ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : รางวัลชีวิต
ตอนที่ 3
รางวัลชีวิต
วันนี้ชมพู่อารมณ์ดีนั่งอ่านกลอน ฝึกซ้อมทำนองเสนาะ อยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ
“ชมพู่แก้มแหม่มมากินข้าวเร็วลูก”
“ลูกไม่หิวค่ะ”
“จะฝึกซ้อมอ่านทำนองเสนาะ”
“นี่มันค่ำมืดแล้วนะ”
“พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”
“ลูกจะฝึกซ้อมไปประกวดอ่านทำนองเสนาะ และฝึกร้องเพลงไทยเดิม”
“ในงานรำลึกถึงสุนทรภู่ครูกวีศรีสยามที่โรงเรียนน่ะค่ะ”
“คุณแม่รู้จักสุนทรภู่มั๊ยค่ะ รู้จักสิกวีไทยที่ดังระดับโลก”
“ทำไมจะไม่รู้จักหละจ๊ะ”
“เออแล้วว่าแต่ว่าชมพู่แก้มแหม่มของแม่ไปเล่นซนอะไรมา”
“หายไปตั้งนานทำไมเพิ่งกลับบ้าน”
“ลูกไปแอบดูพวกชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทย”
“ที่เค้าชอบมาซ้อม ร้อง รำ เล่นดนตรีไทย อ่านกาพย์ กลอนต่าง ๆ”
“คฤหาสน์คุณหญิงย่าทับทิมมานะค่ะ”
“เอ๊ะ ลูกเข้าไปที่นั่นมาเหรอ”
“ ไม่ได้เข้าไปค่ะ”
“แค่แอบปีนดู และแอบฟังอยู่ข้างกำแพง”
"ชมพู่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มา"
"ชมพู่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ มา"
“โถชมพู่แก้มแหม่มลูกแม่ น่าสงสารจริง”
“แม่จะสงสารชมพู่ทำไม ชมพู่แค่อยากฟังเฉย ๆ”
“ฟังไกล ๆ ก็เพราะดี”
“ชมพู่ ได้ยินเสียงคุณหญิงย่าทับทิม ขับร้องเพลงกล่อมลูก”
“ ฟังแล้วไพเราะจนขนลุกดีเลยค่ะ”
“ไพเราะจริง ๆ นะค่ะคุณแม่”
“จ๊าไม่ไพเราะได้ยังไงหละลูก”
“คุณหญิงทับทิมก็ได้เป็นครูภาษาไทยอาวุโสดีเด่นระดับชาติ”
“เหรอค่ะคุณแม่ ตื่นเต้นจัง”
“พอดีชมพู่รัก และชอบวิชาภาษาไทยมากเลย”
"ชมพู่ฝันอยากเป็นครูสอนภาษาไทยค่ะ"
"ชมพู่ฝันอยากเป็นครูสอนภาษาไทยค่ะ"
“ชมพู่ว่าภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ ถ้าหัดฟัง พูด อ่าน เขียนได้ดี
ก็เหมือนกับเราได้รักษาสมบัติ และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไว้ค่ะแม่
ก็เหมือนกับเราได้รักษาสมบัติ และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไว้ค่ะแม่
“อยากเก่งเหมือนคุณหญิงย่าทับทิมจังเลยค่ะ”
“ถ้าอยากเก่งลูกก็ตั้งใจเรียน”
“ฝึกฝนบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เก่งเองแหละลูก”
“เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของทักษะขึ้นอยู่กับการฝึกฝน”
