คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่2
ตอน เริ่มต้นจากศูนย์
ด้วยการเคลื่อนไหวที่สง่างาม เทพธิดากวัดเเกว่งมือเพื่อเรียกละอองเเสงสีทองออกมารายล้อมมิติลึกลับทั้งหมด สร้างเป็นฉากที่น่าอัศจรรย์ นางส่งมันลอยเข้ามาที่มิคาเอล เขารู้สึกว่าร่างกายของเขาถูกเเทรกเเซงโดยพลังงานภายนอก
มิคาเอลยังสงบนิ่งเเละปล่อยให้กระบวนการนี้ดำเนินไปจนจบ ภาพที่คล้ายกันนี้เคยเกิดขึ้นกับเขามาเเล้วในตอนที่อัศวินหน่วยที่หนึ่ง เเละคนอื่นๆ ทำลายพลังเวทย์เเละพลังกายของเขา มันเป็น เวทมนตร์ชนิดเดียวกัน
“ฉันยึดทั้งสามสิ่งตามข้อตกลงเเล้ว พลังศักดิ์สิทธิ์ พรจากสวรรค์ เเละฉายาผู้กล้า ทั้งหมดนี่ทำให้คุณมีเวลาในการกลับไปมีชีวิตได้เต็มที่ สามสิบวัน พอใจไหมคะ”
“เหลือเฟือ”
เเววตาของเขาสาดประกายคมกริบ เวลาสามสิบวันมากเกินพอ นอกจากไปหาเมลล่อนเเล้วฉันยังมีเวลาทำอะไรๆได้อีกหลายอย่าง ยกตัวอย่างก็เช่น ไปเยี่ยมเพื่อนเก่าที่อาณาจักรเรเซล ภาพของวิโอล่า เเอสเบิร์นเเละคนอื่นๆ ปรากฏขึ้นอีกครั้ง “
เมื่อข้อตกลงเสร็จแล้ว ถ้าเช่นนั้นฉันจะทำการส่งคุณกลับไปที่โลก เวทมนตร์เเล้วนะคะ ”
“อืม”
เขาตอบเพียงคำเดียว หลังจากนั้นนางใช้ศัพท์ทางเวทมนตร์บางอย่างที่มิคาเอลไม่รู้จัก เเสงสีขาวส่องประกายจากร่างวิญญาณของเขา หลังจากนั้นภาพก็ตัดไป
ในทุ่งหญ้ารกร้างเเห่งหนึ่งในเขตภาคใต้ สถานที่เเห่งนี้ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์เมื่อไม่นานมานี้ มันคือลานประหารผู้กล้ามิคาเอล
ลมชื้นๆพัดโชยไป อีเเร้งที่หิวโหยหลายตัวกำลังกัดกินศพคนอยู่ที่พื้น จะงอยปากที่เเหลมคมราวกับใบมีดของมันกัดจิกเเละฉีกกระชากชิ้นเนื้อก่อนจะกลืนลงท้อง สร้างเป็นภาพที่สยดสยอง
ทันใดนั้นอีเเร้งทุกตัวก็กรีดร้องขึ้นพร้อมกัน พวกมันกระพือปีกอย่างรุนเเรงก่อนจะลงไปดิ้นอยู่กับพื้น ท่าทางของพวกมันราวกับทุกทรมารกับอะไรบางอย่าง เลือดไหลเเทรกซึมออกมาจากทุกส่วนของมัน ก่อนที่ร่างกายของมันจะระเบิดกระจายไปทั่ว เหลือไว้เพียงเลือดเเละเศษอวัยวะ ท่ามกลางเศษอวัยวะเหล่านั้น ชิ้นเนื้อบางชิ้นเริ่มขยับเเละค่อยๆรวมตัวกันไม่นานก็กลายเป็นร่างกายของคนผู้หนึ่ง
