คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Angel's Story * 3 :: เริ่มเกมส์
“. .แค่อยากให้นายเป็นตัวหมากให้ก็เท่านั้น”
“หมาก?”
“ใช่. . !! เป็นหมากที่จะทำให้เกมส์ของฉันมันง่ายขึ้น” อีทึกเหยียดยิ้มประหลาด ซึ่งก็ทำให้ชีวอนเกิดคำถามขึ้นอีกแล้ว
“เกมส์ ?”
“เกมส์ที่นายไม่ควรจะรู้ . .คุณประธานนักเรียน” คำสุดท้ายอีทึกจงใจพูดเรียกคนตรงหน้าที่เริ่มเหม่อ เอื้อมมือบางไปสัมผัสคางของประธานนักเรียนสุดหล่อ “งานแรกที่ฉันต้องการให้นายทำก็คือ
”
“อะไร!” ชีวอนก็ไม่สบอารมณ์นักที่ต้องมาเป็นเบี่ยล่างให้คนอื่นบี้อย่างนี้ ร่างสูงสะบัดหน้าตัวเองออกจากมือเล็ก จ้องสบสายตากับคนที่มองตรงมาไม่หลบ
“ประวัติโดยละเอียดของฮันกยอง หวังว่า. . . . .ฉันจะได้มันเร็วๆ นี่นะ” คนหน้าหวานว่าแล้วก็เดินออกจากห้องสภานักเรียนไป ทิ้งไว้ก็แต่ชีวอนที่นั่งจมอยู่กับความคิดของตัวเอง
แอ็ดด ดด! !!!
“อ๊ะๆๆ ๆๆ ๆ ลืมไปอย่าง” ร่างเล็กที่เพิ่งเดินออกไปเมื่อสักครู่เปิดประตูเข้ามาใหม่อย่างเร็ว ทำให้ชีวอนถึงกับสะดุ้ง ตาหวานมองจ้องเขามาอย่างจะกินเลือดกินเนื้อ พลางพูดบางสิ่งอย่างที่ทำให้ชีวอนขนลุกซู่ทั้งสรรพางค์
“ถ้าแกทำให้ฮีซอลเสียใจล่ะก็. . .แกจะไม่มีวันอยู่เป็นสุข!! จำไว้!! !”
“สวัสดีนักเรียนทุกคน วันนี้จะมีเพื่อนใหม่มาเรียนกับพวกเราด้วยสองคน ขอให้ทุกคนเป็นเพื่อนที่ดีกับพวกเขาด้วยนะ” เช้าวันใหม่กับบรรยากาศห้องเรียนห้องหนึ่ง ซึ่งนักเรียนทั้งหลายตั้งใจฟังอาจารย์หน้าห้องเป็นอย่างดี แต่พอสิ้นเสียงของอาจารย์ประจำชั้น ก็เกิดเสียงฮือฮาขึ้น
“เงียบหน่อย!” นักเรียนต่างพากันเงียบกริบ เมื่อได้ยินเสียงปราม “แต่ว่าอีกคนยังมาไม่ถึง . .เรามาแนะนำเพื่อนคนแรกก่อนแล้วกัน . . . . . คิมฮีชอล เข้ามาได้”
ขาเรียวก้าวเข้ามาภายในห้อง ทุกสายตาจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าสวยงามราวเจ้าหญิง เว้นแต่เธอคนนั้นกลับเป็นชาย แต่นั้นก็ไม่ได้ทำให้สายตาที่มองมาลดน้อยลงไป ย่างก้าวที่แทบจะเป็นจังหวะหัวใจของชายหนุ่มหลายคน
“ผมคิมฮีชอล ยินดีที่ได้รู้จัก” ฮีชอลยิ้มหวานให้เพื่อนในห้องจนใครคนหนึ่งทนไม่ไหว ลุกขึ้นพรวด
พ รืดดด ดดดด ดดดด ดดดด ด !!! ~!!
