KHR - วันเกิดที่เกือบโดนลืม (8018) - KHR - วันเกิดที่เกือบโดนลืม (8018) นิยาย KHR - วันเกิดที่เกือบโดนลืม (8018) : Dek-D.com - Writer

    KHR - วันเกิดที่เกือบโดนลืม (8018)

    8018 !!! เมื่อหนุ่มน้อยร่างบางจอมซึนพึ่งนึกได้ว่าวันนี้วันเกิดเจ้าบ้าขี้เล่น

    ผู้เข้าชมรวม

    1,350

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    9

    ผู้เข้าชมรวม


    1.35K

    ความคิดเห็น


    3

    คนติดตาม


    22
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  24 เม.ย. 58 / 16:17 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

    ฟิค Yaoi จากเรื่อง Kate-kyo Hitman REBORN

    Yamamoto Takeshi x Hibari Kyoya

    เมื่อคนหนึ่งติดงาน + อีกคนคอยเป็นห่วง

    วันเกิดที่เจ้าตัวไม่พูดขึ้น และอีกคนกลับยุ่งอยู่กับงานจนลืมไป

    ทันทีที่นึกขึ้นได้ฮิบาริจะทำอย่างไรดี ?

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      Title : วันเกิดที่เกือบโดนลืม

      :: Kate-kyo Hitman REBORN

      :: Yamamoto Takeshi x Hibari Kyoya (8018)

                  ครืดดด... ครืดดด....

                  โทรศัพท์สั่นเตือนบ่งบอกว่ามีใครสักคนโทรเข้ามา ร่างบางที่กำลังนอนอ่านหนังสือเพลิน ๆ เหลียวมองดูก่อนจะส่ายหน้าเบา ๆ แล้วกดรับสาย

                  “.......”

                  (“ฮิบาริ นอนรึยังอะ?”)

                  “ถามโง่ ๆ” ร่างบางตอบคนปลายสาย พร้อมทั้งปิดหนังสือที่กำลังอ่านอยู่เมื่อครู่แล้วเอาไปวางไว้ที่โต๊ะ

                  (“ง่ะ ทำอะไรอยู่หรอ?”)

                  “ว่างนักรึไง?” ตอบไปพลางก็เดินไปปิดไฟในห้องแล้วหันกลับมาทิ้งตัวลงนอนที่เตียง นอนคุยโทรศัพท์ไปทั้งอย่างนั้น

                  (“ก็ งั้นมั้ง...”) ร่างสูงตอบกลับแล้วก็เงียบไปครู่นึง ร่างบางที่ตอนแรกเลือกที่จะรอฟังว่าอีกฝ่ายจะพูดอะไรต่อก็เปลี่ยนใจทำลายความเงียบเอง

                  “มีอะไร”

                  (“พรุ่งนี้นายจะไปไหนรึเปล่า?”)

                  “ทำงาน”

                  (“อ้าว แต่นี่มันปิดเทอมอยู่นะ”)

                  “ชั้นไม่ใช่สัตว์กินพืชที่วัน ๆ ไม่ต้องทำอะไร”

                  (“ฮิบาริอ่า แล้วพรุ่งนี้ไปหาได้ไหม?”)

                  “ไม่ต้อง งานยุ่ง”

                  (“นิดนึง”) ร่างสูงพยายามต่อไปที่จะไปหาร่างบาง

                  “ไม่” ร่างบางตอบปัดอย่างไม่มีเยื่อใย ก็ไม่ใช่ว่าไม่อยากเจอหน้า หรืออะไรหรอก เพียงแค่พรุ่งนี้เขาต้องรื้อเอกสารและจัดเตรียมเอกสารใหม่ ไหนจะมีประชุมร่วมกับฝ่ายอื่นที่อยู่ในโรงเรียนด้วยอีก เหตุด้วยกรรมการรักษาระเบียบก็มีงานส่วนหนึ่งที่ต้องรับผิดชอบในโรงเรียน จึงทำให้ทั้งที่เป็นปิดเทอมก็ยังคงต้องทำงานอยู่อย่างนี้

                  (“ไว้เดี๋ยวไปหานะ”)

                  “บอกว่าไม่ต้อง”

                  (“คร้าบ ๆ ฝันดีนะครับ”)

                  “.......”

                  (“พรุ่งนี้เจอกันนะ”) ทันทีที่พูดจบร่างสูงก็รีบตัดสายไปก่อนที่ร่างบางจะได้ตะหวาดใส่ ด้วยความที่ร่างสูงเป็นคนดื้อรั้น ห้ามยังไงก็คงไม่ฟังอยู่ดี

                  ร่างบางถอนหายใจเฮือกนึงก่อนที่ดูนาฬิกาบนหน้าจอโทรศัพท์ซึ่งบอกเวลาว่าตอนนี้เป็นเวลา 10:48 PM ก่อนจะวางโทรศัพท์ลงข้าง ๆ แล้วครุ่นคิดในใจว่า ทำไมร่างสูงถึงโทรมาในเวลาแบบนี้ ปกติเขาก็ไม่เคยโทรมาดึกขนาดนี้ซะหน่อย หรือมีเหตุจำเป็นอะไร แต่แล้วทำไมเขาถึงไม่พูดล่ะ? ร่างบางแหงนหน้ามองเพดาน แล้วค่อย ๆ หลับตาลง คิดในใจเพียงว่า คงไม่มีอะไรหรอก คนบ้า ๆ อย่างนั้นจะมีเหตุจำเป็นอะไรนอกจากอยากโดนขย้ำล่ะ ไม่มีหรอก

