" เมตา เจ้ามิสบายหรือเหตุใด ใบหน้าของเจ้าจึงซีดเซียวเช่นนี้ " ชีคปราชญาถามพระสนมเอกเมตา
" หม่อมฉันก็มิทราบเพคะ สองสามวันมานี้ หม่อมฉันรู้สึกวิงเวียนศีรษะเพคะ " ตาคมมองพระสนมเอกเมตาอย่างรู้สึกผิด เพราะตั้งแต่พีรวัสได้รับบาดเจ็บที่มือ เขาก็ไม่ได้ไปหาพระสนมเมตาอีกเลย
" เช่นนั้นเจ้าก็กลับไปพักผ่อนเถิด ข้าจะให้หมอหลวงไปตรวจเจ้า " เสียงทุ้มพูด พระสนมเอกเมตามองชีคปราชญาด้วยแววตาสลด
" คืนนี้พระองค์จะไปหาหม่อมฉันมั้ยเพคะ " ชีคปราชญาพยักหน้า ริมฝีปากบางค่อยๆยกยิ้มอย่างดีใจ
" หม่อมฉันจะรอน่ะเพคะ " พระสนมเอกเมตาลุกขึ้นยืนแล้วเดินออกไป และระหว่างที่เธอกำลังเดินออกไป เธอก็ได้ยินชีคปราชญาพูดกับพีรวัสด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน ทำให้เธอหยุดเดิน แล้วเหลือบมองเล็กน้อย แล้วเธอก็เดินออกไป
" พีรวัส เจ้าอิ่มแล้วหรือ " เสียงทุ้มหันมาพูดกับคนที่นั่งอยู่ข้างๆ ที่กำลังนั่งก้มหน้าก้มตา
" กระหม่อมอิ่มแล้วพะยะค่ะ " เสียงหวานพูดเสียงเบา
" นางกำนัลนำขนมหวานออกมา " เสียงทุ้มพูด ไม่นานนักเหล่านางกำนัลก็นำของหวานสิบกว่าอย่างขึ้นโต๊ะ
" กินสิพีรวัส " ตากลมเบิกกว้างขึ้น ตอนนนี้เขาอิ่มจนท้องจะแตกแล้ว ชีคปราชญาก็ยังให้เขากินอีก
" กระหม่อมอิ่มแล้วพะยะค่ะ " เสียงหวานพูด
" กินซะ หากเจ้าไม่กิน ข้าจะลงโทษเจ้า " เสียงทุ้มพูดเสียงดุ มือเรียวรีบตักขนมหวานกินด้วยมือสั่นเทา ชีคปราชญายกยิ้มมุมปากอย่างชอบใจ
พระสนมเอกเมตาเดินกลับเข้ามาในตำหนักของเธอด้วยใบหน้าบึ้งตึง ชีคปราชญาหลงพิชญะถึงขนาดให้ตำหนักพิเศษกับพีรวัส เธอต้องทำอะไรกับพิชญะซะแล้ว ก่อนที่พระสนมพิชญะจะเป็นที่โปรดปราณมากกว่านี้
" รีน่า ไปตามพระสนมพิชญะมาหาข้า " เสียงหวานพูดด้วยน้ำเสียงเกรี้ยวกราด
" เพคะ " รีน่ารับคำ แล้วรีบวิ่งไปยังฮาเร็ม ไม่นานนักพระสนมพิชญะก็มาเข้าเฝ้าพระสนมเอกเมตา
" ถวายพระพรพระสนมเอกพะยะค่ะ " พระสนมพิชญะแสร้งพูดนอบน้อม ขณะที่พระสนมเอกเมตาจ้องมองพระสนมพิชญะด้วยสายตาเกลียดชัง
" นั่งลงเถิด "
" พะยะค่ะ "
" พิชญะเจ้ารู้หรือไม่ว่าใครที่มีตำแหน่งใหญ่สุดในฝ่ายใน "
" กระหม่อมทราบดีพะยะค่ะ ว่าพระสนมเอกคือผู้ปกครองสูงสุดของฝ่ายใน " พระสนมเอกเมตาเหยียดยิ้มที่มุมปาก
" เช่นนั้นเจ้าก็ควรรู้ไว้ว่าอะไรควรทำอะไรมิควรทำ "
" พระสนมเอกกำลังพูดเรื่องอะไรพะยะค่ะ กระหม่อมมิเข้าใจ " พระสนมพิชญะถามด้วยความสงสัย ตลอดเวลาที่เขาอยู่ที่ฮาเร็ม เขาก็ไม่เคยมีเรื่องกับใคร อยู่พระสนมเอกก็มาใส่ความเขา พระสนมเอกเมตาถลึงตาใส่พระสนมพิชญะด้วยความโกรธ