โต๊ะกับเก้าอี้ที่แยกออกจากกันทำให้เกิดเสียง แล้วคนที่ทำเสียงนั่นก็เดินพรวดออกไปหน้าห้องท่ามกลางสายตาหลายสิบคู่ที่มุ่งตรงมา แต่เจ้าตัวนั้นกลับไม่สนใจ ได้แต่ออกไปยืนหน้าห้องข้างๆ คนสวยที่โปรยยิ้มอยู่
“ฮีชอลเป็นแฟนฉัน! . .ใครที่คิดจะยุ่ง ก็คงรู้นะ. . .” ชีวอนประกาศกร้าวเสียงดังฟังชัด โดยที่ไม่ลืมกวาดสายตามองทุกชีวิตในห้องที่บัดนี้พากันหลบสายตากันเป็นทิวแถว
“ชีวอน! พูดแบบนั้นได้ยังไง” ฮีชอลเกิดอาการเขินตีแขนชีวอนเบาๆ ไปหนึ่งที ประธานนักเรียนหนุ่มหันหน้าไปสบสายตากับคนรักแล้วปรับเปลี่ยนสีหน้าเป็นยิ้มหวาน ก่อนจะพูดคำต่อไปด้วยเสียงนุ่มกับข้างแก้มที่ตนกำลังจะฝากรอยจูบต่อหน้าประชากรทั้งหลายในห้อง
“ได้ไม่ได้ ก็ลองดู!”
ปรี้น น ๆ ๆ ปริ้น ๆๆ ๆ ! !!! !! !! !~!
“ขับรถภาษาอะไรวะ!! ห่วยแตกชะมัด!” อีทึกบีบแตรรถถี่ หวังให้รถที่ติดไปแถวยาวขยับ แต่สิ่งที่กลับมากลายเป็นความผิดหวังกับเสียงตะโกนด่าของเหล่าชาวบ้านและผู้ขับรถที่ทนฟังเสียงแตรไม่ไหว
. .ทั้งๆ ที่อยากจะไปโรงเรียนเร็วๆ แต่ก็ดันตื่นสายซะได้ แล้วอะไรกัน? รถดันมาติดอีก โว้ย!!!!!! เซ็ง!!!!!!!!
“ให้ตายสิ คนยิ่งรีบๆ อยู่” ปากเรียวยังคงบ่นต่อไป ในเมื่อตอนนี้ร่างบางยังขับรถอยู่ในซอยเล็กๆ ที่เป็นถนนเลนเดียวอยู่ จึงไม่สามารถขับแซงได้ดังใจคิด เลยต้องจำทนต่อไป ไม่นานนักรถสีดำคันงามของเขาก็ได้สู่ถนนกว้างซักที ปาดซ้ายขวาเพิ่มความเร็วในการไปถึงที่หมาย จนในที่สุด. .
เอี๊ยดดดดดดด ด !! !~ !!
“เฮ้ย!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!”
ตะโกนพร้อมกับเสียงจอดรถอย่างเร็วเมื่อ อยู่ดีๆ ก็มีรถขับปาดหน้าเข้าประตูโรงเรียนไปอย่างเฉียดการปะทะ ทั้งๆ ที่รถของอีทึกนั้นกำลังเปิดไฟเลี้ยวและหัวรถก็ถลาเข้าไปเกือบครึ่งคันแล้ว
จึงทำให้อีทึกที่อารมณ์ไม่ค่อยจะคงที่นั้นระเบิดออกมาอย่างช่วยไม่ได้ จึงขับรถตามเข้าไปด้วยความเร็วที่เหมือนตอนอยู่บนถนนใหญ่ ก่อนจะขับแซงและปาดหน้ารถคันนั้น
เอี๊ยดดดดดดดดดดดดด! ! !~! ! !!! ! !!
“เฮ้ย!!!! ขับรถอะไรวะ!! อยู่ดีๆ ก็มาปาดหน้าคนอื่นเฉย บ้านไม่สอนมารยาทให้รึไง!!” เจ้าของรถคันนั้นเปิดประตูรถออกมาว่าเสียงแข็ง อีทึกก็เปิดประตูรถตัวเองบ้าง พลางวิ่งออกไปประจันหน้าคนที่ว่าตน
“นี่!! คนที่ถามน่าจะเป็นฉันมากกว่านะ เมื่อกี๊นายขับรถมาปาดหน้ารถฉันตอนเข้าโรงเรียน มันมีมารยาทมากนักเรอะ! !” อีกร่างที่ฟังคำด่าหวานๆ ก็อ้าปากจะด่ากลับ เสียแต่ . .นัยน์ตาหวานที่แข็งกร้าว บวกกับริมฝีปากอวบอิ่มที่น่าเป็นเจ้าของนั้น มันทำให้คนมอง ที่กับตกตะลึงในความงามจนเพลอพูดบางคำที่นอกเหนือคำด่าที่เตรียมจะเอ่ย
“สวย...............~....”
