัลในท้องพระโรงแทบทุกคู่
    ท้องพระโรงของพระราชวังแห่งอาณาจักรสุคันธาแลดูโอ่อ่าด้วยการตบแต่งตามแบบสถาปัตยกรรมภูติโบราณ บัลลังก์สูงแห่งกษัตริย์แกะสลักอย่างวิตรงดงาม หลังม่านสีขาวปรากฏเงาของบุรุษผู้หนึ่ง
    “เปิดม่าน”เสียงป่าวประกาศดังขึ้น พร้อมกับที่ม่านสีขาวเปิดออกช้าๆ พร้อมกับการมาเยือนของความตะลึงอึ้งทึ่งของสองอาคันตุกะ
    ร่างบางของเด็กหนุ่มหน้าหวานนั่งพิงพะนักบัลลังก์ ผมสีนิลละเอียดไล้ล้อมกรอบหน้าได้รูป ตัดชัดเจนกับผิวสีขาวซีด ริมฝีปากบางสีเรื่อคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างเปี่ยมเลศนัย นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินลึกสุดหยั่งปรายมองมาทางสองอาคันตุกะอย่างสงบนิ่ง
    “ถวายบังคมองค์กษัตริย์สดายุ”สองอาคันตุกะกล่าวขึ้นพลางแสดงความเคารพ
   
    ‘นี่น่ะรึที่ท่านพ่อนับถือ’ภาคินคิดพลางปรายตามองพชรซึ่งบัดนี้ตีหน้าเครียด เด็กหนุ่มยักไหล่ ‘โลกนี้ช่างมีปริศนามากมายเสียจริง’
    ‘เด็ก.....ยังไงก็ยังเป็นเด็ก’พชรคิดพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์องค์กษัตริย์เบื้องหน้า นี่น่ะหรือกษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถ รวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนน้อยใหญ่ สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้กับสุคันธาหลังจากบัลลังก์สั่นครอนมานับสิบปี เด็กน้อยที่ดูจะยังไม่ครบ๑๕ชันษาดีด้วยซ้ำ ‘รู้มาจากท่านพ่อว่าองค์สดายุยังทรงเยาว์แต่ไม่คิดว่า....’
    “ข้าเจ้าชายพชร พร้อมด้วยพระอนุชา เจ้าชายภาคินแห่งจิลลาภัทร เมืองหลวงแห่งเผ่าพรายจ้าวได้เดินทางมายังอาณาจักรท่านตามคำเชื้อเชิญแล้ว ก่อนอื่นข้าใคร่ขอถามว่าการประชุมจะเริ่มขึ้นเมื่อไร องค์สดายุ”
สุรเสียงหนักแน่นของพชรดังขึ้น
    “หึ”เด็กหนุ่มผู้เป็นกษัตริย์หัวเราะในลำคอ “ถ้าข้าตอบท่านว่าข้าไม่ได้เชิญท่านมาล่ะ”
    ภาคินซึ่งกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเมื่อได้ยินคำตอบจากสดายุก็หันขวับกลับไปจ้อง เด็กหนุ่มบนบัลลังก์คลี่ยิ้มน้อยๆ พชรอ้าปากค้างก่อนจะรวบรวมสติใหม่
    “เอ่อออออ........ครือว่า มีสาส์นจากท่าน พร้อมลงตราประทับแห่งกษัตริย์สุคันธาไป”
    “ไม่คิดบ้างรึว่าเป็นของปลอม”องค์สดายุคลี่ยิ้มมากขึ้นไปอีก
    “ ..”
