ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #18 : บทที่ 18

    • อัปเดตล่าสุด 3 มี.ค. 67


    ตอน รางวัลของ 10 อันดับ

    พิธีกรประกาศดังก้อง

    “สุภาพบุรุษและสุภาพสตรีทุกท่าน ในที่สุดเราก็มาถึง10คนสุดท้าย จอมเวทย์ที่ได้แสดงความกล้าหาญและทักษะที่ไม่มีใครเทียบออกมาในภารกิจสังหารผู้กล้า ”

    อันดับที่10 ชายที่พาดดาบขนาดใหญ่ไว้ด้านหลัง เขาเป็นนักรบรับจ้างที่มีชื่อเสียงของอาณาจักรเรเซล เฮโร่ เขาบอกว่าไม่ต้องการรับรางวัลเป็นสิ่งของเพราะไม่มีอะไรที่เขาต้องการนอกจากเงิน แอสเบิร์นจึงมอบเงินให้เขาหนึ่งร้อยล้านเหรียญ

    อันดับที่9 หญิงสาวในชุดอัศวิน นางเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินที่2ของอาณาจักรเรเซล นาม ฟริกซ์ นางมีหน้าตาที่งดงามมีรูปร่างที่สมส่วนและยังปล่อยเสน่ห์ของอัศวินหญิงออกมา นางได้รับดาบเล่มหนึ่งผู้คนไม่รู้จักหรือเคยได้ยินชื่อเสียงของดาบเล่มนั้นแต่สิ่งที่น่าแปลกคือ แอสเบิร์นเป็นคนยื่นดาบเล่มนั้นให้กับนางด้วยตัวเอง

    อันดับที่8 ชายวัยกลางคนที่เป็นจอมเวทย์พเนจร แอสเบิร์นดูเหมือนจะมีความสนใจในตัวของชายผู้นี้เขาจึงยื่นข้อเสนอให้เขาเข้ามาเป็นหัวหน้าหน่วยอัศวินและยังมีรางวัลอีกมากมาย สุดท้ายชายวัยกลางคนก็ยอมตอบตกลง

    อันดับที่7 เขาเป็นหนึ่งในอัศวินหน่วยที่1 ร่างกายของเขาเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อที่ปูดโปนออกมา ชัดเจนว่ามีทักษะด้านพละกำลัง เขามีนามว่าไลออต ระหว่างเดินออกไปรับรางวัลเขาก็ทำท่าทางเหมือนกับไม่พอใจในอันดับของตัวเอง สิ่งที่เขาได้รับมาคือชุดเกราะ มันเป็นชุดเกราะระดับเทพนภาที่เป็นระดับสูงสุดในหมู่ชุดเกราะ

    อันดับที่6 เป็นอัศวินหน่วยที่1เช่นกัน เขาเป็นชายหนุ่มรูปงามที่เส้นผมยาวลงมาถึงกลางหลัง ท่าทางของเขาเย็นชาราวกับองค์ชายผู้สูงศักดิ์ เขาทำความเคารพแอสเบิร์นและเดินไปรับรางวัลทุกท่วงท่าเป็นไปอย่างไหลลื่น สิ่งที่เขาได้เป็นอุปกรณ์เวทย์ชิ้นหนึ่งที่อยู่ในรูปลักษณ์ของตุ๊กตาฟาง

    “ทุกท่าน ผมรู้สึกเป็นเกียรติอย่างยิ่งที่จะได้ประกาศรายชื่อ 5 อันดับหลังจากนี้

    ศาสนจักร คือผู้ที่จัดเตรียมรางวัลใหญ่ทั้ง5”