                  ทันทีที่หลับตาลง เพียงแค่คิดถึงงานวันพรุ่งนี้มันก็ทำให้ร่างบางรู้ตัวแล้วว่าควรจะรีบ ๆ นอน เพื่อที่จะได้ไม่มีปัญหาในการทำงานวันพรุ่งนี้ และแล้วร่างบางก็ค่อย ๆ หลุดเข้าไปในห้วงภวังค์ของนิทราการหลับใหล

      - เช้าวันต่อมา -

                  บรรยากาศของวันนี้อากาศไม่ได้ร้อนมากมาย แถมยังมีลมเย็นพัดมาอ่อน ๆ อยู่เรื่อย ๆ ทำให้ฮิบาริ เคียวยะที่นั่งเคลียร์เอกสารอยู่บนโต๊ะไม่ได้รู้สึกเครียดกับงานมากนัก ตั้งแต่เช้าที่เขานั่งเคลียร์เอกสารมา ตอนนี้ก็ปาไปเกือบจะเที่ยงเสียแล้ว แล้วเอกสารที่กองรวมกันอยู่ไม่ได้มีท่าทีว่าจะเสร็จง่าย ๆ เลย ร่างบางเอนตัวพิงกับผนักเก้าอี้ แล้วถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ด้วยความเหนื่อยล้าจากการนั่งอยู่กับที่มาหลายชั่วโมง

                  ก๊อก ๆๆ

                  “ขออนุญาตครับคุณเคียว” ฮิบาริเงยหน้าขึ้นมามองไปที่ประตูก็เห็นคุซาคาเบะเปิดประตูห้องเข้ามา พร้อมกับถือเอกสารชุดนึงมาด้วย

                  “นี่เป็นเอกสารที่จะใช้ในการประชุมตอนบ่ายครับ เป็นเรื่องเกี่ยวกับ..................... ฯลฯ” คุซาคาเบะอธิบายเกี่ยวกับเอกสารและเรื่องที่จะประชุม ฮิบาริก็พยายามฟังแต่ก็ไม่เข้าหูซักเท่าไหร่นักเพราะ ตัวเขาเองก็ไม่ชอบการอยู่สุมหัวเป็นกลุ่มแบบนี้ แต่ก็อย่างว่ามันคืองาน ยังไงก็คงเลี่ยงไม่ได้

                  “ประชุมกี่โมง?”

                  “บ่ายโมงครึ่งครับ”

                  “อืม ขอบใจ”

                  “ครับ ผมจะลงไปทานข้าว คุณเคียวจะไปด้วยกันมั้ยครับ?”

                  “ไม่ละ”

                  “จะฝากอะไรรึเปล่าครับ”

                  “ไม่”

                  “งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ” คุซาคาเบะก้มตัวโค้งให้ก่อนที่จะเดินออกไปจากห้อง

                  ฮิบาริเอนตัวลงอีกครั้งและหลับตาลงพักสายตาพลางคิดว่าจะลงไปหาอะไรทานก่อนดีมั้ย หรือจะทำงานระหว่างรอเข้าประชุมดี เพราะตอนนี้เขาก็ไม่รู้สึกหิวอะไรมากนัก แต่ถ้าลงไปหาอะไรทานก็คงอยู่ได้จนเคลียร์งานเสร็จ

                  ก๊อก ๆๆ แก๊ก

                เสียงเคาะประตูพร้อมกับเสียงเปิดประตูห้องดังขึ้น แต่เจ้าของห้องที่นั่งอยู่โต๊ะทำงานก็ไม่ได้คิดอะไร เพราะคิดว่าคงเป็นคุซาคาเบะที่ลืมของอะไรไว้รึเปล่า

                  ฟุ่บ!

                แต่แล้วร่างบางก็สะดุ้งเฮือกลุกขึ้นอย่างตกใจ เพราะอยู่ ๆ ก็มีใครบางคนหอมแก้มไปฟอดนึง ร่างบางหันไปตามความรู้สึกที่สัมผัสได้ที่แก้มเมื่อครู่ ก็เจอเข้ากับไอ้บ้าที่รนหาที่ตายได้ตลอดเวลา

                  “โย่ว” ยามาโมโตะทักร่างบางที่กำลังนั่งจ้องเขาเขม็ง

                  “ตายซะ!” ร่างบางทำทีหยิบทอนฟาออกมาแล้วทำท่าจะลุกขึ้นขย้ำคนตรงหน้าที่กำลังทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่ แต่ก็โดนล็อกมือไว้ทัน

                  “อยากโดนอีกหรอ” ร่างสูงยื่นหน้าไปข้าง ๆ ร่างบางก่อนที่จะกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

                  ตุ้บ!

