ลำดับตอนที่ #1
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : 1 ตกลงคือพรหมลิขิตใช่ไหม
“เธอ...เป็นดวงตะวันเมื่อฉันตื่น และเป็นดั่งจันทร์ยามค่ำคืน แต่ว่าเธออาจจะไม่รู้ตัว เธอและเธอก็เป็นเหมือนดอกไม้เบ่งบาน พูดแล้วก็เขินเธออยู่เหมือนกัน แต่ใจก็อยากจะให้รู้...ว่าฉันรักเธอคนเดียว...”
แปลกจังที่ความรู้สึกนี้เกิดขึ้นเมื่อไหร่ ฉันไม่อาจที่จะจำได้ แบบว่าจำอะไรไม่ได้เลย ไปรักเค้าเมื่อไหร่ก็ไม่รู้ แต่ให้ตาย...ฉันมันบ้าที่สุด จะรักคนดี ๆ เหมือนคนอื่น ๆ ไม่ได้รึไง ทำไมต้องมารักนักเรียนวายร้ายอย่างนายคนนี้ด้วย!!
กลางดึกคืนหนึ่ง...ฉันทะเลาะกับพ่อและหนีออกจากบ้าน บนถนนที่ฉันเดิน ทุกที่ ๆ ฉันผ่าน วังเวง มืดมน น่ากลัวที่สุด ในซอยเปลี่ยวแห่งหนึ่งฉันไม่รู้ว่านอกจาก วัยรุ่นขี้ยา มอเตอร์ไซค์รับจ้างขี้เหล้า และตาแป๊ะขี้หลีแล้วยังมีอะไรที่ฉันยังไม่ได้เห็นอีกบ้าง ฉันเร่งฝีเท้าและนึกโกรธตัวเองที่หลงเดินเข้าไปได้ยังไงโดยไม่ดูที่ดูทาง แล้วนี่ฉันจะเดินไปไหน นอกบ้านมันช่างโหดร้ายและอันตรายเหลือเกิน
จำได้ว่าฉันวิ่งออกจากบ้านมาได้ 4 ชั่วโมงกว่าแล้ว เสื้อแจ็กเก็ตยีนส์ตัวหนา กางเกงยีนส์ตัวใหญ่ที่ฉันใส่ บรรเทาความเหน็บหนาวที่สายลมเย็นกำลังกระทำต่อฉัน ในกระเป๋าเป้ใบเล็ก มีเสื้อยืดขาสั้นและกางเกงขาสั้นอย่างละตัว ขนมปังก้อนเล็กที่ซื้อจากเซเว่น สองก้อน เงินในกระเป๋าเป้มีอยู่สองร้อย ในเสื้อแจ็คเก็ตมีอีกสองร้อยหมดเนื้อหมดตัวมีอยู่ สี่ร้อย มือถือแบตหมดและหมดมูลค่าเงินก็นอนแอ้งแม้งอยู่ในกระเป๋า ฉันเริ่มนึกถึงเพื่อน ๆที่โรงเรียน ถ้าฉันเดินไปที่บ้านพวกเค้าตอนนี้ จะมีใครให้ฉันพักกับเค้ารึเปล่า พ่อแม่เค้าจะว่ายังไง แต่...ไม่หรอก...ฉันต้องไม่พึ่งใคร ฉันไม่อยากไปเป็นภาระให้แก่ใครอีกต่อไปแล้ว แม้แต่พ่อยังบังคับให้ฉันแต่งงานเพื่อจะเอาสินสอดมาใช้หนี้ แล้วฉันยังจะไปหวังไว้ใจใครได้อีก ส่วนญาติพี่น้อง ฉันไม่มีใครที่ควรจะพึ่งแล้ว ฉันคิดถึงพ่อทำไม...