“เดี๋ยวลูกก็ลองฝึกดู ถ้าดีแล้วมาร้องให้แม่ฟัง”
“แม่จะลองพาไปฝากเข้าชมรมของคุณหญิงย่าทับทิมดีมั๊ย”
“ดีค่ะคุณแม่ ชมรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
“ชมดีใจจังที่แม่รัก และเข้าใจลูกเสมอ”
ชมพู่ฝึกอ่านกลอนเป็นอาทิตย์เพื่อไปเข้าแข่งอ่านทำนองเสนาะที่โรงเรียนสามกษัตริย์ เมื่อจันทร์หอมได้ยินลูกฝึกอ่าน เขียน ภาษาไทย และซ้อมท่องทำนองเสนาะทุกวัน ก็รู้สึกดีใจลึก ๆ คิดถึงนายแท่น ผู้เป็นพ่อที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้ที่รักความเป็นไทย เป็นครูไทยรุ่นแรก ๆ ที่อาสาเข้าไปสอนวิชาภาษาไทยให้กับพระสงฆ์คุณตาเป็นผู้รักภาษาไทยไม่แพ้ชมพู่ แล้วอยู่ดี ๆ ชมพู่ก็วิ่งเข้ามาหาแม่
“คุณแม่ค่ะ” ชมพู่ร้องเสียงดัง
“แววตาเป็นประกาย”
“มีอะไรลูก”
จันทร์หอมตกใจขณะที่นั่งคิดถึงคุณพ่ออยู่นั่น
“แม่ฟังชมท่องทำนองเสนาะนะค่ะคุณแม่”
“ชมพู่ซ้อมมาเป็นอาทิตย์แล้ว”
“ชมพู่อยากท่องให้แม่จันทร์หอมของชมฟังเป็นคนแรกก่อนไปประกวดแข่งขัน”
“หนูขอท่องบทกลอน “คำมั่นสัญญา” ของท่านสุนทรภู่ให้แม่ฟังนะค่ะ เพราะบทกลอนนี้จะใช้แข่งขันในวันพรุ่งนี้แล้วน่ะค่ะ ทุกโรงเรียนเค้าก็จะจัดแข่งบทกลอนนี้ทั้งนั้นเลยค่ะ
“เอาเลยลูก”
“แม่จะตั้งใจฟัง”
จันทรห์หอมนั่งด้วยความตั้งใจ หลับตาฟังเสียงลูกสาวของตัวเองท่องทำนองเสนาะ
จันทรห์หอมนั่งด้วยความตั้งใจ หลับตาฟังเสียงลูกสาวของตัวเองท่องทำนองเสนาะ
“คิดซะว่าแม่เป็นผู้ฟังคนหนึ่งก็แล้วกันนะ”
“กลอนที่หนูจะท่องให้แม่ฟังนี้เป็น บทประพันธ์ของ สุนทรภู่ เรื่อง "พระอภัยมณี" ตอน "พระอภัยมณีให้คำมั่นสัญญาแก่นางละเวง"
ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
แม้เกิดในใต้หล้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
แม้เกิดในใต้หล้าสุธาธาร ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา เชยผกาโกสุมปทุมทอง
เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่ เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
จะติดตามทรามสงวนนวลละออง เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
“ขณะนี้เป็นการประกวดอ่านทำนองเสนาะระดับมัธยมศึกษา”
“ ต่อไปนี้ท่านจะได้พบกับผู้เข้าประกวดหมายเลข 5”
“ตัวแทนจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เด็กหญิง ประกายดาว สกุลไพศาล”
“ลูกศิษย์คุณครูแววมยุรี ห้อง ม. 4/1 เชิญรับฟังได้เลยขอรับ”
