คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #20 : Part XIX
Part XIX
หากเขารู้ฉันคงต้องทะเลาะกับเขาเป็นการใหญ่กว่าที่จะมาถึงที่นี่ได้ และหากเพื่อนสาวร่วมห้องของฉันรู้เจ้าหล่อนคงกรีดร้อง โวยวาย และร่ำไห้เพื่อห้ามไม่ให้ฉันมาที่นี่
ฉันนั่งนิ่ง สายตาจดจ้องอยู่ที่รายการอาหารทั้งๆที่มองไม่เห็นรายละเอียดของมันแม้แต่น้อย หรือถ้าเห็นความสนใจของฉันก็คงอยู่ห่างจากชื่ออาหารมากมายนี้เต็มที สมองของฉันจึงไม่สามารถรับรู้เกี่ยวกับสิ่งที่อยู่ตรงหน้าได้เลย
“ผมจะกลับมารับออร์เดอร์อีกครั้งนะครับ” บริกรหนุ่มที่ยืนรอให้ฉันพูดชื่ออาหารออกมาสักชนิดกล่าวอย่างสุภาพและเดินจากไป พร้อมกับที่ฉันวางรายการอาหารในปกหนังลง
สถานที่ที่ฉันนั่งอยู่ในตอนนี้เป็นสถานที่ที่ฉันไม่เคยคิดมาก่อนว่าจะมา แต่ไม่ใช่สถานที่ที่ฉันไม่เคยมา... มันคือภัตตาคารสุดหรูบนตึกสูงกลางกรุงที่ฉันเคยมากับเขานั่นเอง แต่ในวันนี้ฉันมาที่นี่ด้วยตัวเองเพื่อรอพบกับหญิงสาวที่ฉันสมควรจะอยู่ให้ห่างที่สุด... ลิลิต
โต๊ะที่เจ้าหล่อนจองไว้เป็นโต๊ะเดียวกับที่ฉันเคยนั่งกับเขา... โต๊ะที่ดีที่สุดในภัตตาคาร มีความเป็นส่วนตัวและสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของโลกภายนอกที่แสนสวยงาม
ภาพตรงหน้าเคยจับใจฉันอย่างเหลือแสน มันเคยทำให้ฉันคิดว่าโลกนี้ช่างสวยงาม ทุกสิ่งช่างลงตัวและเหมาะเจาะ แต่ในวันนี้มันกลับทำให้ฉันสงสัยว่าภายใต้หน้ากากที่สวยงามนี้มีอะไรซ่อนอยู่กันแน่ อะไรกันที่ซ่อนอยู่ภายใต้ภาพฉาบที่สวยงาม... คำโกหก? ความชั่วร้าย? หรือความน่าสะพรึงกลัว?
ฉันจมจ่อมอยู่ในภวังค์แห่งความคิดจนกระทั่งเสียงหวานที่มีสำเนียงขึ้นจมูกอย่างชาวตะวันตกดังขึ้น “สวัสดีค่ะคุณจิตรา ไม่ได้เจอกันนานนะคะ”
“สวัสดีค่ะคุณลิลิต”
ฉันหันหน้าจากภาพทิวทัศน์มามองเจ้าของเสียง... ลิลิต... หล่อนดูสวยอิ่มเอิบขึ้นกว่าครั้งที่แล้วที่ฉันเจอ ผิวขาวเผือดของหล่อนยังคงขาวราวกับสีของหิมะในฤดูหนาว แต่แก้มของหล่อนมีสีแดงระเรื่อด้วยเลือดฝาดผิดกับครั้งที่แล้วที่ได้พบกัน ใบหน้าของหล่อนยังคงทำให้ฉันนึกถึงสโนไวท์ เจ้าหญิงที่ถูกแม่มดใจร้ายทำร้ายจนนอนหลับไป และถูกเก็บไว้ในโลงแก้ว
แต่สโนว์ไวท์ตรงหน้าฉันจะไม่มีวันยอมให้แม่มดใจร้ายทำร้ายหล่อนได้... หล่อนจะต่อสู้ และหล่อนจะต้องชนะ!
แล้วแม่มดร้ายที่อิจฉาในสถานะความสัมพันธ์ระหว่างหล่อนกับเขาอย่างฉันน่ะหรือจะสามารถหยิบยื่นความพ่ายแพ้ให้แก่หล่อนได้?
