คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : กษัตริย์ฟรานซิส
บทที่
1 กษัตริย์ฟรานซิส
ข้าได้รับอารมณ์ฉุนเฉียวเป็นมรดกจากพระบิดา-ไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องนี้ได้
ดังนั้น ในวันที่ข้าได้รู้ว่าพระองค์ทรงหมั้นข้าให้แก่กษัตริย์ฟรานซิส
ข้าจึงระเบิดอารมณ์ออกมา
“ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพระบิดาจะทรงสัญญามอบข้าให้ชายที่น่าขยะแขยงเช่นนั้น”
ข้าร้องอย่างเดือดดาล ขว้างหมอนบนเตียงลงไปบนพื้นของห้องบรรทม “ข้าจะไม่ ไม่ ไม่
แต่งงานกับเขาเด็ดขาด!”
ข้ามีอายุเพียงสิบปีและยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธหรือเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นอาวุธ
ข้าตะโกนและกระทืบเท้าจนกระทั่งความโกรธของข้าบรรเทาลงจนกลายเป็นสายน้ำตา
ระหว่างที่กำลังสะอื้นไห้ ข้าแอบมองไปยังพระพี่เลี้ยงของข้า
เลดี้มากาเร็ตผู้มีจมูกยาว เคาท์เตสแห่งซาลิสบรี
นางปักงานฝีมือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“พระทัยเย็นเพคะ”
เคาท์เตสปลอบ ฝีเข็มของนางแทงขึ้นและลง ขึ้นและลง
“นี่เป็นเพียงการหมั้นหมายเท่านั้น และนั่น – ดังที่ท่านหญิงทรงทราบดีอยู่แล้ว –
ยังห่างไกลจากการอภิเษกสมรสมากมายนัก อีกอย่างนะเพคะ
องค์กษัตริย์ก็ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้ด้วย”
ความใจเย็นของนางทำให้ข้าโมโหยิ่งขึ้นไปอีก
“ข้าไม่สนใจหรอกว่าองค์กษัตริย์จะทรงมีพระประสงค์ในเรื่องใด
พระบิดาของข้าสนใจข้าเพียงน้อยนิด จนข้าชักจะสงสัยแล้วว่าทรงจำได้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”
รอยยิ้มบางๆ
ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาลิสบรี นางวางสะดึงลงและซับแก้มของข้าด้วยผ้าเช็ดหน้าลินินเนื้อดี
“พระองค์รู้สิเพคะ ท่านหญิงแมรี่ที่รัก พระองค์ทรงรู้แน่
ท่านหญิงทรงเติบโตขึ้นเหมือนกับพระองค์ทุกๆ วัน ทรงได้รับทั้งพระฉวีขาวผ่อง
พระเนตรสีฟ้าสดใส พระเกศาสีแดงทองเป็นประกายมาจากพระราชบิดา”
นางเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในแขนเสื้อและถอนหายใจ
“และโชคร้ายที่ทรงได้รับอารมณ์ฉุนเฉียวมาจากพระองค์ด้วย”
ทันใดนั้น
ด้วยความเหนื่อยอ่อน ข้าก็ทุ่มตัวลงบนเตียงขนาดมหึมา “มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซาลิสบรี”
ข้าพึมพำ
“กษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารมีกำหนดที่จะมาถึงทันงานเฉลิมฉลองนักบุญยอร์จในเดือนเมษายนเพคะ
เรามีเวลาสามเดือนที่จะเตรียมตัวกัน ช่างฉลองพระองค์จะเริ่มตัดฉลองพระองค์ชุดใหม่ของท่านหญิงเร็วๆ
นี้ พระราชินี พระราชมารดาของท่านหญิงทรงมีพระเสาวนีย์ว่าโปรดให้ช่างตัดชุดสีเขียวขลิบขาวสำหรับท่านหญิง
ท่านหญิงจะต้องทรงผ้าคลุมพระองค์ที่ทำจากทองคำ”
“ข้าเกลียดสีเขียว”
ข้าครวญ บางทีนี่อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ข้าสามารถเอาชนะได้
ถึงแม้ว่าพระราชมารดาผู้อ่อนหวานและอดทนของข้าจะมีความดื้อดึงเทียบเท่ากับพระราชบิดาของข้าก็ตาม
“และข้าก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเขียวและขาวจะเป็นสีประจำราชวงศ์ของเรา”
“ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านหญิงจะไม่โปรดไปเสียเกือบทุกสิ่ง”
ซาลิสบรีกล่าว “บางทีในตอนเช้า โลกอาจดูงดงามขึ้น”
“ไม่มีทาง”
“เอาเถอะเพคะ
ท่านหญิง ตอนนี้ได้เวลาสวดมนต์แล้ว”
ข้าไถลตัวลงมาจากฟูกหรูหราและคุกเข่าลงบนพื้นหินเย็นเยียบเคียงข้างพระพี่เลี้ยงดังที่ข้าทำทุกๆ
คืน และทุกๆ เช้า จากนั้นเราทั้งสองก็เริ่มท่องบทสวดมนต์ร่วมกัน
เมื่อสวดมนต์เสร็จ
นางกำนัลสองคนก็เข้ามาถอดชุดกระโปรงของข้าออกและสวมชุดนอนไหมให้ข้า
พวกนางดับเทียนจนกระทั่งเหลือแสงสว่างจากเทียนเพียงเล่มเดียวเท่านั้น
ข้าปีนกลับขึ้นมาบนเตียง
และเท้าคางมองดูพระพี่เลี้ยงของข้าเหยียดตัวอย่างระมัดระวังบนที่นอนแคบๆ ข้างๆ
เตียงนอนของข้า และดึงผ้าห่มซาตินขึ้นมาห่ม ซาลิสบรีเป็นคนสูง และผ้าห่มก็สั้น
เมื่อนางดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงปลายคางแหลมของนาง เท้าของนางก็โผล่พ้นปลายผ้าห่มออกมา
นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่ข้ารู้สึกใกล้เคียงกับการหัวเราะมากที่สุด
ไม่นานหลังจากวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของข้าในฤดูใบไม้ผลิของปี
1527 ข้า แมรี่ ทิวดอร์
ราชธิดาของกษัตริย์เฮนรี่ที่แปดแห่งอังกฤษ กับพระชายา ราชินีแคเธอรีน แห่งอารากอน
ยืนหมิ่นเหม่อยู่บนเก้าอี้กลม
ช่างฉลองพระองค์กับผู้ช่วยผลักและดึงชุดงานหมั้นของข้า
หมุดและปักผ้าไหมสีเขียวผืนหนักให้เข้าที่
พวกเขาจะไม่มีวันเย็บเสื้อเสร็จกันเลยหรือไงนะ ศีรษะของข้าปวดร้าวและท้องของข้าก็ปั่นป่วน
“นิ่งๆ
สิเพคะ” ช่างฉลองพระองค์ดุ “พระองค์ไม่ทรงอยากให้พระคู่หมั้นโปรดหรืออย่างไร”
“ไม่
ข้าไม่อยาก” ข้าตวาด จากการแอบฟังเสียงนินทาของพวกนางกำนัลในตำหนัก ฟรานซิส
กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสเป็นชายแก่ตัณหากลับ น่าเกลียดและน่าขยะแขยง แถมยังมีหูด
รอยฝี และกลิ่นปากที่ร้ายกาจ
“แต่พระราชบิดาของท่านหญิง
องค์กษัตริย์ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้นะเพคะ” ช่างฉลองพระองค์เตือนข้า
ข้าถอนหายใจ
และยืนตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อน องค์กษัตริย์ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้
ข้าเกลียดคำนี้เสียจริง อีกไม่นานกษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารก็จะเดินทางมาถึงที่นี่
และข้าผู้นอบน้อมต่อพระประสงค์ของพระราชบิดาก็จะต้องวางมือของข้าลงบนอุ้งพระหัตถ์อันน่าขยะแขยงของกษัตริย์ฟรานซิสที่ร้ายกาจและสัญญาว่าข้าจะเป็นเจ้าสาวของพระองค์
ในที่สุดชุดของข้าก็เสร็จเรียบร้อย
การตระเตรียมทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี
และสัมภาระของข้าก็พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางไปลอนดอนจากปราสาทของข้าในเมืองลัดโลว์ใกล้กับชายแดนของแคว้นเวลส์
เมื่อเดินทางไปพร้อมกับขบวนข้าราชบริพารและนางกำนัล ซาลิสบรีและข้านั่งไปในรถม้าหลวงซึ่งปูด้วยผ้าไหมบุนวมและหมอนอิงสักหลาดหนานุ่ม
ลากด้วยม้าขาวสองตัว หลังจากที่นั่งสั่นสะเทือนไปบนถนนแสนกันดารมาเกือบสองสัปดาห์
เราก็มาถึงปราสาทกรีนิชริมฝั่งแม่น้ำเทมส์
