ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [exo] WOLF (chanbaek) -ไม่เขียนต่อแล้วฮะ-

    ลำดับตอนที่ #3 : WOLF - II

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 42
      2
      21 มิ.ย. 58

    WOLF - II

     

     

     
     

    แบคฮยอนถูกส่งตัวกลับห้องทันที ความจริงเขาก็ไม่ได้เป็นอะไรมากเท่าไร แต่ฮโยลินกลัวเขาจะอาการหนักไปมากกว่านี้เลยให้มานอนพักฟื้นที่ห้องสามวันจนกว่าจะเป็นปกติดี ตั้งแต่ที่เขาเห็นภาพนั้น หัวของเขาก็มีอาการปวดอยู่ตลอดเวลา

     

     

    เขาคิดทบทวนภาพที่ปรากฎขึ้นมาในหัว ผู้หญิงผ้าโพกหัวสีแดง...เธอคือใคร แล้วมันเกี่ยวอะไรกับเขา ภาพที่เธอวิ่งหนีคนพวกนั้น เธอมอบของอะไรบางอย่าง แล้วของชิ้นนั้นมันคืออะไรล่ะ

     

     

    กริ๊งงงง

     

     

    แว้บ...

     

     

    ทันทีที่แสงสีฟ้าจากเครื่องเทเลพอร์ตสว่างวาบขึ้นและดับลง หนังสือเล่มหนาสีขาวปรากฏขึ้นที่เครื่องเทเลพอร์ต มีคนส่งมันมา

     

     

    แบคฮยอนรีบลุกขึ้นไปหยิบหนังสือเล่มนั้นโดยมือยังวางอยู่บนหัวเพราะอาการปวด ให้ตายสิ ฝุ่นมันเขรอะแบบนี้จะอ่านได้ยังไงกัน เขาค่อยๆ ใช้เศษผ้าปัดฝุ่นหนังสือเล่มนั้น ผ้าสีขาวกลายเป็นสีดำเพราะฝุ่นบนหน้าปกและตัวหนังสือนั้นหนามาก เศษฝุ่นกระจายไปในอากาศ บ้างก็เข้าจมูกของแบคฮยอนไป ก่อนที่ฝุ่นทั้งหมดที่หลุดออกมาจะแหวกว่ายแล้วถูกดูดไปยังช่องระบายอากาศที่มุมห้อง

     

     

    เพราะเทคโนโลยีทำให้ห้องนี้รวมถึงห้องอื่นๆ ไม่มีฝุ่นเลย ช่องระบายอากาศถูกพัฒนาให้ดูดฝุ่นทุกซอกทุกมุมในห้องได้ แต่ไม่ต้องห่วง มันไม่ดูดอย่างอื่น ดูดแค่ฝุ่นเท่านั้น ละอองมลพิษที่ถูกช่องนั้นดูดไปถูกนำไปปล่อยที่ไหนไม่มีใครรู้

     

     

    แค่กๆ...

     

     

    เขาทำอะไรลงไป เขาลืมไปหรือเปล่าว่าเขาน่ะแพ้ฝุ่น ตอนนี้ผ้าที่เคยขาวสะอาดกลายเป็นสีดำ ทำไมช่องระบายอากาศถึงไม่ดูดฝุ่นที่ปกคลุมหนังสือเล่มนี้ออกไป?

     

     

    แต่หนังสือมันก็ยังคงสกปรกอยู่ดีนั่นแหละ ดูดจากสภาพแล้วคงจะเก่ามากๆ แหง

     

     

    เขาคิดอะไรบางอย่างได้ จึงหยิบหนังสือด้วยผ้าแล้วตรงไปยังห้องน้ำทันที วางหนังสือไว้บนพื้นของเครื่องทำความสะอาด จากนั้นจึงกดปุ่มแล้วพูดรหัส ทันใดนั้นหนังสือก็ลอยขึ้นพร้อมกับผ้าที่ห่ออยู่ ฝุ่นสีดำทั้งหลายค่อยๆ ลอยขึ้นจากหน้าปกของหนังสือและผ้าสีขาวนั้น แล้วหายไป หนังสือที่เคยเปรอะเปื้อนก็ขาวสะอาดตามสีที่ถูกต้องของมัน