    “ประทานโทษองค์กษัตริย์ มีผู้ส่งสาส์นจากสุคันธาไปเยือนท้องพระโรงจิลลาภัทรเมื่อ๕วันก่อน ในสาส์นนั้นมีตราประทับอย่างชัดเจน แต่ถ้าท่านยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ส่ง พวกข้าก็จะขอลากลับ และขอขอบพระคุณสำหรับมื้อค่ำของเมื่อวานและห้องพัก”ภาคินตอบขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกให้พชรหันมามองตาโต แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ยี่หระอะไร พลางหมุนตัวกลับ แล้วก็โดนคว้าหมับทันควัน
    “เจ้าคิน ลองคุยให้รู้เรื่องก่อนดิ”เจ้าชายหน้าเครียดพลางกระซิบกลับมา เด็กหนุ่มกลอกนัยน์เนตรสีม่วงไปมาอย่างเหลืออด ก่อนจะสบเข้ากับพระพักตร์ของสดายุที่คลี่ยิ้มละไม
    “เจ้าใช่องค์กษัตริย์แน่รึเปล่า”คำถามของคนที่เริ่มไม่สบอารมณ์ดังขึ้น แล้วความเงียบก็มาเยือนท้องพระโรง
    “ ....”พชรเบิกตากว้างอีกเป็นรอบที่สอง ก่อนเจ้าตัวจะเรียกสติกลับคืนมา แล้วหันมาขู่สหายด้วยน้ำเสียงสยอง “แกตายแน่”
    “ประทานโทษองค์สดายุ อย่าไปใส่ใจคำพูดของพระอนุชาข้าเลยพะย่ะค่ะ สติฟั่นเฟือง”พชรโบกไม้โบกมือพัลวัน
    กษัตริย์ตัวน้อยหลับตาลงก่อนจะลืมตาใหม่อีกครั้ง พระองค์เสด็จลงมากจากบัลลังก์ประจัญหน้ากับอาคันตุกะสองคน
    ร่างบางของผู้เป็นกษัตริย์สูงเพียงไหล่ของสองหนุ่ม แต่กลับรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขราม และความน่ากลัว ภายใต้ท่าทีที่ดูสบายๆกับรอยยิ้มที่ใสซื่อยังซ่อนอะไรไว้อีกมากมาย
    “ตกลง ข้าจะบอกเจ้าพี่ให้ว่าอย่าไปฟังเจ้านั่น แล้วว่างๆข้าจะถามเจ้าพี่ให้ว่าได้ส่งสาส์นไปจิลลาภัทรรึไม่”เขาหัวเราะคิกๆคักๆอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินจากไป
   
    นัยน์เนตรสีเขียวเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำตอบ ‘ยากเกินเข้าใจ ให้ตายดิ เล่นอะไรกันเนี่ย’ เด็กหนุ่มหันไปมองรอบๆตัวเพื่อหวังจะหาคนแถลงคำตอบที่ชัดเจน แต่บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์ก็มีแต่หันไปทางอื่นอย่างไม่ไยดี ในที่สุดพชรก็หันหน้ามาทางสหายเพียงคนเดียวที่พอจะพึ่งได้
    “เรามาถูกเมืองรึเปล่าวะ คิน”
    “@#~+%1?!&”คนถูกเรียกสบถงึมงำก่อนจะส่งสายตาอาฆาตมาทางพชร “ถ้าพี่ไม่ลากข้ามาวุ่นวายนี่จะตายเอาให้ได้ใช่มั๊ย”
    ‘เข้าใจแล้วว่าทำไมองค์กษัตริย์ตัวน้อยถึงได้น่ากลัวขนาดท่านพ่อยังนับถือ’พชรคิดอย่างปลงๆขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ   
    “องค์กษัตริย์สดายุเสด็จแล้ววววววววววววววว”
    ร่างสูงสง่าของผู้ที่ถูกกล่าวเรียกว่าองค์สดายุเป็นครั้งที่สอง บุรุษผมสีน้ำตาลเข้มที่รวบเป็นหางม้า ทิ้งผมบางส่วนลงปรกหน้า นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินเปรยมองมาทางสองอาคันตุกะก่อนจะคลี่ยิ้ม แล้วก้าวย่างขึ้นสู่บัลลังก์    “ขอต้อนรับท่านอาคันตุกะทั้งสอง เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อย .ขออภัยที่ข้ามาช้า”สุรเสียงเปี่ยมอำนาจทว่ารับรู้ได้ถึงความเมตตาของคนตรงหน้า บุรุษผู้นี้.....