เมื่อได้ยินดังนั้น คุณหญิงทับทิม กับคุณชายทรงพล ผู้เป็นประธานก็ต้องตกตะลึง
เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าประกายดาวจะเข้าแข่งขัน คุณหญิงทับทิมเปรยขึ้นกับลูกชายว่า
“เอ้าแม่เด็กชมพู่แก้มแหม่มก็เข้าแข่งขันกับเค้าด้วยรึ”
“ใครกันครับชมพู่แก้มแหม่ม”
“เด็กหญิงประกายดาวนี่สิ”
“เป็นเด็กที่แม่ไปรับมาอยู่บ้านเราไง”
“ทรงพลคงไม่รู้จักกระมัง”
ทรงพลจ้องดูเด็กหญิงประกายดาวด้วยความสนใจพลางนั่งอมยิ้ม ส่งสายตาจ้องมองประกายดาว ประกายดาวเหลือบไปเห็น คุณหญิงทับทิม กับทรงพล รู้สึกตื่นเต้นมากที่ต้องมาท่องทำนองเสนาะท่ามกลางผู้คน เพราะเคยอยู่แต่กับแม่ และเด็ก ๆ แถวบ้านไม่กี่คน ที่สำคัญ ณ ตอนนี้เธอต้องมาท่องทำนองเสนาะให้คุณหญิงทับทิมผู้เป็นประธาน พร้อมกับทรงพล ผู้ชายที่เธอรู้สึกว่าเกลียดที่สุด ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เธอรู้สึกประหม่า ตั้งสติ กำมือแน่น พร้อมกับท่องทำนองเสนาะขึ้น เมื่อเธอท่องทำนองเสนาะบทนี้ขึ้น ทุกคนในห้องประชุม นิ่งเงียบ ส่งสายตาชื่นชม จดจ้องมาที่ประกายดาวเพียงผู้เดียว เพราะเสียงของเธอนั้นช่างไพเราะอ่อนหวานเหลือเกิน ทำให้สามารถสะกดคนฟังได้ทั้งหอประชุมเลยทีเดียว เมื่อประกายดาวท่องทำนองเสนาะเสร็จเรียบร้อย เสียงปรบมือดังสนั่นทั่ว หอประชุม ประกายดาวแสดงความขอบคุณ รีบลงจากเวที ไม่เหลียวหลัง เพราะตื่นเต้นมาก เมื่ออยู่หลังเวทีประกายดาวเจอคุณครูแววมยุรีที่มายืนให้กำลังใจ รีบเข้าโผกอดคุณครูผู้เป็นที่รัก
“ เป็นยังไงบ้างประกายดาว”
“ทำดีแล้วนะจ๊ะ จริงเหรอค่ะคุณครู”
“ไม่คิดว่าประกายดาวจะอ่านทำนองเสนาะได้ไพเราะขนาดนี้เลยนะ”
“ขอบพระคุณมากค่ะคุณครู”
เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัง ผลประกาศ ประกายดาวได้ลำดับที่ 3 ซึ่งก็เป็นที่เคลือบแคลงของผู้ชม ทรงพลเอ่ยขึ้นถามคุณหญิงทับทิม
“ผมว่าเด็กประกายดาวน่าจะได้ที่หนึ่งนะครับคุณแม่”
“เหรอแม่ก็คิดอย่างนั้น แต่คนที่ได้ลำดับที่ 1 ที่ 2 ก็เก่งเหมือนกันนะลูก”
“แถมคนที่ 1 ยังเป็นลูกสาวของท่านยศพล ผู้พิพากษาเพื่อนคุณพ่อ”
“คนที่สองเนี่ย ก็เป็นลูกสาวท่านผู้อำนวยการเองแหละ”
“แหมดูน่ารัก น่าชังทั้งคู่ ท่านทั้งสองก็ฝากให้แม่ดูแลอยู่”
“ประกายดาวได้ที่ 3 ก็ดีแล้วแหละ”
“เค้ายังมีเวลาฝึกฝนอีกนาน”
“ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าก็ยังมี”
