ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #21 : บทที่ 21

    • อัปเดตล่าสุด 7 เม.ย. 67


    ตอน มอนสเตอร์

    ตั้งแต่ที่มิคาเอลมาพักอาศัยที่ร้านค้าตลาดมืดสาขาเพตอสก็ผ่านมา7วัน 

    ทุกวันเขาจะนำทาสมนุษย์สัตว์ออกไปที่มอนสเตอร์สเปช ด้วยการพึ่งพาเวทย์เชื่อมโยงวิญญาณทำให้ทุกครั้งที่ทาสมนุษย์สัตว์ฆ่ามอนสเตอร์ พลังเวทย์จะถูกส่งมาให้เขา 

    เวทมนตร์เชื่อมโยงวิญญาณระดับ1ถูกเปลี่ยนเป็นระดับ 4 เพื่อประสิทธิภาพที่เพิ่มขึ้น มิคาเอลในปัจจุบันสามารถใช้เวทมนตร์ได้ถึงระดับ5 เหตุผลที่เขาไม่ได้ใช้เวทมนตร์เชื่อมโยงวิญญาณระดับ5ก็เพราะมันใช้พลังเวทย์สูงเกินไป

    เวทมนตร์ระดับ 1 ใช้พลังเวทย์5 หน่วย ต่อครั้ง

    เวทมนตร์ระดับ 2 ใช้พลังเวทย์20 หน่วย ต่อครั้ง

    เวทมนตร์ระดับ 3 ใช้พลังเวทย์50 หน่วย ต่อครั้ง

    เวทมนตร์ระดับ 4 ใช้พลังเวทย์80 หน่วย ต่อครั้ง

    เวทมนตร์ระดับ 5ใช้พลังเวทย์200 หน่วย ต่อครั้ง

    ในสถานการณ์ที่ความประหยัดจะนำไปสู่ชัยชนะ เขาไม่อาจใช้เวทมนตร์ระดับ 5 ที่กินพลังเวทย์สูงถึง200หน่วย

    มิคาเอลกลับไปที่ร้านค้าตลาดมืดสาขาเพตอสเพื่อใช้เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้าย เขาพร้อมแล้ว วันนี้เป็นวันที่เขาจะเลื่อนระดับเป็นราชันย์เวทย์

    มิคาเอลเคลื่อนย้ายเข้ามาในร้าน ทันทีที่เข้ามาก็ต้องตกใจ ชายชราร่างเตี้ยยืนรอเขาในจุดที่เขาเคลื่อนย้ายมา สีหน้าของพ่อค้าคนนี้ดูตกต่ำอย่างมาก

    “ข้ามีเรื่องต้องพูดกับท่าน”

    “ไม่ต้องทางการขนาดนั้นก็ได้ คนกันเอง หลังจากนี้ก็ต้องรบกวนร้านค้าของพวกนายอีก”

    มิคาเอลยิ้มอย่างเป็นมิตร

    “ขอให้ท่านช่วยโปรดเข้าใจและอย่าได้โกรธเคือง นับจากนี้ทางเราคงต้องขอหยุดให้การสนับสนุนท่าน”

    มิคาเอลตกใจเล็กน้อย ไม่คิดเลยว่าร้านค้าตลาดมืดจะหยุดให้ของฟรีเขา เรื่องนี้นับว่าผิดปกติ สายตาของเขาหรี่เล็กลงเอ่ยถาม

    “เกิดอะไรขึ้น”

    พ่อค้าสาขาเพตอสไม่ได้ตอบ เขากล่าวอย่างราบเรียบ

    “การลงทุนในคนเป็นสิ่งที่พวกเราชื่นชอบ มันมีความเสี่ยงที่สูง แต่ผลตอบแทนก็หอมหวานเช่นกัน พ่อค้าอย่างเราพร้อมให้การสนับสนุนทั้งเงินและทรัพยากรให้คนบางคนที่มีโอกาสจะพัฒนาขึ้นไปเป็นใหญ่ในอนาคต เช่นเดียวกับท่าน ผู้นำระดับสูงของศูนย์ใหญ่มองว่าท่านมิคาเอลเป็นคนที่ถูกกำหนดให้ขึ้นไปอยู่ในจุดสูงสุดของโลก พวกเขาลงทุนกับท่านเป็นจำนวนที่สูงมาก แต่ข่าวล่าสุดทำให้พวกเขาทั้งหมดเห็นแววว่าจะขาดทุน”

