ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แมรี่... ราชินีกระหายเลือด

    ลำดับตอนที่ #1 : กษัตริย์ฟรานซิส

    • อัปเดตล่าสุด 17 ส.ค. 60


    บทที่ 1 กษัตริย์ฟรานซิส

                ข้าได้รับอารมณ์ฉุนเฉียวเป็นมรดกจากพระบิดา-ไม่มีผู้ใดปฏิเสธเรื่องนี้ได้ ดังนั้น ในวันที่ข้าได้รู้ว่าพระองค์ทรงหมั้นข้าให้แก่กษัตริย์ฟรานซิส ข้าจึงระเบิดอารมณ์ออกมา

                “ข้าไม่อยากจะเชื่อเลยว่าพระบิดาจะทรงสัญญามอบข้าให้ชายที่น่าขยะแขยงเช่นนั้น” ข้าร้องอย่างเดือดดาล ขว้างหมอนบนเตียงลงไปบนพื้นของห้องบรรทม “ข้าจะไม่ ไม่ ไม่ แต่งงานกับเขาเด็ดขาด!

                ข้ามีอายุเพียงสิบปีและยังไม่สามารถควบคุมอารมณ์โกรธหรือเรียนรู้ที่จะใช้มันเป็นอาวุธ  ข้าตะโกนและกระทืบเท้าจนกระทั่งความโกรธของข้าบรรเทาลงจนกลายเป็นสายน้ำตา ระหว่างที่กำลังสะอื้นไห้ ข้าแอบมองไปยังพระพี่เลี้ยงของข้า เลดี้มากาเร็ตผู้มีจมูกยาว เคาท์เตสแห่งซาลิสบรี นางปักงานฝีมือราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

                “พระทัยเย็นเพคะ” เคาท์เตสปลอบ ฝีเข็มของนางแทงขึ้นและลง ขึ้นและลง “นี่เป็นเพียงการหมั้นหมายเท่านั้น และนั่น – ดังที่ท่านหญิงทรงทราบดีอยู่แล้ว – ยังห่างไกลจากการอภิเษกสมรสมากมายนัก อีกอย่างนะเพคะ องค์กษัตริย์ก็ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้ด้วย”

                ความใจเย็นของนางทำให้ข้าโมโหยิ่งขึ้นไปอีก “ข้าไม่สนใจหรอกว่าองค์กษัตริย์จะทรงมีพระประสงค์ในเรื่องใด พระบิดาของข้าสนใจข้าเพียงน้อยนิด จนข้าชักจะสงสัยแล้วว่าทรงจำได้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”

                รอยยิ้มบางๆ ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของซาลิสบรี นางวางสะดึงลงและซับแก้มของข้าด้วยผ้าเช็ดหน้าลินินเนื้อดี “พระองค์รู้สิเพคะ ท่านหญิงแมรี่ที่รัก พระองค์ทรงรู้แน่ ท่านหญิงทรงเติบโตขึ้นเหมือนกับพระองค์ทุกๆ วัน ทรงได้รับทั้งพระฉวีขาวผ่อง พระเนตรสีฟ้าสดใส พระเกศาสีแดงทองเป็นประกายมาจากพระราชบิดา” นางเก็บผ้าเช็ดหน้าไว้ในแขนเสื้อและถอนหายใจ “และโชคร้ายที่ทรงได้รับอารมณ์ฉุนเฉียวมาจากพระองค์ด้วย”

                ทันใดนั้น ด้วยความเหนื่อยอ่อน ข้าก็ทุ่มตัวลงบนเตียงขนาดมหึมา “มันจะเกิดขึ้นเมื่อไหร่ ซาลิสบรี” ข้าพึมพำ

                “กษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารมีกำหนดที่จะมาถึงทันงานเฉลิมฉลองนักบุญยอร์จในเดือนเมษายนเพคะ เรามีเวลาสามเดือนที่จะเตรียมตัวกัน ช่างฉลองพระองค์จะเริ่มตัดฉลองพระองค์ชุดใหม่ของท่านหญิงเร็วๆ นี้ พระราชินี พระราชมารดาของท่านหญิงทรงมีพระเสาวนีย์ว่าโปรดให้ช่างตัดชุดสีเขียวขลิบขาวสำหรับท่านหญิง ท่านหญิงจะต้องทรงผ้าคลุมพระองค์ที่ทำจากทองคำ”

