ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ - 1 - ความเจ็บ..
'ฉันน่ะ.. มาพาตัวเธอไปนะ'
หญิงสาวเบิกตาโพลงด้วยความตกใจ เธอหยิกแก้มตัวเองอย่างแรงเพราะคิดว่ามันอาจเป็นความฝัน.. แต่เธอเจ็บ นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันอีกเนี่ยยย! หญิงสาวคิดอย่างเหลือทน ทำไมชีวิตฉันมีแต่เรื่องวุ่นๆนะ ชายหนุ่มดึงฝาขวดโหลเล็กๆออก ซึ่งหญิงสาวก็ไม่ทันได้สังเกตเพราะกำลังสับสนกับเรื่องที่เกิดขึ้น จากนั้นก็มีแสงสว่างไหลออกมาจากขวดโหล มันเป็นสีน้ำตาล เธอโล่งอกเพราะนึกว่าเขาจะหายไป แต่ไม่ใช่.. แสงสว่างพุ่งมาหาเธออย่างรวดเร็วทะลุผ่านผิวหนังเข้าไปในร่างกาย และร่างกายก็ให้ความร่วมมือในการซึมซับมันเป็นอย่างดี
"กรี๊ดดดดดดดดดดดดดด!!"
โอ๊ย จ..เจ็บ!! ทรมาน!!
ชายหนุ่มรูปหล่อยืนมองความเคลื่อนไหวของแสงประหลาดที่เขาก็ไม่รู้ว่ามันคือแสงอะไรอย่างแน่นิ่ง ไม่ได้เห็นถึงอาการเจ็บปวดของหญิงสาวแม้แต่น้อย ตอนนี้เขาสนใจแต่ว่านั่นมันคือแสงอะไรเท่านั้นและเขาก็กำลังวิเคราะห์ถึงแสงนั่น.. แสงสีน้ำตาลนั้นแปรเปลี่ยนเป็นสีฟ้าสดใส แม้จะเปลี่ยนสีแต่แสงนั่นก็ยังคงไหลเข้าร่างกายเหมือนเดิม และแล้วมันก็เปลี่ยนเป็นสีใสจนแทบจะมองไม่เห็น ตอนนี้ร่างกายของหญิงสาวสั่นรัวด้วยความเจ็บปวด เพราะไม่ได้เตรียมใจล่วงหน้าไว้ก่อน ตอนนี้ชายหนุ่มเริ่มเห็นถึงอาการผิดปกติของหญิงสาว แต่เขาก็ไม่ทำอะไร อยู่อย่างนิ่งๆเหมือนเดิม สักพักแสงนั่นก็เปลี่ยนเป็นสีแดงเพลิง >> สีเขียวสด >> สีเหลืองอร่าม >> สีม่วงเข้ม แล้วแสงนั่นก็หยุดลง..
เข้าใจล่ะ แสงนั่นคือธาตุทั้ง 7 ที่จะเข้าไปในตัวยัยนี่เพื่อให้มีพลังแข็งแกร่งเพื่อไปปกป้องเมืองเราสินะ อาเซย์เก่งมาก เขาเข้าใจถูกแล้ว
ตุบ!