ซึ่งอยู่ห่างจากลอนดอนห้าไมล์ไปทางตะวันออก ด้วยสภาพเปื้อนโคลนและเปียกแฉะ
ในขณะที่ข้าวิ่งไปทุกส่วนของปราสาทเพื่อตามหาพระมารดา
ข้าก็พบว่ารอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย
ผ้าม่านผืนใหม่ถูกแขวนไว้บนกำแพงตลอดทั้งห้องโถงเอก
นักดนตรีและช่างตัดชุดประจำพระราชวังต่างวุ่นวายเรื่องการจัดงานเลี้ยงสวมหน้ากากและการรื่นเริงอื่นๆ
เกวียนนำเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับงานเลี้ยงมาส่งยังห้องครัวของปราสาท
ข้ารู้สึกไม่สบายทั้งที่แสนตื่นเต้น
หรืออาจรู้สึกเช่นนั้นเพราะตื่นเต้นก็เป็นได้
เมื่อการมาถึงของกษัตริย์ฝรั่งเศสใกล้เข้ามา
ข้าก็ทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะและความรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง
แพทย์ประจำตัวของข้ารักษาอาการเหล่านี้ด้วยยารสชาติแย่หลายขนาน แต่อาการเจ็บป่วยของข้าก็ไม่ดีขึ้น
และแล้วข้าก็ได้ข่าวว่าเรือของกษัตริย์ฟรานซิสและผู้ติดตามของพระองค์จะเดินทางมาถึงช้ากว่ากำหนดเนื่องจากติดพายุ
เจ้าบ่าวของข้าจะยังมาไม่ถึงจนกว่าอากาศจะปลอดโปร่ง ข้าเกิดความคิดบางอย่าง :
บางทีเรือนั่นอาจจะสูญหาย บางทีกษัตริย์ฟรานซิสอาจจะจมน้ำตายและข้าก็จะไม่ต้องแต่งงานกับพระองค์ตลอดไป
เกือบจะทันทีที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัวข้า ข้าก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทัน
ข้าถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็กว่าข้าจะต้องสารภาพความคิดที่ชั่วร้ายเหล่านี้ต่อพระประจำตัว
กลับใจ และรับการล้างบาป
แต่เมื่อใดที่ข้าทำบาปเช่นนี้แล้ว
ซึ่งเป็นบาปเพียงน้อยนิดในความคิดของข้า
ข้าก็ตัดสินใจที่จะใช้ความผิดบาปครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์
ในขณะที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหินแข็งกระด้าง หลังของข้ายืดตรงราวกับหอก
มือทั้งสองประสานกันที่ใต้คาง ดวงตาของข้าจ้องมองไปสู่สรวงสวรรค์ ข้าสวดภาวนา
: พระบิดา
หากพระองค์ประสงค์ที่จะเอาชีวิตของกษัตริย์ฟรานซิสไป
โปรดทรงส่งสามีที่ดีมาให้ข้าแทนด้วยเถิด
ข้าไม่มั่นใจว่าสามีที่ดีนั้นเป็นอย่างไร
เพราะข้ามอบความไว้วางใจในเรื่องนี้ให้แก่พระเจ้าแล้ว
พายุโหมกระหน่ำอยู่เป็นเวลาเกือบสามสัปดาห์ก่อนที่จะสงบลงอย่างกะทันหัน
เมื่อใกล้จะถึงกลางเดือนเมษายน กษัตริย์ฟรานซิส ข้าราชบริพารผู้ติดตาม
และคนใช้อีกกลุ่มใหญ่ก็เดินทางมาถึงฝั่งเมืองโดเวอร์
พวกเขาเดินทางมายังกรีนิชโดยมีอัศวินและผู้ช่วยของพระบิดาข้าเป็นผู้ติดตาม
“บางทีพระองค์อาจจะพบว่าข้าไม่เป็นที่ต้องพระทัยก็ได้นะ”
ข้ากล่าวกับซาลิสบรีอย่างมีความหวัง
“อาจเป็นได้เพคะ
แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยเหลือเกิน” ซาลิสบรีกล่าว
ใบหน้าของนางราบเรียบราวกับแผ่นกระดาน และสงบนิ่งเป็นที่สุด
“กษัตริย์ฝรั่งเศสทรงเรียกร้องให้ส่งภาพเหมือนของท่านหญิงให้
ซึ่งพระบิดาก็ทรงส่งให้แล้วในกล่องงาช้างซึ่งมีตรากุหลาบแห่งราชวงศ์ทิวดอร์สลักไว้บนฝา
กษัตริย์ฟรานซิสโปรดใบหน้าอ่อนหวานที่เห็นในกล่องนั้นมากนะเพคะ”
ช่างน่าโมโหอะไรอย่างนี้!
