คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Part XIII
Part XIII
“ใช่! ความต้องการของคุณพ่อผมขัดไม่ได้ ตัวผมอาจจะอยู่กับคุณไปตลอดกาลลิลิต แต่ใจของผมจะอยู่ที่ผู้หญิงอีกคนหนึ่ง... จะอยู่ที่เธอคนนั้นตลอดกาล และไม่ว่าความต้องการของใครก็พรากใจของผมจากเธอคนนั้นไม่ได้!”
คำพูดนั้นแม้มีอานุภาพมากพอที่จะทำให้หัวใจของฉันเต้นแรงได้ หากแต่มันก็ยังไม่มากพอที่จะทำให้ฉันลืมข้อเท็จจริงข้อที่ว่าเขาได้สาบานต่อหน้าพระเจ้าว่าจะอยู่กับหญิงสาวอีกคนหนึ่งไปจนกว่าชีวิตจะหาไม่ลงได้
และที่สำคัญที่สุด... ผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่ฉัน!
เสียงพูดคุยยังคงดังอยู่เป็นระยะ และแม้เจ้าของเสียงจะมิได้ตั้งใจให้ใครๆได้ยินบทสนทนานั้น แต่มันก็ดังมากพอที่ฉันจะได้ยินทุกคำพูดของเขาและหล่อน...
“ผู้หญิงคนนั้นรักคุณตอบด้วยหรือคะ?”
“ผมเชื่อว่าเธอรักผม” น้ำเสียงของเขายังคงหนักแน่น
“เชื่อ?... เธอไม่ได้บอกว่า ‘รัก’ คุณหรอกหรือคะ?”
“บางครั้งความรักก็ไม่สามารถแสดงออกได้ด้วยคำพูดหรอกนะลิลิต” เสียงที่พูดนั้นราบเรียบทว่ามั่นคง และแล้วเขาก็ถอนหายใจคล้ายว่าได้ตัดสินใจบางอย่างอย่างเด็ดขาดแล้ว “ความรักน่ะ แสดงออกได้ด้วยการกระทำมากกว่า และผมก็เชื่อว่าการกระทำของเธอคนนั้นแสดงให้เห็นว่าเธอรักผม”
เสียง “เฮอะ” แหลมขึ้นจมูกดังขึ้น
“แล้วคุณคิดว่าการบอกรักทางอ้อมด้วยการแสดงออกของคุณจะทำให้ผู้หญิงคนนั้นทราบได้หรือคะ ว่าคุณรักเธอ... บางทีผู้หญิงคนนั้นอาจให้คุณได้เพียงแค่ความเป็นเพื่อนก็ได้ ต่างจากฉัน ฉันต่างหากที่เป็นทุกอย่างของคุณ เข้าใจคำพูดของคุณแม้ว่าคุณจะไม่ได้พูดมันออกมา”
“ผมรู้ว่าคุณทำได้ลิลิต การรู้เรื่องที่คนอื่นกำลังคิดโดยที่เขาไม่ได้พูดออกมาน่ะเป็นความสามารถพิเศษของคุณ และผมก็รู้ว่าผู้หญิงคนนั้นอาจจะทำไม่ได้ แต่สิ่งที่คุณทำได้มันก็แค่... แค่รู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ คุณเข้าใจผมไม่ได้ คุณไม่เคยเข้าใจสักนิดว่าความคิดของผมพยายามจะสื่ออะไรกับคุณ”
“ฉันอาจเข้าใจคุณถ้าคุณจะให้โอกาสฉันสักครั้ง!”
เสียง “หึ” ที่มีสำเนียงประชดประชันดังขึ้น
“หรืออย่างน้อย... ให้โอกาสฉันอีกสักครั้งนะคะประกาศิต” น้ำเสียงของเจ้าหล่อนเปลี่ยนมาเป็นเว้าวอนอ่อนหวานอีกครั้ง... น้ำเสียงนั้นหวานและชวนเคลิบเคลิ้มเสียจนฉันกลัวเหลือเกินว่ามันจะทำให้เขาทำตามที่หล่อนต้องการ
แม้ว่าฉันจะยังไม่สามารถทำใจได้กับความสัมพันธ์ของเขาและหล่อน แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกทำใจได้กับการสูญเสียเขาไปเลย...
“คุณทิ้งโอกาสนั้นไปเองลิลิต และตอนนี้ถึงแม้ว่าผมจะต้องการให้โอกาสคุณแค่ไหน ผมก็ไม่สามารถจะทำได้ เพราะหัวใจของผมไม่มีที่ว่างให้คุณอีกต่อไปแล้ว”
เสียงถอนหายใจยาวดังขึ้นอีกครั้ง
“กลับไปซะเถอะลิลิต ยังไงคุณก็ไม่มีวันได้ตัวผมกลับไปหรอก และยังไงคุณก็จะไม่มีวันได้ใจผม... ตลอดกาล”
“ถ้าอย่างนั้นล่ะก็... ขอให้คุณรู้ว่าถ้าฉันไม่ได้ ‘ตัว’ และ ‘ใจ’ ของคุณกลับไป ก็จะไม่มีวันที่ใครคนไหนจะได้ ‘ตัว’ ของคุณไปเลย จำไว้!”