     

     

    เครื่องนี้มันใช้ได้กับทุกอย่างเลยนะ เขาค้นพบอีกอย่างหนึ่ง

     

     

    ใครเป็นคนส่งมันมานะ ส่งผิดห้องหรือเปล่า แต่คงไม่หรอก เพราะเขานึกออกแล้ว

     

     

    สิ่งที่เขาทำงานแลกมันมาคงจะมาส่งแล้ว

     

     

    สิ่งที่เขาทำงาน...มันทำให้เขานึกถึงเรื่องในหลายสัปดาห์ก่อนขึ้น

     

     

    เขาลืมไปได้ยังไงนะ..เขาเคยเจอวูล์ฟอยู่คนหนึ่ง

     

    แบคฮยอนเดินผ่านหน้าร้านขายของเก่าแห่งหนึ่งในตัวเมือง สายตาของเขาเหลือบไปเห็นแสงสีขาวโพลนที่เปล่งออกมาจากหนังสือเล่มนั้น ป้ายที่แขวนไว้บ่งบอกว่าหนังสือเล่มนี้แลกด้วยการทำงาน เขาเป็นพวกสะสมหนังสือนะ ไม่เชื่อก็ลองดูหนังสือในห้องเขาสิ

     

     

    หนังสือเล่มนั้นมันดึงดูดเขาเหลือเกิน ด้วยความที่เขาเป็นหนอนหนังสือก็เลยกระตือรือร้นเป็นพิเศษ เขารีบเปิดประตูเข้าไปหาเมจิเชี่ยนเจ้าของร้านทันที เสียงออดส่งสัญญาณว่ามีคนเข้ามาในร้านค้าแห่งนี้

    ชายหนุ่มรุ่นราวคราวลุงที่กำลังวุ่นอยู่กับการจัดของที่เคาน์เตอร์หันมายิ้มแย้มให้กับผู้มาเยือนอย่างเป็นมิตร

    "ท่านเมจิเชี่ยนครับ ผมอยากได้หนังสือเล่มนั้น" แบคฮยอนพูดแล้วชี้ไปยังหนังสือฝุ่นเขรอะในตู้กระจก

     

     

    "ได้สิ ฉันมีงานให้นายทำ" เมจิเชี่ยนรุ่นลุงยิ้มแย้ม

     

     

    "ว่ามาเลยครับ" แบคฮยอนยิ้มตอบ

     

     

    "นายเคยเห็นดอกกุหลาบสีรุ้งที่อยู่ในป่าฝั่งตะวันตกไหม" เมจิเชี่ยนค่อยๆ หมุนมือ วาดรูปจำลองดอกกุหลาบสีรุ้งในอากาศ ทันใดนั้นก็ปรากฏรูปดอกไม้สีรุ้งสวยงามจำนวนมากบนมือของเขา

     

     

    "ครับ" แบคฮยอนพยักหน้ารับ

     

     

    "หือ..นายกล้าทำด้วยเหรอ คนที่ได้ยินฉันมอบหมายงานนี้ ไม่กล้าทำกันทั้งนั้น" เมจิเชี่ยนแก่ทำตาโต มันน่าตะลึงตรงไหนเนี่ยก็แค่เก็บดอกไม้ แต่มันอยู่ฝั่งตะวันตกนี่นา

     

     

    "กล้าสิครับ แหะๆ"

     

     

    "ฉันอยากได้มันหนึ่งพันดอกน่ะ"

     

     

    "หนะ..หนึ่งพัน!" แบคฮยอนทำตาโต หนึ่งพันดอก! จะเอาไปทำอะไรเยอะแยะปานนั้นนะ

     

     

    "ใช่แล้ว หนึ่งพัน นายฟังไม่ผิดหรอกนะ พอดีเมียฉันชอบกินซุปกุหลาบสีรุ้งน่ะ"

     

     

    "เอ่อ..ครับ" ร่างเล็กยิ้มแหย

     

