ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ชมพู่สาวน้อยจอมแก่น
ตอนที่ 5
ชมพู่สาวน้อยจอมแก่น
วันหนึ่งชมพู่เล่นซนปีนต้นมะยมในสวน โดยมีพวกเจ้าจุกเล็ก และจุกใหญ่ คอยเก็บมะยมอยู่ข้างล่าง
“พี่ชมโยนลงมาเลย เร็ว ๆ”
“เออเดี๋ยวซิวะ เร่งอยู่ได้”
“อยากกินก็ขึ้นมาเก็บเองดิ”
“พวกผมขึ้นต้นไม้ไม่เก่งเหมือนพี่ชมนี่นา”
“พวกเราอยากกินตำมะยมฝีมือพี่ชมน่ะ”
“เล่นเสร็จแล้วเราไปเล่นน้ำในสวนต่อนะ”
“ขณะนั้นเด็ก ๆ ก็กำลังเก็บมะยมด้วยความขะหมักเขม้น”
“เฮ้ยพี่คิดออกแล้ว พี่มีวิชาหนึ่งจะถ่ายทอดให้”
“วิชาอะไรครับ”
“วิชายิงกิ้งก่าน่ะสิ”
“ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน รู้จักมะ”
“เนี่ยดูนะ เดี๋ยวพี่จะเล็งให้ดู”
ชมพู่หยิบหนังสติ๊กออกมาจากกระเป๋ากางเกงข้างหลัง แล้วก็จับหนังสติ๊ก ยืด ๆ ออก เอียงหัว ตามองเล็งไปที่ต้นไม้
“อยากเรียนมั๊ยหละ”
“อยากเรียนครับ เดี๋ยวงั้นรอก่อน”
“เก็บมะยมให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ”
“แล้วเดี๋ยวเราไปยิงกิ้งก่ากัน”
ขณะนั้นทรงพล กำลังคิดสิ่งประดิษฐ์ ร่างแบบประดิษฐ์กังหันลมอยู่ ในกระท่อมไม่ไกลกันนัก ได้ยินเสียงเด็ก ๆ คุยกัน จึงแอบดูที่หน้าต่างตรงกระท่อม เห็นชมพู่กำลังเก็บมะยมบนต้นด้วยความขะมักเขม้น
“เพิ่งรู้ว่านอกจากอ่านทำนองเสนาะเก่งแล้ว”
“ยังปีนต้นไม้เก่งด้วย ซนเหมือนลิงจริง ๆ เลยเด็กคนนี้”
“ผู้หญิงอะไรชอบเล่นเหมือนเด็กผู้ชาย”
“แถมยังชอบปีนต้นไม้อีก” ทรงพลมองดูเด็กจากทางหน้าต่าง ยืนบ่นคนเดียวในกระท่อม
พอมองดูแล้วก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันไปตามประสาเด็ก
สักพักชมพู่ก็พาเจ้าแกะไปเก็บก้อนหินเล็ก ๆ พร้อมกับพาเด็กไปหาหนังสติ๊กมาคนละอัน โดยชมพู่ต้องการสอนวิธียิงกิ้งก่าให้กับเจ้าจุก ทั้ง ๆ ที่ก็
ยิงกิ้งก่าไม่ค่อยเก่งอย่างที่พูด แต่ด้วยการที่ชมพู่อยากแสดงความเก่งให้เจ้าจุกดู
ยิงกิ้งก่าไม่ค่อยเก่งอย่างที่พูด แต่ด้วยการที่ชมพู่อยากแสดงความเก่งให้เจ้าจุกดู
“เฮ้ยดูดี ๆ”
“นะพี่จะยิงให้ดูจากนั้นชมพู่เริ่งเล็งเป้าไปที่กิ้งก่าบนต้นไม้”
“ตั้งใจยิงไม่ยั้ง”
แต่ปรากฏว่าเป้าหมายไม่เป็นไปตามเป้า ก้อนหินทะลุเข้าไปในกระท่อม ซึ่งชมพู่ และเด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไร
"พี่ชมพู่ทำไมยิงเข้าไปข้างกระท่อมแบบนั้นหละ"
"เจ้าจุกหัวเราะเยาะชมพู่"
