ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แมรี่... ราชินีกระหายเลือด

    ลำดับตอนที่ #3 : สีแห่งทิวดอร์

    • อัปเดตล่าสุด 20 ส.ค. 60


    บทที่ 3 สีแห่งทิวดอร์

                ทุกสิ่งเกี่ยวกับงานฉลองราชอิสริยายศของข้าดูจะวุ่นวายน่าเวียนหัว ข้าจเต้องมีชุดใหม่เป็นชุดผ้าไหมสีฟ้าปักเป็นลายดอกไม้เล็กๆ และกุ๊นด้วยทองคำ แม้แต่ราชินีแคทเธอรีน ผู้ไม่ใส่ใจในเสื้อผ้าอาภรณ์ที่หรูหราก็ยังสั่งฉลองพระองค์ใหม่สำหรับโอกาสนี้ ข้าไม่ได้เห็นพระมารดาทรงมีความสุขแบบนี้มานานแล้ว

                “นี่หมายความว่าพระบิดาของลูกได้ทรงตัดสินพระทัยแล้วว่าวันหนึ่งลูกจะได้เป็นราชินี” พระมารดากล่าวด้วยสำเนียงสแปนิชที่หนักหู และจุมพิตหน้าผากของข้า “แล้วเจ้าลูกนอกกฎหมายฟิตซรอยก็จะไม่มีสิทธิ์ในบัลลังก์อีกต่อไป ขอบคุณพระเจ้า”

                ข้าเคยได้ยินเกี่ยวกับ “เจ้าลูกนอกกฎหมายฟิตซรอย” มาบ้างเล็กน้อยว่าเขาเป็นบุตรของกษัตริย์ชื่อว่าเฮนรี่ ฟิตซรอย – ฟิตซรอย หมายถึง “บุตรของกษัตริย์” และรู้ว่าถึงแม้กษัตริย์เฮนรี่จะเป็นพระบิดาของเขา แต่แม่ของเด็กนั่นก็ไม่ใช่พระมารดาของข้า ผู้เป็นพระชายาของกษัตริย์ แต่เป็นผู้หญิงที่ชื่อว่าเบสซี่ เบลาท์ ข้าสนใจในเรื่องที่ว่าข้ามีน้องชายที่ถูกเก็บซ่อนไว้ในที่ห่างไกลยิ่งนัก สักวันหนึ่ง ข้าจะถามซาลิสบรีเกี่ยวกับน้องชายนอกกฎหมายของข้าคนนี้ แต่ตอนนี้ข้ายังมีความสุขกับการเป็นศูนย์กลางของการสนใจอยู่

                ในวันงานฉลองราชอิสริยายศของข้า กษัตริย์เฮนรี่ทรงเข้ามาในงานพร้อมกับเสียงประโคมแตร และเหล่าเอิร์ลกับบารอน พร้อมด้วยอัศวินและคนรับใช้ของพวกเขา แน่นอนว่าคาร์ดินาลวูลซีย์อยู่ที่นั่นด้วย เขาใส่ชุดสีแดงสดและโชว์ฟันอันน่าเกลียดของเขาด้วยท่าทีบางอย่างที่คล้ายกับการยิ้ม อย่างไรก็ดีร่องรอยแห่งการยิ้มมิได้ปรากฏอยู่ในดวงตาของเขาเลย

                ข้าสั่นเทาและหันไปหาพระบิดา พระองค์ช่างสง่างามอะไรเช่นนี้! พระองค์ทรงสนับเพลาแบบแนบเนื้อเผยให้เห็นท่อนขาที่เต็มไปด้วยมัดกล้าม เหนือขึ้นไป ทรงฉลองพระองค์กำมะหยี่สีแดงที่บุด้วยปุยฝ้ายเพื่อให้มีรูปร่างเหมือนหัวหอมและผ่าเป็นริ้วเพื่อให้เห็นแนวสีเงินภายใต้ผ้ากำมะหยี่ ฉลองพระองค์ที่บุด้วยกำมะหยี่สีดำปกคลุมไปด้วยไข่มุกและอัญมณีอื่นๆ ในสายตาของข้ากษัตริย์เฮนรี่คือชายที่รูปงามที่สุดในโลก

