ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    มนต์รักเสน่ห์จันทร์

    ลำดับตอนที่ #3 : รางวัลชีวิต

    • อัปเดตล่าสุด 7 ต.ค. 53


     
    ตอนที่ 3
                                                                                                     รางวัลชีวิต
     
    วันนี้ชมพู่อารมณ์ดีนั่งอ่านกลอน ฝึกซ้อมทำนองเสนาะ อยู่ที่บ้านอย่างสบายใจ
    “ชมพู่แก้มแหม่มมากินข้าวเร็วลูก”
    “ลูกไม่หิวค่ะ”
    “จะฝึกซ้อมอ่านทำนองเสนาะ”
    “นี่มันค่ำมืดแล้วนะ”
    “พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียนแต่เช้า”
    “ลูกจะฝึกซ้อมไปประกวดอ่านทำนองเสนาะ และฝึกร้องเพลงไทยเดิม”
    “ในงานรำลึกถึงสุนทรภู่ครูกวีศรีสยามที่โรงเรียนน่ะค่ะ”
    “คุณแม่รู้จักสุนทรภู่มั๊ยค่ะ รู้จักสิกวีไทยที่ดังระดับโลก”
    “ทำไมจะไม่รู้จักหละจ๊ะ”
    “เออแล้วว่าแต่ว่าชมพู่แก้มแหม่มของแม่ไปเล่นซนอะไรมา”
    “หายไปตั้งนานทำไมเพิ่งกลับบ้าน”
    “ลูกไปแอบดูพวกชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทย”
    “ที่เค้าชอบมาซ้อม ร้อง รำ เล่นดนตรีไทย อ่านกาพย์ กลอนต่าง ๆ”
    “คฤหาสน์คุณหญิงย่าทับทิมมานะค่ะ”
    “เอ๊ะ  ลูกเข้าไปที่นั่นมาเหรอ”
    “ ไม่ได้เข้าไปค่ะ”
    “แค่แอบปีนดู  และแอบฟังอยู่ข้างกำแพง”
                   "ชมพู่ได้ยินเสียงแว่ว ๆ  มา"
    “โถชมพู่แก้มแหม่มลูกแม่ น่าสงสารจริง”
    “แม่จะสงสารชมพู่ทำไม ชมพู่แค่อยากฟังเฉย ๆ”
    “ฟังไกล ๆ ก็เพราะดี”
     “ชมพู่ ได้ยินเสียงคุณหญิงย่าทับทิม ขับร้องเพลงกล่อมลูก”
    “ ฟังแล้วไพเราะจนขนลุกดีเลยค่ะ”
    “ไพเราะจริง ๆ นะค่ะคุณแม่”
    “จ๊าไม่ไพเราะได้ยังไงหละลูก”
    “คุณหญิงทับทิมก็ได้เป็นครูภาษาไทยอาวุโสดีเด่นระดับชาติ”
    “เหรอค่ะคุณแม่ ตื่นเต้นจัง”
    “พอดีชมพู่รัก  และชอบวิชาภาษาไทยมากเลย”
                    "ชมพู่ฝันอยากเป็นครูสอนภาษาไทยค่ะ"
    “ชมพู่ว่าภาษาไทยเป็นภาษาประจำชาติ ถ้าหัดฟัง พูด อ่าน เขียนได้ดี
    ก็เหมือนกับเราได้รักษาสมบัติ และวัฒนธรรมอันดีงามของชาติไว้ค่ะแม่
    “อยากเก่งเหมือนคุณหญิงย่าทับทิมจังเลยค่ะ” 
    “ถ้าอยากเก่งลูกก็ตั้งใจเรียน” 
    “ฝึกฝนบ่อย ๆ เดี๋ยวก็เก่งเองแหละลูก”
    “เรื่องแบบนี้มันเป็นเรื่องของทักษะขึ้นอยู่กับการฝึกฝน”
    “เดี๋ยวลูกก็ลองฝึกดู ถ้าดีแล้วมาร้องให้แม่ฟัง”
