คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : Angel's Story * 4 :: เกมส์แรก(ใครโดน?)
นา เอ มอ ริท กยอล Yeah คือ ซน กา รัก Oh (A man in love)
. .ฮีชอล สายเข้า
“ว่าไง?”
(ทึกกี้แกอยู่ไหน หายไปตั้งแต่กลางวัน โทรไปก็ปิดเครื่อง แล้วที่แกเปิดเครื่องให้ฉันโทรมาด่าใช่ไหมเนี่ย บลาๆๆ ๆ. . ๆ) เสียงบ่นแวดๆ ที่ดังลอดโทรศัพท์มาทำเอาคนหน้าหวานต้องเอาหูออกห่างจากโทรศัพท์โดยไว ตอนนี้เค้าอยู่ภายนอกของผับ ส่วนคังอินกับเพื่อนๆ เข้าไปข้างในกันหมดแล้ว
“ฉันอยู่ที่ผับABC”
(ผับABC!? แกไปทำอะไรที่นั่นห่ะ!!~ แล้วแกไปกับใคร?)
“มากับคังอิน ฉันก็แค่มาเที่ยวเฉยๆ ) อีทึกพยายามหาเหตุผลมาอ้าง เท่าที่คิดได้ก็มีเพียงแค่นี้
(คิดจะทำอะไรกันแน่ทึกกี้ ฉันรู้นะว่าคังอินที่นายพูดถึงคือน้องชายคนโตของฮันกยอง) คำพูดเรียบแต่กลับทำปลายสายตกใจไปชั่วขณะ ทั้งๆ ที่ไม่อยากให้ฮีชอลเข้ามารู้ด้วยแท้ๆ ใครเป็นคนบอกกันนะ หรือว่า. . .
“แค่จะทำอย่างที่มันทำกับฉันก็เท่านั้น . .แล้วใครเป็นคนบอกนายเรื่องคังอิน”
(ซีวอน. . . แต่ทึกกี้! คังอินนั้นมันเป็นถึงเพลย์บอยอันดับต้นๆ ของเกาหลีเลยนะ นายจะไหวแน่เหรอ) น้ำคำของเพื่อนคนสวยที่ส่อความเป็นห่วงผ่านทางโทรศัพท์ ทำให้คนหน้าหวานยิ้มตามและรู้สึกอบอุ่นขึ้นทันใด
“เอาหน่า ขนาดยุนโฮ เพลย์บอยอันดับหนึ่งของเกาหลีฉันยังปราบมาแล้วเลยนะ ไม่ต้องเป็นห่วงหรอก” ฮีชอลได้ฟังก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่เจ้าตัวก็ยังมีเรื่องข้องใจอยู่ดี
(ถึงจะอย่างนั้นก็เถอะ ระวังตัวไว้หน่อยนะเพื่อน แล้วตกลงวันนี้แกจะทำอะไรกับคังอิน)
“ก็แค่ทำให้มันหลงฉันก็เท่านั้น”
(แต่ที่นั้นมันผับนะอีทึก แกก็รู้ว่าแกแพ้แอลกอฮอล์ ถ้าแกกินเข้าไปมันก็ยาปลุกเซ็กส์ชั้นดีเลยนะ)
“ไม่เป็นไรๆ ฉันดูแลตัวเองได้ แค่นี้ก่อนนะ”
(อ่ะ...เดี๋ยว)
ปิ๊ปปปปป ปป ป ป!! !
คิดจะทำการใหญ่ มันต้องมีการเสียสละกันบ้าง เป็นเรื่องธรรมดา
คิดในใจ ก่อนที่จะเดินเข้าไปในผับใหญ่ใจกลางกรุง ที่มีนักท่องราตรีมาชุมนุมกันเป็นจำนวนมาก ทุกคนก็ต่างสนุกครื่นเครงกับแสง สี เสียง ที่ล่อตาล่อใจ ถือว่าเป็นสถานที่อันตรายอับดับหนึ่งเลยทีเดียวสำหรับหญิงสาวหรือชายหนุ่มพรหมจรรย์ผู้ที่จะรักษาเวอร์จิ้นเอาไว้ ดังนั้นการที่จะมาในสถานที่เริงลมอันเลิศหรูแห่งนี้นั้น . .ก็ต้องเตรียมใจไว้แล้วเป็นอย่างดี
อีทึกมองหาชายหนุ่มร่างท้วมที่เป็นคนขับรถพาเขามาที่นี่ แต่ก็ไม่เจอแม้แต่เงา เสียงเพลงก็ดัง มืดก็มืด เบอร์โทรศัพท์ก็ไม่มี เจริญแล้วอีทึกเอ๋ย. และขณะที่เจ้าตัวกำลังคิดอะไรเพลินๆ อยู่นั้นก็มีมือปริศนามาโอบกอดเขาจากด้านหลัง
“อ่ะ