                 “เจ้าพร้อมหรือยัง เจ้าหญิงของข้า” กษัตริย์ตรัส

                “เพคะ ฝ่าบาท” ข้าเอ่ย ยอบตัวลงถอนสายบัวต่ำ

                โบสถ์ที่เหม็นอับดูดกลืนแสงจากเทียนนับร้อยที่มีแสงวิบไหว และพิธีการดำเนินต่อไปอย่างน่าเบื่อ ฉลองพระองค์ชุดสวยของข้าร้อนและไม่สบายตัวอย่างร้ายกาจแต่ข้าก็เคลื่อนกายอย่างนุ่มนวลตามบทบาทที่ได้รับดังเช่นที่ซาลิสบรีสั่งสอน ขณะที่คุกเข่าอยู่เบื้องหน้าพระบิดาเมื่อทรงวางมงกุฎประดับอัญมณีบนศีรษะของข้าและแต่งตั้งข้าด้วยตำแหน่งใหม่ “เจ้าหญิงแห่งเวลส์” ข้ามองไปยังพระองค์ น้อมรับการยอมรับจากพระองค์ “ไข่มุกที่สมบูรณ์แบบแห่งโลก” ทรงเรียกข้า “อัญมณีแห่งทั่วแดนอังกฤษ”

                เป็นเวลาหลายวันหลังจากงานเลี้ยงฉลองเกียรติยศของข้าที่ข้าได้เรียนรู้ว่าพระบิดาทรงตัดสินใจส่งข้าไปยังดินแดนห่างไกล และพระองค์ก็มิได้ทรงบอกข้าด้วยพระองค์เอง วูลซีย์เป็นผู้นำข่าวมาบอกข้า

                คาร์ดินัลนั่งบนม้านั่งในห้องเรียนของข้า นิ้วอวบอ้วนของเขากางอยู่บนขาอ่อนขณะที่ฟังบทเรียนวิชาดนตรีของข้า เขานำของขวัญมามอบให้ข้าเพื่อเป็นเกียรติแก่ตำแหน่งใหมของข้า มันเป็นหนังสือบทสวดมนต์ที่ประดับด้วยรูปภาพและสีสันที่สวยงาม แต่ต่อมาเขาก็กล่าวเสริมราวกับเพียงแค่รำพึงความคิดว่า “เจ้าหญิงแมรี่ กษัตริย์ทรงมีพระบัญชาให้พระองค์แปรพระราชฐานไปประทับที่ปราสาทลัดโลว์ใกล้กับชายแดนแคว้นเวลส์ ซึ่งที่นั่นพระองค์จะทรงมีราชสำนักเป็นของพระองค์เอง พระราชินีจะไม่เสด็จไปกับพระองค์ เลดี้มากาเร็ต เคาน์เตสแห่งซาลิสบรีจะโดยเสด็จไปเป็นตัวแทนพระองค์ พระองค์จะต้องทรงออกเดินทางในปักษ์หน้า”

                ข้ารู้สึกว่าริมฝีปากของข้าเริ่มสั่น เมื่อตั้งใจว่าจะไม่ยอมให้เขาเห็นว่าข้าเสียใจเพียงใด ข้าก็จ้องเขม็งไปที่แหวนคาร์ดินัลวงหนาที่ทำจากทอง “พระมารดาของข้าจะไม่เสด็จไปกับข้างั้นหรือ แต่ว่าทำไมกัน ทำไม”

                “เพราะองค์กษัตริย์ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้” คาร์ดินัลประกาศและเขาก็ย้ายก้นหนัก ๆ ของตนออกจากม้านั่ง เขายื่นนิ้วที่สวมแหวนมาให้ ข้าซุกซ่อนความเกลียดชังที่มีต่อเขา โน้มตัวลงและจุมพิตแหวนวงนั้น

                ไม่ใช่ว่าข้าไม่เคยอยู่ห่างจากพระมารดา เราเคยแยกกันอยู่บ่อยๆ โดยนางอยู่ที่พระราชวังแห่งหนึ่งกับพระบิดา ส่วนข้าอยู่ที่อื่นกับเหล่าพระอภิบาลและพระอาจารย์ แต่นางก็ไม่เคยอยู่ห่างไปเกินกว่าการเดินทางสองถึงสามชั่วโมงและเราก็พบกันบ่อยครั้ง การเดินทางไปลัดโลว์ใช้เวลากว่าสิบวันในเวลาที่อากาศดี ข้าคงจะได้เจอนานเพียงนานๆ ครั้ง

