คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Chapter 1 จุดเริ่มต้น (terinna)
“แม่บอกกี่ครั้งแล้วว่าทีหลังอย่าไปทำลายดอกไม้สุดที่รักของแม่ ทำไมไม่เชื่อบ้างเลย ฮึ เอซ”
หญิงร่างท้วมที่ดูจะอายุประมาณสี่สิบขึ้นไปกำลังสั่งสอนลูกชายตัวแสบที่ยืนก้มหน้าทำหน้าเจี๋ยมเจี้ยมเหมือนสำนึกผิด แต่ใครจะรู้...
“หัดทำตัวให้ดีเหมือนอย่างน้องบ้างสิ เรียบร้อยไม่เห็นซนเหมือนเราเลย”
ดวงตาสีครามเหลือบจ้องไปทางแม่น้องสาวตัวแสบที่ยังเล่นกับตุ๊กตาหมีไม่เลิก เมื่อเจ้าตัวรู้ว่าถูกมองก็หันมาทางพี่ชายพร้อมกับ...แลบลิ้นใส่...
หนอยแน่!! ยัยไอซ์ตัวแสบบบบบ
“เอซ ฟังแม่อยู่หรือเปล่า”
“คร้าบบบบบ”
มันเป็นครั้งที่เท่าไรก็คงจะจำไม่ได้แล้ว ที่คนอย่างเอซ มาเวลล่า เด็กหนุ่มวัยสิบห้าปีที่พึ่งชนะจากการประลองดาบระดับหมู่บ้านเมื่อไม่กี่สัปดาห์ต้องมาโดนแม่ตัวเองเทศน์เนี่ย มันเสียศักดิ์ศรีมากเลย แกรู้ตัวบ้างไหม!!!! ไอ้เอซ!!!!
“แม่ขอสั่งไม่ให้เอซออกไปไหน ในวันนี้ให้อยู่แต่ห้องนอน”
ดวงตาสีครามเบิกกว้างอย่างไม่คาดคิด ว่าแม่ของเขาจะพูดถึงขนาดนี้ “แต่แม่ครับ วันนี้ผมมีนัดกับเพื่อนนะ ถ้าไม่รีบไป...”
“ไม่มีแต่ ทำต้นไม้ของแม่เสียหายแล้วยังมาเถียงแม่อีกเหรอ ไม่ต้องให้ช่วยงานบ้านก็ดีแล้วนะ ไปได้แล้ว”
เอซมองแม่ที่เข้าข้างน้องสาวแล้วเดินตึงตังไปข้างบน เสียงของน้องสาวตะโกนดังมาจากข้างล่าง ยิ่งทำให้เอซฟิวส์ขาด
“ฮะๆๆๆๆ สมน้ำหน้าๆๆๆๆๆๆๆ”
“เงียบไปเลย ยัยไอซ์ตัวแสบ” เอซตะโกนด่ากลับลงไปข้างล่างและได้อีกเสียงหนึ่งที่อยากทำให้ตัวเองกัดลิ้นตาย
“เอซ ห้ามว่าน้องเขาอย่างงั้นนะ แม่ไม่ให้ช่วยงานบ้านก็ดีถมแล้ว”
รู้อยู่แล้ว...รู้มาตั้งนานแล้วด้วยว่าแม่เขานะ ลำเอียงไอซ์มากขนาดไหน ตอนแรกๆ ที่มีแต่เขาแม่เขาก็ยังเอาใจใส่ แต่อีกห้าปี
พอมีเธออีกคนแม่ก็เลิกสนใจเขาโดยปริยาย ไม่รู้เป็นเพราะอะไร แต่อาจจะเป็นเพราะไอซ์เป็นผู้หญิงและเขาเป็นผู้ชายมั้ง แม่
ถึงได้รักใคร่เอ็นดู ไม่เคยดุว่าอะไรเธอเลย ผิดกับเขาอย่างสิ้นเชิง นี่ถ้าพ่อเขาอยู่ด้วยก็อาจจะไม่ได้โดนกักบริเวณอย่างงี้
หรอก...แต่น่าเสียดาย...ที่พ่อของเขาตายไปตั้งแต่ไอซ์เกิดได้เพียงไม่นาน
“เฮ้อ~”
เอซล้มตัวลงนอนบนที่นอนที่ออกจะแข็งๆ อยู่ซักหน่อย สายลมเย็นๆ ที่พัดผ่านลอดช่องหน้าต่างเข้ามาปะทะเขาเต็มๆ ผมสั้นสี
ขาวปลิวไสวเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเตียงจะแข็งแต่มันก็ทำให้เขารู้สึกสบาย
รอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าทีละน้อย เอซลุกขึ้นจากที่นอนและเดินไปเอาของบางอย่างในตู้เสื้อผ้า สิ่งที่เขานำออกมาคือดาบ
ด้ามยาวขนาดใหญ่ที่ดูจะหนักเอาการใส่ในฝักดาบและมีสายสะพาย เอซเอาดาบมาสะพายมาที่บ่าและเดินตรงไปยัง
หน้าต่าง เมื่อดูแน่ใจว่าไม่มีใครอยู่ตรงนี้ เขาก็จัดแจงเอาเท้าเหยียบขอบหน้าต่างและกระโจนออกไปนอกหน้าต่างทันที
ตุ้บ!!!
