ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You Kill me

    ลำดับตอนที่ #21 : Part XX

    • อัปเดตล่าสุด 27 ต.ค. 53


    Part XX

    ฉันเดินทางกลับห้องพักเพียงลำพัง... แต่วันนี้ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายใดๆแผ้วพานฉันได้เป็นอันขาดแม้ว่าจะไม่มีเขาคอยคุ้มครอง

    ตลอดหลายวันที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ฉันเล่าเรื่องของเพื่อนสาวร่วมห้องให้เขาฟัง เขาก็แทบจะไม่เคยปล่อยให้ฉันคลาดสายตา และถ้าหากฉันมีความจำเป็นที่จะต้องไปไหนมาไหนคนเดียว หรือจำเป็นจะต้องอยู่ห่างจากเขา เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็จะดังขึ้นแทบจะทุกๆ 20 นาที

    ทันทีที่ฉันเดินออกมาจากภัตตาคารที่นัดพบกับลิลิต เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในทันที

    “สวัสดีครับ” เสียงที่ดังมาฟังดูแจ่มใสร่าเริง “คุณอยู่ที่ไหน? จะให้ผมไปรับกี่โมง?”

    “ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ ฉันยังอยู่เพื่อนๆหลายคนคงจะกลับค่ำมากๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” ฉันโกหกออกไป เพราะบอกเขาไว้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆหลายคนที่เคยเรียนด้วยกันสมัยมัธยม

    ... อันที่จริงฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงต้องโกหกเขา มันดูเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกินที่จะต้องโกหกใครสักคนเพื่อทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ และสิ่งๆนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมหรือชั่วช้าเลวทรามแต่อย่างใด...

    แต่ฉันก็เลือกที่จะโกหก

    “คุณอยู่กับเพื่อนๆหลายคนจริงหรือครับ? เสียงทางนั้นดูเงียบมาก”

    “ฉันอยู่ในห้องน้ำน่ะค่ะ”

    “อย่างนั้นเองหรือครับ? ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะหนีเที่ยวซะแล้วนะครับเนี่ย” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยั่วล้อฟังสบาย แต่ก็ทำให้ฉันกลัวขึ้นมาทันทีว่าเขาจะจับได้

    “พูดแปลกจัง ฉันจะหนีคุณไปไหนทำไมล่ะคะ?”

    “อาจจะมีใครพูดอะไรให้คุณอยากจะหนีผมไปก็ได้” คำตอบของเขาทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจว่าเขาจะรู้ระแคะระคายแล้วว่าฉันมาพบกับลิลิตที่นี่ หรือไม่เช่นนั้นเขาก็อาจจะพูดถึงเพื่อนสาวร่วมห้องของฉัน และอาจจะเรียกร้องให้ฉันสัญญากับเขาว่าจะไม่เชื่อใครนอกจากเขา

    ในชั่ววินาทีนั้นฉันรู้สึกกลัวจับใจ... กลัวเหลือเกินว่าเขาจะสั่ง ขอร้อง หรือเรียกร้องให้ฉันเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะเรียกร้องเอาคำสัญญาที่ฉันไม่ได้ให้เขาในวันก่อน

    คำพูดของลิลิตดังขึ้นในห้วงความคิดของฉัน

    เชื่อเถอะค่ะ คุณจิตรา ถ้าเขาบอกให้คุณทำคุณจะไม่มีวันปฏิเสธเขาได้

    ถ้าหากเขาเรียกร้องเอาสิ่งเหล่านั้นจากฉัน ฉันก็คงไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธ...