                ภายหลังจากที่คาร์ดินัลออกไปแล้ว ข้าสะอื้นไห้อย่างห้ามไม่ได้อยู่บนตักของพระมารดา แต่ก็ได้รับการปลอบประโลมเพียงน้อยนิด

                “น้ำตาของเจ้าไม่ช่วยให้อะไรดีขึ้นมา” พระราชินีตรัสเตือน “องค์กษัตริย์ผู้เป็นพระบิดาของเจ้ามีพระประสงค์ในเรื่องนี้” – ถ้อยคำที่เลวร้ายนั่น! - “และมันก็จะต้องเป็นไปตามนั้น แต่จำไว้ว่าเจ้ากำลังเข้าใกล้บัลลังก์เข้ามาอีกก้าว นี่คือการเริ่มต้นการฝึกปกครองในฐานะราชินี ซาลิสบรีเป็นเพื่อนที่รักที่สุดของข้า และนางจะเป็นแม่ของเจ้าแทนข้า อ่อนโยนเมื่อเจ้าต้องการความอ่อนโยน และเคร่งขรึมเมื่อความเคร่งขรึมเป็นสิ่งที่จำเป็น และเราจะเขียนจดหมายหากันให้บ่อยเท่าที่เราต้องการ และเราจะส่งของขวัญให้กันและกัน และเมื่อองค์กษัตริย์ พระบิดาของเจ้ามีหมายให้เรามาที่ราชสำนักของพระองค์ เราก็จะได้อยู่ด้วยกันอีกครั้ง

     

                คนในปกครองของข้าจะมีทั้งสิ้นสามร้อยคน ประกอบด้วยคณะที่ปรึกษาซึ่งตัดสินใจเกี่ยวกับการปกครองในนามของข้าและเหล่าคนรับใช้ที่จะดูแลทุกๆ คน วันเวลาหมดไปกับการจัดข้าวขององทุกๆ คนลงในเกวียนไม้ซึ่งจะถูกลากโดยม้าลากเกวียนเฟลมมิช

                ข้าคุ้นชินกับการย้ายที่อยู่ เมื่อพระบิดาจัดตั้งราชสำนัก เราอาศัยอยู่ในปราสาทใดปราสาทหนึ่งใกล้ลอนดอน ในแต่ละฤดูร้อนพระบิดาจะแปรพระราชฐาน เดินทางไปชนบทเพื่อที่ข้าราชบริพารจะได้พบปะพระองค์ ในฤดูใบไม้ร่วงพระองค์ทรงล่าสัตว์ บ่อยครั้งพระมารดาและข้าก็ร่วมขบวนไปกับพระองค์ด้วยและหยุดอยู่เป็นวันหรือเป็นสัปดาห์ในสถานที่ล่าสัตว์ของพระองค์หรือที่คฤหาสน์ในชนบทของขุนนางและครอบครัวของเขา ข้าชอบความคึกคักและน่าตื่นเต้นของการเดินทางเหล่านี้เสมอ แต่ครั้งนี้ต่างไป หัวใจของข้าหนักอึ้งจนข้านอนหลับได้เพียงเล็กน้อยและกินอะไรไม่ลงเป็นเวลาหลายวัน

                คืนก่อนการเดินทาง พระบิดาทรงเรียกข้าไปยังห้องของพระองค์และอวยพรข้า ข้าโกรธและน้อยใจแต่ข้าก็มิได้แสดงออกเช่นนั้น ทำไมกัน ทำไม ข้าต้องการจะร้องไห้แต่ข้าก็นิ่งสงบ พระมารดาทรงอยู่ที่นั่นด้วยและข้าก็ต้องการจะซุกตัวเข้าสู่อ้อมพระพาหาของนางจนทรมานแต่ก็รู้สึกได้ว่าพระบิดาคงจะไม่ทรงพอพระทัยหากข้าทำเช่นนั้น ข้าต้องปฏิบัติตนเยี่ยงว่าที่ราชินี รอยจุมพิตของพระมารดาในคืนนั้นเยือกเย็นและแห้งแล้ง เกือบจะเหมือนว่ามิได้ทรงจุมพิตข้าเลยด้วยซ้ำ