    “ท่านเป็นใคร”เร็วเท่าความคิด ภาคินถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เนื่องด้วยอารมณ์ค้างจากเหตุการณ์เมื่อครู่
    “โป๊ก”มะเหงกเอื้ออาทรจากพชรกระทบลงกลางกระหม่อมของคนปากมอม
    “โอ๊ย”
    “ท่านไม่เคยมาเร็วอยู่แล้วเจ้าพี่”เด็กหนุ่มผู้นำความสยองมาสู่อาคันตุกะทั้งสองเมื่อครู่ปรากฏกายขึ้นข้างกษัตริย์ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
    “เฮ้ยเจ้าเด็กนั่น”ภาคินพึมพำ เด็กหนุ่มปริศนาตวัดตามามอง ก่อนจะคลี่ยิ้มละไมอย่างรับรู้ถึงคำพึมพำนั้น แล้วก้าวย่างลงมาจากบัลลังก์
    “ข้ากฤตรา หวังว่าคราวหน้าท่านคงเรียกถูก.....อ้อ เจ้าพี่ เจ้าชายพชรฝากมาเตือนท่านว่าอย่าฟังความจากบุรุษผู้นี้มากนัก”ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไป เหตุการณ์เมื่อครู่เรียกให้องค์กษัตริย์หัวเราะในลำคอ
    “นั่นอนุชาข้าเอง”
    “อนุชาท่าน?????”พชรถามเสียงสนเท่ห์
    “ช่ายยยยยยยยย มักว่าการแทนข้าเสมอ พวกท่านโชคไม่ค่อยดีนักที่เจอกฤตราต้อนรับ”    “ท่านจะมีประชุมเรื่องอะไรก็ว่ามา ข้าว่าเราน่าจะเริ่มเข้า...โอ๊ย!!!!”มะเหงกเอื้ออาทรลอยมาอีกรอบ   
“หึๆ มิน่าวันนี้กฤตราดูมีความสุขตอนไปตามข้ามา เพราะพวกเจ้านี่เอง ชาวจิลลาภัทรน่าสนใจเสมอเลยนะ”องค์สดายุคลี่ยิ้มละไม ซึ่งผู้ถูกชมว่าน่าสนใจทั้งคู่แอบลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างสยองอยู่ในซอกหลืบของหัวใจ   
    ‘อา......ทำไมถึงอบอุ่นเช่นนี้ สัมผัสที่อ่อนโยนและแผ่วเบา หอมหวานละไม’แสงสว่างเจิดจ้ารอบตัวทำให้คิดไปต่างๆนาๆ เด็กหนุ่มเพ่งมองไปทางบางอย่างที่ไหวตัวอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า ‘ผู้หญิง.....’