                “หึ” ร่างบางแสยะยิ้มเล็กน้อย หลังจากที่ใช้ทอนฟาที่อยู่มืออีกข้างซัดเข้าที่ท้องร่างสูงอย่างจัง

                  “โอ้ย!....” ร่างสูงลงไปกุมท้องที่พื้นแล้วบ่นโอดครวญอ้อนวอนให้ร่างบางสงสาร

                  “สำออย” ร่างบางตอบแค่นั้นก็ลงกลับไปนั่งที่เดิม แล้วหยิบเอกสารมาทำงานต่อ เพื่อที่จะได้ไม่โดนไอ้บ้าที่กำลังเรียกร้องความสนใจอยู่มาก่อกวนเขาต่อ

                  “ไม่สงสารชั้นหน่อยหรอ”

                  “ไม่” ร่างบางที่เปิดเอกสารไปมาก็ตอบออกไปโดยไม่สบตาร่างสูงที่กำลังจ้องเขาอยู่แม้แต่นิด

                  “ง่ะ แล้วกินข้าวรึยัง?” ร่างสูงถามร่างบาง ก่อนจะลุกขึ้นยืนปัดก้นแล้วเดินไปลากเก้าอีกตัวมานั่งฝั่งตรงข้ามกับเขา

                  “กินแล้ว” ร่างบางตอบปัดต่อไปอย่างนั้น

                  จ้อกกกกก

                เสียงท้องร้องของร่างบางก็ดังขึ้นทำให้ยามาโมโตะที่กำลังนั่งจ้องร่างบางอยู่ขำแตกขึ้นมาทีนึง

                  “ฮ่า ๆๆๆๆๆ เสียงอะไรหว่า” ร่างสูงทำหน้าเจ้าเล่ห์มอง

                  “ชิ” ร่างบางคิ้วขมวดขึ้นแล้วจิปากเบา ๆ กับตัวเอง และไอ้ท้องบ้าที่ร้องไม่ถูกที่ถูกจังหวะ

                  “นี่ เอามาให้ ชั้นทำเองเลยนะ” ร่างสูงพูดขึ้นก่อนจะหันไปหยิบข้าวกล่องขึ้นมาวางบนโต๊ะ

                  “....” ร่างบางมองไปที่ข้าวกล่องแล้วทำหน้าอึ้ง ๆ แล้วคิดในใจว่า อย่างหมอนี่คิดเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้ก็เป็นด้วย ?

                  “ซูชิไง มีหน้าที่นายชอบด้วยน๊า” ร่างสูงทำท่าทางให้ร่างบางสนใจพลางเปิดข้าวกล่องออกมา ซูชิที่อยู่ในกล่องถูกจัดเรียงมาอย่างดี ดูแล้วก็น่าทานไปในระดับหนึ่ง

                  “แล้ว?” ร่างบางยังคงทำทีไม่สนใจแล้วก้มไปทำงานต่อ

                  ปึ้ง!

                ร่างสูงเอามือไปปิดเอกสารที่ร่างบางกำลังเขียนอยู่ แล้วจ้องร่างบาง

                  “กิน ข้าว ก่อน นะ ครับ ^_^” ร่างสูงพูดทีละคำอย่างชัดเจน แล้วส่งยิ้มให้ร่างบาง ทำให้ร่างบางอึ้งนิด ๆ กับสิ่งที่ร่างสูงทำ

                  “...” ร่างบางไม่ตอบอะไรก่อนจะหลบสายตาร่างสูง

                  “มา เดี๋ยวป้อน” ร่างสูงหยิบตะเกียบขึ้นมาแล้วทำเหมือนกำลังเล่นสนุกอยู่

                  “ไม่ต้อง” ร่างบางห้ามไว้ก่อนที่จะแย่งตะเกียบกลับมา แล้วพึมพำเบา ๆ ก่อนจะคีบซูชิขึ้นมากินทีละชิ้นอย่างช้า ๆ

                  “อร่อยมั้ย?” ร่างสูงถามขึ้นขณะที่ร่างบางพึ่งกินเข้าไปได้ไม่กี่ชิ้น

                  “ปกติ” ร่างบางตอบโดยที่ไม่ยอมสบตากับร่างสูง

                  “จริงเร้อ” ร่างสูงถามเสียงสูงแล้วจ้องร่างบางหนักกว่าเดิมแล้วยื่นหน้าเข้าไปใกล้ ร่างบางหันมามองแล้วดันหน้าร่างสูงออกไปไกล ๆ ก่อนจะหันมากินซูชิต่อไป

                  ยามาโมโตะที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็นั่งมองร่างบางที่กำลังกินซูชิที่ตัวเองทำอย่างตั้งใจโดยใบหน้าก็ยิ้มระรื่นอยู่ตลอดจนบางทีร่างบางก็หันมาทำหน้าขมวดคิ้วใส่ แต่ร่างสูงก็ยังคงไม่หยุด แม้จะโดนดุด้วยสายตาคม ๆ คู่นั้น

                  “อยากกินอะ” ร่างสูงพูดขึ้นโดยจงใจให้ร่างบางได้ยิน แต่ก็ไร้วี่แววที่ร่างบางจะสนใจ

                  “.....”

                  “ป้อนหน่อยดิ” ร่างสูงทำหน้าอ้อน ๆ กับร่างบาง

                  “มีมือก็กินเอง”

                  “คร้าบบบ” ร่างสูงแย่งตะเกียบมาจากร่างบางก่อนจะคีบซูชิขึ้นมาชิ้นนึง

                  “ตะเกียบชั้น” ร่างบางมองอย่างเคืองนิด ๆ

                  “อ้า” ร่างสูงทำท่าอ้าปากให้ร่างบางทำตาม

                  “อะไร” ร่างบางทำหน้างง ๆ แล้วถามร่างสูงกลับ

                  “อ้าปากสิ”

                  “ห้ะ?” จังหวะที่ร่างบางร้องห้ะขึ้นมาร่างสูงก็ยื่นซูชิไปจ่อให้แตะที่ปากร่างบาง

                  “กินสิ”