พ่อต้องบังคับให้ฉันไปแต่งงานกับใครที่ฉันไม่ได้รักด้วย! ป้ากับลุง ฉันต่างก็เห็นพ้องด้วย นอกจากนี้ฉันไม่มีญาติที่ไหนอีกแล้ว บ้าจัง ปีหน้าฉันก็จะเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว อีกสี่ปี รอไม่ได้รึไง หนูจะรีบรับปริญญา แล้วทำงานอย่างสมเกียรติ หาเงินมาให้พ่อใช้ยังไงล่ะ
ฉันนั่งพักที่ป้ายรถเมล์ หน้าร้านของชำ เดินเตร่ในห้างและเดินเล่นไปตามถนน โดยไม่มีจุดหมายว่าจะไปที่ไหน ผู้คนมากมายรอบข้าง แสงสีเสียง ที่ผ่านเข้ามาทุก ๆ วินาที ที่ฉันผ่าน แทนที่จะทำให้ตื่นตาตื่นใจ แต่มันกลับทำให้ฉันอยากร้องไห้เอาง่าย ๆ น้ำใส ๆ เริ่มเอ่อล้นในตาช้า ๆ ภาพข้างหน้าเริ่มมัว โลกนี้ไม่ยุติธรรมสำหรับฉันเลยแม้แต่น้อยแต่...ช่างเถอะ ถึงฉันจะร้องไห้ คนที่นี่....โลกที่โหดร้ายแห่งนี้ ไม่มีใครมาสนใจผู้หญิงตัวเล็ก ๆ อย่างฉันหรอก
ฉันหาวเป็นครั้งที่เท่าไหร่จำไม่ได้ คืนนี้ฉันต้องไม่นอน ฉันย้ำกับตัวเอง...พรุ่งนี้เช้าฉันจะเข้าไปล้างหน้าล้างตาในห้างและหางาน ฉันต้องสมัครงาน ฉันต้องหางานทำ หาเงินแล้วเอาไปให้พ่อ .. ให้ตายเถอะเศษเงินแค่นั้น พ่อถึงกับจะยอมขายฉันได้ยังไง! ยิ่งคิดก็ยิ่งเสียใจ...โหดร้าย โหดร้ายที่สุด แล้วนี่ฉันจะไปอยู่ไหนดีล่ะนี่...ฉันเดินไปคิดไป ขณะที่ฉันกำลังคิดอยู่อะไรบางอย่างก็มากระแทกหลังฉันอย่างแรง จะฉันล้มไปกองกับพื้น บ้าเอ๊ย! มีคนวิ่งมาชนฉัน และโชคร้ายที่สุดที่มันยังล้มมาทับฉันด้วย จะรีบไปตายที่ไหนก็ไม่รู้
“โทษครับ ๆ เป็นไรมากไหมครับ” ไอ้หมอนี่ทำท่าลุกลี้ลุกลนลุกขึ้นพยุงฉันแล้วมองไปข้างหลังอย่างกระวนกระวาย แต่ก็ยังดีที่รู้จักขอโทษฉัน ไอ้วัยรุ่นหุ่นสูงใหญ่คนนี้นี่...ช่างเหอะขอโทษฉันก็หายโกรธแล้วล่ะ
“ไม่เป็นไรมั้ง !! ขาฉันแพลง เข่าฉันเจ็บ นายจะรับผิดชอบรึยังไง!!?? จะรีบไปไหนหรอห๊า...หนีอะไรมารึยังไง!!” ก็ว่าจะไม่โกรธแล้วล่ะ แต่เผอิญระงับโทสะเอาไว้ไม่อยู่
“ครับ..โรงเรียนคู่อริมันเห็นผมเดินคนเดียว มารุมผมยกใหญ่เลยนี่มันคงตามมาไม่ทันแล้วมั้ง”
“หา!!!”