    “อืม สรุปคือ ผู้นำระดับสูงมองว่าฉันไม่มีโอกาสเติบโต หรือก็คือฉันมีโอกาศจะตายสินะ ”

    มิคาเอลเดินไปนั่งลงบนเก้าอี้ เขายกแก้วน้ำชาที่อยู่บนโต๊ะขึ้นมาจิบอย่างสะบายอารมณ์

    “ถูกต้องตามที่ท่านกล่าวมา ส่วนเรื่องเหตุผล...”

    พ่อค้าพยักหน้า ระหว่างที่เตรียมจะอธิบายก็คิดว่าการให้ดูด้วยตาตัวเองน่าจะเข้าใจง่ายกว่า เขายื่นมือข้างหนึ่งออกมาทันใดนั้นอุปกรณ์เวทย์ที่มีลักษณะคล้ายกล้องก็ปรากฏบนมือเขา 

    พ่อค้ากดไปที่ปุ๋มบนตัวกล้องอย่างช่ำชองทำให้เลนส์ฉายแสงออกมาสร้างเป็นภาพเหตุการณ์ ภาพโฮโลแกรมนี้สมจริงมากมันราวกับเขาอยู่ในเหตุการณ์จริง ไม่ใช่เพียงแสง สี เสียง แต่ยังรวมไปถึงอุณหภูมิ แรงสั่นสะเทือนและคลื่นพลังเวทย์ มิคาเอลรู้สึกสนใจ

    อุปกรณ์เวทย์นี้อาจนำมาใช้การได้ในอนาคต

    เขาจดจำมันเอาไว้ก่อนที่ความสนใจของเขาจะถูกดึงมาที่เนื้อหาภายในวิดีโอเพราะเสียงจากการต่อสู้ 

    มันเป็นวิดีโอที่ถ่ายจากมุมหนึ่งของสนามรบ สงครามระหว่าง 2 อาณาจักรมหาอำนาจ เสียงโลหะเสียดสี สะเก็ดไฟที่เกิดจากการปะทะดาบ

    ในขณะที่อาณาจักรเรเซลเกือบจะพ่ายแพ้ คาร์ดินัลเฮนดริกซ์ปรากฏตัวขึ้นเพื่อหยุดยั้งสงครามพร้อมกับเปิดเผยข่าวสำคัญว่า มิคาเอลยังมีชีวิต คลิปวิดีโอสิ้นสุดลงตรงนี้

    สีหน้าของมิคาเอลกลายเป็นมืดครึ้ม เหงื่อเย็นๆไหลลงมาตามแผ่นหลังร่างกายชาไปทั้งร่าง คำถามหนึ่งดังก้องในหัวเขา

    เฮนดริกซ์รู้ได้ยังไง ใครเป็นคนบอกเขา

    ไม่รู้เลยว่าเฮนดริกซ์รู้เรื่องที่เขายังมีชีวิตอยู่ได้ยังไง ใครเป็นคนให้ข้อมูลนี้กับเขา 

    มิคาเอลครุ่นคิดอย่างจริงจัง เฮนดริกซ์เองก็ระมัดระวังอย่างมากนอกจากการป่าวประกาศว่ามิคาเอลยังมีชีวิตเขาก็ไม่ได้พูดอย่างอื่นราวกับเขาคาดเดาเอาไว้แล้วว่าจะมีคนแอบบันทึกภาพและนำมันไปเผยแพร่

    เรอา เรล่า อัลเลทีส ทั้งสามผู้โชคร้ายที่บังเอิญพบกับเขาถูกฆ่าปิดปากจึงถูกตัดออกอย่างไม่ต้องคิด 