                  ร่างบางที่กำลังอึ้งอยู่ก็ยอมอ้าปากกินซูชิที่อยู่ตรงหน้า ก่อนจะแย่งตะเกียบกลับมา แล้วเหลือบมองร่างสูงนิด ๆ ก็เห็นว่าร่างสูงกำลังจ้องอยู่

                  ร่างบางยังคงกินต่อไปโดยพยายามไม่แสดงความรู้สึกอ่อนไหวหรืออะไรออกมาทั้งสิ้น จนอิ่ม ร่างบางก็พูดพึมพำออกมาเบา ๆ

                  “อิ่มแล้ว” ร่างบางพูดขึ้น แล้วอยู่ ๆ ร่างสูงยื่นมือไปใกล้ร่างบางใบหน้าของร่างบาง ด้วยสัญชาตญาณ ร่างบางจึงปัดมือนั้นออกโดยไม่รู้ตัว

                  “เศษข้าวมันติดน่ะ” ร่างสูงพูดขึ้นแล้วยื่นมือไปหยิบเศษข้าวที่มุมปากร่างบางออกให้ ร่างบางที่มองตามก็ต้องอึ้ง เพราะแทนที่จะหยิบไปทิ้ง ร่างสูงกลับกินเมล็ดข้าวนั้น ร่างบางทำหน้าอึ้งอย่างตกใจกับการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ นั้น ก่อนจะค่อย ๆ หน้าแดงระรื่อขึ้นสี แล้วเบือนหน้าหนีร่างสูง

                  “น่ารักจัง ฮ่าๆ” ร่างสูงเอ่ยขึ้นเบา ๆ กับสิ่งที่ร่างบางแสดงออกมา แล้วเริ่มเก็บกล่องข้าวที่ร่างบางพึ่งกินเสร็จ ก่อนจะลุกขึ้น

                  “ไปละนะ” ร่างสูงเอ่ยบอก

                  “อืม”

                  “ตั้งใจทำงานนะ”

                  “อืม”

                  “ไปจริง ๆ นะ”

                  “อืม”

                  “ไปแล้วนะคร้าบบบ”

                  “อืม”

                  “จะไปแล้วนะ โอ้ย!” ร่างสูงพูดแล้วกุมหัวตัวเอง เนื่องจากร่างบางซัดทอนฟาใส่ด้วยความรำคาญกับการเล่นตัวของร่างสูง

                  “ไปแล้วคร้าบบบ” ร่างสูงพูดก่อนจะยื่นหน้าไปหอมแก้มร่างบางฟอดใหญ่แล้วรีบแจ้นออกจากห้องทันที ก่อนที่จะโดนซัดทอนฟาใส่อีกรอบ

                  ร่างบางเลื่อนมือไปแตะที่แก้มที่โดนกระทำไปเมื่อครู่ก่อนจะค่อย ๆ หน้าแดงขึ้นมาระรอกสอง

                  “แน่ะ ๆ เขินอะดิ๊” ร่างสูงที่ออกไปแล้วเมื่อครู่ จู่ ๆ ก็เปิดประตูแล้วพูดแซวร่างบาง

                  “ไปตายซะ!!” ร่างบางที่รู้สึกตัวได้ก็ตะโกนไล่หลังพร้อมกับขว้างทอนฟาไปที่ประตู แต่ก็ไม่ทันจนได้

                  ทำไมคนอย่างหมอนั่นต้องมาก่อกวนได้ทุกเวลาจังนะ ร่างบางนึกในใจแล้วก็ค่อยๆฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะทำงานค่อย ๆ ให้ใจที่กำลังเต้นโครมครามสงบลง เพื่อที่จะได้มีสมาธิแล้วกลับไปทำงานต่อได้

                  “ไอ้บ้า...” ร่างบางพูดขึ้นแล้วหันไปมองที่ประตู ก่อนจะสลัดความคิดต่าง ๆ ในหัวออก แล้วมาจดจ่อที่งานแทน โดยที่ไม่รู้ว่า เจ้าบ้าที่เขาพูดถึง ยังคงยืนอยู่ที่หน้าประตูอยู่เลย

                  ร่างสูงที่ยืนแอบฟังอยู่หน้าประตูยิ้มออกมานิด ๆ ก่อนจะหันตัวเดินลงบันไดกลับบ้านไป

      - 08:18 PM -

                  “เหนื่อยหน่อยนะครับ” คุซาคาเบะเอ่ยขึ้นหลังจากที่จัดแจงตรวจเช็คเอกสารและบันทึกต่าง ๆ เสร็จเรียบร้อยทั้งหมดแล้ว

                  “......” ร่างบางบิดตัวเองคลายความเหนื่อยล้าให้ตัวเองจากงานที่โหมทำมาตลอดทั้งวัน พอเงยหน้าขึ้นมาอีกทีก็พบว่าตอนนี้ท้องฟ้ามีพระจันทร์ขึ้นมาแล้ว ตามจุดต่างในโรงเรียนก็เปิดไฟแล้ว ลมเย็น ๆ ลอยผ่านหน้าต่างที่เปิดทิ้งไว้เข้ามาทำให้ร่างบางสดชื่นขึ้นมาอีกนิด ร่างบางหันเก้าอี้ไปทางที่ลมผ่านเข้า แล้วเอนตัวลงกับเก้าอี้เพื่อรับลมเล่น