คนๆนี้มีเส้นผมสีดำ ใบหน้าคมกริบร่างกายเต็มไปด้วยกล้ามเนื้อโดยรวมเขาคือผู้ชายที่สมบูรณ์แบบด้านรูปลักษณ์ ดวงวิญญาณของมิคาเอลหลอมรวมเข้าไปในร่างกายเมื่อกระบวนการทั้งหมดจบลง ร่างนั้นก็ลืมตาขึ้นมา ดวงตาของเขาเป็นสีเเดงเลือด เมื่อเจอเเสงเเดดมันส่องประกายระยิบระยับ ถ้าผู้คนมาเห็นชายคนนี้พวกเขาจะคิดไปว่าชายผู้นี้คือองค์ชายผู้เย็นชาจากซักอาณาจักรหนึ่ง
“หึๆ ฮ่าฮ่าฮ่า ในที่สุดฉันก็กลับมาอีกครั้ง ”
มิคาเอลหัวเราะอย่างเต็มที่ มันเป็นการหัวเราะที่บ้าคลั่งเเถมยังดูโรคจิตที่สุดครั้งหนึ่งในชีวิตของเขา ในที่สุดเขาก็กลับมาที่เเห่งนี้อีกครั้ง โลกเเห่งเวทมนตร์ หลังจากนี้อีกสามสิบวัน ไม่ว่าเหตุการณ์ใดจะเกิดขึ้นไม่มีใครทราบ
“ร่างกายฉัน อืม มันสมบูรณ์ ไม่มีปัญหาอะไร ”
เขาสำรวจร่างกายก่อนจะพยักหน้าอย่างพึงพอใจ ตอนนี้เขาฟื้นคืนจากความตายอย่างสมบูรณ์เเล้ว ถ้าจะมีสิ่งใดที่ยังขาดหายไปนั้นก็คือพลังทั้งหมดที่เขาเคยมีตอนนี้มันหายไปทั้งหมด พลังอำนาจที่เขาเคยมีจากจุดสูงสุดร่วงลงสู่จุดต่ำสุดในครั้งเดียว ไม่เเปลกที่เขาจะรู้สึกไม่สบายใจ
“สเตตัส”
มิคาเอลใช้ความคิด ทันใดนั้นหน้าต่างสเตตัสโปร่งใสก็ปรากฏขึ้นในมุมสายตาของเขา สิ่งนี้เป็นเหมือนระบบในเกมที่จะคอยบอกสถานะต่างๆของเรา มนุษย์เรียกสิ่งนี้ออกมาได้ทุกคน ส่วนสิ่งมีชีวิตสายพันธุ์อื่นขอเพียงมีสติปัญญาในระดับหนึ่งก็สามารถเรียกสเตตัสนี้ออกมาได้เช่นกัน
ชื่อ มิคาเอล
เผ่าพันธุ์ มนุษย์ เพศชาย
ปริมาณพลังเวทย์ : 0
ฉายา
สเตตัสจะบอกข้อมูลของเรามันสะดวกมาก มันจะวิเคราะห์ค่าพลังเวทย์ในร่างกายของเราเเล้วคำนวนออกมาเป็นตัวเลข ตอนนี้ตัวเลขของมิคาเอลคือ0 นั่นเเสดงให้เห็นว่าในร่างกายของเขาไม่มีพลังเวทย์อยู่เเม้เเต่น้อย ในโลกเวทมนตร์เเห่งนี้เเม้เเต่สามัญชนธรรมดาก็มีตัวเลขอยู่ที่ 10 เด็กทารกเเรกเกิดมีเลขเริ่มต้นที่3 ส่วนเด็กที่มีพรสวรรค์หรือมีเชื่อสายของราชวงศ์อาจมีถึง10ตั้งเเต่กำเนิด เเต่โดยเฉลี่ยเเล้วมนุษย์ธรรมดาจะมีค่าพลังเวทย์ที่10 มนุษย์ที่มีพลังเวทย์0คือสิ่งมีชีวิตที่อ่อนเเอที่สุดในโลกใบนี้อย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งก็คือมิคาเอลในเวลานี้
“ในชีวิตนี้ ฉันต้องเริ่มต้นใหม่จากศูนย์ เเต่มันก็ไม่ใช่ศูนย์ซะทีเดียวเพราะฉันยังมีความรู้เเละประสบการณ์มากมายมันไม่ใช้เรื่องยากอะไรที่จะไปอยู่บนจุดสูงสุดอีกครั้ง ดังนั้นสิ่งเเรกที่ควรทำก็คือการ เพิ่มพลังเวทย์ ”