    เซก้าและมนุษย์สัตว์คนอื่นๆถูกเขาจับเอาไว้ปัจจุบันก็ยังมีชีวิตอยู่ในอุปกรณ์เวทย์กระแสหมอกแห่งการกักขัง ภายในอุปกรณ์เวทย์กระแสหมอกแห่งการกักขังเป็นมิติที่แยกออกจากโลกแห่งความจริงดังนั้นพวกเขาจึงถูกตัดออกเช่นกัน

     คนที่เขาสงสัยนอกจากร้านค้าตลาดมืดก็มีเพียงมาโคนักรบรับจ้างเผ่าโอเกอร์ เขาเป็นคนเดียวที่รู้เรื่องของมิคาเอลและยังมีชีวิตรอด

     มิคาเอลมั่นใจว่าจะต้องเป็นมาโค

    อ้างอิงจากคำพูดของมนุษย์จิ้งจอกอารีน่า กลุ่มชายชุดขาวที่เธอพูดถึงก็คือ นักบวชของศาสนจักร แสดงว่าหมู่บ้านมนุษย์สัตว์และศาสนจักรอาจจะมีความสัมพันธ์บางอย่าง

     เมื่อหมู่บ้านถูกทำลาย ศาสนจักรจึงส่งคนออกไปตรวจสอบ มีความเป็นไปได้ว่าในตอนนั้นมาโคอาจจะเข้าต่อสู้กับนักบวชศาสนจักรและอาจเป็นฝ่ายแพ้และถูกจับตัว 

    เพื่อเค้นหาตัวคนที่ทำลายหมู่บ้านสุดท้ายไม่รู้ว่าพวกเขาใช้วิธีการแบบไหนถึงทำให้นักรบรับจ้างเผ่าโอเกอร์คนนั้นยอมเผยความจริง 

    ทั้งหมดนี่คือสิ่งที่เขาคาดเดา มันอาจจะถูกหรือผิด เพราะยังไงมันก็เต็มไปด้วยคำว่า อาจจะ

    มิคาเอลถอนหายใจดวงตาสีแดงเลือดกลับมาเยือกเย็น ไม่มีความตื่นตระหนกหรือกังวล

    ตราบใดที่ยังมีชีวิตก็ต้องพบเจออุปสรรค ไม่มีแผนการใดที่สมบูรณ์แบบไร้ช่องโหว่ สิ่งที่ต้องทำคือคิดหาทางออก

    “แผนการที่เตรียมเอาไว้ต้องเปลี่ยนใหม่ทั้งหมด สเตตัส—พลังเวทย์ 3460หน่วยสามารถทำอะไรได้บ้าง ”

    มิคาเอลเริ่มคิดแบบร่างของแผนใหม่ในทันที เขามองไปที่พ่อค้าด้วยแววตาซับซ้อน ไม่ว่ายังไงเขาก็ยังต้องการการสนับสนุนจากร้านค้า

    “คนระดับสูงของพวกนายนี่ตัดใจเร็วจริงๆ”

    “พวกเขามองความน่าจะเป็นทั้งหมดแล้ว ขาดทุนคือข้อสรุป”

    พ่อค้าเดินไปนั่งหลังเคาเตอร์พรางพูดอย่างไม่ใส่ใจ

    “งั้นแค่นายคนเดียวเป็นยังไง ลงทุนกับฉันสิ”

    มิคาเอลยิ้มเขาเดินไปตรงหน้าพ่อค้าจับคางแล้วยกขึ้นทำให้สายตาทั้งสองจ้องมองกัน

    “ท่านมิคาเอลอย่าได้พูดเหลวไหล โอกาสรอดชีวิตของท่านมันน้อยนิดแล้วจะให้ข้าลงทุนอะไร”

    มิคาเอลดึงมือกลับเขาพูดด้วยรอยยิ้ม

    “อย่าพึ่งด่วนตัดสินใจไป ลองดูสิ่งนี้แล้วคิดทบทวนใหม่” สเตตัส

    มิคาเอลส่งเสียงในใจ

    ชื่อ มิคาเอล

    เผ่าพันธุ์ มนุษย์ เพศชาย

    ปริมาณพลังเวทย์ : 3470

    ฉายา

    หน้าจอที่ปกติจะล่องหนแต่ด้วยความคิดของมิคาเอล มันปรากฏขึ้นต่อหน้าของพ่อค้า หน้าจอนี้บอกข้อมูลของมิคาเอล 