“พลไม่ต้องไปคิดมากแทนเด็กนั่นหรอก”
“พลก็ไม่ได้คิดมากอะไร แค่สงสัยเท่านั้นเอง”
“แม่ค่ะชมพู่คนเก่งของแม่มาแล้ว”
“ชมพู่ร้องลั่นบ้าน”
“เพราะอยากเอารางวัลที่ได้มาให้แม่ดู
“แม่ค่ะ มาดูเร็ว หนูได้รางวัลที่ 3 ได้รับเงินจำนวน 200 บาท”
“พร้อมใบประกาศนียบัตรนะค่ะ”
“หนูดีใจที่สุดเลยแม่รู้มั๊ยค่ะ รู้จ๊ะ รู้จ๊ะ จริงเหรอลูก”
“แล้วแม่รู้มั๊ยค่ะคนที่มอบรางวัลให้หนูคือใครคุณหญิงย่าทับทิม”
“ เหรอลูก จันทร์หอมตาเป็นประกายดีใจ และภูมิใจในลูกสาวของตัวเอง”
“เดี๋ยวน่ะลูกมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนก่อน”
“แล้วลูกอยากจะได้อะไรเป็นรางวัลจากแม่หละจ๊ะ”
“ลูกอยากทานบัวลอยไข่หวานฝีมือคุณแม่ค่ะ”
“ชมพู่หัวเราะชอบใจ เอาสูตรชาววังเลยนะค่ะ”
“ได้จ๊ะลูกรอแป๊ปนึงนะลูกนะ”
จันทร์หอมเข้าครัว ทำขนมหวานให้ลูกสาวทานด้วยความดีใจ วันนั้นแม่ลูกคุยกัน และนั่งทานขนมหวานด้วยความสุข และความเอร็ดอร่อย
“แม่จันทร์หอม”
“ เสียงคนร้องเรียก”
“ว่าไงแม่พิไล”
“คุณหญิงให้มาตามไปพบที่ตึกใหญ่”
“มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน”
“ท่านให้มาตาม ก็ไปเถอะ เดี๋ยวก่อนนะ”
“ฉันกำลังเตรียมน้ำพริกกุ้งสดที่ท่านชอบทาน กับผัดไทยกุ้งสดอยู่น่ะ”
“เร็ว ๆ แล้วกัน คุณหญิงรออยู่”
“เจ้าค่ะๆ”
“คุณหญิงเรียกพบดิฉันมีอะไรเจ้าค่ะ”
“ไม่มีอะไรมาก เรื่องที่ชมพู่ไปประกวดอ่านทำนองเสนาะในวันสุนทรภู่”
“เค้าได้รับรางวัลที่สามเธอทราบแล้วใช่มั๊ย”
“ทราบเจ้าค่ะ ลูกดิฉันหมั่นฝึกฝนทุกวันเพื่อเข้าแข่งขัน”
“เออฉันก็เพิ่งรู้ว่าลูกสาวเธอมีความสนใจด้านนี้”
“เค้ามีความสามารถทางด้านภาษา”
“เห็นห้าว ๆ เหมือนเด็กผู้ชาย นึกว่าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
“ไม่น่าเชื่อ แกก็ดูห้าว ๆ เป็นไปตามเพื่อนวัยรุ่นเจ้าค่ะ”
“เด็กขาดพ่อก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณหญิง”
“ช่วงก่อนดิฉันออกไปค้าขายนอกบ้านก็ไม่ค่อยได้ดูแล”
“แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นนะเจ้าค่ะ”
“ได้มาอยู่นี่มีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกเจ้าค่ะ”
“ตรงนี้ก็ต้องขอบพระคุณคุณหญิงด้วยเจ้าค่ะ”
“ว่าแต่วันนี้ดิฉันก็เอาค่าเช่าบ้านมาจ่ายคุณหญิงตามเคยเจ้าค่ะ”
“อ๋อเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก”
“ถ้าเจอทรงพล หรือหญิงพิมพ์ก็ฝากไว้ก็ได้นะ”
“เจ้าค่ะ”
“พอดีฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอว่า”
“ฉันอยากให้ชมพู่เข้ามาร่วมชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทยของฉันกับเด็ก ๆ คนอื่น”
“ในวันเสาร์ และอาทิตย์ เธอจะขัดข้องมั๊ย”
“ไม่ขัดข้องเลยเจ้าค่ะ”
“ พอดีดิฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน”
“แต่ก็ไม่กล้าไตร่ถามคุณหญิงน่ะเจ้าค่ะ”
“ฉันก็เห็นว่าเด็กมันมีความสามารถ มีความตั้งใจ ก็เลยอยากสนับสนุน”
“เด็กสมัยนี้ก็เริ่มไม่ค่อยให้ความสำคัญกับภาษาไทยมากนัก”
“ชอบให้ความสำคัญแต่ภาษาต่างประเทศ”
“จนหลงลืมวัฒนธรรมตนเองไปบ้างแล้วหละ”
“ภาษาตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ แล้วไปเรียนภาษาอื่นก็ยิ่งไปกันใหญ่”
“ตัวฉันเองคิดว่า”
“ถ้าพูดภาษาตนเองให้ดีเสียก่อน พอไปฝึกฝนภาษาอื่นต่อไปก็น่าจะดีกว่ากัน”
คุณหญิงทับทิมกล่าวกับจันทร์หอม
“เห็นชมพู่สนอกสนใจดี”
“ฉันก็ว่าฉันน่าจะช่วยส่งเสริมผลักดันในด้านนี้ได้นะ”
“ถ้าแกสนใจอยากร้องเพลงไทยเดิม รำไทย เล่นดนตรีไทย”
“ฝึกหัดอ่านภาษาไทย ซึ่งเป็นศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ”
“เลือกเรียนได้สบายใจ ที่ตึกใหญ่จะมีห้องซ้อมวัฒนธรรมไทยอยู่”
“บอกแกมาเรียนได้ทุกอาทิตย์ก็แล้วกัน”
“ขอบพระคุณ คุณหญิงมากเจ้าค่ะ จันทร์หอมน้ำตาคลอพร้อมก้มลงกราบแทบเท้า” คุณหญิงทับทิม มองดูจันทร์หอมด้วยสายตาเอ็นดู
“เอออย่าลืมเวลาจะมาเรียนพิเศษ ให้ลูกแต่งตัวชุดไทยด้วยหละ”
“เพราะเด็กที่นี่เค้าจะแต่งตัวชุดไทยกัน”
“เดี๋ยวมาเรียนแต่งชุดไม่เหมือนเพื่อน เจ้าค่ะ”
“ชมพู่แก้มแหม่มอยู่นี่มั๊ยลูก”
“อยู่ค่ะคุณแม่มีอะไรค่ะ”
“หายไปไหนมาลูกตามหาแม่ไม่เจอ”
“คุณหญิงน่ะสิ”
“เรียกแม่ไปพบด่วน”
“เหรอค่ะ” ชมพู่ทำท่าทางตกใจ
“มีเรื่องอะไรค่ะ”
“แม่ไปทำอะไรให้คุณหญิงท่านไม่สบายใจรึเปล่า”
“ โอ๊ยแม่จะกล้าไปทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจหละลูก”
“ว่าแต่ลูกเถอะ”
“ชมพู่เหรอค่ะ”
“ชมพู่ไม่เคยไปทำอะไร”
“ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ชมพู่ก็ยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปในตึกใหญ่นั่นเลย”
“กลัวเจอคุณหญิงพิมพ์จอมใจร้ายนั่น”
“ผู้หญิงอะไรสวยก้อสวย”
“ใจร้ายมาก”
“สงสัยจะขึ้นคานนะแม่”
“จะมีผู้ชายคนไหนกล้าจีบเหรอค่ะ”
“เค้าก็มีอยู่นั่นแหละลูก”
“แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน”