    “เฮ้....เจ้าเป็นใครน่ะ”ทันทีที่เขาเอื้อมมือออกไปสิ่งรอบตัวก็ผันเปลี่ยน จากความว่างเปล่าปรากฏทุ่งหญ้ากว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ต้นหญ้าสีเขียวอ่อนที่ปลิวไสวโอนเอนตามสายลมตัดกับท้องนภายามเช้าสดใส กลีบเมฆปุยขาวกระจายเต็มท้องฟ้าดั่งถูกเหล่าเทพธิดาจัดเรียง ใต้ต้นไม้ใหญ่ร่มรื่นปรากฏเด็กสาวคนหนึ่ง เรือนร่างอรชรของเธอถูกบดบังด้วยแพรพรรณสีขาวเนื้อดี เส้นผมสีนิลละเอียดยาวสลวยพริ้วไหวตามสายลม
    เจ้าหล่อนหาได้หันกลับมาไม่ แต่กลับหัวเราะนิดๆประหนึ่งรับรู้ถึงการมาของเด็กหนุ่ม
    “เจ้าเป็นใคร ข้าถามไปก็ตอบมาสิ”เด็กหนุ่มตวาดกลับเพราะเขินจนทำอะไรไม่ถูก แต่สาวงามก็ไม่ยอมหยุดหัวเราะ
    “เจ้าจะรู้เองเมื่อถึงเวลา”เด็กสาวเอ่ยตอบด้วยสุรเสียงหวานหู
    “เฮ้ เดี๋ยวเซ่ อย่าพึ่งไป”เด็กหนุ่มตะโกนเมื่อภาพรอบตัวแปรเปลี่ยนเป็นความมืด
    “เราได้พบกันอีกคราแน่”เสียงแผ่วเบาดังขึ้นที่กกหูของเด็กหนุ่ม
    “เฮือก”นัยน์เนตรคู่คมสีม่วงเบิกโพลงก่อนจะรีบปิดกลับเพราะแสงตะวันยามเช้า เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก พลางนั่งบีบขมับอย่างครุ่นคิด
    “หนูภาคินเอ๊ย ตื่นเถิดนะยอดดวงจาย”เสียงของใครบางคนดังมาจากนอกห้องนอนของเด็กหนุ่มนามภาคิน คนถูกเรียกถอนหายใจ
    “ตื่นเถิดยอดขมองอี่มมมมมมมมมมมมมมมมมม”เสียงนั้นแหกปากร้องเพลงไม่หยุด คนพึ่งตื่นยกมืออุดหูพลางสบถด่ากลับไป
    “ไอ้หอกเอ๊ย แกน่ะเงียบเลยไป”
    “โอ๊ะ อย่ามาขึ้นเสียงกะข้านะ รีบๆลุกได้แล้ว ถ้าเจ้าช้า เดี๋ยวมีดีให้เจอแน่ไอ้ภาคิน”พูดพลางเล่นผมละเอียดของตัวเองอย่างสบายอารมณ์ เด็กหนุ่มขยับยิ้มที่มุมปากเมื่อรับรู้ได้ว่าเหล่านางกำนัลที่ผ่านไปมาอึ้งทึ่งในความหล่อของตน
    “ปัง!!!!!!!!”ประตูไม้สลักบานใหญ่เปิดออก พร้อมกับที่ภาคินชะโงกศีรษะอันยุ่งเหยิงออกมา นัยน์เนตรสีม่วงหันมามองพระเชษฐาอย่างไม่สบอารมณ์
    “นี่แกคือการอาบน้ำของแกเหรอวะ”
    “ข้านี่นาไม่ใช่พี่....พชร (พะ-ชะ-ระ)”ตอบกลับก่อนจะหาวหวอดใหญ่ “ไปซะทีเซ่ ยืนเป็นผีเฝ้าประตูอยู่ได้”
    เด็กหนุ่มนามพชรกุมขมับก่อนจะออกเดินตามไป ‘ไม่เข้าใจจริงๆว่าทำไมมีสาวมาต่อแถวรอเป็นชายามันนับร้อย’คิดพลางถอนหายใจก่อนจะปรายตามองภาคินที่เดินนำลิ่วๆ
    “อาคันตุกะแห่งจิลลาภัทรเสด็จแล้วววววววววววววววววววววววววว”เสียงประกาศดังกึกก้องพร้อมกันที่ร่างสูงสองร่างก้าวเท้าเข้าสู่ท้องพระโรง