"แฮกๆ" หญิงสาวทรุดลงกับพื้นและหอบอย่างเหนื่อยอ่อน ถึงกับต้องแลบลิ้นออกมาอย่างอดไม่ได้ แล้วอยู่ๆที่ลิ้นของเธอก็มี
สัญลักษณ์ตัว S และมีวงกลมล้อมรอบผุดขึ้นมา ลิ้นเธอร้อนฉ่า มันเจ็บ.. เจ็บมากๆ เธอคิด
"นี่ นายทำอะไรกับ โอ๊ย!" เมื่อพูดได้นิดหน่อยหญิงสาวก็ต้องหุบปากทันทีเพราะลิ้นของเธอเพิ่งมีอะไรไม่รู้ผุดขึ้นมา และเมื่อมัน'เพิ่ง'จะผุดขึ้นมา เลยแสบ
"เธอน่ะ ชื่อราเอลสินะ" ชายหนุ่มถามหลังจากเงียบมานาน "ฉันชื่ออาเซย์ รู้ไว้ซะล่ะ เราต้องอยู่ด้วยกันอีกนาน"
หญิงสาวหน้าแดงทันทีเมื่อเขาพูดว่าต้องอยู่ด้วยกันไปอีกนาน "เฮ้ย อะไรของนายน่ะ" หญิงสาวพูดแผ่วเบา "นายจะมาอยู่บ้านฉันรึไง"
"ก็ใช่น่ะสิ เข้าใจก็ดีแล้วนี่" ยัยนี่เขินก็น่ารักดีเหมือนกันนะ เอ๊ย ไม่ใช่ เราต้องไม่หวั่นไหว ผู้หญิงอย่างนี้เนี่ยนะ เขาส่ายหน้าไล่ความคิดเมื่อกี้ออกไป
"เดี๋ยวๆ ฉันไม่อนุญาตนะยะ แล้วพ่อแม่ฉันล่ะ พวกท่านต้องไม่ยอมแน่" ราเอลพยายามคัดค้านเต็มที่ พ่อแม่ที่ไหนจะยอมให้อีตาบ้ากวนส้นนี่มาอยู่กับสาวน้อยไร้เดียงสาตาดำๆสองต่อสองล่ะ ไม่มีทาง!
"เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง พวกท่านยอมแล้วล่ะ" อาเซย์พูดหน้านิ่ง
"เป็นไปม.. อ๊ะ!" รอยแผลที่ลิ้นนั่นทำให้เธอพูดดังไม่ได้ซะแล้ว แต่อาเซย์ก็รู้ว่าเธอจะพูดอะไร
"มันเป็นไปแล้ว เธอก็น่าจะรู้จักนิสัยพ่อแม่เธอดี แม่เธอน่ะแพ้ทางคนหล่อ ซึ่งเรื่องนี้ไม่ต้องห่วงเพราะฉันน่ะมีคุณสมบัติข้อนี้มาตั้งแต่เกิดแล้ว ใครๆก็ชอบฉันทั้งนั้น ส่วนพ่อเธอน่ะหลงใหลในเงินตรา พอฉันยกเงินล้านให้ปุ๊บ ท่านก็ตาเป็นประกาย นี่ฉันยังไม่ทันพูดว่าขอค้างได้มั้ย พ่อเธอพูดเลยนะว่า'ค้างได้ตามสบายเลยนะพ่อหนุ่ม'แล้วพวกท่านก็เลยชวนกันไปเที่ยวประเทศญี่ปุ่นประมาณเดือนสองเดือนอ่ะนะ เรื่องก็เป็นแบบนี้แหละ" อาเซย์พูดเป็นต่อยหอย เล่าเรื่องนี่มันง่ายมากเลย เพราะความจำเขาดีเยี่ยมมมมม
"อะ.." เมื่อราเอลกำลังจะอ้าปากพูด อาเซย์ก็ขัดขึ้นมาเพราะขี้เกียจฟังคำบ่นของเธอ
"เอาล่ะมาเรียนกันเลยดีกว่านะ"
"เรียนอะไรของนายน่ะ" ราเอลถามอย่างสงสัย
"นี่เธอไม่อยากรู้เหรอว่าทำไมชื่อเธอถึงเป็น 'ราเอล' น่ะ"
"นายรู้ได้ไงน่ะว่าฉันอยากรู้ แล้วถ้าฉันรู้แล้วนายให้ฉันรู้เรื่องอื่นอีกได้มั้ย" ราเอลพูดอย่างน่างง พูดเองงงเองแหะเรา
"ได้สิ แล้วฉันรู้ได้เพราะฉันอ่านใจคนได้น่ะ"
"ว้าววว นายอย่างโหดอ่ะ"
"ใช่ม๊าาา ฉันเด็กเทพพ" พูดไปก็ชะงัก "แต่เดี๋ยวเธอก็จะมีพลังมากกว่าฉันแล้วล่ะนะ" เขาพูดเบาๆกับตัวเอง ซึ่งราเอลก็ไม่ได้ยิน แล้วเขาก็ดูหงอยๆ ปกติในอาณาจักรซาเรียไม่มีใครเก่งเกินเขา แต่ถ้ายัยนี่ไปเขาก็เป็นรองทันที