ฉันถอยห่างออกจากบานประตู และกลับไปนั่งแปะลงกับเก้าอี้ของตนเอง บทสนทนาอันแสนโหดร้ายยังคงดังก้องอยู่ในโสตประสาท
ไม่นานนักเสียงเปิดประตูจากห้องทำงานของเขาก็ดังขึ้น พร้อมกับที่ร่างสูงโปร่งเจ้าของวงหน้าแสนสวยหวานสนิทจะก้าวออกมา เมื่อหล่อนสังเกตเห็นฉันหล่อนก็ผงะไปอย่างตกใจ ก่อนจะส่งเสียงทักเมื่อเริ่มปรับสีหน้าได้แล้ว
“อ้าว คุณจิตรา... เพิ่งมาถึงหรือคะ เมื่อเช้าฉันมาก็ไม่เห็นคุณเลย”
แม้น้ำเสียงนั้นจะหวานกังวานสดใสดังเคย แต่ฉันก็จับสำเนียง ‘ฝืด’ และ ‘เฝื่อน’ ที่หล่อนพยายามที่จะปิดบังได้
“ค่ะคุณลิลิต ฉันเพิ่งมาถึงเมื่อไม่ถึงไม่ทันจะถึงนาทีเลยค่ะ” ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมจะต้องโกหก แต่ฉันก็พูดต่อไปด้วยน้ำเสียงที่พยายามทำให้แจ่มใสมากพอๆกับหญิงสาวผู้นั้น
“เผอิญว่าปวดศีรษะน่ะค่ะคุณลิลิต ก็เลยมาทำงานสาย แล้วคุณลิลิตล่ะคะ มานานแล้วหรือคะ?” ฉันตอบกลับไป และรู้สึกว่าความ ‘ฝืด’ และ ‘เฝื่อน’ ในน้ำเสียงของหญิงสาวผู้นั้น แท้จริงแล้วหาได้ถึงครึ่งของความรู้สึกเช่นเดียวกันในจิตใจของฉันเลย
ความรู้สึกอันแสนร้าวรานนั้นบีบคั้นหัวใจราวกับจะทำให้มันสลายลง!
“ค่ะ ฉันมาตั้งแต่เช้าแล้ว แวะมาคุยกับประกาศิต ตอนนี้กำลังจะกลับแล้ว” เจ้าหล่อนตอบเสียงเรียบผิดกับปรกติ ริมฝีปากของหญิงสาวผู้นั้นมิได้เหยียดเป็นรอยยิ้มอย่างเคย แต่กลับถูกเม้มไว้แน่น
ท่าทีของหล่อนทำให้ฉันรู้สึกเห็นใจ... หล่อนคงรู้สึกไม่ต่างจากฉัน... รู้สึกเสียใจ เจ็บปวด ถูกทอดทิ้งและถูกทำร้าย
เมื่อคิดได้เช่นนั้นฉันจึงพยายามที่จะแสดงน้ำใจกับหล่อน
“คุณลิลิตจะดื่มอะไรก่อนออกไปไหมคะ ฉันจะไปเอามาให้”
เจ้าหล่อนคลายริมฝีปากที่เม้มไว้ออก ก่อนที่จะคลี่ยิ้มแปลกประหลาดที่ดูขื่นขม
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ... แหม เสียดายจังนะคะ วันนี้ฉันจะกลับแล้ว ไม่อย่างนั้นคงได้คุยกับคุณจิตราอีก” เจ้าหล่อนพูดด้วยน้ำเสียงที่ชวนให้เชื่อว่าหล่อนเสียดายจริง แต่แล้วก็บอกลาด้วยน้ำเสียงสดใส หากแต่ฟังแล้วห้วนสั้นนัก และเดินจากไป
ฉันหอบแฟ้มงานที่ทำเสร็จไปยังห้องทำงานของเขา หวังจนล้นใจว่าวันนี้อาการหมางเมินอันแสนจะอึดอัดนั้นจะหายไป และหวังยิ่งกว่าที่จะได้ฟังเรื่องราวทั้งหมดจากปากของเขา... เรื่องราวระหว่างเขาและหล่อนที่เขาปิดบังไว้ ไม่เคยบอกให้ฉันรู้
“ฉันเข้าไปได้ไหมคะ?”
ไม่มีเสียงตอบรับจากเขา หากแต่สิ่งที่ฉันได้รับแทนคำอนุญาตนั้นคือเขาที่เดินมาเปิดประตูต้อนรับฉันด้วยตนเองพร้อมกับคำถาม
“คุณมาถึงนานแล้วหรือ?”