คังอิน” เมื่อหันกลับไปมองก็พบกับคนที่ตนเองตามหา ก่อนที่ร่างหนานั้นจะโน้มใบหน้าเข้ามาใกล้แล้วกระซิบเบาๆ ที่ข้างใบหู
“มายืนทำหน้าตาน่ารักอยู่ตรงนี้ เดี๋ยวก็โดนฉุดหรอก”
“จะบ้ารึไง แล้วพวกนายไปอยู่ไหนกัน” อีทึกตีไปที่แขนคังอินเบาๆ ก่อนจะขืนตัวออกจากวงแขนนั้น
“ฉันจองเป็นห้องเอาไว้ มานี่ม่ะ” ว่าแล้วหมีตัวใหญ่ก็พานางฟ้าเดินไปโดยจูงมือกันอย่างน่ารักนักในสายตาคนที่มองมาทั้งหลาย
“ฮีชอล เป็นไรรึเปล่าทำไมทำหน้าเครียดๆ “
“ก็ทึกกี้น่ะสิ อยู่ที่ผับกับคังอิน” ฮีชอลหน้าเครียดจนซีวอนที่ขับรถอยู่หันมองด้วยสายตาอ่อนโยน พร้อมกับส่งมือข้างหนึ่งที่ผละออกจากพวงมาลัยรถลูบหลังให้กำลังใจคนข้างกาย ไล้ขึ้นลูบใบหน้าสวยบางเบา ดังแก้วบางๆ
“ผมไม่รู้หรอกนะ ว่าอีทึกกับฮันกยองมีเรื่องอะไรกัน แต่ไม่ว่ายังไงฮีชอลก็ยังมีผมนะ” ฮีชอลมองเข้าไปภายในตาของซีวอน และมันก็เป็นเช่นนั้นจริงๆ แววตาจริงใจ และจริงจัง ยังมีอยู่ในตัวคนๆ นี้เสมอมา เพราะอย่างนั้นสิ . .ฮีชอลถึงได้รักซีวอนสุดหัวใจ
“ซีวอนไปผับABC กันนะ” คิ้วซีวอนเลิ่กขึ้นด้วยความสงสัย มองตาเรียวของคนสวยด้วยความใคร่รู้
“เป็นห่วงทึกกี้ ไปกันนะ” ฮีชอลจับแขนคนตัวสูงแล้วลูบไปมาอย่างอ้อนๆ แล้วก็ได้ผล ซีวอนใจอ่อน
“งั้นไปกัน” พูดเสร็จซีวอนก็ตะหวัดกลับรถอย่างรวดเร็ว เพื่อมุ่งตรงไปยังผับABC. .
“คยู!?”
คนหน้าหวานตกใจ ยามเมื่อคังอินนเปิดประตูให้เขาแล้วพบกับผู้ที่โยนลูกบาสโดนหัวเขา แล้วก็ยิ่งแปลกใจเมื่อพบเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักจิ้มลิ้มที่นั่งอยู่ใกล้คยูฮยอนที่คุยอยู่กับเพื่อนของคังอิน
“อ้าว...พี่อีทึก!!” น้ำเสียงตกใจระคนดีใจ ทำเอาหลายคนต้องมองเขาเป็นตาเดียว
“นายรู้จักอีทึกด้วยเหรอ” คังอินถามเมื่อเขากับอีทึกมานั่งเป็นที่เรียบร้อย
“ก็เมื่อกลางวันผมเผลอทำลูกบาสไปโดนหัวพี่เค้า ก็เลยรู้จักกันนิดหน่อย” คยูฮยอนพูดแล้วหันหน้าไปทางเด็กหนุ่มหน้าตาน่ารักข้างๆ “ซองมิน นี่พี่อีทึก ที่ผมเล่าให้ฟังไง ส่วนพี่อีทึก นี่ซองมินแฟนผม”
. .มีก้างด้วยแฮะ ดูท่าจะจัดการกับคยูฮยอนยากเอาการ
“นี่คยู พี่ฮันยังไม่มาอีกเหรอ” คังอินหันไปถามน้องชาย ขณะที่คนอื่นกำลังพูดคุยกันอย่างเมามันส์ รวมทั้งอีทึกที่ตอนนี้เข้าไปคุยกับซองมินอย่างออกรสออกชาติเรียบร้อย
“เดี๋ยวก็คงมามั้งฮะ พี่อีทึกเหรอฮะ คนที่พี่บอกว่าถูกใจ” ปกติแล้วพอพี่คังอินถูกใจใคร ก็จะโทรศัพท์เรียกผมกับพี่ฮันมาที่ผับนี้ตลอด แต่ครั้งนี้ผมไม่นึกจริงๆ ว่าจะเป็นพี่อีทึก คนที่ผมกะจะเล็งไว้เหมือนกัน อ่ะ...ไม่ได้ๆ ๆ ผมมีพี่ซองมินอยู่แล้ว ใจเย็นไว้ คยูเอ้ย!
“อื้อ !! เป็นไง~ น่ารักล่ะสิ!”