คำตอบที่ฉายชัดออกมาจากดวงตาของเจ้าหล่อนคือ “ไม่!”
“คุณคงคิดว่าดิฉันจะทำร้ายคุณ” หล่อนเอ่ยขึ้น “อย่างนั้นไม่ใช่หรือคะ?”
“คุณพูดว่าคุณจะทำอย่างนั้น” ฉันตอบ “และคุณก็บอกว่าคุณไม่ได้ขู่”
เจ้าหล่อนหัวเราะหึๆในลำคอเมื่อได้ยินคำตอบของฉัน “นี่คุณคงเห็นฉันเป็นพวกลูกสาวมาเฟียนอกกฎหมายที่จะ ‘เก็บ’ ทุกคนที่ขัดใจฉันอย่างป่าเถื่อนงั้นสิคะ?”
ฉันไม่ได้ตอบอะไรออกไป
“ฉันไม่ป่าเถื่อนขนาดนั้นหรอกค่ะคุณจิตรา... จริงอยู่ ฉันไม่ได้เคารพอะไรกฎหมายของพวกคุณนัก และฉันก็เป็นคนเลือดเย็นนัก...” เสียงของเจ้าหล่อนเยียบเย็นเสียจนฉันสะท้าน “แต่คนเลือดเย็นกับคนป่าเถื่อนนั้นต่างกัน ฉันเลือดเย็นแต่ฉันไม่ได้ป่าเถื่อน”
“คุณพยายามจะบอกอะไรกับฉัน?”
“ฉันจะไม่ทำร้ายคุณและฉันจะไม่ทำร้ายประกาศิต” หล่อนตอบด้วยน้ำเสียงหวานสนิท “แต่... ประกาศิตจะต้องเสียใจ และคุณก็จะต้องเสียใจด้วย”
เมื่อเห็นคิ้วที่ขมวดเป็นปมของฉันเจ้าหล่อนก็หัวเราะ “ถ้าฉันเข้าใจไม่ผิดคุณเคยบอกเขาอย่างนั้นไม่ใช่หรือคะ ‘ถ้าคุณยังมีความทุกข์อยู่อย่างนี้ จะให้ฉันมีความสุขได้ยังไงกันล่ะคะ?’” ประโยคหลังเจ้าหล่อนดัดเสียงให้คล้ายฉันและพูดด้วยสำนวนล้อเลียนเต็มที่
หล่อนรู้ได้อย่างไร? หล่อนได้ยินคำพูดของฉันได้อย่างไรกัน? หรือว่าเขาเป็นคนเล่าเรื่องนี้ให้หล่อนฟัง?
“อย่าสงสัยไปเลยค่ะคุณจิตรา ฉันรู้ทุกอย่างที่เกี่ยวกับประกาศิตไม่ว่าเขาจะเล่าให้ฉันฟังหรือไม่เล่าให้ฉันฟังก็ตาม... แต่คุณสิคะ คุณไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเขาเลย”
ฉันอยากจะปฏิเสธคำพูดของหล่อนด้วยน้ำเสียงที่เข้มแข็งและมั่นใจนัก แต่สิ่งเดียวที่ฉันทำได้คือกัดริมฝีปากจนแทบห้อเลือดเพราะไม่สามารถจะกล่าวประท้วงคำพูดของผู้หญิงตรงหน้าได้เลย สิ่งที่เจ้าหล่อนพูดเป็นความจริงทุกอย่าง!
“คุณถามเขาเกี่ยวกับเรื่องราวทั้งหมดไม่ใช่หรือคะ?”
“ไม่ใช่เรื่องอะไรของคุณ!” ฉันตอบเสียงห้วน
“ค่ะ” เจ้าหล่อนตอบรับด้วยท่าทีสบายๆ คลี่ริมฝีปากแดงสดราวกับสีเลือดนั้นเป็นรอยยิ้มอ้อยอิ่งที่สวยงามและเย้ายวน หากดูน่าสะพรึงกลัวมากกว่าในสายตาของฉัน “ไม่ใช่เรื่องของฉัน แต่เป็นเรื่องที่ฉันรู้ดียิ่งกว่าใครๆ และในเมื่อเจ้าชายในชุดเกราะเงาวับของคุณและคนอื่นๆไม่ยอมบอกคุณ คุณจะไม่ลองเปิดปากถามฉันดูบ้างหรือคะ?”
