คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่ 4
ตอน คุณค่าของคนหนึ่งคนกับมดหนึ่งตัวต่างกันเเค่ไหน
เรล่าล้มลงพร้อมกับเลือดสดๆที่อาบร่างกาย มิคาเอลมองดูสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยเเววตาที่เย็นราวกับน้ำเเข็ง
“ยังไม่ตายสินะ ฉันเป็นมนุษย์ธรรมดาในขณะที่นางเป็นผู้ชำนาญเวทย์ ฉันไม่มีทางสู้เเละเอาชนะผู้ใช้เวทย์มนต์ได้โดยตรง เเต่อย่างไรก็ตาม มนุษย์ธรรมดาสามารถฆ่าสิงโตหรือช้างได้หากในมือมีอาวุธ ฉันเป็นมนุษย์งั้นฉันก็จะใช้วิธีการเเบบมนุษย์
เขายกหินที่อาบไปด้วยเลือดขึ้นอีกครั้งเล็งไปที่ศีรษะของเรล่าเเละทุบมันลงอย่างไม่ลังเล
ตูบ
การทุบครั้งที่หนึ่ง กระโหลกศีรษะของนางร้าวเเละมีเลือดไหล ร่างกายนางกระตุกอย่างรุนเเรง เเต่นางยังไม่ตาย
อีกครั้ง
ตูบ
ทุบครั้งที่สอง กระโหลกของนางเเตก ร่างกายไม่ขยับ เเต่ความเสียหายยังน้อยเกินไปที่จะฆ่านาง
อีกครั้ง
ตูบ
ทุบครั้งที่สาม ศรีษะของนางยุบลงไป เศษสมองที่อยู่ภายในกระเด็นออกมาเลอะใบหน้าของมิคาเอล ไม่มีการตอบรับใดๆจากร่างของนาง เรล่าตายสนิท ไม่มีใครมาช่วยนางได้ ไม่มีปาฏิหาริย์ใดเกิดขึ้น นางตายในสภาพที่ศีรษะถูกทุบจนเละ
มิคาเอลมองดูสภาพศพโดยไม่กระพริบตา อารมณ์ของเขาไม่มีการสั่นไหว
หลังจากนั้นมิคาเอลวิ่งไปยังทิศทางหนึ่ง ซึ่งเป็นทางเดียวกับที่เด็กชายอัลเลทีสหนีไปหลบ
“เรล่าตายเเล้วเเต่เรอายัง เเต่ไม่เป็นไร ค่อยมาฆ่านางทีหลังก็ยังไม่สาย เเต่ฉันจะปล่อยอัลเลทีสหนีไปไกลมากไม่ได้”
มิคาเอลวิ่งตามตรอกไปได้ไม่นานเขาก็พบกับเป้าหมาย อัลเลทีสเด็กชายตัวเล็กกำลังเดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่รู้ว่ามิคาเอลมาอยู่ด้านหลังตัวเองเเล้ว มิคาเอลใช้เวลาคิดเพียงชั่วพริบตาถึงการโจมตีที่มีประสิทธิภาพสูงสุด โจทย์คือ เป็นการโจมตีจากด้านหลัง ที่ใช้เเรงน้อยเเต่สามารถฆ่าจอมเวทย์ในครั้งเดียวโดยไม่เปิดโอกาสให้ได้สวนกลับ
ทำไมถึงต้องลอบโจมตีให้ตายในครั้งเดียว นั้นเป็นเพราะถ้าหากถูกสวนกลับมิคาเอลคือคนที่จะตกอยู่ในอันตราย เพราะเเม้จะเห็นว่าอัลเลทีสเป็นเเค่เด็ก เเต่ในด้านพลังเด็กคนนี้มีมากกว่ามิคาเอลหลายเท่า ในวินาทีนั้นมิคาเอลตัดสินใจลงมือทันที จุดสำคัญอยู่ที่ความเร็วเเละความรื่นไหล เขาพุ่งไปประชิดตัวเด็กหมุ่ม
”เจ้าเป็นใคร”