    สิ้นสุดเสียงของพิธีกรเสียงพึมพำด้วยความประหลาดใจของผู้คนก็ดังก้องไปทั่ว

    อันดับที่5ดันเต้

    พิธีกรประกาศด้วยเวทย์ขยายเสียงของเขา

    ดันเต้คือสมาชิกของกองอัศวินหน่วยที่1 ด้วยการใช้ความสามารถของเวทย์ประเภทลวงตาและลวงจิตทำให้มิคาเอลมีช่วงเวลาที่ยากลำบากในการหลบหนี เขาจึงได้รับอันดับที่5 ชายที่สวมชุดเรียบร้อยมิดชิดก้าวออกมาด้านหน้าด้วยท่าทางราวกับกำลังเขินอาย เขาก้าวเท้าอย่างรวดเร็วโดยที่แขนทั้งสองแนบไว้ข้างลำตัว พิธีกรบอกเขาให้ไม่ต้องประม่า หลังจากนั้นรางวัลของดันเต้ก็ถูกนำออกมา กรงขนาดใหญ่ที่ดูแข็งแรงถูกลากขึ้นมาบนเวทีโดยเหล่าทหาร มันทำให้ผู้คนต่างอุทานออกมาเป็นเสียงเดรยวกัน

    “อะไรกัน!”

    “นั่นมันมอนสเตอร์ไม่ใช่หรือ”

    “มอนสเตอร์ระดับ S ควอตซ์โกเลม มอนสเตอร์ประเภทโกเลมที่มีความแข็งของร่างกายอยู่ในอันดับ7มันมีชื่อเรื่องพลังป้องกัน”

    ในกรงสิ่งมีชีวิตที่มีลักษณะคล้ายมนุษย์แต่มีร่างกายเป็นแร่ควอตซ์กำลังใช้ศรีษะชนกรงเหล็ก

    “ศาสนจักรช่างร่ำรวยนักพวกเขาจะมอบเจ้าตัวนี้ให้ท่านดันเต้งั้นหรือ”

    ทุกคนต่างประหลาดใจพิธีกรพูดขึ้นในช่วงเวลานี้

    มอนสเตอร์ตัวนี้เป็นสิ่งที่เหมาะสมกับท่านดันเต้ พลังป้องกันจะช่วยลบจุดอ่อนด้านร่างกายของท่าน มันคือสิ่งที่ศาสนจักรคัดสรรมาเพื่อท่านโดยเฉพาะ ตอนนี้มันลงเวทย์ทาสเอาไว้ หากท่านยอมรับมันโปรดใช้ เจ้านาย( เวทมนตร์ระดับ 5 ) มันจะกลายเป็นของท่าน

    ดันเต้ตอบรับโดยไม่ต้องคิด เขาชี้นิ้วที่สั่นระรัวและเต็มไปด้วยเม็ดเหงื่อไปทางศีรษะของมันและใช้เวทย์ เจ้านาย เมื่อกระบวนการทั้งหมดจบลง ดันเต้ก็ได้กลายเป็นผู้ครอบครองมอนสเตอร์ระดับ S มอนสเตอร์ระดับ S โดยปกติจะสามารถเอาชนะราชันย์เวทย์ของมนุษย์ได้อย่างง่ายดาย หลังจากนี้จะมีราชันย์เวทย์คนไหนกล้าต่อกรกับดันเต้อีกกัน ดันเต้โค้งคำนับไปทางมาคัสจนหัวแทบจะติดกับเข่า มาคัสทำเพียงยิ้มตอบอย่างอ่อนโยน

    หลังจากนั้นชายพิธีกรก็เริ่มประกาศอันดับต่อไป

    คนที่ได้อันดับที่4เป็นหญิงสาวทรงเสน่ห์รูปร่างของนางราวกับหญิงสาวที่แต่งงานแล้วหากผู้คนไม่รู้ถึงอายุของนางว่ายังเป็นผู้เยาว์พวกเขาก็คงคิดไปแล้วว่านางคือผู้หญิงที่แต่งงานและมีลูกแล้วนั่นเป็นเพราะสัดส่วนโค้งเว้าและดูอวบอิ่มของนางมันชวนให้ชายหนุ่มเข้าใจผิดนางมีลักษณะที่โดดเด่นคือเส้นผมสีม่วง นามของนางคือ เมลิเซีย สมาชิกอัศวินหน่วยที่1อีกคน 

    เมื่อนางก้าวขึ้นไปบนเวทีส่วนหน้าอกที่นูนออกมาก็เกิดการกระเพื่อมเหล่าจอมเวทย์ชายหนุ่มส่งเสียงโห่ร้องออกมาเมลิเซียเป็นคนที่มีบุคลิกเงียบขรึม เวทมนตร์ที่นางใช้คือเวทย์ประเภทแรงโน้มถ่วงที่หาได้ยาก ในการไล่ล่าผู้กล้าเวทมนตร์แรงโน้มถ่วงของนางทำให้มิคาเอลเกือบพลาดท่าเสียชีวิตหลายครั้ง