“ซาลิสบรี ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ ถ้าข้าขอดูภาพเหมือนของพระองค์ก่อน
เพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่าพระองค์ถูกใจข้าหรือเปล่า
ข้าจะได้รับภาพของพระองค์บ้างไหม”
ซาลิสบรีหัวเราะ
“ไม่น่าจะได้หรอกเพคะ นั่นไม่ใช่วิถีของโลก”
“นั่นแหละ
โลกควรจะเป็นดังที่ข้ากล่าว” ข้าครวญ แม้ว่าจะรู้ว่านางพูดถูกก็ตาม
งานเฉลิมฉลองเพื่อให้เกียรตินักบุญยอร์จ
นักบุญผู้อุปถัมป์ประเทศอังกฤษ เริมต้นด้วยงานเลี้ยงรับประทานอาหารตอนเย็น
ข้าจะได้ลอบมองชายที่ข้าถูกหมั้นหมายไว้ให้เป็นครั้งแรกในโอกาสนี้
ขณะที่กษัตริย์ฟรานซิสเดินเข้ามาในห้องโถงเอกพร้อมด้วยเสียงประโคมแตร
ข้าก็สามารถบอกได้ว่าเขาเกือบสูงเท่าพระบิดาข้าแต่ผมกว่ามาก
เว้นแต่ส่วนหน้าท้องกลมๆ เท่านั้น
โชคร้ายที่พระองค์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง และข้านั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง
ข้าสายตาสั้นมาโดยตลอด และด้วยระยะทางที่ไกลเช่นนี้ ข้าไม่สามารถมองเห็นลักษณะของพระองค์ได้อย่างชัดเจน
ข้าสามารถมองออกเพียงว่ามือสีขาวของพระองค์โบกสะบัดราวกับนกพิราบที่ตื่นกลัว
แต่ข้าได้ยินพระองค์ – พระองค์มีเสียงหัวเราะที่เหมือนกับเสียงร้องของลา
ขณะที่ข้าเพ่งมองพระองค์
พนักงานเป่าแตรก็ประกาศว่าอาหารชุดแรกมาถึงแล้ว : อาหารสองโหลซึ่งประกอบไปด้วย
ข้าวต้มธัญพืชกับเนื้อกวาง เนื้อกวางอบเกลือ นกกระยาง หงส์ และนกกระเรียนอบ ปลาทูนา
ปลาไพค์ นกกระสา ปลาตะเพียน เนื้อลูกแพะ ปลาเพิร์ช กระต่าย พายแกะ และลูกควินซ์อบ
อาหารชุดที่สองซึ่งมีหลากหลายชนิดตามมา – พายที่มีไส้เป็นปลากระเบน กุ้ง หอยนางรม
ปลาไหลทะเล ปลาไหล นกต้อยตีวิด นกพริก นกปากส้อม นกลาร์ค ขนมคัสตาร์ด
และขนมปังมาซิแพน
ตามประเพณี
ดังที่ซาลิสบรีได้สอนข้า ข้าจะต้องชิมทุกอย่างอย่างละนิดอย่างละหน่อย
ช่างเป็นประเพณีที่ยากจะปฏิบัติตามเหลือเกิน
โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกุ้งและหอยนางรมในมื้ออาหาร ถึงแม้ว่าข้าจะหลงไหลอาหารเหล่านี้
โดยเฉพาะอาหารที่ซาลิสบรีไม่อนุญาตให้ข้ากินที่บ้าน
เมื่อข้าเห็นมือสีขาวโบกไปมาที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะและได้ยินเสียงหัวเราะอย่างลาร้อง
ข้าก็แทบไม่ได้รับรสอาหาร แม้แต่สำหรับกุ้ง
แค่จินตนาการว่าต้องใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต!