อัลเลทิสตะโกนด้วยความตกใจ เขากำลังจะหันกลับมามองเเต่ในจังหวะนั้น มือของมิคาเอลจับไปที่ศีรษะเเละอีกมือจับที่คางโดยไม่รอช้า มิคาเอลออกเเรงหมุนมือเพื่อหักคออัลเลทีสจนได้ยินเสียงกระดูกดังลั่น ศีรษะอัลเลทีสหมุ่นผิดรูปเขาตายทันที ร่างนั้นล้มลงกับพื้น มิคาเอลกวาดตามอง เเต่เขาไม่ได้มองศพเเต่มองรอบๆเพื่อตรวจสอบความปลอดภัย
เมื่อเขามั่นใจเเล้วว่าไม่มีคนเห็นเหตุการณ์นี้เขาก็หันหลังเเล้ววิ่งไป โดยที่ศพของอัลเลทีสก็ยังกองอยู่ตรงนั้น เด็กหนุ่มที่อาจจะกลายเป็นจอมเวทย์อัจฉริยะในอนาคตกลับต้องตายลงในสภาพน่าอนาถ
หลังจากฆ่าอัลเลทีสมิคาเอลยังไม่หยุด ยังมีอีกคนที่เขาต้องฆ่า
เมื่อกลับมาถึงจุดที่เขาฆ่าเรล่าครั้งนี่ถึงคราวของหลานสาว เขาเดินไปที่เรอาอย่างช้าๆพร้อมกับหินก้อนเดิม ตอนนี้นางอยู่ในสภาพที่ไม่สามารถตอบโต้ มิคาเอลสามารถฆ่านางได้อย่างง่ายดาย เขาเลือกวิธีที่ง่ายที่สุด
เขายกก้อนหินก้อนเดิมขึ้นเหนือศีรษะเเละกำลังจะฟาดลงมา ในช่วงเวลาเเห่งความเป็นความตาย ในจังหวะนั้นเองที่มีเสียงกระดิ่งดังขึ้น มันเป็นกระดิ่งตบเรียกพนักงานธรรมดาที่ใช้ในร้านค้า เสียงนี้ดังกังวานไปทั่วบริเวณ มิคาเอลหยุดมือลงอย่างกระทันหันเเละหันมองไปรอบๆ
“ข้านึกว่าใครที่กล้ามาฆ่าคนในเขต ร้านค้าของเรา เเต่ไม่เคยคิดเลยว่าจะเป็น ท่านผู้กล้า มิคาเอลผู้มีชื่อเสียง หึๆ ”
เสียงที่เเหบดังขึ้น พร้อมกับการปรากฏตัวของชายคนหนึ่ง เขาปรากฏตัวขึ้นมาจากความว่างเปล่า
“ฉันตามหานายอยู่ พ่อค้าสาขาโฮเอม ออกมาหาเองเเบบนี้ประหยัดเวลาได้มากจริงๆ”
ชายอ้วนคนนี้คือเป้าหมายที่เขามายังเมืองเเห่งนี้ เขาเป็นชายเเก่ที่มีรูปร่างอ้วนกลม ใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขาเเสดงให้เห็นถึงความเจ้าเล่ห์ เขาใส่ชุดสูทที่หรูหรา สวมหมวกสีดำเเละไว้เครา กระดิ่งอยู่ในมือด้านซ้ายของเขา
“เช่นนั้นเราควรจะเข้าไปคุยกันข้างใน”
พ่อค้าผายมือไปด้านหลังซึ่งเป็นเพียงตรอกธรรมดา เเต่มิคาเอลรู้ดีว่ามันหมายถึงการชวนเขาเข้าไปคุยในร้านค้า
“ได้ เเต่รอหน่อย ฉันมีธุระต้องจัดการ”
มิคาเอลพยักหน้านั่นคือสิ่งที่เขาต้องการเช่นกัน เเต่เขาก็ปล่อยหญิงสาวตรงหน้าไปไม่ได้ สีหน้าของพ่อค้าสาขาโฮเอมเปลี่ยนไป
“เฮ้อ ท่านก็รู้กฎของเราดี ห้ามฆ่ากันในอาณาเขตของร้านค้าตลาดมืด”
พ่อค้าสาขาโฮเอมถอนหายใจ ร้านค้าตลาดมืด คือ สถานที่สำหรับเเลกเปลี่ยนซื้อขายทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ มันมีตั้งแต่ไม้จิ้มฟันจนไปถึงอุปกรณ์เวทมนตร์ระดับสูงสุดที่มีเพียง10ชิ้นบนโลก คำว่าทุกสิ่งเเน่นอนว่าจะต้องรวมถึงสิ่งผิดกฎหมาย เเละยังรวมไปถึงความลับอันดำมืดของอาณาจักรต่างๆ นี่จึงเป็นเหตุผลให้กองกำลังของหลายอาณาจักรพยายามกวาดล้างร้านค้าตลาดมืด เเต่ก็ไม่สำเร็จ