     

    "นี่! กระเป๋าใส่ดอกไม้" กระเป๋าเป้สีน้ำตาลปรากฏขึ้นในมือของเมจิเชี่ยนรุ่นลุง เขายื่นให้กับคนร่างเล็กตรงหน้าแล้วแบคฮยอนจึงรับไปถืออย่างงงๆ

     

     

    "กระเป๋าเป้แค่นี้หรอครับ มันจะใส่พอหนึ่งพันดอกได้ยังไง" แบคฮยอนขมวดคิ้วสงสัย

     

     

    "อย่าดูถูกฝีมือฉันสิ! ไม่ใช่กระเป๋าธรรมดา"

     

     

    แบคฮยอนที่ถือกระเป๋าไว้ในระดับอก ค่อยๆ เปิดกระเป๋าออก แล้วชโงกหน้าไปดูภายใน

     

     

    "โห..." เขาตะลึงกับความกว้างของกระเป๋าใบนี้ มันมืดมาก เหมือนไม่มีที่สิ้นสุด ทำไมเขาไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเลยนะ เขาเคยเห็นแต่ในร้านค้าและอ่านหนังสือ แต่ไม่เคยได้จับมันสักครั้งหรอก ไม่คิดเลยนะว่าจะเป็นแบบนี้ ปากกระเป๋าขยายออกกว้างและตัวกระเป๋าก็ยังลอยเหนือจากพื้นโดยไม่ต้องถือ

     

     

    "ผมเคยอ่านเกี่ยวกับของชิ้นนี้ แต่ผมไม่เคยเห็นของจริงแบบนี้เลยนะ" 

     

     

    ผลั่ก!

     

     

    เขาสัมผัสได้ถึงแรงมหาศาลที่ผลักเขาจากข้างหลัง และตอนนี้เขาลงมาอยู่ในกระเป๋ามืดๆ กว้างใหญ่ใบนี้!

     

     

    "โอ๊ยย! ผลักผมทำไมเนี่ย" แบคฮยอนตะโกนขึ้นไปหาคนที่กำลังชโงกหน้ามาดูอยู่ ลุกขึ้นแล้วเกาหัวด้วยความมึนงง

     

     

    "ฉันจะสอนใช้เฉยๆ ลองตะโกนว่า ไลท์ ดูสิ" 

     

     

    "หือ...ไลท์!!" ทันทีที่เขาตะโกน ไฟสีส้มอ่อนก็สว่างพรึ่บขึ้นมาทั้งหมด ให้ตายเถอะ นี่มันเหมือนห้องจริงๆ เลย ห้องที่อยู่ได้จริงๆ มันมีขนาดใหญ่

     

     

    "ไลท์ ดาร์ค ไลท์ ดาร์ค" ไฟเปิดและปิดเองตามเสียงตะโกนของแบคฮยอน

     

     

    เขายิ้มมีความสุขที่ได้เล่นอะไรแบบนี้เหมือนตอนเด็กๆ เลยล่ะ

     

     

    เมจิเชี่ยนส่ายหน้าแล้วยิ้มเบาๆ ให้กับความขี้เล่นของหนุ่มคนนี้

     

     

    "เฮ้! นายรู้วิธีปิดไฟด้วยเหรอ" คุณลุงตะโกนลงมาด้วยความแปลกใจ

     

     

    "ใช่ครับ ในหนังสือบอก" แบคฮยอนยิ้ม

     

     

    "ฉลาดจริงๆ เลยนะพ่อหนุ่ม อ้อ! ฉันลืม" เมจิเชี่ยนรุ่นลุงยกมือขึ้นมาจับขอบกระเป๋า แสงสว่างวาบออกมาจากมือ ทันใดนั้นบันไดเล็กๆ ก็ปรากฏขึ้น

     

     

    เมื่อแบคฮยอนเห็นบันได เขาก็รีบวิ่งมาปีนขึ้นสู่ทางออกทันที เขาก้าวขาข้างซ้ายออกมา และข้างขวา จนมายืนอยู่บนพื้นที่เดิม ปิดกระเป๋าแล้วสะพายมันไว้ที่หลัง