                วันหนึ่งในปลายฤดูร้อน ข้านั่งอย่างน่าสงสารอยู่กับซาลิสบรีในเกี้ยว รอสัญญาณเพื่อให้การเดินทางเริ่มขึ้น ขบวนเสด็จคงจะยาวเป็นไมล์และได้รับการคุ้มครองโดยราชพัลลภซึ่งจะระวังพวกเราจากโจรและหัวขโมยที่เห็นนักเดินทางที่ไม่ระวังเป็นเหยื่อ เมื่อเสียงทรัมเป็ตดังขึ้น ข้าก็แหงนหน้ามองภาพสุดท้ายของพระมารดา นางยืนอยู่ริมหน้าต่าง สวมใส่ชุดกระโปรงเรียบๆ นางโบกมือให้ข้าและข้าก็มองผ้าเช็ดหน้าของนางโบกสะบัดขณะที่เราเคลื่อนตัวออกนอกกำแพง

                “เราจะได้กลับมาเมื่อไหร่” ข้าถามซาลิสบรีอย่างพรั่นพรึงเมื่อขบวนเคลื่อนไปข้างหน้า

                “เทศกาลยูลไทด์เพคะ” นางตอบอย่างใจเย็น

                เทศกาลยูลไทด์จะมาถึงในอีกสีเดือนข้างหน้า ช่างเป็นเวลาที่ยาวนานอะไรเช่นนี้!

                เมื่อขบวนของเราใกล้จะถึงปราสาทลัดโลว์ ประชาชนตามทางก็หันมาโบกหมวกของพวกเขาและโห่ร้องต้อนรับเรา

                “ทักทายประชาชนของพระองค์สิท่านหญิง” ซาลิสบรีสั่ง “พวกเขากำลังถวายพระพรแก่พระองค์อยู่”

                “แต่ข้าไม่อยากทำ” ข้าประท้วง

                “ต้องทรงทำไม่ว่าจะทรงมีพระประสงค์หรือไม่ พระองค์ทรงเป็นเจ้าหญิงนะเพคะ” ซาลิสบรีเตือน “แย้มพระสรวลและโบกพระหัตถ์นะเพคะ”

                ข้ายิ้มและโบกมืออย่างเชื่อฟัง

     

                ข้าคิดถึงพระมารดาจนย่ำแย่ การมาถึงของจดหมายจากราชินีแคทเธอรีนทำให้ข้าสุขใจเหนือสิ่งอื่นใด ข้าจะเร่งรุดไปยังห้องของข้าทันทีเพื่อตอบจดหมายของนาง ความพยายามที่จะเขียนเรื่องราวที่ร่าเริงสดใสถูกทำลายด้วยความปรารถนาที่จะได้พบนางและคำพร่ำบ่นของข้าเสมอ พระราชินีมีพระเสาวนีย์มาถึงซาลิสบรีเกี่ยวกับคำแนะนำในการดูและข้าเป็นเป็นประจำ ทรงตอกย้ำเรื่องระเบียบวินัย สุขภาพ และอาหารที่เรียบง่าย ข้าเกรงว่าข้าจะใช้เวลามากเกินไปในการเขียนประท้วงเกี่ยวกับเนื้อต้มและขนมปังชืดๆ และพุดดิ้งไร้รสชาติที่เป็นผลมาจากพระเสาวนีย์ของนาง ข้ารู้สึกเสียใจที่ใช้เวลาอย่างสิ้นเปลืองไปกับเรื่องราวที่ไม่เป็นสาระเหล่านี้

                ข้าพร่ำบ่นเกี่ยวกับพระอาจารย์ของข้าด้วย กษัตริย์เฮนรี่ผู้เป็นชายที่มีปัญญาเฉียบคมและมีความรู้กว้างขวางมีพระบัญชาให้การศึกษาของข้าเป็นไปอย่างเข้มข้น ทรงจ้างนักปราชญ์ชาวสแปนิชชื่อดัง ฮวน หลุยซ์ ไวฟส์ มาเป็นผู้ควบคุมเรื่องนี้