หลายอาณาจักรมองว่าร้านค้าตลาดมืดเป็นเเหล่งซื้อขายข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อพวกเขา พวกเขาจึงทำเป็นเหมือนมองไม่เห็นเเละปล่อยให้ร้านค้าตลาดมืดดำเนินกิจการต่อไป มีข่าวลือว่ามีคนใหญ่คนโตของโลกให้การสนับสนุนพวกเขา ยิ่งทำให้ผู้คนไม่กล้าท้าทายร้านค้าตลาดมืด
ด้วยหลายปัจจัยเมื่อเวลาผ่านไปจึงทำให้ร้านค้าตลาดมืดเริ่มมีร้านสาขามากขึ้นเรื่อยๆ จนในปัจจุบันมีสาขาของร้านค้าตลาดมือเเทรกซึมอยู่ในทุกเมืองบนโลก เครือข่ายของพวกเขายิ่งใหญ่มาก
พ่อค้าสาขาโฮลเอมมองมิคาเอลอย่างลึกซึ้งก่อนจะพูดต่อ
“ถึงจะเป็นท่านผู้กล้าก็เถอะ ข้าคงไม่มีทางเลือกนอกจากรายงานไปยังเบื้องบน”
มิคาเอลได้ยินดังนั้นเขาไม่โกรธเพราะเขาคาดการณ์เอาไว้เเล้ว เขายื่นเเขนออกมาด้านหน้าก่อนจะพูด
“ใช้เวทมนตร์รอยสักในอดีต ตรวจสอบเเขนข้างนี้”
พ่อค้ายกคิ้วขึ้นด้วยความสงสัย เเต่เขายังชี้นิ้วมาที่เเขนซ้ายของมิคาเอล
“เวทย์ระดับ 3 รอยสักในอดีต”
เวทมนตร์บนโลกใบนี้ถูกเเบ่งเป็น10ระดับ โดยพิจารณาจากปริมาณของพลังเวทย์ที่จำเป็นต่อการเรียกใช้เวทมนตร์นั้น เวทมนตร์ที่ต้องการพลังเวทย์ในการเรียกใช้งานน้อยที่สุดจะถูกเรียกว่า เวทมนตร์ระดับ 1 หากใช้พลังเวทย์มากขึ้นจะเรียกว่าเวทมนตร์ระดับ2 3 4 5ไปจนถึงระดับ10 ที่มีเพียง มหาปราชญ์ต้นกำเนิดเท่านั้นที่มีคุณสมบัติมากพอจะใช้มัน
ระดับของเวทมนตร์ที่ใช้ได้จะเป็นตัวตัดสินว่าผู้ใช้เวทมนตร์คนนั้นจะอยู่ขั้นไหน ยกตัวอย่างเช่น เรอาเเละอัลเลทิส ทั้งสองอยู่ในขั้นผู้ใช้เวทย์ฝึกหัด นั่นหมายถึงพวกเขาสามารถใช้เวทมนตร์ได้ระดับ 1เเละระดับ2 เรล่า นางเป็นจอมเวทย์ขั้น ผู้ชำนาญเวทย์ นางสามารถใช้เวทมนตร์ได้ตั้งเเต่ระดับ 1 2 3เเละ4 ส่วนพ่อค้าสาขาโฮเอม สามารถใช้เวทมนตร์ระดับ3 ได้อย่างง่ายดาย เขาต้องเป็นจอมเวทย์ขั้น ผู้ชำนาญเวทย์เป็นอย่างน้อย พ่อค้าสาขาโฮเอมจ้องมองเเขนของมิคาเอล
เเขนซ้ายของเขามีรอยสักรูป มงกุฎปรากฏขึ้นมา
เวทมนตร์ระดับ3 รอยสักในอดีต มีความสามารถในการเปิดเผยรอยสักที่คนๆหนึ่งเคยสักในอดีตให้ปรากฏขึ้นมา เวทมนตร์ชนิดนี้ถูกสร้างขึ้นมาให้เฉพาะคนของร้านค้าตลาดมืดเท่านั้นที่ใช้ได้
พ่อค้าที่เห็นรอยสักรูปมงกุฎมีการเเสดงออกที่ประหลาดใจ
