คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : Part XX
Part XX
ฉันเดินทางกลับห้องพักเพียงลำพัง... แต่วันนี้ฉันมั่นใจว่าจะไม่มีอันตรายใดๆแผ้วพานฉันได้เป็นอันขาดแม้ว่าจะไม่มีเขาคอยคุ้มครอง
ตลอดหลายวันที่ผ่านมานับตั้งแต่วันที่ฉันเล่าเรื่องของเพื่อนสาวร่วมห้องให้เขาฟัง เขาก็แทบจะไม่เคยปล่อยให้ฉันคลาดสายตา และถ้าหากฉันมีความจำเป็นที่จะต้องไปไหนมาไหนคนเดียว หรือจำเป็นจะต้องอยู่ห่างจากเขา เสียงโทรศัพท์มือถือของฉันก็จะดังขึ้นแทบจะทุกๆ 20 นาที
ทันทีที่ฉันเดินออกมาจากภัตตาคารที่นัดพบกับลิลิต เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นในทันที
“สวัสดีครับ” เสียงที่ดังมาฟังดูแจ่มใสร่าเริง “คุณอยู่ที่ไหน? จะให้ผมไปรับกี่โมง?”
“ไม่ต้องมารับหรอกค่ะ ฉันยังอยู่เพื่อนๆหลายคนคงจะกลับค่ำมากๆ คุณไม่ต้องเป็นห่วงหรอกค่ะ” ฉันโกหกออกไป เพราะบอกเขาไว้ว่าจะมาเจอเพื่อนๆหลายคนที่เคยเรียนด้วยกันสมัยมัธยม
... อันที่จริงฉันก็ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมจึงต้องโกหกเขา มันดูเป็นเรื่องไร้สาระเหลือเกินที่จะต้องโกหกใครสักคนเพื่อทำในสิ่งที่ตนเองต้องการ และสิ่งๆนั้นก็ไม่ใช่เรื่องผิดศีลธรรมหรือชั่วช้าเลวทรามแต่อย่างใด...
แต่ฉันก็เลือกที่จะโกหก
“คุณอยู่กับเพื่อนๆหลายคนจริงหรือครับ? เสียงทางนั้นดูเงียบมาก”
“ฉันอยู่ในห้องน้ำน่ะค่ะ”
“อย่างนั้นเองหรือครับ? ตอนแรกผมนึกว่าคุณจะหนีเที่ยวซะแล้วนะครับเนี่ย” เขาตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงยั่วล้อฟังสบาย แต่ก็ทำให้ฉันกลัวขึ้นมาทันทีว่าเขาจะจับได้
“พูดแปลกจัง ฉันจะหนีคุณไปไหนทำไมล่ะคะ?”
“อาจจะมีใครพูดอะไรให้คุณอยากจะหนีผมไปก็ได้” คำตอบของเขาทำให้ฉันรู้สึกกลัวขึ้นมาจับใจว่าเขาจะรู้ระแคะระคายแล้วว่าฉันมาพบกับลิลิตที่นี่ หรือไม่เช่นนั้นเขาก็อาจจะพูดถึงเพื่อนสาวร่วมห้องของฉัน และอาจจะเรียกร้องให้ฉันสัญญากับเขาว่าจะไม่เชื่อใครนอกจากเขา
ในชั่ววินาทีนั้นฉันรู้สึกกลัวจับใจ... กลัวเหลือเกินว่าเขาจะสั่ง ขอร้อง หรือเรียกร้องให้ฉันเล่าความจริงทั้งหมดให้ฟัง หรือไม่เช่นนั้นก็อาจจะเรียกร้องเอาคำสัญญาที่ฉันไม่ได้ให้เขาในวันก่อน
คำพูดของลิลิตดังขึ้นในห้วงความคิดของฉัน
‘เชื่อเถอะค่ะ คุณจิตรา ถ้าเขาบอกให้คุณทำคุณจะไม่มีวันปฏิเสธเขาได้’
ถ้าหากเขาเรียกร้องเอาสิ่งเหล่านั้นจากฉัน ฉันก็คงไม่มีโอกาสที่จะปฏิเสธ...