     

     

    เมจิเชี่ยนหยิบปืนเล็กๆ สีฟ้าหนึ่งกระบอก ออกมาจากกระเป๋าของเขาแล้วส่งให้เด็กหนุ่มร่างเล็กตรงหน้า

     

     

    "เมจิคกัน ใช่มั้ยครับ"

     

     

    เมจิคกันน่ะ มันคือปืนเวทมนตร์ที่ตำรวจสเลวฟ์ชอบใช้กัน มันถูกพัฒนาโดยเมจิเชี่ยน โดยมีต้นแบบมาจากปืนของคนสมัยก่อน มันไม่ต้องใส่ลูกแบบปืนของสมัยก่อนหรอกนะ ข้อดีที่มันมีคือ มันสามารถยิงกระสุนเวทมนตร์ออกมาได้โดยไม่จำกัด ข้อเสียคือ ต้องใช้เวทย์มนตร์ชาร์จเมื่อมันหมดคุณภาพ โดยสามารถชาร์จโดยปลั๊กเวทย์มนตร์หรือใช้เวทย์ของเมจิเชี่ยนก็ได้ โดยผู้ใช้จะเลือกสีของลูกเวทมนตร์ที่จะยิงออกมาได้ตามชอบ แต่ถ้าใช้มากๆ ในระยะเวลาติดต่อกันมันก็ไม่ดีเหมือนกัน

     

     

    "ฮ่าๆ นายรอบรู้กว่าสเลวฟ์ทั่วไปนะ" เมจิเชี่ยนเอื้อมมือมาแตะไหล่เด็กชายร่างเล็กเบาๆ "จำไว้นะ ถ้าเจอวูล์ฟ จับให้มั่น เล็งให้แม่น แล้วยิง! เก็บดอกไม้ก็พอ"

     

     

    "ไปก่อนล่ะครับ" เขาโบกมือลาคนตรงหน้าแล้วก้าวเท้าเดินออกมาทันที

     

     

    "โชคดีหนุ่มน้อย"

     

     

     

    แบคฮยอนรับรู้ได้ถึงความอ้างว้าง หนาวเหน็บ และถูกทอดทิ้งทันทีที่เดินทางมาถึงหน้าป่าฝั่งตะวันตกแห่งนี้ เขามาที่นี่เป็นครั้งแรก ไม่รู้ว่าจะมีความรู้สึกแบบนี้มาก่อน แต่เขาเคยอ่านในหนังสือก็เลยพอรู้ว่า ป่าแห่งนี้มันเป็นยังไงบ้าง ป่าดงดิบอันแสนมืดมิดแห่งนี้ แสงสว่างเข้าถึงได้เพียงสี่สิบเปอร์เซ็น มันจะซ่อนอะไรอยู่ภายใน ในตำนานกล่าวไว้ว่าในป่าแห่งนี้เป็นที่อยู่ของปีศาจหลายๆ ตน และสัตว์อันตรายหลายชนิด แต่เขาน่ะไม่เชื่อเรื่องสัตว์หรอก เพราะมันสูญพันธุ์ไปหมดแล้วยังไงล่ะ

     

     

    แล้วถ้าเขาเผชิญหน้ากับวูล์ฟล่ะ เขาจะทำยังไง แต่เขาคิดว่าวูล์ฟคงไม่ได้ใจร้ายเหมือนในตำนานที่พวกเมจิเชี่ยนเขียนกันเองแน่ๆ

     

     

    สเลวฟ์หนุ่มร่างเล็กค่อยๆ ก้าวเท้าเข้าไปยังเขตป่าดงดิบ ใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น

     

     

    ปกติที่ตรงนี้น่ะ พวกคนในเมืองไม่มีใครกล้ามากันหรอก ที่ตรงนี้จึงเป็นอีกพื้นที่หนึ่งที่เงียบเหงาเสมอ ต่างกับทะเลฝั่งตะวันออกที่ผู้คนหนาแน่นเพราะชอบไปเที่ยวเล่นอาบแดดกัน

     

     

    ป่าทึบสีเขียวเข้มดูไม่น่าย่างกรายเท่าไรนัก แบคฮยอนเดินเข้าไปอย่างช้าๆ

     

     

    'ออกไป อันตราย ห้ามเข้า' ป้ายไม้ที่ปักอยู่บนพื้นที่คาดว่าน่าจะเป็นเมจิเชี่ยนเขียนมันบอกไว้อย่างนั้น

     

     

    วืด!