    พ่อค้ากวาดตามองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ แต่เมื่อมาถึงช่องปริมาณพลังเวทย์ เขาก็ดีดตัวขึ้นจากเก้าอี้ด้วยความตกใจ

    “ปริมาณพลังเวทย์ขนาดนี้มัน! 3470หน่วย ไม่สิ 3475แล้ว มันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆงั้นหรือนี่มันเป็นไปได้ยังไง”

    มิคาเอลหัวเราะเขาคาดเดาการตอบสนองนี้เอาไว้แล้ว พลังเวทย์เหล่านี้คือผลจากการที่เขาตะลอนกวาดล้างมอนสเตอร์สเปชระดับDและCตลอดหลายวันมานี้

     แค่เพียงตัวเลขพลังเวทย์ที่มากมายขนาดนี้ก็ทำให้ชายชราตกตะลึงแล้ว แต่เมื่อเห็นว่าตัวเลขมันเพิ่มขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้ชายชราถึงกับอ้าปากค้างอย่างไม่อยากจะเชื่อ

    “เจ้ายืนอยู่ตรงนี้แล้วปริมาณพลังเวทย์เพิ่มขึ้นได้ยังไง นี่มันเป็นการโกงแล้ว”

    “ฮ่าฮ่า เรื่องนี้คงจะบอกไม่ได้เพราะเป็นความลับทางธุรกิจ”

    เขาจะบอกได้ยังไงว่าตอนนี้ทาสของเขากำลังทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มพลังเวทย์ให้เขาอย่างสุดความสามารถ

    “บอกข้าเถอะ ข้าจะยอมแลกกับทุกสิ่งเลย”

    “เอาน่า แค่นายลงทุนทรัพยากรกับฉันต่อไป อีกไม่นานก็จะได้รู้เอง”

    “ตะ แต่”

    พ่อค้าชราเกิดความลังเล แต่เขาอยากรู้ว่าทำไมพลังเวทย์ของมิคาเอลถึงได้เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ แม้แต่ตอนที่พูดคุยกันมันก็เพิ่มขึ้น สุดท้ายเขาก็อดทนต่อการยั่วยวนไม่ไหวจึงตอบตกลง 

    เขาสัญญาว่าจะสนับสนุนเรื่องเงิน ทรัพยากรทุกๆอย่างให้มิคาเอล

    ****

    ย้อนกลับไปช่วงก่อนจะเกิดสงครามระหว่างอาณาจักรเรเซลและอาณาจักรคาลิฟา

    คาร์ดินัลเฮนดริกซ์เดินลงบันใดหินที่เต็มไปด้วยฝุ่น เศษหินและเศษดิน กลิ่นสาปที่เกิดจากซากแมลงซากสัตว์ตายลอยเข้าจมูกแต่ชายชราในชุดนักบวชไม่ให้ความสนใจราวกับเคยชิน 

    เส้นทางนี้นำเขามาสู่ห้องใต้ดิน เขาผลักประตูไม้เดินเข้าไปภายใน ภายในห้องๆนี้มีบรรยากาศที่ทำให้คนที่อยู่ภายในรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง แสงสลัวๆจากคบเพลิงคือสิ่งเดียวที่ทำให้มองเห็น สิ่งที่น่าสะอิดสะเอียนที่สุดก็คือกลิ่นเหม็นคาวที่รุนแรงจนทำให้คนอยากอาเจียน

     มีคนสองคนอยู่ในห้องนี้ คนหนึ่งสวมชุดที่มิดชิด ผ้ากันเปื้อน รองเท้าบูท หมวกและหน้ากากในมือข้างหนึ่งถือมีดผ่าตัดอีกมือถือถังน้ำ อีกคนนั่งอยู่บนเก้าอี้เขาถูกโซ่เหล็กขึ้นสนิมพันธนาการทั้งแขนและขาราวกับนักโทษ 