“ชู่วววว เผื่อมันตามมาผมต้องไปก่อนล่ะ ขอโทษจริง ๆ ไม่ได้ตั้งใจ”
และแล้วสิ่งที่ฉันกลัวว่าจะเกิดมันก็เกิด...วัยรุ่นหกเจ็ดคนวิ่งมาตั้งแต่ไกล ฉันมองเห็น เค้าถือไม้หน้าสาม ไม้ที กันคนละไม้คนละมือ หน้าตาโกรธแค้นเกรี้ยวกราด
“นรกเอ๊ย... เอ่อผมว่าผมหนีมันไม่ทันแล้วล่ะ ขอร้องให้ผมยืมเสื้อแจ็คเก็ตคุณหน่อย”
ฉันรีบถอดให้ ด้วยความสงสาร ในใจก็รู้ดีว่า เขาคงจะ สวมทับเสื้อเทคนิคที่เขาใส่อยู่ โชคดีนะที่นายใส่กางเกงยีนส์ มันเลยอาจจะไม่ทะแม่งเท่าไหร่
“ขอบคุณ” หมอนี่รีบใส่เสื้อตัวหนาของฉันอย่างรวดเร็ว อืม...แล้วทีนี้จะเอาไงต่ออ่ะ
“คุณมีแว่นตาไหม หมวกก็ได้”
เขามองไปทางนักเรียน ที่วิ่งใกล้เข้ามา เร่งให้ฉันตอบ ฉันเหลือบมองที่กระเป๋าอย่างใช้ความคิด
“ไม่”
“งั้นขอร้องล่ะนะ ขอโทษทีละนะ” เขาจับไหล่ฉันยกให้ฉันลุกขึ้นยืน ใช้แรงผลักฉันไปข้างกำแพง ด้วยความงุนงง จู่ ๆ ปากเขาก็ประกบจูบฉันอย่างรวดเร็ว แผ่วเบา มือลูบสองข้างลูบไล้ที่หลังฉัน เหมือนในหนังฝรั่ง...แต่ฉันยืนตัวเกร็ง ให้ตายเหอะ ฉันหนีออกจากบ้านและมายืนจูบอยู่กับใครไม่รู้กลางถนน กำลังจะอ้างว่านี่เป็นการช่วยชีวิตคน มันก็ยังไงอยู่ แหวะ...จูบแรกของฉัน...นายเป็นใครกันห๊า! ฉันพยายามขัดขืน แต่นายนี่ก็รวบมือฉันไขว้ไว้ด้านหลัง พอฉันแกล้งสงบก็บีบมือฉันเบา ๆ เป็นเชิงขอร้องและสายตาคมคู่นั้นก็เหลือบมาอ้อนวอนโดยที่ไม่ออกปากซักคำ เออน่า ฉันรู้ ต่อมความเห็นใจของฉันเริ่มทำงาน ความสงสารก็เลยทำให้ฉันหยุดขัดขืนจริง ๆ
“เชี่ยเอ้ย...อย่าให้กูเห็นอีกนะมึง จะเอาเลือดหัวมึงออก” ถ้อยคำแสนเกรี้ยวกราด ของนักเรียนเสเพลคนหนึ่งซึ่งคาดว่าจะเป็นหัวหน้าแก๊ง ทำให้ฉันสะดุ้งเฮือก เขาบีบมือฉันอีก ในมือถือจอมอันธพาลถือค้อนอันใหญ่ที่สุดเท่าที่ฉันเคยเห็น สายตาฉันเหลือบไปเห็นสองคนยังวิ่งมาไม่ถึง อีกสามคนคาดว่าจะวิ่งต่อไปอีกข้างหน้า วัยรุ่นอันตรายพวกนี้ ทำไมต้องวิ่งมาหยุดตรงนี้ด้วยนะ ไปให้พ้น ๆ ซะทีสิ น้ำตาของฉันเริ่มไหลลงมาอีก เขาหันมาจ้องหน้าฉันด้วยท่าทีตกใจ ฉันกำลังตัวสั่น หัวใจก็เต้นตุบ ๆ ด้วยความกลัวเมื่อครู่นี้ฉันยังโดดเดี่ยวเดียวดายอยู่เลย ประเดี๋ยวเดียวก็กลายเป็นวัยรุ่นใจแตกยืนจูบกันกลางถนนแล้ว บ้าชัด ๆ มีคนอยู่ข้าง ๆ แทนที่จะอุ่นใจ แต่มันกลับไม่ใช่เลย มันกลับเพิ่มภัยอันตรายให้ตัวฉันเองซะอีก