" เจ้าทูลขอตำแหน่งองครักษ์พิเศษให้กับน้องตัวเองจากชีคปราชญาโดยมิบอกข้าสักคำ แบบนี้เจ้าคิดว่ามันเป็นการหยามเกียรติ์ข้าหรือไม่ "
" กระหม่อมมิเคยทำเช่นนั้น และกระหม่อมมิได้พบกับน้องชายมาแรมเดือนแล้วพะยะค่ะ "
" โกหก เจ้าอย่ามาเล่นลิ้นกับข้า ถึงเจ้าจะเป็นคนโปรดของท่านชีค อย่าคิดว่าข้ามิกล้าลงโทษเจ้า " เสียงหวานตะหวาด พร้อมกับกระชากผมของพระสนมพิชญะจนหน้าของพระสนมพิชญะแหงนขึ้น พระสนมพิชญะมองพระสนมเอกเมตาอย่างหวาดกลัว
" กระหม่อมมิรู้เรื่องจริงๆพะยะค่ะ ตั้งแต่ที่กระหม่อมเข้ามาอยู่ในวัง ท่านชีคปราชญามิเคยมาหากระหม่อมสักครั้งเดียว " พระสนมพิชญะพูดเสียงสั่นด้วยด้วยความกลัว พระสนมเอกเมตาขมวดคิ้วแน่นด้วยความแปลกใจกับสิ่งที่ได้รับรู้ เธอค่อยๆคลายมือที่ขยุ้มผมของพระสนมพิชญะออก
" เช่นนั้นเหตุใดน้องของเจ้าจึงเป็นที่โปรดปราณของท่านชีคนัก "
" กระหม่อมมิรู้พะยะค่ะ " พระสนมเอกเมตามองพิชญะอย่างคลางแคลงใจ หากชีคปราชญาไม่ได้มีความเสน่หาต่อพิชญะ แล้วเหตุใดชีคปราชญาจึงต้องให้สิทธิพิเศษต่อพีรวัส
" อย่าให้ข้ารู้ว่าเจ้าบังอาจปดข้า มิเช่นนั้นข้ามิปล่อยเจ้าไว้แน่ " เสียงหวานพูดขู่
" พะยะค่ะ กระหม่อมมิกล้าทำเช่นนั้นพะยะค่ะ " พระสนมพิชญะพูดด้วยความหวาดกลัว
พีรวัสคอยชะเง้อหน้ามองหาคนที่น่าจะมาทายาให้เขา เขารอนานแล้ว แต่ก็ไม่เห็นคนที่เขารอมาหลายชั่วโมง ใบหน้าหวานทำหน้ามุ่ย อานนสัญญากับเขาแล้วนี่ ว่าจะมาทายาให้เขาทุกวัน แล้วร่างเล็กก็ต้องสะดุ้ง เมื่อรู้สึกถึงแรงสะกิดที่หลังของเขา
" ราชีฟ " เสียงหวานอุทานออกมาเสียงดัง ราชีฟยิ้มกว้างให้พีรวัส
" เราไปคุยกันในห้องเถิด " เสียงหวานพูดพร้อมกับลากแขนหนาเข้ามาในห้องพัก เพราะพีรวัสกลัวทหารภายในตำหนักจะมาเห็น และราชีฟจะถูกลงโทษที่ลักลอบเข้ามาในตำหนักท่านชีคปราชญา
" ราชีฟ เจ้าเข้ามาที่นี่ได้อย่างไร หากใครมาพบเข้า เจ้าจะถูกลงโทษน่ะ "
" ข้ามิสามารถถามข่าวคราวของท่านจากใครได้เลย ข้ารู้สึกเป็นห่วงท่าน จึงอยากมาเจอท่าน " เสียงทุ้มพูด
" ข้าอยู่ที่นี่ก็สุขสบายดี งานของข้าก็สบายกว่าแต่ก่อนมาก " เสียงหวานพูด เพื่อให้ราชีฟคลายความกังวลลง มือหนาจับมือเรียวขึ้นสำรวจแผลที่มือ
" แผลของท่านดีขึ้นมาก ท่านได้ยาจากที่ใด " เสียงทุ้มถาม
" ข้าพบเพื่อนใหม่ เขาคงสงสารข้าที่ข้าทั้งอัปลักษณ์ แล้วมือยังต้องพิการ เขาจึงนำยามาให้ข้า " เสียงหวานพูด
" ท่านอย่าได้วางใจเขามาก บางทีเขาอาจต้องการอะไรจากท่านจึงทำดีด้วย "
