คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #15 : บทที่15
ตอน จบจุดเริ่มต้นแห่งความโกลาหล
เช้าวันที่ 5 นับจากฟื้นคืนชีพ มัลลอสใช้ให้แม่บ้านนำข่าวมาบอกมิคาเอลว่า เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้ายสร้างเสร็จแล้ว มิคาเอลจึงเดินตามหญิงชราแม่บ้านไปจนมาถึงห้องเล็กๆ เมื่อเปิดประตูเข้าไปก็ปะทะเข้ากับอากาศที่ผสมกับพลังเวทย์อย่างหนาแน่น อากาศทั่วทั้งห้องส่องแสงระยิบระยับ
อักขระรูนที่มีลักษณะเป็นรูปแปดเหลี่ยมถูกวาดไว้บนพื้น วงเวทย์แปดเหลี่ยมเปล่งประกายจางๆด้วยแสงสีขาวบริสุทธิ์ วงเวทย์นี้เต็มเปี่ยมไปด้วยพลังเวทย์สร้างเป็นภาพที่น่าพิศวง
ชายชรามัลลอสที่เป็นผู้สร้างวงเวทย์นี้ยืนอยู่ภายในห้องด้วยท่าทางสุขุมเยือกเย็นกว่าทุกเวลา ทำให้บรรยากาศรอบตัวเขาดูลึกลับ
มิคาเอลเชื่อว่ามัลลอสจะไม่วางกับดัก แต่นิสัยมิคาเอลนั้นเป็นคนระมัดระวัง โดยเฉพาะหลังจากฟื้นคืนชีพที่เขาสูญเสียพลังทั้งหมดยิ่งทำให้เขาระมัดระวังมากกว่าเดิม
วงเวทย์นี้ถูกสร้างอย่างเร่งรีบโดยคนๆเดียว มันมีจุดบกพร่องมากมาย มองเเค่ปราดเดียวมิคาเอลก็ค้นพบจุดที่ผิดพลาดกว่า 20 จุด เเต่โดยรวมเเล้วมันอยู่ในระดับมาตฐานที่ใช้งานได้ เมื่อตรวจซ้ำแล้วซ้ำอีกจนมั่นใจว่าไม่มีกับดัก มิคาเอลจึงเดินไปยืนอยู่กลางวงเวทย์
“หากพร้อมแล้ว ให้ท่านบอกสถานที่ที่อยากจะไปได้เลย ”
มัลลอสกล่าวอย่างราบเรียบ
เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้ายไม่เหมือนกับอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพาเพราะ พลังอำนาจของมันมหาศาลกว่าอย่างเทียบไม่ติด ขอบเขตการเคลื่อนย้ายของอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพาคือ 100 กิโลเมตร ซึ่งถือว่าใกล้มากหากนำมาเทียบกับขนาดของทวีปทอรัส แต่เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้ายมีขอบเขตคือโลกทั้งใบ สรุปคือ มันสามารถเคลื่อนย้ายไปได้ทุกที่บนโลก
มิคาเอลคิดอย่างรอบคอบในทุกแง่มุมแล้วว่าเขาอยากจะเคลื่อนย้ายไปสถานที่ไหน
“พิกัด ทวีปเซเรนทีส อาณาจักรดราก้อน ถ้ำของเรเกียร์ ”
มิคาเอลระบุพิกัดอย่างละเอียดโดยที่ยังแสดงสีหน้าราบเรียบอย่างเคย
“ถ้ำของเรเกียร์? ”
ท่าทางของมัลลอสเปลี่ยนอย่างกระทันหันจากผ่อนคลายกลายเป็นเคร่งเครียด
“เหตุใดชื่อนี้ถึงคุ้นหูนัก รอซักครู่นะขอรับ”
เขาล้วงมือเข้าไปในเเขนเสื้อเเละหยิบเอาเเผนที่ออกมา