    ทหารลากกรงขนาดใหญ่ขึ้นมาบนเวทีอีกครั้ง มันคือมอนสเตอร์ระดับ S อีกตัว มอนสเตอร์ตัวนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของสัตว์ปีกมันพยายามใช้จะงอยปากที่ทรงพลังของมันทำลายกรงขังออกมา

    มอนสเตอร์ตัวนี้มีชื่อว่า กราวิตี้เบิร์ด มอนสเตอร์ธาตุแรงโน้มถ่วงเช่นเดียวกับเมลิเซีย

    เมลิเซียไม่รอช้านางใช้เวทมนตร์เพื่อทำให้กราวิตี้เบิร์ดกลายเป็นทาสที่ซื่อสัตย์

    อันดับที่3 คือท่านเนทารอส แต่ช่างน่าเสียดายที่ท่านมีภารกิจต้องไปตามจับมาร์ควิสฟิลิปที่เป็นกบฏของอาณาจักรมารับโทษ เราจึงจะไม่ได้เห็นท่านมางานในวันนี้ เช่นนั้นก็ขอข้ามมาที่อันดับที่2 องค์ชายแห่งอาณาจักรคาลิฟา เอ็ดเวิร์ด

    เมื่อได้ยินชื่อนี้ผู้คนมากมายก็เริ่มส่งเสียงกระซิบออกมา

    อาณาจักรคาลิฟาเป็นศัตรูทางการเมืองกับอาณาจักรเรเซลของเรา เราต้องมอบรางวัลให้คนแบบนั้นจริงหรือ

    ต้องยื่นรางวัลให้ศัตรูแบบนี้มันช่างรู้สึกแย่จริงๆ

    ท่ามกลางคำนินทาเอ็ดเวิร์ดไม่พูดอะไรแต่แสดงสีหน้าที่ดูถูกไปทางชาวเรเซลทุกคน เขาใช้เวทมนตร์เปลี่ยนมอนสเตอร์ระดับ S ของเขาให้กลายเป็นทาสก่อนจะเดินจากไป ก่อนจะไปเขาก็ได้หันมาทิ้งคำพูดไว้คำหนึ่ง

    “ ชาวเรเซลอีกไม่นานพวกเจ้าก็จะไม่เหลืออะไร ระหว่างนี้ก็เชิญมีความสุข ”

    ความขัดแย้งของทั้งสองอาณาจักรมีมาอย่างยาวนาน จนไม่มีใครรู้แล้วว่าจุดเริ่มต้นมันเกิดจากอะไรแต่เพราะทั้งสองมีกำลังรบเท่ากันทำให้ไม่เคยเปิดศึกกันอย่างจริงจังมาก่อน มากที่สุดที่เคยทำก็เพียงทำสงครามเล็กๆเพื่อหยั่งเชิงกำลังรบของอีกฝ่ายเท่านั้น เมื่อทั้งสองมีกำลังรบเท่ากันต่างฝ่ายต่างไม่อยากสูญเสียกำลังรบในสงครามแต่ความขัดแย้งเกินกว่าที่จะคลี่คลายทั้งสองจึงเปลี่ยนเป็นการต่อสู้แบบสงครามเย็น

    เมื่อมาถึงอันดับที่1 ชื่อของวิโอล่าก็ถูกประกาศ

    ท่านวิโอล่าเป็นผู้ใช้เวทย์สายสนับสนุนที่มีบทบาทที่สำคัญอย่างมาก ท่านสามารถดูดกลืนพลังเวทย์ของผู้กล้าแล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นพลังของฝ่ายเรา เรียกได้ว่าเป็นผู้ที่สำคัญที่สุดในภารกิจ

    กรงขังมอนสเตอร์อีกตัวถูกนำขึ้นไปบนเวทีทำให้ผู้คนต่างอ้าปากค้าง

    “บอสมอนสเตอร์ ระดับS งั้นหรือ”