                “ข้าเกลียดสีเขียว” ข้าครวญ บางทีนี่อาจจะเป็นการต่อสู้ที่ข้าสามารถเอาชนะได้ ถึงแม้ว่าพระราชมารดาผู้อ่อนหวานและอดทนของข้าจะมีความดื้อดึงเทียบเท่ากับพระราชบิดาของข้าก็ตาม “และข้าก็ไม่สนใจเลยแม้แต่น้อยว่าเขียวและขาวจะเป็นสีประจำราชวงศ์ของเรา”

                “ดูเหมือนว่าวันนี้ท่านหญิงจะไม่โปรดไปเสียเกือบทุกสิ่ง” ซาลิสบรีกล่าว “บางทีในตอนเช้า โลกอาจดูงดงามขึ้น”

                “ไม่มีทาง”

                “เอาเถอะเพคะ ท่านหญิง ตอนนี้ได้เวลาสวดมนต์แล้ว”

                ข้าไถลตัวลงมาจากฟูกหรูหราและคุกเข่าลงบนพื้นหินเย็นเยียบเคียงข้างพระพี่เลี้ยงดังที่ข้าทำทุกๆ คืน และทุกๆ เช้า จากนั้นเราทั้งสองก็เริ่มท่องบทสวดมนต์ร่วมกัน

                เมื่อสวดมนต์เสร็จ นางกำนัลสองคนก็เข้ามาถอดชุดกระโปรงของข้าออกและสวมชุดนอนไหมให้ข้า พวกนางดับเทียนจนกระทั่งเหลือแสงสว่างจากเทียนเพียงเล่มเดียวเท่านั้น ข้าปีนกลับขึ้นมาบนเตียง และเท้าคางมองดูพระพี่เลี้ยงของข้าเหยียดตัวอย่างระมัดระวังบนที่นอนแคบๆ ข้างๆ เตียงนอนของข้า และดึงผ้าห่มซาตินขึ้นมาห่ม ซาลิสบรีเป็นคนสูง และผ้าห่มก็สั้น เมื่อนางดึงผ้าห่มขึ้นมาถึงปลายคางแหลมของนาง เท้าของนางก็โผล่พ้นปลายผ้าห่มออกมา นี่เป็นครั้งแรกในวันนี้ที่ข้ารู้สึกใกล้เคียงกับการหัวเราะมากที่สุด

     

                ไม่นานหลังจากวันเกิดปีที่สิบเอ็ดของข้าในฤดูใบไม้ผลิของปี 1527 ข้า แมรี่ ทิวดอร์ ราชธิดาของกษัตริย์เฮนรี่ที่แปดแห่งอังกฤษ กับพระชายา ราชินีแคเธอรีน แห่งอารากอน ยืนหมิ่นเหม่อยู่บนเก้าอี้กลม ช่างฉลองพระองค์กับผู้ช่วยผลักและดึงชุดงานหมั้นของข้า หมุดและปักผ้าไหมสีเขียวผืนหนักให้เข้าที่ พวกเขาจะไม่มีวันเย็บเสื้อเสร็จกันเลยหรือไงนะ ศีรษะของข้าปวดร้าวและท้องของข้าก็ปั่นป่วน

                “นิ่งๆ สิเพคะ” ช่างฉลองพระองค์ดุ “พระองค์ไม่ทรงอยากให้พระคู่หมั้นโปรดหรืออย่างไร”

                “ไม่ ข้าไม่อยาก” ข้าตวาด จากการแอบฟังเสียงนินทาของพวกนางกำนัลในตำหนัก ฟรานซิส กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสเป็นชายแก่ตัณหากลับ น่าเกลียดและน่าขยะแขยง แถมยังมีหูด รอยฝี และกลิ่นปากที่ร้ายกาจ