    “แม่จะลองพาไปฝากเข้าชมรมของคุณหญิงย่าทับทิมดีมั๊ย”
    “ดีค่ะคุณแม่ ชมรักแม่ที่สุดในโลกเลย”
    “ชมดีใจจังที่แม่รัก และเข้าใจลูกเสมอ”
    ชมพู่ฝึกอ่านกลอนเป็นอาทิตย์เพื่อไปเข้าแข่งอ่านทำนองเสนาะที่โรงเรียนสามกษัตริย์ เมื่อจันทร์หอมได้ยินลูกฝึกอ่าน เขียน ภาษาไทย และซ้อมท่องทำนองเสนาะทุกวัน ก็รู้สึกดีใจลึก ๆ คิดถึงนายแท่น ผู้เป็นพ่อที่เป็นผู้อำนวยการโรงเรียนเป็นผู้ที่รักความเป็นไทย  เป็นครูไทยรุ่นแรก ๆ  ที่อาสาเข้าไปสอนวิชาภาษาไทยให้กับพระสงฆ์คุณตาเป็นผู้รักภาษาไทยไม่แพ้ชมพู่  แล้วอยู่ดี ๆ ชมพู่ก็วิ่งเข้ามาหาแม่ 
    “คุณแม่ค่ะ” ชมพู่ร้องเสียงดัง
    “แววตาเป็นประกาย”
    “มีอะไรลูก”
     จันทร์หอมตกใจขณะที่นั่งคิดถึงคุณพ่ออยู่นั่น
    “แม่ฟังชมท่องทำนองเสนาะนะค่ะคุณแม่”
    “ชมพู่ซ้อมมาเป็นอาทิตย์แล้ว”
    “ชมพู่อยากท่องให้แม่จันทร์หอมของชมฟังเป็นคนแรกก่อนไปประกวดแข่งขัน”
    “หนูขอท่องบทกลอน “คำมั่นสัญญา” ของท่านสุนทรภู่ให้แม่ฟังนะค่ะ เพราะบทกลอนนี้จะใช้แข่งขันในวันพรุ่งนี้แล้วน่ะค่ะ ทุกโรงเรียนเค้าก็จะจัดแข่งบทกลอนนี้ทั้งนั้นเลยค่ะ
    “เอาเลยลูก”
    “แม่จะตั้งใจฟัง”
                    จันทรห์หอมนั่งด้วยความตั้งใจ  หลับตาฟังเสียงลูกสาวของตัวเองท่องทำนองเสนาะ
    “คิดซะว่าแม่เป็นผู้ฟังคนหนึ่งก็แล้วกันนะ”
    “กลอนที่หนูจะท่องให้แม่ฟังนี้เป็น บทประพันธ์ของ สุนทรภู่ เรื่อง "พระอภัยมณี" ตอน "พระอภัยมณีให้คำมั่นสัญญาแก่นางละเวง"
    ถึงม้วยดินสิ้นฟ้ามหาสมุทร                          ไม่สิ้นสุดความรักสมัครสมาน
                 แม้เกิดในใต้หล้าสุธาธาร                               ขอพบพานพิศวาสไม่คลาดคลา
                 แม้เนื้อเย็นเป็นห้วงมหรรณพ                        พี่ขอพบศรีสวัสดิ์เป็นมัจฉา
                 แม้เป็นบัวตัวพี่เป็นภุมรา                               เชยผกาโกสุมปทุมทอง
                  เจ้าเป็นถ้ำอำไพขอให้พี่                                 เป็นราชสีห์สมสู่เป็นคู่สอง
                 จะติดตามทรามสงวนนวลละออง                 เป็นคู่ครองพิศวาสทุกชาติไป
                    “ขณะนี้เป็นการประกวดอ่านทำนองเสนาะระดับมัธยมศึกษา”
    “ ต่อไปนี้ท่านจะได้พบกับผู้เข้าประกวดหมายเลข 5”
    “ตัวแทนจากชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 4 เด็กหญิง ประกายดาว สกุลไพศาล”
