ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 5 ธ.ค. 66


    ตอน เส้นทางเเห่งความเเค้น

    เมืองโฮเอม ณ ร้านค้าตลาดมืดสาขาโฮเอม ภายในร้าน

    ชายเเก่ในชุดสูทสีดำกำลังนั่งจิบชาอย่างสบายอารมณ์ เมื่อสัมผัสได้ถึงความผันเเปรในอากาศ สายตาของเขากวาดมองไปในอากาษ อากาศด้านหน้าเขาเริ่มหมุนวนเป็นเกลียว ต่อมาชายคนหนึ่งปรากฏตัวขึ้น เขาเป็นชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชา เส้นผมสีดำเเละนัยตาสีเเดงเลือด มิคาเอลเดินออกมาจากวังวนอากาศด้วยสีหน้าเรียบเฉยเหมือนอย่างเคย เเต่หากสังเกตดีๆ จะพบรอยยิ้มเล็กๆ ที่มุมปาก

    “ยินดีต้อนรับกลับ ท่านมิคาเอล ดูเหมือนสินค้าที่ศูนย์ใหญ่ส่งมาเมื่อเร็วๆ นี้ อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายเเบบพกพาจะใช้ได้ดีทีเดียว”

    พ่อค้าชรามัลลอสรับกระเป๋าอุปกรณ์มาจากมิคาเอลเเล้วนำไปวางไว้บนโต๊ะ

    “ใช้ได้ดีเลย เเต่คงต้องปรับปรุงมันอีกหน่อย หลักๆ คือเรื่องของระยะเวลาในการเปิดใช้งาน มันใช้เวลาเตรียมตัวเคลื่อนย้ายนานเกินไป อีกอย่างคือระยะที่มันสามารถเคลื่อนย้ายได้ 50กิโลเมตรนั้นสั้นเกินไป”

    มิคาเอลโยนคริสตัลสีม่วงที่ให้พ่อค้าเเล้วเขาก็เดินตรงไปที่ห้องตัวเองทันที คลิสตัลนั้นคืออุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายเเบบพกพา มิคาเอลได้รับมาจากพ่อค้าเพื่อใช้ในการเดินทาง พ่อค้าเก็บสิ่งนั้นไว้ในกระเป๋า ก่อนจะมองไปยังวังวนอากาศที่เป็นผลมาจากอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพา

    เขาสับสนว่าทำไมมันยังไม่หายไป ไม่นานเขาก็ได้รับคำตอบ

    ชายครึ่งมนุษย์ครึ่งเสือเดินออกมาจากวังวนนั้น ร่างกายเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เส้นขนสีส้มปกคลุมตั้งเเต่ช่วงลำตัวขึ้นไป ขนาดร่างกายที่ใหญ่โตทำให้พ่อค้าถึงกับตกใจจนกระโดดถอยไปด้านหลัง

    ในตอนนั้นมิคาเอลพูดขึ้น

    “หมอนี่ชื่อเซก้า เป็นเผ่ามนุษย์เสือที่ฉันบังเอิญเจอเเละช่วยชีวิตไว้ในสเปช ถ้ายังไงก็ช่วยจัดหาอาหารให้เขาหน่อย จะดีมากถ้ามันเป็นเนื้อของมอนสเตอร์ระดับสูง”

    หลังพูดจบเขาก็เดินจากไป พ่อค้าตัวเเข็งค้างไปชั่วขณะก่อนจะได้สติกลับมา เขามองไปยังร่างที่สูงตระหง่านตรงหน้า เมื่อยืนเทียบกัน มันราวกับว่าพ่อค้าเป็นคนแคระตัวเล็ก พ่อค้าเกิดคำถามมากมาย ว่าภายในสเปชนั้นมันเกิดเรื่องอะไรขึ้น เหตุใดมิคาเอลที่ยังไม่ถึงขั้นนักเวทย์สามัญ ถึงมีความสามารถที่จะช่วยชีวิตมนุษย์สัตว์ผู้ใหญ่ เเต่เเม้จะคาดเดาเพียงใดเขาก็ไม่ได้รับคำตอบ สุดท้ายเขาก็ถอนหายใจยาวออกมา สายตาชำเลืองมองไปยังร่างสูงใหญ่

