ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    You Kill me

    ลำดับตอนที่ #19 : Part XVIII

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 53


    Part XVIII

                    เชื่อหรือ?

                    ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว... หรือไม่นานมานี้... ครั้งหนึ่งก่อนที่ฉันจะพบเขา คำว่า “ความเชื่อ” ช่างฟังดูไร้สาระและโง่งม คำๆนี้เป็นคำที่คนโง่ใช้เป็นเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เรื่องตลกไร้สาระ ไปจนถึงสงครามทำลายล้างที่ไร้ประโยชน์

                    ในวันแรกที่ฉันและเขาได้พบกัน เราแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ “ความเชื่อ” และรับฟังกันและกันด้วยความเคารพในความคิดเห็นส่วนตัวของกันและกัน เขา “เชื่อ” แต่ฉัน “ไม่เชื่อ”

                    น่าขำนักที่ในวันนี้เขาเองกลับเป็นผู้ที่ “ไม่เชื่อ” และเรียกร้องให้ฉัน “เชื่อ”

                    แล้วฉันจะเชื่อในอะไรได้เล่า? เชื่อในเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของเขา? เชื่อในเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของหญิงสาวผู้ลึกลับและน่ากลัวคนนั้น... ลิลิต? เชื่อเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของเพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าเจ้าหล่อนจะซื่อสัตย์กับฉัน? หรือ... เชื่อในความจริงที่ฉันไม่รู้ว่าความจริงนั้นคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าเขา... ผู้ชายที่ฉันรักจนหมดหัวใจปิดบังฉันไว้มาโดยตลอด?

                    สายตาเว้าวอนของเขาจ้องแน่วแน่มาที่ฉัน เรียกร้องคำพูดง่ายๆเพียงสองพยางค์ให้หลุดออกมาจากริมฝีปาก... มันง่ายเหลือเกินที่จะออกเสียงคำง่ายๆนั้น... “สัญญา”

                    แต่สิ่งที่ฉันทำคือเม้มปากแน่น

                    “สัญญากับผมได้ไหม จิตรา?” เขาถามซ้ำอีกครั้ง แต่ฉันยังคงนิ่งเงียบ สายตาเว้าวอนนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเมื่อถามคำถามต่อมา “คุณไม่เชื่อผมหรือ จิตรา?”

                    “ฉันอยากจะเชื่อคุณเหลือเกินค่ะ...” เป็นคำตอบเดียวที่ฉันสามารถพูดออกไปได้ และเป็นคำตอบที่ตรงกับเสียงของหัวใจของฉันอย่างที่สุด

                    “ทำไมล่ะจิตรา? คุณไม่เชื่อหรือว่าผมรักคุณ และผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุข เพื่อให้คุณปลอดภัย ทั้งจากลิลิต หรือจากอะไรก็ได้บนโลกนี้ คุณไม่เชื่อผมหรือ?”

                    “ฉันเชื่อใจคนที่เคยโกหกฉันไม่ได้หรอกคะ... ฉันไม่สามารถเชื่อใจคนที่ไม่บอกความจริงกับฉันได้”

                    “ผมไม่ได้โกหกคุณ”

                    “แต่คุณไม่ได้บอกความจริงกับฉัน”

                    “แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมโกหกคุณ จิตรา! ผมไม่เคยบอกอะไรที่ไม่จริงกับคุณเลยนะ ผมไม่เคยไม่ซื่อสัตย์กับคุณ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อใจคนที่ไม่เคยทรยศต่อความไว้ใจของคุณ?”

                    ฉันนิ่งเงียบ

                    ใช่! เขาไม่เคยโกหกฉัน! เขาไม่เคยทรยศต่อความไว้ใจของฉัน! เขาไม่เคยบอกอะไรที่ไม่จริงกับฉัน!

                    แต่แล้วอะไรกันเล่าที่เขาบอกฉัน?

                    ไม่มีอะไรสักอย่างที่เขาบอกฉัน!