    “ลูกศิษย์คุณครูแววมยุรี ห้อง ม. 4/1 เชิญรับฟังได้เลยขอรับ”
    เมื่อได้ยินดังนั้น คุณหญิงทับทิม กับคุณชายทรงพล ผู้เป็นประธานก็ต้องตกตะลึง 
    เพราะไม่ทราบมาก่อนว่าประกายดาวจะเข้าแข่งขัน คุณหญิงทับทิมเปรยขึ้นกับลูกชายว่า 
    “เอ้าแม่เด็กชมพู่แก้มแหม่มก็เข้าแข่งขันกับเค้าด้วยรึ”
    “ใครกันครับชมพู่แก้มแหม่ม”
    “เด็กหญิงประกายดาวนี่สิ”
    “เป็นเด็กที่แม่ไปรับมาอยู่บ้านเราไง”
    “ทรงพลคงไม่รู้จักกระมัง”
    ทรงพลจ้องดูเด็กหญิงประกายดาวด้วยความสนใจพลางนั่งอมยิ้ม  ส่งสายตาจ้องมองประกายดาว ประกายดาวเหลือบไปเห็น  คุณหญิงทับทิม  กับทรงพล  รู้สึกตื่นเต้นมากที่ต้องมาท่องทำนองเสนาะท่ามกลางผู้คน เพราะเคยอยู่แต่กับแม่ และเด็ก ๆ แถวบ้านไม่กี่คน ที่สำคัญ ณ ตอนนี้เธอต้องมาท่องทำนองเสนาะให้คุณหญิงทับทิมผู้เป็นประธาน พร้อมกับทรงพล ผู้ชายที่เธอรู้สึกว่าเกลียดที่สุด ตั้งแต่เจอกันครั้งแรก เธอรู้สึกประหม่า ตั้งสติ กำมือแน่น พร้อมกับท่องทำนองเสนาะขึ้น เมื่อเธอท่องทำนองเสนาะบทนี้ขึ้น ทุกคนในห้องประชุม นิ่งเงียบ ส่งสายตาชื่นชม จดจ้องมาที่ประกายดาวเพียงผู้เดียว เพราะเสียงของเธอนั้นช่างไพเราะอ่อนหวานเหลือเกิน ทำให้สามารถสะกดคนฟังได้ทั้งหอประชุมเลยทีเดียว เมื่อประกายดาวท่องทำนองเสนาะเสร็จเรียบร้อย เสียงปรบมือดังสนั่นทั่ว หอประชุม ประกายดาวแสดงความขอบคุณ รีบลงจากเวที ไม่เหลียวหลัง เพราะตื่นเต้นมาก เมื่ออยู่หลังเวทีประกายดาวเจอคุณครูแววมยุรีที่มายืนให้กำลังใจ รีบเข้าโผกอดคุณครูผู้เป็นที่รัก
    “ เป็นยังไงบ้างประกายดาว”
    “ทำดีแล้วนะจ๊ะ จริงเหรอค่ะคุณครู”
    “ไม่คิดว่าประกายดาวจะอ่านทำนองเสนาะได้ไพเราะขนาดนี้เลยนะ”
    “ขอบพระคุณมากค่ะคุณครู”
                    เมื่อเสร็จสิ้นการแข่งขัง ผลประกาศ ประกายดาวได้ลำดับที่ 3 ซึ่งก็เป็นที่เคลือบแคลงของผู้ชม ทรงพลเอ่ยขึ้นถามคุณหญิงทับทิม 
    “ผมว่าเด็กประกายดาวน่าจะได้ที่หนึ่งนะครับคุณแม่”
    “เหรอแม่ก็คิดอย่างนั้น แต่คนที่ได้ลำดับที่ 1 ที่ 2 ก็เก่งเหมือนกันนะลูก”
    “แถมคนที่ 1 ยังเป็นลูกสาวของท่านยศพล ผู้พิพากษาเพื่อนคุณพ่อ”
    “คนที่สองเนี่ย ก็เป็นลูกสาวท่านผู้อำนวยการเองแหละ”
    “แหมดูน่ารัก น่าชังทั้งคู่ ท่านทั้งสองก็ฝากให้แม่ดูแลอยู่”
     “ประกายดาวได้ที่ 3 ก็ดีแล้วแหละ”
    “เค้ายังมีเวลาฝึกฝนอีกนาน”