    “เซก้าใช้ไหม ดูเเล้วเจ้าคงไม่มีเงิน เเต่เอาเถอะ ในเมื่อท่านมิคาเอลบอกให้ข้าจัดเตรียมอาหารเเละเนื้อมอนสเตอร์ให้เจ้า ข้าก็มีเพียงต้องทำตามอย่างเลี่ยงไม่ได้”

    เมื่อตรวจดูเสื้อผ้าที่ขาดรุ่งริ่งและสภาพร่างกายที่บาดเจ็บหนัก พ่อค้าก็หมดความสนใจในตัวเซก้าทันที เขาอยากจะรีบให้อาหารมนุษย์สัตว์ผู้นี้เเล้วไปทำงานต่อ พ่อค้าถามอย่างไม่ใส่ใจ

    “เจ้าอยากกินอะไรก็ไปบอกกับพ่อครัวเราเอาเองละกัน พอดีข้าไม่ค่อยมีเวลา”

    พ่อค้าโบกมือ เเละหันหลังเตรียมจะจากไป มนุษย์เสือเซก้ามองไปรอบห้องตั้งเเต่เข้ามา เขาหยุดสายตาลงที่พ่อค้า

    “รู้อะไรไหม ข้าชอบเนื้อที่มันเหนียวๆ ... เจ้าค่อนข้างน่าอร่อย”

    เซก้าบรรจงพูดเเต่ละคำอย่างช้าๆ เเละชัดเจน มันเป็นน้ำเสียงที่ทำให้ฝ่ายที่ถูกพูดถึงรู้สึกเย็นไปทั้งตัว

    พ่อค้าได้ยินดังนั้นตาของเขาตระตุก มันราวกับโดนดูถูกว่าเป็นเพียงอาหาร อีกฝ่ายมองตนเป็นของกิน เเล้วเเบบนี้จะไม่ให้เขารู้สึกโกรธได้อย่างไร เขาพยายามข่มความรู้สึกเอาไว้ เขาหันมาพูดกับเซก้าด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา

    “ท่านเซก้า ข้าจะทำเหมือนไม่ได้ยินสิ่งที่เจ้ากล่าวก็ได้ เเต่รู้เอาไว้ซะ ถึงร้านค้าของเราจะต้อนรับทุกเผ่าพันธุ์บนโลก...เเต่ผู้ก่อตั้งของเราเป็นมนุษย์ เเละยุคนี้ก็เป็นยุคที่มนุษย์อยู่เหนือทุกเผ่าพันธุ์ ดังนั้นหัดเจียมกะลาหัวซะบ้าง ไอ้ชั้นต่ำ”

    ออร่าปริศนาแผดพุ่งออกมาจากตัวของพ่อค้า ทุกคำพูดของเขาเต็มไปด้วยเเรงกดดันที่กดทับลงบนตัวของเซก้าราวกับจะบดขยี้ร่างกายของอีกฝ่าย

    “ตั้งเเต่เด็กเเล้ว ข้าชอบการล่า โดยเฉพาะการล่าเจ้าป่าในอาณาเขตของมันเอง เพราะข้าชอบเวลาที่ได้เห็นท่าทางหยิ่งยโสของพวกมันกลายเป็นความหวาดกลัว”

    เซก้าไม่มีท่าทางเกรงกลัว รอยยิ้มที่ชั่วร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาปลดปล่อยออร่าที่อำมหิตออกมา เส้นขนตรงบริเวณใบหน้าเเละเเขนจากที่เคยเป็นสีส้ม ตอนนี้ได้เปลี่ยนเป็นสีทองศักดิ์สิทธิ์ แสงสว่างสาดประกายทั่วทั้งร้านค้า เขาเดินไปตรงหน้าพ่อค้าเเละจ้องมองลงมาด้านล่าง พ่อค้ารู้สึกอยากเอามือมาปิดตา

    “บอกว่าตัวเองเป็นผู้ล่า เเล้วข้าเป็นสัตว์งั้นหรือ”

    “ข้าไม่เคยพูดเเบบนั้น เเต่เจ้าจะคิดเเบบนั้นก็ตามสบาย”