                พระอาจารย์ไวฟส์เป็นชายที่มีริมฝีปากบางและมีอารมณ์ร้าย ขนสีดำกระจุกหนึ่งงอกดอกมาจากหูของเขา เขาไม่เคยปรากฏตัวโดยไม่มีไม้เท้าซึ่งมีหัวสีเงินทำเป็นรูปหัวจิ้งจอก ข้าคิดว่ามันดูเหมือนตัวพระอาจารย์เองนั่นแหละ

                “เห็นได้ชัดว่าพระองค์ทรงถูกตามใจจนเสียคน” พระอาจารย์ขู่เหมือนแมวที่กำลังจะตะปบหนู จากนั้นก็เปลี่ยนสิงโตที่กำลังคำราม “เป็นความเชื่อของข้าที่ว่าเด็กๆ ควรจะได้ลิ้มรสไม้เรียวที่หลังของพวกเขาอย่างน้อยวันละหนึ่งครั้ง”

                ด้วยความพรั่นพรึง ข้าก้มหน้าก้มตาอยู่กับหนังสือเรียน พระอาจารย์ไวฟส์เดินไปเดินมาและเดาะไม้เท้าด้วยฝ่ามือของเขา ใช้ปลายไม้เท้าชี้หนังสือ หรือหวดไม้เท้าผ่านอากาศจนส่งเสียงดัง ทุกครั้งที่ข้าทำผิด ข้ามั่นใจว่าเขาจะฟาดข้า เมื่อชั่วโมงเรียนอันแสนยาวนานจบลง ข้าก็วิ่งไปซุกหน้าอยู่กับตักเหี่ยวแห้งของซาลิสบรี

                “อย่ากลัวเขาเลยเพคะ” ซาลิสบรีปลอบ “พระราชินีผู้เป็นพระมารดาของพระองค์ได้ตรัสอย่างชัดเจนแล้วว่าเขาจะแตะต้องท่านหญิงไม่ได้”

                “แล้วไม้เท้าน่าเกลียดที่เขาถือล่ะ เขาจะใช้มันฟาดข้าได้หรือไม่”

                “ไม่เพคะ ไมได้”

                แต่จะเกิดอะไรขึ้นหากเขาลืมคำสั่งของพระมารดาเล่า ข้าไม่เคยสบายใจอยู่ได้นาน

                ข้าเกลียดพระอาจารย์ของข้าเกือบจะเท่ากับที่ข้ารักพระพี่เลี้ยงของข้า ซาลิสบรีไม่มีความเกี่ยวข้องใดๆ กับการศึกษาของข้าแต่เกี่ยวข้องกับการฝึกหัดมารยาทและความประพฤติในราชสำนักของข้าทุกอย่าง เมื่อข้าไม่ได้อยู่กับไวฟส์ หรือพระอาจารย์วิชาศาสนา หรือครูสอนดนตรี ข้าจะอยู่กับซาลิสบรี เรียนรู้กฎเกณฑ์ทั้งหมดเกี่ยวกับการนั่ง การยืน การคุกเข่า การกิน การดื่ม การแต่งกาย การพูด และการกระทำต่อหน้าสาธารณะชนทุกอย่าง ชั้นเรียนเหล่านี้น่าเบื่ออย่างเหลือร้ายแต่ซาลิสบรีก็อดทนและใจดีต่อข้าเสมอ

                และยังมีบทเรียนที่สำคัญกว่านั้นที่ซาลิสบรีบอกว่าข้าจะต้องทำได้เป็นอย่างดีในฐานะราชินี นั่นคือการวางตนอย่างสง่างามแม้ในเวลาที่ข้ารู้สึกไม่สบาย หรือป่วย หรือโศกเศร้า การแสดงความเมตตาแม้แต่กับผู้ที่ข้าเชื่อว่าไม่สมควรจะได้รับ การควบคุมความโกรธ ปกปิดมันไว้เมื่อจำเป็นและแสดงออกเฉพาะเมื่อข้า โดยทำเพียงนาน ๆ ครั้ง สำหรับข้านี่เป็นบทเรียนที่ยากที่สุด!