    ชายคนนี้ถูกทรมานโดยคนที่สวมชุดมิดชิด สภาพของชายผอมน่าหวาดกลัวเกินจะบรรยายเป็นคำพูด การทรมานโดยทั่วไปจะมีตั้งแต่การดึงเล็บ ตัดนิ้ว ไปจนถึงจุดไฟเผา แต่ชายคนนี้ย่ำแย่กว่านั้น เรียกได้ว่าการทรมานทั้งหมดที่กล่าวมากลายเป็นเพียงเรื่องเด็กเล่น 

    หน้าท้องของเขาถูกผ่าเปิดออกจนเห็นสิ่งที่อยู่ภายในทั้งหมด มีดผ่าตัดเลาะไปตามกระดูกซี่โครงจนเนื้อและกระดูกหลุดออกจากกัน เครื่องในอยู่ในสภาพเละเหมือนกับวุ้น

     มันเป็นการทรมานที่โหดเหี้ยมโดย พยายามทำให้ชายร่างซูบผอมเจ็บปวดและสิ้นหวังที่สุด เพื่อให้รู้สึกถึงความเจ็บปวดอย่างเต็มที่แน่นอนว่ากระบวนการทรมานทั้งหมดทำในช่วงที่ชายผอมมีสติ 

    ร่างกายของเขาซีดขาวราวกับศพไม่มีเลือดอีกต่อไป ปอดของเขาถูกมีดตัดออก มันถูกทิ้งไว้ตามพื้นและไม่ได้รับความสนใจ คนปกติไม่มีทางมีชีวิตแต่ชายคนนี้กลับยังกัดฟันแน่น มองเข้าไปในร่างกายจะเห็นว่าหัวใจของเขายังเต้นอยู่

    เฮนดริกซ์พูดขึ้น

    “เรามาฟังคำตอบครั้งสุดท้าย เกิดอะไรขึ้นที่หมู่บ้านมนุษย์สัตว์”

    ร่างที่คล้ายกับศพเงยหน้ามองเฮนดริกซ์ แววตาเผยให้เห็นถึงความเคียดแค้นชิงชัง ร่างนี้ก็คือ นักรบรับจ้างมาโค

     ใบหน้าของชายวัยกลางคนตอนนี้เต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่นราวกับผ่านกาลเวลาไปนับ10ปี เขาส่งเสียงที่แหบพร่าออกมาจากซอกฟัน

    “ไม่มีทางหรอก ไปตายซะไอ้ชาติหมา”

    แม้จะเจ็บปวดแต่เขาก็ตัดสินใจที่จะไม่บอก มาโครู้ดีว่าการพูดเช่นนี้เท่ากับทิ้งโอกาสรอดสุดท้ายของเขา แต่เขาไม่สามารถบอกได้ว่าใครเป็นตัวการในการทำลายหมู่บ้านมนุษย์สัตว์เพราะมันเกี่ยวพันกับครอบครัวของเขา 

    หากบอกภรรยาและลูกของเขาจะเป็นอันตราย มิคาเอล ชายคนนั้นจะต้องฆ่าภรรยาและลูกของเขาด้วยวิธีที่โหดเหี้ยม หากเขาไม่พูดอย่างมากก็เพียงตายไปพร้อมกับมัน ครอบครัวของเขาจะปลอดภัย

     แต่หากพูด มาโคเผยรอยยิ้มบาง

     พูดกันตามตรง ข้ากลัวแววตาสีแดงเลือดนั้นของมิคาเอลมากกว่าไอ้สองคนนี้ซะอีก

     มาโคคิดในใจ

    “งั้นหรือ...น่าเสียดาย โปรดจำไว้ว่าเราให้โอกาสแล้ว”

    เฮนดริกซ์ถอนหายใจ ใบหน้าที่ราวกับผู้ใจบุญของเขากลายเป็นดุร้ายราวกับฆาตกร

    “นี่คือรูปแบบการทรมานที่รุนแรงที่สุดแล้ว ข้าหมดหนทางแล้วจริงๆ ท่านเฮนดริกซ์ข้าจะดับชีวิตของมันเดี๋ยวนี้”