มิคาเอลคิด
“เเต่ด้วยระยะเวลาที่กดดันอยู่ตลอดเวลาฉันไม่สามารถเพิ่มพลังเวทย์ได้ด้วยวิธีปกติ”
ด้วยโจทย์ที่ว่าต้องเพิ่มพลังเวทย์จำนวนมากในระยะเวลาสามสิบวัน คนส่วนใหญ่จะพากันหมดหวัง เพราะในการเพิ่มพลังเวทย์คนๆนั้นจำเป็นต้องค่อยๆสะสมมันทีละนิด การเพิ่มพลังเวทย์สามารถทำได้ด้วยกัน 2 วิธี วิธีเเรกเป็นวิธีที่ง่ายนั้นก็คือปล่อยให้มันเพิ่มขึ้นด้วยตัวเอง ในโลกใบนี้มีพลังเวทย์แทรกซึมอยู่ในทุกอณูของอากาศดังนั้นมันจะช่วนเพิ่มพลังเวทย์ให้ผู้คนได้อย่างอัตโนมัตินี้เป็นเหตุผลหลักที่ทำให้ คนเเก่มีพลังเวทย์ที่มากกว่าวัยรุ่นหรือเด็ก เเต่สำหรับมิคาเอลมันช้าเกินไปดังนั้นจึงตัดวิธีนี้ทิ้งไปได้เลย
วิธีที่สองนี่เป็นทางลัดที่ดีที่สุดเเต่ก็อันตรายที่สุดเช่นกันก็คือการฆ่ามอนสเตอร์เพื่อรับพลังเวทย์จำนวนมากในครั้งเดียว ในโลกใบนี้เเน่นอนว่ามันมีสิ่งที่เรียกว่ามอนสเตอร์ เเละมันยังมีประโยชน์บ่ผู้คนบนโลกใบนี้อย่างมาก เช่น เมื่อฆ่ามัน เราจะได้รับพลังเวทย์จำนวนมาก เเละศพของมันยังเป็นวัตถุดิบในการสร้างอุปกรณ์เวทย์ ดังนั้นมันจึงขายได้ในราคาสูง เเละคนที่รับซื้อพวกมันก็คือ เหล่ากิลด์ต่างๆเเละร้านค้าตลาดมืด
เเต่มิคาเอลก็ไม่เลือกวิธีนี้้เช่นกัน ประการเเรกเมื่อนำมาคำนวณกับระยะเวลาสามสิบวัน มันก็ยังไม่มีประสิทธิภาพมากพอ ประการที่สองจำนวนมอนสเตอร์ที่ต้องสังหารมีมากเกินไป เเละการตามหามันก็ใช้เวลานานเกินไป เพียงการตามหามอนสเตอร์ระดับสูงก็จำเป็นต้องใช้เวลาหลายเดือน ดังนั้นมันจึงไม่มีประสิทธิภาพมากพอ เขาเผยรอยยิ้มขมขื่น
“ถ้าวิธีเพิ่มพลังเวทย์ปกติไม่มีประสิทธิภาพ ฉันก็จะใช้วิธีนั้น ถึงมันจะเสี่ยงก็ตาม เเต่มันยังคุ้มที่จะลอง”
มิคาเอลคิดไปถึงอดีตที่ยังคงชัดเจน ภาพเงาร่างสีดำทมิฬปรากฏขึ้นในความทรงจำของเขา ในอดีตมันคือตัวตนที่เข่นฆ่าผู้คนสามร้อยล้านชีวิตด้วยพลังอำนาจที่เด็ดขาด มันใช้กำลังเหยียบย่ำทวีปเเห่งนี้ให้กลายเป็นดินเเดนเเห่งซากศพ เเต่เมื่อไม่นานมานี้มันพึ่งถูกสังหารโดยมนุษย์ผู้หนึ่ง ไม่ใช่ใครนอกจาก ผู้กล้ามิคาเอลในอดีต
“ราชาปีศาจลูบีกัล ดูเหมือนดวงของเราจะสมภพกันจริงๆเเม้เเกจะตายไปเเล้วก็ตาม ดูเหมือนฉันต้องไปเยี่ยมหลุมศพเเกซักหน่อย”
