คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 6
ตอน อุบัติเหตุเล็กน้อยในงานเลี้ยงวันเเรก (1)
ย้อนกลับไป7วันก่อนที่มิคาเอลจะฟื้นคืนชีพ
ภาคกลาง อาณาจักรเรเซล ณ จตุรัสกลาง ผู้คนจำนวนมากมารวมกันที่นี่เพื่อเฉลิมฉลอง
“ทุกคนชนเเก้ว ”
“ทั้งจอมมารทั้งผู้กล้าปีศาจก็ตายเเล้วในที่สุดพวกเราก็จะได้ใช้ชีวิตอย่างมีความสุข”
“เพราะเรามีราชาที่ยอดเยี่ยมยังไงล่ะ”
“นี่ เห็นว่าช่วงนี้มอนสเตอร์ระดับCลงไปเริ่มลดลงจริงรึเปล่า”
“เอ๋! เเบบนั้นก็เเย่สิ นั่นมันเเหล่งรายได้ชั้นดีเลยนะ”
“เเม่จ๋าหนูอยากดื่มไอ้นั่น”
“ไม่ได้นะจ๊ะ นั่นมันของที่พวกผู้ใหญ่ดื่มกัน”
“ข้าใกล้เลื่อนระดับเป็นผู้ชำนาญเวทย์เเล้วนะโว้ย ฮ่าฮ่า”
“จริงดิ? ข้ายังอยู่ที่จอมเวทย์สามัญขั้นกลางอยู่เลย”
“ปลาเผาจ้าปลาเผา”
“ร้านข้ามีเนื้อออร์คราคาถูก”
“มาที่ร้านข้าดีกว่า นี่คือเนื้อลิซาร์ดเเมนรมควัน พวกเจ้าจะไม่ได้เนื้อคุณภาพเเบบนี้ที่ไหนอีกเเล้ว”
“เนื้อก็อบลินของข้าดีกว่า”
“ก็อบลินบ้านเจ้าสิ ใครเขาจะไปซื้อกัน”
“ว่าไงนะไอ้บ้านี่”
บรรยากาศเต็มไปด้วยความคึกคัก งานเลี้ยงฉลองสังหารผู้กล้าถูกจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ในความจริงมันยิ่งใหญ่ยิ่งกว่าตอนจอมมารซะอีก
ภายในพระราชวัง ตรงที่นั่งสำหรับเหล่าชนชั้นสูง ชายคนหนึ่งกำลังจ้องมองอุปกรณ์เวทมนตร์บันทึกข้อมูลด้วยใบหน้าเคร่งเครียด เขาสวมชุดของ ราชวงศ์ที่เต็มไปด้วยเครื่องประดับ เส้นผมบรอนซ์ยาวลงมาถึงเอว ดวงตาสีฟ้าเเหลมคมราวกับใบมีด ชายคนนี้คือหนึ่งในมาร์ควิสของอาณาจักรเรเซล มาร์ควิสฟิลิป เขายังเป็นหนึ่งในกองกำลังจอมเวทย์ที่ร่วมสังหารมิคาเอล
“ศพของผู้กล้ามิคาเอลหายไป ทหารยามชายแดนบอกว่าถูกเเร้งกินไปแล้วงั้นหรือ จะเป็นเเบบนั้นจริงๆงั้นหรือ”
ชายคนนี้นึกไปถึงเหตุการณ์ในวันที่สังหารผู้กล้า
หลังจากยืนยันว่ามิคาเอลเสียชีวิต เเอสเบิร์นต้องการนำศพเขากลับมาที่วังเพื่อนำมารีดเค้นผลประโยชน์สูงสุด เเต่อยู่ๆก็เกิดพายุใต้ฝุ่นลูกใหญ่ มันพุ่งเข้ามาหาเหล่ากองกำลังจอมเวทย์ด้วยความรวดเร็ว กองกำลังจอมเวทย์ไม่มีทางเลือกนอกจากถอยออกจากจุดที่มีศพของมิคาเอล เเต่พวกเขายังไม่ยอมแพ้ เเละรออย่างใจเย็นหลังจากรออยู่เป็นเวลานานเเต่พายุใต้ฝุ่นก็ไม่มีท่าทีจะหยุด
