คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : การหมั้นหมาย
บทที่
2 การหมั้นหมาย
“ตอนนี้ท่านหญิงไม่ต้องกังวลอะไรหรอกเพคะ”
ซาลิสบรีรับประกันในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางกลับสู่ลัดโลว์ในวันเช้าที่สดใสของเดือนพฤษภาคม
น้ำค้างเปล่งประกายสะท้อนแสงแดดอยู่บนแนวพุ่มไม้และอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้นานาพันธุ์
“ก่อนจะออกเดินทางกลับฝรั่งเศส
กษัตริย์ฟรานซิสทรงบ่นว่าท่านหญิงตัวเล็กและแบบางจนไม่สามารถแต่งงานได้จนกว่าจะถึงอีกสามปีข้างหน้า
ตอนท่านหญิงอายุสิบสี่ชันษา”
“ตัวเล็กและบอบบาง
– ทรงตรัสว่าอย่างนั้นหรือ” ข้าร้อง “ข้าไม่ต้องพระทัยพระองค์จริงๆ ใช่ไหม
ทำไมถึงไม่ทรงพูดแบบนั้นตั้งแต่ก่อนเราจะให้คำมั่นว่าจะซื่อสัตย์ตอกัน”
“ท่านหญิงทรงต้องพระทัยกษัตริย์เพคะ
พระองค์แค่กังวลว่าท่านหญิงจะไม่ทรงแข็งแรงพอที่จะให้กำเนิดบุตร
แต่ไม่ทรงต้องกังวลไป คำอธิษฐานของหม่อมฉันที่ว่าท่านหญิงควรจะมีเวลามากๆ
ในการเติบโตเป็นสาวเต็มวัยเป็นจริงแล้ว
และใครจะรู้ว่ากว่าจะถึงวันนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”
“ข้าจะไม่แต่งงาน”
ข้าครวญ “ข้าเกลียดผู้ชายที่พระบิดาเลือกให้ข้า และถ้าข้าไม่สามารถทำให้เจ้าถุงลมขี้โม้อย่างฟรานซิสพอใจได้
แล้วใครกันเล่าที่จะพึงใจในตัวข้า”
นี่เป็นการหมั้นหมายครั้งที่สามของข้า
ครั้งแรกนั้นข้าหมั้นหมายกับดอแฟ็ง
พระโอรสองค์โตของกษัตริย์ฟรานซิสคนเดียวกันนี้
มันเกิดขึ้นตอนข้าอายุประมาณสองขวบและยังอาศัยอยู่กับพระบิดาและพระมารดาในปราสาทกรีนิช
เป็นธรรมดาที่ข้าจะจำอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นแทบไม่ได้เลย แต่ซาลิสบรีมักจะบรรยายเหตุการณ์ในครั้งนั้นให้ข้าฟังเสมอ
ทั้งหมดที่ข้าจำได้คือชายตัวใหญ่อุ้ยอ้ายในชุดซาตินสีแดงสดคอยวุ่นวายอยู่กับข้า
– เขาคือคาร์ดินาลวูลซีย์
พระสหายตัวอ้วนของพระบิดาผู้ซึ่งสวมแหวนที่มีอัญมณีสุกใสเป็นประกายเม็ดขนาดเท่าไข่นกกระจิบลงบนนิ้วของข้า
วูลซีย์ผู้มีฟันซี่ใหญ่สีเหลืองและดวงตาสีเทาเย็นชาทำให้ข้ารู้สึกกลัวเสมอ
ข้ายังจำได้อีกว่าข้ามองไปยังพระบิดาและยิ้มให้พระองค์
และพระบิดาก็ยิ้มตอบกลับมา ข้ารักรอยยิ้มของพระองค์เหลือเกิน
ข้ารักการถูกพระบิดาแบกขึ้นบ่าไปรอบๆ
ห้องโถงเอกอย่างภาคภูมิใจในขณะที่ทรงอวดข้าให้ข้าราชบริพารชื่นชมหรือป้อนอาหารชิ้นเล็กๆ
จากจานของพระองค์ให้ข้ากิน พร้อมกับที่พระมารดาขมวดพระขนงใส่เราด้วยความไม่พอใจ
และแล้ว
สี่ปีต่อมาเมื่อข้ามีอายุเกือบหกขวบ
พระบิดาก็ตัดสินพระทัยว่าการให้ข้าแต่งงานกับดอแฟ็งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศอังกฤษ
หรือต่อตัวพระองค์เองมากเท่าที่ทรงคาดหวัง การหมั้นหมายครั้งนั้นจึงล้มเลิกไป
พระมารดาอธิบาย
และซาลิสบรีก็อธิบายว่าตั้งแต่ข้าเกิดมา ข้าก็เป็นบุตรที่มีชีวิตอยู่คนเดียวของพระบิดาและพระมารดา