เสียงกระทบพื้นเบาซะจนแทบจะไม่ได้ยิน ด้วยความสามารถพิเศษในการที่ตัวเองตัวเบา เพราะฉะนั้นเรื่องแค่นี้มันของ
กล้วยๆ อยู่แล้ว
ดวงตาสีครามมองลอดผ่านหน้าต่างซึ่งตรงกับห้องนั่งเล่น เขายังเห็นแม่ของเขารีดผ้าและเห็นน้องสาวก็กำลังเล่นตุ๊กตาอยู่
ยังงี้ก็สบายบรื๋อสิ
เอซคลี่ยิ้มออกมาอย่างชั่วร้ายตามประสาเด็กซน ทันเท่าความคิดฝีเท้าก็เริ่มขยับวิ่งออกจากตัวบ้านทันที เหมือนมันเป็นสิ่งที่
น่ารังเกียจที่ควรพยายามหลีกเลี่ยง
เขาวิ่งไปเรื่อยๆ จนออกไปจากหมู่บ้านและค่อยๆ ผ่อนไปเรื่อยๆ จนกลายเป็นเดิน ริมฝั่งทั้งสองข้างก็เป็นร้านค้าต่างๆ ผู้คนเดิน
กันขวักไขว่จนทำให้เอซวิ่งไม่ค่อยได้ เมื่อพ้นกลุ่มคนก็กลายเป็นว่าเป็นทางเปลี่ยว เริ่มเปลี่ยนจากเดินกลายเป็นวิ่งและเข้าไป
ยังตึกซอกเล็กๆ
ตุ้บ!!!
“โอ๊ย!!” เอซลงไปนอนกองกับพื้นทันที ปากก็ทำท่าว่าเหมือนจะตะคอกใส่คนแปลกหน้าที่ใส่เสื้อคลุมมีฮู้ดปิดหน้าปิดตาแต่
ความที่รู้ว่านี่มันก็สายเกินควรแล้วเขาจึงไม่ปริปากพูดอะไร และเดินผ่านเขาไป
“ระวัง...” เสียงที่แหบพร่าลอดออกมาจากใต้ผ้าคลุม ทำให้ฝีเท้าหยุดชะงัก “อย่ากลับบ้านเร็วนักละ พ่อหนุ่ม เดี๋ยวจะตายเอา
ซะเปล่าๆ”
เอซหันกลับมามองข้างหลังอีกครั้ง แต่สิ่งที่เห็นคือ...ความว่างเปล่า
มันอะไรกัน แล้วเมื่อกี้คุณลุงนั่นพูดอะไร
อะ!!! สายแล้วนี่หว่า
ฝีเท้าเริ่มทำงานอีกครั้ง คราวนี้เขาวิ่งเร็วมากกว่าเดิม จนออกจากตรอกแคบๆ เบื้องหน้าคือทุ่งกว้างที่เต็มไปด้วยผู้คนมาก
มายโดยเฉพาะพวกวัยรุ่นมาฟันดาบกัน เอซมองหาอะไรบางสิ่งและไปหยุดอยู่ที่เด็กกลุ่มหนึ่งซึ่งดูท่าทางจะไล่เลี่ยกับเขา เขา
ยิ้มและเดินตรงไปยังเด็กกลุ่มนั้น
หนึ่งในนั้นหยุดฟันดาบและหันมามองเอซ ทำให้พวกที่เหลือหยุดด้วยเหมือนกัน สีหน้าไม่พอใจชัดเจน
“ทำไมมาช้าขนาดนี้” เด็กหนุ่มตัวโตสุดถามขึ้น อารมณ์บ่งบอกว่ากำลังโมโห ก็คงจะเป็นเรื่องที่เอซมาสายนั่นแหละ
“ขอโทษที เผอิญแม่ฉันสั่งกักบริเวณนะ นี่อุตส่าห์หนีมานะเนี่ย” เอซพูดอย่างสบายอารมณ์เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่คนอื่นๆ