                “แต่พระราชบิดาของท่านหญิง องค์กษัตริย์ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้นะเพคะ” ช่างฉลองพระองค์เตือนข้า

                ข้าถอนหายใจ และยืนตัวตรง ไม่ขยับเขยื้อน องค์กษัตริย์ทรงมีพระประสงค์ในเรื่องนี้ ข้าเกลียดคำนี้เสียจริง อีกไม่นานกษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารก็จะเดินทางมาถึงที่นี่ และข้าผู้นอบน้อมต่อพระประสงค์ของพระราชบิดาก็จะต้องวางมือของข้าลงบนอุ้งพระหัตถ์อันน่าขยะแขยงของกษัตริย์ฟรานซิสที่ร้ายกาจและสัญญาว่าข้าจะเป็นเจ้าสาวของพระองค์

     

                ในที่สุดชุดของข้าก็เสร็จเรียบร้อย การตระเตรียมทุกอย่างก็เป็นไปด้วยดี และสัมภาระของข้าก็พร้อมแล้วสำหรับการเดินทางไปลอนดอนจากปราสาทของข้าในเมืองลัดโลว์ใกล้กับชายแดนของแคว้นเวลส์ เมื่อเดินทางไปพร้อมกับขบวนข้าราชบริพารและนางกำนัล ซาลิสบรีและข้านั่งไปในรถม้าหลวงซึ่งปูด้วยผ้าไหมบุนวมและหมอนอิงสักหลาดหนานุ่ม ลากด้วยม้าขาวสองตัว หลังจากที่นั่งสั่นสะเทือนไปบนถนนแสนกันดารมาเกือบสองสัปดาห์ เราก็มาถึงปราสาทกรีนิชริมฝั่งแม่น้ำเทมส์ ซึ่งอยู่ห่างจากลอนดอนห้าไมล์ไปทางตะวันออก ด้วยสภาพเปื้อนโคลนและเปียกแฉะ

                ในขณะที่ข้าวิ่งไปทุกส่วนของปราสาทเพื่อตามหาพระมารดา ข้าก็พบว่ารอบตัวเต็มไปด้วยความวุ่นวาย ผ้าม่านผืนใหม่ถูกแขวนไว้บนกำแพงตลอดทั้งห้องโถงเอก นักดนตรีและช่างตัดชุดประจำพระราชวังต่างวุ่นวายเรื่องการจัดงานเลี้ยงสวมหน้ากากและการรื่นเริงอื่นๆ เกวียนนำเครื่องใช้ต่างๆ สำหรับงานเลี้ยงมาส่งยังห้องครัวของปราสาท

                ข้ารู้สึกไม่สบายทั้งที่แสนตื่นเต้น หรืออาจรู้สึกเช่นนั้นเพราะตื่นเต้นก็เป็นได้ เมื่อการมาถึงของกษัตริย์ฝรั่งเศสใกล้เข้ามา ข้าก็ทุกข์ทรมานจากอาการปวดศีรษะและความรู้สึกคลื่นเหียนในท้อง แพทย์ประจำตัวของข้ารักษาอาการเหล่านี้ด้วยยารสชาติแย่หลายขนาน แต่อาการเจ็บป่วยของข้าก็ไม่ดีขึ้น

                และแล้วข้าก็ได้ข่าวว่าเรือของกษัตริย์ฟรานซิสและผู้ติดตามของพระองค์จะเดินทางมาถึงช้ากว่ากำหนดเนื่องจากติดพายุ เจ้าบ่าวของข้าจะยังมาไม่ถึงจนกว่าอากาศจะปลอดโปร่ง ข้าเกิดความคิดบางอย่าง : บางทีเรือนั่นอาจจะสูญหาย บางทีกษัตริย์ฟรานซิสอาจจะจมน้ำตายและข้าก็จะไม่ต้องแต่งงานกับพระองค์ตลอดไป เกือบจะทันทีที่ความคิดนั้นแล่นเข้ามาในหัวข้า ข้าก็รู้สึกผิดขึ้นมาทันทัน ข้าถูกสั่งสอนมาตั้งแต่ยังเล็กว่าข้าจะต้องสารภาพความคิดที่ชั่วร้ายเหล่านี้ต่อพระประจำตัว กลับใจ และรับการล้างบาป