“ใช่ น่ารัก. . ~” คยูเพลอบอกออกไปอย่างลืมตัว เล่นเอาคังอินตกใจไม่น้อยเลยทีเดียว
“เฮ้ย!!!!! บอกไว้ก่อนนะเว้ย!! ว่าคนนี้ฉันจอง แกไม่เกี่ยว” คังอินเอ่ยดักคอเสียงดัง และนั้นก็ทำให้คยูฮยอนรู้สึกตัวว่าพูดอะไรออกไปก่อนจะพูดติดตลก
“ผมล้อเล่นหรอกน่ะ ผมมีซองมินอยู่แล้ว ผมไม่สนใครหรอก”
“เอาให้มันแน่เหอะ”
“แน่อยู่แล้ว!” คยูรับคำอย่างมั้นเหมาะ ทั้งๆ ที่ใจกลับหวั่นไหว เหงื่อเม็ดน้อยผุดพรายตามข้างขมับ
“ก็ดี” คังอินว่าแล้วหันกลับไปร่วมวงกับเพื่อนๆ โดยที่มีคยูฮยอนมองตามหลังพี่ชายตัวเองพลางถอนหายใจ ลูบอกตัวเองเบาๆ
...เฮ้อ! รอด
“ผมกับซองมินขอตัวกลับก่อนนะฮะ”
“กลับกันดีๆ ล่ะ” อีทึกพูดแล้วยิ้มหวานให้อย่างเคย
“ครับ” ว่าแล้วคยูฮยอนก็เดินพาซองมินออกไป ทิ้งให้คนๆ หนึ่งที่อยู่ในห้องมองด้วยสายตาปวดร้าว
“เฮ้ย!! ไอ้ฮยอก แกยังไม่เลิกชอบซองมินอีกเหรอวะ” เยซองมองหน้าเพื่อนที่จ๋อยอย่างสงสาร แต่มีเพียงแค่ความเงียบของบุรุษที่โดนถามตอบกลับมา
“ตัดใจได้เลยวะเพื่อน ดูท่าคู่นี้เค้าจะคบกันยืด” ชินดงพูดแล้วตบบ่าเพื่อนเป็นการให้กำลังใจเบาๆ คนฟังก็เพียงแค่พยักหน้ารับน้อยๆ แล้วยืดตัวลุกขึ้น
“งั้นข้ากับก่อนแล้วกัน ไม่มีอารมณ์แล้ว” อึนฮยอกพูดแล้วก็เดินออกจากห้องไปอย่างรวดเร็ว
“ถ้ามันยังไม่หยุด ตัวมันเองนั้นแหละที่ต้องเจ็บ” คังอินพูดเปรยขึ้นมาเมื่ออึนฮยอกจากไป
“แต่แค่ได้มองก็มีความสุขไม่ใช่เหรอ ถึงมันจะเป็นความสุขที่ฉาบฉวยก็เถอะ ทั้งๆ ที่ทำอะไรไม่ได้ แต่แค่ได้มองก็พอ” เสียงเรียบของคนหน้าหวาน ที่พูดเหมือนจมปลักอยู่กับตัวเองนั้นเรียกสายตาทุกคู่ให้จับจ้อง พออีทึกรู้สึกตัวก็รีบแก้ทันที
“ไม่มีไร~ แค่พูดตามใจคิดก็เท่านั้น” ว่าแล้วอีทึกก็หันไปสนใจน้ำเป๊ปซี่ในแก้วอันสวยงาม โดนไม่สนใจใคร
พลั่กกกกกกกกกก!!!!!!!!!!!!!!!
“เยซอง!!!!!!!!!~”
“ชินดง!!!!!!!!!!~”
“ซูยอง!!!!/ยูริ!!!!!”
สองสาวหน้าตาน่ารักเปิดประตูแล้วโผล่เข้ามาอย่างไม่ได้ตั้งตัว จึงทำให้ทั้งคนที่ถูกเรียกและคนที่นั่งอยู่เฉยๆ ตกใจจนแทบช๊อก
อีกทั้งเมื่อสองสาวนั้นเข้ามาในห้องที่มีแต่ผู้ชายแล้ว กลับไม่รู้สึกตื่นตระหนกแถมยังเข้าไปนั่งที่เรียกว่าแทบจะนั่งตักบุคคลที่เธอทั้งสองเรียกชื่อ ทำเอาอีทึกถึงกับระอากับพฤติกรรมของหญิงสาวสมัยนี้
“ตกใจอะไรกันคะ ยูริกับซูยองมาหาพวกคุณไม่ดีใจกันเหรอ~” คนที่คาดว่าน่าจะชื่อยูริอะไรนั้น พูดแล้วเอาหน้าไปถูกับแขนของเยซองอย่างคิดว่าจะน่ารัก
“นั้นสิคะ ชินดงคะ ออกไปแดนซ์กับซูยองหน่อยนะคะ” ฝ่ายนี้ก็ไม่ต่างกันเท่าไหร่อาจจะแรงกว่าด้วยซ้ำ ก็เล่นเอาหัวไปซุกตรงอกกว้างของชินดงเลยนี่สิ อีทึกส่ายหัวเบาๆ
“เยซองด้วยนะคะ ไปแดนซ์กับยูริหน่อยสิ”
“เอ่ออออ........” ทั้งสองคนต่างก็ทำใจลำบาก จนกระทั่งคังอินต้องตะโกนไล่
“พวกแกก็ไปกับพวกเขาหน่อยดิ ฉันจะได้อยู่กับอีทึกสองคน” ไม่พูดเปล่ากลับเอามือมาโอบไหล่บางไว้
เยซองกับชินดงจึงต้องลุกตามที่คังอินว่า ยูริและซูยองก็ควงคู่ของตัวเองออกไป แต่มิวายซูยองหันมาพูดกับคังอิน
“แทยอนก็มาด้วย ทำอะไรให้คิดถึงเพื่อนฉันบ้างนะ” แล้วหล่อนก็สะบัดหัวเล็กๆ ออกไป
“คังอิน~ แทยอนนี่ใครเหรอ” อีทึกจงใจทำหน้าแบ๊วๆ แล้วถามไปอย่างซื่อๆ
“ก็แค่ผู้หญิงที่ชอบตามเกาะแกะ”
“จริงเหรอ?” อีทึกถามแล้วยิ้มหวานน่ารัก
“จริงสิ ว่าแต่ทำไมนายไม่เห็นกินแอลกอฮอล์เลย เมื่อกี้ซองมินยังกินเลยนะ” คังอินถามตรงจุด อีทึกอึ้งกันไปเลยทีเดียว
...เอาแล้วไง ลางเสียตัวเริ่มมาแล้ว...