    เซก้าตอบอย่างสบายๆ ร่างกายของเขาปลดปล่อยเเสงเจิดจรัส พ่อค้าสัมผัสได้ว่าพลังของเซก้ากำลังพุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว เพียงเวลาไม่นานมันก็สูงขึ้นกว่าเดิมถึงสองเท่า สีหน้าพ่อค้ายังไม่เปลี่ยน

    “เด็กน้อย เเล้วเจ้าจะเสียใจ”

    วินาทีต่อมากระดิ่งเรียกพนักงานก็ปรากฏขึ้นในมือของเขา มันชัดเจนว่าสิ่งนี้คืออุปกรณ์เวทมนตร์ชิ้นหนึ่ง เมื่อสถานการณ์ดำเนินมาถึงจุดที่กำลังจะเเตกหัก ในจังหวะที่ทั้งสองคนเตรียมจะต่อสู้ อยู่ๆ เสียงหนึ่งก็ดังขึ้น

    “ทั้งสองคนหยุดซะ”

    มิคาเอลผลักประตูออกมาจากห้อง เมื่อเห็นร่างของมิคาเอลทั้งสองคนจึงลดพลังของตนลง

    “ท่านมิคาเอล”

    “ท่านผู้มีพระคุณ”

    “เฮ้อ พึ่งเจอกันก็จะสู้กันซะเเล้วรึไง”

    มิคาเอลเดินมาพร้อมกุมขมับ

    “ฉันบอกว่าห้ามสร้างปัญหาไม่ใช่รึไง เซก้า”

    “ผู้มีพระคุณ ข้า...”

    “เเล้วนาย ไม่ใช่ว่าลูกค้าคือพระเจ้ารึไง”

    “มัลลอสผู้นี้รู้สึกอับอายยิ่งนักที่ควบคุมอารมณ์ของตนไม่ดีพอ”

    หลังถูกตำหนิ พ่อค้าก้มหน้าลงเเล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่รู้สึกผิด

    “เอาหละ เซก้าถ้ากินจนพอใจเมื่อไหร่ให้มาหาฉันในห้อง”

    “ทราบแล้วๆ หลังจากกินเสร็จข้าจะเข้าไปหาท่านทันที”

    เซก้ากลับมาอยู่ในร่างสีส้มเหมือนเดิม ความก้าวร้าวที่แสดงก่อนหน้าหายไป มิคาเอลพยักหน้าให้ครั้งหนึ่ง ก่อนจะหันมาทางพ่อค้า

    “นายคงเข้าใจเจตนาที่ฉันให้เขากินเนื้อมอนสเตอร์ใช่ไหม”

    มิคาเอลส่งสายตาเป็นนัยไปทางพ่อค้า พ่อค้าตกใจก่อนจะตอบ

    “แน่นอนว่าข้าย่อมทราบดี และจะจัดการให้ดีที่สุด ส่วนเรื่องราคาข้าจะจดใส่บัญชีของท่านไว้เหมือนเคย”

    หลังจากที่พ่อค้าเดินจากไปพร้อมกับเซก้า มิคาเอลก็กลับห้องของเขา

    ภายในห้องพัก

    ผ่านไปอีกครึ่งวัน เข้าสู่ช่วงกลางคืน

    ก๊อกๆ

    เสียงเคาะประตูดังขึ้น

    “เชิญเข้ามา”

    เซก้าเข้ามาในห้องของมิคาเอล มิคาเอลจ้องมอง ตอนนี้เซก้าไม่เหมือนเดิม ตอนนี้บาดเเผลทั้งหมดบนตัวเขาหายไป ร่างกายของเขากลับมาสมบูรณ์ราวกับบาดเเผลที่สู้กับไซครอปส์ก่อนหน้าไม่เคยเกิดขึ้น หลังจากเห็นมิคาเอลสิ่งเเรกที่เซก้าทำก็คือการคุกเข่าลงกับพื้น

    “ท่านผู้มีพระคุณ ไม่สิ พ่อค้าคนนั้นบอกว่าท่านคือ ผู้กล้ามิคาเอล”

    มิคาเอลพยักหน้าเป็นการยืนยัน ก่อนจะปล่อยให้เซก้าพูดต่อ

    “ท่านไม่เพียงช่วยชีวิตข้า เเต่ยังมอบเนื้อมอนสเตอร์เพื่อช่วยให้ข้าฟื้นพลังเวทย์ ข้าไม่รู้แล้วว่าควรจะตอบแทนท่านยังไง โปรดอนุญาตให้เซก้าผู้นี้เป็นผู้ติดตามรับใช้ท่านด้วยเถอะ”