                แต่เมื่อใดที่ข้าทำบาปเช่นนี้แล้ว ซึ่งเป็นบาปเพียงน้อยนิดในความคิดของข้า ข้าก็ตัดสินใจที่จะใช้ความผิดบาปครั้งนี้ให้เป็นประโยชน์ ในขณะที่คุกเข่าอยู่บนพื้นหินแข็งกระด้าง หลังของข้ายืดตรงราวกับหอก มือทั้งสองประสานกันที่ใต้คาง ดวงตาของข้าจ้องมองไปสู่สรวงสวรรค์ ข้าสวดภาวนา : พระบิดา หากพระองค์ประสงค์ที่จะเอาชีวิตของกษัตริย์ฟรานซิสไป โปรดทรงส่งสามีที่ดีมาให้ข้าแทนด้วยเถิด

                ข้าไม่มั่นใจว่าสามีที่ดีนั้นเป็นอย่างไร เพราะข้ามอบความไว้วางใจในเรื่องนี้ให้แก่พระเจ้าแล้ว

     

                พายุโหมกระหน่ำอยู่เป็นเวลาเกือบสามสัปดาห์ก่อนที่จะสงบลงอย่างกะทันหัน เมื่อใกล้จะถึงกลางเดือนเมษายน กษัตริย์ฟรานซิส ข้าราชบริพารผู้ติดตาม และคนใช้อีกกลุ่มใหญ่ก็เดินทางมาถึงฝั่งเมืองโดเวอร์ พวกเขาเดินทางมายังกรีนิชโดยมีอัศวินและผู้ช่วยของพระบิดาข้าเป็นผู้ติดตาม

                “บางทีพระองค์อาจจะพบว่าข้าไม่เป็นที่ต้องพระทัยก็ได้นะ” ข้ากล่าวกับซาลิสบรีอย่างมีความหวัง

                “อาจเป็นได้เพคะ แต่ก็มีความเป็นไปได้น้อยเหลือเกิน” ซาลิสบรีกล่าว ใบหน้าของนางราบเรียบราวกับแผ่นกระดาน และสงบนิ่งเป็นที่สุด “กษัตริย์ฝรั่งเศสทรงเรียกร้องให้ส่งภาพเหมือนของท่านหญิงให้ ซึ่งพระบิดาก็ทรงส่งให้แล้วในกล่องงาช้างซึ่งมีตรากุหลาบแห่งราชวงศ์ทิวดอร์สลักไว้บนฝา กษัตริย์ฟรานซิสโปรดใบหน้าอ่อนหวานที่เห็นในกล่องนั้นมากนะเพคะ”

                ช่างน่าโมโหอะไรอย่างนี้! “ซาลิสบรี ทำไมถึงต้องเป็นอย่างนี้ด้วยนะ ถ้าข้าขอดูภาพเหมือนของพระองค์ก่อน เพื่อที่จะได้ตัดสินใจว่าพระองค์ถูกใจข้าหรือเปล่า ข้าจะได้รับภาพของพระองค์บ้างไหม”

                ซาลิสบรีหัวเราะ “ไม่น่าจะได้หรอกเพคะ นั่นไม่ใช่วิถีของโลก”

                “นั่นแหละ โลกควรจะเป็นดังที่ข้ากล่าว” ข้าครวญ แม้ว่าจะรู้ว่านางพูดถูกก็ตาม

     