“ไม่อยากกิน เดี๋ยวเมา”
“ไม่เมาหรอกฮะ นิดเดียวเอง ถ้าพี่เมาผมไปส่งบ้านให้ก็ได้”
...ก็กลัวมันจะไม่ถึงบ้านนี่สิ ไม่พ้นห้องนี่หรอก
“ไม่เอาอ่ะ” อีทึกปฏิเสธไป เพราะคิดถึงหลักการและเหตุผล ในการเสียตัวของเขาแล้วมันมีเปอร์เซ็นต์สูงกว่า 99.99% เลยก็ว่าได้
“หน่อยนะครับ”
...ยังจะคะยั้นคะยออีกเนอะคนเรา เอาวะ!! เพื่อแก้แค้น...
“แล้วคังอินจะป้อนพี่อีทึกได้รึเปล่าล่ะ” คนหน้าหวานพูดด้วยเสียงยั่วๆ ก่อนที่จะเขยิบเข้าใกล้คังอิน
ส่วนคังอินพอสิ้นเสียงของอีทึกแล้วนั้น หัวใจกลับเต้นรัวผิดจังหวะอย่างที่มันควรจะเป็น ยิ่งอีทึกที่เจ้าตัวสนใจนั้นเขยิบเข้ามาใกล้ๆ อีกแล้วนั้น ยิ่งทำให้เจ้าตัวอยากจะจับคนตรงหน้ากดให้รู้แล้วรู้รอดกันไปเลย
“อื้อออ” เสียงครางเบาๆ ของคนหน้าหวานยามที่คังอินนั้นป้อนเหล้าด้วยปากของเขาเอง ในตอนแรกก็กะจะเป็นการป้อนผ่านทางปากธรรมดา แต่เมื่อริมฝีปากได้ปะทะกันแล้ว รู้สึกถึงความอ่อนหวาน ที่อยากจะละออกได้ จากการป้อนกลับกลายเป็นจูบที่ยาวนาน แต่อีทึกกลับรู้สึกซาบซ่าแปลกๆ จึงผละออกจากคนตัวสูง
“หือ?” คังอินถึงกับงง และเสียดาย
“แก้วเมื่อกี้ เอามาจากไหน” อีทึกว่าพลางชี้ไปที่แก้วที่คังอินป้อนเขา
“แก้วของพี่ซองมิน ทำไมเหรอครับ”
“มันเป็นเป๊ปซี่ผสมกับสไปร์ท”
“จริงดิ”
...อะไรกันฟร่ะ เป็นคนป้อนแท้ๆ กลับไม่รู้เรื่อง อ่ะ...งั้นที่ซองมินกินก็ไม่ใช่เหล้าน่ะสิ...
“งั้นเอาใหม่แล้วกัน อันนี้แก้วผม ของจริงแน่นอน”
“อ่ะ...ดะ..อุ๊บ” ปากคนหน้าหวานจะห้ามก็ไม่ทันเสียแล้ว ริมฝีปากคนตัวสูงประกบลงมาอย่างไม่ทันตั้งตัว เหล้าถูกเรียงรายผ่านปากหนึ่งไปยังอีกปากหนึ่งอย่างช้าๆ เหล้าส่วนหนึ่งที่ไหลออกมาจากปากตามช่องว่าง ก็ร่วงลงมาตามแรงดึงดูดของโลก โดยไหลเคลียคอขาว อย่างน่ามอง
เว้นแต่คนที่จะมองได้ตอนนี้กลับทำหน้าที่สำคัญอยู่ เสร็จสิ้นจากภารกิจป้อนเหล้าแล้ว แต่ร่างสูงกลับยังไม่อยากละริมฝีปากออก ก็ถือสิทธิ์สอดลิ้นเข้าไปในปากร่างบาง ลิ้นเล็กปฏิเสธการพัวพัน แต่ในที่สุดก็จูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม เพราะนึกถึงการแก้แค้นที่ต้องทำ
คนตัวโตเมื่อเห็นคนตัวเล็กตอบรับจุมพิตจากเค้าอย่างดูดดื่มก็ได้ใจ สอดมือเข้าไปในเสื้อของอีทึก สัมผัสตุ่มนูนเล็กบริเวณหน้าอกเบาๆ แต่เสียวได้ที่ จนร่างบางต้องผละริมฝีปากออก
“อ่ะ
” มือริมฝีปากของคังอินไร้ที่พักพิง เจ้าตัวเลยเลือกกดจูบไปที่ลำคอขาวๆ ที่โผล่พ้นคอเสื้อออกมาของคนหน้าหวาน มือหนาจัดแจงปลดเน๊คไทค์และกระดุมเสื้อที่เป็นอุปสรรคของเขาออกจากร่างบาง แต่ยังไม่ทันจะถอดเสื้อออกจากตัวของอีทึก
พลั่กกกกกกกกก!!!!!!!!!!
เสียงผลักประตูอย่างรุนแรงเรียกทั้งสองคนคิดต่างๆ กับไป คนหนึ่งดีใจที่มีคนมาขัดจังหวะ แต่อีกคนนี่สิอยากจะอัดไอ้คนที่มาขัดจังหวะนี่ให้ได้เลย แต่เมื่อทั้งสองหันไปแล้วก็ต้องตกใจเมื่อคนที่เข้ามาคือ
“ฮันกยอง!!!!!!!!!!!!!!!!/พี่ฮัน!!!!!!!!!!!!!!”
“พวกนายทำอะไรกัน” ฮันกยองผู้เข้ามาใหม่แปลกใจเป็นอย่างยิ่ง ...คังอินไปรู้จักกับปาร์ค จองซูได้ยังไง...