กลับทำสีหน้าเหมือนกับจะเอือมระอานิดหน่อย
“เออๆๆ จะอะไรก็ช่างเถอะ รีบๆ เข้าห้องได้แล้ว”
เอซเพียงแค่พยักหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร ทั้งหมดเดินไปหยุดอยู่หน้าประตูบานใหญ่ที่มีทหารยามเฝ้าอยู่สองคน เอซหยิบบางสิ่ง
ออกมาจากกระเป๋ากางเกง มันเป็นกระดาษสีทองแผ่นเล็ก มีข้อความเขียนไว้ว่า ใบอนุญาตผ่านเข้าประตูนับดาบ เขายื่นให้
ทหารเฝ้ายามหนึ่งในนั้นดู
ทหารคนนั้นรับบัตรนั้นมาแล้วเงยหน้ามองดูเอซกับพวกที่เหลือ “แล้วคนพวกนั้น...”
“เพื่อนฉันเอง...คงไม่มีปัญหาอะไรหรอกนะถ้าฉันจะเอาเพื่อนเข้าไปด้วยนะ” ทหารสองคนมองหน้ากันอยู่ซักพักก่อนที่จะส่ง
บัตรสีทองคืนให้เอซเหมือนเดิม
“เข้าไปได้” เอซคลี่ยิ้มออกมาและเดินนำเข้าไปเป็นคนแรก ภายในห้องสิ่งที่ติดอยู่กับผนังเป็นอาวุธต่างๆ มากมายเรียงรายกัน
อยู่ ไม่ว่าจะเป็นหอก ธนู ดาบ หรือแม้กระทั่งมีดสั้น ผู้คนเก่งๆ ที่ชนะการประลองต่างๆ ก็ฝึกอยู่ในนี้ทั้งหมด นี่แหละมันถึงจะ
สุดยอดสถานฝึกซ้อม
“เออ...ว่าแต่ว่า...” เอซหยุดพูดไปชั่วครู่และหันมามองเพื่อนๆ ด้วยสายตายียวน “ใครจะเป็นคนแรกที่โดนฉันยำเละดี”แค่นั้น
แหละ แค่ประโยคเดียวก็มีคนมารุมเรียบร้อย
1 ชั่วโมงผ่านไป...
“แฮกๆๆ” ต่างคนต่างนอนสลบเหมือดอยู่บนพื้น ในขณะที่เจ้าตัวดีก็ยังคง...ยิ้มร่า
“อีกนานกว่าจะชนะฉันได้”
“แน่ใจนะ”
เอซหันไปมองทางต้นเสียง เด็กหนุ่มอายุร่นราวคราวเดียวกันยิ้มเยาะๆ เหมือนดูถูก เส้นเลือดมันเหมือนจะปูดออกมาด้วย
“เมื่อกี้แกว่าอะไรนะ”เอซพูดเสียงหนักแน่น กัดฟันกรอด
“ฉันก็แค่จะบอกว่า อย่างนายเนี่ยไม่มีทางชนะฉันได้หรอก จำไว้ซะ” ฟังแล้วมันรู้สึกหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก มาหาว่าฉันไม่
ได้เรื่องอย่างงั้นเหรอ ได้เลย
“เฮ้! นายนะ ถ้าแน่จริงกล้ามาประลองฝีมือกับฉันหน่อยมั้ย” คำถามยียวนกวนประสาทแต่ไอ้นั่นกลับยิ้ม มีอะไรให้ยิ้มนักหนา
“ฉันก็พร้อมอยู่แล้ว”
แล้วการต่อสู้...ก็เริ่มขึ้น...