    หนึ่งคือเด็กหนุ่มร่างสูงสมส่วน ผมสีดำขลับยาวละต้นคอแลดูยุ่งเหยิง ดวงหน้าขาวซีดคมคาย หล่อเหลาราวรูปสลัก นัยน์เนตรสีม่วงคู่คมที่ดูไม่ยี่หระกับสภาพตัวเอง ต่างลิบลับกับเด็กหนุ่มอีกคน(ที่ดูจะสูงน้อยกว่าซักหน่อย...หน่อยเดียวเท่านั้น) ผมสีทองยาวสลวยที่ถักเปียไว้อย่างเป็นระเบียบ ตัดกับผิวสองสีทีเจ้าตัวดูจะภาคภูมิใจ เชือกสีดำที่ผูกอยู่รอบศีรษะห้อยหินสีมรกตสีเดียวกับนัยน์ตาคู่คมมากเล่ห์ กับรูปแบบการแต่งตัวที่ดูเหนือชั้นกว่าอย่างที่เด็กหนุ่มข้างๆไม่มีวันเทียบติด สองร่างของหนุ่มหล่อที่เดินตามกันมาเป็นเป้าสายตาของเหล่านางกำนัลในท้องพระโรงแทบทุกคู่
    ท้องพระโรงของพระราชวังแห่งอาณาจักรสุคันธาแลดูโอ่อ่าด้วยการตบแต่งตามแบบสถาปัตยกรรมภูติโบราณ บัลลังก์สูงแห่งกษัตริย์แกะสลักอย่างวิตรงดงาม หลังม่านสีขาวปรากฏเงาของบุรุษผู้หนึ่ง
    “เปิดม่าน”เสียงป่าวประกาศดังขึ้น พร้อมกับที่ม่านสีขาวเปิดออกช้าๆ พร้อมกับการมาเยือนของความตะลึงอึ้งทึ่งของสองอาคันตุกะ
    ร่างบางของเด็กหนุ่มหน้าหวานนั่งพิงพะนักบัลลังก์ ผมสีนิลละเอียดไล้ล้อมกรอบหน้าได้รูป ตัดชัดเจนกับผิวสีขาวซีด ริมฝีปากบางสีเรื่อคลี่ยิ้มที่มุมปากอย่างเปี่ยมเลศนัย นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินลึกสุดหยั่งปรายมองมาทางสองอาคันตุกะอย่างสงบนิ่ง
    “ถวายบังคมองค์กษัตริย์สดายุ”สองอาคันตุกะกล่าวขึ้นพลางแสดงความเคารพ
   
    ‘นี่น่ะรึที่ท่านพ่อนับถือ’ภาคินคิดพลางปรายตามองพชรซึ่งบัดนี้ตีหน้าเครียด เด็กหนุ่มยักไหล่ ‘โลกนี้ช่างมีปริศนามากมายเสียจริง’
    ‘เด็ก.....ยังไงก็ยังเป็นเด็ก’พชรคิดพลางขมวดคิ้ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบพระพักตร์องค์กษัตริย์เบื้องหน้า นี่น่ะหรือกษัตริย์ที่ทรงมีพระปรีชาสามารถ รวบรวมชนเผ่าเร่ร่อนน้อยใหญ่ สร้างความเป็นปึกแผ่นมั่นคงให้กับสุคันธาหลังจากบัลลังก์สั่นครอนมานับสิบปี เด็กน้อยที่ดูจะยังไม่ครบ๑๕ชันษาดีด้วยซ้ำ ‘รู้มาจากท่านพ่อว่าองค์สดายุยังทรงเยาว์แต่ไม่คิดว่า....’
    “ข้าเจ้าชายพชร พร้อมด้วยพระอนุชา เจ้าชายภาคินแห่งจิลลาภัทร เมืองหลวงแห่งเผ่าพรายจ้าวได้เดินทางมายังอาณาจักรท่านตามคำเชื้อเชิญแล้ว ก่อนอื่นข้าใคร่ขอถามว่าการประชุมจะเริ่มขึ้นเมื่อไร องค์สดายุ”
สุรเสียงหนักแน่นของพชรดังขึ้น
    “หึ”เด็กหนุ่มผู้เป็นกษัตริย์หัวเราะในลำคอ “ถ้าข้าตอบท่านว่าข้าไม่ได้เชิญท่านมาล่ะ”
    ภาคินซึ่งกำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อยเมื่อได้ยินคำตอบจากสดายุก็หันขวับกลับไปจ้อง เด็กหนุ่มบนบัลลังก์คลี่ยิ้มน้อยๆ พชรอ้าปากค้างก่อนจะรวบรวมสติใหม่
    “เอ่อออออ........ครือว่า มีสาส์นจากท่าน พร้อมลงตราประทับแห่งกษัตริย์สุคันธาไป”
    “ไม่คิดบ้างรึว่าเป็นของปลอม”องค์สดายุคลี่ยิ้มมากขึ้นไปอีก
    “ ..”