มันคือแผนที่ของทวีปเซเรนทีส เมื่อมองไปรอบๆเเล้วเห็นคำว่าถ้ำเรเกียร์ ใบหน้าของมัลลอสก็กลายเป็นซีดเผือด ดวงตาของเขาเบิกกว้างด้วยความไม่อยากจะเชื่อ
ถ้ำของเรเกียร์คือสิ่งใด มันก็คือ ถ้ำที่มีมังกรอาศัยอยู่ เพียงแต่มังกรตัวนั้นไม่ใช่มอนสเตอร์ธรรมดา แต่มันคือเจ้าแห่งสิ่งมีชีวิตทั้งปวง ตำนานของมังกรเรเกียร์ถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ในฐานะสิ่งเตือนใจว่าผู้ใช้เวทมนตร์ไม่ใช่ พระเจ้า
ประมาณพันปีก่อน ความร่วมมือที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนได้เกิดขึ้น กิลด์นักผจญภัยทั่วทุกแห่งในทวีปเซเรนทีสรวมตัวกันเพื่อภารกิจอันยิ่งใหญ่ การพิชิตถ้ำของเรเกียร์
ด้วยเควสระดับสูงสุดจึงมีเฉพาะนักผจญภัยแรงค์Aหรือสูงกว่าเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าร่วม ด้วยความกระหายในสมบัติภายในถ้ำ และเกียรติยศที่จะได้รับจากการทำภารกิจครั้งนี้ ทำให้นักผจญภัยที่เก่งกาจจากทั่วทุกสารทิศรวมกัน มันมีมากกว่าพันคน
อย่างไรก็ตามเมื่อภารกิจเริ่มขึ้นก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝัน ผู้คนที่อยู่ภายนอกต่างรอคอยการกลับมาพร้อมชัยชนะ แต่ความจริงกลับโหดร้าย มีนักผจญภัยเพียง 3 คนเท่านั้นที่โผล่ออกมา โดยที่ทั้งร่างกายเต็มไปด้วยบาดแผล
กองทัพพันธมิตรของพวกเขาถูกทำลายล้างจนแทบหมดสิ้น โศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นในส่วนลึกของถ้ำเรเกียร์ส่งผลให้มันจากที่เคยเป็นแหล่งสมบัติ กลับกลายเป็นพื้นที่ต้องห้าม
ตำนานของเรเกียร์ยังคงถูกพูดถึงมาจนถึงปัจจุบัน
แต่ไม่ใช่ในฐานะขุมทรัพย์แห่งความร่ำรวย แต่เป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์ประหลาดระดับ SSS ระดับสูงสุดที่เคยมีบันทึกในประวัติศาสตร์
มัลลอสไม่เข้าใจว่าเหตุใดมิคาเอลถึงอยากไปสถานที่ต้องคำสาปแห่งนั้น เขาถามเพื่อยืนยันความตั้งใจของมิคาเอล
“ท่านจะไปถ้ำของเรเกียร์จริงงั้นหรือ ”
มิคาเอลพยักหน้าเป็นการยืนยัน มันทำให้มัลลอสได้แต่สูดหายใจเข้าลึกก่อนที่เขาจะตั้งสติ
แม้มิคาเอลจะไม่ได้อยู่ในระดับเดิมแล้วก็ตามแต่เขาก็เคยเป็นผู้กล้า ความคิดของตัวตนระดับนั้นข้าคงไม่อาจเข้าใจ
มัลลอสคิด เขาเข้าใจแล้วว่ามิคาเอลต้องการไปสถานที่แห่งนั้นจริงๆ ในตอนที่มิคาเอลพูดตำแหน่งของถ้ำเรเกียร์ มัลลอสสังเกตมิคาเอลอยู่ตลอดเวลา ในตอนนั้นมิคาเอลไม่กระพริบตาด้วยซ้ำมันแสดงให้เห็นถึงการเตรียมใจของเขา
“รับทราบ จะเคลื่อนย้ายท่านไปยังถ้ำของเรเกียร์ โปรดห่วงชีวิตของตัวเองเป็นอันดับแรกด้วย”