    มอนสเตอร์ตัวนี้มีรูปลักษณ์เป็นมนุษย์อย่างสมบูรณ์ เพียงแต่มีขนาดตัวที่เล็กเท่าฝ่ามือคนและมีปีกหนึ่งคู่งอกขึ้นมากลางหลัง

    “เป็นบอสจริงๆนั่นคือ แฟรี่ควีนมอนสเตอร์ที่จะดูดซับพบังเวทย์จากธรรมชาติมาสะสมไว้ที่ปีกแล้วปลดปล่อยการโจมตีที่รุนแรงออกมา ศาสนจักรช่างร่ำรวยยิ่งนัก”

    วิโอล่าเคลื่อนไหวด้วยท่าทางที่สูงส่งชี้นิ้วไปทางศีรษะของแฟรี่ควีนแล้วเปลี่ยนมันให้กลายเป็นทาส แฟรี่ควีนในรูปลักษณ์ของเด็กผู้หญิงเส้นผมสีขาวมีท่าทีต่อต้านเล็กน้อยแต่สุดท้ายมันก็กลายเป็นทาส

    “สุดท้ายรางวัลพิเศษ บุรุษผู้สังหารผู้กล้าปีศาจมิคาเอล และเป็นผู้กล้าคนใหม่สังกัด ศาสนจักร ลูเซียส และรางวัลที่ท่านลูเซียสจะได้รับก็คือ ”

    ต่างจากครั้งก่อนๆที่มีกรงขังขนาดใหญ่ คราวนี้มันเป็นกรงที่มีขนาดเท่ากรงนกเท่านั้นผู้คนมองไปยังสิ่งมีชีวิตที่อยู่ภายในและได้แต่แสดงท่าทางโง่งม ลูเซียสก็งุนงงเช่นกัน

    “เอ่อ ข้าไม่แน่ใจว่านี่คือมอนสเตอร์ที่จะกลายเป็นคู่หูของข้า”

    ลูเซียสชี้นิ้วไปทางสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเท่าลูกแมวในกรง

     ถูกต้อง มอนสเตอร์ที่ยิ่งใหญ่น่าเกรงขามที่ผู้คนรวมถึงลูเซียสคาดหวังจะได้เห็นกลับไม่มีอยู่ ภาพที่พวกเขาได้เห็นคือสิ่งมีชีวิตตัวเล็กที่น่ากอดน่าหยิกแก้มเท่านั้น มันช่างห่างไกลจากคำว่าน่าเกรงขาม มันนอนขดตัวด้วยท่าทางสบายใจ เหมือนกับลูกสุนัขหรือลูกแมว แถมมันยังหาวออกมาครั้งหนึ่งต่อหน้าผู้คนที่กำลังจ้องมองมันด้วยสีหน้าเคร่งเครียด

    “มอนสเตอร์ใช่ไหม”

    “เจ้าตัวเล็กนี่มันอะไรกันเนี่ย”

    “แต่มันน่ารักมาก”

    ผู้คนต่างแสดงความคิดเห็นต่างๆนาๆ พิธีกรยิ้มและกล่าว

    “ทุกท่านอย่าได้ถูกรูปลักษณ์นี้หลอกเชียวเพราะตอนนี้มันเป็นเพียงร่างเริ่มต้นที่ใช้สำหรับพักผ่อนเท่านั้น มอนสเตอร์ที่ท่านเห็นอยู่นี้ก็คือ มอนสเตอร์ที่สามารถทำลายทั้งอาณาจักรได้ในหนึ่งชั่วโมง และทำลายทั้งทวีปได้ภายใน7วัน มอนสเตอร์ที่มีระดับความอันตรายที่S2ตัว มันคือ สกายดราก้อน ระดับ SS”

    เสียงหอบหายใจดังขึ้นผู้คนกำลังอยู่ในอาการตื่นตระหนกเมื่อได้รู้ว่าตนเองถูกรูปลักษณ์ที่ไม่เป็นอันตรายหลอก

     มอนสเตอร์ระดับ SS เป็นเครื่องหมายของพลังอำนาจอย่างแท้จริง หากมีคนถามว่าระหว่างขุมกำลังธรรมดากับมหาอำนาจแตกต่างกันอย่างไร ทุกคนก็จะตอบเป็นเสียงเดียวกันว่า แตกต่างที่จำนวนมอนสเตอร์ระดับ SSในการครอบครองของกองกำลังนั้นๆ

