ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์รักเสน่ห์จันทร์

    ลำดับตอนที่ #5 : ชมพู่สาวน้อยจอมแก่น

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 53


     
    ตอนที่ 5
    ชมพู่สาวน้อยจอมแก่น
     
                    วันหนึ่งชมพู่เล่นซนปีนต้นมะยมในสวน โดยมีพวกเจ้าจุกเล็ก และจุกใหญ่ คอยเก็บมะยมอยู่ข้างล่าง 
    “พี่ชมโยนลงมาเลย เร็ว ๆ”
    “เออเดี๋ยวซิวะ เร่งอยู่ได้”
    “อยากกินก็ขึ้นมาเก็บเองดิ”
    “พวกผมขึ้นต้นไม้ไม่เก่งเหมือนพี่ชมนี่นา”
    “พวกเราอยากกินตำมะยมฝีมือพี่ชมน่ะ”
    “เล่นเสร็จแล้วเราไปเล่นน้ำในสวนต่อนะ”
    “ขณะนั้นเด็ก ๆ ก็กำลังเก็บมะยมด้วยความขะหมักเขม้น”
    “เฮ้ยพี่คิดออกแล้ว พี่มีวิชาหนึ่งจะถ่ายทอดให้”
    “วิชาอะไรครับ”
    “วิชายิงกิ้งก่าน่ะสิ”
    “ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีสาน รู้จักมะ”
    “เนี่ยดูนะ เดี๋ยวพี่จะเล็งให้ดู”
    ชมพู่หยิบหนังสติ๊กออกมาจากกระเป๋ากางเกงข้างหลัง แล้วก็จับหนังสติ๊ก ยืด ๆ ออก  เอียงหัว ตามองเล็งไปที่ต้นไม้ 
    “อยากเรียนมั๊ยหละ”
    “อยากเรียนครับ เดี๋ยวงั้นรอก่อน”
    “เก็บมะยมให้ได้ตามปริมาณที่ต้องการ”
    “แล้วเดี๋ยวเราไปยิงกิ้งก่ากัน”
            ขณะนั้นทรงพล กำลังคิดสิ่งประดิษฐ์ ร่างแบบประดิษฐ์กังหันลมอยู่        ในกระท่อมไม่ไกลกันนัก ได้ยินเสียงเด็ก ๆ คุยกัน จึงแอบดูที่หน้าต่างตรงกระท่อม เห็นชมพู่กำลังเก็บมะยมบนต้นด้วยความขะมักเขม้น 
    “เพิ่งรู้ว่านอกจากอ่านทำนองเสนาะเก่งแล้ว”
    “ยังปีนต้นไม้เก่งด้วย ซนเหมือนลิงจริง ๆ เลยเด็กคนนี้”
    “ผู้หญิงอะไรชอบเล่นเหมือนเด็กผู้ชาย”
    “แถมยังชอบปีนต้นไม้อีก” ทรงพลมองดูเด็กจากทางหน้าต่าง ยืนบ่นคนเดียวในกระท่อม
       พอมองดูแล้วก็ไม่ได้สนใจปล่อยให้เด็ก ๆ เล่นกันไปตามประสาเด็ก
               สักพักชมพู่ก็พาเจ้าแกะไปเก็บก้อนหินเล็ก ๆ พร้อมกับพาเด็กไปหาหนังสติ๊กมาคนละอัน  โดยชมพู่ต้องการสอนวิธียิงกิ้งก่าให้กับเจ้าจุก ทั้ง ๆ ที่ก็
    ยิงกิ้งก่าไม่ค่อยเก่งอย่างที่พูด แต่ด้วยการที่ชมพู่อยากแสดงความเก่งให้เจ้าจุกดู 
    “เฮ้ยดูดี ๆ”
    “นะพี่จะยิงให้ดูจากนั้นชมพู่เริ่งเล็งเป้าไปที่กิ้งก่าบนต้นไม้”
    “ตั้งใจยิงไม่ยั้ง” 