การตายของมิคาเอลจะทำให้เขาขาดทุน แต่ตอนนี้มันทำอะไรไม่ได้อีกแล้ว
“เช่นนั้น ลาก่อน ขอให้โชคดีและหวังว่ามันจะไม่ใช่การบอกลาตลอดไป”
เมื่อพูดจบ มัลลอสก็กระแทกไม้เท้าลงพื้นเพื่อเป็นการกระตุ้นการทำงานของเขตเเดนเวทย์เคลื่อนย้าย อักขระรูนที่ซับซ้อนส่องประกายแสงสว่าง
มัลลอสใช้นิ้ววาดตัวอักษรลงในอากาศ มันคือคำว่า ทวีปเซเรนทีส อาณาจักรดราก้อน ถ้ำของเรเกียร์
มิคาเอลผู้อาบแสงจากวงเวทย์ไม่นานเขาก็สัมผัสได้ถึงความเปลี่ยนแปลง ร่างกายของมิคาเอลอันตรธานหายไป
วงเวทย์เมื่อถูกใช้งานเเล้วก็สลายกลายเป็นฝุ่นผงเเละปลิวหายไปเช่นกัน มิคาเอลมีสีหน้าที่สงบตั้งเเต่ต้นจนจบกระบวนการ ความสงบนิ่งรูปเเบบนี้เกิดขึ้นเมื่อเขาอยู่ในสภาพพร้อมสู้เท่านั้น
ถ้ำของเรเกียร์
ภายในถ้ำที่มืดมิดและเงียบสงัดราวกับถูกตัดขาดจากโลก ผนังที่ชื้นและเย็นให้บรรยากาศที่หนักหน่วง เสียงเดียวที่มาทำลายความเงียบได้คือเสียงสะท้อนอันแผ่วเบาจากหยดน้ำที่กระทบพื้นเป็นครั้งคราว
ใจกลางความมืดมิด ดวงตาที่มีขนาดเท่ากับบ้านทั้งหลังถูกเปิดขึ้น มันเปล่งประกายภายใต้ความมืด ผนังถ้ำเกิดการสั่นสะเทือนเนื่องจากการตื่นขึ้นของสิ่งมีชีวิตขนาดมหึมา
“มันกำลังมา ตัวหมากของเทพ กริมเฟเธอร์อยู่ที่ไหนเจ้าไปฆ่ามัน”
เสียงที่เย็นยะเยือกสะท้อนก้องไปทั่วทั้งห้องอันกว้างใหญ่ มันเป็นเสียงที่แหบพร่าและน่าขนลุกทำให้คนที่ได้ยินอาจจะถึงขั้นเป็นบ้าได้
เงาหนึ่งที่มีขนาดไม่ต่างจากมนุษย์โผล่ออกมาจากเงามืด
“รับทราบ”
มันรับคำสั่งก่อนจะหายตัวไป
อาณาจักรเรเซล
ปราสาทของตระกูลมาร์ควิสฟิลิป
ภายในห้องที่มืดมนแห่งหนึ่งบรรยากาศแห่งความเศร้าโศกปกคลุมทั่วทั้งห้อง หญิงสาวในสภาพไร้ วิญญาณนอนอยู่บนเตียง ใบหน้าของเธอแสดงให้เห็นถึงความเจ็บปวดและความสิ้นหวัง
ข้างเตียงชายที่มีผมสีบรอนซ์ยาวกุมมือของนางพรางร้องไห้ออกมาไม่หยุด ชายคนนี้คือมาร์ควิสฟิลิป ก่อนหน้านี้พี่สาวของเขาซิลเวียได้รับอาการบาดเจ็บทางจิตที่ทำให้เธอเงียบและไม่สามารถพูดคุยกับใคร นางปฏิเสธที่จะสื่อสารกับโลก
จนกระทั่งไม่นานมานี้นางเริ่มเปิดปากพูดกับฟิลิป แต่คำพูดของนางกลับกลายเป็นบทพูดแห่งการร่ำลาด้วยน้ำตา นางกล่าวลาฟิลิปที่เป็นน้องชายและนางก็ได้ตรอมใจจากโลกนี้ไป สิ่งนี้พิสูจน์ถึงความเปราะบางของจิตใจมนุษย์ว่ามันสามารถถูกทำลายได้ง่ายแค่ไหน
พิธีศพไม่ได้เชิญให้แขกมาเข้าร่วมมันถูกจัดขึ้นอย่างลับๆภายในตระกูล หลายวันผ่านไปฟิลิปยังคงทำใจกับการจากไปของซิลเวียไม่ได้