                    ฉันกล้ำกลืนก้อนน้ำตาที่แล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “คุณจะบอกอะไรที่ไม่จริงกับฉันได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่เคยบอกอะไรฉันเลย... ฉันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง... ได้โปรดเถอะค่ะ บอกฉันหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? เกิดอะไรขึ้นกับมิรันตี? เกิดอะไรขึ้นกับคุณลิลิต? อย่าปล่อยให้ฉันต้องจมอยู่กับความสงสัยทุกๆวันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และฉันตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่เลือกคุณ โดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร”

                    ม่านน้ำตาพร่าพรายจนฉันบอกไม่ได้ว่าเขาทำหน้าอย่างไร สำนึกผิดหรือโมโหโกรธากับคำพูดของฉัน สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกเขาหันหลังกลับไป... เขาเดินจากไปโดยไม่ได้บอกความจริงแก่ฉัน

                    ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจที่เขายังคงปิดบังความจริงไว้มากเท่าไร เพราะหัวใจของฉันดูเหมือนจะเจ็บจนชาเสียแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ดีว่าหัวใจของฉันรู้สึกคือ ฉันดีใจที่ไม่ได้ให้คำสัญญากับเขาว่าจะไม่เชื่อใคร ไม่ใกล้ชิดใครนอกจากเขา

                    ***

                    “แกกลับมาแล้ว” เสียงของเพื่อนสาวดังขึ้นทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในห้อง อาการป่วยของเจ้าหล่อนคงยังไม่ทุเลาดีนัก เพราะผิวของเจ้าหล่อนยังดูซีดเผือดไร้ชีวิตชีวา

                    “แกเป็นยังไงบ้างมิ?”

                    “ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ แกล่ะ แกเลิกกับเขาหรือยัง?” คำถามของเจ้าหล่อนตรงประเด็น คล้ายกับว่านี่เป็นเรื่องเดียวเท่านั้นที่เจ้าหล่อนต้องการรู้ และต้องการได้ยินจากปากของฉัน

                    หากเป็นวันปรกติ... เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ฉันคงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่อง “เขา” กับเจ้าหล่อนจนสุดความสามารถ ด้วยมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องมารับรู้

                    แต่ในวันนี้... ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อนสาวคนนี้กุมความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ฉันไม่รู้ และอาจจะไม่มีวันรู้จากปากของเขา

                    “มิ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นบ้าง?”

                    หากตาของฉันไม่ฝาดไป เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันตัวสั่น หล่อนสั่นคล้ายกับมันเป็นปฏิกิริยาที่หล่อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อได้ยินชื่อเขา

                    “มิ... ได้โปรด บอกฉัน... บอกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาเป็น... เขาทำอะไร? และทำไมแกถึงเป็นแบบนี้? ทำไมแกถึงต้องห้ามไม่ให้ฉันอยู่ใกล้เขา?”

                    “ถ้าฉันบอกแกได้นะจิต ฉันจะบอกแกทุกอย่าง ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ฉันอยากจะปิดบังแก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของแก”

                    “คุณลิลิตขู่ว่าจะทำร้ายฉันอย่างนั้นหรือ?” ฉันถามออกไป... เมื่อหล่อนไม่บอกออกมาเอง ฉันก็จะเป็นคนถามเอง

                    เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันส่ายศีรษะช้าๆ “ข้อนี้เธอต้องรู้ดีอยู่แล้วนี่จิต ลิลิตไม่ขู่ใคร”

                    “เธอหมายความว่ายังไง?”

                    “ลิลิตไม่ขู่ใครจิต เธอไม่ได้ขู่ฉัน และเธอจะไม่ขู่แก”

                    “แต่เธอทำร้ายแก?” ฉันถามต่อ และได้เห็นว่าไหล่ของเพื่อนสาวสั่นอย่างระงับไม่ได้ คราวนี้มันชัดเจนจนฉันมั่นใจว่าตาไม่ฝาด

                    “เขาทำอะไรแก มิ? บอกฉันสิ บอกฉันมา”

                    “ฉันบอกแกไม่ได้จริงๆ จิต ฉันบอกแล้วว่าถ้าฉันบอกได้ฉันจะบอกแกทุกอย่าง”

                    “ประ...” ฉันหยุดปากตัวเองไว้ก่อนที่จะเอ่ยชื่อของเขาคนนั้นออกมาเมื่อเห็นอาการเสียขวัญของเพื่อนสาว “เขาทำร้ายแกด้วยใช่ไหม? เขาอยู่กับลิลิตหรือเปล่า?”

                    คราวนี้เพื่อนของฉันสั่นศีรษะอีกครั้ง

                    “เขาไม่ได้ทำอะไรแก?” ฉันถามย้ำอีกครั้ง และคราวนี้เจ้าหล่อนพยักหน้ารับ ฉันถึงถามอีก “เขาไม่ได้อยู่กับลิลิต?” เจ้าหล่อนพยักหน้าอีกครั้ง

                    “แล้วทำไมแกถึงบอกฉันว่าเขาอันตรายล่ะมิ เพราะว่าลิลิตงั้นหรือ? เพราะลิลิตจะทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบๆเขาใช่ไหม?”