"ชมพู่เกาหัว"
"เออ เดี๋ยวยิงใหม่"
"ชมพู่เล็งเป้าหมายอีกครั้ง"
"ทีนี้เป้าหมายก็เข้าไปในกระท่อมอีก"
เด็ก ๆ ไม่รู้ว่าทรงพลอยู่ในกระท่อมนั้น เจ้าจุกบอกเอาอีก ๆ แต่ทันใดนั้นเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อก้อนหินทะลุเข้าไปโดนหัวทรงพล ร้องโอ้ยขึ้น
"พี่ชมพู่ทำไมยิงเข้าไปข้างกระท่อมแบบนั้นหละ"
"เจ้าจุกหัวเราะเยาะชมพู่"
"ชมพู่เกาหัว"
"เออ เดี๋ยวยิงใหม่"
"ชมพู่เล็งเป้าหมายอีกครั้ง"
"ทีนี้เป้าหมายก็เข้าไปในกระท่อมอีก"
เด็ก ๆ ไม่รู้ว่าทรงพลอยู่ในกระท่อมนั้น เจ้าจุกบอกเอาอีก ๆ แต่ทันใดนั้นเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อก้อนหินทะลุเข้าไปโดนหัวทรงพล ร้องโอ้ยขึ้น
“โอ้ย อะไรหวะนี่ ก้อนหินมาจากไหนกัน”
ทรงพลเดินออกมาจากกระท่อม ร้องเสียงดัง
“เล่นพิเลนอะไรกันวะเนี่ย”
จุกเล็ก จุกใหญ่ซึ่งเป็นลูก ๆ ของพิไลคนใช้ในบ้านรีบวิ่งซุกไปที่ข้างหลังชมพู่ ชมพู่หน้าเสียแต่ก็แสดงความเป็นผู้นำ ไม่ต้องกลัวมันเป็นอุบัติเหตุ
“น้องๆ ใจดี ๆ ไว้”
“ซวยแล้วเราพี่ชมพู่เราต้องโดนทำโทษแน่เลย” จุกใหญ่บอกชมพู่
“พี่ชม คุณชายทรงพลยิ่งดุด้วย”
“มานี่เดี่ยวนี้”
“ ยืนแถวหน้ากระดานใครเป็นต้นเหตุขว้างก้อนหินเข้ามาในกระท่อม”
“เจ้าจุกน้อยด้วยความกลัว”
“รีบพูดขึ้นว่า”
“เอ่อเราไม่ได้ขว้างนะขอรับ”
“แต่พี่ชมพู่กำลังสอนเราฝึกยิงกิ้งก่าขอรับ”
“ชมพู่ทำหน้าตาเหรอหรากลัวความผิด”
“ใครจะรู้ว่าคุณอยู่ในกระท่อม”
“แค่ยิงพลาดเป้าหมายแค่นั้นเอง”
“ปกติไม่เคยยิงพลาดซักหน่อย”
“ยิงพลาดเป้าหมายเหรอ”
“ฉันว่ามันไม่พลาดเป้าหรอก แต่มันมาโดนหัวฉันเนี่ย”
“เธอจะรับผิดชอบยังไง ห๊า”
“เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ใครสอนให้ยิงกิ้งก่า”
“รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
“ลุงฉันสอนตอนฉันไปเยี่ยมที่ชายแดน”
“เวลาหน้าร้อนเค้าก็ออกไปยิงกิ้งก่ากัน สนุกดีออก”
“ไอ้นั่นมันอยู่ชายแดน ทรงพลพูดเสียงแข็ง”
“แต่ตอนนี้มันอยู่ในเขตบ้านฉันเธอจะมาทำอย่างนี้ไม่ได้”
“ทรงพลรู้สึกโกรธมาก”
“และคิดจะดัดนิสัยไม่ดีของชมพู่”
“มานี่เลย ยัยจอมแก่น”
“จึงกระชากแขนชมพู่”
“มานี่เดี๋ยวนี้เลย เธอจะต้องถูกทำโทษรู้มั๊ย”
ชมพู่ด้วยความที่ไม่ค่อยถูกชะตากับทรงพลก็ขัดขืนร้องไห้
“ไม่นะ ไม่นะ”
“ไอ้คนใจร้าย มานี่เลยมัดใส่ต้นมะยมเอาไว้”
“โทษฐานชอบขึ้นต้นไม้ และเล่นพิเรน”