" ราชีฟ เจ้าคิดมากไปแล้ว ข้ามิมีสิ่งใดที่เขาต้องการหรอก เจ้าอย่าเป็นกังวลไปเลย เพื่อนใหม่ของข้าคนนี้ใจดีกับข้ามาก " ราชีฟหน้าหม่นลงเมื่อเห็นแววตาเป็นประกายของพีรวัสเมื่อพูดถึงคนที่ช่วยรักษาบาดแผลที่มือ
" ข้าอยากเจอเขาซะแล้วสิ " พีรวัสยิ้มกว้าง
" ความจริงวันนี้เจ้าน่าจะเจอเขา แต่ไม่รู้ทำไมจนป่านนี้เขาก็ยังไม่มา " เสียงหวานพูดด้วยน้ำเสียงหม่น
" แล้วท่านมิดีใจหรือที่เจอข้าวันนี้ " เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงเศร้าสร้อย
" ดีใจสิ เจ้าเป็นคนใจน้อยตั้งแต่ตอนไหน เล่าให้ข้าฟังหน่อยสิ ว่าตั้งแต่ที่ข้าย้ายมาตำหนักนี้ เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง เจ้านั่งบนเตียงสิ ข้าอยากนอนบนตักของเจ้า " เสียงหวานพูดด้วยน้ำเสียงอ้อน ปกติตั้งแต่เล็กจนโตราชีฟมักให้เขานอนบนตักเสมอ มันทำให้เขารู้สึกปลอดภัยและอุ่นใจทุกครั้ง ริมฝีปากหนายิ้มกว้าง ราชีฟนั่งลงบนเตียงอย่างว่าง่าย พีรวัสนอนลงบนตักของราชีฟ
" ราชีฟ เจ้าอยากกลับบ้านหรือไม่ เป็นเพราะข้าที่ทำให้เจ้าต้องอยู่ห่างจากบ้านเช่นนี้ " ตากลมช้อนตาขึ้นมองราชีฟด้วยความรู้สึกผิด มือหนาทาบลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
" เหตุใดท่านจึงพูดเรื่องนี้อีก ข้ามิเสียใจเลยสักครั้งที่ได้ติดตามท่าน ข้ามีความสุขที่ได้อยู่กับท่าน " เสียงทุ้มพูดพร้อมกับจ้องตากลมด้วยแววตาลึกซึ้ง ตากลมมองราชีฟด้วยรอยยิ้มกว้าง
" ขอบคุณเจ้ามากราชีฟ ข้ารักเจ้าไม่แพ้ที่รักพี่พิชเลย " เสียงหวานพูดด้วยน้ำเสียงร่าเริง ผิดกับคนฟังที่ตอนนี้รู้สึกเจ็บแปลบที่หัวใจ พีรวัสรักเขาเหมือนพี่ชายคนหนึ่งเท่านั้น
" ราชีฟเป็นอะไร เหตุใดเจ้าจึงเงียบไปล่ะ " ตากลมช้อนตาขึ้นมองคนที่กำลังทำหน้าเศร้า
" ข้ากำลังคิดว่าจะเล่าเรื่องอะไรก่อนดี " เสียงทุ้มพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ขณะที่มือหนาลูบลงบนกลุ่มผมนุ่มอย่างอ่อนโยน
" เรื่องอะไรก่อนก็ได้ เร็วๆสิชารีฟ " เสียงหวานพูดเร่ง ตาคมก้มมองใบหน้าหวานด้วยแววตาแสนรัก เขาจะตัดใจจากร่างเล็กไปได้อย่างไร เขาเพียงอยู่ห่างจากร่างเล็กไม่ถึงอาทิตย์ เขาทั้งคิดถึงและโหยหา จนต้องแอบลักลอบเข้ามาในตำหนักของชีคปราชญา
" อืม ข้าจะเริ่มเล่าแล้ว " เสียงทุ้มพูด เสียงทุ้มเริ่มเล่ากิจวัตรที่เขาต้องทำในทุกวัน ตากลมปรือตาขึ้นมองใบหน้าคมด้วยความง่วง แต่ก็ยังฝืนเปลือกตาขึ้นมองราชีฟ จนเปลือกตาเล็กเริ่มจะฝืนความง่วงไม่ไหว เสียงลมหายใจเข้าออกที่ดังสม่ำเสมอ ทำให้ราชีฟเงียบเสียงลง ตาคมจ้องมองใบหน้าใสด้วยแววตาละมุน มือหนาลูบลงบนกลุ่มผมนุ่ม ริมฝีปากหนาค่อยๆทาบลงบนแก้มใสอย่างไม่อาจห้ามใจได้ เมื่อคนที่ตนเฝ้าดูแลทะนุถนอมด้วยความรักอยู่ตรงหน้า