“ไอ้หน้าหมี!!!! เมื่อกี๊แกพูดอะไรวะ” คนหน้าหวานหัวเสียเหมือนเมื่อสักครู่เขาจะได้ยินคำว่า สวยๆ ซวยๆ อะไรซักอย่าง
“หวา ๆ ๆ พูดจาไม่เพราะเลยนะครับ คนสวยยยยย” ได้ยินเท่านั้นแหละ สติคนสวยก็หายหมด เพราะตนเองนั้นไม่ชอบใครเรียกว่าสวยซักเท่าไหร่
“ไอ้อ้วน!!! &(%&^$^%#$^#*)*)^&*#%($#$&&$(^%*^%@()$&)+_$()@+%)#&%” คำด่าที่หลุดออกมาจากปากประหนึ่งว่าอีทึกนั้นกำลังแข่งด่ามาราธอน แม้ว่าอากาศหายใจจะหมดแล้ว แต่คนหน้าหวานกลับดึงลมปรานมาจากไหนก็ไม่รู้เพื่อด่าคนตรงหน้า
“ปากทั้งหน้าจูบ แล้วยังด่าเก่งอีกนะครับ”
“ฉันลงมาด่านาย ไม่ได้ลงมาให้นายพูดเล่นด้วยนะ!” อีทึกโกรธขึ้นมาจริงๆ จึงขึ้นเสียงกับหนุ่มที่ยืนกวนอยู่ตรงหน้าเขา
“อ๊ะ..เหรอครับ งั้นผมจะยืนฟังอยู่ตรงนี้ล่ะกัน” ไม่ว่าเปล่าเด็กหนุ่มก็ยืนราวกับว่าทหารยืนรอตรวจแถวก็ไม่ปาน ทำเอาคนหน้าหวานที่ยืนมองอยู่ถึงกับอารมณ์เสีย
...ฮึ่ย!!!! หงุดหงิด โว้ย!!!!!!!!! กวนชะมัด เห็นว่าเด็กกว่าหรอกนะ!! !...
ว่าแล้วอีทึกก็หุนหันเดินกลับไปที่รถของตัวเอง แต่มิวายยังมีเสียงตะโกนไล่หลังมาอีก
“นี่!!!!!!!!! ฉันชื่อคังอิน แล้วนายล่ะ!!!!” อีทึกหยุดฝีเท้าแล้วหันกลับมา พร้อมสีหน้าไม่สบอารมณ์ ที่คังอินมองยังไงคงบรรยายได้คำเดียว . .น่ารักค่อดด ด!!! !~!
“อีทึก” พูดแบบกระแทกกระทั้นแล้วเดินขึ้นรถ ก่อนจะสตาร์ทออกตัวไปอย่างเร็ว แต่อีกฝ่ายนั้นกลับกระตุกยิ้มมุมปากแบบแปลกๆ แต่ผู้ที่ขับรถออกไปแล้วไม่สามารถรับรู้ได้
“น่าสนใจจังนะ . . .ปาร์ค จองซู”
“เฮ้!!!!! ทึกกี้แกเป็นอะไรของแกฮะ หน้าบูดเชียว” ฮีชอลเห็นเพื่อนรักเดินมาแต่ไกล ด้วยสภาพที่หงุดหงิดซะเต็มประดาจึงรีบปรี่เข้าไปไต่ถาม
“ไอ้เด็กบ้าที่ไหนก็ไม่รู้ มันขับรถตัดหน้า!! แล้วยังมากวนประสาทอีก!” อีทึกพูดแล้วเหลือบไปเห็นซีวอนที่ยืนอยู่ข้างๆ ฮีชอล แล้วก็นึกถึงเรื่องที่ให้ซีวอนไปหาให้เมื่อวานจึงหาทางให้ฮีชอลออกไปก่อน แต่สายตาก็กลับเห็นคนหนึ่งที่เดินเข้ามาใกล้พวกเขา
“อ้าว ไอ้ฮัน แกมีอะไรว่ะ!! !” ซีวอนตบบ่าเพื่อนเบาๆ แล้วถาม
“ก็ไม่มีอะไร แค่อยากกินข้าวกับคนสวย” ฮันกยองพูดพลางหันมามองอีทึกด้วยสายตากรุ่มกริ่ม ทำเอาทั้งซีวอนและฮีชอลเกิดคำถามกันไปตามๆ
บัดนี้พวกเขาอยู่ในโรงอาหารของโรงเรียนที่มีขนาดกว้างขวาง เด็กนักเรียนหลายคนกำลังกินข้าวกันอย่างเปรมปรีด์ หลังจากที่ครุกรุ่นกันมามากด้วยความหิว เว้นก็เสียแต่...
