ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แมรี่... ราชินีกระหายเลือด

    ลำดับตอนที่ #2 : การหมั้นหมาย

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 60


    บทที่ 2 การหมั้นหมาย

                “ตอนนี้ท่านหญิงไม่ต้องกังวลอะไรหรอกเพคะ” ซาลิสบรีรับประกันในขณะที่เราเริ่มต้นการเดินทางกลับสู่ลัดโลว์ในวันเช้าที่สดใสของเดือนพฤษภาคม น้ำค้างเปล่งประกายสะท้อนแสงแดดอยู่บนแนวพุ่มไม้และอากาศก็เต็มไปด้วยกลิ่นหอมหวานของดอกไม้นานาพันธุ์ “ก่อนจะออกเดินทางกลับฝรั่งเศส กษัตริย์ฟรานซิสทรงบ่นว่าท่านหญิงตัวเล็กและแบบางจนไม่สามารถแต่งงานได้จนกว่าจะถึงอีกสามปีข้างหน้า ตอนท่านหญิงอายุสิบสี่ชันษา”

                “ตัวเล็กและบอบบาง – ทรงตรัสว่าอย่างนั้นหรือ” ข้าร้อง “ข้าไม่ต้องพระทัยพระองค์จริงๆ ใช่ไหม ทำไมถึงไม่ทรงพูดแบบนั้นตั้งแต่ก่อนเราจะให้คำมั่นว่าจะซื่อสัตย์ตอกัน”

                “ท่านหญิงทรงต้องพระทัยกษัตริย์เพคะ พระองค์แค่กังวลว่าท่านหญิงจะไม่ทรงแข็งแรงพอที่จะให้กำเนิดบุตร แต่ไม่ทรงต้องกังวลไป คำอธิษฐานของหม่อมฉันที่ว่าท่านหญิงควรจะมีเวลามากๆ ในการเติบโตเป็นสาวเต็มวัยเป็นจริงแล้ว และใครจะรู้ว่ากว่าจะถึงวันนั้นจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง”

                “ข้าจะไม่แต่งงาน” ข้าครวญ “ข้าเกลียดผู้ชายที่พระบิดาเลือกให้ข้า และถ้าข้าไม่สามารถทำให้เจ้าถุงลมขี้โม้อย่างฟรานซิสพอใจได้ แล้วใครกันเล่าที่จะพึงใจในตัวข้า”

                นี่เป็นการหมั้นหมายครั้งที่สามของข้า

                ครั้งแรกนั้นข้าหมั้นหมายกับดอแฟ็ง พระโอรสองค์โตของกษัตริย์ฟรานซิสคนเดียวกันนี้ มันเกิดขึ้นตอนข้าอายุประมาณสองขวบและยังอาศัยอยู่กับพระบิดาและพระมารดาในปราสาทกรีนิช เป็นธรรมดาที่ข้าจะจำอะไรเกี่ยวกับเหตุการณ์นั้นแทบไม่ได้เลย แต่ซาลิสบรีมักจะบรรยายเหตุการณ์ในครั้งนั้นให้ข้าฟังเสมอ

                ทั้งหมดที่ข้าจำได้คือชายตัวใหญ่อุ้ยอ้ายในชุดซาตินสีแดงสดคอยวุ่นวายอยู่กับข้า – เขาคือคาร์ดินาลวูลซีย์ พระสหายตัวอ้วนของพระบิดาผู้ซึ่งสวมแหวนที่มีอัญมณีสุกใสเป็นประกายเม็ดขนาดเท่าไข่นกกระจิบลงบนนิ้วของข้า วูลซีย์ผู้มีฟันซี่ใหญ่สีเหลืองและดวงตาสีเทาเย็นชาทำให้ข้ารู้สึกกลัวเสมอ