"นี่แล้วตกลงทำไมฉันถึงชื่อราเอลล่ะ ชื่อฉันในโรงเรียนน่ะ แปลกสุดเลยล่ะ" ราเอลถามอย่างตื่นเต้น
"ไว้เธอมาเรียนกับฉันก่อนแล้วฉันจะอธิบายทีหลังนะ" อาเซย์พูดอย่างน่าเชื่อถือ
"ทำไมต้องเรียนล่ะ แล้วเมื่อกี้มันคืออะไร แล้วนายบอกจะมาพาฉันไปนี่ ไปไหน ไปเพราะอะไร ตกลงต้องไปมั้ย ถ้าไปแล้วเรื่องเรียนฉันล่ะ" ราเอลถามเป็นชุด ถ้าเป็นคนปกติอาจจะจำคำถามไม่ได้ แต่สำหรับหนุ่มหล่อสุดฉลาดอย่างอาเซย์ เขาไม่มีทางลืมแน่นอน
"ต้องเรียนสิ เพราะว่าเธอต้องหัดใช้พลังเวทให้ได้ เมื่อกี้เป็นพลังเวทที่บรรจุมาในขวดโหลมี 7 ธาตุ เธอต้องใช้มันเพื่อ.. ถึงเวลาเธอจะรู้เอง ฉันจะพาเธอไปเมื่อถึงเวลา ไปที่อาณาจักรฉัน ไปเพื่ออะไรเดี๋ยวเธอจะรู้เอง ต้องไปแต่ยังไม่ถึงเวลาสำหรับเด็กแบบเธอ ส่วนเรื่องการเรียนเธอไม่ต้องห่วง ฉันสร้างตัวแทนที่เหมือนกับเธอไปแล้ว มันจะทำเป็นว่านั่นคือเธอ นิสัยเหมือนกันจนคนอื่นหาข้อแตกต่างไม่ได้เลยล่ะ"
"อีตาบ้า ฉันไม่เด็กแล้วนะยะ อ๊ะ แต่ฉันก็ไม่แก่นะยะ ฉันวัยรุ่นย่ะ" ราเอลตอบไปด้วยความเคืองขั้นสุดขีด "อ้อ แล้วเรื่องเรียนไม่เป็นไรแน่เหรอ" น้ำเสียงดูกังวล
"แน่ ฉันรับประกันได้" อาเซย์ตอบอย่างมั่นใจ ฉันคนนี้น่ะ ไม่เคยผิดพลาดอยู่แล้ว
"ว่าแต่ทำไมต้องปกปิดทุกอย่างเป็นความลับด้วย ห๊า ถึงเวลาก็รู้อยู่นั่นแหละ" พูดแล้วก็ทำหน้ามุ่ย
"เธอยังไม่ควรรู้เรื่องพวกนี้หรอกนะ"
"แล้วจะเริ่มเรียนเมื่อไหร่ล่ะ ฉันอยากเป็นนักเวทเหมือนกันนะ"
"เริ่มเดี๋ยวนี้เลย เวลามันกระชั้นชิด ถ้าไม่รีบจะไม่ทันเวลา"
"ทำไมต้องรีบขนาดนั้น"
"เดี๋ยวเธอก็รู้เอง"
ราเอลทำหน้ามุ่ย เพราะความขี้งกของนายนี่ เรื่องบ้าอะไรฟระเนี่ย จู่ๆก็มีหนุ่มหล่อเร้าใจเข้ามาในห้องอย่างไร้สาเหตุ แล้วบอกว่าจะมาพาตัวไปด้วยรอยยิ้ม แต่นี่มันอะไร เย็นชาชะมัด เฮ้อ คิดแล้วก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ นี่มันอะไรกัน
"นี่เธอไม่อยากเรียนมากรึไง"
"เปล่าหรอก เหนื่อยนิดหน่อยน่ะ"
"เป็นไรล่ะ เร็วลุกขึ้น"
เมื่อราเอลลุกขึ้น เท้าของเธอก็ชา ไม่สามารถขยับได้ ตัวแข็งไปหมด
"โอ๊ย อาเซย์ ฉันขยับไม่ได้" แต่เขาก็ยังปั้นหน้าตายเหมือนเดิม
"เล่นละครอะไรของเธออีกล่ะ"
"ไม่ได้เล่นนะ โอ๊ย มันเหมือนมีอะไรปักเท้าไว้ เจ็บ!" ราเอลร้องด้วยความเจ็บปวด
"อย่าเล่นละครนักเลย เร็ว รีบลุก.." จากนั้นอาเซย์ก็หันหลังไปแล้วทำเป็นจะเดินออกไปจากห้อง
นาย ฉันลุกไม่ไหวจริงๆนะ ราเอลหยีตา มันเจ็บปวด อีกแล้ว มันทรมาน
ฟุบ!!