“ ทะ ท่านมีมันได้ยังไง สิ่งนี้คือสิ่งที่บอกถึงความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดกับท่านผู้นั้น หากคนที่มีรอยสักนี้เเสดงมันออกมาจะสามารถฝ่าฝืนกฎของร้านค้าได้สามครั้ง ”
“ถูกต้อง เเปลว่าตอนนี้ฉันก็สามารถฆ่าคนในเขตร้านค้าได้อย่างไม่มีปัญหาใช่ไหม”
มิคาเอลยิ้มอย่างไม่ใส่ใจพ่อค้าเริ่มใช้ความคิดอย่างหนัก ก่อนจะพูดออกมา
“อืม สถานการณ์เริ่มซับซ้อนเเล้วสิ ก่อนอื่นท่านฆ่าคนในเขตร้านค้า เเต่ท่านกลับมีรอยสัก มงกุฎมันเป็นความจริงที่ท่านสามารถละเว้นกฎร้านค้าได้สามครั้ง นั่นหมายถึงท่านสามารถฆ่าคนได้สามคนโดยไม่ได้รับโทษอะไร เเต่มันคงจะลำบากหากท่านต้องการฆ่าผู้หญิงคนนี้”
“อธิบายต่อ”
มิคาเอลพูด
“รอยสักบอกข้าว่ามันมีสิทธิ์เหลืออีก2ครั้งเพราะท่านเคยใช้สิทธิครั้งที่หนึ่งไปเเล้วในอดีตดังนั้นท่านจึงเหลือสิทธิละเว้นโทษอีกเเค่ สองครั้ง”
มิคาเอลเงียบ พ่อค้าพูดต่อ
“ สิทธิครั้งที่สองถูกใช้เมื่อท่านฆ่าหญิงที่ชื่อเรอา สิทธิครั้งที่สามถูกใช้กับชายที่ชื่ออัลเลทีส เเละถ้าหากต้องการฆ่าผู้หญิงที่อยู่ตรงนั้นอีกคน ท่านก็จะไม่สามารถเว้นโทษได้ ข้าจะต้องเเจ้งท่านผู้นั้นอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ”
มิคาเอลใช้ความคิดมันถึงเวลาที่เขาต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง ทางเลือกมี2ทางคือ ปล่อยเรอาให้มีชีวิตรอดต่อไป หรือ ฆ่านางทิ้งโดยไม่สนกฎของร้านค้า
ฉันสามารถลากนางออกมาฆ่านอกเขตร้านค้าได้ไหม
มิคาเอลคิดกับตัวเองก่อนจะส่ายศีรษะ อย่าลืมว่าทั้งเมืองถูกปกคลุมโดย เขตเเดนเวทย์บรรชาการทาส มีเพียงร้านค้านี้เท่านั้นที่ไม่ได้รับผลกระทบใดๆ หากเขาออกจากเขตร้านค้าตอนนี้ เขาจะมีชะตากรรมเดียวกับชาวเมืองพวกนั้น เขาไม่โง่พอที่จะทำให้ตัวเองตกเป็นทาสคนอื่น ดังนั้นจึงมีทางเลือกเพียง2ทาง ใช้เวลาไม่นานเขาก็สามารถเลือก โดยไม่รอช้าเขาลงมือทันที
ภาพเหตุการณ์ซ้ำรอยเดิมเกิดขึ้น เขาเดินไปยังเรอาที่นอนไร้สติพร้อมกับก้อนหินก้อนเดิมตอนนี้มันถูกอาบย้อมไปด้วยเลือดสดๆของเรล่า เขายกก้อนหินขึ้นเหนือศีรษะเเละฟาดลงมา มิคาเอลใช้หินทุบศรีษะเรอาจนนางเสียชีวิต เรอา เรล่า พวกนางตายเเล้ว
พ่อค้ามองสิ่งที่เกิดขึ้นโดยไม่กล่าวสิ่งใดเเววตาของเขาเเสดงความเย็นชา ไม่มีรอยยิ้มปรากฏบนใบหน้าของเขาอีกเเล้ว
“ผู้กล้ามิคาเอล ชื่อเเละสถานะนี้มันคืออะไรกันเเน่ ชื่อที่ผู้คนสรรเสริญ ชื่อที่เปรียบเสมือนสัญลักษณ์ของความดี เเต่เมื่อมองการกระทำของท่านมิคาเอลในตอนนี้เเล้ว มัลลอสผู้นี้สงสัยจริงๆว่าท่านยังคงเรียกตนเองว่าผู้กล้าหรือไม่”