                  “ว่าแต่ คุณเคียวยังจะไปที่ไหนต่อรึเปล่าครับ”

                  “ไปไหน”

                  “กับยามาโมโตะไงครับ ผมได้ยินพวกชมรมนั้นพูดเรื่องฉลองอะไรซักอย่าง คุณเคียวไม่ได้ไปด้วยหรอครับ”

                  “ก็แค่พวกชอบสุมหัวกัน” คุซาคาเบะที่ได้ยินคำตอบก็ทำหน้าอึ้งไปเล็กน้อยกับคำตอบที่ได้รับมา เพราะปกติยามาโมโตะมักจะมาพาเขาออกไปด้วยเสมอ

                  “งั้นหรอครับ”

                  “มีอะไรจะพูดล่ะ?” ฮิบาริหันหน้ากลับมามองที่คุซาคาเบะแล้วถามคำถามขึ้น

                  “เปล่าครับ งั้น ผมขอตัวก่อนนะครับ”  คุซาคาเบะเมื่อเก็บของเสร็จก็รีบออกไปจากห้องทันที

                  ฮิบาริที่เห็นท่าทีแปลก ๆ อย่างนั้นก็ไม่สนใจอะไรเพราะ คงไม่ใช่เรื่องงานแน่ ๆ

                  “หรือคุณเคียวจะไม่รู้นะ ไม่สิ ยังไงก็ต้องรู้อยู่แล้วล่ะนะ” คุซาคาเบะที่ยืนอยู่หน้าห้องบ่นพึมพำกับเรื่องที่สงสัยว่า ที่เขาพูดเป็นเชิงถามเกี่ยวเรื่องของยามาโมโตะ ทาเคชิ นั้น ฮิบาริไม่รู้จริง ๆ น่ะหรอ ? แต่ก็คงไม่อยากจะถามไปมากกว่านี้เพราะ มันจะกลายเป็นหาเรื่องใส่ตัวแทน
                  ฮิบาริเอื้อมมือไปเก็บปากกาและอุปกรณ์ต่าง ๆ ก่อนจะเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานแล้วเก็บอุปกรณ์ลง แต่แล้วก็ไปสะดุดตากับสิ่ง ๆ หนึ่งที่อยู่ในนั้น นั่นก็คือลูกเบสบอลที่ยามาโมโตะเคยตีขึ้นมาเมื่อก่อนหน้านี้ซักระยะ

                  “.......” ฮิบารินั่งเอนตัวพิงแล้วหยิบลูกเบสบอลออกมาดูก่อนจะค่อย ๆ นึกว่าวันนี้เขาลืมอะไรไปรึเปล่า ทำไมทั้งวันเขาถึงรู้สึกว่าตัวเองลืมอะไรบางอย่างไป แต่ก็นึกไม่ออกซะที พลางก็กวาดสายตามองไปรอบ ๆ ห้อง เผื่อจะทำให้นึกอะไรออกบ้าง แล้วก็มองไปที่ปฏิทิน

                  “วันที่ 24.....”

                  ทำไมถึงรู้สึกเหมือนมันมีอะไรซักอย่างล่ะ

                24 เมษา....”

                  “24…..!!!” ร่างบางลุกขึ้นพรวดแล้วรีบเดินออกจากห้องไปทันที

                  บ้าชะมัด พึ่งจะมานึกได้ตอนนี้

                ร่างบางที่พอเดินมาถึงหน้าโรงเรียนก็รีบออกวิ่งทันทีโดยไม่รู้ตัวเหมือนกันว่าทำไมถึงต้องวิ่งด้วย

                  แล้วทำไมถึงไม่พูดอะไรบ้างละ  ไอ้สัตว์กินพืชงี่เง่า

                ฮิบาริยังคงวิ่งต่อไปเรื่อย ๆ หวังแค่ว่า ไปให้ถึงที่นั่นก็พอ เพียงแค่ได้เจอหน้าซักนิดก็คงพอ เพียงได้พูดซักคำก็พอ ทั้ง ๆ ที่รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองทำอยู่มันงี่เง่าเอามาก ๆ แต่ฮิบาริก็ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้ ได้แต่วิ่งต่อไปทั้งอย่างนั้น

                  ครืดดดดดด ขณะที่สึโยชิกำลังเลื่อนประตูกำลังจะปิดลง ก็มีมือๆหนึ่งมาจับประตูเอาไว้

                  “แฮ่กก ๆๆ....” บุคคลที่กำลังจับประตูเอาไว้ได้แต่หอบเหนื่อยอยู่จนพูดออกมาไม่ได้

                  “อ้าว หนูฮิบาริ เข้ามาก่อนสิ” สึโยชิเรียกร่างบางเข้ามาก่อนไปยกน้ำออกมาให้เจ้าตัว

                  “ขอบคุณครับ” ร่างบางเอ่ยขอบคุณไปแล้วหยิบน้ำขึ้นมาค่อย ๆ ดื่ม ก่อนที่เพิ่งมาคิดได้ว่า ตกลงเขาวิ่งที่นี่เพราะอะไรกันแน่ เพราะพอมาถึงก็ดันรู้สึกอย่างนี้ไปเสียได้

                  “ทาเคชิ หนูฮิบาริมาหา”

                  “พรู่ด แค่ก ๆๆ” ร่างบางสำลักน้ำออกมาทันทีที่สึโยชิเรียกลูกชายของตนเองให้ลงมา เพราะเจ้าตัวยังไม่ทันได้พูดเลยด้วยซ้ำว่าที่ตัวเองมาที่นี่ทำไม