    แต่ปรากฏว่าเป้าหมายไม่เป็นไปตามเป้า ก้อนหินทะลุเข้าไปในกระท่อม ซึ่งชมพู่ และเด็ก ๆ ไม่ได้คิดอะไร 
            "พี่ชมพู่ทำไมยิงเข้าไปข้างกระท่อมแบบนั้นหละ"
            "เจ้าจุกหัวเราะเยาะชมพู่"
            "ชมพู่เกาหัว"
            "เออ  เดี๋ยวยิงใหม่"
            "ชมพู่เล็งเป้าหมายอีกครั้ง"
             "ทีนี้เป้าหมายก็เข้าไปในกระท่อมอีก"
             เด็ก ๆ  ไม่รู้ว่าทรงพลอยู่ในกระท่อมนั้น  เจ้าจุกบอกเอาอีก ๆ   แต่ทันใดนั้นเหตุไม่คาดคิดก็เกิดขึ้น เมื่อก้อนหินทะลุเข้าไปโดนหัวทรงพล ร้องโอ้ยขึ้น
    “โอ้ย อะไรหวะนี่ ก้อนหินมาจากไหนกัน”
    ทรงพลเดินออกมาจากกระท่อม ร้องเสียงดัง
    “เล่นพิเลนอะไรกันวะเนี่ย”
    จุกเล็ก จุกใหญ่ซึ่งเป็นลูก ๆ ของพิไลคนใช้ในบ้านรีบวิ่งซุกไปที่ข้างหลังชมพู่ ชมพู่หน้าเสียแต่ก็แสดงความเป็นผู้นำ ไม่ต้องกลัวมันเป็นอุบัติเหตุ 
    “น้องๆ ใจดี ๆ ไว้”
    “ซวยแล้วเราพี่ชมพู่เราต้องโดนทำโทษแน่เลย” จุกใหญ่บอกชมพู่
     “พี่ชม คุณชายทรงพลยิ่งดุด้วย”
    “มานี่เดี่ยวนี้”
    “ ยืนแถวหน้ากระดานใครเป็นต้นเหตุขว้างก้อนหินเข้ามาในกระท่อม”
    “เจ้าจุกน้อยด้วยความกลัว”
    “รีบพูดขึ้นว่า”
    “เอ่อเราไม่ได้ขว้างนะขอรับ”
    “แต่พี่ชมพู่กำลังสอนเราฝึกยิงกิ้งก่าขอรับ”
    “ชมพู่ทำหน้าตาเหรอหรากลัวความผิด”
    “ใครจะรู้ว่าคุณอยู่ในกระท่อม”
    “แค่ยิงพลาดเป้าหมายแค่นั้นเอง”
    “ปกติไม่เคยยิงพลาดซักหน่อย”
    “ยิงพลาดเป้าหมายเหรอ”
    “ฉันว่ามันไม่พลาดเป้าหรอก แต่มันมาโดนหัวฉันเนี่ย”
    “เธอจะรับผิดชอบยังไง ห๊า”
     “เป็นผู้หญิงแท้ ๆ ใครสอนให้ยิงกิ้งก่า”
    “รู้ถึงไหนอายถึงนั่น”
    “ลุงฉันสอนตอนฉันไปเยี่ยมที่ชายแดน”
    “เวลาหน้าร้อนเค้าก็ออกไปยิงกิ้งก่ากัน สนุกดีออก”
    “ไอ้นั่นมันอยู่ชายแดน ทรงพลพูดเสียงแข็ง”
    “แต่ตอนนี้มันอยู่ในเขตบ้านฉันเธอจะมาทำอย่างนี้ไม่ได้”
    “ทรงพลรู้สึกโกรธมาก”
    “และคิดจะดัดนิสัยไม่ดีของชมพู่”
    “มานี่เลย ยัยจอมแก่น”
    “จึงกระชากแขนชมพู่”
    “มานี่เดี๋ยวนี้เลย เธอจะต้องถูกทำโทษรู้มั๊ย”
    ชมพู่ด้วยความที่ไม่ค่อยถูกชะตากับทรงพลก็ขัดขืนร้องไห้ 
    “ไม่นะ ไม่นะ”
    “ไอ้คนใจร้าย มานี่เลยมัดใส่ต้นมะยมเอาไว้”
    “โทษฐานชอบขึ้นต้นไม้ และเล่นพิเรน”
    “จำไว้ตัวเองเป็นผู้หญิง”