จู่ๆก็มีคนเข้ามาในห้องโดยผ่านหน้าต่าง จากนั้นมีลมวูบหนึ่งพัดเข้ามาอ่อนๆ มือปริศนาจับแขนทั้งสองข้างของราเอลไว้ หญิงสาวเบิกตาโพลง
"กรี๊.."
"อย่ากลัวไปสาวน้อย แค่แป๊บเดียว" ชายปริศนาคนนั้นพูดเสียงเยือกเย็น เขาเป็นคนที่ยิงเวทความชาปักเท้าราเอล
ยังไม่ทันที่ราเอลจะได้ร้อง มือนั้นก็เอาผ้าบางอย่างที่มีกลิ่นแปลกๆมาปิดจมูกราเอลไว้ และดูท่ากลิ่นนั่นจะเป็นยาสลบ และแรงน่าดู ราเอลสลบทันทีเมื่อสูดดมมันไปครั้งแรก แม้จะสูดไปน้อยมาก..
"นี่ยัยเบื๊อก! ฉันบอกให้ลุก อึก!" อาเซย์กำลังจะหันกลับมา แต่แล้วเขาก็รู้สึกว่ามีลมเย็นแล่นทะลุตัวของเขาไป ตอนนี้เขารู้สึกเหมือนมีอะไรมาจุกอก "อะไรวะเนี่ย!" เขาสบถออกมา เขามองไปทางหน้าต่างด้านโต๊ะเขียนหนังสือ ซึ่งไม่ใช่ทางที่ราเอลกับชายปริศนาอยู่ เหมือนเวลากำลังหยุด ภายนอกไม่มีใครขยับเลย เขาเอามือกุมหน้าอก มันเจ็บและทรมาน (นี่มั้งคือสิ่งที่ยัยนั่นรู้สึกตอนที่เวทมนตร์ถูกดูดเข้าไปในตัว มีลมพัดมาวูบหนึ่ง แล้วร่างของชายปริศนาและราเอลก็หายไป..
.
.
.
.
.
.
"ห..หายเจ็บแล้ว" อาเซย์พูด "นี่เธอเจ็บเหมือนฉัน.." เขาหันไปหาราเอล แต่ไม่พบ.. หาย.. ไปแล้ว
เขาหันไปรอบๆห้องเพื่อหาเบาะแสของการหายตัวครั้งนี้ ตอนนี้เวลาเดินเหมือนเดิมแล้วนั่นยิ่งทำให้เขาต้องแข่งกับเวลา และเมื่อหันไปทางหน้าต่างที่ชายปริศนาเข้ามาก็มีพลังเวทบางอย่างสีขาวลอยอยู่ เขาดินเข้าไปใกล้และแตะมัน ภายหน้าปรากฏตัวอักษรที่คนธรรมดาอ่านไม่ออก ภาษาซาเรีย.. มีคนของซาเรียมาที่นี่ ข้อความในจดหมายเขียนว่า
สวัสดี.. อาเซย์
ไม่พบกันนานนะ แต่นายก็ยังไม่เจอฉันนี่ เอาเป็นว่าฉันเป็นใครนายไม่ต้องรู้หรอก ฉันขอพาตัวราเอล ไปก่อนนะ
ขอให้ได้พบนาย
ปล. วันนี้เที่ยงคืนขอให้ออกมาหากันที่สวนถัดจากบ้านราเอลไป 20 กิโลด้วย
"ชอบสร้างเรื่องจริงนะ! ยัยบ้าราเอลนั่น รอก่อนเถอะ ถ้าพาเธอกลับมาได้ จะลงโทษให้เข็ดเลย!"