อีทึกที่กำลังทานข้าวด้วยความไม่สบอารมณ์เต็มที่ เมื่อต้องมานั่งกินข้าวข้างๆ กับฮันกยองที่ทำหน้าตากวนประสาท ซ้ำทั้งคนๆ นี้ยังมีความแค้นกับตนอีก
“ทึกกี้ จะเขี่ยอีกนานมั้ย” เงยหน้าขึ้นมามองเพื่อนรัก ...แกก็พูดได้นี่หว่า นั่งกินข้าวกับซีวอน แทบจะนั่งตักป้อนข้าวกันอยู่แล้วนี้...
“ฉันอิ่มแล้ว ไปก่อนนะ” ไม่ต้องรอให้ใครตอบอะไร อีทึกก็เลือกที่จะเดินออกจากตรงนั้นโดยไม่ลืมจะคว้าจานข้าวที่ปริมาณไม่ได้ลดลงจากที่ซื้อมาแม้ซักนิด จะมีก็แต่สภาพที่เละเทะขึ้นอีกเป็นกอง และไม่ลืมที่จะหันไปมองหน้าฮันกยอง
...หน้าระรื่นอยู่ได้อีกไม่นานหรอก สักวันแกจะรู้สึกเหมือนกับที่ฉันรู้สึก! ! แล้ววันนั้นแกจะไม่อยากมีชีวิตอยู่บนโลกนี้ ให้เหมือนกับฉันไงล่ะ! !...
“ว่าไงซีวอน ที่ฉันให้ไปหาเมื่อวาน ได้รึยัง” อีทึกพูดขณะที่ตอนนี้เขาอยู่ในห้องประธานนักเรียนกับซีวอนสองคน ส่วนฮีชอลที่เคยอยู่ด้วยขอตัวไปเข้าห้องน้ำ ซีวอนมองหน้าคนพูดก่อนจะเดินไปเปิดลิ้นชักภายใต้โต๊ะตัวใหญ่ของตน กระดาษแผ่นบางถูกหยิบขึ้นมาส่งให้ อีทึกรับมันอ่านไล่สายตา มุมปากกระตุกขึ้นอย่างงดงาม
ประวัติฮันกยอง
อายุ 18 ปี ไฮสคูลปี3 ดำรงตำแหน่งรองประธานนักเรียน
ครอบครัวมีน้องชาย 2 คน คังอิน ปีสอง ,, คยูฮยอน ปีหนึ่ง
..นี่แหละ!! ที่ฉันต้องการ ความเจ็บปวดที่มาจากครอบครัว ที่จะทำให้นายเจ็บเจียนตาย..
คนหน้าหวานเดินอยู่ในสวนสาธารณะ ข้างๆ สนามบาสของโรงเรียน เพื่อคิดหาแผนการทั้งหลายที่สามารถทำลายฮันกยองคู่แค้น
..จะทำลายพี่มันต้องเริ่มจากน้องชาย งั้นเอาตั้งแต่น้องชายคนโตล่ะกัน ยังไงเราก็ได้เจอหน้าไปแล้ว คงไม่ยากเท่าไหร่.. .
คิดแล้วอีทึกก็หัวเราะกับตัวเองเบาๆ กับแผนการ ...ไอ้อ้วนกวนประสาทนั่น ไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นน้องชายของฮันกยอง เข้าทางอีกแล้ว หึ! !...
“เฮ้ย!!!!!!!! ระวัง!!!”