ผู้คนหันมาสนใจกับการประลองระหว่างเอซกับเด็กหนุ่มแปลกหน้าเป็นพิเศษ และเริ่มส่งเสียงเฮออกมาเป็นระยะๆ
“นายเอาชนะฉันไม่ได้หรอก เอซ”
“ไม่มีทางอยู่แล้ว”
เขามั่นใจเต็มร้อย แต่ความมั่นใจนั้นก็ไม่แน่เสมอไป เพราะดูสถานการณ์ตอนนี้รู้สึกว่าเอซจะเป็นฝ่ายเสียเปรียบอย่างเห็นได้
ชัด
ไม่มีทาง...ฉันต้องไม่แพ้ ต้องไม่แพ้เด็ดขาด...
ควับ!!!!
ดาบในมือของเอซหลุดออกไป ดาบของเด็กหนุ่มแปลกหน้ากลับจี้ตรงมาที่คอ ทำให้เขาเหงื่อแตกพลั่กๆ
“ฉันชนะแล้ว เอซ” เด็กหนุ่มคนนั้นยิ้มและเอาดาบออกจากคอหอยของเอซ เขายังง ตกใจ และตะลึงกับสิ่งที่ได้เห็นในตอนนี้
แพ้อย่างงั้นหรอ เราแพ้เหรอ “นายไม่มีทางชนะฉันได้หรอก ไม่มีทาง”
“นายเป็นใครกัน” ดวงตาสีครามมองไปยังเด็กหนุ่มด้วยความตะลึง และต้องเบิกกว้างเมื่อได้ยินเด็กหนุ่มคนนั้นพูดว่า
“ราฟาเอล เลสฟราย”
ตอนนี้หลายคนเริ่มส่งเสียงขึ้นมาเซ็งแซ่ รู้จักดี เขารู้จักคนนี้ ราฟาเอล เลสฟราย...ผู้ชนะเลิศระดับเขต เขาคือสุดยอดในการ
ฟันดาบ ไม่ต้องแปลกใจแล้วว่าทำไมเขาถึงได้แพ้ราบคาบ
“อ้อ! เอซ มีของจะให้นาย”
เอซเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย หน้าอย่างเขาเนี่ยนะจะมีคนให้ของจากคนดังๆ
“เอ้านี่”
เขามองดูสิ่งของที่อยู่ในมือของราฟาเอล มันเป็นเครื่องรางที่ค่อนข้างเก่า แต่ดูท่าจะทำมาจากไม้ชั้นดี “มีตาเฒ่าแปลกๆ ที่อยู่
ตรงตรอกแคบๆ ให้มานะ เขาบอกให้เอามาให้นาย รับไปสิ”
“ขะ...ขอบใจ”
ตาเฒ่าแปลกๆ เหรอ...จะให้คนที่เราเห็นตอนนั้นหรือเปล่านะ
นั่นคือคำถามที่คิดว่าก็คงจะไม่มีใครตอบได้นอกจากราฟาเอล แต่ว่า...ตอนนี้เขาหายไปแล้ว ไวจริงๆ
ในวันนี้เอซกลับบ้านโดยที่อารมณ์ไม่ค่อยดีซักเท่าไร ก็คงเป็นเพราะแพ้มาละมั้ง แถมยังต้องโดนแม่ว่าข้อหาหนีออกจากบ้าน
อีก เซ็งสุดๆ
ซี่ๆๆๆๆๆ
เสียงอะไรกัน...เสียงมัน เหมือนกับ...เหมือนกับ...
บึ้ม!!!!!