    เสียงเรียกปลุกฉันจากภวังค์

    “ฮัลโหล คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? เงียบไปเลย”

    ฉันตอบคำถามนั้นด้วยประโยคสั้นๆ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนมาตามแล้ว ถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรกลับหาคุณ”

    ***

    ไม่มีใครมาตามตัวฉัน และฉันก็ไม่ได้โทรหาใคร... ฉันเลือกรถเมล์เป็นพาหนะในการเดินทางกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้ทำเช่นนี้มานานแสนนาน... นานนับตั้งแต่เขาเข้ามาในชีวิต

    การได้กลับมาทำอะไรที่เคยทำทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวตนของตัวเองกลับมา ทำให้ฉันได้มองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่สวยงามราวกับความฝัน และมองเห็นมันเป็นเพียงความฝันจริงๆ

    เขาเข้ามาราวกับความฝัน... ฉันไม่รู้ว่าเขามาจากไหน ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และไม่เคยใส่ใจที่จะถาม ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เคยถามถึงเรื่องส่วนตัวของฉันเลยสักนิด เขาไม่เคยถามถึงครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของฉันสักคน มีเพียงเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันเท่านั้นที่เขารู้จักเพราะฉันพักอาศัยอยู่กับหล่อน

    แล้วทั้งๆที่เรารู้จักกันเพียงน้อยนิดฉันกลับตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ... รักมากเสียจนยอมตัวให้ผิดต่อศีลธรรมพื้นฐานที่ท่องมาแต่เล็กแต่น้อยว่าจะไม่ละเมิดการแต่งงานของใคร รักมากจนยอมเสี่ยงอันตรายจากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา และรักมากจนสามารถที่จะปล่อยให้เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ต้องประสบอันตรายเพียงเพราะหล่อนเป็นเพื่อนของผู้หญิงที่แสนเลวคนนี้... ผู้หญิงที่แย่งสามีของคนอื่น

    ความรักที่ได้รับกลับคืนมานั้นคุ้มแล้วหรือกับสิ่งที่ต้องเสียไป?

    คำถามที่ถามตัวเองทำให้ฉันนึกกลัว... เพราะคำตอบที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้าคือ ไม่! ไม่เลยสักนิด!

    ความรักที่ฉันได้รับนั้นแลกมาด้วยความเจ็บปวดของคนหลายๆคนทั้งเพื่อนของฉัน ภรรยาของเขา... และอาจจะรวมไปถึงตัวฉันด้วย

    ทั้งๆที่ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าเขารักฉัน แต่ในใจของฉันกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่เคยคิดว่าจะมี... แม้ว่าทุกครั้งที่สบสายตาหวานซึ้งของเขา ใจของฉันจะลอยลิบไปในอากาศราวกับมีปีกบิน แต่เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมา ฉันกลับพบว่าตัวเองมีแต่ความหวาดหวั่นและคลางแคลงใจ

    หวาดหวั่น... กลัวว่าสักวันความรักของฉันจะถูกทำลายลง

    คลางแคลง... เพราะเขาไม่เคยบอกอะไรให้ฉันได้รู้สักนิด

    ความรักที่เขามอบให้นั้นแสดงออกมาด้วยการเอาใจใส่ฉันจนฉันแทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองสักครั้ง สิ่งใดที่ฉันอยากได้เขาจะหามาให้โดยที่สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคือออกปาก เขาปกป้องและดูแลฉันแทบไม่ให้คลาดสายตา ทำให้ฉันมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายฉันได้ตราบใดที่เขายืนอยู่เคียงข้าง

    หากคำว่า สุข และคำว่า สบาย มีความหมายต่างกันและแยกกันอย่างสิ้นเชิง ฉันก็คงมีแต่ความสบายแต่ไม่มีความสุข

    คนเราจะมีความสุขได้อย่างไรเมื่อรู้ตัวว่ากลายเป็นเพียงคนอ่อนแอที่ต้องอาศัยการคุ้มครองจากผู้อื่นๆไปวันๆ ไม่มีศักยภาพที่จะต่อสู้? และจะมีความสุขได้อย่างไรเมื่อรู้ตัวว่าเป็นแค่คนโง่งมที่ไม่รู้ความจริงถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบๆตัว?