คำถามเดียวกับที่หญิงสาวผู้นั้นถามฉัน... ริ้วรอยกังวล หวาดกลัวและสับสนฉายชัดอยู่ในแววตาของเขา
ฉันพยักหน้าแทนคำตอบ และนั่นยิ่งทำให้ใบหน้าของเขาดูตื่นตระหนก กระนั้นเขาก็ยังคงทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นและถามฉันด้วยน้ำเสียงราบเรียบเย็นชา
“คุณมีอะไรหรือเปล่า?”
แม้น้ำเสียงนั้นยังคงเย็นชา แต่ฉันก็ดีใจที่อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำเหมือนฉันไม่มีตัวตนอีกต่อไป และอย่างน้อยเขาก็ยังอุตส่าห์เดินมาเปิดประตูให้ฉัน ทั้งๆที่เขาไม่จำเป็นต้องทำเช่นนั้นเลย
“ฉัน...เอ่อ”
“คุณมีธุระอะไรหรือเปล่า?”
“ฉันได้ยินคุณพูดกับคุณลิลิต” เมื่อคำพูดนั้นหลุดออกจากปากไปแล้ว ฉันก็รู้สึกเหมือนยกภูเขาออกจากอก
“คุณได้ยินอะไรบ้าง?”
สีหน้าของเขาในยามนี้เหมือนกับวันที่ฉันคาดคั้นเขาเรื่องหญิงสาวในร้านไอศกรีมไม่มีผิด... เขาก้มหน้าลง ซ่อนแววตาว้าวุ่น กังวล และพร้อมที่จะปิดบังเรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดไว้ไม่ให้ฉันรู้ แต่ทว่าวันนี้ฉันรู้เรื่องทั้งหมดแล้ว!
“คุณกับคุณลิลิต... คุณลิลิตเป็นภรรยาของคุณหรือคะ?”
ประโยคคำถามตรงๆไม่อ้อมค้อมนั้นทำให้เขาเงยหน้าขึ้นและสบตาฉันด้วยความสำนึกผิด แต่ในขณะเดียวกันก็ดูกร้าวคล้ายคำพูดของฉัน ‘แทงใจ’ ของเขาอย่างรุนแรง
“มันไม่ใช่ธุระของคุณเลย... คุณไม่ควรแอบฟังเรา”
“ฉันขอโทษค่ะ... ฉันไม่ได้ตั้งใจเลย” คำโกหกนั้นไม่แนบเนียนนัก และฉันก็ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดตัวเองจึงพูดออกไปแบบนั้น
เขาถอนหายใจเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ของวันนี้ และปรายตามามองฉันด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก ก่อนจะเอ่ยขึ้น
“บอกผมมาว่าคุณได้ยินอะไรไปบ้าง”
จากวินาทีนั้นบางสิ่งที่อธิบายไม่ได้ก็เกิดขึ้น ทุกระบบในร่างกายของฉันคล้ายถูกควบคุมด้วยพลังงานที่มองไม่เห็น... ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนับตั้งแต่เดินเข้ามาในสำนักงานปรากฏขึ้นในสมองคล้ายกับภาพยนตร์ เสียงของบุคคลทั้งสองสนทนากันดังก้องในหู... คำพูดที่เป็นเสมือนพุ่งเข้าทิ่มแทงทุกอณูในหัวใจ
และแล้วฉันก็เริ่มเล่าเรื่องทั้งหมดให้เขาฟังด้วยความรู้สึกเลื่อนลอยคล้ายอาการของคนที่กำลังละเมอ ความรู้สึกเจ็บปวดสาหัสหายไป...
เขานั่งฟังเรื่องราวฉันเล่าด้วยอาการสงบ ไม่มีสีหน้าสำนึกผิดหรือกังวลใจใดๆให้เห็นอีกต่อไป... และทันทีที่เล่าเรื่องทั้งหมดจบลง ฉันก็รู้สึกกลับมาเป็นตัวของตัวเองอีกครั้ง และความเจ็บปวดก็กลับมา!
“ผมขอโทษด้วยที่ทำให้คุณต้องมารับรู้เรื่องส่วนตัวของผม”
“ไม่เป็นไรหรอกค่ะ ฉันเองก็ขอโทษที่บังเอิญได้ยินเรื่องส่วนตัวที่คุณคงไม่อยากให้รู้”
ฉันหัวเราะขื่นๆ กล้ำกลืนความรู้สึกอันแสนจะเจ็บปวดลงให้ลึกไปจนสุดขั้วหัวใจ ก่อนจะถามคำถามที่หัวใจอยากรู้มากที่สุดออกไป
“คุณบอกว่ามีผู้หญิงคนหนึ่งที่คุณจะฝากหัวใจไว้กับเธอตลอดไป บอกฉันได้ไหมคะ ว่าผู้หญิงคนนั้น... ใช่ฉันหรือเปล่า?”
หัวใจของฉันเต้นไม่เป็นจังหวะ รอคอยคำตอบจากปากของเขา ทั้งๆที่รู้ว่าไม่ว่าคำตอบนั้นจะออกมาว่า ‘ใช่’ หรือ ‘ไม่ใช่’ หัวใจของฉันก็จะต้องเจ็บช้ำพอๆกัน!
ความคิดเห็น