    มิคาเอลไม่ได้ตอบในทันที เขาเช็คร่างกายของเซก้าอย่างละเอียด เเละพบว่าไม่เพียงเเต่บาดเเผลที่ได้รับการรักษา เเต่กระทั่งพลังเวทย์ก็เพิ่มสูงขึ้นอย่างไม่น่าเชื่อ ก่อนหน้านี้มิคาเอลสามารถใช้เวทมนตร์ระดับ 1 ตรวจสอบพลังเวทย์ของเซก้าได้เพราะเขาอยู่ในสภาพที่อ่อนเเอที่สุด เเต่ในตอนนี้มิคาเอลอาจต้องใช้เวทมนตร์ระดับ3ขึ้นไป ถึงจะมากพอที่จะตรวจสอบระดับพลังเวทย์ของเขา

    การต่อสู้ระหว่างเซก้ากับพ่อค้า หากเป็นก่อนหน้านี้ ร้อยทั้งร้อยมิคาเอลคิดว่ายังไงเซก้าก็ต้องเเพ้ เเล้วเจ้าตัวก็รู้ดี เเต่หากเป็นตอนนี้ผลลัพธ์นั้นไม่มีใครรู้

    มิคาเอลไม่เเปลกใจกับเรื่องนี้ เพราะเขารู้ถึงความสามารถพิเศษของเผ่ามนุษย์สัตว์ เเละมันก็คือสาเหตุที่ทำให้เซก้าเเข็งเเกร่งขึ้นได้ในเวลาอันสั้น

    ความสามารถนั้นคือ การดูดซับพลังเวทย์จากมอนสเตอร์ มันคล้ายกับการฆ่ามอนสเตอร์เเล้วได้รับพลังเวทย์ของมนุษย์ เเต่มนุษย์สัตว์จะต่างออกไปเล็กน้อย พวกเขามีความสามารถที่จะได้รับพลังเวทย์จากการกินเนื้อของมอนสเตอร์ ขณะเดียวกันก็จะไม่ได้รับพลังเวทย์จากการสังหารพวกมัน ข้อดีของการกินเนื้อคือ พวกเขาไม่จำเป็นต้องออกล่าด้วยตัวเอง เพียงมีเนื้อของมอนสเตอร์พวกเขาก็สามารถเพิ่มพลังเวทย์ได้อย่างไร้ขีดจำกัด ยิ่งเนื้อของมอนสเตอร์อยู่ในระดับสูงเท่าใด พลังเวทย์ที่ได้รับก็จะมากขึ้นตามไปด้วย

    การดูดซับทั้งสองรูปเเบบมีข้อดีข้อเสียที่เเตกต่างกัน มันไม่มีใครบอกได้ว่าเเบบไหนดีกว่า นี่คือเหตุผลที่มิคาเอลบอกให้พ่อค้ามอบเนื้อมอนสเตอร์ให้กับมนุษย์เสือผู้นี้

    “เจ้าชายมาคุกเข่า เเล้วขอเป็นคนรับใช้คนอื่นเเบบนี้มันจะดีงั้นเหรอ”

    มิคาเอลเผยรอยยิ้ม เซก้าตกตะลึง

    “ทะ ท่านรู้เรื่องของข้างั้นหรือ”

    มิคาเอลส่ายศีรษะ

    “เพียงข้อคาดเดาเท่านั้น แต่ตอนนี้ก็รู้แล้วว่ามันเป็นเรื่องจริง อยากเล่าเรื่องของนายไหม”

    “ได้เเน่นอน”

    เซก้าตอบอย้างไม่ลังเลเขาลุกขึ้นยืน แล้วเริ่มเล่าเรื่องราวด้วยใบหน้าที่จริงจัง

    โดยคร่าวๆ คือ เซก้าเกิดเเละเติบโตในหมู่บ้าน มนุษย์สัตว์ พ่อของเขาถูกเรียกว่าเป็นจ่าฝูง หมู่บ้านนั้นมีมนุษย์สัตว์อาศัยอยู่มากกว่า100,000คน มันถูกนับว่าเป็นฝูงขนาดเล็กค่อนไปทางกลาง พ่อของเขาที่เป็นจ่าฝูงเป็นผู้ที่ยึดมั่นในความเเข็งเเกร่ง เขาทั้งโหดร้ายเเละเข้มงวดกับบุตรธิดาของตน