พ่อค้าพููดด้วยน้ำเสียงที่สงบนิ่ง
“ฮ่าฮ่า นี่นายอ่อนไหวกับการฆ่าคนงั้นหรอ”
“ไม่ งานที่ข้าทำอยู่จะต้องฆ่าคนมากมายมันเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ เเต่ท่านต่างกัน ท่านเป็นคนดี ข้าเพียงสงสัยว่าเวลาที่ผู้กล้าลงมือฆ่าคนบริสุทธิ์อย่างโหดร้ายจะมีความรู้สึกอย่างไร ท่านมีความสงสารหรือรู้สึกผิดบ้างหรือไม่”
มิคาเอลเงียบก่อนจะพูดต่อเขาไม่ได้ตอบคำถามโดยตรง
“มุมมองของนายกับฉันต่างกัน นายอาจจะมองว่ามนุษย์เป็นสิ่งพิเศษเป็นสัตว์ประเสริฐ นั่นไม่ผิด เเต่ในมุมมองฉันมนุษย์ก็ไม่ต่างจากมดตัวหนึ่ง”
เขาไม่รู้สึกสงสาร เห็นใจหรือรู้สึกผิดอะไรทั้งนั้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร มันเป็นเพียงการฆ่าคนเพียงสองสามคน หากเปรียบเทียบกับราชาปีศาจลูบีเกาที่ฆ่าคนกว่า100ล้านคนเพียงเพื่อนำมาเป็นองค์ประกอบในการเรียกใช้เวทย์มนต์ระดับ10 การฆ่าของมิคาเอลนั้นไม่นับเป็นสิ่งใด สิ่งเดียวที่ทำให้การฆ่าคนของเขาผิดก็คือ การที่เขาเป็นผู้กล้า ภาพลักษณ์ของผู้กล้าจะต้องเป็นคนดีที่ยึดมั่นในคุณธรรมเเละห้ามฆ่าคน เเม้จะเป็นศัตรูก็ต้องไว้ชีวิต
เเม้ตัวเขาจะเป็นผู้กล้าเเต่มันก็เป็นเพียงภาระหน้าที่มิคาเอลคิดว่าเรื่องพวกนี้มันงี่เง่าเเละไร้สาระอย่างมาก การฆ่าคนเป็นสิ่งที่ผิดเเละไม่สามารถยอมรับถ้าหากยึดตามมุมมองนี้เเล้วคิดตาม หากการฆ่าคนเป็นสิ่งที่ผิด กลับกันหากเป็นเผ่าพันธุ์อื่นกลับสามารถฆ่าได้อย่างไม่มีปัญหางั้นรึ
หากชีวิตของมนุษย์มีค่า เเล้วชีวิตของ สัตว์ป่า แมลง พืช เห็ดรา หรือกระทั่งจุลินทรีย์ ไม่ได้มีค่าทัดเทียมกันรึไง
หากมีคนถามว่า การฆ่าหมูเเล้วนำมาประทังชีวิตถือเป็นเรื่องที่ผิดหรือไม่ คำตอบอาจเเตกต่างกันไปเเล้วเเต่มุมมองผู้คน เเต่มีสิ่งหนึ่งที่เป็นข้อเท็จจริงนั้นก็คือ คนๆนั้นได้ฆ่าชีวิตหนึ่งชีวิตไปเเล้ว ไม่ว่าจะเป็นพืช สัตว์ มอนสเตอร์ ล้วนมีชีวิตเเละรักชีวิตของตัวเอง พวกมันมีความรู้สึกเเละไม่อยากตาย เเต่มนุษย์ก็หาข้ออ้างมากมายในการฆ่าพวกมัน อย่างการฆ่าเพื่อนำไปรับประทานบ้าง ฆ่าเพื่อนำไปขายบ้าง
หลังจากผ่านประสบการณ์ในโลกนี้มามากกว่า20ปี ในมุมมองของมิคาเอล ทุกชีวิตมีค่าเท่ากันหมด ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ประเสริฐหรือ เดรัจฉาน สัตว์ใหญ่สัตว์เล็ก ไม่ว่าจะเป็นมด หรือ คน ก็ไม่ต่างกัน