    ผู้ที่ได้รับหน้าที่ในการทรมานมาโคทำความเคารพเฮนดริกซ์ เขาเตรียมจะสังหารมาโค

    มาโคหลับตาลงกล่าวด้วยใจที่เจ็บปวดเสียยิ่งกว่าร่างกาย

    “ขอโทษนะ”

    ก่อนที่เขาจะเคลื่อนไหวเพื่อดับลมหายใจของชายปากแข็ง เฮนดริกซ์ก็พูดขึ้น

    “เดี๋ยวก่อนจากนี้ไปเราจัดการเอง เจ้าออกไปรอข้างนอก”

    ชายคนนั้นลังเลอยู่ชั่วครู่ก่อนจะพยักหน้าเดินจากไป

    ในห้องที่มืดสนิทและเต็มไปด้วยกลิ่นคาวเลือดแห่งนี้เหลือเพียงมาโคและเฮนดริกซ์ ช่วงเวลาแห่งความเป็นความตายคาร์ดินัลเฮนดริกซ์ได้ยื่นมือออกมาช่วยเขา มาโคอดไม่ได้ที่จะรู้สึกว่าตนเองอาจจะยังมีหวังที่จะรอด

    “ต้องการอะไรอีก”

    มาโคถามอย่างระมัดระวัง แต่การแสดงออกของเฮนดริกซ์กลับทำให้มาโคต้องหุบปาก

    “ฮี่ฮี่ เมื่อครู่เจ้ามีความหวังใช่ไหม”

    รอยยิ้มของเฮนดริกซ์ฉีกขึ้นเกือบจะถึงใบหู เขาก้าวช้าๆมาทางชายซูบผอม

    “แก!”

    มาโคคำรามอย่างเดือดดาล สัญชาตญาณของเขาบอกว่าชายชราตรงหน้าเขากำลังจะทำบางสิ่งที่เลวร้าย

    เราไม่อยากจะทำจริงๆ การใช้วิธีนี้มันทำให้พลังศักดิ์สิทธิ์ของเราลดลง แต่ในเมื่อเจ้าไม่ยอมพูด เราก็หมดหนทางนักรบรับจ้างมาโคตอนนี้วิธีอ่อนโยนจบลงแล้ว ต่อจากนี้จะเป็นวิธีที่รุนแรง

    “ว่าไงนะ”

    มาโคไม่อยากเชื่อกับสิ่งที่พึ่งได้ยิน ไม่รู้ว่ามันเป็นถ้อยคำที่หลอกให้เขากลัวหรือไม่ แต่หากวิธีทรมานก่อนหน้านี้เป็นวิธีที่อ่อนโยนแล้ววิธีที่รุนแรงคืออะไร แค่คิดก็ทำให้ร่างกายเขาสั่นเทิ้มราวกับเครื่องยนต์

    เฮนดริกซ์เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม

    “รู้จักเวทมนตร์ประเภทช่วงชิงหรือไม่”

    สีหน้าของมาโคเปลี่ยนไปอย่างฉับพลัน

    “เวทมนตร์ที่มหาปราชญ์ต้นกำเนิดอัลเมี่ยนสร้างขึ้น นี่แกกล้าใช้เวทมนตร์ต้องห้ามของโลกใบนี้งั้นหรือ”

    จะให้เขาไม่รู้จักได้ยังไง ทุกคนบนโลกต่างรู้จักประเภทของเวทมนตร์ที่เกือบจะพรากทุกชีวิตไปจากโลกใบนี้ดี 

    ผู้ที่สร้างมันขึ้นมาถูกเรียกขานว่า มนุษย์ผู้สร้างยุคมืด ในโลกที่มีประเภทของเวทมนตร์นับพันประเภท เวทมนตร์ประเภทช่วงชิงคือหนึ่งเดียวที่เป็นสิ่งต้องห้ามของโลกแห่งเวทมนตร์ 

    หากมีใครแอบเรียนรู้หรือใช้งานมันคนๆนั้นจะถูกสั่งประหารทันที 

    “เอาหละ ถ้าถามแล้วไม่ยอมตอบงั้นเราก็จะชิงมันมาเอง…ทั่งหมดเลย”