ฉันรู้สึกได้ว่า...มันเหลือบมาจ้องฉันกับเขายืนทำอะไรกัน และเดินเข้ามาใกล้ ฉันแกะมือเขาออก ส่วนเขาตกใจมากสายตาก็หมดหวัง คอตก ฉันไม่ใจร้ายขนาดนั้นหรอกน่า แขนสองข้างโอบคอให้เค้าเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้นตอนนี้เขาไม่จูบฉันแล้ว แต่คอพาดไหล่ฉันแทน...รู้สึกได้ว่าเขาถอนหายใจโล่งอก ไอ้หัวโจกโบกไม้โบกมือเรียกเพื่อนกลับพวกมันรีบวิ่งไปทางอื่นในทันที ทำไมนายต้องมาจูบจริงด้วยล่ะ โง่จริง ทำอย่างนี้ตั้งแต่แรกก็หมดเรื่อง
พอแน่ใจว่าเค้าไปแล้ว...ฉันก็รีบผละออกจากเค้าทันที จับแขนเสื้อมาเช็ดปากซ้ำไปซ้ำมาอย่างแรง น้ำตาก็ไหลไม่หยุด สายตาเบนไปทางอื่นอย่างไร้จุดหมาย ฉันแน่ใจว่าเขายังจ้องมองฉัน ตัวห่างกันไม่ถึงวา สาบานได้ว่าเมื่อกี้หัวใจของเขากับฉันเต้นแรงไม่แพ้กัน น้ำตาไหลถี่ขึ้น คิดซะว่าผู้ให้สุขใจกว่าผู้ได้รับ ได้ช่วยชีวิตคนแล้ว อย่าไปโกรธแค้นชิงชังเค้าเลย แล้วไปแล้วก็แล้วไป ชาติก่อนคงเป็นหนี้เค้ามั้ง ฉันควรจะไปให้พ้น ๆ จากตรงนี้ได้แล้ว พอจะก้าวเดินก็เกือบลืมของสำคัญ
“ขอเสื้อฉันคืนเถอะนะ” ฉันพูดทั้ง ๆที่น้ำตายังไหล ไม่จำเป็นต้องมองหน้ากัน ฉันกับเขาไม่รู้จักกันไม่แม้แต่จะเคยเห็นหน้ากัน
เขาถอดเสื้อออกช้า ๆ แล้วส่งคืนมาให้ฉัน ก้มเก็บกระเป๋าเป้แล้วส่งให้
“ขอบคุณ” เขาเอ่ยอย่างแผ่วเบา
นึก ๆ ไปก็รู้สึกหดหู่ใจจัง ฉันมันก็คนที่ไร้ค่า ใครที่ไหนจะทำอะไรก็ได้ แม้แต่คนข้างถนน อย่างหมอนี่ฉันรับมาและพยักหน้าน้อย ๆ
“หนีออกจากบ้านใช่ไหม รีบกลับบ้านไปเถอะนะ” คำพูดของเขาบีบหัวใจให้น้ำตาฉันไหลออกมาแรงกว่าเก่า ตัวฉันสั่นเทิ้ม จะก้าวเดินก็ก้าวไม่ออก ฉันมองหน้าเขาอย่างงงุนงง นี่นายรู้ได้ยังไง แต่จะพูดอะไรออกมาก็พูดไม่ออก บางทีฉันอาจจะอยากระบายอะไรซักอย่างกับใครก็ได้ ทำไมฉันไม่เถียงออกไปล่ะ บ้านน่ะ ไม่เหลือใครอีกแล้ว ความรู้สึกส่วนลึกบางส่วนโผล่มาจากไหนไม่รู้ทำให้ฉันคิดว่านายคนนี้อาจจะไม่ใช่คนเลวก็ได้ ฟังจากถ้อยคำที่เค้าพูดกับฉันแล้ว ท่าทางของเค้าและอะไรหลาย ๆ อย่างมันก็ทำให้ฉันอยากเป็นเพื่อนกับเค้า บางทีฉันอาจจะพึ่งเค้าได้ในหลายๆ สิ่งหลาย ๆ อย่าง ณ สภาพแวดล้อมอย่างนี้ ฉันไม่เคยออกไปไหนไกลบ้านนอกจากโรงเรียนกับร้านของชำเลยนี่นา ฉันอยากเอ่ยอะไรกับเขาจังแต่ทำไม สมองมันถึงสั่งให้เดินหนี ฉันรีบเดินออกจากตรงนั้น แต่พอกำลังจะใส่เสื้อ ก็มีใครไม่รู้วิ่งออกมาจากมุมมืดฉุดแย่งแจ็คเก็ตจากมือฉันวิ่งหนีไป