     อาณาจักรธรรมดาจะมีมอนสเตอร์ระดับ SSในการครอบครองอย่างน้อย1ตัว ในขณะที่มหาอำนาจอย่างอาณาจักรเรเซล ศาสนจักร ร้านค้าตลาดมืด มีพวกมันอย่างน้อย5ตัว แต่ในสถานการณ์ตอนนี้ ลูเซียสกลายเป็นผู้ครอบครองมอนสเตอร์ระดับ SS แถมมันยังเป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียวโดยที่ไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับอาณาจักรเรเซล 

    มอนสเตอร์ระดับSS มีความสามารถในการเอาชนะปราชญ์เวทย์ แล้วปราชญ์เวทย์บนโลกนี้มันมีกี่คนกันเท่าที่คนทั่วไปรู้ก่อนหน้านี้มันเคยมีอยู่15คน 5คนในนั้นคือสมาชิกปาตี้ผู้กล้าของมิคาเอลแต่พวกเขาก็ตายเพราะการลอบสังหารของมิคาเอลทำให้ปัจจุบันมีปราชญ์เวทย์อยู่บนโลกเพียง10คนเท่านั้น 

    เรียกได้ว่าลูเซียสจะกลายเป็นตัวตนที่น่าหวาดกลัวระดับต้นๆของโลกใบนี้ แล้วผู้ใดจะกล้าท้าทายเขาอีก

    ภายในถ้ำที่เงียบสงัด

    มิคาเอลยืนอยู่ต่อหน้าร่างเงาที่น่าเกรงขามมันคือมังกรในตำนานที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นสิ่งมีชีวิตที่แข็งแกร่งที่สุดในโลก

     บอสมอนสเตอร์ ระดับ SSS นามว่า มังกรแห่งโรคระบาด เรเกียร์ ขนาดร่างกายที่แท้จริงของมันยังเป็นปริศนาเพราะสิ่งที่มิคาเอลมองเห็นมีเพียงดวงตามังกรขนาดมหึมาของมันเท่านั้น มิคาเอลยืนอยู่ตรงหน้าดวงตาขนาดเท่าบ้านในระยะประชิดมันใกล้จนเขาสามารถยื่นมือไปแตะดวงตานั้นได้

    “ผู้กล้า มิคาเอล ”

    เรเกียร์เรียกชื่อเขาด้วยน้ำเสียงที่ทุ้มต่ำ

    มอนสเตอร์ที่บรรลุถึงระดับ s จะมีสติปัญญาที่สูงมากทำให้มันเรียนรู้ทักษาการสื่อสารได้

    “ข้าขอชื่นชม ในอดีตเจ้าถูกพลังของข้าเข้าไปเเต่กลับยังไม่ตาย เจ้าเติบโตจนมีศักยภาพพอที่จะสังหารลูบีกัล ข้ายอมรับว่าเจ้ามีความสามารถไม่น้อย”

    “ขอบคุณสำหรับคำชม เรเกียร์ พิษกัดกร่อนจากลมหายใจของนายมันทำให้ฉันเกือบตาย หากไม่ได้รับการรักษาฉันคงตายไปแล้ว”

    มิคาเอลพูดความจริง เรเกียร์เป็นมังกรที่ใช้พิษและมันยังเป็นพิษแบบพิเศษที่ไม่มียารักษา หากในวันนั้นเขาไม่ได้รับความช่วยเหลือโดยบังเอิญจากภูติอาวุโสที่เป็นราชาของเหล่าภูติป่านนี้เขาก็คงจะตายไปแล้ว

    “นั่นมันก็เป็นเพราะพรจากสวรรค์ของเจ้ามันเข้มข้นมากถึงได้ทำให้ในตอนนั้นเจ้าได้รับการดูแลจากสวรรค์ แต่ดูเจ้าตอนนี้เจ้าไม่หลงเหลือพรจากสวรรค์อยู่แม้แต่น้อย บนร่างศพของเจ้ามีเพียงพลังงานด้านลบที่น่ารังเกียจแต่ก็นับว่าโชคดีที่สิ่งนี้ทำให้เจ้าสยบกริมเฟเธอร์ได้”


    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×