    “ประทานโทษองค์กษัตริย์ มีผู้ส่งสาส์นจากสุคันธาไปเยือนท้องพระโรงจิลลาภัทรเมื่อ๕วันก่อน ในสาส์นนั้นมีตราประทับอย่างชัดเจน แต่ถ้าท่านยืนยันว่าท่านไม่ได้เป็นผู้ส่ง พวกข้าก็จะขอลากลับ และขอขอบพระคุณสำหรับมื้อค่ำของเมื่อวานและห้องพัก”ภาคินตอบขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เรียกให้พชรหันมามองตาโต แต่เจ้าตัวก็ดูไม่ยี่หระอะไร พลางหมุนตัวกลับ แล้วก็โดนคว้าหมับทันควัน
    “เจ้าคิน ลองคุยให้รู้เรื่องก่อนดิ”เจ้าชายหน้าเครียดพลางกระซิบกลับมา เด็กหนุ่มกลอกนัยน์เนตรสีม่วงไปมาอย่างเหลืออด ก่อนจะสบเข้ากับพระพักตร์ของสดายุที่คลี่ยิ้มละไม
    “เจ้าใช่องค์กษัตริย์แน่รึเปล่า”คำถามของคนที่เริ่มไม่สบอารมณ์ดังขึ้น แล้วความเงียบก็มาเยือนท้องพระโรง
    “ ....”พชรเบิกตากว้างอีกเป็นรอบที่สอง ก่อนเจ้าตัวจะเรียกสติกลับคืนมา แล้วหันมาขู่สหายด้วยน้ำเสียงสยอง “แกตายแน่”
    “ประทานโทษองค์สดายุ อย่าไปใส่ใจคำพูดของพระอนุชาข้าเลยพะย่ะค่ะ สติฟั่นเฟือง”พชรโบกไม้โบกมือพัลวัน
    กษัตริย์ตัวน้อยหลับตาลงก่อนจะลืมตาใหม่อีกครั้ง พระองค์เสด็จลงมากจากบัลลังก์ประจัญหน้ากับอาคันตุกะสองคน
    ร่างบางของผู้เป็นกษัตริย์สูงเพียงไหล่ของสองหนุ่ม แต่กลับรับรู้ได้ถึงความน่าเกรงขราม และความน่ากลัว ภายใต้ท่าทีที่ดูสบายๆกับรอยยิ้มที่ใสซื่อยังซ่อนอะไรไว้อีกมากมาย
    “ตกลง ข้าจะบอกเจ้าพี่ให้ว่าอย่าไปฟังเจ้านั่น แล้วว่างๆข้าจะถามเจ้าพี่ให้ว่าได้ส่งสาส์นไปจิลลาภัทรรึไม่”เขาหัวเราะคิกๆคักๆอย่างมีเลศนัย ก่อนจะเดินจากไป
   
    นัยน์เนตรสีเขียวเบิกโพลงเมื่อได้ยินคำตอบ ‘ยากเกินเข้าใจ ให้ตายดิ เล่นอะไรกันเนี่ย’ เด็กหนุ่มหันไปมองรอบๆตัวเพื่อหวังจะหาคนแถลงคำตอบที่ชัดเจน แต่บรรดาเหล่าเสนาอำมาตย์ก็มีแต่หันไปทางอื่นอย่างไม่ไยดี ในที่สุดพชรก็หันหน้ามาทางสหายเพียงคนเดียวที่พอจะพึ่งได้
    “เรามาถูกเมืองรึเปล่าวะ คิน”
    “@#~+%1?!&”คนถูกเรียกสบถงึมงำก่อนจะส่งสายตาอาฆาตมาทางพชร “ถ้าพี่ไม่ลากข้ามาวุ่นวายนี่จะตายเอาให้ได้ใช่มั๊ย”