                ข้ายังจำได้อีกว่าข้ามองไปยังพระบิดาและยิ้มให้พระองค์ และพระบิดาก็ยิ้มตอบกลับมา ข้ารักรอยยิ้มของพระองค์เหลือเกิน ข้ารักการถูกพระบิดาแบกขึ้นบ่าไปรอบๆ ห้องโถงเอกอย่างภาคภูมิใจในขณะที่ทรงอวดข้าให้ข้าราชบริพารชื่นชมหรือป้อนอาหารชิ้นเล็กๆ จากจานของพระองค์ให้ข้ากิน พร้อมกับที่พระมารดาขมวดพระขนงใส่เราด้วยความไม่พอใจ

                และแล้ว สี่ปีต่อมาเมื่อข้ามีอายุเกือบหกขวบ พระบิดาก็ตัดสินพระทัยว่าการให้ข้าแต่งงานกับดอแฟ็งไม่ก่อให้เกิดผลประโยชน์ต่อประเทศอังกฤษ หรือต่อตัวพระองค์เองมากเท่าที่ทรงคาดหวัง การหมั้นหมายครั้งนั้นจึงล้มเลิกไป

                พระมารดาอธิบาย และซาลิสบรีก็อธิบายว่าตั้งแต่ข้าเกิดมา ข้าก็เป็นบุตรที่มีชีวิตอยู่คนเดียวของพระบิดาและพระมารดา พระบิดาจึงต้องทรงพิจารณาคู่ครองให้ข้าอย่างถี่ถ้วน อันที่จริงแล้วพระองค์มิได้ทรงพิจารณา “สามี” ให้ข้าด้วยซ้ำ แต่ทรงพิจารณา “สนธิสัญญา” จากการแต่งงานต่างหาก สนธิสัญญาเหล่านี้สามารถจะล้มเลิกลงได้ทุกเวลาหากการสมรสที่แท้จริงยังไม่เกิดขึ้น

                “ลูกสาวไม่มีค่ามากเท่ากับลูกชายเพคะ” ซาลิสบรีกล่าว “แต่เจ้าหญิงก็เป็นสิ่งที่มีค่า พวกนางเป็นเครื่องมืออันทรงพลังในการสร้างพันธมิตรระหว่างกษัตริย์และประเทศ ท่านหญิงต้องไม่ทรงคิดว่าเรื่องการแต่งงานเป็นเรื่องของพระองค์เอง เพราะพระองค์จะไม่มิสิทธิ์เสียงใดๆ ในเรื่องนี้เลย พระมารดาของพระองค์ องค์ราชินีเองก็ไม่มีสิทธิ์ปฏิเสธเมื่อกษัตริย์เฟอร์ดนานแห่งสเปน พระบิดาของพระนางหมั้นหมายพระนางให้แก่เจ้าชายเฮนรี่ เรื่องเหล่านี้เป็นงานของผู้ชาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ชายที่เป็นพ่อคน และพ่อคนที่เป็นกษัตริย์ด้วย”

                ข้าประท้วงควาคิดนี้ด้วยเสียงอันดัง พระบิดาทรงรักข้า แน่นอนว่าความสุขในการสมรสของข้าย่อมสำคัญที่สุดสำหรับพระองค์

                “ความสุขของท่านหญิงไม่เกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้เพคะ”ซาลิสบรีกล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบที่แสนกวนโมโห

                ด้วยความเศร้าใจ ข้าเรียนรู้ในเวลาต่อมาว่าซาลิสบรีพูดถึง ความสุขของข้าไม่เคยมีความสำคัญเลย ไม่ว่าจะในเรื่องใดก็ตาม

                หลังจากการหมั้นหมายกับดอแฟ็ง กษัตริย์เฮนรี่ก็ทรงตัดสินใจให้ข้าหมั้นหมายกับลูกพี่ลูกน้องชาวสแปนิชของข้า เขาคือชาร์ลส์ พระโอรสของพี่สาวของพระมารดา ข้ามีอายุเพียงหกขวบในขณะนั้น แต่ชาร์ลส์เป็นชายหนุ่มอายุยี่สิบสองที่มีตำแหน่งเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิแห่งจักรวรรดิโรมันอันศักดิ์สิทธิ์แล้ว