    “ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีก”
    “จุกใหญ่ไปเอาเชือกในกระท่อมฉันมา”
    “จุกใหญ่ไม่กล้าขัดทรงพล”
    “ขอรับ”
    จุกใหญ่วิ่งไปเอาเชือกในกระท่อม ส่งให้ทรงพล
    ขณะที่ทรงพลกำลังใช้เชือกมัดตัวชมพู่ด้วยความคิดสนุกอยู่นั่น ชมพู่ร่ำไห้ พร้อมกับร้องด่าทอ   
    “ไอ้คนใจร้าย  ใจโหด”
    “จำไว้เลย ชมพู่เกลียดคุณที่สุด”
     ทรงพลสะอึก คิดได้ว่าทำเกินไป จึงก้มมองหน้าเด็กน้อยชมพู่พร้อมกับเอามือเช็ดน้ำตา   ทันใดนั้นเจ้าแกะก็วิ่งไปตามจันทร์หอมที่บ้าน จันทร์หอมรีบร้อนเดินมา ทรงพลเอามือออกจากแก้มชมพู่ทันที 
    “มีอะไรค่ะคุณพล”
    “ดิฉันต้องขอโทษแทนชมพู่ด้วยนะเจ้าค่ะเห็นเจ้าจุกเล็กวิ่งไปบอกแล้ว”
    “เดี๋ยวดิฉันจะลงโทษแกเองเจ้าค่ะ”
    “อ๋อไม่ต้องลงโทษหรอกครับ”
    ชมพู่มองหน้าทรงพล พร้อมกับเมินหน้าหนี
    “ แค่อบรมหน่อยก็แล้วกัน”
    “พอดีประกายดาวเอ่อ”
    ชมพู่มองหน้าทรงพลอีกครั้ง ยกมือโบกให้ทรงพลไม่ต้องบอกเรื่องนี้กับจันทรห์หอม เพราะกลัวแม่จันทร์หอมจะดุ 
    “พอดีแกยิงก้อนหินเข้ามาในกระท่อมของผม”
    “มานี่เลยชมพู่”
    “แม่บอกกี่ครั้งกี่หนแล้วไอ้หนังสติกนี่เอาไปทิ้งเลย”
    “ชอบจริง ๆ เลย นิสัยผู้ชาย”
    “ยิงกิ้งก่าเนี่ย เลิกซะทีได้มั๊ย มันบาป”
    “มากลับบ้านกับแม่เดี๋ยวนี้”
    “ยั่งงี้ต้องตีให้เข็ด”
    “ดีว่าไม่โดนหัวใครเข้า”
    ทรงพลได้ยินจันทร์หอมพูดดังนั้น เอามือจับบริเวณศรีษะตรงที่ก้อนหินโดน เป็นรอยเขียวนิดหน่อยแต่ก็ไม่ได้บอกแม่จันทร์หอมให้ทราบ เพราะกลัวว่าชมพู่จะโดนทำโทษหนัก ชมพู่เองก็กลัวว่าทรงพลจะฟ้องแม่เรื่องศรีษะนั่น  แต่ปรากฏว่าทรงพลไม่เอ่ยถึงเรื่องนี้ ชมพู่ก็ทำหน้าสงสัยว่าทำไมทรงพลไม่บอกแม่จันทร์หอมไป พอกลับถึงบ้านจันทร์หอมด้วยอาการที่โกรธเกรี้ยวอยู่นั่น จึงทำโทษด้วยการให้ชมพู่กอดอกแล้วหันหลังไป จันทร์หอมตีชมพู่อย่างแรงที่ก้น 3 ครั้ง พร้อมกับพูดว่า
    “ทีหลังอย่าทำ จำไว้”
    “ถ้าคุณย่าทับทิมรู้เราคงต้องโดนไล่ออกจากบ้านรู้มั๊ย”
    “ไม่มีใครรู้หรอกแม่นอกจากคุณชายทรงพล”
    “คุณพลนั่นแหละตัวดี”
    “ถ้าคุณทรงพลไปพูดหละก็เราต้องเดือดร้อนแน่”
    “เพราะคุณพลเป็นลูกโปรดของคุณหญิงทับทิมลูกรู้มั๊ย”
    “ดีว่าคุณพลแกไม่เอาเรื่องนะเนี่ย”