                    เป็นอีกคำถามที่ฉันได้รับการสั่นศีรษะเป็นคำตอบ

                    จิตใจของฉันแทบจะหยุดเต้นไปเสียเฉยๆด้วยความเหนื่อยล้ากับการเค้นเอาคำตอบจากผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือเพื่อน ทั้งสองต่างมีลับลมคมในจนฉันไม่สามารถจะ ล้วงเอาข้อมูลอะไรจากพวกเขาได้เลย

                    ทั้งที่ไม่เคยคิดจะเปิดเผยความรู้สึกให้เพื่อนร่วมห้องจอมจุ้นคนนี้ได้รับรู้ แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกถึงความอึดอัดในหัวใจ ความต้องการที่จะให้ใครสักคนรับฟังความรู้สึกของฉัน และช่วยหาทางออกให้ปัญหาที่ดูเหมือนทางตันนี้

                    ฉันร้องไห้...

                    ไม่ได้ร้องไห้เพราะความรักที่ซับซ้อนวกวนหาทางออกไม่ได้ ไม่ได้ร้องไห้ด้วยเหตุผลเดียวกับนางเอกนิยายหลายๆคนที่ใครๆซาบซึ้งต่อน้ำตาของพวกหล่อน ฉันร้องไห้เพราะความสงสัยที่มีจนแทบล้นหัวอกนี้มันมีมากเสียจนฉันไม่สามารถจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ และถึงแม้ฉันจะสามารถเสกสรรคำพูดหรือคำถามใดๆออกมาได้ มันก็ชัดเจนว่าฉันคงไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา...

                    “มิ แกรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเหมือนใจจะขาด ทุกคนกลายเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมถึงไม่บอกความจริงกับฉัน บอกฉันสิ! บอกให้ฉันรู้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น! ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด? ฉันอยากจะแก้ปัญหานี้ไปพร้อมๆกับทุกคน อยากให้ไอ้เรื่องยุ่งยากนี่มันจบลงซักที ถ้าฉันรู้ความจริง ฉันอาจจะรู้สึกว่าตัวเองควรจะจากเขาไป หรืออาจจะรู้ว่าตัวเองควรต้องสู้กับผู้หญิงบ้าๆคนนั้นเพื่อให้ได้เขามา หรืออาจจะรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่ใช่นั่งงมเหมือนคนโง่อยู่อย่างนี้ ในขณะที่ไม่มีใครยอมบอกฉันซักคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”

                    “จิต ฉันอยากบอกเธอเหลือเกิน...”

                    “ถ้างั้นก็บอกฉันสิ!

                    “ฉันทำไม่ได้” เพื่อนสาวร่วมห้องหลบสายตาของฉัน... สายตาที่ต้องการจะสื่อให้หล่อนรู้ว่าฉันต้องการรับรู้ความจริงมากแค่ไหน...

                    “บอกอะไรให้ฉันฟังก็ได้ เธอจะโกหกก็ได้ แต่บอกฉันหน่อยเถอะ อย่าปล่อยให้ฉันโง่งมอยู่อย่างนี้เลย”

                    เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาฉันอีกครั้ง... ฉันมองเห็นความหวาดกลัวและหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาของเจ้าหล่อน แต่ในขณะเดียวกันสายตานั้นก็บ่งบอกถึงความแน่วแน่และความจริงใจ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าหากมีใคร... แม้แต่เขา พูดอะไรสักอย่างที่ขัดกับคำพูดของเจ้าหล่อน ฉันก็เลือกที่จะเชื่อเพื่อนสาวคนนี้ และพร้อมที่จะคิดว่าคนอื่นๆเป็นคนโกหก แม้ว่ามันจะทำให้จิตใจของฉันต้องเจ็บปวดก็ตาม

                    “จิตรา ฟังฉันดีๆนะ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันบอกเธอได้ ฉันเคยบอกเธอแล้ว แต่ฉันก็จะบอกเธออีกครั้ง เขาเป็นคน... เป็น... เป็นสิ่งที่อันตราย และ...” ไหล่ของเจ้าหล่อนไหวเมื่อพูดประโยคต่อมา “ล... ลิลิตก็อันตรายไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ถ้าแกไม่อยากจะกลายเป็นแบบฉัน แกต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขา แกต้องไปให้ไกลจากที่นี่ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันบอกแกได้”

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×