...เอ๊ะ! กลิ่นคาวเลือด..
.
กลิ่นคาวเลือดประหลาดลอยมาต้องจมูกของร่างบาง ทำให้ร่างนั้นต้องหันไปตามที่มาของกลิ่น สายตาสอดส่องหาสิ่งที่จะทำให้ตนเองคลายข้อสงสัย
ร่างของหญิงสาวที่คุ้นเคย เดินอยู่ใจกลางทางม้าลายบนถนนกว้าง รถบรรทุกสิบล้อวิ่งตรงมาด้วยความเร็วสูง แล้วในไม่กี่อึดใจ ก็ชนร่างของหญิงสาวนั้นเข้าอย่างจัง จนร่างบางที่มองดูเหตุการณ์อยู่ถึงกับตะโกนร้องออกมา
“พี่โบอา!!!!!!! !!! !!”
พรึ่บบบบ บ ! !!! !!
คนหน้าหวานลุกขึ้นพรวด นัยน์ตาทั้งสองเบิกออกกว้าง เนื้อตัวสั่นเทา น้ำเม็ดน้อยพุดพรายตามโครงหน้าเรียว เสียงจังหวะหัวใจเต้นถี่รัวราวกับจะระเบิดออกมาให้รู้แล้วรู้รอด สภาพความเป็นจริงที่ต่างจากฝันโดยสิ้นเชิงเรียกสติให้กลับมา
.ฝันอีกแล้ว..
ดวงตาสวยมองไปรอบๆ ห้อง แต่ก็ต้องสะดุด เพราะห้องนี่คงจะเป็นห้องพยาบาล และชายหนุ่มที่นอนฟุบหลับข้างเตียงคือใครกัน? ??
“โอ๊ย!!!!!!” อยู่ดีๆ อีทึกก็ร้องขึ้นมาอย่างดัง จนคนที่นอนอยู่รู้สึกตัว
“เฮ้ย!!!! เป็นไร” ชายหนุ่มลุกขึ้นพรวดพลางถามด้วยความเป็นห่วง เมื่อเห็นคนหน้าหวานร้องแล้วเอามือมากุมหัว ก็จะไม่ให้เป็นห่วงได้ยังไง ก็เขานี่แหละที่เป็นคนปาลูกบาสพลาดไปโดนคนนี้เข้า
“ฉัน. .ปวดหัว!. . .นายเป็นใคร? ?”
“ฉันเป็นคนโยนลูกบาสโดนนาย แล้วนายเป็นอะไรมากรึเปล่า”
“แค่ปวดหัว แล้วก็มึนๆ คงไม่เป็นอะไรมาก. .นายกลับไปเรียนเถอะ” อีทึกถึงกับไล่ เพราะตอนนี้เขาอยากนอนพัก แล้วก็คิดเรื่องจัดการกับฮันกยองด้วย ไม่มีเวลาว่างมาเชื่อมสัมพันธไมตรีอะไรนี่เท่าไร
“คงไม่ได้ พอดีฉันไม่ชอบทิ้งคนป่วยไว้คนเดียว” จริงๆ ถูกเพียงครึ่งเดียวเท่านั้น กับประโยคที่ว่า เขาแค่อยากอยู่กับคนหน้าหวานนี้เท่านั้น ใบหน้าหวานๆ ยามหลับใหล ทำให้เขาเผลอเพ้อพก
“ฉันอีทึกปีสาม . .แล้วนายชื่ออะไร” อ้าว...เวร แก่กว่าเราอีกแน่ะ แล้วไม่รู้จักเราหรอกหรือ? แปลก . .เด็กหนุ่มหน้าตาดีคิดกับตัวเอง
“พี่ท่าจะเป็นเด็กใหม่ถึงไม่รู้จักผม ผมชื่อคยูฮยอนอยู่ปีหนึ่ง พี่แก่กว่าผมเยอะนะเนี่ย” คยูฮยอนพูดติดตลก แต่คนหน้าหวานไม่ยักกะขำไปด้วย กลับเบิกนัยน์ตากว้างอย่างตกใจ แล้วก็ยิ้มกับตัวเอง จนคนมองถึงกับงง