     

     

    เหมือนเขาเข้ามาอีกโลกหนึ่ง ตอนนี้ ไม่มีแล้วความน่ากลัวของป่า แสงสว่างส่องไปทั่วทั้งบริเวณราวกับใครมาร่ายมนต์ไว้

     

     

    เขาเข้ามาในเขตป่าแล้ว ภายในป่ามีต้นไม้สลับกันขึ้นเป็นหย่อมๆ ไม่ชิดกันนัก ที่ดูเหมือนมีต้นไม้เยอะก็เพราะว่าต้นไม้พวกนี้มันสูง แล้วก็ใหญ่ยังไงล่ะ แต่ความจริงพื้นที้ในนี้มันกว้างมาก เดินได้สบาย แถมสวยอย่างกับในเทพนิยายเลยล่ะ แสงอาทิตย์สีส้มอ่อนส่องกระทบกับใบไม้ทำให้มันแวววาวราวกับเพชรพลอย คนที่เขียนป้ายนั้นจะห้ามทำไมในเมื่อภายในมันสวยงามขนาดนี้ บางทีเขาอาจจะอยากเก็บความสวยงามเหล่านี้ไว้ชื่นชมเองก็ได้

    ไหนล่ะ...อันตราย เขาไม่เห็นจะเจอ แล้วเขาก็ยังไม่เจอดอกกุหลาบสีรุ้งนั่นด้วย

     

     

    แบคฮยอนหันหลังกลับไปมองยังที่ที่ตัวเองเพิ่งเดินผ่านมา กำแพงเวทมนตร์บางๆ สะท้อนให้เห็นภาพป่าอันน่ากลัวแห่งนี้ ใครเป็นคนสร้างกำแพงนี้ขึ้นมานะ

     

     

    บางที...มันอาจถูกสาปให้เห็นภาพน่ากลัว มันคือกำแพงภาพลวงตาจริงๆ

     

     

    ร่างเล็กเดินไปมั่วๆ ในป่า เขาไม่มีแผนที่และไม่รู้จักเส้นทางเลย รอบตัวก็มีแต่ใบไม้กับต้นไม้ใหญ่สีเขียว ตอนนี้ดูเหมือนกับว่าเขาจะหลงป่าจริงๆ แล้วล่ะ

     

     

    เขาเดินไปทางโน้นที ทางนี้ที แต่ก็ไม่มีวี่แววที่จะเจอกุหลาบสีรุ้งอะไรนั่นเลย

     

     

    ให้ตายสิ เขาหลงป่าจริงๆ

     

     

    ฮืด...ฮืด

     

     

    ตุบ!

     

     

    คนร่างเล็กล้มลงเพราะถูกสัตว์ใหญ่ตรงเข้ามาคร่อมร่างไว้ สัตว์ตัวนี้มันคืออะไรน่ะ ปีศาจหรืออะไร

     

     

    ฮืด...ฮืด

     

     

    "เฮ้ย!" แบคฮยอนพยายามล้วงหาเมจิคกันที่เหน็บไว้ตรงเอว เมื่อได้แล้วจึงถือไว้ในมือแน่น แต่เพราะเขาอยู่ใต้ล่างของสัตว์ตัวนี้ทำให้ขยับตัวไม่ได้สักเท่าไรนัก

     

     

    ปั่ก!

     

     

    สัตว์ใหญ่ใช้กรงเล็บปัดปืนกระบอกเล็กกระเด็นไปอีกด้าน ให้ตายสิกรงเล็บมันยังข่วนเสื้อผ้าตรงท้องของแบคฮยอนอีก

     

     

    "โอ๊ยยยย!" เขาร้องด้วยความเจ็บปวด มันข่วนเขาเป็นแผลด้วย

     

     

    ปั่ก!

