คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #19 : Part XVIII
Part XVIII
เชื่อหรือ?
ครั้งหนึ่งเมื่อนานมาแล้ว... หรือไม่นานมานี้... ครั้งหนึ่งก่อนที่ฉันจะพบเขา คำว่า “ความเชื่อ” ช่างฟังดูไร้สาระและโง่งม คำๆนี้เป็นคำที่คนโง่ใช้เป็นเหตุผลในการทำสิ่งต่างๆ ตั้งแต่เรื่องตลกไร้สาระ ไปจนถึงสงครามทำลายล้างที่ไร้ประโยชน์
ในวันแรกที่ฉันและเขาได้พบกัน เราแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับ “ความเชื่อ” และรับฟังกันและกันด้วยความเคารพในความคิดเห็นส่วนตัวของกันและกัน เขา “เชื่อ” แต่ฉัน “ไม่เชื่อ”
น่าขำนักที่ในวันนี้เขาเองกลับเป็นผู้ที่ “ไม่เชื่อ” และเรียกร้องให้ฉัน “เชื่อ”
แล้วฉันจะเชื่อในอะไรได้เล่า? เชื่อในเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของเขา? เชื่อในเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของหญิงสาวผู้ลึกลับและน่ากลัวคนนั้น... ลิลิต? เชื่อเรื่องราวที่ไม่เป็นความจริงจากปากของเพื่อนที่ฉันเคยคิดว่าเจ้าหล่อนจะซื่อสัตย์กับฉัน? หรือ... เชื่อในความจริงที่ฉันไม่รู้ว่าความจริงนั้นคืออะไร รู้เพียงแค่ว่าเขา... ผู้ชายที่ฉันรักจนหมดหัวใจปิดบังฉันไว้มาโดยตลอด?
สายตาเว้าวอนของเขาจ้องแน่วแน่มาที่ฉัน เรียกร้องคำพูดง่ายๆเพียงสองพยางค์ให้หลุดออกมาจากริมฝีปาก... มันง่ายเหลือเกินที่จะออกเสียงคำง่ายๆนั้น... “สัญญา”
แต่สิ่งที่ฉันทำคือเม้มปากแน่น
“สัญญากับผมได้ไหม จิตรา?” เขาถามซ้ำอีกครั้ง แต่ฉันยังคงนิ่งเงียบ สายตาเว้าวอนนั้นจึงเปลี่ยนเป็นเจ็บปวดเมื่อถามคำถามต่อมา “คุณไม่เชื่อผมหรือ จิตรา?”
“ฉันอยากจะเชื่อคุณเหลือเกินค่ะ...” เป็นคำตอบเดียวที่ฉันสามารถพูดออกไปได้ และเป็นคำตอบที่ตรงกับเสียงของหัวใจของฉันอย่างที่สุด
“ทำไมล่ะจิตรา? คุณไม่เชื่อหรือว่าผมรักคุณ และผมจะทำทุกอย่างเพื่อให้คุณมีความสุข เพื่อให้คุณปลอดภัย ทั้งจากลิลิต หรือจากอะไรก็ได้บนโลกนี้ คุณไม่เชื่อผมหรือ?”
“ฉันเชื่อใจคนที่เคยโกหกฉันไม่ได้หรอกคะ... ฉันไม่สามารถเชื่อใจคนที่ไม่บอกความจริงกับฉันได้”
“ผมไม่ได้โกหกคุณ”
“แต่คุณไม่ได้บอกความจริงกับฉัน”
“แต่นั่นก็ไม่ได้หมายความว่าผมโกหกคุณ จิตรา! ผมไม่เคยบอกอะไรที่ไม่จริงกับคุณเลยนะ ผมไม่เคยไม่ซื่อสัตย์กับคุณ ทำไมคุณถึงไม่เชื่อใจคนที่ไม่เคยทรยศต่อความไว้ใจของคุณ?”