    ชมพู่ด้วยความที่เป็นเด็กเข้มแข็งขณะที่โดนแม่ตีอยู่นั่น เธอก็ไม่ร้องไห้แต่อย่างใด 
    “ทีนี้นั่งลงเดี๋ยวพรุ่งนี้แม่จะทำบัวลอยแล้วให้เอาไปให้คุณพลที่กระท่อมเข้าใจมั๊ย”
    “เป็นการขอบคุณที่ท่านไม่เอาเรื่องเรา”
    “แม่อยากให้ แม่ก็เอาไปเอง”
    “พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก”
    “ไม่ไปไม่ได้เหรอค่ะ”
    “ ไม่ได้ ยังจะมาตั้งแง่ตั้งงอนอะไร”
    “ เราผิดยังไม่ยอมรับผิดอีก”
    “ทำอะไรต้องรู้ถูกรู้ผิดเข้าใจมั๊ย”
    “ได้ค่ะแม่”
    “ไปอาบน้ำ หน้าตามอมแมมดูไม่ได้เลย”
    “เมื่อไหร่จะเลิกดื้อซะทีนะลูกคนนี้
    ขณะที่ชมพู่เข้าไปอาบน้ำ จันทร์หอมก็พูดสั่งสอนไปด้วย
    “ ชมพู่เริ่มโตเป็นสาวแล้วนะลูก”
    “จะไปเล่นซนกับพวกเจ้าจุดไม่ได้แล้วรู้มั๊ย”
    “เด็กพวกนั้นยังเด็กมาก”
    “เราเริ่มเป็นผู้ใหญ่แล้ว อย่าพาน้องไปเล่นพิเรน”
    “ไหนบอกแม่ว่าท่องสัพเพสัพตาทุกวัน ไม่ให้มีเวรต่อสัตว์”
    “ชมพู่ไปทำแบบนี้เป็นเวรเป็นกรรมรู้มั๊ย”
    “ชมพู่เป็นลูกพระ แม่กับคุณพ่ออุตส่าห์ไปขอมาจากวัด”
    “ท่านบอกว่าถ้าลูกมาเกิด ลูกจะต้องหมั่นทำบุญทำทานนะลูก”
    “เพราะลูก เป็นลูกบุญ”
    “ถ้าลูกทำกรรม ลูกจะเห็นผลทันตา”
     “ค่ะคุณแม่ รู้แล้วค่ะ” 
    “หนูแค่คิดอยากเล่นสนุกกับพวกเจ้าแกะ”
    “ต่อไปหนูจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้ว”
             ตอนสายชมพู่ถือตระกร้าที่มีถ้วยขนมบัวลอยไข่หวาน พร้อมผลไม้สองสามอย่าง เพื่อไปขอโทษคุณทรงพลที่กระท่อม เพราะรู้ว่าทรงพลชอบมานั่งเขียนแบบสิ่งประดิษฐ์คนเดียว ชมพู่ได้ไปเรียกเจ้าจุกเล็ก จุกใหญ่ไปเป็นเพื่อนตามเคย พอไปถึงหน้ากระท่อมเด็ก ๆ ก็ยังไม่กล้าเข้าไป เพราะยังกลัวว่าทรงพลจะยังโกรธอยู่ ชมพู่ และเด็ก ๆ จึงยืนอยู่หน้าประตู ชมพู่บอกเจ้าแกะว่า
    “ไม่ต้องพูดอะไรนะ เงียบ ๆ ไว้”
    เด็กๆ ทั้งสามเดินย่องเข้าไปที่กระท่อม
    “เดี๋ยวพี่พูดเอง”
     เด็ก ๆ พยักหน้า ชมพู่แกล้งเอาหูแนบประตูฟังว่ามีเสียงคนอยู่รึเปล่า    ได้ยินเสียงกีต้าร์เบา ๆ ดังออกมา แสดงว่ามีคนอยู่ 
    “เอ่อ ชมพู่ทำเสียงดังเหมือนเคาะประตู ก๊อก ก๊อก ก๊อก มีใครอยู่ข้างในมั๊ยค่ะ
    “วันนี้พวกเรามาสมานฉันท์”
    “ โดยการเอาขนมบัวลอยไข่หวานของแม่จันทร์หอมมาให้ทานเจ้าค่ะ”
    “ไม่ทราบว่าจะยกโทษให้มั๊ยเจ้าค่ะ”