สำหรับเขาการฆ่าคนก็เหมือนกับการฆ่าหมูเพื่อนำมารับประทาน เหมือนกับการเหยียบมดเพราะไม่ได้ตั้งใจ ที่มิคาเอลฆ่าเรอา เรล่าเเละ อัลเลทีสเพราะคนเหล่านี้รู้ว่าผู้กล้ามิคาเอลยังไม่ตาย หากพวกนางยังมีชีวิตรอดต่อไปพวกนางอาจจะเอาเรื่องนี้ไปบอกคนอื่น ตัวตนของเขาจะถูกเปิดเผยไม่นาน กองกำลังของอาณาจักรก็จะตามมาฆ่าเขา สิ่งที่มิคาเอลทำทั้งหมดก็เพื่อรักษาชีวิตตัวเอง
ถามว่าเขารู้สึกผิดไหมที่ฆ่าผู้บริสุทธิ์
คำตอบคือ ไม่ ฆ่าชีวิตอื่นเพื่อ ประโยชน์ของตัวเอง หากพูดให้ถูกกว่านั้นคือเขารู้สึกพึงพอใจที่สามารถฆ่าพวกเขาได้ เพราะนั่นหมายถึงความลับเรื่องที่เขายังมีชีวิตจะยังคงเป็นความลับต่อไป มันจะทำให้เขาปลอดภัยไปอีกระยะหนึ่ง
ส่วนเรื่องของร้านค้าเขายังไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องนี้มากนัก เเม้พ่อค้าจะนำเรื่องที่เขายังมีชีวิตไปบอกเบื้องบน มันก็ยังไม่เป็นปัญหากับเขามากนัก เพราะร้านค้ามีความน่าเชื่อถือเรื่องการไม่เผยเเพร่ข่าวออกสู่โลกภายนอกโดยง่าย เเละด้วยรอยสักมงกุฎความลับเรื่องที่เขายังมีชีวิตจะมีเพียงผู้มีอำนาจระดับสูงของร้านค้าที่รู้ ส่วนเรื่องบทลงโทษเขาไม่กังวลเเม้เเต่น้อย
“อืม เด็ดเดี่ยว ไร้ปราณี ผู้กล้า ท่านเปลี่ยนไปมากเลยนะ เเต่ไม่เป็นไร ข้าเข้าใจว่าท่านพึ่งผ่านเรื่องราวที่กระทบต่อจิตใจมา เช่นนั้นข้าจะไม่พูดอะไร เชิญท่านเข้าไปคุยธุระด้านใน”
พ่อค้าผายมือไปด้านหลังซึ่งเป็นทางเดินที่ไม่มีอะไรเลย เเต่ต่อมาอากาศที่ว่างเปล่าก็เกิดการหมุนวนเป็นเกลียวราวกับคลื่นน้ำวนในทะเล พ่อค้าเดินผ่านสิ่งนั้นโดยไม่ทะลุออกมาอีกด้าน มิคาเอลเดินตามไปเช่นกัน เขามาปรากฏตัวขึ้นในอีกสถานที่
มันคือร้านค้า ตรงตามชื่อของมันมันมีสิ่งของมากมายถูกขายอยู่ในนี้ ทั้งของใช้ตามครัวเรือนธรรมดาทั่วไป จนไปถึง อุปกรณ์เวทย์มนต์ที่หายาก
“ถึงท่านจะเคยไปเยือนร้านค้าสาขาอื่นมาเเล้ว เเต่ขอให้ข้าได้บอกว่า ยินดีต้อนรับสู่ร้านค้าตลาดโลกใต้ดินสาขาโฮเอม สถานที่ที่สามารถซื้อขายเเลกเปลี่ยนทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ คติที่เรายืดมั่นสูงสุดก็คือ ในโลกนี้ไม่มีสิ่งใดที่ซื้อขายไม่ได้หากให้ราคาที่มากพอในสถานการณ์ที่เหมาะสม ข้าสงสัยจริงๆว่าท่านมิคาเอลมาที่ร้านค้าเพราะต้องการซื้อขายสิ่งใด”
พ่อค้าถามด้วยรอยยิ้มที่ยกตัวสูงจนเเทบจะถึงใบหู มันต่างจากก่อนหน้าที่มีใบหน้าจริงจังราวกับพลิกฝ่ามือ
“ข้ามาเพื่อขอให้ช่วย”
มิคาเอลตอบ
“ ก่อนอื่นช่วยกรุณาตอบข้ามาก่อน ว่า ไม่มีใครตามท่านมาใช่ไหม”
“ไม่มี”
มิคาเอลตอบโดยไม่ต้องคิด