ฉันนิ่งเงียบ
ใช่! เขาไม่เคยโกหกฉัน! เขาไม่เคยทรยศต่อความไว้ใจของฉัน! เขาไม่เคยบอกอะไรที่ไม่จริงกับฉัน!
แต่แล้วอะไรกันเล่าที่เขาบอกฉัน?
ไม่มีอะไรสักอย่างที่เขาบอกฉัน!
ฉันกล้ำกลืนก้อนน้ำตาที่แล่นมาจุกอยู่ที่ลำคอ และพูดออกไปด้วยน้ำเสียงสั่นพร่า “คุณจะบอกอะไรที่ไม่จริงกับฉันได้ยังไงล่ะคะ ในเมื่อคุณไม่เคยบอกอะไรฉันเลย... ฉันไม่รู้อะไรเลยสักอย่าง... ได้โปรดเถอะค่ะ บอกฉันหน่อยว่ามันเกิดอะไรขึ้น เกิดอะไรขึ้นกับคุณ? เกิดอะไรขึ้นกับฉัน? เกิดอะไรขึ้นกับมิรันตี? เกิดอะไรขึ้นกับคุณลิลิต? อย่าปล่อยให้ฉันต้องจมอยู่กับความสงสัยทุกๆวันว่านี่มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ และฉันตัดสินใจถูกหรือเปล่าที่เลือกคุณ โดยที่ฉันเองก็ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าคุณเป็นใคร”
ม่านน้ำตาพร่าพรายจนฉันบอกไม่ได้ว่าเขาทำหน้าอย่างไร สำนึกผิดหรือโมโหโกรธากับคำพูดของฉัน สิ่งเดียวที่ฉันรู้สึกเขาหันหลังกลับไป... เขาเดินจากไปโดยไม่ได้บอกความจริงแก่ฉัน
ฉันไม่รู้ว่าตัวเองเสียใจที่เขายังคงปิดบังความจริงไว้มากเท่าไร เพราะหัวใจของฉันดูเหมือนจะเจ็บจนชาเสียแล้ว แต่สิ่งหนึ่งที่ฉันรู้ดีว่าหัวใจของฉันรู้สึกคือ ฉันดีใจที่ไม่ได้ให้คำสัญญากับเขาว่าจะไม่เชื่อใคร ไม่ใกล้ชิดใครนอกจากเขา
***
“แกกลับมาแล้ว” เสียงของเพื่อนสาวดังขึ้นทันทีที่ฉันเดินเข้ามาในห้อง อาการป่วยของเจ้าหล่อนคงยังไม่ทุเลาดีนัก เพราะผิวของเจ้าหล่อนยังดูซีดเผือดไร้ชีวิตชีวา
“แกเป็นยังไงบ้างมิ?”
“ก็ดีขึ้นแล้วล่ะ แกล่ะ แกเลิกกับเขาหรือยัง?” คำถามของเจ้าหล่อนตรงประเด็น คล้ายกับว่านี่เป็นเรื่องเดียวเท่านั้นที่เจ้าหล่อนต้องการรู้ และต้องการได้ยินจากปากของฉัน
หากเป็นวันปรกติ... เพียงแค่ไม่กี่สัปดาห์ก่อนหน้านี้ ฉันคงหลีกเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่อง “เขา” กับเจ้าหล่อนจนสุดความสามารถ ด้วยมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องส่วนตัวของฉัน เป็นเรื่องที่เจ้าหล่อนไม่ได้มีหน้าที่ที่จะต้องมารับรู้
แต่ในวันนี้... ทุกอย่างเปลี่ยนไปแล้ว เพื่อนสาวคนนี้กุมความลับบางอย่างเกี่ยวกับตัวเขาที่ฉันไม่รู้ และอาจจะไม่มีวันรู้จากปากของเขา
“มิ เธอรู้อะไรเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้นบ้าง?”