พระบิดาจึงต้องทรงพิจารณาคู่ครองให้ข้าอย่างถี่ถ้วน
อันที่จริงแล้วพระองค์มิได้ทรงพิจารณา “สามี” ให้ข้าด้วยซ้ำ แต่ทรงพิจารณา
“สนธิสัญญา” จากการแต่งงานต่างหาก สนธิสัญญาเหล่านี้สามารถจะล้มเลิกลงได้ทุกเวลาหากการสมรสที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้น
“ลูกสาวไม่มีค่ามากเท่ากับลูกชายเพคะ”
ซาลิสบรีกล่าว “แต่เจ้าหญิงก็เป็นสิ่งที่มีค่า
พวกนางเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างพันธมิตรระหว่างกษัตริย์และประเทศ
ท่านหญิงต้องไม่ทรงคิดว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องของพระองค์เอง เพราะพระองค์จะไม่มิสิทธิ์เสียงใดๆ
ในเรื่องนี้เลย พระมารดาของพระองค์
องค์ราชินีเองก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเมื่อกษัตริย์เฟอร์ดนานแห่งสเปน
พระบิดาของพระนางหมั้นหมายพระนางให้แก่เจ้าชายเฮนรี่
เรื่องเหล่านี้เป็นงานของผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่เป็นพ่อคน และพ่อคนที่เป็นกษัตริย์ด้วย”
ข้าประท้วงควาคิดนี้ด้วยเสียงอันดัง
พระบิดาทรงรักข้า แน่นอนว่าความสุขในการสมรสของข้าย่อมสำคัญที่สุดสำหรับพระองค์
“ความสุขของท่านหญิงไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เพคะ”ซาลิสบรีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่แสนกวนโมโห
ด้วยความเศร้าใจ
ข้าเรียนรู้ในเวลาต่อมาว่าซาลิสบรีพูดถึง ความสุขของข้าไม่เคยมีความสำคัญเลย
ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม
หลังจากการหมั้นหมายกับดอแฟ็ง
กษัตริย์เฮนรี่ก็ทรงตัดสินใจให้ข้าหมั้นหมายกับลูกพี่ลูกน้องชาวสแปนิชของข้า
เขาคือชาร์ลส์ พระโอรสของพี่สาวของพระมารดา ข้ามีอายุเพียงหกขวบในขณะนั้น
แต่ชาร์ลส์เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสองที่มีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว
เมื่อข้าหมั้นหมายกับชาร์ลส์
ขบวนพยุหยาตราที่สง่างามยิ่งก็ออกเดินทางจากลอนดอนไปยังชายฝั่งเมืองโดเวอร์
พระมารดาและข้านั่งอยู่ในรถม้าหลวง และประชาชนก็เดินทางมาตั้งแถวตามถนนเพื่อส่งเสียงเชียร์และโดยนหมวกของพวกเขาขึ้นไปในอากาศ
และที่โดเวอร์นี่เราก็ได้พบกับชาร์ลส์
ชาร์ลส์นั่งเรือมาจากสเปนพร้อมกับเรืออีกหนึ่งร้อยแปดสิบลำ
พระองค์เดินทางมาถึงโดเวอร์พร้อมกับข้าราชบริพารและคนใช้อีกสองร้อยคน
เมื่อข้าพบชาร์ลส์ บุคลิกลักษณะของพระองค์ก็ทำให้ข้าแปลกใจและพอใจมาก
พระองค์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่แปลกตา
แตกต่างจากชดสักหลาดสีแดงขลิบด้วยขนสัตว์ของพระบิดามากมายนัก
ชาร์ลส์สวมชุดสักหลาดสีดำโดยมิได้สวมเครื่องประดับอื่นใดนอกจากสร้อยสีทองรอบพระศอ
พระองค์มีพระเนตรที่อ่อนโยนและเฉลียวฉลาด แล้วก็ทรงชมข้าเมื่อข้าเล่นเพลงสั้นๆ
บนเปียโนเครื่องเล็กให้พระองค์ฟัง ข้าชอบพระองค์