    “ปีนี้ไม่ได้ ปีหน้าก็ยังมี”
    “พลไม่ต้องไปคิดมากแทนเด็กนั่นหรอก”
    “พลก็ไม่ได้คิดมากอะไร แค่สงสัยเท่านั้นเอง”
                    “แม่ค่ะชมพู่คนเก่งของแม่มาแล้ว”
    “ชมพู่ร้องลั่นบ้าน”
    “เพราะอยากเอารางวัลที่ได้มาให้แม่ดู
    “แม่ค่ะ มาดูเร็ว หนูได้รางวัลที่ 3 ได้รับเงินจำนวน 200 บาท”
    “พร้อมใบประกาศนียบัตรนะค่ะ”
    “หนูดีใจที่สุดเลยแม่รู้มั๊ยค่ะ รู้จ๊ะ รู้จ๊ะ จริงเหรอลูก”
    “แล้วแม่รู้มั๊ยค่ะคนที่มอบรางวัลให้หนูคือใครคุณหญิงย่าทับทิม”
    “ เหรอลูก จันทร์หอมตาเป็นประกายดีใจ และภูมิใจในลูกสาวของตัวเอง”
    “เดี๋ยวน่ะลูกมาเหนื่อย ๆ พักผ่อนก่อน”
    “แล้วลูกอยากจะได้อะไรเป็นรางวัลจากแม่หละจ๊ะ”
    “ลูกอยากทานบัวลอยไข่หวานฝีมือคุณแม่ค่ะ”
    “ชมพู่หัวเราะชอบใจ เอาสูตรชาววังเลยนะค่ะ”
    “ได้จ๊ะลูกรอแป๊ปนึงนะลูกนะ”
    จันทร์หอมเข้าครัว ทำขนมหวานให้ลูกสาวทานด้วยความดีใจ วันนั้นแม่ลูกคุยกัน และนั่งทานขนมหวานด้วยความสุข และความเอร็ดอร่อย
                    “แม่จันทร์หอม”
    “ เสียงคนร้องเรียก”
    “ว่าไงแม่พิไล”
    “คุณหญิงให้มาตามไปพบที่ตึกใหญ่”
    “มีเรื่องอะไรหรือจ๊ะ”
    “ไม่รู้เหมือนกัน”
    “ท่านให้มาตาม ก็ไปเถอะ เดี๋ยวก่อนนะ”
    “ฉันกำลังเตรียมน้ำพริกกุ้งสดที่ท่านชอบทาน กับผัดไทยกุ้งสดอยู่น่ะ”
    “เร็ว ๆ แล้วกัน คุณหญิงรออยู่”
    “เจ้าค่ะๆ”
    “คุณหญิงเรียกพบดิฉันมีอะไรเจ้าค่ะ”
    “ไม่มีอะไรมาก เรื่องที่ชมพู่ไปประกวดอ่านทำนองเสนาะในวันสุนทรภู่”
    “เค้าได้รับรางวัลที่สามเธอทราบแล้วใช่มั๊ย”
    “ทราบเจ้าค่ะ ลูกดิฉันหมั่นฝึกฝนทุกวันเพื่อเข้าแข่งขัน”
    “เออฉันก็เพิ่งรู้ว่าลูกสาวเธอมีความสนใจด้านนี้”
    “เค้ามีความสามารถทางด้านภาษา”
    “เห็นห้าว ๆ เหมือนเด็กผู้ชาย  นึกว่าจะไม่สนใจเรื่องพวกนี้”
    “ไม่น่าเชื่อ แกก็ดูห้าว ๆ เป็นไปตามเพื่อนวัยรุ่นเจ้าค่ะ”
    “เด็กขาดพ่อก็เป็นอย่างนี้แหละค่ะคุณหญิง”
    “ช่วงก่อนดิฉันออกไปค้าขายนอกบ้านก็ไม่ค่อยได้ดูแล”
    “แต่เดี๋ยวนี้ก็ดีขึ้นนะเจ้าค่ะ”
    “ได้มาอยู่นี่มีเวลาได้อบรมสั่งสอนลูกเจ้าค่ะ”
    “ตรงนี้ก็ต้องขอบพระคุณคุณหญิงด้วยเจ้าค่ะ”
    “ว่าแต่วันนี้ดิฉันก็เอาค่าเช่าบ้านมาจ่ายคุณหญิงตามเคยเจ้าค่ะ”
    “อ๋อเรื่องนั้นไม่เป็นไรหรอก”
    “ถ้าเจอทรงพล หรือหญิงพิมพ์ก็ฝากไว้ก็ได้นะ”
    “เจ้าค่ะ”