                งานเฉลิมฉลองเพื่อให้เกียรตินักบุญยอร์จ นักบุญผู้อุปถัมป์ประเทศอังกฤษ เริมต้นด้วยงานเลี้ยงรับประทานอาหารตอนเย็น ข้าจะได้ลอบมองชายที่ข้าถูกหมั้นหมายไว้ให้เป็นครั้งแรกในโอกาสนี้ ขณะที่กษัตริย์ฟรานซิสเดินเข้ามาในห้องโถงเอกพร้อมด้วยเสียงประโคมแตร ข้าก็สามารถบอกได้ว่าเขาเกือบสูงเท่าพระบิดาข้าแต่ผมกว่ามาก เว้นแต่ส่วนหน้าท้องกลมๆ เท่านั้น โชคร้ายที่พระองค์นั่งอยู่ที่หัวโต๊ะอีกฝั่งหนึ่ง และข้านั่งอยู่อีกฝั่งหนึ่ง ข้าสายตาสั้นมาโดยตลอด และด้วยระยะทางที่ไกลเช่นนี้ ข้าไม่สามารถมองเห็นลักษณะของพระองค์ได้อย่างชัดเจน ข้าสามารถมองออกเพียงว่ามือสีขาวของพระองค์โบกสะบัดราวกับนกพิราบที่ตื่นกลัว แต่ข้าได้ยินพระองค์ – พระองค์มีเสียงหัวเราะที่เหมือนกับเสียงร้องของลา

                ขณะที่ข้าเพ่งมองพระองค์ พนักงานเป่าแตรก็ประกาศว่าอาหารชุดแรกมาถึงแล้ว : อาหารสองโหลซึ่งประกอบไปด้วย ข้าวต้มธัญพืชกับเนื้อกวาง เนื้อกวางอบเกลือ นกกระยาง หงส์ และนกกระเรียนอบ ปลาทูนา ปลาไพค์ นกกระสา ปลาตะเพียน เนื้อลูกแพะ ปลาเพิร์ช กระต่าย พายแกะ และลูกควินซ์อบ อาหารชุดที่สองซึ่งมีหลากหลายชนิดตามมา – พายที่มีไส้เป็นปลากระเบน กุ้ง หอยนางรม ปลาไหลทะเล ปลาไหล นกต้อยตีวิด นกพริก นกปากส้อม นกลาร์ค ขนมคัสตาร์ด และขนมปังมาซิแพน

                ตามประเพณี ดังที่ซาลิสบรีได้สอนข้า ข้าจะต้องชิมทุกอย่างอย่างละนิดอย่างละหน่อย ช่างเป็นประเพณีที่ยากจะปฏิบัติตามเหลือเกิน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีกุ้งและหอยนางรมในมื้ออาหาร ถึงแม้ว่าข้าจะหลงไหลอาหารเหล่านี้ โดยเฉพาะอาหารที่ซาลิสบรีไม่อนุญาตให้ข้ากินที่บ้าน เมื่อข้าเห็นมือสีขาวโบกไปมาที่ฝั่งตรงข้ามของโต๊ะและได้ยินเสียงหัวเราะอย่างลาร้อง ข้าก็แทบไม่ได้รับรสอาหาร แม้แต่สำหรับกุ้ง แค่จินตนาการว่าต้องใช้ชีวิตอยู่กับสิ่งนี้ไปตลอดชีวิต! ข้าก็พบว่าตัวเองแทบจะกลืนอาหารไม่ลง

                งานเลี้ยงรับประทานอาหารจบลงด้วยการเสิร์ฟของหวานอันแสนวิจิตร มันเป็นภาพจำลองเรือของโนอาห์ที่สูงเกือบสามฟุตและทำจากน้ำตาลล้วนๆ สัตว์หลากหลายคู่ทั้งที่เป็นสัตว์จริงๆ และสัตว์ในจินตนาการถูกปั้นขึ้นจากแป้งผสมผงแอลมอนด์ สัตว์เหล่านั้นต่างเดินอยู่บนไม้กระดานไปสู่ตัวเรือ ที่กราบเรือมีรูปปั้นเล็กๆ ของคนคู่หนึ่ง ซึ่งข้าคิดว่าเป็นโนอาห์กับภรรยา จากนั้นพระบิดาข้าก็ชี้นิ้วไปยังรูปปั้นเล็กๆ นั้นและประกาศเสียงดังว่า “ดูสิ กษัตริย์แห่งฝรั่งเศสและเจ้าหญิงแห่งเวลส์ของพวกเรากำลังทักทายข้าราชบริพารที่จงรักภักดีอยู่!