เที่ยงคืน ณ สวนที่ชายปริศนานัดเจอ
อาเซย์มาถึงตรงเวลานัดพอดี ไม่ขาดไม่เกินแม้วินาทีเดียว นาฬิกาที่สวนตีหนึ่งครั้ง ปกติหลัง 2 ทุ่ม มันจะไม่ตีแล้วแต่นี่แปลกไป.. สิ้นเสียงนาฬิกา ร่างของหญิงสาวถูกตรึงก็ปรากฏขึ้นต่อหน้าอาเซย์และหญิงสาวนั่นคือราเอล เธอยังหมดสติ และยังไม่ตื่น
"เฮ้ย ราเอล!! ใครมันกล้าทำกับองค์หญิงแบบนี้!" เขาตวาดลั่น
"เราเพียงแค่นำตัวผู้ที่เกิดวันที่ 5 เดือน 10 ผู้ที่ประชากรในซาเรียทุกคนทราบอยู่แล้วว่าจะเป็นราซีต้า นามราเอลผู้นี้ มาไงล่ะ"
ตามความเชื่อของชาวซาเรีย ผู้หญิงที่เกิดวันที่ 5 เดือน 10 มีหน้าตาสละสลวย มีผมดำคลับ แต่ผิวขาว จะต้องเป็นเจ้าหญิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และจะได้เวทย์สูงสุด เพราะพวกเขาเชื่อว่าเทพี 'รามินอร์' ได้เลือกหญิงสาวคนนั้นแล้ว สัญลักษณ์ที่ขึ้นมาบนลิ้นนั้นมีความหมายว่า ได้เป็นเจ้าหญิงที่มีเวทย์สูงสุดในอาณาจักรนั้นในตอนนั้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ชาวซาเรียเรียกว่า 'ราซีต้า' คนที่จะเป็นเจ้าหญิงนั้นมาจากที่ใดก็ได้ ในโลกหรือมิติใดก็แล้วแต่ ก็ต้องมาเป็นเจ้าหญิงให้ซาเรีย และจะมีการส่งตุ๊กตาตัวแทนอย่างที่อาเซย์ทำไปใช้ชีวิตแทนคนคนนั้น เท่ากับว่าเป็นการพรากกันระหว่างตัวผู้ที่ได้รับเลือกและครอบครัวพวกเขานั่นเอง แต่ก็ยังสามารถกลับไปหาครอบครัวได้ในบางครั้ง ตัวราซีต้านั้นเมื่อเข้าไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรสีตาและสีผมจะเปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆ ตามธาตุพลังที่ตนใช้ เช่น ใช้ธาตุไฟ สีผมและตาจะเป็นสีแดง และเมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถร่ายเวททันปากจะพูดเวทจำเป็นออกมาเอง และชุดจะเปลี่ยนไป ชาวซาเรียเชื่อว่าเทพีประจำธาตุนั้นๆลงมายืมร่างของราซีต้าเพื่อปกป้องตัวราซีต้าและคนที่เธอต้องช่วยซึ่งพวกราซีต้าจะรู้ตัวตลอด และถ้าไม่ได้ใช้เวทเลยก็จะเป็นสีดำดังเดิม ชุดก็ไม่เปลี่ยนไปเว้นแต่ว่าต้องการ และทั้งตัวของเจ้าหญิงก็จะมีมาเรียป้องกันตนตลอดเวลาแต่เฉพาะเมื่อพลังเวทตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์เท่า แต่ใช่ว่าเป็นราซีต้าจะดี เพราะราซีต้า'ต้อง'แต่งงานกับองค์ชาย แม้ว่าจะอัปลักษณ์ ขี้เหร่ โง่ งี่เง่า อย่างไรก็แล้วแต่ จะโดนบังคับให้แต่งงานและต้องมีทายาท และอีกอย่างคือมีหน้าที่ต้องปกป้องเมืองจากภัยที่มาเยือน เพราะฉนั้นคนที่ถูกเลือกให้เป็นราซีต้าจึงไม่ค่อยมีใครอยากเป็น..