                ในที่สุดเทศกาลยูลไทด์ก็มาถึง และดังที่ซาลิสบรีสัญญา คำเชิญไปยังราชสำนักมาถูกส่งมาให้ข้าจริง ๆ ข้ารักชีวิตในราชสำนัก – เสื้อผ้าสวยงาม อัญมณี และโดยเฉพาะอย่างยิ่งงานเลี้ยงฉลอง การเดินทางที่ยาวนานและยากลำบาก – บนหลังม้าและในเกี้ยวจากลัดโลว์มาถึงพระราชวังริชมอนด์ที่ริมฝั่งแม่น้ำเธมส์และล่องเรือจากริชมอนด์ผ่านลอนดอนไปยังพระราชวังกรีนิช – ดูจะไม่ยาวนานและไม่ยากลำบากนัก ข้าจะได้ใช้เวลากับพระมารดาและอาจจะได้ใช้เวลาส่วนตัวกับพระบิดา จะมีดนตรีและการเต้นรำทุก ๆ คืนและนักมายากลกับตัวตลกเพื่อเรียกเสียงหัวเราะ พระบิดาจะอวดข้าต่อทุกคน เจ้าหญิงแห่งเวลส์ อัญมณีแห่งทั่วแดนอังกฤษ และข้าก็จะได้เป็นศูนย์กลางของความสนใจ

                แต่เมื่อเทศกาลยูลไทด์จบลงหลังจากคืนที่สิบสอง ข้าก็ต้องกลับไปยังลัดโลว์อีกครั้ง แม้หัวใจของข้าจะปวดร้าวเมื่อเวลาที่จะต้องบอกลาพระมารดามาถึง แต่ข้าก็มิได้หลั่งน้ำตา “พบกันในเทศกาลอีสเตอร์เพคะ” ข้ากล่าวแก่นาง เดาเอาว่าข้าคงจะได้รับหมายให้กลับมายังราชสำนักอีกครั้ง

                “บางทีอาจจะเป็นเช่นนั้น” นางตรัส “อย่างน้อยเราก็ยังมีความหวัง”

                ข้านึกจำบทสนทนานั้นได้ในภายหลัง ทำไมนางจึงไม่ตรัสตอบว่า “แน่นอน พบกันในเทศกาลอีสเตอร์” นางจะต้องรู้สึกได้ว่าชีวิตของพวกเรากำลังมาถึงจุดเปลี่ยน

                ข้านับจำนวนสัปดาห์ไปจนถึงเทศกาลอีสเตอร์แต่ไม่มีหมายเชิญจากพระบิดามาถึง เทศกาลสำคัญช่วงที่สามของปีคือวิทซันไทด์ซึ่งจะมาถึงในปลายเดือนพฤษภาคม และอีกครั้ง ข้าเฝ้าคอยจนตนเองเกือบจะล้มป่วยด้วยความร้อนรน ข้าไม่ได้รับอนุญาตให้ส่งจดหมายถึงพระบิดาเพื่อจะขอร้องให้ตนได้รับหมายเชิญแต่ข้าเขียนจดหมายจำนวนมหาศาลถึงพระมารดาเพื่อกระตุ้นให้นางเรียกข้าเข้าเฝ้า คำตอบของนางอบอุ่นและเต็มไปด้วยความรักดังเดิมแต่นางก็มิได้ตอบคำถามของข้า เหตุใดข้าจึงไม่ถูกเรียกตัวไปยังราชสำนัก เมื่อใดข้าจึงจะได้พบท่านอีก

                แทนที่จะถูกเรียกตัวไปยังราชสำนัก ข้ากลับถูกเรียกตัวไปยังไบรด์เวลเพื่อเฉลิมฉลองงานสำคัญอย่างอื่น ครั้งนี้เจ้าหญิงแห่งเวลส์มิได้เป็นจุดสนใจของสายตาทุกคู่ หากแต่เป็นน้องชายต่างมารดาของข้า เฮนรี่ ฟิตซ์รอย ในงานเฉลิมฉลองครั้งนี้ กษัตริย์เฮนรี่ตทรงตั้งใจจะยกย่องฟิตซรอย บุตรนอกสมรสของพระองค์ด้วยยศฐาบรรดาศักดิ์ของราชวงศ์ อันได้แก่ ดยุคแห่งซัมเมอร์เซต นายพลเรือหลวง ร้อยโทผู้รักษาการไอร์แลนด์ ผู้รักษาพรมแดนอังกฤษ และดยุคแห่งริชมอนด์