“ช่วย...” ฉันวิ่งตามและตะโกนยังไม่ทันครบประโยค คนที่ฉันเดินหนีมาหลัด ๆ ก็วิ่งแซงไปอย่างรวดเร็ว สาบานได้ว่าเร็วกว่าความคิดของฉันอีก ฉันเห็นเค้าวิ่งคว้าคอของไอ้โจรฉุดเสื้อจากด้านหลัง แล้วผลักลงไปกองกับพื้น พอแย่งเสื้อได้ก็ชกตุบตับตุบตับ เสียงผู้ร้ายร้องโอดโอย ฉันวิ่งไปและเอ่ยปากพูดกับเค้า
“พอแล้วล่ะ...เขาเข็ดแล้วมั้ง” พูดได้ซะทีนะยัยบ้า
ตุ๊บ..สิ้นเสียงฉัน เขาแถมอีกหนึ่งหมัด หันมามองหน้าฉันแล้วยิ้มให้ ฉันบาง ๆ สายตาคู่นี้เหมือนมีอะไรบางอย่างแฝงอยู่ ตอนนี้ฉันยังสรุปไม่ได้ว่ามันเกิดจากอะไรกันแน่
“ดึกป่านนี้ทำไมยังไม่กลับบ้านล่ะ” ฉันเอ่ยพูดกับเขาก่อน หลังจากที่ฉันตัดสินใจเดินด้วยกันกับเขา ไม่สิต้องเรียกว่าโชคดีตะหากที่มีคนเดินเป็นเพื่อนแล้ว อย่างน้อยตอนนี้ฉันก็รู้สึกดีกับเขาขึ้นมามากขึ้น อะไรที่ผ่านมาก็ช่างมันเหอะ ต่อจากนี้หวังว่ามันคงไม่เกิดอีกแล้ว เขาได้ช่วยชีวิตฉันมูลค่า 200 บาทกับเสื้อแจ็คเก็ตอีก 1 ตัวจำราคาไม่ได้ ถือซะว่าให้กันด้วยน้ำใจ ไม่คิดอะไรขาดเกิน
“เราพักที่หอ...บ้านเราไม่ได้อยู่ที่นี่” เขาพูดไปพลางเดินก้มหน้าเตะฝุ่นไป
“...กลับช้าจังน๊า
ทะเลาะกับคู่อริบ่อยหรอ”
เขาส่ายหัวช้า ๆ แล้วถอนหายใจ
“ก็ดีแล้วนี่”
“ทุกวัน”
“หา!!” ฉันก้าวกระโดดโหยงข้ามท่อระบายน้ำ
เขาหัวเราะ หึ ๆ แล้วปรายตามามองฉัน
“หัวเราะอะไรเล่า...ฉันงงนะ!!”
“ทำหน้าหมาตื่นสามครั้งแล้วนะ ตั้งแต่เราเจอหน้าเธอเนี่ย” เขาหัวเราะหึๆ แล้วก้มขำ
“นี่นาย!!”
“ก็จริงไหมล่ะ...ตอนพวกนั้นวิ่งมาเราเห็นเธอ...ตกใจร้องไห้แงเชียว”
ฉันเอามือฟาดแขนเขา
“แล้วไหนจะตอนร้องเรียกให้คนช่วยตอนโดนฉุดเสื้อ..เราก็เห็นเธอ...”
“พอแล้ว...ฉันรู้น่า”
“รู้ตัวด้วยหรอ”
“ก็คนมันตกใจนี่!”
“แต่ยังไงก็ขอบใจนะที่ช่วยเรา” เขาหันมาสบตา ดีจังอย่างน้อยมันก็ทำให้ฉันรู้สึกว่าในตอนนี้เราเริ่มจะเป็นเพื่อนกันมากขึ้น ฉันพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการ ตอบรับ
“ฉันก็เหมือนกันนะ ด้วยความจริงใจจริง ๆ”
“เราชื่อบาส เธอล่ะ”
“แหวน”
“หือ...ไหนไม่เห็นมี” บาสพูดพลางทำท่ามองสำรวจ
“อือ...หมดเนื้อหมดตัวมีแค่ สี่ร้อยนี่แหละ” ฉันพูดพลางลูบหาเงินอีก สองร้อยในแจ็คเก็ต อืมยังอยู่
“ถ้าไม่ได้เสื้อตัวนี้คืน ก็จะมีแค่สองร้อย” ฉันถอนหายใจเฮือกใหญ่
“หิวไหม...”