เขาต้องเดินทางไปที่วังราชาปีศาจแวนเดอริคที่เเห่งนั้นจะมอบพลังให้เขา เเต่นั้นคือเเผนการในอนาคต หรือมันอาจจะไท่เกิดขึ้นเลยก็ได้ เพราะดูจากสถานการณ์ปัจจุบันมันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำเเบบนั้น หากเขาไปที่นั่นก็มีเเต่ตายสถานเดียว ในตอนนี้สิ่งเเรกที่ควรทำคือการเข้าไปในเมืองหรือหมู่บ้านซักเเห่งเพื่อหาที่พัก หาอาหาร เเละหาข้อมูล
เขามองไปยังทิศทางของอาณาจักรเรเซลเเละคิด
“รอพี่ชายไม่ได้เรื่องคนนี้ก่อนนะ เมลล่อน เราต้องได้พบกันเเน่ อีกไม่นาน ”
ก่อนจะออกเดินทางมิคาเอลหันมามองฝูงอีเเร้งอีกครั้ง พวกมันเป็นผู้มีพระคุณของเขา ด้วยอีเเร้งพวกนี้หากคนของอาณาจักรกลับมาเเละเห็นว่าศพของเขาหายไป คนของอาณาจักรจะไม่สงสัยว่าศพของเขาหายไปไหน พวกเขาจะคิดว่าอีเเร้งกินศพของเขาไปจนหมด เเต่เพื่อความปลอดภัยมิคาเอลเลือกที่จะนำเศษซากของพวกอีเเร้งไปด้วย
เขานำใบหญ้ามาสานเป็นเชือกเเละผูกอีเเร้งไว้ด้านหลังโดยทิ้งเศษขนนกของพวกมันเอาไว้ เพื่อให้คนของอาณาจักรคิดว่าพวกอีเเร้งกินศพของเขาหมดเเล้วก็บินหนีไป ด้วยการจัดการทั้งหมดนี้ สถานที่เเห่งนี้จึงดูเหมือนกับอีเเร้งกินศพของเขาเเล้วบินหนีไปจริงๆ
หลังจากนั้นเขาก็เดินไปยังอีกทิศทางที่คิดว่าเป็นที่ตั้งของเมืองที่ใกล้ที่สุด
***
อาณาจักรเรเซล ภายในพระราชวังเรเซล มีความเคลื่อนไหวเกิดขึ้นบนอากาศ อากาศที่ว่างเปล่าม้วนตัวเหมือนเกลียวคลื่นไม่นานร่างของชายคนหนึ่งก็เดินออกมาจากคลื่นนั้น เขาเป็นชายร่างใหญ่ความใหญ่นี้ไม่ได้มาจากกล้ามเนื้อเเต่เป็นชั้นไขมันใต้ผิวหนัง เขาไม่ได้มีความน่าเกรงขามของราชาเเต่เขาดูเหมือนคนบ้ากาม มงกุฎทองบนศรีษะของเขาส่องประกายระยิบระยับ ชุดคลุมยาวของเขาถูกประดับไปด้วยทองเเละของประดับอื่นๆอีกมากมาย เเสดงให้เห็นถึงฐานะที่ไม่ธรรมดาของชายผู้นี้ เขาไม่ใช่ใครที่ไหน เเต่เป็นกษัตริย์คนที่32ของอาณาจักรเรเซล ราชาเเอสเบิร์น ผู้ครอบครองฉายาราชาผู้อุทิศ เขาปรากฏตัวขึ้นภายในพระราชวังด้วยคิ้วที่ขมวดเเน่น เขาเริ่มเดินไปรอบๆห้องโถง สถานที่เเห่งนี้ไม่มีคนอื่นนอกจากเขา เพราะเขาเป็นคนที่สั่งไม่ให้ใครก็ตามเข้ามาที่เเห่งนี้โดยไม่ได้รับอนุญาต เเม้เเต่เครือญาติของเขาก็ไม่ใช่ข้อยกเว้น
“โธ่เว้ย อ๊าก!”