“จำไว้ตัวเองเป็นผู้หญิง”
“ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
“จุกใหญ่ไปเอาเชือกในกระท่อมฉันมา”
“จุกใหญ่ไม่กล้าขัดทรงพล”
“ขอรับ”
จุกใหญ่วิ่งไปเอาเชือกในกระท่อม ส่งให้ทรงพล
ขณะที่ทรงพลกำลังใช้เชือกมัดตัวชมพู่ด้วยความคิดสนุกอยู่นั่น ชมพู่ร่ำไห้ พร้อมกับร้องด่าทอ
“ไอ้คนใจร้าย ใจโหด”
“จำไว้เลย ชมพู่เกลียดคุณที่สุด”
ทรงพลสะอึก คิดได้ว่าทำเกินไป จึงก้มมองหน้าเด็กน้อยชมพู่พร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตา ทันใดนั้นเจ้าแกะก็วิ่งไปตามจันทร์หอมที่บ้าน จันทร์หอมรีบร้อนเดินมา ทรงพลเอามือออกจากแก้มชมพู่ทันที
“มีอะไรค่ะคุณพล”
“ดิฉันต้องขอโทษแทนชมพู่ด้วยนะเจ้าค่ะเห็นเจ้าจุกเล็กวิ่งไปบอกแล้ว”
“เดี๋ยวดิฉันจะลงโทษแกเองเจ้าค่ะ”
“อ๋อไม่ต้องลงโทษหรอกครับ”
ชมพู่มองหน้าทรงพล พร้อมกับเมินหน้าหนี
“ แค่อบรมหน่อยก็แล้วกัน”
“พอดีประกายดาวเอ่อ”
ชมพู่มองหน้าทรงพลอีกครั้ง ยกมือโบกให้ทรงพลไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับจันทรห์หอม เพราะกลัวแม่จันทร์หอมจะดุ
“พอดีแกยิงก้อนหินเข้ามาในกระท่อมของผม”
“มานี่เลยชมพู่”
“แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วไอ้หนังสติกนี่เอาไปทิ้งเลย”
“ชอบจริง ๆ เลย นิสัยผู้ชาย”
“ยิงกิ้งก่าเนี่ย เลิกซะทีได้มั๊ย มันบาป”
“มากลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้”
“ยั่งงี้ต้องตีให้เข็ด”
“ดีว่าไม่โดนหัวใครเข้า”
ทรงพลได้ยินจันทร์หอมพูดดังนั้น เอามือจับบริเวณศรีษะตรงที่ก้อนหินโดน เป็นรอยเขียวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้บอกแม่จันทร์หอมให้ทราบ เพราะกลัวว่าชมพู่จะโดนทำโทษหนัก ชมพู่เองก็กลัวว่าทรงพลจะฟ้องแม่เรื่องศรีษะนั่น แต่ปรากฏว่าทรงพลไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ชมพู่ก็ทำหน้าสงสัยว่าทำไมทรงพลไม่บอกแม่จันทร์หอมไป พอกลับถึงบ้านจันทร์หอมด้วยอาการที่โกรธเกรี้ยวอยู่นั่น จึงทำโทษด้วยการให้ชมพู่กอดอกแล้วหันหลังไป จันทร์หอมตีชมพู่อย่างแรงที่ก้น 3 ครั้ง พร้อมกับพูดว่า
“ทีหลังอย่าทำ จำไว้”
“ถ้าคุณย่าทับทิมรู้เราคงต้องโดนไล่ออกจากบ้านรู้มั๊ย”
“ไม่มีใครรู้หรอกแม่นอกจากคุณชายทรงพล”
“คุณพลนั่นแหละตัวดี”
“ถ้าคุณทรงพลไปพูดหละก็เราต้องเดือดร้อนแน่”
“เพราะคุณพลเป็นลูกโปรดของคุณหญิงทับทิมลูกรู้มั๊ย”