ตามความเชื่อของชาวซาเรีย ผู้หญิงที่เกิดวันที่ 5 เดือน 10 มีหน้าตาสละสลวย มีผมดำคลับ แต่ผิวขาว จะต้องเป็นเจ้าหญิงอย่างเลี่ยงไม่ได้ และจะได้เวทย์สูงสุด เพราะพวกเขาเชื่อว่าเทพี 'รามินอร์' ได้เลือกหญิงสาวคนนั้นแล้ว สัญลักษณ์ที่ขึ้นมาบนลิ้นนั้นมีความหมายว่า ได้เป็นเจ้าหญิงที่มีเวทย์สูงสุดในอาณาจักรนั้นในตอนนั้นอย่างสมบูรณ์แล้ว ชาวซาเรียเรียกว่า 'ราซีต้า' คนที่จะเป็นเจ้าหญิงนั้นมาจากที่ใดก็ได้ ในโลกหรือมิติใดก็แล้วแต่ ก็ต้องมาเป็นเจ้าหญิงให้ซาเรีย และจะมีการส่งตุ๊กตาตัวแทนอย่างที่อาเซย์ทำไปใช้ชีวิตแทนคนคนนั้น เท่ากับว่าเป็นการพรากกันระหว่างตัวผู้ที่ได้รับเลือกและครอบครัวพวกเขานั่นเอง แต่ก็ยังสามารถกลับไปหาครอบครัวได้ในบางครั้ง ตัวราซีต้านั้นเมื่อเข้าไปที่เมืองหลวงของอาณาจักรสีตาและสีผมจะเปลี่ยนไปเป็นสีต่างๆ ตามธาตุพลังที่ตนใช้ เช่น ใช้ธาตุไฟ สีผมและตาจะเป็นสีแดง และเมื่อถึงเวลาที่ไม่สามารถร่ายเวททันปากจะพูดเวทจำเป็นออกมาเอง และชุดจะเปลี่ยนไป ชาวซาเรียเชื่อว่าเทพีประจำธาตุนั้นๆลงมายืมร่างของราซีต้าเพื่อปกป้องตัวราซีต้าและคนที่เธอต้องช่วยซึ่งพวกราซีต้าจะรู้ตัวตลอด และถ้าไม่ได้ใช้เวทเลยก็จะเป็นสีดำดังเดิม ชุดก็ไม่เปลี่ยนไปเว้นแต่ว่าต้องการ และทั้งตัวของเจ้าหญิงก็จะมีมาเรียป้องกันตนตลอดเวลาแต่เฉพาะเมื่อพลังเวทตื่นขึ้นอย่างสมบูรณ์เท่า แต่ใช่ว่าเป็นราซีต้าจะดี เพราะราซีต้า'ต้อง'แต่งงานกับองค์ชาย แม้ว่าจะอัปลักษณ์ ขี้เหร่ โง่ งี่เง่า อย่างไรก็แล้วแต่ จะโดนบังคับให้แต่งงานและต้องมีทายาท และอีกอย่างคือมีหน้าที่ต้องปกป้องเมืองจากภัยที่มาเยือน เพราะฉนั้นคนที่ถูกเลือกให้เป็นราซีต้าจึงไม่ค่อยมีใครอยากเป็น..