    ความคิดของฉันหยุดลงเมื่อรถประจำทางจอดลงที่ป้ายไม่ไกลจากสวนสาธารณะตรงข้ามซอยที่พักของฉัน

    ***

    ทันทีที่เปิดประตูห้องออก ฉันก็ได้ยินเสียงฟุดฟิดคล้ายเสียงใครสักคนกำลังคัดจมูกหรือไม่เช่นนั้นก็กำลังดมกลิ่นหาอะไรสักอย่างอยู่

    “จิต แกกลับมายังไง นาย... คนนั้นมาส่งหรือเปล่า?” ท่าทางของเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันร้อนรน หล่อนวิ่งไปส่องดูที่ช่องหน้าต่างราวกับมองหาใคร พร้อมกันนั้นก็สูดจมูกเสียงดังคล้ายกำลังดมกลิ่นอะไรบางอย่าง

    ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นเพราะเริ่มจะรู้สึกเหลือทนกับเรื่องของเขาและหญิงสาวลึกลับผู้มีนามว่าลิลิตคนนั้น

    “แกไม่สบายหรอมิ ได้ยินเสียงหายใจฟุดฟิดๆ?”

    เสียงสูดจมูกหายไป ใบหน้าของเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันดูตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที หล่อนก้มหน้าหลบสายตาฉันก่อนจะตอบเสียงเบา “เปล่า”

    “แล้วแกดมหาอะไรหรอเมื่อกี้น่ะ ทำอย่างกับหมาตำรวจแน่ะ” ฉันแซว หวังจะให้บรรยากาศรื่นเริงขึ้น แต่ผลที่ได้รับกลับตรงกันข้าม...

    เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันเริ่มสั่นเทิ้มราวกับใครจับหล่อนเขย่าแรง ท่าทีตื่นกลัวแบบเดียวกับที่หล่อนเป็นในวันก่อนเมื่อฉันพบรอยเลือดอยู่บนตัวของเจ้าหล่อนกลับมาอีกครั้ง

    “ฉัน... ฉันเปล่านะ... ฉันไม่ได้ดมหาอะไรนะจิต... เปล่านะ ฉันไม่ได้กลิ่นอะไร ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้จริงๆ...”

    “มิ...” ฉันสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าหล่อน แต่เจ้าหล่อนกลับถอยหนีไปจนชิดบานหน้าต่าง “มิ แกเป็นอะไรไป?”

    สีหน้าของเพื่อนสาวร่วมห้องดูอึดอัดและจนแต้ม น้ำตาไหลออกมาจนอาบแก้ม เจ้าหล่อนมองหน้าฉันสลับกับหันออกไปมองนอกหน้าต่าง กวาดสายตาไปรอบๆคล้ายมองหาอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้

    “จิต ฉันพูดให้แกฟังไม่ได้จริงๆว่าฉัน เป็นอะไร ผู้หญิงคนนั้นกำลังมาที่นี่ หล่อนกำลังมา ฉันสัมผัสได้”

    “แกหมายถึงใครน่ะ มิ?” ฉันถามพร้อมก้าวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าหล่อนอีกนิด เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันถอยหลังไปอีกจนแทบจะตกจากขอบหน้าต่าง ท่าทางของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น ดวงตาของเพื่อนสาวร่วมห้องเบิกกว้างอย่างคนเสียขวัญ

    “กลิ่นของผู้หญิงคนนั้น! ผู้หญิงคนนั้นตามแกมาที่นี่! จิต แกต้องไปนะ ต้องหนีไปจากที่นี่ อย่าอยู่ที่นี่”

    “แกพูดถึงอะไรมิ? ฉันไม่เข้าใจ...”

    “มันใกล้เข้ามาแล้ว... มันมาถึงที่นี่แล้ว....”

    “มิ!

    ฉันเดินเข้าไปใกล้เจ้าหล่อนอีกนิด และตกใจจนแทบสิ้นสติของฉันเมื่อเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันก็ถอยหลังไปอย่างบ้าคลั่งจนร่างของเจ้าหล่อนตกลงไปจากขอบหน้าต่างสู่พื้นด้านล่าง!

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×