คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : Part X
Part X
เวลาเช้าไม่สดใสดังที่เคยเป็น... และฉันก็ไม่คิดจะค้นหาคำตอบว่าเป็นเพราะเหตุใด เช้าวันนี้จึงดูเงียบเหงาและไร้ชีวิตชีวาถึงเพียงนี้ ทั้งที่กลิ่นกาแฟและขนมปังปิ้งที่คุ้นเคยยังคงส่งกลิ่นหอม และแสงแดดจัดในยามสายก็สาดส่องเข้ามาในสำนักงานดังเดิม...
อาจเป็นเพราะวันนี้ไม่มีรอยยิ้มที่แสนอ่อนโยนและสดใสจากเขา หรืออาจเป็นเพราะผู้หญิงชื่อไทยแต่หน้าฝรั่งคนนั้นปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งในเช้าวันนี้... พร้อมกับเขา
“สวัสดีค่ะคุณจิตรา มาทำงานเช้าจังเลยนะคะ” คำพูดทักทายเรียบง่ายนั้นดังขึ้นทันทีที่เจ้าของเสียงเดินผ่านประตูเลื่อนอัตโนมัติเข้ามาในสำนักงาน และมาหยุดอยู่ที่หน้าโต๊ะทำงานของฉัน
เขาเดินตามหญิงสาวผู้นั้นเข้ามา และมองมาที่ฉัน... สายตาที่เคยมองฉันด้วยความรู้สึกอันแสนหวานนั้นเปลี่ยนแปลงไป อารมณ์ขุ่นมัว และความกังวลลึกล้ำปรากฏอยู่ในดวงตาคู่นั้น แม้แต่คำทักทายอ่อนหวานที่เขาเคยพูดกับฉันในทุกๆเช้านั้นก็กลับหายไป
“ลิลิต นี่คุณจิตรา เลขาของผม” คำแนะนำนั้นห้วนสั้นจนฉันไม่แน่ใจว่า ประโยคแนะนำนั้นเป็นไปตามมารยาท หรือเขาต้องการจะให้ฉันและหญิงสาวผู้นั้นรู้จักกันจริงๆ
“ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งค่ะ” หล่อนกล่าวพร้อมส่งรอยยิ้มหวานมีสเน่ห์มาให้ฉัน “ฉันอยากให้ประกาศิตช่วยออกแบบสวนที่บ้านให้หน่อยน่ะค่ะ วันนี้ก็เลยขอตามมาที่ทำงาน เผื่อจะได้ไอเดียอะไรบ้าง”
แต่แล้วเมื่อสายตาเคียดขึ้งของเขามองมา เจ้าหล่อนก็หัวเราะเสียงใส ก่อนจะเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงหยอกเย้า “เรื่องสวนก็แค่เหตุผลหนึ่งเท่านั้นล่ะค่ะ แต่จริงๆฉันอยากมาหาประกาศิตมากกว่า อยากรู้จังว่าที่ทำงานเขาเป็นยังไงบ้าง วันๆเขาทำอะไรบ้าง... หวังว่าคุณจิตราจะไม่รำคาญฉันนะคะที่ฉันจะมาเดินไปเดินมาอยู่ที่นี่ทั้งวัน”
“ไม่หรอกค่ะ เชิญคุณลิลิตตามสบาย”
เมื่อฉันส่งยิ้มให้ หญิงสาวผู้นั้นก็ทำท่าดีใจคล้ายกับเด็กได้ของเล่น และยังส่งค้อนหนึ่งวงไปยังเขาที่ยืนอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลด้วย
“คุณจิตราใจดีจังค่ะ ไม่เหมือนประกาศิตเลย รายนี้น่ะพอฉันบอกว่าจะขอมาที่ทำงานด้วยก็ปฏิเสธเป็นพัลวันเลยเชียว อย่างกับว่าซ่อนอะไรไว้ที่นี่อย่างนั้นแหละ คุณจิตราพอจะทราบมั้ยคะว่าประกาศิตมีอะไรซ่อนอยู่ที่นี่หรือเปล่า”
“ไม่ทราบหรอกค่ะ”
“นั่นสินะคะ... ไม่น่าถามคุณจิตราเลย ขนาดฉันยังไม่รู้แล้วคุณจิตราจะรู้ได้ยังไงกัน... ฉันไม่รบกวนล่ะค่ะ ไปนั่งอ่านหนังสือเล่นทางนั้นดีกว่า คุณจิตราจะได้ทำงาน”
หญิงสาวผู้นั้นเดินไปนั่งที่โต๊ะรับแขกในห้องที่แยกออกไปอีกห้องหนึ่ง ในขณะที่เขายังคงยืนอยู่ที่เดิมและแลมองไปยังหล่อน ฉันมองไปที่เขา หวังว่าจะมีคำพูดอะไรซักคำที่น่าฟัง และอธิบายให้ฉันได้รู้สักนิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างเขาและผู้หญิงคนนี้เป็นอย่างไร หล่อนอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเขา หรืออย่างน้อยบอกฉันสักคำว่าฉันไม่ได้ทำอะไรผิด และเขาเสียใจที่ทำให้ฉันเป็นกังวล
และอาจจะดีหากเขาจะบอกฉันสักนิดว่าฉันอยู่ในฐานะอะไรสำหรับเขา และหากจะให้ดีขึ้นอีกนิด ฉันก็อยากจะได้รับรู้ว่าความรู้สึกของฉันไม่ใช่การคิดไปคนเดียว
แต่ค่าตอบแทนสำหรับความหวัง... คือความผิดหวัง!