เเอสเบิร์นส่งทหารที่เป็นจอมขมังเวทย์เข้าไปนำร่างของมิคาเอลมาโดยไม่สนใจพายุ เวทมนตร์ระดับ 5 ของจอมขมังเวทย์สามารถต้านทานพายุใต้ฝุ่น ในตอนที่เหล่าทหารกำลังจะเข้าไปถึงตัวมิคาเอล เเต่เหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นอีกครั้ง เมื่อมอนสเตอร์ที่มีขนาดตัวมหึมาโผล่ขึ้นมาจากพื้นดิน ที่อยู่กึ่งกลางระหว่างพวกเขาเเละมิคาเอล มันคือมังกรดิน เมื่อรู้ว่ามันคือมังกรดิน มอนสเตอร์ระดับS เหล่าจอมเวทย์ก็เกิดอาการเสียขวัญ
มันประจันหน้ากับเหล่าจอมเวทย์ พวกเขาใช้กำลังทั้งหมดทำทุกวิถีทางเเต่ก็ยังได้เปรียบมันเเค่เล็กน้อย พวกเขาใช้จำนวนคนที่มากกว่าสู้เเละถอยสลับไปเรื่อยๆ เมื่อเวลาผ่านไป มังกรดินก็สูญเสียพลังเวทย์ไปเป็นจำนวนมาก มันอ่อนเเอลงอย่างมากอีกไม่นานมันก็จะถูกกำราบ เเต่ในตอนนั้นเองเหตุการณ์ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเป็นครั้งที่สาม
ไฮดร้า9หัว สิ่งมีชีวิตระดับSS ที่อ่อนเเอกว่าจอมมารลูบีกัลเพียง1ระดับ ปรากฏตัวขึ้นอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เเล้วความหวังที่จะนำร่างของมิคาเอลกลับไปก็หมดลง มอนสเตอร์ระดับ Sตัวเดียวพวกเขาก็ถึงขีดจำกัดเเล้ว เเต่ตอนนี้ มีมอนสเตอร์ระดับSS ปรากฏตัวขึ้นมา
โดยไม่ต้องคาดเดา มันเปลี่ยนเป็นการหนีตายของเหล่าจอมเวทย์
ฟิลิปคิดว่าเหตุการณ์ทั้ง3นั้นเเปลกเกินไป มันบังเอิญเกินไป ทุกอย่างมันเหมาะเจาะเกินไป ราวกับมีใครบางคนไม่ต้องการให้พวกเขานำร่างของมิคาเอลไป
“ถ้านับรวมกับที่ศพของมิคาเอลหายไปอย่างปริศนา ก็เป็นครั้งที่4 ถึงหลักฐานในที่เกิดเหตุทั้งหมดจะระบุว่าที่ศพหายไปเป็นเพราะอีเเร้ง เเต่ข้าคิดว่ามันต้องไม่ได้มีเพียงเเค่นั้น เเล้วเหตุการณ์ผิดปกติทั้ง4มันเกิดจากอะไร มีใครคอยควบคุมเหตุการณ์งั้นเหรอ เเล้วถ้าใช่ใครกันที่มีความสามารถขนาดที่ควบคุมมอนสเตอร์ระดับSSได้ ไม่เข้าใจเลย... ”
ในระหว่างที่ฟิลิปกำลังใช้ความคิดชายอีกคนก็เดินเข้ามาชายคนนั้นมีใบหน้าที่งดงามเเต่มันก็เเฝงไปด้วยความเจ้าเล่ เขานั่งลงด้วยท่าทางสบายๆ ใกล้กับฟิลิปเเต่เป็นที่นั่งที่สูงกว่า1ขั้น
“โอ้! นี่มันมาร์ควิสฟิลิป อรุณสวัสดิ์ครับ”
“ดยุคบาบาเรียส..”