...น้องชายคนเล็กของฮันกยอง ไม่ต้องเสียแรงหา มาเกยให้ถึงที่! โชคยังเป็นของฉันจริงๆ
“พี่เป็นอะไรมากรึเปล่า ผมว่าลูกบาสที่ผมโยนไปโดนอาจจะทำให้พี่ประสาทเสียไปแล้วก็ได้นะ ผมเห็นพี่ยิ้มให้ตัวเองด้วยแหละ น่ากลัวมากเลย กรึ่ย ย ~” คยูฮยอนทำท่าทางกลัว จนคนมองต้องหัวเราะแล้วก็ยิ้มให้อย่างมีความสุข
แต่ก็หารู้ไม่ว่ารอยยิ้มนั้นมันทำให้คนมองใจหวั่นไหว ...ไม่ได้ๆๆ ๆ ๆ เรามีพี่ซองมินอยู่ทั้งคน อย่าไปหลงกับรูปลักษณ์ภายนอกสิ ไม่ได้ๆๆ ๆๆ ๆ ใจเย็นเข้าไว้คยูฮยอน
ส่วนอีทึกนั้น เมื่อเห็นท่าทางเรียกสติของคนตรงหน้าก็กระตุกยิ้มมุมปากให้กับตัวเอง
..โป๊ะเช๊ะ!!! ไอ้รอยยิ้มนี่ มันใช้งานได้ผลจริงๆ หึหึหึ
หลังจากนั้นทั้งอีทึกแล้วก็คนหน้าหล่อก็คุยกันอย่างเมามันส์ออกรสออกชาติ เวลาผ่านล่วงเลยไปด้วยความเร็ว ทั้งๆ ที่ไม่มีใครต้องการให้กริ่งดัง แต่ความเป็นปัจจุบันก็ต้องบังเกิดขึ้น
ออดดดดดดด ดด ดดดด ดดดดดด ดดดดด !!
“พี่จะกลับบ้านมั้ย เดี๋ยวผมไปส่ง”
“ไม่เป็นไร พี่เอารถมา งั้นพี่ไปก่อนนะ” ว่าเสร็จคนหน้าหวานก็เดินออกจากห้องพยาบาลไปในทันใด เหลือเพียงชายหนุ่มที่ยิ้มๆ ให้ แล้วเดินตามออกไป เสียแต่คนละทาง
. .คังอินกลับไปยังนะ ถ้ากลับไปแล้ว แผนนี้คงต้องใช้พรุ่งนี้ซะแล้ว...
ร่างบางเดินรอบโรงเรียนเพื่อหาตัวคังอิน แต่ก็ไม่ยักกะเจอแม้แต่เงา ถึงแม้ตอนนี้จะยังไม่หมดคาบสุดท้าย แต่คนอย่างคังอินคงไม่นั่งเรียนอยู่ที่ห้องหรอกมั้ง แต่ลองไปดูก็ไม่เสียหายอะไร. . เพราะงั้นอีทึกจึงก้าวเท้าไปยังห้องของนักเรียนปีสอง
...เฮ้ย!!! ไม่น่าเชื่อ ขนาดคยูฮยอนที่ดูเป็นคนดีกว่ามากมายยังโดดเรียน แต่คังอินกลับนั่งเรียนอยู่อย่างหน้าตาเฉย น่าสนใจไม่เบาเหมือนกัน แล้วจะเอาไงดีล่ะ อีกตั้งสิบนาที กว่าจะหมดชั่วโมง
คนตาสวยไม่รู้จะทำอะไร จึงเลือกที่จะไปนั่งรอที่เก้าอี้หน้าห้องเรียนแทน นั่งไปเรื่อยๆ จนสติเริ่มเลือนลางเพราะความง่วงเข้ามาแทนที่ สุดท้ายก็เข้าสู้ห้วงนิทราไป
“เฮ้!!! ไอ้เย ไอ้ชินดง ไอ้ฮยอก วันนี้เราไปผับABC กัน เค้าว่ากันว่าสาวๆ ที่นั้นน่ะนะ สวย เริ่ด!! แถมยังอึ้มอีกต่างหาก เนื้อ นม ไข่ ทั้งนั้น อิ่มแน่เว้ยเพื่อน!!” เสียงของหนุ่มร่างท้วมใหญ่ที่เดินนำเพื่อนๆ ออกมาแล้วเอ่ยปากชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวระบายอารมณ์