    “พอดีฉันมีเรื่องอยากจะถามเธอว่า”
    “ฉันอยากให้ชมพู่เข้ามาร่วมชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทยของฉันกับเด็ก ๆ คนอื่น”
    “ในวันเสาร์ และอาทิตย์ เธอจะขัดข้องมั๊ย”
    “ไม่ขัดข้องเลยเจ้าค่ะ”
    “ พอดีดิฉันก็คิดอยู่เหมือนกัน”
    “แต่ก็ไม่กล้าไตร่ถามคุณหญิงน่ะเจ้าค่ะ”
    “ฉันก็เห็นว่าเด็กมันมีความสามารถ มีความตั้งใจ ก็เลยอยากสนับสนุน”
    “เด็กสมัยนี้ก็เริ่มไม่ค่อยให้ความสำคัญกับภาษาไทยมากนัก”
    “ชอบให้ความสำคัญแต่ภาษาต่างประเทศ”
    “จนหลงลืมวัฒนธรรมตนเองไปบ้างแล้วหละ”
    “ภาษาตัวเองก็ยังไม่เข้าใจ แล้วไปเรียนภาษาอื่นก็ยิ่งไปกันใหญ่”
    “ตัวฉันเองคิดว่า”
    “ถ้าพูดภาษาตนเองให้ดีเสียก่อน พอไปฝึกฝนภาษาอื่นต่อไปก็น่าจะดีกว่ากัน”
    คุณหญิงทับทิมกล่าวกับจันทร์หอม 
    “เห็นชมพู่สนอกสนใจดี”
    “ฉันก็ว่าฉันน่าจะช่วยส่งเสริมผลักดันในด้านนี้ได้นะ”
    “ถ้าแกสนใจอยากร้องเพลงไทยเดิม รำไทย เล่นดนตรีไทย”
    “ฝึกหัดอ่านภาษาไทย ซึ่งเป็นศิลปะ และวัฒนธรรมของชาติ”
    “เลือกเรียนได้สบายใจ ที่ตึกใหญ่จะมีห้องซ้อมวัฒนธรรมไทยอยู่”
    “บอกแกมาเรียนได้ทุกอาทิตย์ก็แล้วกัน”
    “ขอบพระคุณ คุณหญิงมากเจ้าค่ะ จันทร์หอมน้ำตาคลอพร้อมก้มลงกราบแทบเท้า” คุณหญิงทับทิม            มองดูจันทร์หอมด้วยสายตาเอ็นดู 
    “เอออย่าลืมเวลาจะมาเรียนพิเศษ ให้ลูกแต่งตัวชุดไทยด้วยหละ”
    “เพราะเด็กที่นี่เค้าจะแต่งตัวชุดไทยกัน”
    “เดี๋ยวมาเรียนแต่งชุดไม่เหมือนเพื่อน เจ้าค่ะ”
                    “ชมพู่แก้มแหม่มอยู่นี่มั๊ยลูก”
    “อยู่ค่ะคุณแม่มีอะไรค่ะ”
    “หายไปไหนมาลูกตามหาแม่ไม่เจอ”
    “คุณหญิงน่ะสิ”
    “เรียกแม่ไปพบด่วน”
    “เหรอค่ะ” ชมพู่ทำท่าทางตกใจ 
    “มีเรื่องอะไรค่ะ”
    “แม่ไปทำอะไรให้คุณหญิงท่านไม่สบายใจรึเปล่า”
    “ โอ๊ยแม่จะกล้าไปทำอะไรให้ท่านไม่สบายใจหละลูก”
    “ว่าแต่ลูกเถอะ”
    “ชมพู่เหรอค่ะ”
    “ชมพู่ไม่เคยไปทำอะไร”
    “ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ชมพู่ก็ยังไม่เคยย่างกรายเข้าไปในตึกใหญ่นั่นเลย”
    “กลัวเจอคุณหญิงพิมพ์จอมใจร้ายนั่น”
    “ผู้หญิงอะไรสวยก้อสวย”
    “ใจร้ายมาก”
    “สงสัยจะขึ้นคานนะแม่”
    “จะมีผู้ชายคนไหนกล้าจีบเหรอค่ะ”
    “เค้าก็มีอยู่นั่นแหละลูก”
    “แต่ละคนชอบไม่เหมือนกัน”
    “คนที่เค้าชอบแบบคุณหนูพิมพ์ก็มี”