                ผู้คนต่างส่งเสียงเชียร์ และดังที่ทุกคนคาดหวัง ข้าหลุบตาลงต่ำและยิ้ม แต่ข้าไม่ต้องการสิ่งใดเลยนอกจากวิ่งออกไปจากโต๊ะอาหาร

                เมื่องานฉลองจบลง ก็เป็นเวลาที่จะแนะนำกษัตริย์ฟรานซิสและข้าราชบริพารต่อพระมารดาของข้าและตัวข้า นี่เป็นเวลาที่ข้าหวาดหวั่นเป็นที่สุด เหล่าข้าราชบริพารเริ่มแนะนำตัวก่อน พวกเขาพูดกับข้าเป็นภาษาฝรั่งเศส ละติน และอิตาเลี่ยน (“คำถามโง่ๆ” ข้าบ่นกับซาลิสบรีในภายหลัง “ถามว่าข้าอายุเท่าไหร่ด้วยภาษาถึงสามภาษา”) ข้าตอบได้อย่างง่ายดาย แต่ความสนใจของข้าอยู่ที่กษัตริย์ฟรานซิสผู้เดินเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ ข้าสามารถมองเห็นตาที่แฉะด้วยขี้ตาและจมูกยาวๆ ของพระองค์ได้อย่างชัดเจน

                เมื่อกษัตริย์แห่งฝรั่งเศสค้อมตัวลงและจุมพิตมือข้าอย่างเปียกแฉะ ข้าก็เกือบจะต้องเอามือปิดปากไว้ “อัญมณีแห่งอังกฤษ” พระบิดากล่าวกับกษัตริย์ฟรานซิสด้วยความภาคภูมิใจ “ไข่มุกแห่งโลกของข้า” พระบิดาทำเช่นนี้กับข้าได้อย่างไร

     

                หลังจากงานเลี้ยงอาหาร กษัตริย์เฮนรี่ก็สร้างความบันเทิงแขกชาวฝรั่งเศสด้วยการล่อหมี ข้านั่งอยู่ข้างพระบิดาในขณะที่เจ้าหมีตาบอดตัวใหญ่ชื่อแจ็กถูกนำมาเข้ามาในสังเวียนพร้อมกับเสียงโห่และเสียงปรบมือ ผู้ดูแลหมีหลวงปลอยสุนัขฝูงหนึ่งเข้ามาในสังเวียน แจ็กเหวี่ยงแขนไปมาอย่างไร้จุดหมาย และด้วยการตะปบอุ้งมืออันทรงพลังเพียงครั้งเดียว เจ้าหมีก็สามารถฆ่าสุนัขพันธุ์มาสติฟสองตัวที่พุ่งไปยังคอของมันตายคาที่ สุนัขอีกจำนวนหนึ่งถูกปล่อยเข้ามาในสังเวียน และไม่นานทั้งหมีและสุนัขต่างก็เลือดท่วมและมึนงง แจ็กเดินโซเซผ่านศพของสุนัขและสุนัขที่กำลังจะตายไปรอบๆ สังเวียน ขนของมันถูกปกคลุมไปด้วยเลือด เสียงหอนของสุนัข เสียงคำรามของหมี และเสียงเชียร์ของผู้ชมดังอื้ออึง กลิ่นคาวของเลือดชวนให้คลื่นเหียน ผู้ดูแลหมีมองมายังกษัตริย์ผู้เป็นพระบิดาของข้าเพื่อให้พระองค์ให้สัญญาณ

                “ว่าอย่างไรล่ะ เจ้าหญิงที่รักของพ่อ” พระบิดาถาม “เจ้าจะมอบชีวิตหรือความตายได้เจ้าแจ็กแก่ที่น่าสงสาร ตอบมาซิ”

                ข้าค่อนข้างวิงเวียนจากการเห็นเลือดมากมาย “ข้าขอตอบว่าจงมอบความตายให้เจ้าหมีเพคะ” ข้าประกาศด้วยน้ำเสียงสั่นเทา รู้ว่านั่นคือสิ่งที่พระบิดาประสงค์ให้ข้าพูด แต่ข้าปรารถนาจนสุดหัวใจให้ตนเองมีอำนาจที่จะช่วยชีวิตของเจ้าหมีไว้ได้