“ดีว่าคุณพลแกไม่เอาเรื่องนะเนี่ย”
ชมพู่ด้วยความที่เป็นเด็กเข้มแข็งขณะที่โดนแม่ตีอยู่นั่น เธอก็ไม่ร้องไห้แต่อย่างใด
“ทีนี้นั่งลงเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะทำบัวลอยแล้วให้เอาไปให้คุณพลที่กระท่อมเข้าใจมั๊ย”
“เป็นการขอบคุณที่ท่านไม่เอาเรื่องเรา”
“แม่อยากให้ แม่ก็เอาไปเอง”
“พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก”
“ไม่ไปไม่ได้เหรอค่ะ”
“ ไม่ได้ ยังจะมาตั้งแง่ตั้งงอนอะไร”
“ เราผิดยังไม่ยอมรับผิดอีก”
“ทำอะไรต้องรู้ถูกรู้ผิดเข้าใจมั๊ย”
“ได้ค่ะแม่”
“ไปอาบน้ำ หน้าตามอมแมมดูไม่ได้เลย”
“เมื่อไหร่จะเลิกดื้อซะทีนะลูกคนนี้”
ขณะที่ชมพู่เข้าไปอาบน้ำ จันทร์หอมก็พูดสั่งสอนไปด้วย
“ ชมพู่เริ่มโตเป็นสาวแล้วนะลูก”
“จะไปเล่นซนกับพวกเจ้าจุดไม่ได้แล้วรู้มั๊ย”
“เด็กพวกนั้นยังเด็กมาก”
“เราเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าพาน้องไปเล่นพิเรน”
“ไหนบอกแม่ว่าท่องสัพเพสัพตาทุกวัน ไม่ให้มีเวรต่อสัตว์”
“ชมพู่ไปทำแบบนี้เป็นเวรเป็นกรรมรู้มั๊ย”
“ชมพู่เป็นลูกพระ แม่กับคุณพ่ออุตส่าห์ไปขอมาจากวัด”
“ท่านบอกว่าถ้าลูกมาเกิด ลูกจะต้องหมั่นทำบุญทำทานนะลูก”
“เพราะลูก เป็นลูกบุญ”
“ถ้าลูกทำกรรม ลูกจะเห็นผลทันตา”
“ค่ะคุณแม่ รู้แล้วค่ะ”
“หนูแค่คิดอยากเล่นสนุกกับพวกเจ้าแกะ”
“ต่อไปหนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
ตอนสายชมพู่ถือตระกร้าที่มีถ้วยขนมบัวลอยไข่หวาน พร้อมผลไม้สองสามอย่าง เพื่อไปขอโทษคุณทรงพลที่กระท่อม เพราะรู้ว่าทรงพลชอบมานั่งเขียนแบบสิ่งประดิษฐ์คนเดียว ชมพู่ได้ไปเรียกเจ้าจุกเล็ก จุกใหญ่ไปเป็นเพื่อนตามเคย พอไปถึงหน้ากระท่อมเด็ก ๆ ก็ยังไม่กล้าเข้าไป เพราะยังกลัวว่าทรงพลจะยังโกรธอยู่ ชมพู่ และเด็ก ๆ จึงยืนอยู่หน้าประตู ชมพู่บอกเจ้าแกะว่า
“ไม่ต้องพูดอะไรนะ เงียบ ๆ ไว้”
เด็กๆ ทั้งสามเดินย่องเข้าไปที่กระท่อม
“เดี๋ยวพี่พูดเอง”
เด็ก ๆ พยักหน้า ชมพู่แกล้งเอาหูแนบประตูฟังว่ามีเสียงคนอยู่รึเปล่า ได้ยินเสียงกีต้าร์เบา ๆ ดังออกมา แสดงว่ามีคนอยู่
“เอ่อ ชมพู่ทำเสียงดังเหมือนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีใครอยู่ข้างในมั๊ยค่ะ”
“วันนี้พวกเรามาสมานฉันท์”
“ โดยการเอาขนมบัวลอยไข่หวานของแม่จันทร์หอมมาให้ทานเจ้าค่ะ”
“ไม่ทราบว่าจะยกโทษให้มั๊ยเจ้าค่ะ”