พยักหน้าน้อย ๆ หวังว่าคงจะเลี้ยงนะ
“ตรงนั้นมีร้านก๋วยเตี๋ยวเดี๋ยวเรารอตรงนี้” บาสชี้โบ๊ยไปที่ร้านก๋วยเตี๋ยวข้างเซเว่นที่อยู่ไม่ไกล
“อ้าว?”ทำไมร้านปิดไฟซะแล้ว
“ล้อเล่น...ปะ...เดี๋ยวเราเลี้ยงเอง” ไม่ได้อ้าวนาย ... ฉันหมายถึง เขาจะเก็บร้านแล้วตาบ๊อง! ถามจริงเหอะลืมตาบ้างรึเปล่าเวลาเดินน่ะ
“ป้าครับ เล็กน้ำใสสองครับ” มาถึงก็สั่ง ๆ ไม่ดูเลยรึไงเขากำลังเก็บร้านกันอยู่อ่ะ
ฉันดึงแขนเสื้อเขายิก ๆ
“ป้าเค้าเก็บแล้ว ไปหาไรกินในเซเว่นก็ได้นะ”
“เราก็มาตอนแบบนี้ประจำล่ะน่า เก็บแล้วป้าเขาก็ยังขาย เจ้าเก่า เจ้าประจำ เค้าไม่ทิ้งลูกค้าประจำหรอก”
“แหม...อ่าตี๋อ่า...เมื่อวางลื้อยังบอกจะม่ายมีแฟงอยู่เลยอ่า...วังนี้ลื้อมากะแฟงแล้วอ๋า..”
“ป่าวครับ/ป่าวคะ” เราพูดขึ้นพร้อมกันในทันที แล้วหันมาหัวเราะให้กัน
“แหม...วายรุ่งสาหมัยนี้อา...เป็งแฟงกังแล้วมังจาปากแข็งหยั่งงี้...มีน้อยนาอาตี๋อ่า...สงสัยลื้อจารักกันจริง นั่งคั่งในก่องเลย เดี๊ยอั๊วเปิกฟายห๊าย” ป้าแม่ค้าพูดจบเราก็หัวเราะกันอีกครั้งแต่มันก็เป็นฉันที่หัวเราะฝืดลงกว่าเก่า...จริงที่วัยรุ่นสมัยนี้ ใจง่าย น่าสมเพชจริง ๆ จนทำให้ใครต่อใครมองวัยรุ่นทุกคนเสียหายเหมือนกันไปหมด
“ทะเลาะอะไรกับที่บ้านเหรอ” ทันทีที่หย่อนก้นลงนั่งบาสก็เริ่มต้นถาม
“ปัญหาในครอบครัวน่า...อย่าให้มันต้องรกสมองนายเลย” โธ่..ยัยบ้าเอ๊ย เขาถามแค่นี้ทำเป็นต่อมน้ำตาตื้นไปได้ จะร้องทำไมอีกว๊า
“ยังไม่อยากบอกก็ไม่เป็นไร” น้ำตาฉันเริ่มไหลลงมากับเสียงอันอบอุ่นของเขา ฉันรีบดึงคอเสื้อมาเช็ดน้ำตา
“นายเรียนที่ไหนหรอ”
“สารพัดช่าง เธอล่ะ”
“สตรี” ฉันตอบเสียงเซ็ง ๆ ท้องก็ร้องโฮกฮากตามกลิ่นน้ำซุปที่โชยมา
“โอ้โหเรียนสตรี..ลูกผู้ดีไฮโซ”
“ไม่ใช่ซะหน่อย”
“ฉันม.6แล้วนะ”
“ไม่ได้ตาบอดน่ะ” เออลืมไป...ปักอยู่อก “เราก็ปวช.เครื่องกลปีสามเหมือนกัน”
ทันใดนั้นฉันก็คิดอะไรออก
“เออ...ป้าเขาอยู่คนเดียวรึเปล่า ไม่มีคนช่วยหรอ”
“อือ...ทำไมจะมาช่วยรึไง”
“ใช่ๆ พรุ่งนี้ฉันก็ว่าจะหางานทำอ่ะ เผื่อโชคดีนะฉันจะได้ทำงานที่นี่ไปพลาง ๆก่อน และถ้าป้าเค้าอยู่คนเดียว ผลพลอยได้ที่จะตามมาก็คือฉันอาจจะได้รับสิทธิ์ให้พักอยู่กับป้าเค้าก็ได้...แค่ลองคิดเล่น ๆ นะเนี่ย”
“นี่ฟังให้ดี”เขาพูดแล้วลดเสียงต่ำลง “ป้าเขาอยู่คนเดียว...กับหมาอีกสองตัว”
“มันดุนักรึไง...เกี่ยวอะไรกับที่ฉันจะมาทำงานด้วยล่ะยะ”
“อ๋อ...ไม่กัดแต่ข่มขืน!!”