บางสิ่งบางอย่างอัดให้เขากระเด็นออกนอกบ้านเกิดเป็นรอยแผลขึ้นนิดหน่อย ดวงตาสีครามกำลังจ้องมองเปลวเพลิงที่ออก
มาจากในบ้านของเขา
นี่มัน...เกิดอะไรขึ้น...ไฟ...มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน...แล้ว...
“แม่!!! ไอซ์!!!” เขาร้องลั่น หวังจะให้มีคนตอบกลับมาจากตัวบ้าน หวังว่าพวกเขาจะรอดออกมา แต่มันกลับไม่มีอะไรนอกจาก
ไฟที่เริ่มลามออกมา
จะทำยังไงดี ถ้าเกิดว่าพวกเขาสองคนยังอยู่ในบ้าน...
...ไปที่วิหารศักดิ์สิทธิ์สิ...
“เอ๋”เมื่อกี้ เหมือนมีใครพูดกับเขา...
...ไปที่วิหารศักสิทธิ์ซะ ไปที่นั่นซะ...
เท้าเริ่มขยับไปเอง ซึ่งแน่นอนว่าเอซไม่ได้ยับยั้งเท้าของตัวเองไว้ แต่เขากลับรู้สึกว่าต้องวิ่งไปให้ไกลจากตรงนี้ แต่ไม่รู้ว่าเป็น
เพราะอะไร รู้แต่ว่าเขาต้องทำตามเสียงนั้น
เขาวิ่งไปเรื่อยๆ จนลับตาผู้คน และเพราะว่ามันมืดก็ยิ่งมองไม่เห็นทาง แต่แสงจากดวงดาวอย่างน้อยก็พอให้เขาเห็นอะไรบ้าง
แม้จะไม่ชัดนักก็เถอะ
เบื้องหน้าเขาเป็นวิหารที่ใหญ่พอสมควร มันสวยแต่ก็น่ากลัวไปด้วยภายในเวลาเดียวกัน ไม่ค่อยแปลกใจเท่าไรที่ไม่เคยมีคน
มาที่นี่
เอซเดินเข้าไปข้างในเมื่อเท้าแตะที่พื้นหินอ่อน ไฟที่คบเพลิงก็ติดขึ้นเองโดยอัตโนมัติ เขาเดินไปเรื่อยๆตามคบเพลิงที่มีไฟ เอ
ซมาหยุดอยู่ที่ห้องๆ หนึ่ง มันเป็นทางตัน ภายในห้องไม่มีอะไรเลยนอกจากตัวอักษรแปลกๆ ที่สลักไว้เต็มห้อง
“นี่มัน...อะไรกันเนี่ย” ความอยากความรู้อยากเห็นเริ่มทำงาน เขาเดินไปยังผนังห้อง มือเริ่มจับนู่นจับนี่ ไล่ตัวอักษรประหลาด
ไปเรื่อยๆ และเริ่มสังเกตเห็นตัวอักษรอยู่ไม่กี่ตัว เพราะมันนูนกว่าตัวอื่น
“อักษรโบราณนี่”นับว่าเป็นโชคดีหรือเปล่าที่เขาอ่านมันออก เอซเป็นเด็กที่ไม่ค่อยจะสนใจเรียน แต่ก็มีบางเรื่องที่เขาสนใจ ก็คง
จะมีแต่พวกภาษากับต่อสู้ละมั้งที่พอจะไปรอด
ปากเริ่มขยับและเปล่งเสียงออกมาไม่เป็นภาษา เครื่องรางที่เพิ่งได้มาจากลุงแปลกๆ ตามที่ราฟาเอล บอก แต่เอซกลับไม่ได้
สนใจเลย แต่กลับอ่านไปเรื่อยๆ แสงนั้นก็เริ่มเจิดจ้าขึ้นและเริ่มสว่างขึ้นเรื่อยๆ จนไม่สามารถมองอะไรได้แม้แต่เอซก็ต้องหลับ
ตา สักพักแสงนั้นก็หายไปพร้อมกับคนคนเดียวในห้อง...ที่หายไปจากที่แห่งนี้ด้วยเช่นกัน
ความคิดเห็น