แม้ว่าจะมีพระชันษาแก่กว่าข้าถึงสิบหกปีก็ตาม
กษัตริย์เฮนรี่ทรงเป็นเจ้าของปราสาทและคฤหาสน์มากมาย
พระองค์ได้จัดเตรียมปราสาทไบรด์เวลล์ หนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดไว้สำหรับการต้อนรับสมเด็จพระจักรพรรดิ
ในระหว่างที่ประทับอยู่ที่อังกฤษหลายเดือน ชาร์ลส์ก็เริ่มสอนให้ข้าเล่นหมากรุก
และแล้วการเยี่ยมเยือนก็จบลง
หนึ่งวันก่อนที่ชาร์ลส์จะขึ้นเรือจากไป
ชาร์ลส์จุมพิตมือข้าและสัญญาว่าจะกลับมาเพื่อเข้าพิธีสมรสกับข้าเมื่อข้าอายุสิบสองปี
– อายุที่เหมาะสำหรับการแต่งงาน
แต่วันหนึ่ง
ประมาณหนึ่งปีกว่าๆ หลังจากการจากไปของชาร์ลส์
มหาดเล็กในชุดสีเขียวและขาวของกษัตริย์ก็มาที่ห้องของข้าพร้อมกับข้อความ
ข้าแกะตราขี้ผึ้งออกและอ่านข้อความ กษัตริย์ทรงปรารถนาที่จะพบข้าเดี๋ยวนี้
พระองค์ลงพระราชลัญจกร ดังที่ทำเสมอ Henricus Rex –
เฮนรี่ กษัตริย์
ข้ารีบสวมกระโปรงชั้นในและวิ่งอย่างเริงร่าไปยังห้องของกษัตริย์
– ผ่านห้องแสดงภาพ ขึ้นบันไดไปยังห้องของกษัตริย์
ผ่านราชองครักษ์ซึ่งต่างส่งยิ้มให้ข้าและโค้งคำนับข้า
ผ่านฝูงชนที่ส่งเสียงดังวุ่นวายขณะรอเข้าพบกษัตริย์เพื่อปรึกษาราชการสำคัญ
ผ่านห้องว่าราชการชั้นนอกที่เหล่าข้าราชการคนสำคัญกำลังสนทนาหารือกัน และผ่านห้องว่าราชการชั้นในที่ที่ปรึกษาใกล้ชิดของกษัตริย์ผงกศีรษะรับรู้การมาถึงของข้า
และในที่สุดข้าก็ไปถึงห้องส่วนพระองค์ กษัตริย์ทรงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้โอ๊กตัวใหญ่
คาร์ดินาลวูลซีย์ยืนอยู่เคียงข้าง
ข้ากลั้นหายใจขณะยอบตัวลงคุกเข่าต่อหน้าพระบิดาและน้อมศีรษะรอรับพรจากพระองค์
ข้าแทบไม่ได้พบพระบิดาผู้ทำหน้าที่ของกษัตริย์อยู่เสมอๆ
ในขณะที่ข้าต้องใช้เวลาอยู่กับพระอาจารย์หลายคนเลย เมื่อข้าพบพระองค์
การพบปะนั้นมักจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน
แต่ครั้งนี้จุดประสงค์ของการพบกันของเราเป็นเรื่องที่จริงจัง
“เจ้าจะต้องเขียนจดหมายถึงชาร์ลส์เดี๋ยวนี้”
พระบิดากลาว
ปากกาขนนก
หลอดหมึก และกระดาษถูกนำมาวางต่อหน้าข้า ข้าปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้
คาร์ดินาลวูลซีย์เหลาปากกาให้ข้าด้วยตนเอง ข้ารอให้พระบิดาบัญชาเนื้อหาที่จะเขียน
“เจ้าจะต้องเขียนจดหมายในภาษาละตินนะ”
นั่นไม่ใช่ปัญหา แม้จะมีอายุเพียงแปดปี ข้าก็มีความชำนาญทั้งในภาษาละตินและอังกฤษ
“แล้วก็กล่าวถึงความรักอย่างลึกซึ้งทีเจ้ามีต่อองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ”
กษัตริย์ทรงสั่ง “บอกใบ้ถึงความโทมนัสที่เจ้ามีเมื่อพระองค์ทรงปรารถนาความพึงใจ –
ไม่สิ ความรักจากหญิงอื่น จากนั้นก็ให้คำมั่นว่าเจ้าจะทุ่มเทกายใจแด่พระองค์
เจ้าทำได้หรือไม่ แมรี่”
“ได้เพคะ
ฝ่าบาท” ข้าตอบ แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์พูดเลยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นความโทมนัส