บาบาเรียสทักทายอย่างเป็นมิตรพร้อมรอยยิ้มสดใส ส่วนฟิลิปไม่เเม้เเต่จะชำเลืองตามองเเล้วตอบไปอย่างเย็นชา ไม่มีท่าทางเเสดงความเคารพผู้ที่มีตำแหน่งสูงกว่าเเม้เเต่น้อย
“บาบาเรียสมองฟิลิปอย่างเเปลกๆก่อนจะเปิดปาก”
“ดูเหมือนท่านยังโกรธข้าเรื่องพี่สาวท่านอยู่เลยนะ เฮ้อ ”
บาบาเรียสถอนหายใจก่อนพูดต่อ
“ก็บอกไปเเล้วไง ว่านั่นมันเป็นอุบัติเหตุไม่ใช่ความผิดข้าซะหน่อย ราชาเเอสเบิร์นเป็นคนพูดเองเลย ท่านไม่เชื่อคำตัดสินขององค์ราชางั้นหรือ ”
“หุบปากข้ากำลังใช้สมาธิ” ฟิลิปตอบเสียงต่ำ
“โธ่ เย็นชาจังเลยนะ ”
บาบาเรียสเเสยะยิ้มที่มุมปาก
“ใช่ว่าข้าจะไม่เสียใจซะหน่อย ข้าร้องไห้เลยนะ น้ำตาไหลเลย ก็เธอเป็นว่าที่ภรรยาของข้านี่นา ”
บาบาเรียสเอามือเช็ดน้ำตาทำท่าเหมือนกับจะร้องไห้ เเต่ให้เด็กมองยังรู้เลยว่าเขากำลังตอแหล
“ ข้าเองก็มีหัวใจนะ แต่ท่านฟิลิปก็น่าจะเข้าใจดี องค์หญิงซิลเวียพี่สาวของท่านมีจิตใจของนักผจญภัย เเล้วในวันนั้นนางก็เป็นคนบอกข้าเเละคนอื่นๆเองว่าอยากไปล่าก็อบลินที่มันมาโจมตีหมู่บ้านชาวนา ”
“หุบปากซักที”
ฟิลิปมีสีหน้าที่เปลี่ยนไปเมื่อได้ยินดังนั้นความโกรธของเขาเเทบปะทุออกมา เเต่ยังดีที่เขากดข่มมันไว้ได้ทัน ฟิลิปเข้าใจดี ทั้งน้ำเสียง เเละท่าทาง บาบาเรียสจงใจยั่วโมโหเขาอย่างชัดเจนเเต่เขาจะไม่หลงกล บาบาเรียสพูดต่อ
“เเต่ช่างโชคร้ายที่ในถ้ำนั้นมีก็อบลินลอร์ดระดับA+ ”
“หุบปาก ก่อนที่ข้าจะอุดปากเจ้า”
ฟิลิปกัดฟันพูดมือของเขากำเเน่นเเม้เขาจะไม่รู้สึกเจ็บอะไรเเต่เล็บของเขาเเทงเข้าไปในเนื้อจนมีเลือดสดๆไหลออกมา เเต่ถึงอย่างนั้นบาบาเรียสก็ยังไม่ยอมหยุด
“องค์หญิงซิลเวียคงจะมีช่วงเวลาที่เลวร้ายในกำมือของเหล่าก็อบลิน ข้าละเศร้าเหลือเกิน จริงสิข้าได้ยินว่าจนถึงตอนนี้นางก็ยังไม่ปริปากพูดอะไรราวกับคนไร้สติ ข้าเสีย..
“หุบปากไปซะ! ข้าบอกให้หุบปาก!”
ฟิลิปที่สุขุมมาตลอดตะโกนอย่างโกรธเกรี้ยว ถึงจุดนี้เขาไม่สามารถอดทนได้อีกต่อไป เขายืนขึ้นพร้อมชี้หน้าบาบาเรียส ร่างกายของเขาปลดปล่อยคลื่นพลังเวทย์มหาศาลออกมา นี่คือสภาพพร้อมต่อสู้ บรรดาขุนนางที่เห็นเหตุการณ์เริ่มเเตกตื่นเเละถอยห่าง
มีชนชั้นสูงระดับมาร์ควิสเเละดยุคอีกหลายคนที่มาถึงสถานที่เเห่งนี้เเล้ว เเต่พวกเขาก็ทำเพียงมองดูเรื่องสนุกพร้อมรอยยิ้ม
“เดี๋ยวๆ ใจเย็นก่อนสิมาร์ควิสฟิลิป ข้าก็นั่งของข้าอยู่ดีๆ ท่านจะมาระเบิดอารมณ์ใส่ข้าทำไมกัน เรื่องพี่สาวของท่านถูกก็อบลินรุมข่มขืนจนท้องมันไม่ใช่เรื่องที่ข้าอยากให้เกิดขึ้น ถ้าท่านโทษข้าเรื่องนี้ข้าก็ไม่ว่าอะไร เเต่ท่านควรให้เกียรติสถานที่ด้วย”
บาบาเรียสทำท่าทางราวกับตัวเองถูกรังเเก
“ ไอ้ชาติหมาเอ้ย… ข้าจะลอกผิวหนังชั้นนอกของเจ้า บังคับให้เจ้าสารภาพความจริง หลังจากนั้นก็จะทรมานจนกว่าเจ้าจะตาย ”
เส้นเลือดของฟิลิปปูดโปนขึ้น เขายื่นแขนออกมา เวทมนตร์ที่เป็นเอกลักษณ์ของเขากำลังถูกใช้งาน
“เวทย์ระดับ7 ....”