“...” ไร้ซึ่งเสียงตอบ มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เข้าครอบงำ ฮันกยองมองไปที่อีทึกที่กำลังจัดแจงเสื้อผ้าของตัวเอง แล้วเหลือบไปมองคังอินที่มองการกระทำของอีทึกอยู่อย่างขัดใจ
“คังอิน แทยอนรอนายอยู่ข้างนอก”
“...” ไร้ซึ่งเสียงตอรับจากบุคคลที่ควรจะปฏิบัติตาม
“นายก็น่าจะรู้นะ ว่าถ้าขัดใจแทยอนแล้วจะเป็นยังไง” ฮันกยองพูดเสียงเรียบๆ แต่นัยน์ตาที่คมประดุจเหยี่ยวนั้นกลับมองไปที่ร่างบางของห้องเพียงอย่างเดียว
“ก็ได้” คังอินยันตัวลุกขึ้นแล้วหันไปมองอีทึก “เดี๋ยวชั้นมา” แล้วคังอินก็เดินออกจากห้องไป
ณ ขณะนี้ห้องก็กลับมาเงียบเชียบอีกครั้ง เมื่อบุคคลที่อยู่ในห้องทั้งสองนั้นไม่คิดแม้แต่จะพูดคุยกัน ฮันกยองจึงเลือกที่จะเดินมานั่งข้างๆ คนสวยบนโซฟากว้าง แล้วเริ่มเปิดบทสนทนา
“คิดจะทำอะไรน้องชายชั้น” อีทึกเงยหน้าขึ้นสบตากับฮันกยอง นัยน์ตาเย็นเยียบทั้งสองจ้องกันอย่างไม่ลดละ และไม่มีความรู้สึกอันใดออกมาจากนัยน์ตาทั้งสองนั้นเลย ทำให้ไม่มีใครเดาถูกว่าอีกคนจะพูดอะไร แต่แล้วคนหน้าหวานก็ยิ้มเย็นๆ แล้วตอบกลับ
“นายน่าจะเปลี่ยนคำถามเป็น ‘น้องชั้นคิดจะทำอะไรนาย’ มากกว่านะ”
“ไม่จำเป็น คนอย่างนายถ้าไม่มายั่วคังอินก่อน เค้าก็คงไม่ติดกับนายหรอก” ทั้งๆ ที่ปากของเจ้าตัวจะพูดออกไปแบบนั้น แต่จิตใจกำลังหวั่นไหวอย่างรุนแรงกับร่างตรงหน้า ริมฝีปากที่อวบอิ่มบวมเจ๋อที่ได้จากการจูบเมื่อสักครู่กับน้องชายเค้า รอยประทับสีกุหลาบที่ลำคอระหงส์นั้น อีกทั้งผิวขาวพิสุทธิ์ที่โผล่พ้นเสื้อนักเรียนที่ปลดกระดุมสองเม็ดบนออกนั้น ทำเอาคนมองแทบอยากจะกดคนตรงหน้าและกระแทกแรงๆ ให้สาสม
“งั้นเหรอ นายจะคิดยังไงก็ตามใจล่ะกัน อ๊ะ!!...” คนหน้าหวานที่กำลังพูดอยู่ดีๆ ก็เกิดความรู้สึกประหลาดวิ่งเข้าทั่วร่างกายที่บอบบางนั้น ความรู้สึกประหลาดที่ทำให้อุณหภูมิภายในร่างกายเพิ่มขึ้นอย่างไร้ที่สิ้นสุด ความรู้สึกประหลาดที่ทำให้เจ้าตัวอยากจะปลดปล่อย
...อาการแพ้แอลกอฮอล์สินะ แต่ทำไมต้องเป็นตอนนี้ด้วยว่ะ!! ฮันกยองยังอยู่ด้วย อ่ะ...ไม่ไหวแล้วว...
ส่วนฮันกยองนั้นเมื่อได้ยินเสียงของคนหน้าหวานก็มองอีทึกอย่างประหลาดใจ ผิวกายของอีทึกที่บัดนี้ปรับเปลี่ยนจากสีขาวอมชมพูไปเป็นสีแดงน่าหลงใหล ริมฝีปากเล็กๆ นั้นก็ขบเม้มกันจนกลายเป็นเส้นตรงราวกับเจ้าตัวนั้นกำลังทรมาน มือเรียวทั้งสองข้างบิดตัวเสื้อนักเรียนไปมาอย่างกับอยากจะกระชากมันให้ขาด ภาพที่ฮันกยองนั้น มันยิ่งปลุกความหื่นกระหายและฮันกยองตัวน้อยๆ ให้ตื่นตัว แต่ปากก็ยังถามออกไปก่อน
“อีทึก เป็นอะไรรึเปล่า”
“ฮะ..ฮัน..กะ.กะ..กยอง...นาย..ระ..รีบ...ออกไป....ก่อน” ปากเรียวขยับอย่างยากลำบาก รวมทั้งเสียงที่ติดๆ ขัดๆ อยู่ที่คอขาวของเจ้าตัวคนพูดนั้น ทำเอาฮันกยองแทบสติแตก
“ทำไม?”