ถ้ายกโทษให้เปิดประตูมารับขนมแต่โดยดี ถ้าไม่ยกโทษให้เวลาอีก 5 นาที ถ้าไม่เปิดประตู พวกเราจะกลับบ้านทันที 1 2 3 4 และ 5 ประตูกระท่อมไม่เปิด เจ้าแกะมองหน้าชมพู่
“พี่ชมพู่สงสัยไม่ได้เรื่อง เรากลับกันเถอะ”
“เดี๋ยวท่านจะรำคาญ”
ชมพู่ทำหน้าเศร้า เพราะรู้สึกผิด พร้อมกับบอกพวกเจ้าจุกว่า
“อืมก็ดี”
“เรากลับบ้านกันเถอะ”
พอเด็กๆ เดินหันหลังไปกำลังจะกลับบ้าน ทรงพลเปิดประตูออกมา พร้อมกับพูดเสียงดังว่า
“เดี๋ยวไหนว่ามีบัวลอยไข่หวาน อะไรนั่นนะ”
“กำลังหิวอยู่พอดี”
ทรงพลเอ่ยขึ้นพลางเดินรูปที่ท้องออกมา เด็ก ๆ ดีใจรีบเดินกลับเข้ามาที่กระท่อม พร้อม
กับจัดหาอุปกรณ์จัดสถานที่ให้ทรงพลนั่งทานขนมด้วยความเอร็ดอร่อยกับเด็ก ๆ ขณะที่เด็ก ๆ และทรงพลนั่งทานขนมใต้ต้นไม้ พร้อมพูดคุยกันสนุกสนานอยู่นั่น แม่จันทร์หอมก็เดินตามมาแอบดู พร้อมกับอมยิ้มด้วยความดีใจ คิดว่าถ้าชมพู่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับคุณทรงพลก็น่าจะดูอบอุ่น และปลอดภัยกว่าไปอยู่ไปเล่น ที่อื่น เพราะดูจากสายตาของทรงพลแล้ว ทรงพลก็ดูมีสายตาที่เอ็นดูชมพู่อยู่เหมือนกัน ทรงพลเอ่ยถามชมพู่ เพราะเห็นชมพู่นั่งขีดเขียนดินอยู่ตามลำพัง
“เออนี่ประกายดาว”
“เธอมีชื่อเล่นรึเปล่า”
“หรือว่าชื่อเล่นปลาดาว”
“มีค่ะ
“อ๋อเหรอ ฉันนึกว่าชื่อปลาดาว”
“ชื่อชมพู่ คนนะไม่ใช่ปลา”
“เพื่อน ๆ ชอบเรียกชมพู่แก้มแหม่ม”
“งั้นฉันเรียกเธอว่าปลาดาวแล้วกันนะ” น่ารักดี ฉันชอบอะไรที่อยู่บนฟ้าน่ะ”
"ปลาดาวมันอยู่บนฟ้าเหรอ"
"งง ไปหมดแล้ว"
"อ๋อ มันเป็นดาวดวงใหม่ ที่ฉันตั้งชื่อให้มันเองหละ
"ปลาดาวมันอยู่บนฟ้าเหรอ"
"งง ไปหมดแล้ว"
"อ๋อ มันเป็นดาวดวงใหม่ ที่ฉันตั้งชื่อให้มันเองหละ
“สงสัยเพี้ยนไปใหญ่แล้ว คนอะไรพิลึกคนจริง"
“ทำไมไม่เรียกชมพู่หละ”
“ก็คนอื่นเรียกเยอะแล้ว”
“ฉันจะเรียกเธอ ปลาดาว”
“ฉันว่ามันน่ารักดีนะ เชื่อฉันสิ”
“คงจะมีคุณคนเดียวแหละที่ว่าน่ารัก”
“ ชื่อปลาดาว ไม่เหมือนใครดี”
“ ถ้าฉันเรียกเธอปลาดาว เธอก็จะได้รู้ไงว่าฉันเรียกเธออยู่”
“ฉันว่าเธอยังดูงอน ๆ ฉันอยู่ใช่มั๊ยแม่ปลาดาว”
“ดูเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่”
“เธอยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
“ฉันอยู่คนเดียวไม่ค่อยมีเพื่อน”
“พวกเรามาเป็นเพื่อนกันดีมั๊ย อย่าเป็นศัตรูกันเลยนะ มันไม่สนุก”
“แต่ฉันสนุก” ชมพู่ตอบ ด้วยความปากแข็ง