     

     

    คนถูกคร่อมรวบรวมกำลังไว้ที่ปลายเท้าแล้วยันโครมไปที่ตัวของสัตว์สกปรกตัวนี้ทำให้มันกระเด็นออกไป แต่ลูกเตะของแบคฮยอนไม่ได้สร้างความเสียหายเท่าไรนัก

     

     

    แบคฮยอนรีบวิ่งไปหยิบปืนที่โดนปัดกระเด็นไปอีกด้านแล้วถือขึ้นเล็งไปที่สัตว์ตัวใหญ่ตัวนั้น

     

     

    มันค่อยๆ ลุกขึ้นมายืนตามปกติแล้วจ้องเขม็งมาที่เขา

     

     

    "อย่า...อย่าเข้ามานะ!"

     

     

    ฮืด...ฮืด

     

     

     

    'จับให้มั่น เล็งให้แม่น แล้วยิง!'

     

     

     

    โอเค! แบคฮยอน

     

     

    ปั้ง!

     

     

    เสียงปืนดังพร้อมๆ กันกับลูกกระสุนเวทมนตร์ถูกยิงไปที่สัตว์ดุร้ายตัวนั้น มันกระโดดขึ้นข้างบนหลบลูกกระสุนอย่างง่ายดาย

     

     

    แบคฮยอนยืนงงโดยไม่ทันได้ระวังตัว น้ำใสเริ่มไหลออกจากดวงตาด้วยความเจ็บปวดพร้อมๆ กับเหงื่อที่ผุดขึ้นมาทั่วร่างกาย

     

     

    ไม่ไหวแล้ว

     

     

    ปั่ก!

     

     

    ปืนถูกปัดกระเด็นไปอีกครั้ง...

     

     

    "…"

     

     

    แบคฮยอนถูกสัตว์ตรงหน้าชนจนล้มแล้วถูกคร่อมไว้ตามเดิม ร่างเล็กๆ จะไปสู้อะไรกับสัตว์ตัวใหญ่ได้ล่ะ

    "ฮึก..นายต้องการอะไร" น้ำใสๆ ไหลออกมาจากดวงตาของแบคฮยอนเพราะความกลัว

     

     

    ตายมั้ย เขาจะตายมั้ย!

     

     

    ฮืด...ฮืด

     

     

    "ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายนาย..ฮึก" นัยน์ตาของคนถูกคร่อมใสเพราะน้ำตาเริ่มเอ่อล้นออกมาด้วยความกลัว พอๆ กับเหงื่อที่ผุดออกมาจากหน้าผากของเขา

     

     

    "ฮึก..ฉันไม่ได้จะมาทำร้ายนายจริงๆ นะ..ฮึก" แบคฮยอนสะอื้นจนร้องไห้หนักขึ้น ร่างบางสั่นเทาราวกับลูกนกเปียกน้ำ เขาจะตายไหม แบคฮยอนจะตายไหม

     

     

    วืดด..

     

     

    แสงสว่างวาบที่ออกมาจากตัวของสัตว์น่ากลัว ทำให้แบคฮยอนยกมือขึ้นปิดตาด้วยความงง

     

     

    กรงเล็บของมันไม่อยู่บนอกของแบคฮยอนอีกต่อไป

     

     

    ทันทีที่แสงสว่างดับลงก็ปรากฎชายร่างสูงหน้าตาดีในชุดสีดำ ยืนอยู่ตรงหน้าของคนตัวเล็กที่กำลังนอนอยู่กับพื้น

     

     

    "ขอโทษ ที่ทำให้เจ็บ" เสียงทุ้มพูดกับเขา แต่...ร่างสูงนั้นเป็นใคร

     

     

    แบคฮยอนพยายามมองคนตรงหน้า เขาคือคนจริงๆ หรือเปล่า!