" ฝันดีน่ะขอรับ " เสียงทุ้มพูด แล้วค่อยๆวางหัวเล็กลงบนหมอน จากนั้นก็ค่อยๆห่มผ้าให้ร่างเล็ก ราชีฟเดินออกจากห้องของพีรวัส โดยไม่รู้ว่าถูกจับตามองจากสายตาคม มือหนากำเข้าหากันแน่นอย่างไม่พอใจ ตาคมมองตาร่างที่เดินห่างออกไปด้วยแววตาเกรี้ยวกราด
ร่างหนาเดินกลับเข้ามาในตำหนักด้วยท่าทางทะมึงทึง เจ้าอัปลักษณ์ดูท่าทางจะไม่ได้ใสซื่ออย่างที่เขาคิด เพราะทุกครั้งที่เขาสัมผัสร่างเล็ก ร่างเล็กมักแสดงท่าทางหวาดกลัวราวกับมิเคยถูกใครล่วงเกินมาก่อน แต่สิ่งที่เขาพบเจอเมื่อสักครู่ทำให้เขาตาสว่างขึ้น เจ้าอัปลักษณ์คงกำลังคิดหว่านเสน่ห์เขาด้วยการแสดงท่าทางใสซื่อให้เขาติดกับ เขานี่แหละจะสั่งสอนเจ้าอัปลักษณ์ว่าอย่าริอาจมาเล่นกับไฟอย่างเขา
ร่างเล็กเดินเข้ามาในห้องบรรทมของชีคปราชญาด้วยท่าทางลุกลี้ลุกลนเพราะวันนี้เขาตื่นสายกว่าทุกวัน ตาคมตวัดสายมองไปที่ร่างเล็กด้วยแววตาเย็นชาทันทีที่ร่างเล็กเดินเข้ามา
" เหตุใดเจ้าจึงไม่มาปรนนิบัติข้าสาย เจ้ามิรู้หรือว่าเวลาของข้ามีค่าเพียงใด "
" กระหม่อมขอประทานอภัยพะยะคะ กระหม่อมจะมิให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้อีกพะยะคะ " ใบหน้าหวานก้มหน้าพูดอย่างรู้สึกผิด มือหนากระชากร่างเล็กเข้าหาตัวจนร่างเล็กแนบชิดไปกับร่างแกร่ง มือหนาเชยคางเล็กขึ้น แล้วบีบลงบนแก้มนุ่มอย่างแรง ใบหน้าหวานเจ็บจนนิ่วหน้า
" เมื่อคืนเจ้าทำอะไรรึ เหตุใดจึงตื่นสายเช่นนี้ " เสียงทุ้มพร้อมกับก้มมองดวงตากลมที่คลอไปด้วยหยาดน้ำตา ตาคมอ่อนลงเล็กน้อย มือหนาจึงคลายมือออกจากแก้มนุ่ม แขนหนาเปลี่ยนมาโอบรัดร่างเล็กจนแน่น
" กระหม่อมมิได้ทำอันใดพะยะคะ ได้โปรดพระองค์ปล่อยกระหม่อมเถิด กระหม่อมเจ็บพะยะคะ "
" เจ็บงั้นหรือ ถ้าเทียบกับเมื่อคืนตอนไหนเจ็บกว่ากัน " เสียงทุ้มถามด้วยน้ำเสียงเหยียด ตากลมมองใบหน้าคมอย่างไม่เข้าใจสิ่งที่ชีคปราชญาพูด
" พระองค์พูดถึงสิ่งใด กระหม่อมมิเข้าใจ "
" เมื่อคืนเจ้านัดแนะผู้ใดเข้ามาในตำหนัก " ตากลมเบิกโตขึ้นอย่างตกใจ
" กระหม่อมมิได้นัดผู้ใดเพราะองค์ทรงเข้าใจผิดแล้ว " เสียงหวานพูด
" ข้าเห็นเองกับตาว่าคนผู้นั้นออกมาจากห้องของเจ้า เจ้ายังกล้าปดข้า " ใบหน้าคมจ้องลึกเข้าไปในดวงตากลมอย่างจับผิด
" กระหม่อมมิได้ปดพระองค์ ราชีฟ......" เสียงหวานกำลังอธิบายก็ถูก เสียงทุ้มพูดขัดขึ้น