ทุกสายตาต่างจับจ้องมาที่ฟิลิป ในตอนนั้นเอง
“หยุดซะ องค์ราชาเสด็จเเล้ว”
เสียงที่เย็นชาเเละไร้อารมณ์ดังขึ้น ฟิลิปที่เตรียมปล่อยการโจมตีต้องหยุดอย่างกระทันหันเป็นเหตุให้ต้องกระอักเลือดออกมา แต่เขาไม่โกรธตรงข้ามเขาคุกเข่าลงเป็นการขอโทษก่อนจะกลับไปนั่งที่ของตน ขั้นตอนทั้งหมดเกิดขึ้นโดยไร้เสียง
เสียงที่เย็นชาเเละไร้อารมณ์ดังขึ้นอีกครั้ง
“ท่านเเอสเบิร์น ราชาเเห่งอาณาจักรเรเซลที่ยิ่งใหญ่ เสด็จมาถึงแล้ว”
ทุกคนที่อยู่ในห้องโถงต่างยืนขึ้นรับการมาถึงของราชา
บนบัลลังก์เเอสเบิร์นปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า เขาพยักหน้า
“ทุกคนมาครบเเล้วสินะ ดีมากๆ ไม่ต้องมากพิธีนักก็ได้ วันนี้เป็นวันมงคล วันเเห่งการเฉลิมฉลอง ทุกคนทำตัวตามสบายเถอะ ”
ผ่านไปซักพักหลังจากที่ทุกคนนั่งลงเเอสเบิร์นก็พูดขึ้น
“ในเมื่อพร้อมกันเเล้ว เช่นนั้น นัวร์ เปิดออกได้”
“เจ้าค่ะ องค์ราชา”
เสียงเย็นชาที่คุ้นเคยดังขึ้นอีกครั้ง เจ้าของเสียงปรากฏตัวขึ้นจากความว่างเปล่า นางเป็นหญิงสาวในชุดราตรีสีดำทั้งตัว นางยกเเขนขึ้นข้างหนึ่งเเล้วปลดปล่อยพลังเวทย์ออกมา ไม่รู้ว่ามันคืออะไรเเต่วินาทีต่อมาเพดานเเละกำเเพงห้องโถงก็อันตรธานหายไป
เเสงเเดดสาดส่องเข้ามาทุกคนสามารถมองเห็นทิวทัศน์ภายนอกที่เต็มไปด้วยฝูงชนจำนวนมาก ผู้คนที่เห็นว่าอาคารที่ดูธรรมดาๆหายไปก็ตกใจเเต่สิ่งที่ทำให้พวกเขาตกใจยิ่งกว่าเดิมก็คือภายในนั้นมีทั้งราชาเเละเหล่าชนชั้นสูง ภาพที่พวกเขาเห็นนั้นคือ เเอสเบิร์นที่นั่งบนบัลลังก์อย่างสง่างามโดยมีเหล่าชนชั้นสูงนั่งอยู่ด้านข้าง มันเป็นสิ่งที่พวกเขาไม่คาดคิดว่าเหล่าชนชั้นสูงจะเปิดตัวได้อย่างเหนือความคาดหมายเช่นนี้พวกเขาต่างตกใจก่อนจะโห่ร้องออกมา
“พระราชาจงเจริญท่านเเอสเบิร์นผู้ยิ่งใหญ่”
“ข้ารักภรรยาท่าน ท่านองค์ราชา”
“ท่านวีรบุรุษของมวลมนุษย์”
คำยกย่องสรรเสริญทุกชนิด ถูกมอบให้แก่เเอสเบิร์นเเละเหล่าชนชั้นสูง เเอสเบิร์นยิ้มออกมาอย่าพึงพอใจ
“ท่านราชาช่างสมแล้วกับคำยกย่องเหล่านี้ ไม่เพียงกำจัดจอมมารแต่ยังกำจัดภัยซ่อนเร้นอย่างผู้กล้ามิคาเอลผู้นั้น ถ้าเชื่อว่าอีกไม่นานทั้งทวีปทอรัสเเห่งนี้จะอยู่ภายใต้ฝ่ามือของท่าน”
ขุนนางผู้หนึ่งเริ่มกล่าวยกย่อง
“ดั่งที่ประชาชนเหล่านั้นว่า ท่านเเอสเบิร์นช่างสมกับฉายาราชาผู้อุทิศ ข้าจะจงรักภักดีต่อท่านตลอดไป ”เขาโค้งทำความเคารพ