หากตาของฉันไม่ฝาดไป เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันตัวสั่น หล่อนสั่นคล้ายกับมันเป็นปฏิกิริยาที่หล่อนไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้เมื่อได้ยินชื่อเขา
“มิ... ได้โปรด บอกฉัน... บอกฉันได้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้น? เขาเป็น... เขาทำอะไร? และทำไมแกถึงเป็นแบบนี้? ทำไมแกถึงต้องห้ามไม่ให้ฉันอยู่ใกล้เขา?”
“ถ้าฉันบอกแกได้นะจิต ฉันจะบอกแกทุกอย่าง ไม่เคยมีเรื่องไหนที่ฉันอยากจะปิดบังแก โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องที่เกี่ยวกับความปลอดภัยของแก”
“คุณลิลิตขู่ว่าจะทำร้ายฉันอย่างนั้นหรือ?” ฉันถามออกไป... เมื่อหล่อนไม่บอกออกมาเอง ฉันก็จะเป็นคนถามเอง
เพื่อนสาวร่วมห้องของฉันส่ายศีรษะช้าๆ “ข้อนี้เธอต้องรู้ดีอยู่แล้วนี่จิต ลิลิตไม่ขู่ใคร”
“เธอหมายความว่ายังไง?”
“ลิลิตไม่ขู่ใครจิต เธอไม่ได้ขู่ฉัน และเธอจะไม่ขู่แก”
“แต่เธอทำร้ายแก?” ฉันถามต่อ และได้เห็นว่าไหล่ของเพื่อนสาวสั่นอย่างระงับไม่ได้ คราวนี้มันชัดเจนจนฉันมั่นใจว่าตาไม่ฝาด
“เขาทำอะไรแก มิ? บอกฉันสิ บอกฉันมา”
“ฉันบอกแกไม่ได้จริงๆ จิต ฉันบอกแล้วว่าถ้าฉันบอกได้ฉันจะบอกแกทุกอย่าง”
“ประ...” ฉันหยุดปากตัวเองไว้ก่อนที่จะเอ่ยชื่อของเขาคนนั้นออกมาเมื่อเห็นอาการเสียขวัญของเพื่อนสาว “เขาทำร้ายแกด้วยใช่ไหม? เขาอยู่กับลิลิตหรือเปล่า?”
คราวนี้เพื่อนของฉันสั่นศีรษะอีกครั้ง
“เขาไม่ได้ทำอะไรแก?” ฉันถามย้ำอีกครั้ง และคราวนี้เจ้าหล่อนพยักหน้ารับ ฉันถึงถามอีก “เขาไม่ได้อยู่กับลิลิต?” เจ้าหล่อนพยักหน้าอีกครั้ง
“แล้วทำไมแกถึงบอกฉันว่าเขาอันตรายล่ะมิ เพราะว่าลิลิตงั้นหรือ? เพราะลิลิตจะทำร้ายทุกคนที่อยู่รอบๆเขาใช่ไหม?”
เป็นอีกคำถามที่ฉันได้รับการสั่นศีรษะเป็นคำตอบ
จิตใจของฉันแทบจะหยุดเต้นไปเสียเฉยๆด้วยความเหนื่อยล้ากับการเค้นเอาคำตอบจากผู้คนรอบตัว ไม่ว่าจะเป็นคนรักหรือเพื่อน ทั้งสองต่างมีลับลมคมในจนฉันไม่สามารถจะ ‘ล้วง’ เอาข้อมูลอะไรจากพวกเขาได้เลย
ทั้งที่ไม่เคยคิดจะเปิดเผยความรู้สึกให้เพื่อนร่วมห้องจอมจุ้นคนนี้ได้รับรู้ แต่วันนี้ฉันกลับรู้สึกถึงความอึดอัดในหัวใจ ความต้องการที่จะให้ใครสักคนรับฟังความรู้สึกของฉัน และช่วยหาทางออกให้ปัญหาที่ดูเหมือนทางตันนี้
ฉันร้องไห้...