                เมื่อข้าหมั้นหมายกับชาร์ลส์ ขบวนพยุหยาตราที่สง่างามยิ่งก็ออกเดินทางจากลอนดอนไปยังชายฝั่งเมืองโดเวอร์ พระมารดาและข้านั่งอยู่ในรถม้าหลวง และประชาชนก็เดินทางมาตั้งแถวตามถนนเพื่อส่งเสียงเชียร์และโดยนหมวกของพวกเขาขึ้นไปในอากาศ และที่โดเวอร์นี่เราก็ได้พบกับชาร์ลส์

                ชาร์ลส์นั่งเรือมาจากสเปนพร้อมกับเรืออีกหนึ่งร้อยแปดสิบลำ พระองค์เดินทางมาถึงโดเวอร์พร้อมกับข้าราชบริพารและคนใช้อีกสองร้อยคน เมื่อข้าพบชาร์ลส์ บุคลิกลักษณะของพระองค์ก็ทำให้ข้าแปลกใจและพอใจมาก พระองค์แต่งกายด้วยเสื้อผ้าที่แปลกตา แตกต่างจากชดสักหลาดสีแดงขลิบด้วยขนสัตว์ของพระบิดามากมายนัก ชาร์ลส์สวมชุดสักหลาดสีดำโดยมิได้สวมเครื่องประดับอื่นใดนอกจากสร้อยสีทองรอบพระศอ พระองค์มีพระเนตรที่อ่อนโยนและเฉลียวฉลาด แล้วก็ทรงชมข้าเมื่อข้าเล่นเพลงสั้นๆ บนเปียโนเครื่องเล็กให้พระองค์ฟัง ข้าชอบพระองค์ แม้ว่าจะมีพระชันษาแก่กว่าข้าถึงสิบหกปีก็ตาม

                กษัตริย์เฮนรี่ทรงเป็นเจ้าของปราสาทและคฤหาสน์มากมาย พระองค์ได้จัดเตรียมปราสาทไบรด์เวลล์ หนึ่งในปราสาทที่สวยที่สุดไว้สำหรับการต้อนรับสมเด็จพระจักรพรรดิ ในระหว่างที่ประทับอยู่ที่อังกฤษหลายเดือน ชาร์ลส์ก็เริ่มสอนให้ข้าเล่นหมากรุก

                และแล้วการเยี่ยมเยือนก็จบลง หนึ่งวันก่อนที่ชาร์ลส์จะขึ้นเรือจากไป ชาร์ลส์จุมพิตมือข้าและสัญญาว่าจะกลับมาเพื่อเข้าพิธีสมรสกับข้าเมื่อข้าอายุสิบสองปี – อายุที่เหมาะสำหรับการแต่งงาน

                แต่วันหนึ่ง ประมาณหนึ่งปีกว่าๆ หลังจากการจากไปของชาร์ลส์ มหาดเล็กในชุดสีเขียวและขาวของกษัตริย์ก็มาที่ห้องของข้าพร้อมกับข้อความ ข้าแกะตราขี้ผึ้งออกและอ่านข้อความ กษัตริย์ทรงปรารถนาที่จะพบข้าเดี๋ยวนี้ พระองค์ลงพระราชลัญจกร ดังที่ทำเสมอ Henricus Rex – เฮนรี่ กษัตริย์