    บุตรธิดาทั้ง139คน ทุกคนจะต้องมีความแข็งแกร่งถึงเกณฑ์มาตรฐานเขาตั้ง หากใครไม่ถึงก็จะถูกตัดอวัยวะบางส่วนและถูกขับไล่ออกจากเผ่า เซก้าไม่ใช่คนเหล่านี้เขาผ่านมาตรฐานที่พ่อเขาตั้งไว้ ในความเป็นจริงเขาคือคนที่มีพรสวรรค์ที่สุดเเละยังเป็นคนแข็งแกร่งที่สุดในบรรดาบุตรธิดา เหตุผลที่แท้จริงที่ทำให้เซก้าถูกขับไล่ออกจากเผ่าหลักๆ มาจาก ความเเข็งเเกร่งที่โดดเด่นเกินไป เพราะความเเข็งเเกร่งที่มากเกินไป ส่งผลให้เหล่าพี่น้องเกิดความอิจฉาริษยา เเละพ่อของพวกเขาก็มีทีท่าว่าจะมอบตำแหน่งจ่าฝูงให้กับเซก้า ด้วยเหตุนี้บรรดาพี่น้องของจึงร่วมมือกันวางแผนทั้งกีดกันทรัพยากรที่เขาควรจะได้รับ ทั้งขัดขวางการล่ามอนสเตอร์ สร้างปัญหาทุกอย่างให้เขา แต่ถึงกระนั้นความแข็งแกร่งที่เหนือชั้นก็ทลายทุกกลอุบายที่เหล่าพี่น้องวางไว้

    จนในวันหนึ่ง หนึ่งในภรรยาของพ่อเขา ซึ่งเป็นมารดาของหนึ่งในพวกที่อิจฉาเซก้า นางได้เข้าไปพูดปั่นหูบางอย่าง จนทำให้พ่อเขาตัดสินขับไล่เซก้าออกมาจากเผ่า โดยให้เหตุผลว่าเซก้า ขโมยเนื้อมอนสเตอร์ในคลังเพื่อเพิ่มความเเข็งเเกร่งของตนเอง ซึ่งเเน่นอนมันเป็นเรื่องเหลวไหลที่เขาเเต่งขึ้น เซก้าถูกตัดหางที่เปรียบเสมือนเกียรติของเผ่ามนุษย์สัตว์ ไม่เพียงเเค่นั้นเขายังถูกพี่น้องกว่า100คน ที่อยู่ในขั้น ผู้ชำนาญเวทย์เป็นอย่างต่ำ ดักซุ้มโจมตีระหว่างทาง

    ด้วยความที่ยังสับสนต่อสถานการณ์ ทำให้เขาต่อสู้ได้ไม่เต็มที่ จนทำให้ตกอยู่ในสภาพปางตาย เขากระเสือกกระสนท่ามกลางสายฝนเเละกองโคลน หลังจากนั้นเขาก็สาบานว่าจะต้องกลับไป เพื่อล้างแค้นให้กับสิ่งที่ตนได้รับ

    หลังจากเล่าเรื่องราวจบ ดวงตาของเซก้าก็เปลี่ยนเป็นสีเเดงด้วยเพลิงเเค้น

    “จะต้องเเก้เเค้น พวกมันที่ทำกับข้าเช่นนี้ จะฆ่าให้ตาย ฆ่าให้หมดเลย จะไม่ปล่อยไว้ซักตัว”

    เขาหยุดเเละหันมายังมิคาเอล

    “แต่ตอนนี้ข้ายังอ่อนเเอ ข้าไม่มีความมั่นใจหากต้องกลับไปเเก้เเค้น ท่านผู้กล้าเเม้นี่จะเป็นคำขอที่เอาเเต่ใจ เเต่การติดตามท่านไปจะทำให้ข้าเเข็งเเกร่งยิ่งขึ้น ได้โปรดอนุญาตให้ข้าติดตามท่านไปด้วยเถอะ”