เสียงเรียกปลุกฉันจากภวังค์
“ฮัลโหล คุณเป็นอะไรหรือเปล่า? เงียบไปเลย”
ฉันตอบคำถามนั้นด้วยประโยคสั้นๆ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ เพื่อนมาตามแล้ว ถ้ากลับถึงบ้านเมื่อไหร่จะโทรกลับหาคุณ”
***
ไม่มีใครมาตามตัวฉัน และฉันก็ไม่ได้โทรหาใคร... ฉันเลือกรถเมล์เป็นพาหนะในการเดินทางกลับบ้านหลังจากที่ไม่ได้ทำเช่นนี้มานานแสนนาน... นานนับตั้งแต่เขาเข้ามาในชีวิต
การได้กลับมาทำอะไรที่เคยทำทำให้ฉันรู้สึกว่าตัวตนของตัวเองกลับมา ทำให้ฉันได้มองย้อนกลับไปในช่วงเวลาที่สวยงามราวกับความฝัน และมองเห็นมันเป็นเพียงความฝันจริงๆ
เขาเข้ามาราวกับความฝัน... ฉันไม่รู้ว่าเขามาจากไหน ฉันไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร และไม่เคยใส่ใจที่จะถาม ในขณะเดียวกันเขาก็ไม่เคยถามถึงเรื่องส่วนตัวของฉันเลยสักนิด เขาไม่เคยถามถึงครอบครัวหรือเพื่อนฝูงของฉันสักคน มีเพียงเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันเท่านั้นที่เขารู้จักเพราะฉันพักอาศัยอยู่กับหล่อน
แล้วทั้งๆที่เรารู้จักกันเพียงน้อยนิดฉันกลับตกหลุมรักเขาจนหมดหัวใจ... รักมากเสียจนยอมตัวให้ผิดต่อศีลธรรมพื้นฐานที่ท่องมาแต่เล็กแต่น้อยว่าจะไม่ละเมิดการแต่งงานของใคร รักมากจนยอมเสี่ยงอันตรายจากผู้หญิงที่ได้ชื่อว่าเป็นภรรยาของเขา และรักมากจนสามารถที่จะปล่อยให้เพื่อนผู้ซื่อสัตย์ต้องประสบอันตรายเพียงเพราะหล่อนเป็นเพื่อนของผู้หญิงที่แสนเลวคนนี้... ผู้หญิงที่แย่งสามีของคนอื่น
ความรักที่ได้รับกลับคืนมานั้นคุ้มแล้วหรือกับสิ่งที่ต้องเสียไป?
คำถามที่ถามตัวเองทำให้ฉันนึกกลัว... เพราะคำตอบที่ชัดเจนอยู่ตรงหน้าคือ ไม่! ไม่เลยสักนิด!
ความรักที่ฉันได้รับนั้นแลกมาด้วยความเจ็บปวดของคนหลายๆคนทั้งเพื่อนของฉัน ภรรยาของเขา... และอาจจะรวมไปถึงตัวฉันด้วย
ทั้งๆที่ตอนนี้ฉันมั่นใจว่าเขารักฉัน แต่ในใจของฉันกลับไม่ได้มีความสุขอย่างที่เคยคิดว่าจะมี... แม้ว่าทุกครั้งที่สบสายตาหวานซึ้งของเขา ใจของฉันจะลอยลิบไปในอากาศราวกับมีปีกบิน แต่เมื่อสติสัมปชัญญะกลับมา ฉันกลับพบว่าตัวเองมีแต่ความหวาดหวั่นและคลางแคลงใจ
หวาดหวั่น... กลัวว่าสักวันความรักของฉันจะถูกทำลายลง
คลางแคลง... เพราะเขาไม่เคยบอกอะไรให้ฉันได้รู้สักนิด
ความรักที่เขามอบให้นั้นแสดงออกมาด้วยการเอาใจใส่ฉันจนฉันแทบจะไม่ต้องทำอะไรด้วยตัวเองสักครั้ง สิ่งใดที่ฉันอยากได้เขาจะหามาให้โดยที่สิ่งเดียวที่ฉันต้องทำคือออกปาก เขาปกป้องและดูแลฉันแทบไม่ให้คลาดสายตา ทำให้ฉันมั่นใจว่าไม่มีอะไรที่จะมาทำร้ายฉันได้ตราบใดที่เขายืนอยู่เคียงข้าง
หากคำว่า ‘สุข’ และคำว่า ‘สบาย’ มีความหมายต่างกันและแยกกันอย่างสิ้นเชิง ฉันก็คงมีแต่ความสบายแต่ไม่มีความสุข
คนเราจะมีความสุขได้อย่างไรเมื่อรู้ตัวว่ากลายเป็นเพียงคนอ่อนแอที่ต้องอาศัยการคุ้มครองจากผู้อื่นๆไปวันๆ ไม่มีศักยภาพที่จะต่อสู้? และจะมีความสุขได้อย่างไรเมื่อรู้ตัวว่าเป็นแค่คนโง่งมที่ไม่รู้ความจริงถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นอยู่รอบๆตัว?