ฉันเบิกตาโต
“ลูกชายเหรอ”
“หลาน”
“ทำไมเค้าไม่มาช่วย...”
“เวลาอย่างงี้มันออกล่าเหยื่อ”
“ยังไงไม่เข้าใจ...แล้วนายรู้ได้ไง” บาสสั่นหัวแล้วถอนใจ
“สัญชาติญาณมันเลวอย่าบอกใคร...บอกแล้วหัวใจวายไปเจ็ดชั่วโคตร”
“นายไปรู้จักกับเขาได้ยังไง...ไปคบกับเขาทำไม คนแบบนี้อย่าไปคบเด็ดขาด!!”
“ชู่วววว” หลากหลายคำถามประดังเข้ามาในสมองของฉันแต่ก็ต้องถามทีละคำถามอย่างเบา ๆ เพราะเรากำลังนินทาหลานชายเจ้าของร้านอยู่
ก๋วยเตี๋ยว สองชามใหญ่ ๆ ถูกนำมาเสิร์ฟตรงหน้า
“ตามสบายนา..” ฉันมองตามป้าเจ๊กไป...น่าสงสารจังเลี้ยงหลานไม่ได้ดี
“อดีตเพื่อน!” เขาลงมือเปิบโดยที่ไม่ปรุงอะไร...สงสัยชินกับแบบนี้แล้วมั้ง
“งั้นก็แล้วไป...เรียนที่เดียวกันใช่มะ” ฉันชิมน้ำซุปแล้วเริ่มเหยาะน้ำปลาใส่
บาสพยักหน้ารับ “ตอนมอต้น”
“แล้วไงต่อ เอ่อ..ทำไมถึงทะเลาะกัน”
“ผิดใจกันนิดหน่อย” แล้วเขาก็โซ้ยอีก..เผลอแป๊บเดียวครึ่งชามซะแล้ว
“น่าบอกหน่อยเหอะ”
“พอแล้ว!” เสียงสั่งของเขาทำฉันสะดุ้งเฮือก
“ขอบใจ” ฉันวางขวดน้ำปลาลง อย่างจ๋องๆ หมดไปแล้วเกือบครึ่ง
“ตายล่ะ...เธอจะกินยังไง”
“ไม่เป็นไร ๆ” ฉันตักน้ำซุปชิม แหวะ..เค็มสุด ๆ บาสมองไปยังป้าเจ๊ก เพื่อจะขอให้เธอช่วยชีวิตฉัน
“ป้าครับบบ...” โชกกกก ซ่า...ไม่ทันแล้วหนูป้าเค้าสาดหม้อก๋วยเตี๋ยวลงคลองไปแล้ว
“หือ”
“ป่าวค๊าบ”
“ก็บอกแล้วว่าไม่เป็นไร” ฉันพูดอย่างฝืนใจ นายคงรู้นะ
เขาเดินไปหน้าร้านเทน้ำก๋วยเตี๋ยวของฉันออก
“อ่ะ...กินก่อน...แล้วค่อยคุยกันก็ได้”
บาสรินน้ำก๋วยเตี๋ยวจากถ้วยของเขาให้ฉัน
ฉันเป็นหนี้นายอีกแล้ว!
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น