                  “ห้ะ อะไรนะพ่อ” ร่างสูงที่อยู่ชั้นบนตอบกลับมา

                  “หนูฮิบาริมา รีบ ๆ ลงมาได้แล้ว ไอ้ลูกคนนี้”

                  “แปบนะพ่อ อาบน้ำอยู่” สิ้นคำพูด ร่างสูงก็เงียบไป

                  “เอ่อ.. ผม..” ร่างบางกำลังจะพูดออกไปแต่ก็โดนตัดบทไปซะก่อน

                  “พ่อรู้ มาหามันใช่มั้ยล่ะ” ร่างบางที่ตอนแรกคิดว่าจะขอกลับเลยดีกว่าก็ต้องนิ่งเงียบลงเพราะเหมือนจะโดนเดาทางออกซะแล้ว

                  “ทำตัวตามสบายเลยนะ พ่อต้องไปเก็บครัวให้เสร็จก่อนน่ะ”

                  “ครับ” ร่างบางรับคำก่อนจะนั่งนิ่งเงียบจ้องแก้วน้ำแทน

                  ถ้ามันลงมาแล้ว เราจะพูดอะไรดีล่ะ แล้วเราจะทำยังไงต่อดีล่ะ ไม่ได้มีอะไรติดมือมาเลย แล้วเราจะคิดทำไมล่ะ มันก็แค่ไอ้บ้าคนนึงเท่านั้นแหละ

                ร่างบางเริ่มคิดไปต่าง ๆ นานา โดยที่ฟุ่บหน้าลงกับโต๊ะแล้วก็เผลอหลับไปโดยไม่รู้ตัว

                  “....บาริ”

                  “ฮิบาริ...”

                  “ฮิบาริ” ร่างบางได้ยินเสียงใครบางคนกำลังเรียกตัวเองพร้อมกับเสียงเขย่าที่ไหล่เบา ๆ ก่อนที่จะค่อย ๆ ลืมตาตื่นขึ้นมา และก็พบกับยามาโมโตะ ทาเคชิ ที่ยืนเช็ดผมอยู่ข้าง ๆ

                  “ไหวรึเปล่าเนี่ย พึ่งกลับจากโรงเรียนหรอ?” ร่างสูงถามขึ้นหลังจากที่ร่างบางรู้สึกตัวแล้วลุกนั่งตามปกติ เพราะร่างบางยังคงใส่ชุดนักเรียนอยู่และท่าทางก็ยังเหนื่อย ๆ อยู่ด้วย

                  “อืม” ร่างบางตอบออกไปอย่างมึนหัวนิด ๆ ก่อนจะค่อย ๆ ตั้งสติแล้วประมวลสิ่งรอบข้างตอนนี้

                  “คงเหนื่อยน่าดูสินะ”

                  “อืม ฉันกลับละ” ร่างบางลุกขึ้นทันทีที่จบประโยค

                  “อะ เดี๋ยวสิ” ร่างสูงยื่นมือออกไปจับมือร่างบางเอาไว้ก่อนที่ร่างบางจะเดินออกไป

                  “....” ร่างบางหันกลับมามองด้วยสีหน้านิ่งเฉย

                  “..พ่อครับ ผมไปส่งฮิบาริก่อนนะ” ร่างสูงสบตากับร่างบางแต่ปากก็บอกกล่าวผู้เป็นพ่อว่าจะออกไปข้างนอก

                  “......” ร่างบางไม่พูดอะไรแต่หันกลับแล้วเดินออกมาข้างนอก ร่างสูงเห็นอย่างนั้นจึงรีบลุกเดินกึ่งวิ่งตามทันที

                  ช่วงเวลาตอนนี้ก็เริ่มดึกแล้ว บ้านเรือนที่อยู่ตลอดข้างทางระหว่างทางเดินกลับบ้านก็เข้านอนกันแทบจะหมดแล้ว บางหลังก็ยังคงเปิดไฟหน้าบ้านไว้ บางหลังก็ไม่ได้เปิด บรรยากาศโดยรอบกำลังโล่ง ท้องฟ้าปลอดโปร่งพอให้เห็นดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า สายลมอ่อน ๆ พัดมาให้อากาศเย็นในระดับนึง เนื่องจากอยู่ในช่วงปลายหนาวอากาศเลยยังคงเย็น ๆ อยู่บ้าง ร่างบางยังคงเดินต่อไปตามเส้นทางนั้น โดยที่ยังได้ยินเสียงฝีเท้าของใครอีกคนเดินตามมาตลอดทาง

                  ขณะที่ขากำลังก้าวไปเรื่อย ๆ พลันสายตาร่างสูงก็เหลือบไปเห็นร้านราเมงเล็กๆที่อยู่ริมถนน แล้วด้วยสัญชาตญาณหรืออะไรก็ตามแต่ ร่างสูงหยุดเดินแล้วดึงมือร่างบางเอาไว้

                  “แวะก่อนมั้ย?” ร่างสูงเอ่ยถามขึ้นพลางส่งสายตาไปยังร้านราเมงร้านนั้น

                  “....” ร่างบางหันมองตามไปสายตาที่ถูกชักนำไปที่ร้านด้วยใบหน้าเรียบเฉย แต่แล้วเจ้าตัวก็ไม่ตอบอะไรออกมา

                  “อย่าซึนนักเลยน่า”

