ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #17 : บทที่ 17

    • อัปเดตล่าสุด 1 มี.ค. 67


    ตอน จิตสังหารระดับไร้กฎเกณฑ์

    เหตุผลที่มิคาเอลไม่ได้รับผลกระทบใดๆจากจิตสังหารของกริมเฟเธอร์นั้นสามารถอธิบายได้ เนื่องจากการจะทำให้คนคนหนึ่งได้รับผลกระทบทางจิตใจจากจิตสังหารจำเป็นต้องผ่านสองเงื่อนไขคือ คนที่ใช้ต้องมีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าอีกฝ่ายอย่างสมบูรณ์ และอีกฝ่ายจะต้องรู้สึกหวาดกลัวหรือรู้สึกว่าตัวเองมีสถานะที่ต่ำกว่า

    ยกตัวอย่าง เหตุการณ์ที่มาโคใช้จิตสังหารใส่เขาแต่เขากลับไม่ได้รับผลกระทบนั่นเป็นเพราะระดับจิตใจของเขาอยู่เหนือกว่ามาโค และเขาก็ไม่รู้สึกกลัวอีกฝ่ายทำให้จิตสังหารของมาโคไร้ผล

    “พิจารณาข้อเสนอของฉันให้ดีเพราะพวกนายคือฝ่ายที่ได้รับประโยชน์ไปเต็มๆ”

    มิคาเอลเน้นย้ำถึงผลประโยชน์ที่พวกเขาจะได้รับหากรับข้อเสนอของเขา กริมเฟเธอร์นับว่ามีสติปัญญาที่สูงมากในหมู่มอนสเตอร์มันสามารถคิดคำนวณส่วนได้ส่วนเสียไม่ต่างจากมนุษย์

    “ข้าไม่รู้ ข้าไม่รู้ว่าเหตุใดท่านเรเกียร์ถึงตัดสินใจเช่นนั้น ทั้งที่ตัวท่าน เป็นคนที่ต้องการเอาดาบเล่มนั้นออกไปมากที่สุด”

    ความรู้สึกที่กริมเฟเธอร์มอบให้เรเกียร์นั้นมันอยู่สูงกว่าความภักดีมันคือ ความหวังดี เขาคือคนที่ใกล้ชิดของเรเกียร์เขารู้ดีว่าเรเกียร์ต้องทนทุกทรมานกับการทิ่มแทงของดาบเล่มนั้นมากแค่ไหน ดาบเล่มนั้นคอยกัดกินชีวิตของเรเกียร์และยังยับยั้งไม่ให้เขาก้าวข้าม แต่เมื่อเจ้าของดาบบอกว่าจะเอาดาบออกให้เรเกียร์กลับปฏิเสธและต้องการฆ่าเขา มันเป็นสิ่งที่ทำให้กริมเฟเธอร์รู้สึกไม่เข้าใจ

    “ตัวหมากของเทพคืออะไร”

    มิคาเอลถามในสิ่งที่เขาสงสัยที่สุด ตามแผนที่วางไว้เขาตั้งใจจะมาเจรจากับเรเกียร์อย่างสันติ แต่สุดท้ายมันก็จบลงที่เขาต้องดิ้นรนเอาชีวิตรอด

    ธรรมชาติของเรเกียร์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่ไร้เหตุผล กลับกันมันรักสงบ แต่สิ่งที่เรียกว่า ตัวหมากของเทพ มันคืออะไร มันทำให้เรเกียร์ต้องการฆ่าฉัน

    มิคาเอลสงสัย

    “หน้าที่ของข้ามีเพียงทำตามบัญชาของท่านเรเกียร์ ข้าไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถามเจ้า”

    กริมเฟเธอร์เพิ่มพลังของจิตสังหาร จากท่าทางและคำพูดหลายๆครั้งของกริมเฟเธอร์ทำให้มิคาเอลสรุปได้ว่าตัวมันเองก็ไม่ได้อยากทำตามคำสั่งที่ให้ฆ่าเขาเพราะการฆ่าเขามันเป็นเหมือนกับการทำลายความหวังที่จะก้าวข้ามไปของเรเกียร์ เมื่อรู้ถึงเจตนาของมันความจริงมิคาเอลสามารถใช้คำพูดในการโน้มน้าวมันให้มาร่วมมือกับเขาได้ไม่ยาก แต่เขาไม่ทำ