“เหตุใดถึงมั่นใจนัก…”
“เหตุผลเดียว เพราะพวกนั้นลงมือฆ่าฉันด้วยตัวเอง ไม่มีทางที่พวกมันจะคิดว่าฉันยังมีชีวิต”
“อืม ถ้าท่านพูดเช่นนั้นข้าก็วางใจ ”
พ่อค้าเเสดงสีหน้าผ่อนคลายออกมา เเต่ลึกๆกลับมีความกังวลอยู่
สิ่งที่มิคาเอลพูดไปเป็นเพียงการเเถไปเรื่อย เพราะไม่มีทางที่เขาจะบอกว่าถูกช่วยโดยเทพธิดา เมื่อมองเห็นสีหน้าไม่ดีของอีกฝ่ายมิคาเอลจึงเอ่ยปากถาม
“ดูเหมือนนายจะมีเรื่องให้คิดเยอะนะ”
มิคาเอลถาม
“เฮ้อ ถูกต้อง อย่างที่ท่านเห็นร้านค้าสาขาโฮเอมเเห่งนี้กำลังอยู่ในจุดวิกฤต ที่ตั้งของร้านค้าเเห่งนี้อยู่หางไกลจากใจกลางทวีปทำให้ไม่ค่อยมีลูกค้าเเวะเวียนเข้ามา เเถมตอนนี้โฮเอมยังเกิดสงครามขึ้นอีก ถึงพวกมันจะไม่กล้าเข้ามายุ่งในเขตร้านค้าเเต่การทำลายเมืองเเห่งนี้ก็ยังส่งผลต่อรายได้ของร้านค้าไม่น้อย ศูนย์ใหญ่ที่เห็นว่าสาขานี้ทำกำไรไม่ได้ก็คงไม่คิดจะเก็บไว้ เเล้วถ้าหากมีคนไล่ตามท่านมาจนเจอร้านค้าเเห่งนี้ ร้านค้าเเห่งนี้คงต้องปิดตัวลง เเต่ท่านไม่ต้องห่วงถึงสินค้าเราจะไม่เยอะเเต่ร้านค้าสาขาโฮเอมจะสนับสนุนท่านเท่าที่ทำได้”
“ถ้างั้นฉันก็จะไม่ทำให้นายลำบากเกินไป”
“โอ้ ช่างเป็นพระคุณกับข้ายิ่งนัก เช่นนั้น เชิญบอกสิ่นค้าที่ท่านต้องการ เเต่เดี๋ยวก่อน ให้ข้าทายๆ”
พ่อค้าตรวจสอบมิคาเอลตั้งเเต่หัวจรดเท้า
“ขอเดาว่าท่านคงต้องการชุดเกราะ เเละอาวุธ สำหรับเรื่องนี้ทางร้านค้าของเรามีสินค้าชั้นยอดที่ไม่มีที่ไหนในโลก ให้ข้าเเนะนำ ”
พ่อค้ากวาดมือไปกลางอากาศทำเเละปรากฏหน้าจอโปร่งใสขึ้นมาหลายจอ ภายในบอกข้อมูลคร่าวๆของชุดเกราะเอาไว้
“จากทางซ้ายจะเป็นเกราะเบากริฟฟอน ต่อมาคือเกราะหนักมังกรฟ้า เกราะรุ่งอรุณ เกราะเเห่งปัญญา เกราะมายา เกราะผิวสมุทรสิ่งนี้สามารถสะท้อนเวทมนตร์ได้ทุกรูปเเบบในขอบเขตระดับ1ถึง8 เเละยังมีอีกมากมายให้ท่านเลือก เเน่นอนว่าทุกชิ้นเป็นชุดเกราะดับเทพยุทธ์เป็นอย่างต่ำ ”
พ่อค้าพูดอย่างกระตือรือร้น มิคาเอลรู้สึกว่าเขากำลังเสียเวลาจึงรีบตัดบททันที
”ฉันไม่ต้องการของพวกนี้ ”
“เอ๊ะ ท่านยังไม่พอใจกับชุดเกราะระดับเทพยุทย์งั้นหรอ ต้องเป็นชุดเกราะระดับเทพนภาเท่านั้นหรือ เเต่นั้นค่อนข้างลำบากข้าต้องติดต่อศูนย์ใหญ่”
“เลิกไร้สาระ นี่คือชื่อของที่ฉันต้องการ”
มิคาเอลยื่นกระดาษให้พ่อค้าในนั้นมีชื่อของอีกสองสามอย่างเขียนเอาไว้
“ นี้มันอะไร เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้ายธรรมดากับอุปกรณ์ทั่วไปในการล่ามอนสเตอร์ระดับF?”