                “ตอบได้ดี” พระบิดาตะโกน พระองค์ทำสัญญาณต่อผู้ดีแลหมีผู้ส่งสุนัขตัวสุดท้ายเข้าไปในสังเวียนเพื่อจะพุ่งเข้าสู่คอหอยของเจ้าหมีที่บาดเจ็บ

                ข้ามองดูเจ้าสัตว์ใหญ่ล้มลงและสิ้นชีวิต และข้าก็เหลือบมองไปยังพระคู่หมั้นของข้า กษัตริย์ฟรานซิส มือของพระองค์ยังคงโบกสะบัดอย่างไร้จุดหมาย แม้ว่าพระพักตร์จะซีดเซียวลงก็ตาม อย่างน้อยเสียงร้องอย่างลาของพระองค์ก็เงียบไป

     

                สามวันหลังจากงานเลี้ยงอาหาร ข้าก็ยืนนิ่งอยู่ระหว่างกษัตริย์เฮนรี่และราชินีแคทเธอรีนในพิธีหมั้น แต่งกายด้วยชุดผ้าไหมสีเขียวขาวตัวใหม่ ผ้าคลุมสีทองลากยาวจากไหล่ข้าลงมา มันยาวและหนักมากจนข้าต้องมีนางกำนัลถึงหกคนแบกผ้าคลุมตามข้า สร้อยคอส่องแสงเป็นประกายหลายเส้นถูกทาบไว้บนคอของข้าจนข้าคิดว่าตัวเองหายใจไม่ออก กษัตริย์ฟรานซิสชำเลืองมองข้าและสวมแหวนเพชรแกมทับทิมบนนิ้วของข้า

                ข้าต้องทนไปอีกเท่าไหร่นะ ข้าสงสัยและรู้สึกถึงตะคริวกับอาการคลื่นไส้อีกครั้ง ถ้าข้าไม่ข่มตนเองไว้ น้ำตาคงจะนองหน้าข้าไปแล้ว แต่ข้าถูกฝึกมาไม่ให้ร้องไห้ต่อหน้าธารกำนัล “อิสตา ปูเอลลา  นุน ควม โพลรัต” พระบิดาเคยโอ่เป็นภาษาละตินเมื่อพระองค์อุ้มข้าไปรอบๆ ห้องโถงเอก “เด็กหญิงผู้นี้ไม่เคยร้องไห้” พระองค์ไม่ทรงรู้หรอกว่าข้าร้องไห้มากเพียงใดเมื่ออยู่ลำพัง

                เย็นวันนั้นมีการเลี้ยงอาหารอีกครั้ง และงานนี้ก็หรูหรายิ่งไปกว่างานก่อนหน้า เมื่อมื้ออาหารจบลง กษัตริย์ก็ให้สัญญาณให้ข้าออกไปจากโต๊ะอาหารและเตรียมพร้อมสำหรับงานเลี้ยงสวมหน้ากาก นี่เป็นอีกหนึ่งความคิดของพระบิดา พระองค์รักการแต่งตัวด้วยเสื้อผ้าที่สวยงามประณีตเท่าที่ช่างฉลองพระองค์จะสามารถจัดทำขึ้นได้ พระองค์สั่งให้ข้ากับนางกำนัลเจ็ดคนของพระมารดา และสุภาพบุรุษอีกเจ็ดคนแต่งกายเช่นเดียวกับพระองค์ นั่นคือสวมเสื้อผ้าของชาวเหนือ เสื้อผ้าที่มีขอบเป็นขนเฟอร์ต้องรสนิยมของข้า และข้าก็ชอบการเต้นรำอย่างแท้จริง ตั้งแต่ข้ามาถึงกรีนิช พระอาจารย์สอนเต้นรำของข้าได้ซักซ้อมข้าและหญิงสาวคนอื่นๆ จนเราทุกคนสามารถเต้นรำได้อย่างสมบูรณ์แบบ