                  ยามาโมโตะตัดสินใจพาฮิบาริแวะกินราเมงก่อน เพราะตอนที่อยู่ที่ร้าน เขาก็ยังไม่ได้เอาอะไรออกมาให้ฮิบาริทานเลยสักอย่าง ทำงานมาก็ทั้งวัน ยังไงก็ต้องหิวบ้างแหละ พอเดินเข้ามาภายในร้าน คนก็ไม่มากนัก อาจจะเป็นเพราะว่าเวลานี้อยู่ในช่วงร้านกำลังจะปิดก็ได้ เลยทำให้ลูกค้าไม่มากนัก และนั่นก็ดีกับฮิบาริที่ไม่ค่อยชอบการที่ต้องอยู่กับคนเยอะ ๆ ด้วยเช่นกัน

                  เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจนทั้งคู่อิ่ม ยามาโมโตะจ่ายเงินแล้วเดินออกมาพร้อมกับฮิบาริที่ทำท่ายื่นเงินจ่ายให้ แต่ร่างสูงก็ยังพูดคำเดิมว่าวันนี้เขาเลี้ยงเอง

                  “นี่ฮิบาริ” ร่างสูงทักขึ้นเมื่อทั้งคู่ยืนอยู่หน้าร้าน

                  “อะไร?” ร่างบางที่กำลังจัดแจงสำรวจชุดตัวเองอยู่ตอบกลับมาแล้วค่อยหันมามองตาม

                  “....” ยามาโมโตะไม่ตอบอะไร แต่เลื่อนมือมาเช็ดรอยเลอะที่มุมปากของร่างบางให้แทน

                  “...!!” ร่างบางรีบปัดมือร่างสูงออกไปห่าง ๆ เมื่อรู้สึกตัว

                  “^_^” ร่างสูงไม่พูดอะไรต่อแต่ส่งยิ้มระรื่นมาแทน

                  “ชิ” ร่างบางหันหลังให้แล้วรีบเดินอย่างรวดเร็วกับความรู้สึกพ่ายแพ้นิด ๆ ที่เขามาพลาดกับเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่กินเลอะซ้ำ ๆ อยู่อย่างนี้

                  ร่างสูงที่เห็นอย่างนั้นจึงก้าวขาฉับ ๆ ตามมาอย่างไว เดินไปได้ซักระยะ จากที่เดินตามหลัง ร่างสูงค่อย ๆ เข้ามาเทียบด้านข้างแทน แล้วก็ค่อย ๆ เดินเข้ามาชิดร่างบางเรื่อย ร่างบางที่พอรู้สึกตัวได้ก็ไม่รู้จะทำยังไงกับความกวนประสาทของคนข้าง ๆ ดี ไล่กลับซะเลยดีมั้ย?

                  แต่แล้วจู่มือร่างสูงก็ค่อย ๆ เลื่อนมาโอบร่างบาง

                  “อ๊ะ....!?” ร่างบางร้องขึ้นแล้วจ้องร่างสูงอย่างเอาเรื่อง

                  “น่านะ....” ร่างสูงยังคงไม่ปล่อยแถมยังกระชับแขนเข้ามาใกล้ ๆ ตัวเองมากขึ้นกว่าเดิมเสียอีก

                  ร่างบางที่ยังคงเหนื่อยล้าอยู่ก็ขี้เกียจจะเถียงก็เลยปล่อยเลยตามเลยจนกระทั่งไป ลมเย็น ๆ ที่พัดมากลับไม่ทำให้ร่างบางรู้สึกสั่นไหวแต่อย่างไรเพราะอ้อมกอดของคนข้าง ๆ โอบอุ้มเขาเอาไว้อยู่ ทั้ง ๆ ที่ไม่ชอบการเกาะแจแบบนี้ แต่ร่างบางกลับยอมให้พิรุณคนนี้อย่างง่ายดาย หรือจะเป็นเพราะเพลียกับงานมากเกินไปรึเปล่านะ ?

      -----------------------------------------------

                  “กลับไปได้แล้ว” ร่างบางเอ่ยออกมาขณะกำลังเปิดประตูรั้วบ้าน

                  “อ่าฮะ”

                  “ไปได้แล้ว” ร่างบางเดินเข้าไปในบ้านพร้อมกับปิดประตูรั้วแล้วล็อคเอาไว้ก่อนจะหันกลับมามองร่างสูงที่อยู่ข้างนอก

                  “ครับ” ร่างสูงรับคำ แต่กลับเดินมาที่ประตูรั้วแทน ระดับความสูงของประรั้วอยู่ที่ระดับออกของร่างสุง ร่างสูงยืนพิงที่ประตูแล้วท้าวคางจ้องหน้าร่างบาง

                  “อะ อะไร..” ร่างบางถามอย่างตะกุกตะกัก

                  “ไปละนะ” ร่างสูงเอ่ยพร้อมกับยิ้มให้ร่างบางอย่างมีเลศนัย แล้วจ้องร่างบางด้วยสายตาออดอ้อน

                  “อืม...”