เมื่อมีคนที่หนึ่งคนที่สองและสามก็เริ่มตามมาพวกเขาต่างใช้ทักษะการประจบประแจงทุกชนิดเพื่อให้เเอสเบิร์นพึงพอใจ ทั้งขุนนาง มาร์ควิส ดยุค อัศวิน ราชทูตจากทวีปอิรา เเละทวีปอื่นๆ กระทั่งบุตรธิดาของเเอสเบิร์นเองก็ยังไม่มีข้อยกเว้น พวกเขาเเข่งขันกันเพื่อทำให้เเอสเบิร์นพอใจ
“ฮ่าฮ่าฮ่า ข้าไม่ได้ทำเรื่องยิ่งใหญ่จนสมควรได้รับคำยกย่องนั้นเลย มันเป็นสิ่งที่ควรทำในฐานะที่ข้าเป็นมนุษย์ผู้หนึ่ง มนุษย์เราต่างต้องช่วยเหลือกันยามมีภัยมิใช่หรือ”
“ท่านถ่อมตัวเกินไปเเล้ว เเต่ว่านี่ยิ่งทำให้ท่านดูสูงส่งราวกับเทพมากขึ้นกว่าเดิม ”
ประชาชนเริ่มคุกเข่าลงพร้อมกับหลั่งน้ำตาออกมา พวกเขาประสานมือเข้าด้วยกันเหมือนกับท่าที่ไว้ใช้สวดภาวนาต่อเหล่าทวยเทพ
ณ จุดนี้เเอสเบิร์นกลายเป็นตัวตนระดับเทพในสายตาของผู้คนไปเเล้ว เเละนี่ไม่ใช่เรื่องเเปลกอะไร
เวลาปกติเเอสเบิร์นจะปล่อยรัศมีของราชาออกมาทำให้ผู้คนรู้สึกหวั่นเกรงเเละเคารพ เเต่ในเวลานี้เขากลับให้ความรู้สึกเหมือนชายชราธรรมดาที่ทำเรื่องธรรมดาเท่านั้น เมื่อความเย่อหยิ่งรวมเข้ากับความอ่อนน้อมเช่นนี้จึงไม่เเปลกที่เเอสเบิร์นจะประสบความสำเร็จในการคว้ากุมหัวใจของผู้คน
ตอนนี้ชื่อเสียงของเเอสเบิร์นพุ่งขึ้นสู่จุดที่ไม่มีใครเทียบเคียง หากมีการจัดอันดับผู้มีชื่อเสียงของทั้งโลก เเอสเบิร์นจะต้องติด1ใน10อย่างเเน่นอน
หากความอ่อนน้อมทำให้ผู้คนยิ่งสรรเสริญเขาเเอสเบิร์นก็ไม่คิดจะหยุดเเค่นี้ เขาพูดต่อ
“หากจะพูดถึงเรื่องผลงาน ธิดาของข้า องค์หญิงลำดับที่สามวิโอล่า เเละ หัวหน้าหน่วยอัศวินที่1 ลูเซียส สมควรได้รับคำยกย่องนั้นมากเสียยิ่งกว่าข้า ทุกท่านคิดเช่นนั้นหรือไม่”
หลังจากนั้นเสียงเฮก็ดังขึ้นอีกครั้งมันมาพร้อมกับคำยกย่องเชิดชูทุกประเภท
“ใช่เเล้ว ท่านหญิงวิโอล่าฉลาดและงดงามที่สุด”
“ลูเซียส ซักวันข้าจะต้องเป็นเเบบท่าน”
เเอสเบิร์นพูดต่อด้วยสีหน้าจริงจัง
“ส่วนมิคาเอลเจ้านั่นมันทำเกินไปจริงๆ เป็นความผิดของข้าเองที่ไม่สามารถควบคุมเขาได้ ข้ายอมรับว่าเขาเคยสร้างคุณประโยชน์ครั้งใหญ่ให้เเก่โลก เขาปราบจอมมารลูบีกัลลงได้ เเต่ว่า ในเมื่อเขาเดินทางผิด เขาทำความผิดเเล้วจะให้ข้าปล่อยเขาไปได้อย่างไร ”
เขาเเสดงท่าทางราวกับกำลังฝืนพูดสิ่งที่ยากลำบาก
“มันสมควรตาย ”
“ข้าถูกชายผู้นั้นใช้ทักษะการเเสดงมาหลอก เเต่ท่านเเอสเบิร์นทำให้ข้าตาสว่างเเล้ว”
“เเม่ที่พิการของข้าถูกทับตายในซากอาคาร เป็นเพราะมันไอ้ชั่วมิคาเอลส่งการโจมตีมาที่เมือง”
“น่าเสียดาย ข้าละอยากตัดหัวมันด้วยตัวเอง”