“มะ..ไม่..ทำไม...อ๊ะ!!!...อย่าเข้ามาใกล้นะ” อีทึกพูดพลางข่มอารมณ์ของแก่นกายที่อยู่ภายใต้ร่มผ้า ที่พองตัวจนคับแน่ไปหมด
แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ ฮันกยองเลื่อนใบหน้าและตัวเขาเข้าไปใกล้ร่างบางที่กำลังนั่งพิงโซฟาอย่างทรมาน ใกล้กันจนเรียกได้ว่าสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน ภาพคนสวยในขณะนี้ที่ใบหน้าแดงซ่าน กับนัยน์ตาที่จากโตๆ กลายเป็นปรือๆ ยั่วๆ และมีหยาดน้ำบริสุทธิ์เกาะอยู่ที่ดวงตาหวานนั้น ริมฝีปากนั้นที่หอบหายใจอย่างรุนแรงเนื่องจากการเกิดอารมณ์ปรารถนา อีกทั้งแผงอกที่อยู่ภายใต้เสื้อนักเรียนตัวบางที่ขยับขึ้นลงไปมาอย่างเร็วนั้น ทำให้ฮันคยองควบคุมสติตัวเองไม่ได้
หนุ่มชาวจีนกดริมฝีปากของตนเข้ากับริมฝีปากบางอย่างนิ่มนวล เจ้าของริมฝีปากบางนั้นรู้สึกตัวเล็กน้อยก่อนที่จะปล่อยสติไปกับสัมผัสของร่างตรงหน้า ฮันกยองสอดลิ้นเข้าไปในปากของร่างบางที่เปิดปากรอบรับสัมผัสของเขาอยู่แล้ว มือเรียวโอบรอบคอคนตัวสูง แล้วกดคอคนตัวสูงให้เข้ามาใกล้กว่าเดิม ลิ้นทั้งสองพัวพันกันอย่างดูดดื่ม ก่อนที่ลิ้นหนาจะกวาดไปทั่วโพรงปากเพื่อสำรวจและเก็บเกี่ยวเอาความหอมหวานภายในโพรงปากเล็กๆ นั้น
ฮันกยองผละริมฝีปากออกมาให้คนหน้าหวานได้หายใจ ก่อนจะประกบลงไปอีกครั้ง และจูบกันอย่างดูดดื่มเช่นเคย แต่คราวนี้แขนเรียวทีเคยอยู่รอบคอบัดนี้ไล่เรื่อยจนมาถึงอกแกร่ง มือเรียวปลดเน็คไทด์และกระดุมออกอย่างรวดเร็ว และลูบไล้กล้ามเนื้อบนอกแกร่งนั้นอย่างเร้าอารมณ์
ส่วนคนตัวสูงหลังจากผละจากริมฝีปากบางนั้นแล้วก็เปลี่ยนมาเล่นกับลำคอระหงส์นั้นแทน ฝากรอยปรารถนาทาบทับบนรอยเก่าที่น้องชายเค้าทำเอาไว้ และที่อื่นๆ จนเต็มลำคอขาวนั้น ขณะที่ฝากรอยปรารถนานั้น มือหนาก็ไม่ทิ้งหน้าที่กระชากเสื้อนักเรียนตัวบางนั้นจนแยกออกจากกัน มือหนาบีบเคล้นติ่งสีชมพูที่แข็งขึ้นเป็นไตนั้นอย่างมันมือ แต่ปากก็ยังไม่ละจากลำคอระหงส์
“อ๊ะ...อ๊าาาา” เสียงครางหวานหูดังขึ้นเมื่อฮันกยองใช้ลิ้นสากลากผ่านลำคอลงมาดูดดุนขบเม้มเม็ดนูนสีชมพูนั้นอย่างสนุกสนาน มือหนาเลื่อนต่ำลงมาเพื่อปลดเปลื่องพันธนาการ ส่วนล่างของคนหน้าหวาน เมื่อถอดพันธนาการส่วนล่างเรียบร้อยมือหนาก็เข้ากอบกุมแก่นกายที่พองโต เนื่องจากอารมณ์ปรารถนาของร่างบาง แล้วรูดขึ้นลงอย่างเบามือ ชวนสะท้าน
“อ๊าาา~ ฮันกยองเร็วหน่อยสิ อ๊ะ...” คนสวยเร่งเมื่อตัวเองนั้นอยากจะปลดปล่อยเต็มที่แล้ว ร่างสูงก็สนองคำขอโดยการใช้ปากเข้าครอบคลุมแก่นกายของคนหน้าหวานทันที ริมฝีปากดูดดุนส่วนที่แข็งขืนของอีทึกราวกับเป็นของเล่นชั้นยอด ลิ้นร้อนไล่เลียตั้งแต่โคนจนถึงปลายยอดที่บัดนี้เริ่มมีของเหลวปริ่มๆ ออกมาแล้ว
“อ๊าาาาาาา~~~~” ริมฝีปากหนาขมเม้นที่ปลายยอดครั้งสุดท้าย ก่อนที่ของเหลวภายในแก่นกายของร่างบางจะพุ่งกระฉูดออกมาเต็มปากของคนตัวสูง ฮันกยองเก็บกวาดกลืนกินไล้ลิ้นร้อนเลียของเหลวนั้น ราวกับว่าเป็นของหวานที่เลิศรสโอชามาจากแดนไกล