“มาเป็นเพื่อนกันดีมั๊ยจุกเล็ก จุกใหญ่ ทรงพลพูดเสียงดัง มองหน้าไปที่จุกเล็กจุกใหญ่”
“เชอะ คนเจ้าเล่ห์ เล่นพรรค เล่นพวก”
“ชมพู่จ้องดูทรงพลคิดในใจว่ามาไม้ไหนเนี่ยอีตาคนนี้”
“ชมพู่จึงตอบทรงพลว่าเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะคุณน้า”
“แก่จะตายยังจะมาเล่นกับเด็ก”
“ไม่กลัวเค้าหาว่าเป็นเฒ่าทารกรึไง ชมพู่โต้ตอบ”
“น้าเน้อที่ไหน ฉันเป็นพี่เธอแค่สิบปีเอง”
“เรียกพี่ได้มั๊ย”
“อ้าวก็เคยมีคนบอกว่าถ้าเล่นกับเด็กก็จะดูเด็กอยู่เสมอใช่มั๊ยเจ้าจุก”
“เจ้าจุกทั้งสองรับลูกที่ทรงพลพูดทันที ใช่ขอรับ”
“โถ่พี่ชมพู่รับคุณชายทรงพลเป็นเพื่อนกลุ่มเรานะ”
“แหมท่านอุตส่าห์อยากเล่นกับเรา”
“เราจะได้มีขนมกินเยอะด้วย”
“ชมพู่ตะหวาดเจ้าจุกเล็ก”
“เออเจ้าจุกเล็กนี่คิดห็นแต่เรื่องกิน”
“กลัวพี่เลี้ยงไม่โตรึไง”
“ก็ได้ เป็นเพื่อนกันก็ได้”
“แต่มีข้อแม้นะ”
“ต้องสัญญาว่าจะปกป้องพวกเราทั้งสามคน”
“ต้องคอยปกป้องดูแลตลอดไป”
“ทรงพลตอบ แค่นี้นะ เรื่องง่าย ๆ”
“ห้ามให้คนอื่นมารังแกพวกเราเด็ดขาด”
“ได้เลย ทรงพลตอบ งั้นเอาเป็นว่าเราสงบศึก”
“มาเจ้าแกะมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
ทรงพลยกนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมกับเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็ก ๆ ตั้งแต่จุกน้อย จุกใหญ่ และมาหยุดที่ชมพู่
“ถึงทีเธอแล้วแม่ปลาดาว”
“เธอจะยกโทษให้ฉันได้มั๊ย”
ทรงพลยกนิ้วก้อยค้างไว้ ชมพู่เบือนหน้าหนีคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเกี่ยวก้อยกับทรงพล เป็นเพื่อนก็ได้
“ฉันก็มีข้อแม้เหมือนกัน” ทรงพลเอ่ยขึ้น
“พวกเธอต้องเรียกฉันว่าพี่พล”
“เข้าใจมั๊ย”
เด็ก ๆ จึงตอบพร้อมกัน
“เข้าใจครับ เข้าใจค่ะ”
“เอ้าไปกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วง”
ทรงพลต้องการเป็นเพื่อนกับเด็ก ๆ เหตุผลก็เพราะทรงพลต้องการจะเอาแบบกังหัน และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ ได้ดู ได้เรียนรู้ เพราะทรงพลไม่กล้าที่จะเอาไปให้ใครดู โดยเฉพาะที่ตึกใหญ่ ถ้าพูดเรื่องสิ่งประดิษฐ์ขึ้นทรงพลก็จะโดนดุ เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตทันที ทุกคนหาว่าเค้าเพ้อฝัน ไม่มีใครรับฟังเรื่องนี้จากเค้าเลย
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น