    “ไม่เป็นไร ไว้ฉันค่อยไปถามจากเรเกียร์ก็ได้”

    เขาแค่สยบกริมเฟเธอร์แล้วไปถามจากเรเกียร์โดยตรงก็พอ มันเป็นวิธีที่รวดเร็วและมีประสิทธิภาพยิ่งกว่ามาเสียเวลาโน้มน้าวมัน

    “อวดดี ผู้ใช้เวทย์สามัญที่อ่อนแออย่างเจ้าไม่มีทางเอาชนะข้าได้”

    “แน่นอน นายเป็นถึงมอนสเตอร์จากยุคมืด เป็นมอนสเตอร์ระดับ S ฉันยอมรับความพ่ายแพ้ แต่ ความแข็งแกร่งทางเวทย์เกิดจากความความรู้ ความแข็งแกร่งทางกายเกิดจากความเพียร ความแข็งแกร่งทางจิตเกิดจากความคิด ฉันเชื่อว่านายเคยได้ยินประโยคเหล่านี้”

    มิคาเอลหยิบยกเอาวลีหนึ่งขึ้นมาพูด มันเป็นวลีที่ผู้ยิ่งใหญ่คนหนึ่งเคยกล่าวไว้ในอดีตซึ่งมันก็สอดคล้องกับสถานการณ์ในปัจจุบันอย่างมาก

    “คำพูดของมหาปราชญ์ต้นกำเนิด วันโล แห่งจิตใจ จะบอกว่าเจ้ามีจิตใจที่แข็งแกร่งกว่าข้างั้นหรือ”

    น้ำเสียงของมันทุ้มต่ำ มันเข้าใจสิ่งที่มิคาเอลจะสื่อ ในยุคของวันโล เขาสามารถกวาดล้างทุกชีวิตบนโลกได้โดยไม่ต้องขยับนิ้ว แต่หลังจากที่อายุขัยเขาหมดลงทุกคนถึงได้รู้ความจริงว่าร่างกายของเขานั้นธรรมดาอย่างมาก สรุปก็คือ การต่อสู้ทางจิตใจมันไม่ได้เกี่ยวกับร่างกาย

    “ฉันไม่ได้มีจิตสังหารที่แข็งแกร่งถึงขนาดนั้น เพราะตอนเป็นผู้กล้าก็ฆ่าแค่มอนสเตอร์กับปีศาจมันคงเทียบกับนายที่ฆ่าคนไปนับไม่ถ้วนไม่ได้ แต่จิตสังหารมันก็มีวิธีใช้งานที่หลากหลาย เช่นถ้าเราควบคุมจิตแล้วบีบอัดมัน บีบไว้ที่จุดๆเดียวให้มีความเข้มข้นที่สูงขึ้น มันก็จะ”

    สิ้นสุดคำพูดการแสดงออกของมิคาเอลก็เริ่มเปลี่ยนไป ท่าทางของเขาดูสงบนิ่งมากขึ้น แววตาคมกล้าจับจ้องไปยังทิศทางของกริมเฟเธอร์ เจตนาสังหารที่รุนแรงพวยพุ่งออกมาจากดวงวิญญาณ ในวินาทีต่อมาทั้งถ้ำก็เกิดการสั่นไหว ผนังถ้ำที่อยู่มานับพันปีเริ่มเกิดรอยแตกร้าวและมีเศษหินหล่นลงมาคลื่นสั่นสะเทือนแผ่ขยายออกไปโดยรอบ

    ห่างจากถ้ำเรเกียร์100กิโลเมตร เมืองเมลัน เมืองแห่งนี้มีชื่อเสียงอย่างมากเพราะมันเป็นเมืองที่ได้รับการยกย่องว่าตั้งอยู่ใกล้กับถ้ำมังกรเรเกียร์ที่สุดทำให้มันเต็มไปด้วยนักเดินทาง ในตอนนี้ทั้งเมืองดูสับสนวุ่นวายเพราะอยู่ๆก็เกิดแผ่นดินไหวอย่างรุนแรง

    “เเผ่นดินไหวงั้นหรือ เหตุใดถึงได้รุนแรงขนาดนี้กัน”

    บางคนที่ทรงตัวไม่อยู่ก็ล้มกระเเทกพื้น

    “ความรู้สึกเย็นยะเยือกที่เข้าไปถึงกระดูกแบบนี้มันราวกับเป็น จิตสังหาร อย่าบอกนะว่า...”