ไม่ได้ร้องไห้เพราะความรักที่ซับซ้อนวกวนหาทางออกไม่ได้ ไม่ได้ร้องไห้ด้วยเหตุผลเดียวกับนางเอกนิยายหลายๆคนที่ใครๆซาบซึ้งต่อน้ำตาของพวกหล่อน ฉันร้องไห้เพราะความสงสัยที่มีจนแทบล้นหัวอกนี้มันมีมากเสียจนฉันไม่สามารถจะกลั่นออกมาเป็นคำพูดใดๆได้ และถึงแม้ฉันจะสามารถเสกสรรคำพูดหรือคำถามใดๆออกมาได้ มันก็ชัดเจนว่าฉันคงไม่ได้รับคำตอบใดๆกลับมา...
“มิ แกรู้ไหมว่าตอนนี้ฉันเหมือนใจจะขาด ทุกคนกลายเป็นอะไรกันไปหมด ทำไมถึงไม่บอกความจริงกับฉัน บอกฉันสิ! บอกให้ฉันรู้หน่อยว่าเกิดอะไรขึ้น! ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด? ฉันอยากจะแก้ปัญหานี้ไปพร้อมๆกับทุกคน อยากให้ไอ้เรื่องยุ่งยากนี่มันจบลงซักที ถ้าฉันรู้ความจริง ฉันอาจจะรู้สึกว่าตัวเองควรจะจากเขาไป หรืออาจจะรู้ว่าตัวเองควรต้องสู้กับผู้หญิงบ้าๆคนนั้นเพื่อให้ได้เขามา หรืออาจจะรู้ว่าตัวเองต้องทำอะไรซักอย่าง ไม่ใช่นั่งงมเหมือนคนโง่อยู่อย่างนี้ ในขณะที่ไม่มีใครยอมบอกฉันซักคนว่ามันเกิดอะไรขึ้น”
“จิต ฉันอยากบอกเธอเหลือเกิน...”
“ถ้างั้นก็บอกฉันสิ!”
“ฉันทำไม่ได้” เพื่อนสาวร่วมห้องหลบสายตาของฉัน... สายตาที่ต้องการจะสื่อให้หล่อนรู้ว่าฉันต้องการรับรู้ความจริงมากแค่ไหน...
“บอกอะไรให้ฉันฟังก็ได้ เธอจะโกหกก็ได้ แต่บอกฉันหน่อยเถอะ อย่าปล่อยให้ฉันโง่งมอยู่อย่างนี้เลย”
เจ้าหล่อนเงยหน้าขึ้นสบตาฉันอีกครั้ง... ฉันมองเห็นความหวาดกลัวและหวาดหวั่นอยู่ในดวงตาของเจ้าหล่อน แต่ในขณะเดียวกันสายตานั้นก็บ่งบอกถึงความแน่วแน่และความจริงใจ ที่ทำให้ฉันรู้สึกว่าหากมีใคร... แม้แต่เขา พูดอะไรสักอย่างที่ขัดกับคำพูดของเจ้าหล่อน ฉันก็เลือกที่จะเชื่อเพื่อนสาวคนนี้ และพร้อมที่จะคิดว่าคนอื่นๆเป็นคนโกหก แม้ว่ามันจะทำให้จิตใจของฉันต้องเจ็บปวดก็ตาม
“จิตรา ฟังฉันดีๆนะ นี่เป็นสิ่งเดียวที่ฉันบอกเธอได้ ฉันเคยบอกเธอแล้ว แต่ฉันก็จะบอกเธออีกครั้ง ‘เขา’ เป็นคน... เป็น... เป็นสิ่งที่อันตราย และ...” ไหล่ของเจ้าหล่อนไหวเมื่อพูดประโยคต่อมา “ล... ลิลิตก็อันตรายไม่ได้น้อยไปกว่ากันเลย ถ้าแกไม่อยากจะกลายเป็นแบบฉัน แกต้องอยู่ให้ห่างจากพวกเขา แกต้องไปให้ไกลจากที่นี่ นี่แหละคือสิ่งที่ฉันบอกแกได้”
ความคิดเห็น