หรือความรักจากหญิงอื่น แต่ข้าก็ไม่กล้าถาม
ข้าจุ่มปากกาขนนกลงในขวดหมึกและเริ่มเขียน
ในขณะที่พระบิดาเดินกลับไปกลับมาและบอกคำให้ข้าเขียนตาม
กษัตริย์ทรงถอดแหวนออกจากนิ้วของพระองค์เพื่อส่งไปพร้อมกับจดหมายถึงสมเด็จพระจักรพรรดิด้วย
แหวนวงนั้นเป็นแหวนมรกตสีเขียวเข้มขนาดใหญ่
“สีของมรกตจะสะท้อนให้เห็นจิตใจของคู่รัก”
กษัตริย์อธิบาย แม้ว่ามันจะไม่ทำให้ข้าเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยก็ตาม “มันจะเปลี่ยนสีจากเข้มไปเป็นอ่อนหากคู่รักไม่มั่นคงต่อกัน”
ไม่มั่นคงอย่างนั้นหรือ
จากนั้นก็ทรงหันไปหาวูลซีย์
และดูเหมือนจะทรงลืมไปว่าข้าอยู่ที่นั่นด้วย ข้าเดินถอยหลังออกจากห้องของพระบิดา
(“ห้ามหันหลังให้กษัตริย์เป็นอันขาด” ซาลิสบรีสอนข้า “คุกเข่า และคุกเข่าอยู่อย่างนั้นจนกว่ากษัตริย์จะทรงอนุญาตให้ท่านยืน”)
และจากนั้นก็รีบวิ่งไปหาซาลิสบรีเพื่อขอคำอธิบาย
พระพี่เลี้ยงของข้าหยิบหวีเงินขึ้นมาและเริ่มสางผมหยิกเป็นลอนที่ไม่เป็นระเบียบของข้า
“มีข่าวลือมาถึงองค์กษัตริย์เพคะ” นางกล่าวอย่างสงบเงียบ “ว่าชาร์ลส์กำลังคิดจะแต่งงานกับคนอื่น”
“แต่ชาร์ลส์หมั้นกับข้าแล้วนะ”
ข้ากล่าวอย่างไม่พอใจ ขยับตัวหนีจากการสางผมของซาลิสบรี
“พระบิดาของท่านหญิงจะต้องทรงมั่นใจให้ได้ว่าชาร์ลส์จะซื่อสัตย์ต่อพวกเรา”
นางกล่าว
หลายสัปดาห์ต่อมา
ในขณะที่ข้านั่งอยู่กับพระมารดาและนางกำนัลหลายคนเพื่อหัดเย็บผ้า
พระบิดาก็เข้ามาในห้องโดยที่มิได้บอกล่วงหน้าพระพักตร์แดงก่ำด้วยความโกรธ
ดวงตาของพระองค์มีประกายแห่งโทสะ
เหล่านางกำนัลหลบออกไปจากห้องราวกับนกพิราบที่ตื่นกลัว
และข้าก็ยอบตัวลงคุกเข่าและหวังว่าพระองค์จะไม่ได้สังเกตเห็นข้า พระมารดาวางงานปักของพระองค์ไว้ข้างๆ
อย่างนิ่มนวลและลุกขึ้นเพื่อต้อนรับองค์กษัตริย์
“ไอ้พวกคนสเปน!”
พระองค์คำราม “มรกตเปลี่ยนสีจากเข้มไปเป็นอ่อน
ชาร์ลส์ทรยศต่อเราไปแต่งงานกับเจ้าหญิงโปรตุเกส”
พระองค์หันหลังกลับและปิดประตูดังปัง ก่อนจะเดินจากไป
“พระบิดาจะหาสามีคนใหม่ให้ข้าไหมเพคะ”
ข้าถามเมื่อกล้าที่จะพูดแล้ว
“แน่นอนจ้ะ แมรี่
พระองค์จะทำเช่นนั้น” พระมารดาย้ำให้ข้ามั่นใจ “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะลูก”
ข้าหันกลับไปสนใจงานปักต่อ
รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะข้าชอบชาร์ลส์อย่างจริงใจ และข้าก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้สึกดีใจที่ในขณะนั้นอย่างน้อยข้าก็กลับมีอิสระอย่างที่ข้าจะไม่มีวันมีได้อีก
หลังจากการหมั้นหมายกับชาร์ลส์ล้มเลิกไปแล้ว
ข้าก็ไม่ได้ยินการพูดถึงสามีในอนาคตของข้าอีก
แต่ข้ากลับได้รับจดหมายในเรื่องที่ต่างออกไปจากกษัตริย์ ข้าจะได้รับอิสริยายศเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์
ในขณะนั้นข้ามีอายุได้เก้าปี
ความคิดเห็น