    หลังจากผ่านไป10ลมหายใจมันก็สงบลง

    หรือว่า

    บางคนมองไปยังทิศทางของถ้ำเรเกียร์ซึ่งอยู่ใจกลางของเทือกเขาที่สลับซับซ้อน

    “มอนสเตอร์ระดับบอสภายในถ้ำสู้กันรึไง ช่างน่ากลัวนัก ”

    “ทหาร ข้าต้องการจะกลับเมืองเเล้วไม่มาเหยียบที่นี่อีก”

    “มันจะไม่มีตัวอะไรออกมาจากถ้ำนั่นใช่ไหมค่ะแม่”

    ทุกคนต่างมองไปยังทิศทางเดียวกันด้วยความหวาดกลัว

    กริมเฟเธอร์ตกตะลึงไปอย่างสมบูรณ์มันไม่เคยคาดคิดถึงเหตุการณ์นี้มวลพลังงานด้านลบมหาศาลถาโถมเข้าใส่ตัวมันอย่างบ้าคลั่ง ร่างโครงกระดูกของมันสั่นสะท้านอย่างรุนแรง เมื่ออยู่ต่อหน้าจิตสังหารนี้ร่างกายของมันกลับกลายเป็นอ่อนแรง

    “จิตสังหารที่เข้มข้นขนาดนี้มันอะไรกัน ราวกับเหวลึกที่มืดมิด ไม่มีแสงอยู่แม้แต่น้อย ”

    มันส่งเสียงที่สั่นเครือออกมาตัวมันถูกกดลงกับพื้นโดยที่ไม่มีแม้แต่ความหวังที่จะต่อต้านพื้นดินใต้เท้าแตกออกเป็นรูปใยแมงมุม

    “ทุกชีวิตบนโลกมีพลังงานด้านบวกและพลังงานด้านลบที่ สร้างความสมดุลกัน นั่นทำให้ชีวิตสามารถดำรงอยู่ได้ แต่เจ้าที่เป็นสิ่งมีชีวิตกลับไม่มีพลังงานด้านบวกอยู่เลย มันมีเพียงพลังงานที่น่ารังเกียจ ความอาฆาตพยาบาท ความเลวระยำทั้งหมด ”

    ความรู้สึกเกรงกลัวเริ่มก่อตัวขึ้น สุดท้ายมันก็กรีดร้องออกมา

    “อ๊ากก โปรดหยุดเถอะขอร้อง พลังงานด้านลบขนาดนี้ข้ารับไม่ไหว นี่เจ้าฆ่าคนไปมากมายเท่าไหร่กัน”

    กริมเฟเธอร์ส่งเสียงโหยหวนออกมาจิตสังหารเป็นพลังรูปแบบหนึ่งมันสามารถสร้างความเสียหายทางจิตใจ หากจิตใจแตกสลายก็ไม่ต่างจากการตาย กริมเฟเธอร์เต็มไปด้วยความหวาดกลัวเมื่อมองไปยังร่างของชายตรงหน้า ในสายตาของกริมเฟเธอร์มิคาเอลได้เปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคนจากชายที่เคยอ่อนแอก่อนหน้านี้ได้แปลเปลี่ยนเป็นปีศาจร้ายกระหายเลือด

    “มากเท่าที่สมองของนายจะจินตนาการได้”

    มิคาเอลตอบอย่างเย็นชา แต่ในใจเขากลับกำลังประหลาดใจ

    จิตสังหารของเรามันไปรุนแรงขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่กัน