“ก็ดีเหมือนกัน” หลายตนต่างลงความคิดเห็น แล้วเห็นพ้องต้องกันว่าจะไป คังอินก็เลยก้าวเดินต่อไป แต่ก็ต้องผงะกับคนหน้าหวานที่นั่งหลับอยู่บนเก้าอี้หน้าห้องเขา ว่าแล้วคังอินก็สาวเท้าเข้าไปใกล้ ทิ้งให้เพื่อนทั้งหลายมองตามกันแบบงงๆ ไปตามระเบียบ
..งามจริงๆ ตอนนอนหลับยังงามขนาดนี้ เหมือนว่ามีแรงดึงดูดอะไรซักอย่างให้เข้าใกล้ อยากได้จริงๆ คนนี้ ปาร์ค จองซู~
“เฮ้!!!! มานอนอะไรอยู่ตรงนี้” มือหนาสะกิดเรียกคนตรงหน้า ทั้งๆ ที่ไม่อยากจะปลุกให้ตื่นเลย ตอนนอนออกจะเป็นนางฟ้าที่อ่อนหวาน พอตื่นขึ้นมากลายเป็นนางฟ้าปากจัดไปซะนี่
“หืมม ม ม อ้าว... คังอิน” เมื่อร่างบางรู้สึกถึงแรงสะกิดก็รู้สึกตัว ก็หันไปมองคนที่สะกิดตน ก่อนจะพบว่าเป็นคนที่ตนรออยู่
“มาทำอะไรตรงนี้”
“มารอนาย”
“รอฉัน?” ร่างหนานึกแปลกใจ ที่ร่างบางที่เค้ากำลังจะหลงอยู่นี่ จะมารอเค้าทำไม ทั้งๆ ที่ในใจจริง อยากจะร้องบราโว่เสียด้วยซ้ำไป
“อยากจะกลับบ้านกับนาย . .ได้มั้ย ย?” คนหน้าหวานลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปกระซิบใกล้หูคนตัวสูงกว่า จนคังอินรู้สึกเสียวสะท้านไปทั้งร่างกาย
“แต่วันนี้พวกฉันจะไปผับกัน จะไปด้วยกันมั้ยล่ะ”
“ก็ดี” อีทึกพูดแล้วยิ้มพราย แต่ก็ยังมีเรื่องที่ทำให้คังอินสงสัยอยู่บ้างเหมือนกัน
“แล้วทำไมถึงอยากกลับบ้านกับฉันล่ะ ทั้งๆ ที่เมื่อเช้า...” ไม่รอให้พูดจบประโยคหน้าหวานก็ยื่นหน้าเข้าไปใกล้ แล้วพูดเสียงยั่วๆ เบาๆ
“ฉันก็สนใจนาย เหมือนที่นายสนใจฉันน่ะสิ” คำตอบที่ได้ทำเอาคังอินยิ้มตาปิด ก่อนจะจับข้อมือร่างบางไปหาเพื่อนๆ ของเขา
“นี่เพื่อนผม อึนฮยอก เยซอง ชินดง” ทั้งสามก็ก้มหัวตามมารยาทเล็กน้อย ก่อนที่คังอินจะแนะนำต่อ “ส่วนพวกแก นี่อีทึก เค้าเป็นคนที่ด่าฉันเมื่อเช้าที่ฉันเล่าให้ฟัง”
“สวยแบบที่แกบอกไว้เลยวะ แกนี่โชคดีชะมัด ที่โดนคนน่ารักขนาดนี้ด่า พวกฉันก็อยากโดนบ้างเหมือนกัน” คนที่หน้าเหมือนซาลาเปาที่คังอินบอกว่าชื่อเยซองพูดเปรยๆ กับคังอิน อย่างที่อยากจะให้คนสวยได้ยินด้วยเช่นกัน
อยากจะเห็นหน้าคนสวยนี้ หัวเราะสักครั้ง ว่าจะน่ารัก น่าดึงดูด อย่างที่ไอ้คังอินมันบอกไว้รึเปล่า...