ความรู้สึกด้านลบทุกชนิดของประชาชนถูกถ่ายทอดออกมาเป็นเสียงก่นด่า บางคนสาปเเช่งให้มิคาเอลตกนรก บางคนเรียกร้องให้ฆ่าคนใกล้ชิดของมิคาเอลทุกคน บางคนร้องไห้ด้วยความคับเเค้น บางคนใช้มือทุบพื้นด้วยความเจ็บใจ เพราะหลังจากทั้งหมด มิคาเอลฆ่าคนในอาณาจักรเรเซลไปมากกว่าเจ็ดหมื่นคนในขณะหลบหนีออกจากอาณาจักร เเม้มิคาเอลจะถูกพิพากษาไปเเล้ว เเต่ความเเค้นเเละความเสียใจยังคงอยู่
ตรงข้ามกับเหล่าประชาชนที่กำลังโกรธเกรี้ยว เหล่าชนชั้นสูงที่รู้เรื่องเเผนการใส่ร้ายมิคาเอล ต่างเเสดงสีหน้าเเห่งความสุขออกมาอย่างไม่อาจปกปิด ที่กำลังเเสดงรอยยิัมอย่างสาเเก่ใจก็คือ วิโอล่า เหล่าบุตรธิดาทั้ง7ของเเอสเบิร์น อัศวินหน่วยที่1 เเละเหล่าราชวงศ์คนอื่นๆ ในตอนนี้เเผนการของพวกเขาสำเร็จเเล้ว
ด้วยทักษะการพูดเเละการเเสดงของเเอสเบิร์น ตอนนี้เหล่าสามัญชนก็เต็มไปด้วยความเกลียดชังที่มีต่อมิคาเอล สิ่งนี้เป็นประโยชน์เเก่พวกเขาอย่างมหาศาล ยกตัวอย่างเช่น พวกเขาสามารถฆ่าผู้กล้าได้อย่างเปิดเผยเเละไม่มีความผิดใด อีกทั้งหากมีการสอบสวนหาสาเหตุที่ต้องทำเช่นนั้นขึ้น ประชาชนเหล่านี้จะเป็นคนอธิบายเรื่องเลวๆที่มิคาเอลทำไว้ เเทนพวกเขาทั้งหทด
ทุกคนมีความคิดที่เเตกต่างกัน ความคิดที่ว่าไม่เสียเเรงจริงๆที่ฆ่าคนของตัวเองไปตั้งเจ็ดหมื่นคน
เมื่อมองดูการเเสดงออกของประชาชนเเอสเบิร์นรู้ว่าเขาประสบความสำเร็จเเล้ว เเต่เขายังไม่พอใจที่จะหยุดตรงนี้
“มิคาเอลเป็นปีศาจตัวจริง ความผิดของเขาไม่ว่าใครก็ไม่อาจให้อภัย เขาสังหารสหายร่วมรบเเล้วนำร่างไร้วิญญาณของพวกเขาไปเเขวนประจานกลางอาณาจักรของข้า อีกทั้งยังกระทำการต่ำช้ากับเฮเลน่า บุตรตรีบุญธรรมของข้า เเต่ทั้งหมดนั้นยังไม่เลวร้ายเท่าเรื่องที่มันสังหารเหล่าประชาชนที่รักของข้าซึ่งก็คือครอบครัวของพวกเจ้า ”
ยิ่งพูดเสียงของเขาก็ยิ่งดังราวกับไม่สามารถกดข่มความโกรธเอาไว้ได้อีก
“เจ้านั่นมันไม่ใช่ผู้กล้า เเต่มันคือปีศาจ”
“ใช่เเล้ว คนพันนั้นไม่สมควรได้รับโอกาสที่จะมีชีวิต ”
“เเม้เขาจะเป็นผู้กล้า เเต่นั่นมันก็เเค่ฉายา เขาไม่มีสิทธิ์ทำตามใจ เขาไม่มีสิทธิ์ฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์”
“เจ้านั่นฆ่าภรรยาเเละลูกน้อยอีก4คนของข้า ข้าขอให้ชาติหน้ามันได้รับผลกรรมที่ตนก่อ”
ในระหว่างที่งานเฉลิมฉลองดำเนินไปเสียงชื่นชมราชาเเอสเบิร์นก็ไม่มีทีท่าจะหยุด เเละที่ไม่เเพ้กันเลยคือเสียงก่นด่าสาปเเช่งมิคาเอล มันช่างเป็นภาพที่ดูวุ่นวายเเละยุ่งเหยิง
คนพวกนี้....