“หาให้ฉันได้ใช่ไหม”
“โอ้ ! ดะ ดะได้ หากท่านต้องการเเค่นี้เราสามารถจัดหาให้ท่านได้อย่างเเน่นอน
พ่อค้ากลายเป็นพูดติดอ่าง เขาตกใจมาก เพราะไม่ใช่เเค่มิคาเอลไม่ต้องการชุดเกราะระดับเทพนภา เเต่สิ่งที่ต้องการก็เป็นเเค่อุปกรณ์ทั่วไปของพวกมือใหม่
“ท่านมิคาเอล อุปกรณ์พวกนี้ข้าสามารถหาให้ท่านได้อย่างง่ายดาย เเต่ข้ามีสิ่งหนึ่งที่สงสัย เหตุใดผู้กล้าอย่างท่านต้องใช้เขตเเดนเวทย์เคลื่อนย้ายที่มันยุ่งยาก ลำพังเพียงเศษเสี้ยวทักษะของท่านก็สามารถไปได้ทุกที่บนโลกเเล้ว”
“ฉันรอดมาได้ก็จริง เเต่ถูกพวกนั้นทำลายเเกนพลังเวทย์กับพลังกายไปเเล้ว ”
มิคาเอลตอบไปตามตรง ประโยคนี้ทำให้พ่อค้าเเสดงสีหน้าตกใจก่อนจะกลับมาเป็นเเบบเดิม
“เป็นเช่นนี้เอง นั่นเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก่อนการประหารผู้กล้าสินะ ข้าเองก็ลืมไป ข้าขอเเสดงความเสียใจด้วย”
พ่อค้าเเสดงใบหน้าเสียใจเเต่ภายในใจของเขากลับมีความสุข ข่าวนี้จะต้องสั่นสะเทือนร้านค้าตลาดมืด ข้าได้ข้อมูลสุดเเพงมาเเล้ว หลังจากรับรู้ข้อมูลนี้พ่อค้าก็เชื่อใจมิคาเอลอย่างสมบูรณ์ ในบทสนทนาที่ดูธรรมดานี้ความจริงมันมีเเผนการหลอกให้เผยข้อมูลซ่อนอยู่
พ่อค้ามีความพยายามจะรีดเค้นข้อมูลจากมิคาเอลขณะเดียวกันก็พยายามบอกว่าตนกำลังลำบากเพื่อจะให้มิคาเอลไม่ต่อราคา มิคาเอลรู้ความตั้งใจของพ่อค้าคนนี้ทั้งหมดเเต่เขาเลือกที่จะเล่นตามน้ำ โดยการขอสิ่งที่มีมูลค่าไม่สูงมากเเละยอมเปิดเผยข้อมูลที่สำคัญอย่างการถูกทำลายเเกนพลังไป เเม้ข้อมูลของเขาจะถูกเปิดเผย เเต่เขาก็พอใจกับผลลัพธ์นี้ เหตุใดมิคาเอลต้องพยายามเอาใจพ่อค้าคนนี้ นั้นเป็นเพราะสถานการณ์ในปัจจุบันของเขานั้นอันตรายมาก เขาต้องการการสนับสนุนจากร้านค้ามันเกี่ยวข้องกับเเผนการขั้นเเรกของเขา
ในโลกนี้มีเวทมนตร์มากมายที่ใช้ตรวจสอบคำโกหก โดยเฉพาะสำหรับคนเป็นพ่อค้าเวทมนตร์ตรวจสอบคำโกหกถือเป็นสิ่งที่สำคัญมากดังนั้นพวกเขาจึงฝึกใช้พวกมันจนชำนาญ เมื่อพ่อค้าตรวจสอบคำพูดขอมิคาเอลเเล้วพบว่ามันคือเรื่องจริง เขาจึงดีใจเเละเชื่อใจมิคาเอลโดยอัตโนมัติ พวกพ่อค้าเป็นคนที่มีประสบการณ์การหลอกลวงต้มตุ๋นผู้คนมากมายก็จริง เเต่มิคาเอลคือคนที่หลอกพ่อค้าเหล่านั้นอีกที มิคาเอลเอ่ยปากพูดอย่างไม่ใส่ใจเช่นเคย
“เเค่เตรียมของที่ฉันต้องการไว้ก็พอ”
“ทราบเเล้วๆ”
“ส่วนเรื่องค่าใช่จ่ายในการสร้างเขตเเดนเวทย์เคลื่อนย้าย หวังว่าท่านจะให้ราคาที่เหมาะสม”
พ่อค้าพูดด้วยท่าทางกล้าๆกลัวๆ มิคาเอลตอบไปอย่างง่ายๆ
“ขอติดไว้ก่อน”
มิคาเอลพูดอย่างหน้าไม่อาย เเต่พ่อค้ากลับยิ้มอย่างเป็นมิตร
“ทราบเเล้ว เขตเเดนเวทย์เคลื่อนย้ายจะพร้อมใช้งานในอีก3วัน ระหว่างนี้เชิญท่านตามสบาย”
“สำเร็จ ” มิคาเอลคิดในใจ ตอนนี้เขาได้ของฟรีมาใช้เเล้ว
ในจุดนี้พ่อค้าไม่ได้สนใจเรื่องเงินอีกต่อไป เเม้มิคาเอลจะไม่จ่ายเงินพ่อค้าก็ไม่สนใจ เพราะเขาได้สุดยอดข้อมูลมาเเล้ว
เหลือเวลาอีก28วัน
จบ
ความคิดเห็น