"เอาตัวยัยนั่นไปเพื่ออะไร พลังเวทของยัยนั่นยังไม่ตื่นซะหน่อย" เขาพูดเพื่อหวังว่าชายปริศนาคนนั้นจะปล่อยตัวราเอล
"ข้าจะปลุกมันเอง แล้วเธอจะได้เป็นของข้าแทนเจ้าไงล่ะ!!" เสียงคุ้นเหลือเกิน ใครกันนะ อาเซย์คิด
"เจ้า.. เป็นใคร" เขาถามเสียงสั่น
"เจ้ากลัวคนเป็นด้วยเหรออาเซย์!! ข้าเห็นแต่ว่าเจ้ามีแต่พูดแดกดันข้าทั้งวัน เจ้าใส่ความข้าจนทำให้ท่านพ่อไล่ข้าออกจากวัง!!" ชายผู้นั้นพูดแล้วก็เริ่มรู้สึกเหมือนจะร้องไห้ แต่ความโกรธแค้นมีมากกว่าน้ำตาแห่งความแค้นจึงออกมาแทน
"หรือว่าเจ้า.. ท่านพี่กาเอ"
"ใช่!! เอาล่ะงั้นผ้าคลุมนี่ก็ไม่ต้องใช้อีกต่อไป" กาเอถอดผ้าคลุมออก ทำให้เห็นใบหน้าที่แท้จริงของเขา หล่อไม่แพ้อาเซย์เลย "โอเค เมื่อเจ้ารู้แล้วว่าข้าคือใคร เจ้าก็อยู่ดูยัยหนูราเอลว่าที่เจ้าสาวเจ้ากลายมาเป็นของข้าไปก็แล้วกัน!!" แล้วอยู่ๆก็มีฟองอากาศลูกใหญ่ยักษ์ผุดมาจากพื้นที่อาเซย์ยืนอยู่แล้วฟองนั่นก็ดูดเขาเข้าไปและเขาก็ออกมาไม่ได้ เขาพยายามใช้เวทแล้วแต่ก็ไม่สำเร็จ
"แหม แต่ยัยหนูนี่สวยจริงๆ ไม่กล้าทำร้ายเลยแหะ ไม่เอาดีกว่า" กาเอพูดอย่างเสียดาย มือลูบไล้ไปตามใบหน้าของราเอล ราเอลยังคงไม่ได้สติเหมือนเดิม
"อย่าทำร้ายราซีต้านะ!!" อาเซย์ตะโกนออกมาจากฟอง
"หวงหรืออาเซย์"
"ป.. เปล่า ไม่ได้หวงเลย ใครจะไปชอบยัยนั่นกัน" เขาพูดแต่ก็แอบเขิน
"งั้นมาพายัยนี่ไปเพื่ออะไร"
"ก็ถ้าพาไปไม่ได้จะไม่ได้หยุดเรียน 1 ปีน่ะสิ ท่านพ่อบอกว่าถ้าพามาได้จะได้หยุดเรียน 1 ปี"
"แต่นายก็แอบไปส่องดูลูกแก้วราเซเตียที่จะบอกว่าราซีต้าอยู่ไหนคือใครนั่นทุกวันไม่ใช่เหรอ" กาเอพูดล้อเลียน
"เฮ้ย แล้วรู้ได้ไง" อาเซย์ชะงัก แล้วก็เขิน
"ไม่ต้องรู้หรอกว่าข้ารู้ได้ไง แต่ยังไงก็เถอะมาเริ่มพิธีปลุกพลังยัยนี่แบบรวดเดียวจบเลยดีกว่า เจ็บนิดหน่อยเท่านั้น"
"เฮ้ย เดี๋ยว" อาเซย์ประท้วง "แต่พิธีนั่นต้องจ.. จูบโดยผู้มีสายเลือดแห่งราชาและราชินีของซาเรียไม่ใช่เรอะ"
"หรือจะเอาวิธีที่มันเจ็บกว่านี้ล่ะ!!" กาเอประท้วง "อ้อ เจ้าหวงจูบแรกราเอลสินะ ฮ่าๆๆ" กาเอหัวเราะสะใจเมื่อว่าที่เจ้าสาวของอาเซย์น้องชายตัวเองจะโดนพี่อย่างเขาแย่งไป
"อึก!" เสียงเล็กเหมือนเสียงผู้หญิงดังขึ้น นั่นจะเป็นใครไม่ได้นอกจากราเอล เธอตื่นแล้ว
"ราเอล!!!" อาเซย์ตะโกนขึ้นทันทีเมื่อเห็นหญิงสาวขยับตัว กาเอแสยะยิ้มแล้วเลียริมฝีปากด้วยความอยากให้พิธีเริ่มซะที
ราเอลพยายามจะขยับมือแต่ขยับไม่ได้ ขยับนิดหน่อยข้อมือเธอก็โดนไฟช็อตแล้ว สักพักกาเอก็เข้ามาใกล้แล้วก็บีบแก้มของราเอลไว้และกำลังจะประกบริมฝีปากนั้นลงบนริมฝีปากบาง และอยู่ๆ..