                ระหว่างการฝึกซ้อม ข้าสังเกตเห็นนางกำนัลคนหนึ่งในราชสำนักของพระมารดา ผมหนาดกดำของนางส่องประกายราวกับปีกกา นางปล่อยผมให้พลิ้วไหวอย่างอิสระ ต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่รวบผมอย่างสงบเสงี่ยมไว้ในตาข่ายคลุมผมหรือหมวก ดวงตาของนางเป็นประกายและเป็นสีดำราวกับโอนิกซ์ ผิวของนางขาวราวกับน้ำนม เรือนกายของนางแบบบางและพลิ้วไหวราวกับต้นวิลโล่ ริบบิ้นสีดำล้อมอยู่รอบคอของนาง มีเพชรเม็ดใหญ่ห้อยลงมาจากริบบิ้นเส้นนั้น นางโดดเด่นเหนือกลุ่มหญิงสาวที่มีผิวสีชมพูกับดวงตาสีฟ้าและผมสีทอง สตรีสี่สิบเก้าคนในราชสำนักของพระมารดาแต่งกายด้วยสีฉูดฉาด แต่นางแต่งกายด้วยสีขาวดำอันโดดเด่น

                ชื่อของสตรีผู้นี้คือแอนน์ โบลีน ข้าได้รู้จากการแอบฟังว่านางเป็นบุตรสาวของราชทูตอังกฤษในราชสำนักฝรั่งเศส และนางเติบโตมาในประเทศฝรั่งเศส ไม่นานหลังจากนางและพี่สาวของนางกลับจากฝรั่งเศส พระมารดาของข้าก็เชิญทั้งสองมาอยู่ในราชสำนัก แอนน์พูดภาษาฝรั่งเศสด้วยสำเนียงขี้เล่นและล้อเลียน ต่างไปจากภาษาฝรั่งเศสอย่างเป็นทางการของพระอาจารย์ นางฉับไวและเฉลียวฉลาด เสียงหัวเราะใสกังวานเป็นระยะของนางดึงดูดความสนใจของทุกคน นางไม่มีเลือดขัตติยาในกาย และถูกเรียกอย่างง่ายๆ ว่า แม่หญิงแอนน์ กระนั้นนางก็ประพฤติตนราวกับนางพญา ข้าพบว่านางน่าตื่นตาตื่นใจยิ่งนัก

                งานเลี้ยงสวมหน้ากากเริ่มขึ้น ข้านำสตรีทั้งเจ็ด ซึ่งมีแอนน์รวมอยู่ด้วย ออกมาจากถ้ำน้ำแข็งปลอมที่มีมาลัยและพรรณพฤกษาต่างๆ แขวนอยู่ เพื่อเดินออกไปยังฟลอร์ที่อยู่ต่ำกว่า สุภาพบุรุษแปดคนเดินมาร่วมกับเราและสะบัดผ้าคลุมเฟอร์ของพวกเขา หน้ากากสักหลาดแบบครึ่งหน้าที่ปิดพระพักตร์ของกษัตริย์เฮนรี่ไว้ไม่สามารถปกปิดตัวตนของพระองค์ได้ พระองค์เป็นผู้ที่สูงที่สุดในฝูงชนอยู่เสมอ ด้วยความสูงกว่าหกฟุต เมื่อเหล่านักเต้นรำจับคู่ดังที่ตระเตรียมไว้  กษัตริย์ผู้สวมหน้ากากก็ยื่นมือมาให้ข้าเพื่อเต้นรำจังหวะพาเวนอย่างเป็นทางการ แต่ในขณะที่เราทั้งสองขยับตัวตามสเต็ปอย่างไม่มีที่ติ ข้าสังเกตเห็นว่าพระเนตรของพระบิดามิได้จับจ้องอยู่ที่ข้า แต่กลับมองตามนักเต้นรำผมดำไป มีความกระตือรือร้นบางอย่างในแววตานั้นที่ข้าไม่เคยเห็นมาก่อน และมันก็ทำให้ข้าเป็นกังวล

                ข้าจำเป็นต้องเรียนรู้เกี่ยวกับแอนน์ โบลีนคนนี้ให้มากขึ้นเสียแล้ว 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×