    ”พูดแบบนี้ไม่น่ารักเลยนะลูก
    “ชมพู่ขอโทษค่ะแม่”
    “วันแรกที่เราเข้ามาก็แสดงความไม่เป็นมิตรแล้ว”
     “ ช่างเถอะพอดีแม่มีข่าวดีมาบอกลูก”
    “ที่ลูกเคยไปแอบดูชมรมรักษ์วัฒนธรรมไทยเค้าซ้อมกัน”
    “ที่เค้าไปฝึกฝนเรียนรู้ด้านวัฒนธรรม ที่วันเสาร์อาทิตย์น่ะ”
    “ทำไมเหรอค่ะ”
    “ คุณหญิงย่าทราบเหรอค่ะว่าชมไปแอบดู”
    “ทราบได้ไงเนี่ย” ชมพู่ทำหน้าตาตื่นเต้น
    “ชมแอบดูไม่น่ามีคนรู้นะ”
    “ท่านไม่ทราบหรอกว่าชมไปแอบดู”
    “แต่ท่านน่ะเห็นว่าลูกมีความสามารถ”
    “ก็เลยอยากให้ลูกเสียสละวันอาทิตย์ที่เล่นซนกับพวกเจ้าแกะเนี่ย”
     “ไปซ้อมอ่านกลอน หรือร้องเพลงสืบทอดวัฒนธรรมไทย”
     “กับทางชมรมที่ตึกใหญ่ ตรงห้องสืบสานวัฒนธรรมไทยน่ะสิ”
    “แล้วลูกจะตัดใจจากเจ้าจุกเล็ก จุกใหญ่ ไปฝึกซ้อมได้มั๊ยในวันอาทิตย์น่ะ 
    “ต้องแต่งตัวด้วยชุดไทยที่เรียบร้อยด้วยนะลูก”
    “ เนี่ยชมฝันไปรึเปล่าค่ะคุณแม่”
    “จันทร์หอมหยิกชมพู่นิดหน่อย”
    “ฝันมั๊ยหละ อุ๊ยแม่ไม่ได้ฝันค่ะ”
    “นี่เรื่องจริงใช่มั๊ยค่ะ ชมพู่ดีใจที่สุดในโลกเลย”
    “เดี๋ยวเราต้องเตรียมตัวไปเริ่มเรียนในวันอาทิตย์ที่จะมาถึงเนี่ยเลยนะ”
    “แล้วแม่ค่ะเราจะไปเอาชุดไทยมาจากไหนหละ”
    “เดี๋ยวแม่นึกก่อนเราก็ไม่ค่อยมีเงินกันซะด้วย”
    “ต้องจ่ายค่าเช่าให้คุณหญิงทุกเดือน”
    “เงินก็ไม่ค่อยมี”
    “แต่แม่นึกออกแล้ว”
    “ช่วงแรก”
    “ลูกเอาชุดไทยเก่าของแม่ไปใส่ก่อนก็แล้วกันนะ”
    “แม้นมันจะดูเก่าไปหน่อยแต่ก็คงพอใส่ได้”
    “แล้วชุดไทยเนี่ยแม่ไปเอามาจากไหน”
    “หนูเพิ่งรู้ว่าแม่มีชุดไทยกะเค้าด้วย”
    “ปกติไม่เคยเห็นแม่ชอบแต่งตัวไปไหนเลย”
    “เห็นแต่ทำอาหารอยู่บ้าน”
    “มันเป็นชุดแต่งงานของแม่”
    “ในสมัยที่คุณพ่อไปสู่ขอแม่ตั้งแต่แม่อายุ 16 ปีโน่นนะ”
    “คนสมัยก่อนเค้าแต่งงานกันเร็วน่ะลูก”
    “อายุแม่สมัยนั้น ก็รุ่น ๆ ชมพู่แหละ แม่ก็ต้องแต่งงานแล้ว”
    “เพราะครอบครัวของแม่ยากจนด้วย”
    “พ่อเค้าก็แต่งแม่ไปเป็นแม่บ้าน”
    “เหรอค่ะไม่เห็นแม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ชมฟังบ้างเลย”
    “แม่ช่วยเล่าเรื่องนี้ให้หนูฟังได้มั๊ยค่ะ”
    “ชมอยากฟังจังเลย นะค่ะแม่”
    “นะค่ะ”
    “ชมอยากรู้ว่าทำไมพ่อต้องพวกเราไปไกลถึงแอฟริกา”
                   
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×