“คนที่เค้าชอบแบบคุณหนูพิมพ์ก็มี”
”พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก
”พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก
“ชมพู่ขอโทษค่ะแม่”
“วันแรกที่เราเข้ามาก็แสดงความไม่เป็นมิตรแล้ว”
“ ช่างเถอะพอดีแม่มีข่าวดีมาบอกลูก”
“ที่ลูกเคยไปแอบดูชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทยเค้าซ้อมกัน”
“ที่เค้าไปฝึกฝนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ที่วันเสาร์อาทิตย์น่ะ”
“ทำไมเหรอค่ะ”
“ คุณหญิงย่าทราบเหรอค่ะว่าชมไปแอบดู”
“ทราบได้ไงเนี่ย” ชมพู่ทำหน้าตาตื่นเต้น
“ชมแอบดูไม่น่ามีคนรู้นะ”
“ท่านไม่ทราบหรอกว่าชมไปแอบดู”
“แต่ท่านน่ะเห็นว่าลูกมีความสามารถ”
“ก็เลยอยากให้ลูกเสียสละวันอาทิตย์ที่เล่นซนกับพวกเจ้าแกะเนี่ย”
“ไปซ้อมอ่านกลอน หรือร้องเพลงสืบทอดวัฒนธรรมไทย”
“กับทางชมรมที่ตึกใหญ่ ตรงห้องสืบสานวัฒนธรรมไทยน่ะสิ”
“แล้วลูกจะตัดใจจากเจ้าจุกเล็ก จุกใหญ่ ไปฝึกซ้อมได้มั๊ยในวันอาทิตย์น่ะ
“ต้องแต่งตัวด้วยชุดไทยที่เรียบร้อยด้วยนะลูก”
“ เนี่ยชมฝันไปรึเปล่าค่ะคุณแม่”
“จันทร์หอมหยิกชมพู่นิดหน่อย”
“ฝันมั๊ยหละ อุ๊ยแม่ไม่ได้ฝันค่ะ”
“นี่เรื่องจริงใช่มั๊ยค่ะ ชมพู่ดีใจที่สุดในโลกเลย”
“เดี๋ยวเราต้องเตรียมตัวไปเริ่มเรียนในวันอาทิตย์ที่จะมาถึงเนี่ยเลยนะ”
“แล้วแม่ค่ะเราจะไปเอาชุดไทยมาจากไหนหละ”
“เดี๋ยวแม่นึกก่อนเราก็ไม่ค่อยมีเงินกันซะด้วย”
“ต้องจ่ายค่าเช่าให้คุณหญิงทุกเดือน”
“เงินก็ไม่ค่อยมี”
“แต่แม่นึกออกแล้ว”
“ช่วงแรก”
“ลูกเอาชุดไทยเก่าของแม่ไปใส่ก่อนก็แล้วกันนะ”
“แม้นมันจะดูเก่าไปหน่อยแต่ก็คงพอใส่ได้”
“แล้วชุดไทยเนี่ยแม่ไปเอามาจากไหน”
“หนูเพิ่งรู้ว่าแม่มีชุดไทยกะเค้าด้วย”
“ปกติไม่เคยเห็นแม่ชอบแต่งตัวไปไหนเลย”
“เห็นแต่ทำอาหารอยู่บ้าน”
“มันเป็นชุดแต่งงานของแม่”
“ในสมัยที่คุณพ่อไปสู่ขอแม่ตั้งแต่แม่อายุ 16 ปีโน่นนะ”
“คนสมัยก่อนเค้าแต่งงานกันเร็วน่ะลูก”
“อายุแม่สมัยนั้น ก็รุ่น ๆ ชมพู่แหละ แม่ก็ต้องแต่งงานแล้ว”
“เพราะครอบครัวของแม่ยากจนด้วย”
“พ่อเค้าก็แต่งแม่ไปเป็นแม่บ้าน”
“เหรอค่ะไม่เห็นแม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ชมฟังบ้างเลย”
“แม่ช่วยเล่าเรื่องนี้ให้หนูฟังได้มั๊ยค่ะ”
“ชมอยากฟังจังเลย นะค่ะแม่”
“นะค่ะ”
“ชมอยากรู้ว่าทำไมพ่อต้องพวกเราไปไกลถึงแอฟริกา”
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น