เขาไม่ได้พูดอะไรที่น่าฟัง ไม่แม้แต่จะมองกลับมาหาฉัน...
“คุณอยากได้อะไรก็บอกเลขาของผมแล้วกันนะ ผมจะไปทำงาน” พูดจบ เขาก็เดินหายเข้าไปในห้องทำงานส่วนตัว ทิ้งให้ฉันเผชิญหน้ากับหญิงสาวผู้มีชื่อแสนแปลกผู้นั้นแต่เพียงลำพัง
***
วันทำงานอันแสนน่าเบื่อใกล้จะผ่านพ้นไป... แต่งานที่กองอยู่ตรงหน้าฉันดูจะมากมายจนไม่มีวันที่จะหมดไปได้เลย ในเมื่อสมาธิของฉันไม่ได้จดจ่ออยู่ที่ภาระหน้าที่นี้เลยแม้แต่น้อย หากแต่มันกลับจดจ่ออยู่ที่ ‘เขา’ และ ‘หล่อน’
หญิงสาวชื่อไทยหน้าฝรั่งคนนั้นรักษาคำพูดของหล่อน หญิงสาวผู้นั้นนั่งอ่านหนังสือที่โต๊ะรับแขกเงียบๆ และไม่ได้รบกวนฉันแต่อย่างใด หล่อนนั่งเงียบจนเหมือนไม่มีตัวตนและฉันก็พอใจที่เป็นเช่นนั้น
เมื่อใกล้ๆเที่ยงหล่อนจึงออกมาจากห้องรับแขก ตรงไปยังห้องทำงานของเขา และออกมาอีกครั้งเพื่อไปรับประทานอาหารกลางวันข้างนอกพร้อมกับเขา... ทิ้งฉันไว้ที่นี่เพียงผู้เดียว
เป็นอีกครั้งที่ฉันรู้ตัวว่าฉันลืมการอยู่เดียว และเกลียดมันมากเพียงใด ทั้งที่ก่อนที่จะได้พบเขา ฉันใช้เวลาเกือบทั้งหมดอยู่กับตัวเอง และไม่เคยที่จะรู้สึกโดดเดี่ยวเลยสักครั้ง แต่ในวันนี้เพียงแค่การกินอาหารคนเดียวเพียงแค่หนึ่งมื้อก็แทบจะทำให้ฉันเป็นบ้าด้วยความรู้สึกแสนเหงา
ฉันเลือกที่จะนั่งอยู่ที่เดิมและทำงานต่อไป ละเลยหน้าที่การรับประทานอาหารกลางวัน ความต้องการอาหารดูเหมือนจะหายไปเมื่อความกังวลเข้ามาแทนที่ และหลังจากที่นั่งทำงานอยู่ครู่ใหญ่ๆคนทั้งคู่ก็กลับเข้ามาในสำนักงานอีกครั้ง และหญิงสาวผู้นั้นก็หายเข้าไปในห้องทำงานของเขา และหล่อนไม่ได้เดินออกมาอีกเลย
เสียงพูดคุยและเสียงหัวเราะคิกคักของผู้หญิงคนนั้นดังลอดออกมาจากห้องทำงานของเขาเป็นระยะๆ ชวนให้หงุดหงิดนัก... ฉันนึกสงสัยอยู่ครามครัน เขาได้หัวเราะไปกับบทสนทนาของหญิงสาวผู้นั้นหรือไม่? หรือมีเพียงเจ้าหล่อนที่มีความสุขกับการสนทนานั้น?