    เฮนดริกซ์จับหัวของมาโคใช้แรงบีบมันเพื่อยกขึ้น ท่าทางของเขาไม่มีภาพลักษณ์ของคาร์ดินัลอีกต่อไป ตอนนี้มันเต็มไปด้วยความบ้าคลั่ง

     เสียงหัวเราะของเขาราวกับฆาตกรโรคจิตที่สนุกกับการเล่นกับเหยื่อ

    “เวทมนตร์ประเภทช่วงชิง ระดับ 6 ชิงความทรงจำ”

    เขาจงใจพูดชื่อของเวทมนตร์ออกมาราวกับต้องการให้มาโครู้สึกสิ้นหวัง มาโคตกตะลึงจนสมองกลายเป็นว่างเปล่า คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคาร์ดินัลกลับใช้เวทมนตร์ต้องห้ามออกมา แล้วนี้ยังเรียกตัวเองว่าคาร์ดินัลได้อีกงั้นหรือ

    “ ไม่นะ ไม่ ขอหละ ไม่เอาแล้ว จะยอมบอกแล้ว จะยอมบอก...

    น้ำมูกน้ำตาและน้ำลายที่คิดว่าหมดไปแล้วตอนนี้กลับไหลออกมา

     เขากลัวแล้วจริงๆ เสียงของเขาแหบพร่าเพราะการตะโกนแต่เขาก็ยังร้องขอชีวิตต่อไป แต่การร้องขอชีวิตของมาโคไม่ได้รับการตอบสนองใด กลับกันเฮนดริกซ์ยิ่งส่งเสียงหัวเราะที่ดังกว่าเดิม

    “ช่วยด้วย ไม่นะ ไม่อยากตาย อ้ากกก โรสลิน”

    ร่างกายของมาโคอ่อนลงดวงตากลายเป็นว่างเปล่าอย่างฉับพลัน เวทมนตร์นี้จะช่วงชิงความทรงจำทั้งหมดมาจากเจ้าของ หรือก็คือมาโคจะกลายเป็นมนุษย์ที่ไร้ความทรงจำ เป็นเหมือนทารกที่เกิดใหม่ 

    สิ่งนี้ไม่ต่างไปจากความตาย หรือสำหรับคนที่มีคนสำคัญในชีวิตที่ไม่ต้องการลืม สิ่งนี้อาจจะอาจทรมานเสียยิ่งกว่าความตาย

    ความทรงจำทั้งชีวิตของมาโคกำลังไหลทะลักเข้ามาในหัวของเฮนดริกซ์

    “อ้า รู้สึกดีจริง โอ้ เป็นแบบนี้เอง เจ้าหญิงโรสลินซ่อนตัวอยู่ที่นี่เอง เอ๊ะ เหลือเชื่อ ไม่ไม่คิดเลย ไม่คิดเลยจริงๆ ผู้กล้ามิคาเอล…

    กลับมาที่ปัจจุบัน ในโบสถ์ เฮนดริกซ์กำลังคุกเข่าสวดภาวนาต่อหน้ารูปปั้นองค์เทพที่เขาศรัทธา เทพไฮเนส ในตอนที่เขากำลังจะลุกขึ้นกลับรู้สึกเจ็บแปร๊ปที่เอว

    “สังขารช่างไม่ยั่งยืน”

    ในตอนนั้นเองที่คนๆหนึ่งรีบวิ่งมาพยุงเฮนดริกซ์ให้ลุกขึ้นยืน

    “ขอบใจนะหลานรัก เจ้าช่างเป็นเด็กดี”

    คนที่เข้ามาพยุงเฮนดริกซ์รีบสายหน้า

    “ไม่ ไม่เป็นไรท่านปู่”

    เฮนดริกซ์จ้องมองชายตรงหน้าเขาด้วยความเอ็นดูใบหน้าของชายผู้นี้เต็มไปด้วยแผลเป็นที่เกิดจากการต่อสู้ ผิวเข้ม กล้ามเนื้อชัดเจน แต่แววตาที่มองมากลับไร้เดียงสาราวกับเด็ก คนๆนี้คือมาโค


    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×