ในที่นั่งสำหรับมาร์ควิส ฟิลิป จ้องมองผู้คนเหล่านี้ด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจเเละขยะเเขยง ในตอนที่มิคาเอลมีชีวิตคนเหล่านี้ก็เลียเเข้งเลียขามิคาเอล ในตอนนี้เเอสเบิร์นขึ้นเป็นใหญ่พวกเขาก็เปลี่ยนไปเลียเเข้งเลียขาเเอสเบิร์นอย่างหน้าไม่อาย
บาบาเรียสไม่ได้หันมามองฟิลิป เเต่เขาก็รับรู้การเเสดงออกทั้งหมดของฟิลิป
ท่ามกลางผู้คนที่เต็มไปด้วยความเดือดดาลเด็กชายกำหมัดเเน่น เขาอายุราว10ขวบมีผิวเข้มเเละมีรูปร่างที่ผอมติดกระดูก มันราวกับว่าเขาสามารถถูกพัดปลิวได้ถ้าลมพัดมา ในวินาทีต่อมาเด็กชายก็ได้ทำในสิ่งที่ไม่สมควรทำที่สุดลงไป
“ไอ้พวกสัตว์เดรัจฉาน! พวกเเกมันไม่สำนึกบุญคุณกันเลยรึไง ที่พวกเเกทุกคนยังมีลมหายใจ ที่พวกเเกไม่ถูกลูบิกัลฆ่าตาย ที่พวกเเกยังฉลองกันอย่างมีความสุขนี้ได้มันเพราะใคร ใครกันที่ต้องเสียสละทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อปกป้องเดรัจฉานอย่างพวกเเก เฮอะ! ข้าจะบอกให้ก็ได้ มันก็คือผู้กล้ามิคาเอล ที่พวกเเกใช้ปากเน่าๆก่นด่าสาปเเช่งเขายังไงละ ถ้าไม่มีเขาคิดหรอว่าพวกเเกจะยังรอดจากน้ำมือของจอมมารลูบีกัล ป่านนี้พวกเเกคงกลายเป็นวัตถุดิบสร้างเวทมนตร์ของลูบีกัลไปหมดเเล้ว”
เด็กชายชี้หน้าด่าทุกคน
เงียบสงัด จตุรัสกลางของอาณาจักรเรเซลมีพื้นที่มากกว่า1,000ตารางเมตร เเละมีผู้เข้าร่วมงานเลี้ยงฉลองครั้งนี้มากกว่า500,000คนในวันเเรก เเละมีเเนวโน้มจะเพิ่มขึ้นอีก เเต่ในเวลานี้ พื้นที่เเห่งนี้กลับเงียบราวกับป่าช้า เมื่อได้ยินถ้อยคำหยาบคายที่เด็กคนนั้นพูดถึงตนเอง เเน่นอนว่าพวกเขาต้องโกรธเป็นเรื่องธรรมดา เเต่เหนือยิ่งกว่าความโกรธก็คือความหวาดกลัว
ผู้คนเริ่มมีเม็ดเหงื่อไหลลงมาตามร่างกาย ร่างกายพวกเขาสั่นเกร็งไปหมด เหตุผลที่พวกเขาหวาดกลัวไม่ได้เป็นเพราะเด็กชายเป็นผู้มีอิทธิพล เเต่พวกเขาหวาดกลัวสิ่งที่เด็กชายคนนี้พูดออกมา
เด็กนั้นพูดสิ่งต้องห้ามออกมาเเล้ว ตายเเน่
นั่นคือความคิดที่อยู่ในหัวของคน500,000คน มันทำให้พวกเขายืนตัวสั่นเเละไม่สามารถพูดสิ่งใดได้อีก มันเป็นภาพที่เเปลกประหลาดมาก ตอนเเรกพวกเขาสนุกสนาน เเต่ไม่กี่วินาทีต่อมาพวกเขาก็พร้อมใจกันเงียบ เเละสิ่งนี้ยังเกิดขึ้นกับคน500,000คน