     ถ้ายกโทษให้เปิดประตูมารับขนมแต่โดยดี ถ้าไม่ยกโทษให้เวลาอีก 5 นาที ถ้าไม่เปิดประตู พวกเราจะกลับบ้านทันที 1 2 3 4 และ 5  ประตูกระท่อมไม่เปิด เจ้าแกะมองหน้าชมพู่ 
    “พี่ชมพู่สงสัยไม่ได้เรื่อง เรากลับกันเถอะ”
    “เดี๋ยวท่านจะรำคาญ”
     ชมพู่ทำหน้าเศร้า เพราะรู้สึกผิด พร้อมกับบอกพวกเจ้าจุกว่า 
    “อืมก็ดี”
    “เรากลับบ้านกันเถอะ”
    พอเด็กๆ เดินหันหลังไปกำลังจะกลับบ้าน ทรงพลเปิดประตูออกมา พร้อมกับพูดเสียงดังว่า 
    “เดี๋ยวไหนว่ามีบัวลอยไข่หวาน อะไรนั่นนะ”
    “กำลังหิวอยู่พอดี”
     ทรงพลเอ่ยขึ้นพลางเดินรูปที่ท้องออกมา เด็ก ๆ ดีใจรีบเดินกลับเข้ามาที่กระท่อม พร้อม
    กับจัดหาอุปกรณ์จัดสถานที่ให้ทรงพลนั่งทานขนมด้วยความเอร็ดอร่อยกับเด็ก ๆ ขณะที่เด็ก ๆ และทรงพลนั่งทานขนมใต้ต้นไม้ พร้อมพูดคุยกันสนุกสนานอยู่นั่น แม่จันทร์หอมก็เดินตามมาแอบดู พร้อมกับอมยิ้มด้วยความดีใจ คิดว่าถ้าชมพู่ได้อยู่ใกล้ ๆ กับคุณทรงพลก็น่าจะดูอบอุ่น และปลอดภัยกว่าไปอยู่ไปเล่น ที่อื่น เพราะดูจากสายตาของทรงพลแล้ว ทรงพลก็ดูมีสายตาที่เอ็นดูชมพู่อยู่เหมือนกัน ทรงพลเอ่ยถามชมพู่ เพราะเห็นชมพู่นั่งขีดเขียนดินอยู่ตามลำพัง 
    “เออนี่ประกายดาว”
    “เธอมีชื่อเล่นรึเปล่า”
    “หรือว่าชื่อเล่นปลาดาว”
    “มีค่ะ 
    “อ๋อเหรอ ฉันนึกว่าชื่อปลาดาว”
    “ชื่อชมพู่  คนนะไม่ใช่ปลา”
    “เพื่อน ๆ ชอบเรียกชมพู่แก้มแหม่ม”
    “งั้นฉันเรียกเธอว่าปลาดาวแล้วกันนะ” น่ารักดี ฉันชอบอะไรที่อยู่บนฟ้าน่ะ”
            "ปลาดาวมันอยู่บนฟ้าเหรอ"
            "งง  ไปหมดแล้ว"
            "อ๋อ  มันเป็นดาวดวงใหม่  ที่ฉันตั้งชื่อให้มันเองหละ
    “สงสัยเพี้ยนไปใหญ่แล้ว  คนอะไรพิลึกคนจริง"
    “ทำไมไม่เรียกชมพู่หละ”
    “ก็คนอื่นเรียกเยอะแล้ว”
    “ฉันจะเรียกเธอ ปลาดาว”
    “ฉันว่ามันน่ารักดีนะ เชื่อฉันสิ”
     “คงจะมีคุณคนเดียวแหละที่ว่าน่ารัก”
    “ ชื่อปลาดาว ไม่เหมือนใครดี”
    “ ถ้าฉันเรียกเธอปลาดาว เธอก็จะได้รู้ไงว่าฉันเรียกเธออยู่”
    “ฉันว่าเธอยังดูงอน ๆ ฉันอยู่ใช่มั๊ยแม่ปลาดาว”
    “ดูเธอไม่ค่อยชอบขี้หน้าฉันเท่าไหร่”
    “เธอยกโทษให้ฉันเถอะนะ”
    “ฉันอยู่คนเดียวไม่ค่อยมีเพื่อน”
    “พวกเรามาเป็นเพื่อนกันดีมั๊ย อย่าเป็นศัตรูกันเลยนะ มันไม่สนุก”