ความคิดของฉันหยุดลงเมื่อรถประจำทางจอดลงที่ป้ายไม่ไกลจากสวนสาธารณะตรงข้ามซอยที่พักของฉัน
***
ทันทีที่เปิดประตูห้องออก ฉันก็ได้ยินเสียงฟุดฟิดคล้ายเสียงใครสักคนกำลังคัดจมูกหรือไม่เช่นนั้นก็กำลังดมกลิ่นหาอะไรสักอย่างอยู่
“จิต แกกลับมายังไง นาย... คนนั้นมาส่งหรือเปล่า?” ท่าทางของเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันร้อนรน หล่อนวิ่งไปส่องดูที่ช่องหน้าต่างราวกับมองหาใคร พร้อมกันนั้นก็สูดจมูกเสียงดังคล้ายกำลังดมกลิ่นอะไรบางอย่าง
ฉันเลือกที่จะเปลี่ยนบทสนทนาไปเป็นเรื่องอื่นเพราะเริ่มจะรู้สึกเหลือทนกับเรื่องของเขาและหญิงสาวลึกลับผู้มีนามว่าลิลิตคนนั้น
“แกไม่สบายหรอมิ ได้ยินเสียงหายใจฟุดฟิดๆ?”
เสียงสูดจมูกหายไป ใบหน้าของเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันดูตื่นตระหนกขึ้นมาในทันที หล่อนก้มหน้าหลบสายตาฉันก่อนจะตอบเสียงเบา “เปล่า”
“แล้วแกดมหาอะไรหรอเมื่อกี้น่ะ ทำอย่างกับหมาตำรวจแน่ะ” ฉันแซว หวังจะให้บรรยากาศรื่นเริงขึ้น แต่ผลที่ได้รับกลับตรงกันข้าม...
เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันเริ่มสั่นเทิ้มราวกับใครจับหล่อนเขย่าแรง ท่าทีตื่นกลัวแบบเดียวกับที่หล่อนเป็นในวันก่อนเมื่อฉันพบรอยเลือดอยู่บนตัวของเจ้าหล่อนกลับมาอีกครั้ง
“ฉัน... ฉันเปล่านะ... ฉันไม่ได้ดมหาอะไรนะจิต... เปล่านะ ฉันไม่ได้กลิ่นอะไร ไม่รู้อะไรทั้งนั้น ไม่รู้จริงๆ...”
“มิ...” ฉันสาวเท้าเข้าไปหาเจ้าหล่อน แต่เจ้าหล่อนกลับถอยหนีไปจนชิดบานหน้าต่าง “มิ แกเป็นอะไรไป?”
สีหน้าของเพื่อนสาวร่วมห้องดูอึดอัดและจนแต้ม น้ำตาไหลออกมาจนอาบแก้ม เจ้าหล่อนมองหน้าฉันสลับกับหันออกไปมองนอกหน้าต่าง กวาดสายตาไปรอบๆคล้ายมองหาอะไรบางอย่างที่ฉันไม่รู้
“จิต ฉันพูดให้แกฟังไม่ได้จริงๆว่าฉัน ‘เป็นอะไร’ ผู้หญิงคนนั้นกำลังมาที่นี่ หล่อนกำลังมา ฉันสัมผัสได้”
“แกหมายถึงใครน่ะ มิ?” ฉันถามพร้อมก้าวเท้าเข้าไปใกล้เจ้าหล่อนอีกนิด เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันถอยหลังไปอีกจนแทบจะตกจากขอบหน้าต่าง ท่าทางของหล่อนเต็มไปด้วยความหวาดกลัวจนตัวสั่น ดวงตาของเพื่อนสาวร่วมห้องเบิกกว้างอย่างคนเสียขวัญ
“กลิ่นของผู้หญิงคนนั้น! ผู้หญิงคนนั้นตามแกมาที่นี่! จิต แกต้องไปนะ ต้องหนีไปจากที่นี่ อย่าอยู่ที่นี่”
“แกพูดถึงอะไรมิ? ฉันไม่เข้าใจ...”
“มันใกล้เข้ามาแล้ว... มันมาถึงที่นี่แล้ว....”
“มิ!”
ฉันเดินเข้าไปใกล้เจ้าหล่อนอีกนิด และตกใจจนแทบสิ้นสติของฉันเมื่อเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันก็ถอยหลังไปอย่างบ้าคลั่งจนร่างของเจ้าหล่อนตกลงไปจากขอบหน้าต่างสู่พื้นด้านล่าง!
ความคิดเห็น