แล้วก็เรียกเสียงหัวเราะใสๆ จากอีทึกได้อย่างที่เยซองคาดไว้จริงๆ ยามที่คนหน้าหวานหัวเราะนั้น เหมือนทั้งโลกนั้นเต็มไปด้วยความสดใส เหมือนว่าพระจันทร์ไม่มีในโลก แบบว่าถึงจะหัวเราะแม้ในตอนกลางคืน โลกก็สว่างไสว (เว่อร์โค่ด!)
เพื่อนของคังอินนั้นพอเห็นก็ถึงกับเคลิ้มกันไปเลยทีเดียว จนหนุ่มหน้าหมีเกิดอาการอยากปกป้องนางฟ้าให้พ้นจากความหื่นของเพื่อนขึ้นมาทันใด จึงเดินเอามือไปโอบไหล่บางของนางฟ้าคนสวย แล้วทำยืดอย่างออกหน้าออกตา ก่อนจะชวนคุย
“แล้วนายจะไปรถฉัน รึว่าเอารถตัวเองไป”
“นี่! ชั้นอยู่ปีสามนะ ทำไมไม่รู้จักเรียกฉันว่าพี่ฮะ! เรียกนายๆ อยู่ได้! เห็นเป็นเพื่อนเล่นรึไง!” ...ไอ้เด็กมารยาทเสียเอ้ย! ก่อนที่ฉันจะแก้แค้นพี่ชายแกได้ ฉันคงต้องบ้าตายก่อนแน่...
“ดุจัง หน้านายอ่อนกว่าฉันอีก ให้เรียกว่าพี่แล้วมันกระดากปากพูดไม่ออก”
“5 5 5” เหล่าเพื่อนๆ ของคังอินหัวเราะขึ้นมา
“ไปกันเหอะ ข้าหิวว่ะ” ชินดงพูดพลางคลำท้องไปมา ทั้งๆ ที่ในมืออีกข้างหนึ่งถือขนมที่เปิดถุงไว้แล้ว
“เอางั้นก็ได้ งั้นอีทึก นายไปรถชั้น ส่วนพวกแกก็ขับรถไปเองแล้วกัน”
“อะไรว่ะ พอมีพี่อีทึกคนสวย แกก็ทิ้งพวกข้าเลยเหรอ” คนหน้าไก่ที่ชื่ออึนฮยอกพูดพลางตบบ่าคังอินไปด้วย ทั้งๆ ที่ปรกติแล้วเวลาจะไปสังสรรค์กัน พวกเพื่อนๆ จะจอดรถกันไว้ที่โรงเรียนแล้วนั่งรถคังอินกันไป พอมีตุ๊กตาหน้ารถก็ถีบหัวส่ง ช่างเป็นเพื่อนที่เจริญจริงๆ
“ทำไม! เอางี้วันนี้ข้าเลี้ยงเองแล้วกัน” คังอินเมื่อเห็นเหล่าเพื่อนๆ น้อยใจก็ยื่นข้อเสนอ
“ดี!!! งั้นเราไปกันเถอะ” เพื่อนสามเอ่ยพร้อมกันพลางยิ้มแฉ่ง ...ตกหลุมพวกมันอีกจนได้... คังอินคิดในใจ ก่อนจะจับข้อมือคนหน้าหวานที่ยืนหัวเราะเหตุการณ์เมื่อสักครู่ เดินตามลิงสามตัวนั้นไปที่ลานจอดรถ
“นี่คนสวย นั่งคิดอะไรอยู่ ไม่พูดไม่จาเลย ยิ่งแก่ๆ อยู่ด้วย ระวังตีนกาขึ้นหน้านะครับ 5 5+” คังอินพูดฮาๆ ยามเห็นว่าคนหน้าหวานที่นั่งข้างๆ ตนนั้นไม่พูดไม่จาอะไรซักคำตั้งแต่ขึ้นรถมา
“ไม่มีอะไรหรอก ขับรถไปเหอะ” คนหน้าหวานบอกปัดก่อนจะหันไปมองข้างทางแล้วคิดไปเรื่อย
. .ฮันกยองเอ๋ย ตัวหมากฉันก็มีพร้อมแล้ว นายได้เจ็บแน่ เพราะวันนี้ฉันจะเปิดกระดานของเกมส์นี้ เกมส์แรกมันเริ่มขึ้นแล้วนะ !
ความคิดเห็น