    “แต่ฉันสนุก” ชมพู่ตอบ ด้วยความปากแข็ง
     “มาเป็นเพื่อนกันดีมั๊ยจุกเล็ก จุกใหญ่ ทรงพลพูดเสียงดัง มองหน้าไปที่จุกเล็กจุกใหญ่”
    “เชอะ คนเจ้าเล่ห์ เล่นพรรค เล่นพวก”
     “ชมพู่จ้องดูทรงพลคิดในใจว่ามาไม้ไหนเนี่ยอีตาคนนี้”
    “ชมพู่จึงตอบทรงพลว่าเป็นเพื่อนก็ได้ค่ะคุณน้า”
    “แก่จะตายยังจะมาเล่นกับเด็ก”
    “ไม่กลัวเค้าหาว่าเป็นเฒ่าทารกรึไง ชมพู่โต้ตอบ”
    “น้าเน้อที่ไหน ฉันเป็นพี่เธอแค่สิบปีเอง”
    “เรียกพี่ได้มั๊ย”
    “อ้าวก็เคยมีคนบอกว่าถ้าเล่นกับเด็กก็จะดูเด็กอยู่เสมอใช่มั๊ยเจ้าจุก”
    “เจ้าจุกทั้งสองรับลูกที่ทรงพลพูดทันที ใช่ขอรับ”
    “โถ่พี่ชมพู่รับคุณชายทรงพลเป็นเพื่อนกลุ่มเรานะ”
    “แหมท่านอุตส่าห์อยากเล่นกับเรา”
    “เราจะได้มีขนมกินเยอะด้วย”
    “ชมพู่ตะหวาดเจ้าจุกเล็ก”
    “เออเจ้าจุกเล็กนี่คิดห็นแต่เรื่องกิน”
     “กลัวพี่เลี้ยงไม่โตรึไง”
    “ก็ได้ เป็นเพื่อนกันก็ได้”
    “แต่มีข้อแม้นะ”
    “ต้องสัญญาว่าจะปกป้องพวกเราทั้งสามคน”
    “ต้องคอยปกป้องดูแลตลอดไป”
    “ทรงพลตอบ แค่นี้นะ เรื่องง่าย ๆ”
    “ห้ามให้คนอื่นมารังแกพวกเราเด็ดขาด”
    “ได้เลย ทรงพลตอบ งั้นเอาเป็นว่าเราสงบศึก”
    “มาเจ้าแกะมาเกี่ยวก้อยสัญญากัน”
    ทรงพลยกนิ้วก้อยขึ้นมาพร้อมกับเกี่ยวก้อยสัญญากับเด็ก ๆ ตั้งแต่จุกน้อย  จุกใหญ่ และมาหยุดที่ชมพู่ 
    “ถึงทีเธอแล้วแม่ปลาดาว”
    “เธอจะยกโทษให้ฉันได้มั๊ย”
    ทรงพลยกนิ้วก้อยค้างไว้ ชมพู่เบือนหน้าหนีคิดอยู่ครู่หนึ่ง จึงเกี่ยวก้อยกับทรงพล เป็นเพื่อนก็ได้ 
    “ฉันก็มีข้อแม้เหมือนกัน” ทรงพลเอ่ยขึ้น
     “พวกเธอต้องเรียกฉันว่าพี่พล”
    “เข้าใจมั๊ย”
    เด็ก ๆ จึงตอบพร้อมกัน
    “เข้าใจครับ  เข้าใจค่ะ”
    “เอ้าไปกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวพ่อแม่เป็นห่วง”
    ทรงพลต้องการเป็นเพื่อนกับเด็ก ๆ เหตุผลก็เพราะทรงพลต้องการจะเอาแบบกังหัน และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ มาให้เด็ก ๆ ได้ดู ได้เรียนรู้ เพราะทรงพลไม่กล้าที่จะเอาไปให้ใครดู โดยเฉพาะที่ตึกใหญ่ ถ้าพูดเรื่องสิ่งประดิษฐ์ขึ้นทรงพลก็จะโดนดุ เป็นเรื่องใหญ่เรื่องโตทันที  ทุกคนหาว่าเค้าเพ้อฝัน ไม่มีใครรับฟังเรื่องนี้จากเค้าเลย 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×