เขาทุบข้าวของภายในห้องด้วยความโกรธ เขาตะโกน
“ทั้งไอ้สาระเลวลูบีเกา ทั้งไอ้โง่มิคาเอลถูกสังหารตายไปทั้งคู่เเล้ว เเต่เพราะเหตุใดข้าถึงรู้สึกไม่สบายใจ”
เขาใช้เขตเเดนเวทย์เคลื่อนย้ายเพื่อกลับมายังพระราชวัง เพราะความรู้สึกไม่สบายใจนี้ เหตุใดเเอสเบิร์นถึงให้ความสำคัญกับความรู้สึกมากนัก นั่นเป็นเพราะเขามีสิ่งที่เรียกว่า ลางสังหรณ์ของราชา ลางสังหรณ์ของราชาเป็นพลังลึกลับที่ถูกส่งต่อกันมาในราชาเเต่ละรุ่น มันจะทำงานด้วยตัวเองเมื่อมีภัยจะเกิดขึ้นกับอาณาจักรลางสังหรณ์ร้ายจะเกิดขึ้นเพื่อเเจ้งเตือนราชาล่วงหน้า นั่นเป็นสาเหตุที่เเอสเบิร์นไม่สามารถมองข้าม ความรู้สึกไม่สบายใจนี้ มันไม่ใช่เเค่ความรู้สึกเเต่มันเป็นเหมือนกับคำพยากรณ์ ก่อนหน้านี้เขาอยู่ระหว่างการประชุมเเต่อยู่ๆความรู้สึกไม่สบายใจก็ถาโถมเข้ามาในหัวของเขาจนเขาต้องยกเลิกการประชุมกลางคัน ส่งผลให้ขุนนางเเละดยุคหลายคนเกิดความขุ่นเคือง
“ไอ้พวกภัยพิบัติมีชีวิตทั้งสองตัวก็ตายกันไปหมดเเล้ว เเต่ทำไมลางสังหรณ์ของราชาถึงบอกข้าว่า ภัยคุกคามร้ายเเรงกำลังจะเกิดขึ้น สาเหตุมันมาจากอะไร”
เเอสเบิร์นคิดเเละโกรธยิ่งกว่าเดิมเขากัดฟันเเน่นจนมันเกิดเสียง สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือภัยคุกคามที่เรียกว่าผู้กล้าที่เขาคิดว่าตายไปเเล้ว ตอนนี้ฟื้นคืนชีพขึ้นมาเเละกำลังสะสมความเเข็งเเกร่ง
“การเมืองของอาณาจักรอยู่ในช่วงละเอียดอ่อนมาก อีกสามวันทวีปอิราที่อยู่ข้างเคียงจะส่งทูตมาพูดคุยเรื่องธุรกิจซื้อขาย วัตถุดิบระดับระดับS หากการเจรจาเป็นไปอย่างราบรื่น ข้าจะได้รับผลประโยชน์จำนวนมากเเละยังได้พันธมิตรอยู่นอกทวีป อาณาจักรของข้าจะมั่นคงยิ่งขึ้น ” เเต่ในช่วงเวลาสำคัญเเบบนี้ ลางสังหรณ์ร้ายกลับเกิดขึ้น เเล้วเขาควรจะทำยังไงดี เเอสเบิร์นหายใจเข้าลึกเขาพยายามระงับอารมณ์
“ไม่ว่าภัยพิบัติจะเกิดขึ้นหรือมอนสเตอร์จะบุกข้าก็จะไม่ยอมปล่อยให้มันมาทำลายธุรกิจครั้งนี้”
เเอสเบิร์นกำหมัดเเน่น