    เขาก้มหัวจนถึงพื้นเพื่อนเป็นการข้อร้อง มิคาเอลมองสิ่งที่เกิดขึ้นเขาไม่ตอบคำถามแต่ยิ้มออกมา

    “เหมือนกันเลย เราน่ะ”

    ความรู้สึกที่เเปลกประหลาดเกิดขึ้น มันอธิบายได้ยาก มิคาเอลหวนนึกไปถึงอดีต อดีตที่เขาไม่อาจลืมเลือน เขารู้สึกว่าระหว่างเขากับเซก้ามีเรื่องราวที่ค่อนข้างคล้ายกัน มันเป็นเหตุผลที่ทำให้เขารู้สึกเชื่อมโยงกับมนุษย์เสือผู้นี้

    “เอ๊ะ เราหรือเหมือนกัน”

    เซก้าอุทาน

    “ก็เรื่องที่ถูกหักหลังไง ฉัน... เข้าใจดีเลย ดังนั้น

    ...”

    มิคาเอลจับที่ไหล่เซก้าเพื่อเป็นสัญญาณว่าให้เขาลุกขึ้นยืน เซก้ามีท่าทีสับสน แต่เขาก็ยังยืนขึ้น

    “ไปกันเถอะ ฉันจะช่วยสนับสนุนให้เอง”

    มิคาเอลพูดด้วยท่าทางมุ่งมั่น

    “ไปไหนหรือ”

    เซก้ากระพริบตา

    “เเน่นอนว่าต้องไปล้างเเค้น”

    เซก้าเบิกตากว้างเขาทั้งตกตะลึง สับสน ดีใจ เเละชื่นชม

    “ท่านพูดจริงงั้นหรือ นี่มันดีมากจริงๆ ถ้ามีท่านผู้กล้าไปด้วย คนพวกนั้นจะไปต่างอะไรจากมดปลวก ข้าจะรีบไปเตรียมตัว”

    เซก้าตื่นเต้นเขากำลังจะหันหลัง เเต่มิคาเอลห้ามเขาเอาไว้

    “ไม่ต้องเตรียมตัวหรอก เราจะไปกันที่นี่ตอนนี้เลย”

    “เดี๋ยวก่อนท่าน หะ เหตุใดถึงรีบร้อนเช่นนั้น”

    มิคาเอลไม่สนใจเซก้า เขาเรียกพ่อค้า พ่อค้าเดินมาพร้อมกับอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายเเบบพกพา

    “บอกตำเเหน่งที่เจาะจงของหมู่บ้านนายมา”

    หลังจากนั้น ชายทั้งสองก็เคลื่อนย้ายไปยังสถานที่เเห่งหนึ่ง

    ***

    ป่าไร้ชื่อเเห่งหนึ่ง

    มิคาเอลเเละเซก้า ปรากฏตัวขึ้นในป่าที่รกทึบ มันเป็นป่าที่อุดมไปด้วยพืชพันธุ์นานาชนิด เมื่อมองดูโดยรอบก็จะพบว่าที่ด้านหน้าพวกเขามีกระโจมจำนวนมากตั้งอยู่ มันห่างจากจุดที่พวกเขายืนอยู่ราวๆ 100เมตร พวกเขาถูกเคลื่อนย้ายมานอกหมู่บ้านของมนุษย์สัตว์ บรรยากาศตอนกลางคืนมืดสนิททำให้ผู้คนจุดคบเพลิงไว้หน้ากระโจม ทำให้หมู่บ้านเเห่งนี้เต็มไปด้วยเเสงไฟ กระโจมเเต่ละหลังมีลวดลายเเละขนาดที่เเตกต่างกัน ที่จุดศูนย์กลางมีกระโจมที่ใหญ่ที่สุด โดยไม่ต้องบอกก็รู้ว่ามันคือกระโจมของจ่าฝูง

    “การป้องกันค่อนข้างหนาเเน่นทีเดียว”