และไม่นานฉันก็ได้รับคำตอบเมื่อทั้งสองเดินออกมาจากห้องทำงานของเขาด้วยสีหน้าที่แสดงอารมณ์ต่างกันอย่างสิ้นเชิง... หญิงสาวผู้นั้นส่งยิ้มมาให้ฉันด้วยอารมณ์แสนเบิกบาน ดวงตาของหล่อนสะท้อนกับแสงอาทิตย์เป็นประกาย ในขณะที่เขายังคงดูเครียดขรึมและหม่นมัว เช่นเดียวกับที่ฉันเห็นเมื่อตอนเช้าและตอนกลางวัน
“คุณจิตราคะ ฉันรู้แล้วล่ะค่ะว่าจัดสวนยังไงดี... คิดไม่ผิดจริงๆที่อุตส่าห์มาขอคำปรึกษาจากประกาศิตถึงที่นี่ ขอบคุณนะคะที่ไม่บ่นรำคาญฉันเลย” หล่อนทำหน้าอายๆเมื่อพูดต่อ “ประกาศิตชอบหาว่าฉันเป็นคนน่ารำคาญ เขาพูดบ่อยจนฉันแทบจะเชื่ออยู่แล้วล่ะค่ะ”
ฉันยิ้มเก้อๆแทนคำตอบ
“ฉันดีใจจังเลยค่ะ ในที่สุดบ้านฉันจะได้สวยสมใจซักที... รู้ไหมคะ เรื่องสวนนี่สำคัญมากนะคะ มันจะต้องเป็นสถานที่ที่ทำให้เราได้เห็นในสิ่งที่เราอยากเห็น และเป็นที่ที่จะทำให้เราไม่ได้เห็นในสิ่งที่ไม่อยากเห็น” น้ำเสียงของเจ้าหล่อนจริงจัง
“ดีใจด้วยนะคะคุณลิลิต” ฉันตอบเรียบๆ นึกไม่ออกว่าตัวเองควรจะพูดตอบอะไรไปมากกว่านี้
“ค่ะคุณจิตรา... เอ่อ ไม่ทราบว่าเย็นนี้คุณจิตรามีโปรแกรมอะไรหรือเปล่าคะ?”
ฉันมองไปยังเขา... ทุกๆวันฉันไม่เคยที่จะตอบรับคำชวนไปที่ไหนๆของใคร เพราะ ‘โปรแกรม’ ของฉัน ก็คือการไปนั่งรับประทานอาหารเย็นกับเขานั้นเอง หากแต่วันนี้ วันที่เขาไม่แม้แต่จะมองหน้าฉัน ‘โปรแกรม’ นั้นคงจะถูกยกเลิกไปโดยปริยาย และฉันก็คงว่างสำหรับหญิงสาวผู้นี้
“ว่างค่ะ ทำไมหรือคะ?”
“คือย่างนี้ค่ะ” เจ้าหล่อนเริ่มเล่า โบกมือไปมาประกอบคำพูด “ประกาศิตมีสวนอยู่แถบๆชานเมือง เขาออกแบบแล้วก็ตกแต่งเองทุกอย่าง ฉันอยากจำลองสวนนั้นมาไว้ที่บ้านบ้าง”
เจ้าหล่อนพูดไปเรื่อยๆ และเมื่อเห็นดวงตาที่เต็มไปด้วยคำถามของฉัน เจ้าหล่อนถึงอธิบายถึงเหตุผลที่เล่าเรื่องทั้งหมดนี้ “คือว่าฉันอยากจะชวนคุณจิตราไปเป็นเพื่อนน่ะค่ะ คุณเป็นเลขาฯของประกาศิต เขาคงจะต้องการให้คุณช่วยอะไรในการทำงานของเขาบ้าง”
เมื่อมองไปยังเขาอีกครั้ง ก็พบว่าเขามองหน้าหญิงสาวผู้นั้นด้วยอารมณ์โกรธจนตัวสั่น คล้ายกับว่าสิ่งที่หล่อนได้พูดออกไปนั้นช่างร้ายกาจเสียเต็มประดา หากแต่หญิงสาวผู้นั้นยังคงแย้มยิ้มคล้ายกับไม่สนใจอาการของเขาเลย
“โธ่ ประกาศิต... คุณน่าจะเลิกหวงสวนนั่นซะทีนะคะ คุณจิตราก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล ทำไมจะต้องหวงห้ามสวนอีเด็นของคุณไม่ให้เธอเห็นด้วยล่ะคะ?”