" คนผู้นั้นคงสำคัญกับเจ้ามาก เจ้าถึงกล้าปดข้า โดยมิกลัวอาญาที่จะรับจากข้า "
" ใช่ราชีฟสำคัญกับกระหม่อมมาก หากพระองค์จะลงอาญาได้โปรดให้กระหม่อมรับเพียงผู้เดียว "
" ดี ข้าจะลงโทษคนปากดีเช่นเจ้า ให้มานอนครางใต้ร่างของข้าให้สมกับความร่านของเจ้า " มือหนาผลักร่างเล็กลงบนเตียงนอน
" อ๊ะ " เสียงหวานอุทานออกมา ตากลมเบิกโตกว้างขึ้น เมื่อร่างแกร่งนั่งคร่อมร่างของเขาด้วยแววตาทะมึงทึง
" ท่านจะทำอะไรข้า ปล่อยข้า " มือหนาตรึงแขนเล็กไว้กับเตียง ขณะที่ร่างเล็กออกแรงดิ้นอย่างหวาดกลัว
" อย่าทำใสซื่อไปหน่อยเลย คนร่านอย่างเจ้ามีหรือจะไม่รู้ว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้นกับตัวเอง "
" หากพระองค์ทรงคิดว่ากระหม่อมร่าน ได้โปรดอย่ามาเกลือกกลั้วกับคนอย่างกระหม่อม พระองค์ปล่อยกระหม่อมไปเถิดพะยะคะ "
" เงียบเสียงของเจ้า แล้วเก็บไว้ครางใต้ร่างของข้าซะ " มือหนาข้างหนึ่งรวบแขนเล็กไว้เหนือหัว แล้วใช้มือข้างหนึ่งกระชากเสื้อของร่างเล็กออกอย่างแรง
แคว๊ก! เสื้อขาดหลุดออกจากกันเผยให้เห็นผิวขาวละเอียด ร่างเล็กดิ้นเร่าเพื่อให้หลุดจากซาตานที่กำลังยำยีร่างกายของเขา
" ปล่อยกระหม่อมเถิดพะยะคะ " เสียงหวานอ้อนวอนพร้อมหยาดน้ำตา ใบหน้าคมเหยียดยิ้ม
" อย่ามาทำไร้เดียงสาให้ข้าสงสารเจ้า เพราะมารยาของเจ้าใช้กับข้ามิได้แล้ว "
" ช่วยด้วย ใครก็ได้ช่วยข้าด้วย " ริมฝีปากหนาก้มลงประกบริมฝีปากเล็ก ลิ้นหนาเกี่ยวกระหวัดลิ้นเล็กอย่างเร่าร้อน ขณะที่มือหนาข้างหนึ่งกระชากเสื้อของตนเองออกอย่างไม่ใส่ใจ แล้วใช้ผ้าห่มผูกรวบแขนเล็กทั้งสองข้างไว้เหนือหัวจากนั้นก็มัดไว้กับหัวเตียง
" ปล่อยกระหม่อม " เสียงหวานพูดเสียงสะอื้น แล้วถอยหนีอย่างหวาดกลัว มือหนากระชากร่างเล็กเข้าหาตัวอย่างแรง
" เจ้ายังหวังให้ข้าปล่อยเจ้าไปอีกหรือ ข้าปล่อยเจ้าแน่ แต่เป็นพรุ่งนี้เช้า " สิ้นเสียงทุ้ม ร่างหนาก็ก้มลงตักตวงความหอมหวานจากร่างเล็ก เสียงครางสุขสมเคล้าไปกับเสียงสะอึกสะอื้นดังกึกก้องไปทั่วห้อง
ข้อความที่โพสจะต้องไม่น้อยกว่า {{min_t_comment}} ตัวอักษรและไม่เกิน {{max_t_comment}} ตัวอักษร
กรอกชื่อด้วยนะ
_________
กรอกข้อมูลในช่องต่อไปนี้ไม่ครบ
หรือข้อมูลผิดพลาดครับ :
_____________________________
ช่วยกรอกอีกครั้งนะครับ
กรุณากรอกรหัสความปลอดภัย
ก่อนน
ยุยงให้พีรวัสแอบไปหาราชีฟ แล้วให้ราชีฟพาหนีดีมั้ยยยย
กลัวใจสนมเอกเมตา จะทำร้ายน้องพีของพี่
กลับมาพร้อมความใจร้ายของท่านซีค ฮือออออออ -คนใจร้ายยยย
โอ้ยยยยยท่านชีคใจร้ายยยยยย