    หมู่บ้านเเห่งนี้ไม่มีกำเเพง เเต่มีคนเฝ้าอยู่ มีชายร่างใหญ่หลายสิบคนยืนเฝ้าอยู่ที่ทางเข้า เเต่ละคนเป็นสัตว์ที่ต่างกัน บางคนเป็นม้า บางคนเป็นกระทิง บางคนเป็นเเรด เซก้ามองดูด้วยดวงตาที่สั่นเครือ ความกังวลปรากฏขึ้นบนใบหน้า เขาดูไม่มีความมั่นใจ เเต่เมื่อนึกถึงจุดประสงค์ที่มายังที่เเห่งนี้ เขารับรู้ว่าตนเองหันหลังกลับไม่ได้เเล้ว เขาบังคับให้จิตใจสงบลง สูดหายใจเข้าลึก

    “ท่านมิคาเอล ข้าจะเป็นคนลงมือเอง เพราะไม่งั้นการล้างเเค้นนี้คงไม่มีความหมาย มีความเป็นไปได้ที่ข้าอาจจะเเพ้สูงมาก เเต่นั่นไม่ใช่เรื่องสำคัญ มีเพียงสองอย่างที่ข้าอยากให้ท่านช่วย หนึ่งคือส่งข้าไปยังกระโจมของท่านพ่อ สองคือ หลังจากล้างเเค้นสำเร็จโปรดอนุญาตให้ข้าเป็นกำลังในการล้างเเค้นของท่านด้วย

    มิคาเอลพยักหน้า เพราะเขาเองก็ต้องการกำลังรบเช่นกัน มันไม่มีเหตุผลที่เขาต้องปฏิเสธผลประโยชน์เช่นนี้

    “ได้เเน่นอน ข้าขอสาบาน”

    หลังจากนั้นมิคาเอลก็นำของสองสิ่งออกมาจากใต้เสื้อคลุม

    “พวกมันคืออุปกรณ์เวทย์ อันเเรกมีความสามารถในการทำให้ผู้ใช้ล่องหนได้ชั่วคราว อันที่สองจะช่วยรักษาชาวบ้านที่โดนลูกหลงจากการต่อสู้”

    มิคาเอลยื่นทั้งสองให้กับเซก้า เซก้าเปิดใช้งานหนึ่งในนั้นทันที ทันใดนั้นร่างกายของเขาก็อันตรธานหายไป มิคาเอลรู้ว่าเซก้าได้ลอบเข้าไปในหมู่บ้านเเล้ว หลังจากนี้เขาทำได้เพียงเฝ้ามองเขาไม่มีเเผนจะทำอะไร เเละไม่คิดจะทำตั้งเเต่เเรก สิ่งที่เขาต้องทำก็ทำไปหมดเเล้วเหลือเพียงรอดูผลลัพธ์

    เซก้ารู้ว่าเขาคือผู้กล้ามิคาเอล เเต่เขาไม่รู้เรื่องที่เขาถูกช่วงชิงพลัง นั่นเป็นสาเหตุที่ทำให้เซก้ามีกำลังใจเต็มเปี่ยมขนาดนี้ ในความเป็นจริงสิ่งที่มิคาเอลทำได้มีเพียงการรับชมเรื่องราวจากระยะไกลเท่านั้น

    หากเซก้าทำพลาดมิคาเอลก็พร้อมที่จะใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายเเบบพบพาหนีไปคนเดียว

    ***

    ภายในหมู่บ้านเผ่ามนุษย์สัตว์ กระโจมของจ่าฝูง

    งานเลี้ยงสังสรรค์ดำเนินไปอย่างคึกคัก มนุษย์สัตว์ที่ครึ่งหนึ่งเป็นหมาป่าอีกครึ่งเป็นมนุษย์กำลังดื่มกินพร้อมกับรับชมการเเสดงการร่ายรำของมนุษย์สัตว์สาว เขาคือจ่าฝูง บิดาของเซก้า กรานาส ที่โต๊ะด้านข้างเหล่าผู้มีอิทธิพลของเผ่าก็กำลังรับชมการเเสดงเช่นกัน บุตรธิดาของกรานาสก็อยู่ในกระโจมเเห่งนี้เช่นกัน พวกเขาพูดคุยเรื่องสัพเพเหระตามประสาพี่น้อง ในระหว่างที่งานเลี้ยงดำเนินไปอยู่ๆ เส้นขนตามร่างกายของกรานาสก็ตั้งชูขึ้น