และเมื่อเห็นว่าสีหน้าของเขายังคงขุ่นอยู่เหมือนเดิม หล่อนก็ว่าต่อ “ไม่รู้ล่ะ ยังไงๆก็ต้องให้คุณจิตราไปด้วย เข้าใจไหมคะ... เป็นคำสั่งนะคะ ไม่ใช่คำขอร้อง”
บทสนทนาที่มีผู้พูดเพียงคนเดียวนั้น ทำให้ฉันเกิดความรู้สึกหลากหลายที่บอกไม่ถูก ในใจหนึ่งนั้นนึกดีใจ ที่ฉันเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้เห็นสวนสวยที่เขาหวงห้ามไว้สำหรับบุคคล ‘อื่นๆ’ หากอีกใจหนึ่งก็รู้สึกน้อยใจ ที่ยังมีหญิงสาวอีกคนหนึ่งที่ได้รับรู้เรื่องของสวนสวยแห่งนั้น และมิหนำซ้ำ ยังจะรู้มากกว่าฉันเสียอีก
และมากกว่านั้น หล่อนยังเป็นผู้ที่หาญกล้าที่จะจำลองสวนอันเป็นสถานที่หวงห้ามของเขาไปไว้ในบ้านของตนอีกด้วย...
ความสงสัยเกิดขึ้นจนล้นหัวใจ... หล่อนเป็นใคร และเป็นอะไรกับเขาหนอ?
อีกความรู้สึกหนึ่งที่ผุดขึ้นมากลางใจคือความรู้สึกกลัวจนจับใจ... กลัวว่านับแต่นี้เป็นต้นไป ฉันเองก็จะกลายเป็นคนอื่นไปด้วย
และแล้วความสมเพชตัวเองก็ก็มาแทนที่ความสงสัยนั้น... ตลอดเวลาที่ผ่านมา เขาเป็นผู้เอาอกเอาใจและเอาใจใส่ฉันอย่างสม่ำเสมอ และเป็นผู้ที่แสดงออกถึงความรักฉันอย่างสุดซึ้ง ในขณะที่ฉันเองต่างหากที่คล้ายไม่เข้าใจความนัยแห่งการกระทำเหล่านั้นเลย
แต่มาบัดนี้ ฉันกลับเป็นคนที่เจ็บปวดอย่างที่สุด เมื่อเห็นหญิงสาวอีกคนหนึ่งซึ่งได้รับความสนิทสนมจากเขาเขาอย่างมากมายเพียงนี้
“คุณจิตราคะ” เสียงหวานๆของหญิงสาวนามแปลกแสนแปลกคนนั้นดังขึ้น ปลุกฉันขึ้นจากภวังค์ “ตกลงว่าคุณจะไปกับ ‘เรา’ ใช่ไหมคะ?”
คำตอบที่ตอบออกไปนั้นแสนเลื่อนลอยนัก...
“ก็แล้วแต่คุณลิลิตสิคะ... เกรงใจแต่คุณสองคนเท่านั้นเองว่าจะอึดอัดหรือเปล่าถ้าเกิดว่าฉันไปกับคุณด้วย”
“โธ่... ฉันชวนไปเองนี่คะ ไม่อึดอัดหรอกค่ะ”
คำพูดของหญิงสาวผู้นั้นมิได้ซึมซับสู่โสตประสาทของฉันเลยแม้แต่น้อย หากแต่คำพูดคำแรกของบ่ายวันนี้ของเขาต่างหาก ที่ตอกย้ำใจลงที่ใจอันเลื่อนลอยของฉัน จนปวดแปลบไปทั่วทุกอณูของหัวใจ
“แต่ผมอึดอัด... คุณก็รู้ลิลิตว่าผมไม่ชอบให้ใครๆไปที่นั่น!”
ความคิดเห็น