เมื่อคิดตามแล้วฉันก็เห็นจริงตามหล่อน ทุกคนรอบๆตัวฉันล้วนแต่เก็บความลับเอาไว้กับตัว ไม่มีใครยอมเปิดปากอะไรฉัน แต่ละคนล้วนแต่เรียกร้องให้ฉันทำในสิ่งที่ดูไร้เหตุผล แต่ผู้หญิงคนนี้... หล่อนเปิดเผย หล่อนพร้อมจะเปิดโปงความจริงทั้งหมด และแท้ที่จริงแล้วเหตุผลสำคัญที่ทำให้ฉันมานั่งอยู่ตรงนี้ก็คือฉันอยากรู้ความจริง ฉันอยากรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และอยากรู้ที่มาของปัญหาทั้งหมด
เมื่อคิดได้ดังนั้นฉันจึงถามคำถามที่ต้องการรู้ออกไป
“คุณทำอะไรมิ?”
“ผู้หญิงจืดชืดคนนั้นน่ะหรือ?” หล่อนถามกลับพร้อมกับยกนิ้วเรียวที่แต่งแต้มเล็บไว้ด้วยสีแดงสดขึ้นแตะริมฝีปาก
“คุณไม่มีสิทธิ์มาตัดสินว่าเพื่อนของฉันจืดชืดหรือเปล่า!” ฉันพูดเกือบตวาด “บอกมาว่าคุณทำอะไรกับเพื่อนฉัน ยัยมิถึงไม่สบายแล้วก็พูดอะไรแปลกๆ”
“มิรันตีไม่ได้บอกคุณหรอกหรือ?”
“มิบอกว่าบอกฉันไม่ได้”
สีหน้าของลิลิตดูแช่มชื่นขึ้นทันทีเมื่อได้ยินคำพูดนั้น “แปลว่าเพื่อนของคุณได้เจอกับประกาศิตแล้ว”
“คุณรู้ได้ยังไง”
“เพราะประกาศิตเป็นคนเดียวเท่านั้นที่สามารถจะ ‘ประกาศิต’ ให้เพื่อนของคุณปิดปากเกี่ยวกับเรื่องที่เธอได้เจอมาได้” เจ้าหล่อนตอบเรียบๆ
“คุณหมายความว่ายังไง”
ดวงตาสีนิลมองตรงมาที่ฉัน ริมฝีปากงามเย้ายวนนั้นแทบจะไม่ได้ขยับเมื่อหล่อนเอ่ยคำถาม “เคยบ้างไหมคะ คุณจิตรา? มีสักครั้งไหมที่คุณปฏิเสธความต้องการของประกาศิต? และเคยบ้างไหมที่คุณต้องทำตามความต้องการของเขาทั้งๆที่คุณไม่ต้องการจะทำมันเลยสักนิด?”
“ฉันทำสิ่งที่ฉันอยากจะทำ”
“จริงหรือ? คุณอยากจะเล่าให้ประกาศิตฟังจริงๆหรือว่าคุณได้ยินอะไรบ้างในวันนั้น? แน่ใจหรือว่าคุณอยากจะบอกเขาว่าคุณไม่เชื่อเพื่อนของคุณจริงๆ?”
คำตอบของทั้งสองคำถามคือ “ไม่!” แต่สิ่งที่ฉันพูดออกไปคือ “ฉันไม่ได้สัญญากับเขาว่าจะไม่เชื่อใครนอกจากเขา”
“นั่นเป็นเพราะเขาไม่ได้ขอร้อง สั่ง หรือบอกให้คุณทำไม่ใช่หรือคะ?”
“ฉันไม่เข้าใจที่คุณพูด”
“เชื่อเถอะค่ะ คุณจิตรา ถ้าเขาบอกให้คุณทำคุณจะไม่มีวันปฏิเสธเขาได้ อย่างเดียวกับที่เพื่อนของคุณ ผู้หญิง ‘จืดชืด’ คนนั้นปฏิเสธเขาไม่ได้ และนั่นคือสาเหตุที่เธอจะไม่มีวันปริปากบอกคุณว่าฉันทำอะไรกับเธอ... เอาล่ะค่ะ ฉันมาเพื่อบอกคุณแค่นี้ ลาล่ะนะคะคุณจิตรา หวังว่าคุณจะ ‘โชคดี’”
ความคิดเห็น