    “นี่มัน...เป็นสัญชาตญาณ มีเรื่องอะไรกำลังจะเกิดขึ้นงั้นหรือ”

    “ท่านกรานาสเป็นอะไรหรือ”

    มนุษย์ลิงด้านข้างถามขึ้นด้วยความสงสัย

    “เปล่า ข้าเเค่รู้สึกไม่ดี เเต่ข้าน่าจะคิดมากไปเอง หากมีใครคิดจะโจมตีหมู่บ้าน มันจะไม่มีทางรอดจากสัมผัสของข้าไปได้”

    กรานาสส่ายศีรษะ สิ้นสุดประโยคนั้น

    ตู้ม!

    กระโจมของจ่าฝูงที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของเผ่า อยู่ๆ ก็เกิดระเบิดขึ้นอย่างกระทันหัน การระเบิดครั้งใหญ่ มันกลืนกินกระโจมเข้าไปทั้งหลัง เเรงกระเเทกที่รุนเเรงซัดกระโจมหลังอื่นๆ จนปลิวไปไกล ผู้คนต่างวิ่งหนีเอาชีวิตรอด เเม้ไม่ได้โดนระเบิดโดยตรงเเต่พวกเขาก็ได้รับบาดเจ็บจากคลื่นกระเเทก พวกเขาไม่อยากนึกเลยว่าคนที่อยู่ในจุดศูนย์กลางการระเบิดจะเป็นอย่างไร

    หลังจากการระเบิดสิ้นสุด ควันเเละฝุ่นผงเริ่มจางลง ทัศนวิสัยเริ่มชัดเจน ผู้คนเริ่มมองเห็นสภาพภายในจุดศูนย์กลางการระเบิด ตอนนี้กระโจมถูกลบออกไปอย่างสมบูรณ์ พื้นดินด้านล่างกระโจมเองก็หายไปเช่นกัน ท่ามกลางฝุ่นควัน คนกลุ่มหนึ่งบินร่อนลงบนพื้น กระจกทรงกลมที่ห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ค่อยๆ เเตกกระจาย

    “เวทมนตร์ระดับ 5 สายลมปกปัก หากข้าช้ากว่านี้เเม้เพียงเสี้ยววินาที คนของข้ารวมถึงลูกๆ ข้าคงตายกันหมดเเล้ว”

    กรานาสหายใจหอบ เหงื่อที่เย็นเยือกไหลลงมาตามใบหน้าเขา

    “ใคร! เผยตัวออกมา หากยังรักชีวิตก็จงเผยตัวออกมาซะ ไอ้สาระเลว”

    กรานาสคำรามขึ้นสู่ท้องฟ้า ดวงตาเปลี่ยนเป็นสีแดง กรงเล็บเเหลมคมเผยออกมา มันชี้ไปยังเงาของคนผู้หนึ่ง

    เขาลอยอยู่บนท้องฟ้าเหนือจุดที่เกิดการระเบิด ไม่ว่าใครก็สามารถคาดเดาได้ว่าคนผู้นี้คือต้นเหตุของการระเบิด ผู้คนต่างทั้งโกรธเเละสงสัยว่าใครคือคนที่มาโจมตีหมู่บ้านของพวกเขา

    “เร็วมาก...เวทมนตร์ระดับ 5 สายป้องกันเป็นเเกนหลัก เเล้วก็เวทมนตร์ระดับ4 สายป้องกันอีกกว่า10ชนิดรวมกัน ท่านใช้มันทั้งหมดนี้ในเวลา หนึ่งส่วนสองของวินาที คงพูดได้เเค่ว่าสมเเล้วที่เป็นท่านพ่อที่ข้านับถือ ฮ่าฮ่า”

    เสียงที่เย็นชาดังขึ้น มันทำให้กรานาสตกใจเเละสงสัย

    “พ่อ...งั้นหรือ”

    กรานาสคิดว่าเสียงของชายผู้นี้คุ้นเป็นอย่างมาก เขาจึงลองตะโกนถาม

    “เจ้าเป็นใคร ต้องการอะไร”

    “ฮ่าฮ่า จำเป็นต้องรู้ด้วยงั้นหรือ รู้เพียงเเค่ว่าข้ามาเพื่อล้างเเค้น”


    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×