ข้าก็พบว่าตัวเองแทบจะกลืนอาหารไม่ลง
งานเลี้ยงรับประทานอาหารจบลงด้วยการเสิร์ฟของหวานอันแสนวิจิตร
มันเป็นภาพจำลองเรือของโนอาห์ที่สูงเกือบสามฟุตและทำจากน้ำตาลล้วนๆ
สัตว์หลากหลายคู่ทั้งที่เป็นสัตว์จริงๆ
และสัตว์ในจินตนาการถูกปั้นขึ้นจากแป้งผสมผงแอลมอนด์ สัตว์เหล่านั้นต่างเดินอยู่บนไม้กระดานไปสู่ตัวเรือ
ที่กราบเรือมีรูปปั้นเล็กๆ ของคนคู่หนึ่ง ซึ่งข้าคิดว่าเป็นโนอาห์กับภรรยา
จากนั้นพระบิดาข้าก็ชี้นิ้วไปยังรูปปั้นเล็กๆ นั้นและประกาศเสียงดังว่า “ดูสิ
กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ของพวกเรากำลังทักทายข้าราชบริพารที่จงรักภักดีอยู่!”
ผู้คนต่างส่งเสียงเชียร์
และดังที่ทุกคนคาดหวัง ข้าหลุบตาลงต่ำและยิ้ม
แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลยนอกจากวิ่งออกไปจากโต๊ะอาหาร
เมื่องานฉลองจบลง
ก็เป็นเวลาที่จะแนะนำกษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารต่อพระมารดาของข้าและตัวข้า
นี่เป็นเวลาที่ข้าหวาดหวั่นเป็นที่สุด เหล่าข้าราชบริพารเริ่มแนะนำตัวก่อน
พวกเขาพูดกับข้าเป็นภาษาฝรั่งเศส ละติน และอิตาเลี่ยน (“คำถามโง่ๆ” ข้าบ่นกับซาลิสบรีในภายหลัง
“ถามว่าข้าอายุเท่าไหร่ด้วยภาษาถึงสามภาษา”) ข้าตอบได้อย่างง่ายดาย
แต่ความสนใจของข้าอยู่ที่กษัตริย์ฟรานซิสผู้เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ
ข้าสามารถมองเห็นตาที่แฉะด้วยขี้ตาและจมูกยาวๆ ของพระองค์ได้อย่างชัดเจน
เมื่อกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสค้อมตัวลงและจุมพิตมือข้าอย่างเปียกแฉะ
ข้าก็เกือบจะต้องเอามือปิดปากไว้ “อัญมณีแห่งอังกฤษ”
พระบิดากล่าวกับกษัตริย์ฟรานซิสด้วยความภาคภูมิใจ “ไข่มุกแห่งโลกของข้า”
พระบิดาทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร
หลังจากงานเลี้ยงอาหาร
กษัตริย์เฮนรี่ก็สร้างความบันเทิงแขกชาวฝรั่งเศสด้วยการล่อหมี
ข้านั่งอยู่ข้างพระบิดาในขณะที่เจ้าหมีตาบอดตัวใหญ่ชื่อแจ็กถูกนำมาเข้ามาในสังเวียนพร้อมกับเสียงโห่และเสียงปรบมือ
ผู้ดูแลหมีหลวงปลอยสุนัขฝูงหนึ่งเข้ามาในสังเวียน
แจ็กเหวี่ยงแขนไปมาอย่างไร้จุดหมาย
และด้วยการตะปบอุ้งมืออันทรงพลังเพียงครั้งเดียว
เจ้าหมีก็สามารถฆ่าสุนัขพันธุ์มาสติฟสองตัวที่พุ่งไปยังคอของมันตายคาที่
สุนัขอีกจำนวนหนึ่งถูกปล่อยเข้ามาในสังเวียน
และไม่นานทั้งหมีและสุนัขต่างก็เลือดท่วมและมึนงง
แจ็กเดินโซเซผ่านศพของสุนัขและสุนัขที่กำลังจะตายไปรอบๆ สังเวียน
ขนของมันถูกปกคลุมไปด้วยเลือด เสียงหอนของสุนัข เสียงคำรามของหมี และเสียงเชียร์ของผู้ชมดังอื้ออึง
กลิ่นคาวของเลือดชวนให้คลื่นเหียน