                ข้ารีบสวมกระโปรงชั้นในและวิ่งอย่างเริงร่าไปยังห้องของกษัตริย์ – ผ่านห้องแสดงภาพ ขึ้นบันไดไปยังห้องของกษัตริย์ ผ่านราชองครักษ์ซึ่งต่างส่งยิ้มให้ข้าและโค้งคำนับข้า ผ่านฝูงชนที่ส่งเสียงดังวุ่นวายขณะรอเข้าพบกษัตริย์เพื่อปรึกษาราชการสำคัญ ผ่านห้องว่าราชการชั้นนอกที่เหล่าข้าราชการคนสำคัญกำลังสนทนาหารือกัน และผ่านห้องว่าราชการชั้นในที่ที่ปรึกษาใกล้ชิดของกษัตริย์ผงกศีรษะรับรู้การมาถึงของข้า และในที่สุดข้าก็ไปถึงห้องส่วนพระองค์ กษัตริย์ทรงนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้โอ๊กตัวใหญ่ คาร์ดินาลวูลซีย์ยืนอยู่เคียงข้าง ข้ากลั้นหายใจขณะยอบตัวลงคุกเข่าต่อหน้าพระบิดาและน้อมศีรษะรอรับพรจากพระองค์

                ข้าแทบไม่ได้พบพระบิดาผู้ทำหน้าที่ของกษัตริย์อยู่เสมอๆ ในขณะที่ข้าต้องใช้เวลาอยู่กับพระอาจารย์หลายคนเลย เมื่อข้าพบพระองค์ การพบปะนั้นมักจะเต็มไปด้วยความสนุกสนาน แต่ครั้งนี้จุดประสงค์ของการพบกันของเราเป็นเรื่องที่จริงจัง

                “เจ้าจะต้องเขียนจดหมายถึงชาร์ลส์เดี๋ยวนี้” พระบิดากลาว

                ปากกาขนนก หลอดหมึก และกระดาษถูกนำมาวางต่อหน้าข้า ข้าปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ คาร์ดินาลวูลซีย์เหลาปากกาให้ข้าด้วยตนเอง ข้ารอให้พระบิดาบัญชาเนื้อหาที่จะเขียน

                “เจ้าจะต้องเขียนจดหมายในภาษาละตินนะ” นั่นไม่ใช่ปัญหา แม้จะมีอายุเพียงแปดปี ข้าก็มีความชำนาญทั้งในภาษาละตินและอังกฤษ “แล้วก็กล่าวถึงความรักอย่างลึกซึ้งทีเจ้ามีต่อองค์สมเด็จพระจักรพรรดิ” กษัตริย์ทรงสั่ง “บอกใบ้ถึงความโทมนัสที่เจ้ามีเมื่อพระองค์ทรงปรารถนาความพึงใจ – ไม่สิ ความรักจากหญิงอื่น จากนั้นก็ให้คำมั่นว่าเจ้าจะทุ่มเทกายใจแด่พระองค์ เจ้าทำได้หรือไม่ แมรี่”

                “ได้เพคะ ฝ่าบาท” ข้าตอบ แม้จะไม่เข้าใจสิ่งที่พระองค์พูดเลยก็ตาม ไม่ว่าจะเป็นความโทมนัส หรือความรักจากหญิงอื่น แต่ข้าก็ไม่กล้าถาม ข้าจุ่มปากกาขนนกลงในขวดหมึกและเริ่มเขียน ในขณะที่พระบิดาเดินกลับไปกลับมาและบอกคำให้ข้าเขียนตาม

                กษัตริย์ทรงถอดแหวนออกจากนิ้วของพระองค์เพื่อส่งไปพร้อมกับจดหมายถึงสมเด็จพระจักรพรรดิด้วย แหวนวงนั้นเป็นแหวนมรกตสีเขียวเข้มขนาดใหญ่

                “สีของมรกตจะสะท้อนให้เห็นจิตใจของคู่รัก” กษัตริย์อธิบาย แม้ว่ามันจะไม่ทำให้ข้าเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยก็ตาม “มันจะเปลี่ยนสีจากเข้มไปเป็นอ่อนหากคู่รักไม่มั่นคงต่อกัน”