สิ่งต้องห้ามคืออะไร คน500,000ขอเพียงไม่โง่เกินไปทุกคนต่างเข้าใจด้วยตนเองถึงสิ่งที่ห้ามพูดโดยเด็ดขาดไม่ว่ายังไง อย่างน้อยๆในงานฉลองเเห่งนี้ต้องห้ามพูดเด็ดขาด สิ่งต้องห้าม นั่นก็คือความจริง ผู้คนเริ่มถ่อนหางจากเด็กชายทำให้เด็กชายยืนอยู่เพียงลำพังในพื้นที่ว่างตรงกลาง เเล้วก็มีผู้คนล้อมรอบ เด็กชายยังไม่หยุดเขาพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่เกรี้ยวกราด
“ถ้ายังมีสมองไม่ว่าใครก็รู้ ว่าผู้กล้าท่านมิคาเอลถูกใส่ร้าย เรื่องทุกอย่างมันเกิดจากไอ้ราชาเฮงซวยนั่น ”
“บังอาจมาก เจ้าหนูเจ้ากำลังว่าร้ายองค์ราชา ความผิดนี้สมควรได้รับโทษตาย”
ทหารตะโกนเเละชักดาบออกมา ก่อนที่ทหารคนนั้นจะได้ทำอะไร เสียงที่ทรงพลังก็ห้ามเขาเอาไว้ มันคือเเอสเบิร์น
“ไม่เป็นไรปล่อยให้เขาพูดสิ่งที่อยากพูด เเล้วก็อย่าใช้ความรุนแรงเขาเป็นเเค่เด็ก”
“เเต่ว่า...รับทราบ”
เเม้จะไม่พอใจเเต่ทหารมีเเต่ต้องหยุดมือ
เห็นดังนั้นเด็กชายยิ่งตะโกนเสียงดังกว่าเดิม
“ใช่ ข้าเป็นเเค่เด็ก ถูกต้องแล้ว เเต่ถึงอย่างนั้นข้าก็ไม่ได้ขี้ขลาดเเละน่ารังเกียจเหมือนพวกเเกทุกคน พวกเเกมันขี้ขลาดเเละน่ารังเกียจได้ยินไหม ถึงรูปร่างพวกเเกจะดีกว่าข้าทุกคน เเต่จิตใจพวกเเกมันเน่าเฟะยิ่งกว่าขยะเปียก”
“เจ้าหนูหยุดพูดได้เเล้ว เพื่อตัวของเธอเอง นะหยุดเถอะ”
“รู้ว่าเจ้ารู้สึกยังไงเเต่ตอนนี้ได้โปรดหยุดพูดเถอะ”
“ข้าขอร้องหยุดพูดซักที ข้าทนฟังไม่ไหวเเล้ว”
ผู้คนเริ่มเปิดปากพูดเเต่ก็ยังกล้าๆกลัวๆ บางคนเริ่มร้องไห้ออกมา
เด็กชายไม่สนใจคำพูดของคนเหล่านั้น
“พวกเเกทุกคนรู้อยู่เเล้วว่าผู้กล้าถูกใส่ร้าย พวก เเก ทุก คน รู้อยู่แล้ว เเต่ก็ยังทำเป็นไม่รู้เรื่อง เเละยังทำเรื่องไร้ความเป็นมนุษย์อย่างการก่นด่าผู้กล้าผู้บริสุทธิ์ เพื่อเลียไข่ไอ้ราชาขยะนั่น! นี่เเหละความจริง ”
เด็กชายพูดเน้นแต่ลพคำอย่างชัดเจน เมื่อได้ยินประโยคนี้มันราวกับพวกเขาถูกตบหน้า ความโกรธปะทุขึ้น
“ว่าไงนะ เเกไอ้เด็กเหลือขอ”
“หุบปากซะถ้าไม่อยากตาย”
“หยุดซักที เห็นเเก่พวกเราทุกคน”
ทั้งชายหญิง เด็กเเละคนเเก่เริ่มพูดข่มขู่เด็กชาย ว่าถ้าไม่หยุดจะฆ่าให้ตาย
เเต่มันก็เเค่คำขู่ทำไมเด็กชายจะต้องสนใจ เพราะยังไงเขาก็เตรียมใจเอาไว้เเล้ว วันนี้ไม่ว่ายังไงเขาก็จะพูดความจริงทั้งหมดออกมา
จบ
ความคิดเห็น