ผู้ดูแลหมีมองมายังกษัตริย์ผู้เป็นพระบิดาของข้าเพื่อให้พระองค์ให้สัญญาณ
“ว่าอย่างไรล่ะ
เจ้าหญิงที่รักของพ่อ” พระบิดาถาม
“เจ้าจะมอบชีวิตหรือความตายได้เจ้าแจ็กแก่ที่น่าสงสาร ตอบมาซิ”
ข้าค่อนข้างวิงเวียนจากการเห็นเลือดมากมาย
“ข้าขอตอบว่าจงมอบความตายให้เจ้าหมีเพคะ” ข้าประกาศด้วยน้ำเสียงสั่นเทา
รู้ว่านั่นคือสิ่งที่พระบิดาประสงค์ให้ข้าพูด
แต่ข้าปรารถนาจนสุดหัวใจให้ตนเองมีอำนาจที่จะช่วยชีวิตของเจ้าหมีไว้ได้
“ตอบได้ดี”
พระบิดาตะโกน พระองค์ทำสัญญาณต่อผู้ดีแลหมีผู้ส่งสุนัขตัวสุดท้ายเข้าไปในสังเวียนเพื่อจะพุ่งเข้าสู่คอหอยของเจ้าหมีที่บาดเจ็บ
ข้ามองดูเจ้าสัตว์ใหญ่ล้มลงและสิ้นชีวิต
และข้าก็เหลือบมองไปยังพระคู่หมั้นของข้า กษัตริย์ฟรานซิส
มือของพระองค์ยังคงโบกสะบัดอย่างไร้จุดหมาย แม้ว่าพระพักตร์จะซีดเซียวลงก็ตาม
อย่างน้อยเสียงร้องอย่างลาของพระองค์ก็เงียบไป
สามวันหลังจากงานเลี้ยงอาหาร
ข้าก็ยืนนิ่งอยู่ระหว่างกษัตริย์เฮนรี่และราชินีแคทเธอรีนในพิธีหมั้น
แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีเขียวขาวตัวใหม่ ผ้าคลุมสีทองลากยาวจากไหล่ข้าลงมา
มันยาวและหนักมากจนข้าต้องมีนางกำนัลถึงหกคนแบกผ้าคลุมตามข้า
สร้อยคอส่องแสงเป็นประกายหลายเส้นถูกทาบไว้บนคอของข้าจนข้าคิดว่าตัวเองหายใจไม่ออก
กษัตริย์ฟรานซิสชำเลืองมองข้าและสวมแหวนเพชรแกมทับทิมบนนิ้วของข้า
ข้าต้องทนไปอีกเท่าไหร่นะ
ข้าสงสัยและรู้สึกถึงตะคริวกับอาการคลื่นไส้อีกครั้ง ถ้าข้าไม่ข่มตนเองไว้
น้ำตาคงจะนองหน้าข้าไปแล้ว แต่ข้าถูกฝึกมาไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าธารกำนัล “อิสตา
ปูเอลลา นุน ควม โพลรัต”
พระบิดาเคยโอ่เป็นภาษาละตินเมื่อพระองค์อุ้มข้าไปรอบๆ ห้องโถงเอก
“เด็กหญิงผู้นี้ไม่เคยร้องไห้” พระองค์ไม่ทรงรู้หรอกว่าข้าร้องไห้มากเพียงใดเมื่ออยู่ลำพัง
เย็นวันนั้นมีการเลี้ยงอาหารอีกครั้ง
และงานนี้ก็หรูหรายิ่งไปกว่างานก่อนหน้า เมื่อมื้ออาหารจบลง
กษัตริย์ก็ให้สัญญาณให้ข้าออกไปจากโต๊ะอาหารและเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงสวมหน้ากาก
นี่เป็นอีกหนึ่งความคิดของพระบิดา พระองค์รักการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามประณีตเท่าที่ช่างฉลองพระองค์จะสามารถจัดทำขึ้นได้
พระองค์สั่งให้ข้ากับนางกำนัลเจ็ดคนของพระมารดา
และสุภาพบุรุษอีกเจ็ดคนแต่งกายเช่นเดียวกับพระองค์ นั่นคือสวมเสื้อผ้าของชาวเหนือ
เสื้อผ้าที่มีขอบเป็นขนเฟอร์ต้องรสนิยมของข้า และข้าก็ชอบการเต้นรำอย่างแท้จริง
ตั้งแต่ข้ามาถึงกรีนิช พระอาจารย์สอนเต้นรำของข้าได้ซักซ้อมข้าและหญิงสาวคนอื่นๆ