    จิตสังหารที่เกิดจากการเข่นฆ่าปีศาจของเขามันรุนแรงก็จริง แต่มันไม่ถึงระดับที่ไร้กฏเกณฑ์แบบนี้ เขาเป็นคนที่รู้ดีที่สุดว่าจิตสังหารของเขาในตอนนี้มันไม่มีพลังงานด้านบวกอยู่เลยดังนั้นที่ส่งออกไปจึงเป็นมวลพลังงานด้านลบที่สร้างความเสียหายให้จิตใจทั้งหมด ซึ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่มนุษย์จะมีเพียงพลังงานด้านลบ หากมีเพียงพลังงานด้านลบมันก็หมายถึงคนๆนั้นกลายเป็นสิ่งที่ชั่วร้ายและไร้จิตใจแห่งคุณธรรม และเขาก็รู้ดีว่าเขาไม่ได้เป็นคนแบบนั้น เขาเป็นแค่คนธรรมดาที่มีความรู้สึกทุกอย่างของมนุษย์แค่มีเรื่องโชคร้ายเกิดขึ้นกับเขาทำให้ช่วงนี้เขาจะคิดถึงเพียงเรื่องช่วยเหลือน้องสาวและล้างแค้นอาณาจักรเรเซล ที่จิตสังหารของเขามีแต่พลังงานด้ายลบมิคาเอลก็คาดเดาว่ามันเป็นผลกระทบของการที่เขาตายแล้วฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ส่วนเหตุใดถึงเป็นเช่นนั้นเขายังไม่รู้

    “ข้ารับมันไม่ไหวแล้ว หยุดจิตสังหารของเจ้าลงซะ ”

    มิคาเอลยกมุมปากขึ้น หากรู้ว่าจิตสังหารของเขามันรุนแรงขนาดนี้เขาก็คงจะใช้มันฆ่าศัตรูที่ผ่านมาของเขาทั้งหมดแล้ว แต่ในกรณีของกริมเฟเธอร์ เขาฆ่ามันไม่ได้ เมื่อคิดว่าถึงเวลาที่สมควรเขาจึงหยุดจิตสังหารลงอย่างช้าๆ มันเป็นเวลาเดียวกับที่กริมเฟเธอร์ลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก

    “เจ้า ตาย ”

    กริมเฟเธอร์ตะโกนดังสนั่นแววตาของมันส่องประกายแสงสีเลือดมันพุ่งเข้าใส่มิคาเอลทันทีแต่ก่อนจะได้สัมผัสตัวของมิคาเอล เสียงของเรเกียร์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะ

    “หยุด ครบ10ลมหายใจ เจ้าแพ้แล้ว”

    ดาบของมันหยุดลงตรงหน้ามิคาเอล เรียกได้ว่าห่างจากลำคอของเขาเพียงไม่กี่นิ้ว

    “แต่นายท่าน”

    กริมเฟเธอร์สับสน เสียงของเรเกียร์อธิบายอย่างราบเรียบ

    “ข้าไม่ได้บอกให้มันเอาชนะเจ้ากริมเฟเธอร์ ข้าบอกให้สยบ ”

    “สยบงั้นหรือ…”

    “เจ้าถูกจิตสังหารกดลงกับพื้นก็เท่ากับเจ้าถูกสยบเอาไว้แล้ว ผ่านไป10ลมหายใจเจ้าก็พ่ายแพ้ หยุดพูดถึงมัน รีบพามันมาหาข้า”

    กริมเฟเธอร์รู้สึกกล้ำกลืนอย่างมากก่อนจะคุกเข่าลง

    “ระ รับบัญชา”

    หลังจากนั้นมันก็นำทางมิคาเอลไปยังหน้าประตูหิน มันเป็นอันเดียวกับที่เขาเคยสำรวจก่อนหน้านี้ ในที่สุดเขาก็ได้รู้ว่ามันเป็นประตูเพื่อเคลื่อนย้ายไปหาเรเกียร์ กริมเฟเธอร์ใช้เวทมนตร์บางอย่างที่เป็นการผสมระหว่างเวทย์ประเภทมิติและเวลา ประตูมิติเกิดขึ้น มิคาเอลเดินเข้าไปภายใน

    อาณาจักรเรเซล

    เมื่อลูเซียสและวิโอล่าเดินมาถึงลานฝึกซ้อมประจำปราสาทก็พบว่ามีผู้คนจำนวนมากมารวมตัวกันใน สถานที่แห่งนี้ซึ่งปกติจะมีเพียงทหารหรืออัศวินมาฝึกซ้อม คนเหล่านี้กล่าวทักทายทั้งสองด้วยความเป็นมิตร เพียงกวาดตามองพวกเขาก็พบกับคนรู้จักจำนวนมาก โดยส่วนใหญ่เป็นจอมเวทย์ที่อยู่ในเหตุการณ์สังหารมิคาเอล 