    ‘เข้าใจแล้วว่าทำไมองค์กษัตริย์ตัวน้อยถึงได้น่ากลัวขนาดท่านพ่อยังนับถือ’พชรคิดอย่างปลงๆขณะยกมือขึ้นปาดเหงื่อ   
    “องค์กษัตริย์สดายุเสด็จแล้ววววววววววววววว”
    ร่างสูงสง่าของผู้ที่ถูกกล่าวเรียกว่าองค์สดายุเป็นครั้งที่สอง บุรุษผมสีน้ำตาลเข้มที่รวบเป็นหางม้า ทิ้งผมบางส่วนลงปรกหน้า นัยน์เนตรคู่คมสีไพลินเปรยมองมาทางสองอาคันตุกะก่อนจะคลี่ยิ้ม แล้วก้าวย่างขึ้นสู่บัลลังก์    “ขอต้อนรับท่านอาคันตุกะทั้งสอง เดินทางมาไกลคงจะเหนื่อย .ขออภัยที่ข้ามาช้า”สุรเสียงเปี่ยมอำนาจทว่ารับรู้ได้ถึงความเมตตาของคนตรงหน้า บุรุษผู้นี้.....
    “ท่านเป็นใคร”เร็วเท่าความคิด ภาคินถามขึ้นอย่างไม่สบอารมณ์เนื่องด้วยอารมณ์ค้างจากเหตุการณ์เมื่อครู่
    “โป๊ก”มะเหงกเอื้ออาทรจากพชรกระทบลงกลางกระหม่อมของคนปากมอม
    “โอ๊ย”
    “ท่านไม่เคยมาเร็วอยู่แล้วเจ้าพี่”เด็กหนุ่มผู้นำความสยองมาสู่อาคันตุกะทั้งสองเมื่อครู่ปรากฏกายขึ้นข้างกษัตริย์ แล้วเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าเรียบเฉย
    “เฮ้ยเจ้าเด็กนั่น”ภาคินพึมพำ เด็กหนุ่มปริศนาตวัดตามามอง ก่อนจะคลี่ยิ้มละไมอย่างรับรู้ถึงคำพึมพำนั้น แล้วก้าวย่างลงมาจากบัลลังก์
    “ข้ากฤตรา หวังว่าคราวหน้าท่านคงเรียกถูก.....อ้อ เจ้าพี่ เจ้าชายพชรฝากมาเตือนท่านว่าอย่าฟังความจากบุรุษผู้นี้มากนัก”ก่อนจะเดินออกจากท้องพระโรงไป เหตุการณ์เมื่อครู่เรียกให้องค์กษัตริย์หัวเราะในลำคอ
    “นั่นอนุชาข้าเอง”
    “อนุชาท่าน?????”พชรถามเสียงสนเท่ห์
    “ช่ายยยยยยยยย มักว่าการแทนข้าเสมอ พวกท่านโชคไม่ค่อยดีนักที่เจอกฤตราต้อนรับ”    “ท่านจะมีประชุมเรื่องอะไรก็ว่ามา ข้าว่าเราน่าจะเริ่มเข้า...โอ๊ย!!!!”มะเหงกเอื้ออาทรลอยมาอีกรอบ   
“หึๆ มิน่าวันนี้กฤตราดูมีความสุขตอนไปตามข้ามา เพราะพวกเจ้านี่เอง ชาวจิลลาภัทรน่าสนใจเสมอเลยนะ”องค์สดายุคลี่ยิ้มละไม ซึ่งผู้ถูกชมว่าน่าสนใจทั้งคู่แอบลอบกลืนน้ำลายเอื๊อกอย่างสยองอยู่ในซอกหลืบของหัวใจ   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น