                  ร่างสูงเห็นว่าร่างบางไม่มีทีท่าจะพูดอะไรต่อก็เลยตัดสินใจเดินห่างออกไปแล้วเตรียมตัวจะหันหลังกลับไป แต่ก็เห็นเหมือนร่างบางจะพูดอะไรซักอย่าง

                  “......” ร่างบางทำปากพึมพำเหมือนมีสิ่งที่อยากพูดแต่ก็ไม่กล้าที่จะพูดออกมา

                  “ว่าไง?” ร่างสูงหันกลับมาหาร่างบางแล้วเดินเข้าไปใกล้

                  “สุ....”ร่างบางยังคงอ้ำอึ้งต่อไปแล้วก็ก้มหน้าลงมองพื้นแทน

                  “ค้างที่นี่นะ?” ร่างสูงเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงทะเล้นที่เป็นเอกลักษณ์ ก่อนจะเอื้อมมือข้ามมาเพื่อปลดล็อคประตู

                  “.....” ร่างบางทึ้งหัวตัวเองทั้งๆ ที่ยังก้มดูพื้นอยู่ก่อนจะหันหลังเดินตรงไปที่ประตูบ้าน ยามาโมโตะยิ้มขึ้นกับปฏิกิริยาร่างบางก่อนจะหันมาล็อดประตูรั้วแล้วเดินตามเข้าไป

                  “ล็อคประตูด้วย” เมื่อร่างบางเดินเข้ามาในบ้านก็สั่งร่างบสูงที่กำลังเดินตามเข้ามา

                  “อ่าฮะ” ขณะที่ร่างสูงรับคำแล้วทำตามคำสั่งร่างบางก็เอ่ยสิ่งที่เขาหวังลึก ๆ ออกมา

                  “สะ..สุข..สันต์..วันเกิด” ร่างบางพูดขึ้นเบา ๆ ร่างสูงที่ได้ยินก็ยังคงอึ้งนิด ๆ ก่อนจะหันไปมองร่างบางที่ยืนนิ่งหันหลังให้อยู่

                  “ฉันพึ่งนึกได้...ตอน..ทำงานเสร็จ ว่าวันนี้.....วันเกิดแก” เสียงที่เร้นรอดออกมาช่างแผ่วเบา แต่เมื่อทั้งบ้านมีเพียงแค่เขาสองคนมันก็ชัดเจนมากพอที่ยามาโมโตะจะได้ทั้งหมดที่ร่างบางพูด

                  “แค่นี้แหละ” ร่างบางพูดแค่นั้นก็เดินต่อ แต่มีหรือที่ร่างสูงจะยอม

                  ยามาโมโตะเดินเข้ามาใกล้ ๆ ร่างบางก่อนจะสวมกอดจากด้านหลังแล้วค่อย ๆ เอาคางมาวางไว้ที่ไหล่ซ้ายของร่างบาง

                  “เพราะงั้นพอทำงานเสร็จ นายเลยรีบไปที่บ้านฉันงั้นหรอ?”

                  “.....” ร่างบางที่นึกถึงเรื่องบ้า ๆ ทีตัวเองทำลงไปก็เริ่มหน้าแดงขึ้น มันเป็นการกระทำที่ไร้เหตุผลจนเขาไม่อยากจะเชื่อว่าตัวเองทำลงไปแล้ว

                  “ฉันดีใจมาก ๆ เลยนะ” ร่างสูงเดินมาด้านหน้าของร่างบาง แล้วก็ได้เห็นอย่างชัดเจนว่าร่างบางตัวเล็กตรงหน้าเขาเขินอายแค่ไหน ยามาโมโตะนั่งลงโดยชันเข่าขึ้นข้างนึงก่อนจะเลื่อนมือไปจับมือซ้ายของร่างบางมาบรรจงจูบลงที่หลังมือก่อนจะลุกขึ้นแล้วดึงร่างบางมากอดอีกครั้ง

                  “ขอบคุณนะครับ” ร่างสูงกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหูของร่างบางอย่างอ่อนโยน ความรู้สึกที่สื่อถึงนั้นอบอุ่นจนทำให้ร่างบางเผลอเลื่อนมือขึ้นมาโอบกอดตอบร่างสูง

                  ทำไมต้องเป็นแบบนี้นะ

                ทำไมต้องรู้สึกดีใจอย่างนี้นะ

                วันนี้วันเกิดหมอนี่ เจ้านี่ก็ควรได้รับไม่ใช่หรอ ?

                ทำไมกลายเป็นเราล่ะ ?

                  ร่างบางนึกสงสัยในใจไปอย่างนั้นอย่างงง ๆ เพราะวันนี้หมอนั่นควรได้รับ มากกว่าที่จะให้เขาไม่ใช่หรอ แต่แล้วเขาก็ปล่อยตัวปล่อยใจไปกับหมอนี่ซะแล้ว

                  “รักนายนะ ฮิบาริ”

                  ร่างสูงกระซิบเบา ๆ ข้างหูร่างบางก่อนจะค่อยประทับจูบลงบนริมฝีปากเบา ๆ

                  ขอบคุณนะฮิบาริ

                ดีใจที่มีนายอยู่ข้าง ๆ ฉันนะ

                  แม้ว่ายามาโมโตะจะไม่ได้ถูกเซอร์ไพร์หรือจัดงานวันเกิดอย่างใหญ่โต หรือได้ไปเที่ยวที่ไกล ๆ แต่แค่มีคนตัวเล็กที่ซึนกับเขาอยู่ตลอด แต่ก็ยังคอยอ่อนโยนกับเขาเสมออยู่อย่างนี้ มันก็เป็นความสุขของเขาคนนี้แล้วล่ะ

      ---------------------------------------- THE END ----------------------------------------

      Happy birthday YAMAMOTO TAKESHI

       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×