"ด้วยเวทแห่งแสง เราขอพลังช่วยให้เรารอดพ้นจากภัยครั้งนี้ด้วย" น่าแปลก ประโยคที่เธอไม่คิดว่าเธอจะพูดเองได้ ดังออกมา ผมและตาของราเอลเปลี่ยนเป็นสีทองอร่าม และชุดก็เปลี่ยนด้วย
วาบ!! แสงจ้าขึ้น ทำให้คนตรงหน้าราเอลถอยห่างออกไป โซ่ที่ตรึงไว้หลุด ฟองสบู่ที่ขังอาเซย์ไว้แตก และราเอลร่วงลงมา
"ภูตแห่งลม เราขอพลังให้ท่านสร้างลมเพื่อรองรับตัวเราด้วย" ผมและตาของราเอลเปลี่ยนเป็นสีขาวชุดเปลี่ยนอีกครั้ง ลมพัดมาเบาๆแต่ช่วยพยุงร่างของราเอลให้ลงถึงพื้นอย่างสง่างาม
"ไหนบอกว่าพลังยังไม่ตื่นไง!!" กาเอถามอย่างเจ็บแค้น เขาเป็นธาตุมืด เกลียดแสงยิ่งนัก เขาสะเพร่าเกินไป ลืมไปได้ไงว่าราซีต้าจะมีเทพีประจำธาตุคุ้มครอง
"ก็ไม่รู้สิ ยังไม่เคยสอนนี่ อ้อ ชุดเปลี่ยนเองสงสัยเทพีประจำธาตุล่ะมั้ง" อาเซย์พูดแล้วยักไหล่ "นี่ดวงตะวันใกล้ขึ้นแล้วนะ"
"หนอย! ฝากไว้ก่อน คราวหน้าฉันจะมาเอาคืนแน่!!!" จากนั้นกาเอก็หายไป
"ขอบคุณเทพีรามินอร์" ราเอลเอ่ยเมื่อลงถึงพื้น ดวงตาเธอกลับเป็นปกติสีผมก็ด้วย "อ้าวนาย ไม่เป็นไรใช่ไหม"
"ถามตัวเองดีกว่าน่า ให้เทพีประจำธาตุยืมร่างไปไม่เหนื่อยเหรอ"
"นายเป็นห่วงฉันเหรอ" คนข้างหน้าถามแล้วมองด้วยสายตาที่แบบว่า 'ไม่น่าเชื่อ'
"บ้า ใครจะเป็นห่วงคนอย่างเธอ รีบกลับบ้านเธอเถอะ ใกล้เช้าแล้ว ต้องกลับไปเรียนอีก" เขาหน้าแดง เขินแล้วน่ารักแหะ อีตานี่ ราเอลยิ้มอย่างขันๆ แค่หลอกเล่นน่า "ยิ้มอะไรอีกล่ะ" เขากลับมาปั้นหน้านิ่ง
"เปล่าจ้ะ" ราเอลยิ้มให้ แล้วทั้งคู่ก็กลับบ้าน
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น