    ท่ามกลางฝูงชนจำนวนมากสายตาของลูเซียสถูกดึงดูดไปยังจุดที่มีผู้คนสนใจมากที่สุด ที่แห่งนั้นมีราชาของอาณาจักรเรเซลอย่างแอสเบิร์นยืนอยู่ เขากำลังสนทนากับชายคนหนึ่ง ท่าทางของชายคนนี้ดูเป็นคนใจดีไม่มีพิษไม่มีภัย เขาสวมชุดนักบวชขาวซึ่งชัดเจนว่าเป็นคนจากศาสนจักร แอสเบิร์นแสดงสีหน้าจริงจังในขณะที่เขาตั้งใจฟังคำพูดของนักบวชผู้นั้น ลูเซียสและวิโอล่าเดินเข้าหาทั้งคู่

    “ท่านพ่อพวกเรามาแล้ว”

    “โอ้ วิโอล่า ลูเซียส ในที่สุดพวกเจ้าก็มา ข้าขอแนะนำให้รู้จัก นี่คือท่านมาคัสท่านเป็นพระคาร์ดินัล”

    น้ำเสียงของแอสเบิร์นแสดงถึงความเคารพนับถือ

    “ยินดีที่ได้รู้จักขอรับ พระคาร์ดินัลมาคัส”

    “ยินดีที่ได้รู้จักเพค่ะ พระคาร์ดินัลมาคัส”

    ทั้งสองคนทักทายอย่างสุภาพ นั่นเพราะพระคาร์ดินัลนั้นมีตำแหน่งเกือบจะเทียบเท่าราชาของอาณาจักรอาณาจักรหนึ่ง 

    คาร์ดินัลมาคัสพยักหน้าลงตอบรับด้วยท่าทางที่สงบนิ่ง หลังจากทำความรู้จักกันพอประมาณก็ถึงเวลาพิธี พิธีการเริ่มขึ้น ชายวัยกลางคนที่ได้รับหน้าที่เป็นพิธีกรขึ้นไปบนเวทีในครั้งนี้เป็นการมอบรางวัลให้แก่ 100อันดับแรกที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในเหตุการณ์ผู้กล้าปีศาจ หลังจากที่พิธีกรบอกถึงจุดประสงค์ของงานเสร็จแอสเบิร์นก็ขึ้นไปกล่าวสุนทรพจน์หลังจากกล่าวจบผู้คนก็เงียบลง

    ปฏิเศษไม่ได้เลยว่าทุกคนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้ต่างคาดหวังว่าใน100อันดับจะมีชื่อของตนเองเพราะรางวัลที่ได้รับนั่นล้วนต้องล้ำค่าอย่างแน่นอน

    พิธีกรเริ่มเรียกชื่อแต่ละคนออกมาเพื่อรับรางวัล เริ่มจากลำดับที่ 100 ลดลงไปเรื่อยๆ ของรางวัลแต่ละอย่างนั้นล้วนล้ำค่าและหายาก ตั้งแต่ตำราเวทมนตร์ระดับ6 อุปกรณ์เวทย์ระดับสูง วัตถุดิบหายากที่ใช้ทำยาโพชั่น เครื่องสวมใส่ที่มีบัฟพิเศษจากเวทมนตร์ ไปจนถึงอาวุธต่างๆ ยิ่งลำดับลดลงของรางวัลก็ยิ่งมีค่าขึ้นเรื่อยๆ

     ผู้ที่ได้รับรางวัลต่างมีรอยยิ้มที่พึงพอใจปรากฏอยู่บนใบหน้ายิ่งมองไปยังรางวัลล้ำค่าในมือก็ยิ่งทำให้พวกเขาภาคภูมิใจ คนที่ไม่ได้รับนั้นล้วนเต็มไปด้วยความอิจฉาแต่ก็ยังต้องส่งเสียงเชียร์และปรบมือออกมา ผ่านไปครึ่งวันก็มาถึง10 ลำดับสุดท้าย 10คนที่ทำผลงานได้ดีที่สุดในภารกิจสังหารผู้กล้าปีศาจ


    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×