จนเราทุกคนสามารถเต้นรำได้อย่างสมบูรณ์แบบ
ระหว่างการฝึกซ้อม
ข้าสังเกตเห็นนางกำนัลคนหนึ่งในราชสำนักของพระมารดา
ผมหนาดกดำของนางส่องประกายราวกับปีกกา นางปล่อยผมให้พลิ้วไหวอย่างอิสระ
ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่รวบผมอย่างสงบเสงี่ยมไว้ในตาข่ายคลุมผมหรือหมวก
ดวงตาของนางเป็นประกายและเป็นสีดำราวกับโอนิกซ์ ผิวของนางขาวราวกับน้ำนม
เรือนกายของนางแบบบางและพลิ้วไหวราวกับต้นวิลโล่ ริบบิ้นสีดำล้อมอยู่รอบคอของนาง
มีเพชรเม็ดใหญ่ห้อยลงมาจากริบบิ้นเส้นนั้น
นางโดดเด่นเหนือกลุ่มหญิงสาวที่มีผิวสีชมพูกับดวงตาสีฟ้าและผมสีทอง
สตรีสี่สิบเก้าคนในราชสำนักของพระมารดาแต่งกายด้วยสีฉูดฉาด
แต่นางแต่งกายด้วยสีขาวดำอันโดดเด่น
ชื่อของสตรีผู้นี้คือแอนน์
โบลีน ข้าได้รู้จากการแอบฟังว่านางเป็นบุตรสาวของราชทูตอังกฤษในราชสำนักฝรั่งเศส
และนางเติบโตมาในประเทศฝรั่งเศส ไม่นานหลังจากนางและพี่สาวของนางกลับจากฝรั่งเศส
พระมารดาของข้าก็เชิญทั้งสองมาอยู่ในราชสำนัก
แอนน์พูดภาษาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงขี้เล่นและล้อเลียน ต่างไปจากภาษาฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของพระอาจารย์
นางฉับไวและเฉลียวฉลาด เสียงหัวเราะใสกังวานเป็นระยะของนางดึงดูดความสนใจของทุกคน
นางไม่มีเลือดขัตติยาในกาย และถูกเรียกอย่างง่ายๆ ว่า แม่หญิงแอนน์
กระนั้นนางก็ประพฤติตนราวกับนางพญา ข้าพบว่านางน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก
งานเลี้ยงสวมหน้ากากเริ่มขึ้น
ข้านำสตรีทั้งเจ็ด ซึ่งมีแอนน์รวมอยู่ด้วย
ออกมาจากถ้ำน้ำแข็งปลอมที่มีมาลัยและพรรณพฤกษาต่างๆ แขวนอยู่
เพื่อเดินออกไปยังฟลอร์ที่อยู่ต่ำกว่า
สุภาพบุรุษแปดคนเดินมาร่วมกับเราและสะบัดผ้าคลุมเฟอร์ของพวกเขา
หน้ากากสักหลาดแบบครึ่งหน้าที่ปิดพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรี่ไว้ไม่สามารถปกปิดตัวตนของพระองค์ได้
พระองค์เป็นผู้ที่สูงที่สุดในฝูงชนอยู่เสมอ ด้วยความสูงกว่าหกฟุต
เมื่อเหล่านักเต้นรำจับคู่ดังที่ตระเตรียมไว้
กษัตริย์ผู้สวมหน้ากากก็ยื่นมือมาให้ข้าเพื่อเต้นรำจังหวะพาเวนอย่างเป็นทางการ
แต่ในขณะที่เราทั้งสองขยับตัวตามสเต็ปอย่างไม่มีที่ติ
ข้าสังเกตเห็นว่าพระเนตรของพระบิดามิได้จับจ้องอยู่ที่ข้า
แต่กลับมองตามนักเต้นรำผมดำไป
มีความกระตือรือร้นบางอย่างในแววตานั้นที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน
และมันก็ทำให้ข้าเป็นกังวล
ข้าจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแอนน์
โบลีนคนนี้ให้มากขึ้นเสียแล้ว
ความคิดเห็น