เมื่อทำหน้าที่จากส่วนหน้าเสร็จสิ้นลิ้นหนาก็ไล้เลียไปจนถึงช่องทางสีชมพู แล้วลิ้นร้อนก็ชอนไชเข้าไปในช่องทางนั้น ราวกับเป็นผู้เบิกทางชั้นดี มือทั้งสองข้างไม่ได้อยู่เฉย ข้างหนึ่งแยกขาเรียวให้แยกออกจากกัน ส่วนอีกข้างหนึ่งทำหน้าที่ตอบสนองแก่นกายของร่างบางที่บัดนี้พองโตขึ้นมาอีกครั้ง
“อ๊ะ...ฮันกยอง เข้ามาซักทีสิ ฉัน...ไม่ไหวแล้ว อ๊าาา” คนสวยเร่งด้วยเสียงหวาน ทำให้ฮันกยองต้องละลิ้นร้อนออกมาจากช่องทาง ก่อนที่จะปลดพันธนาการส่วนล่างของตนเองบ้าง แล้วจับส่วนที่แข็งขืนของตัวเค้านั้นจ่อแล้วไล่วนๆ อยู่ที่ปากทางแต่ไม่ยอมเข้าไปซักที ก่อนที่จะคิดอะไรสนุกๆ ได้
คนตัวสูงหยุดการกระทำทั้งหมดของตัวเองนั้น ทำเอาร่างบางนั้นอารมณ์ค้างแบบสุดๆ ไปเลย แล้วมองหน้าฮันกยองอย่างไม่เข้าใจ
“ถ้าอยากได้มัน ก็ลองทำเองดูซิครับ” ว่าเสร็จคนตัวสูงก็ผลิกจากตัวเองที่คร่อมอยู่ไปอยู่ข้างล่าง แล้วให้ฝ่ายที่โดนคร่อมขึ้นไปอยู่ด้านบน แล้วเลื่อนตัวเองไปพิงกึ่งนั่งกึ่งนอนอยู่ที่พนักโซฟา
คนหน้าหวานที่สติโดนแรงปรารถนาลบทิ้ง ก็ทำตามโดยดี จากร่างบางที่เคยนั่งอยู่บนต้นขาทั้งสองของร่างหนาก็เลื้อยขึ้นมาประกบจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากฮันกยอง ฮันกยองกดท้ายทอยร่างบางให้มาจูบกันอย่างล้ำลึกและเร้าร้อนขึ้น ลิ้นหนาสอดแทรกเข้าไปในโพรงปากของร่างเล็ก แล้วนำพาลิ้นเล็กเข้ามาในโพรงปากของเขา แล้วแลกลิ้นกันอย่างดูดด่ำในห้วงอารมณ์และความรู้สึก
อีทึกผละริมฝีปากออกมาแล้ว เคลื่อนตัวอย่างช้าๆ ขยับช่องทางของตนนั้นให้ตรงกับแก่นกายชองคนตัวสูงที่ตอนนี้ตั้งชันพร้อมเต็มที่แล้ว
“อ๊ะะะ.......อ๊าาาา~~” คนหน้าหวานค่อยๆ กดสะโพกมาสวยลงไปช้าๆ ความรู้สึกแปล๊บวิ่งเร้าเข้ามาทั่วร่างกาย เนื่องด้วยขนาดที่ใหญ่โตของแก่นกายของร่างสูง ทำเอาคนหน้าหวานหยุดการกระทำ
ฮันกยองมองแก่นกายของตัวเองที่ถูกคนสวยกลืนกินเข้าไปทีละนิดอย่างลุ่มหลง ก่อนที่จะชะงักเพราะอยู่ๆ คนหน้าหวานก็หยุดไปเสียดื้อๆ ทั้งๆ ที่ยังเหลือแก่นกายที่ยังไม่ได้เข้าไปอีกเกือบครึ่ง
“เป็นอะไรไปครับ คนดี~” มือสากลูบไล้ใบหน้าหวานตามโครงหน้าเรียวสวยได้รูป
“จะ...เจ็บ” น้ำบริสุทธิ์จากดวงตาเชื่อมหลั่งรินช้าๆ แล้วมือสากก็เปลี่ยนที่จากพวงแก้มสีชมพูใสไปยังสะโพกมนทั้งสองข้าง แล้วกดสะโพกนั้นลงอย่างแรงและรวดเร็ว
“อ๊าาาาา..............” เสียงครางกรีดร้องของคนหน้าหวานดังขึ้นเมื่อแก่นกายที่เข้ามาจนมิดอย่างรวดเร็ว สร้างความเจ็บปวดให้ร่างบอบบางนี้เป็นอย่างมาก ช่องทางของอีทึกนั้นบัดนี้คับแน่นจนรู้สึกจุกไปหมด ก่อนที่ช่องทางนั้นเริ่มขมิบปรับตัวให้คุ้นชินกับสิ่งขนาดใหญ่โตที่เข้ามา
ฮันกยองนั้นเมื่อช่องทางของคนหน้าหวานกลืนแก่นกายของเขาเข้าไปจนหมดแล้ว ความรู้สึกประหลาดก็ถาโถมเข้าใส่จนอยากจะระเบิด เนื้อภายในช่องทางขมิบตอดรัดแก่นกายของของจนรู้สึกสะท้านไปทั้งร่าง
“อ๊ะ...ฮันกยอง มันแน่นอ่ะ...”