                ไม่มีประโยชน์อะไรที่จะพร่ำบ่น และข้าก็ตื่นเต้นที่จะมีโอกาสได้อยู่กับพระมารดา แต่เมื่อเราเดินทางมาถึงไบรด์เวล ข้าก็พบว่าราชินีแคทเธอรีนไม่อยู่อารมณ์ที่จะพูดคุย นางเปี่ยมด้วยโทสะ

                “ไม่เพียงแต่ฟิตซ์รอยจะได้รับยศถาบรรดาศักดิ์เหล่านั้นแต่เขายังจะได้รับข้าราชบริพารที่ยิ่งไปกว่าเจ้า แมรี่” นางพูดอย่างฉุนเฉียวเมื่อเรามีเวลาอยู่ด้วยกันตามลำพังก่อนพิธีจะเริ่ม นางหันไปหาซาลิสบรี “นึกภาพลูกนอกสมรสอายุหกขวบมีพระยศสูงกว่าเจ้าหญิงสิ!” นางขู่ จากนั้นก็กระซิบอย่างโกรธเกรี้ยวกับข้า “เห็นได้ชัดว่าเจ้าไม่ใช่ตัวเลือกของกษัตริย์ในการสืบทอดราชบัลลังก์อีกต่อไป พระองค์ตั้งใจจะให้ลูกนอกสมรสของพระองค์มาฉกชิงสิทธิอันชอบธรรมของเจ้า ประชาชนจะไม่มีวันอดทนต่อเรื่องนี้ แลข้าก็เช่นกัน”

                ตลอดพิธีการที่ยาวนานและน่าเบื่อ ข้ามีโอกาสเพียงเล็กน้อยที่จะสังเกตศัตรูของข้า เด็กชายน่ารักที่มีผมหยักศกสีทองถูกห่อหุ้มด้วยขนเออร์มีนและถ่วงด้วยอัญมณีไปทั้งตัว โดยรวมแล้วเขาดูน่าสงสารและข้าก็รู้สึกสงสารเขา แต่ก็เพียงแค่เล็กน้อยเท่านั้น! เสียงทรัมเป็ทยังไม่ทันเงียบลงสนิทเมื่อพระมารดาเสด็จออกเพื่อประท้วงกษัตริย์ ข้ารออย่างหวาดกลัวอยู่ข้างนอกห้องพักส่วนพระองค์ พระบิดาหันหันออกไป ทรงก้าวเร็ว ๆ ผ่านข้าไปโดยไม่แม้แต่จะมองข้า พระพักตร์ของพระองค์แดงก่ำและพระเนตรหรี่ลงด้วยโทสะ เมื่อพระองค์เสด็จออกจากที่นั้นแล้ว ข้าก็ย่องเข้าไปหาพระมารดา

                “ไม่มีประโยชน์” ราชนีตรัส ทิ้งตัวลงบนเก้าอี้อย่างเหนื่อยอ่อน “พระองค์ไม่ทรงฟัง และบัดนี้ก็ทรงลงทัณฑ์ข้า พระองค์บอกข้าว่าทรงปลดนางกำนัลที่ดีที่สุดของข้าสามคนและส่งพวกนางกลับไปยังสเปน ข้าจะมีชีวิตที่แสนเดียวดาย!

                ในเวลานั้นข้าไม่ได้ล่วงรู้เลยว่ายาพิษของแอนน์ โบลีนได้เริ่มทำงานมรณะของมันแล้ว และข้าก็มิได้ล่วงรู้ว่าในเวลานั้นข้าจะไม่ได้พบพระบิดาและพระมารดาเป็นเวลาเกือบปี เมื่อถึงเวลาหมั้นหมายระหว่างข้ากับกษัตริย์ฟรานซิส ยาพิษของแอนน์ก็กัดกินพระบิดาของข้าไปจนถึงจิตวิญญาณแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×