                ไม่มั่นคงอย่างนั้นหรือ

                จากนั้นก็ทรงหันไปหาวูลซีย์ และดูเหมือนจะทรงลืมไปว่าข้าอยู่ที่นั่นด้วย ข้าเดินถอยหลังออกจากห้องของพระบิดา (“ห้ามหันหลังให้กษัตริย์เป็นอันขาด” ซาลิสบรีสอนข้า “คุกเข่า และคุกเข่าอยู่อย่างนั้นจนกว่ากษัตริย์จะทรงอนุญาตให้ท่านยืน”) และจากนั้นก็รีบวิ่งไปหาซาลิสบรีเพื่อขอคำอธิบาย

                พระพี่เลี้ยงของข้าหยิบหวีเงินขึ้นมาและเริ่มสางผมหยิกเป็นลอนที่ไม่เป็นระเบียบของข้า “มีข่าวลือมาถึงองค์กษัตริย์เพคะ” นางกล่าวอย่างสงบเงียบ “ว่าชาร์ลส์กำลังคิดจะแต่งงานกับคนอื่น”

                “แต่ชาร์ลส์หมั้นกับข้าแล้วนะ” ข้ากล่าวอย่างไม่พอใจ ขยับตัวหนีจากการสางผมของซาลิสบรี

                “พระบิดาของท่านหญิงจะต้องทรงมั่นใจให้ได้ว่าชาร์ลส์จะซื่อสัตย์ต่อพวกเรา” นางกล่าว

                หลายสัปดาห์ต่อมา ในขณะที่ข้านั่งอยู่กับพระมารดาและนางกำนัลหลายคนเพื่อหัดเย็บผ้า พระบิดาก็เข้ามาในห้องโดยที่มิได้บอกล่วงหน้าพระพักตร์แดงก่ำด้วยความโกรธ ดวงตาของพระองค์มีประกายแห่งโทสะ เหล่านางกำนัลหลบออกไปจากห้องราวกับนกพิราบที่ตื่นกลัว และข้าก็ยอบตัวลงคุกเข่าและหวังว่าพระองค์จะไม่ได้สังเกตเห็นข้า พระมารดาวางงานปักของพระองค์ไว้ข้างๆ อย่างนิ่มนวลและลุกขึ้นเพื่อต้อนรับองค์กษัตริย์

                “ไอ้พวกคนสเปน!” พระองค์คำราม “มรกตเปลี่ยนสีจากเข้มไปเป็นอ่อน ชาร์ลส์ทรยศต่อเราไปแต่งงานกับเจ้าหญิงโปรตุเกส” พระองค์หันหลังกลับและปิดประตูดังปัง ก่อนจะเดินจากไป

                “พระบิดาจะหาสามีคนใหม่ให้ข้าไหมเพคะ” ข้าถามเมื่อกล้าที่จะพูดแล้ว

                “แน่นอนจ้ะ แมรี่ พระองค์จะทำเช่นนั้น” พระมารดาย้ำให้ข้ามั่นใจ “ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้นนะลูก”

                ข้าหันกลับไปสนใจงานปักต่อ รู้สึกผิดหวังเล็กน้อยเพราะข้าชอบชาร์ลส์อย่างจริงใจ และข้าก็ยังเด็กเกินกว่าที่จะรู้สึกดีใจที่ในขณะนั้นอย่างน้อยข้าก็กลับมีอิสระอย่างที่ข้าจะไม่มีวันมีได้อีก

                หลังจากการหมั้นหมายกับชาร์ลส์ล้มเลิกไปแล้ว ข้าก็ไม่ได้ยินการพูดถึงสามีในอนาคตของข้าอีก แต่ข้ากลับได้รับจดหมายในเรื่องที่ต่างออกไปจากกษัตริย์ ข้าจะได้รับอิสริยายศเป็นเจ้าหญิงแห่งเวลส์ ในขณะนั้นข้ามีอายุได้เก้าปี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×