“ขยับสิครับ”
คนหน้าหวานพยักหน้ารับ ยกสะโพกตัวเองขึ้นสูงแล้วกดลงมาอย่างรวดเร็ว หลายต่อหลายครั้ง เสียงครางหวานยังคงดังต่อไปเรื่อยๆ และยังคงดังขึ้นๆ ในยามที่เจ้าตัวกดสะโพกตัวเองลงมา มือหนายังคงทำหน้าที่กับแก่นกายของคนหน้าหวานอยู่อย่างเคย รูดขึ้นลงอย่างรุนแรงเพื่อให้ความกระสันต์นี้ลดความเจ็บปวดที่ช่องทางด้านหลังได้บ้างก็ยังดี
“อ๊ะ...อ๊ะ..” อีทึกยังกระแทกสะโพกขึ้นตามอารมณ์ปรารถนาที่อยากจะปลดปล่อย อีทึกขยับขึ้นลงอีกสองสามที ร่างสูงก็ถึงจุดปลดปล่อย ฉีดของเหลวสีขาวขุ่นเข้าไปในตัวร่างบาง ฮันคยองนั้นเมื่อตัวเองได้ปลดปล่อยก็เร่งมือให้คนหน้าหวานปลดปล่อยด้วย ไม่นานอีทึกก็ถึงจุดนั้น
คนหน้าหวานเมื่อได้ปลดปล่อยแล้วก็หมดแรง ยกสะโพกขึ้นให้แก่นกายของร่างสูงออกไปจากช่องทางของตัวเอง แล้วปล่อยตัวลงซบบนอกแกร่งนั้น อย่างลืมสิ้นถึงความแค้นทุกสิ่งอย่าง ปล่อยตัวที่มีแต่ความปรารถนาให้เป็นของฮันกยอง คนตัวสูงเมื่อเห็นคนหน้าหวานซบลงที่อกของตัวเองแล้วนั้นก็ยังไม่หมดความต้องการร่างตรงหน้า
ฮันกยองนึกอะไรเมื่อหันไปมาที่บานประตู ก่อนจะกระซิบเสียงเบาข้างหูอีทึกของเขา
“นี่ประตูยังไม่ได้ล๊อคนะ ถ้ามีคนมาเห็นเข้าจะเป็นยังไงนะ” อีทึกเงยหน้ามองอย่างเคืองๆ ก่อนจะโต้กลับ
“ก็เดินไปล๊อคสิ”
“นั้นสินะ แต่ฉันอยากให้นายไปด้วย”
“อ่ะ...ปะ..ปล่อย จะ...เจ็บ” อีทึกส่งเสียงประท้วงเมื่อฮันกยองอุ้มเค้าแล้วเดินมาที่บานประตู สะโพกของร่างบางที่เพิ่งเสร็จจากภารกิจได้รับความกระทบกระเทือน จนทำให้ร้องออกมา
ฮันกยองเมื่ออุ้มอีทึกมาถึงประตูล็อคกลอนเรียบร้อย แล้วก็ปล่อยร่างบางลงให้ยืนหันหน้าเข้าประตูไม้ขนาดใหญ่ แล้วเข้าใช้มือกอบกุมส่วนอ่อนไหวของร่างบางทันทีโดยไม่ให้ตั้งตัว
“อ๊ะๆ.......” ความรู้สึกสะท้านวิ่งไปทั่วทั้งร่างกาย ร่างบางขยับตามจังหวะการรูดขึ้นลงของฮันกยอง ร่างสูงบดเบียดตัวให้ร่างบางแนบชิดกับประตูเข้าไปอีก
“อ๊าาาาา! !!” อยู่ๆ ฮันกยองก็สอดใส่ความเป็นชายเข้าไปโดยไม่มีการบอกกล่าวปลุกเร้าใดๆ ทำให้ร่างบางต้องกรีดร้องเสียงดังเนื่องจากความคับแน่นครั้งนี้มันต่างจากครั้งเมื่อกี้มากมาย ฮันกยองค้างไว้ให้คนหน้าหวานได้ปรับตัวกับของๆ เค้า แล้วคนตัวสูงก็เริ่มขยับแก่นกายเข้าออก
“อื้มมม...ฮ้าาา เร็วอีกสิ แรงๆ หน่อย อ๊าาา~~~~” สิ้นคำขอและเสียงครางร่างสูงก็ตอบสนองเป็นอย่างดี ดึงแก่นกายเข้าออกและกระแทกเข้าไปไม่ยั้ง ถี่และรวดเร็ว รุนแรงตามที่เจ้าตัวปรารถนา รู้สึกได้ถึงของเหลวที่ไหลลงมาตามลำของแก่นกายเขา มือเรียวจิกทึ้งไปบนประตูบานสวย ราวกับเป็นที่ระบายความซาบซ่า จากการสอดใส่ ส่วนมือหนาของฮันกยองยังคงเล่นกับแก่นกายเพื่อระบายความกระสันต์ของตัวเอง
“ฮ้าาา...นายนี่มันสุดยอดจริงๆ “ เมื่อความรู้สึกต่างๆ ประดังเข้ามาฮันกยองก็ถึงกับครางเบาๆ ก็ข้างในของอีทึกนี่สิ มันตอดรัดเขาแน่นถึงใจจริงๆ !!
“อ๊ะ...ฮันกยอ”
“เรียกว่า ’ฮัน’ สิ” คนหน้าหวานยังพูดไม่ทันจบ คนหน้าหล่อก็กระซิบเข้าข้างหู แล้วเป่าลมเบาๆ
“อ๊าา...ฮัน~ ลึกๆ สิ จะไปแล้วนะ” ไม่นานสายความปรารถนาของอีทึกก็พุ่งพรวดออกมา และไม่ช้าเช่นกันฮันคยองก็ปลดปล่อยออกมา
“ฮ้าาาา....” เสียงครางสุดท้ายของฮันกยองก่อนที่จะแขนแกร่งจะรองรับ ร่างบางที่ปล่อยตัวลงมาเพราะไม่มีแรงแม้กระทั่งจะยืน
ฮันกยองช้อนตัวอีทึกขึ้นแล้วอุ้มกลับไปที่โซฟา แล้ววางร่างบางลงเบาๆ ประหนึ่งแก้วบาง ที่กำลังร้าวอยู่แล้วไม่อยากให้แตก กดจูบเบาๆ บนหน้าผากมน
“ฉันคงหลงนายเข้าแล้ว
จองซู”
ลากแทบดำกันหน่อยน้า า >.<
ความคิดเห็น