     

     

    ร่างสูงยื่นมือมา คาดว่าจะให้คนตัวเล็กจับแล้วลุกขึ้นเป็นการไถ่โทษที่โจมตีเขาเมื่อกี้

     

     

    ร่างสูงปล่อยมือแล้วเดินไปหยิบปืนเวทมนตร์ที่เขาปัดกระเด็นไปอีกด้านเมื่อกี้ แล้วเดินกลับมาที่เดิม

     

     

    "มันเกือบทำฉันบาดเจ็บ" เขาพูดแล้วยื่นกระบอกปืนให้คนตัวเล็กที่นั่งอยู่ด้วยความสับสน

     

     

    "นี่ เลิกร้องไห้ได้แล้ว ฉันไม่ทำอะไรนายแล้ว" ชายร่างสูงยกมือขึ้นมาเช็ดน้ำตาใสที่เอ่อไหลอยู่บนใบหน้าของคนตัวเล็กที่กำลังหอบด้วยความเหนื่อย

     

     

    "ฉัน..ฉันไม่ได้ร้อง"

     

     

    มือหนายกมือขี้นบีบจมูกแดงๆ นั่นเบาๆ อย่างหยอกล้อ ไม่ได้ร้องแล้วทำไมจมูกแดงขนาดนั้นกันล่ะ คนร่างสูงยิ้มให้กับท่าทีปฏิเสธของอีกคน

     

     

    "เลิกจับจมูกฉันสักที"

     

     

    ร่างสูงยิ้มกว้างอีกครั้ง

     

     

    "นายเดินมั่วๆ ได้ยังไง มันอันตรายรู้มั้ย"

     

     

    "ก็ฉันไม่มีแผนที่" แบคฮยอนตอบ

     

     

    "นายเป็นคนในเมืองใช่มั้ย มาทำอะไรในป่านี้ ฉันคิดว่าเป็นผู้บุกรุกซะอีก" ร่างสูงปั้นใบหน้าให้กลับมาเคร่งขรึมตามเดิม

     

     

    "ฉันมาเก็บดอกไม้" แบคฮยอนพูดตามความจริง

     

     

    "ดอกอะไร"

     

     

    "กุหลาบสีรุ้งหนึ่งพันดอก"

     

     

    "หา! จะเอาไปหมดป่าเลยหรือไง" คนร่างสูงหลุดภาพลักษณ์เคร่งขรึมอีกแล้ว น่าขันจริง

     

     

    "มันเป็นงานของฉันน่ะ" คนร่างบางกระชับเป้ให้พอดีกับไหล่แล้วค่อยๆ ลุกขึ้น

     

     

    "ในหมู่บ้านของฉันน่ะ มีกุหลาบสีรุ้งอยู่เยอะเลยนะ"

     

     

    "จริงหรอ ฉันหามันตั้งนาน เจอแต่ต้นไม้กับใบไม้สีเขียวๆ บ้าชะมัดเลย แถมยังหลงทางอีก" แบคฮยอนเบะปาก

     

     

    "ฮ่าๆ เดินไปอีกไม่ไกลหรอก มาสิ" คนตัวใหญ่แบมือแล้วส่งไปให้แบคฮยอน เป็นการกระทำขอร้องแบบอ้อมๆ ว่า 'นี่นาย จับมือฉันสิ' อะไรทำนองนี้

     

     

    แบคฮยอนจับมือคนตรงหน้าแล้วเดินตามไปทันที

     

     

    "หน้าตาแบบนี้นายเป็นเมจิเชี่ยนแน่ๆ เลย ใช่มั้ยล่ะ" คนตรงหน้าหันมามองแบคฮยอน

     

     

    "ฉันไม่ใช่"

     

     

    "อื้ม..หรอ" เขาหันกลับไปแล้วจูงมือคนตัวเล็กเดินต่อไป

     

     

    "ฉันแบคฮยอน นายล่ะ"

     

     

    "ชานยอล"

     

     

    บอกแบคฮยอนทีวูล์ฟคือปีศาจจริงๆ ใช่ไหม?

     

    #wolfchanbaek

    © themy  butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×