***
ทุ่งหญ้ารกร้างในภาคใต้ มิคาเอลอยู่ในระหว่างการเดินทางไปยังเมืองที่ใกล้ที่สุด เเต่ดูเหมือนเขาจะดูถูกสภาพภูมิประเทศเเห่งนี้มากเกินไป ผ่านไปครึ่งวันเเต่เขายังไม่ออกจากเขตทุ่งหญ้า ในมุมมองสายตาของเขามันมีเพียงภาพของทุ่งหญ้าที่กว้างไร้ที่สิ้นสุด ตอนนี้เขาพักอยู่ใต้ต้นไม้เล็กๆที่ไร้ใบ เขาหายใจเข้าออกอย่างรุนเเรง เหงื่อไหลออกมาทั่วร่างเพื่อระบายความร้อน ใบหน้าของเขามืดครึ้มเเละดวงตาที่หรี่เล็ก ในช่วงที่เขายังเป็นผู้กล้าเเละถูกใส่ร้าย เขาถูกไล่ล่าตั้งเเต่เขตหิมะเหนือสุดมายังชายเเดนของภาคใต้ มันห่างไกลจากตัวเมืองไปไกลมาก ด้วยการเดินเท้าเปล่าเขายังต้องใช้เวลาอีกมาก เเดดที่สาดลงมาในช่วงกลางวันทำให้เขาร้อนเเละกระหายน้ำอย่างมาก ยังดีที่เขามีอาหาร นั่นคือเนื้ออีเเร้งที่เขาเเบกมามันมีประโยชน์มากเขากินหมดไปครึ่งตัวเเล้ว
เเม้ที่เเห่งนี้จะเป็นทุ่งหญ้าเขียวขจีที่กว้างสุดลูกหูลูกตาเเต่มันก็มีเพียงเท่านี้จริงๆ ภูมิประเทศที่เเปลกประหลาดนี้เกิดขึ้นได้เเค่ในโลกเเฟนตาซีเท่านั้น เขาเดินโดยไม่หยุดพักมาเป็นเวลานานเเม้เขาจะสามารถอดทนได้อย่างไม่มีปัญหาเเต่ร่างกายนี้ยังมีขีดจำกัด เขาจะหมดสติหากอุณหภูมิในร่างกายสูงเกินไป ดังนั้นเขาจึงต้องหยุดพักใต้ร่มไม้เป็นบางครั้ง เพราะไม่ว่าอย่างไรตอนนี้ร่างกายของเขาเป็นเพียงมนุษย์ธรรมดา เเกนเวทย์ของเขาถูกทำลาย พลังเวทย์สูญสลายไปทั้งหมด
ในโลกเวทมนตร์เเห่งนี้เวทมนตร์เป็นตัวชี้วัดทุกสิ่ง บุคคลที่ไร้พลังเวทย์จะถูกทั้งมนุษย์เเละธรรมชาติกดขี่เช่นเดียวกับมิคาเอลในตอนนี้ สมมุติว่าในตอนนี้มิคาเอลมีพลังเวทย์เเม้เพียงเล็กน้อย สถานการณ์ของเขาจะไม่น่าอนาจเท่านี้ ด้วยพลังเวทย์ที่มีเขาสามารถใช้เวทมนตร์มาช่วยเหลือ ยกตัวอย่างเช่น เขาจะใช้เวทย์น้ำเพื่อดับกระหาย เวทย์ความเย็นเพื่อลดอุณหภูมิ เวทย์พืชเพื่อใช้เป็นร่มเงาเเละกินผลไม้ เเละหากเขามีพลังเวทย์มากขึ้นอีกนิดเขายังสามารถใช้เวทย์สนับสนุนร่างกายเพื่อยับยั้งอาการอ่อนล้า การเดินทางจะกลายเป็นง่ายดายทันที เเต่ในทางตรงกันข้ามมนุษย์ธรรมดาจะพบกับความลำบากเเละตกอยู่ในสภาพเดียวกับมิคาเอลในขณะนี้ ขนาดการเดินทางธรรมดาๆยังอาจทำให้พวกเขาเสียชีวิตหากไม่มีการเตรียมตัวมาก่อน มันคือข้อเเตกต่างที่มองเห็นได้อย่างชัดเจนระหว่างมนุษย์ธรรมดาเเละผู้ใช้เวทยมนตร์
“ถ้ายังเป็นเเบบนี้ได้ตายก่อนอาทิตย์ตกเเน่ ต้องทำอะไรซักอย่างเเต่จะทำยังไงดีละ เอ๊ะ นะ นั่นมัน...”
ในขณะนั้นเองที่สไลม์สีฟ้ากระโดดออกมาจากหลังต้นไม้ที่เขานั่งพิงอยู่ สไลม์เป็นมอนสเตอร์ระดับต่ำที่พบได้ทั่วไป มันจัดการง่ายเเละไม่เป็นอันตราย จอมเวทย์มือใหม่จึงนิยมเลือกมันในการล่าครั้งเเรก มิคาเอลมองดูสไลม์กลมๆนี่กระโดดขึ้นลงด้วยเเววตาส่องประกาย
“พอดีเลย เจ้าสไลม์เเกมาได้ถูกเวลา หรือจะบอกว่าผิดเวลาดีล่ะ”
ทุกคนรู้ดีว่าของเหลวในร่างของสไลม์ส่วนใหญ่คือน้ำ
“ฮ่าฮ่า จะไปไหน สไลม์”
มิคาเอลจับมันเอาไว้ด้วยมือ เเต่มันกลับลอดผ่านช่องนิ้วเขาเเละหนีไปอย่างง่ายดาย เพราะร่างกายมันเป็นของเหลว เขาหยิบหินที่อยู่เเถวนั้นขึ้นมาเป็นอาวุตเเละใช้มันทุบสไลม์จะมันเเตกออก สไลม์ที่น่าสงสารตายลงในที่สุด เขาหยิบสไลม์ขึ้นมาเเล้วดื่มของเหลวในร่างกายมันอย่างเอร็ดอร่อย ไม่มีรสชาติ เเต่อาการกระหายน้ำของเขาหายไปเเล้ว เขามองไปรอบๆเเละยิ้มออกมาเมื่อเห็นสไลม์กลุ่มหนึ่งกำลังเล่นกันอย่างสนุกสนานมันเป็นภาพที่ตลกมาก เเต่พวกมันไม่รู้เลยว่าชีวิตกำลังตกอยู่ในอันตราย เขาหยิบหินก้อนใหญ่เเละกระโจนเข้าไปในกลุ่มนั้นทันที การสังหารหมู่เหล่าสไลม์เริ่มขึ้นเเล้ว ผ่านไปไม่นานสไลม์ทั้งหมดก็กองอยู่บนพื้น
“สเตตัส”
มิคาเอล
เผ่าพันธุ์ มนุษย์ เพศชาย
ระดับพลังเวทย์ : 5
ฉายา
“ ได้พลังเวทย์เพิ่มมาเเค่5หน่วยเองงั้นเหรอ เอาเถอะนี่ยังถือว่าดีกว่าที่คาดไว้อยู่มาก”
เขาตรวจสอบเเละพบว่าจากการล่าสไลม์ในครั้งนี้ทำให้พลังเวทย์ของเขาเพิ่มขึ้นมาเล็กน้อย ถึงเเม้จะเพียงเล็กน้อยเเต่มันก็มากพอที่จะใช้เวทมนตร์ระดับต่ำๆได้1ครั้ง มิคาเอลยกมุมปากเป็นรอยยิ้มเขาใช้ความคิด โอกาสมีเพียงครั้งเดียว เขาต้องเลือกเวทมนตร์ที่จะใช้อย่างรอบคอบ โจทย์คือ เวทมนตร์ที่จะนำพาเขาไปในเมืองได้ในรวดเดียว เเละมันยังต้องเป็นเวทมนตร์ระดับต่ำที่กินพลังเวทย์น้อยเเต่สามารถใช้ได้นาน เวทมนตร์ที่จ่ายเเค่เล็กน้อยเเต่ได้ผลลัพธ์ที่ดีเยี่ยม
จบ
ความคิดเห็น