ในขณะที่เขากำลังเดินอยู่นั้น เขาก็บังเอิญไปได้ยินบทสนทนาของคนในตระกูล
“อย่างที่เจ้าว่า น่าเสียดายจริงๆ อีกนิดเดียวตระกูลของเราก็จะได้รวมกับตระกูลของดยุคบาบาเรียสแล้ว”
“นั่นสินะ ท่านบาบาเรียสเองก็เป็นคนจิตใจงามท่านยอมรับนางเป็นภรรยาแม้นางจะอยู่ในสภาพนั้น แต่นังนั่นดันทนไม่ได้”
“เฮ้อ ข้าเฝ้ามองนางตั้งแต่ยังเล็ก หวังให้นางแต่งงานกับท่านบาบาเรียส แต่ใครจะคิดกันว่านางจะถูกก็อบลินช่วงชิงพรหมจรรย์ แถมยังตั้งท้องลูกกับมันอีก”
“ก็เลยตรอมใจตายงั้นรึ น่าขำ นังนั่นสร้างความอับอายให้ตระกูลเราแล้วดันมาตายตามใจชอบอีก น่าโมโหจริงๆ”
ฟิลิปได้ยินถ้อยคำเหล่านั้นอย่างชัดเจน อารมณ์ของเขาปะทุออกมาราวกับภูเขาไฟ ความโกรธได้บดบังสติปัญญาของเขา หลังจากนั้นสิ่งที่เขาจำได้ก็คือ เขามุ่งหน้าเข้าหาชายทั้งสองคนแล้วเหวี่ยงหมัดใส่อย่างไร้ปราณี
เมื่อฟิลิปสงบลงก็พบว่าร่างไร้ชีวิตของทั้งสองนอนคว่ำอยู่ตรงหน้าเขา
วันนั้นฟิลิปถูกตัดสินโทษเพราะเขาฆ่าคนในตระกูลแม้ว่าเขาจะเป็นมาร์ควิสแต่ก็ต้องเข้ารับการพิจารณาคดีจากสภาผู้อาวุโส
เขาพยายามสงบสติอารมณ์และใช้สติปัญญาทั้งหมดเพื่ออธิบายว่า เขาทำไปเพราะความโกรธที่ทั้งสองดูถูกพี่สาวของเขา แต่บรรยากาศในห้องพิจารณาคดีก็ยังคงนิ่งเฉย สิ่งเดียวที่เขาได้กลับมาคือสายตาดูถูกดูแคลนจากเหล่าผู้อาวุโส ผู้อาวุโสกล่าวคำตัดสินที่ดังก้องนั่นคือฟิลิปต้องถูกขังเป็นเวลา 1 ปี
ในตอนนี้สายตาของฟิลิปดูมืดมัวราวกับคนตายมันเต็มไปด้วยความผิดหวัง ความเกลียดชัง และความอัดอั้น เขารู้อย่างกระจ่างชัดแล้วว่าที่เขาได้รับความเคารพจากเหล่าผู้อาวุโส ทั้งหมดเป็นเพราะ พี่สาวของเขา เพราะเขามีพี่สาวที่กำลังแต่งงานเข้าตระกูลดยุคคอยหนุนหลังทำให้ทุกคนต่างประจบประแจงเขา แต่เมื่อพี่สาวตาย คนเหล่านั้นก็เผยธาตุแท้ออกมา
ตอนนี้ข้าจะพูดอะไรออกมาก็ไม่มีประโยชน์อีกแล้ว คนเหล่านี้ไม่ใช่ครอบครัวข้าอีกต่อไป และทุกอย่างมันเป็นเพราะแก บาบาเรียส
เจตนาสังหารปะทุออกมาจากดวงวิญญาณของฟิลิป มันทำให้เหล่าผู้อาวุโสต่างมีสีหน้าที่ซีดเผือด เป็นเพราะพวกเขาคิดว่าฟิลิปมีเจตนาร้ายต่อพวกเขา เหล่าผู้อาวุโสโจมตีใส่ฟิลิปพร้อมกัน ฟิลิปที่เห็นเช่นนั้นทำให้ความคับแค้นที่เขาพยายามกดมันเอาไว้ระเบิดออกมา
“อาภรณ์มนตรา”
ฟิลิปตะโกน วินาทีนั้นร่างกายของเขาเปร่งแสงออกมาด้วยแสงที่ศักดิ์สิทธิ์ เกิดชั้นผ้าบางๆขึ้นบนตัวของเขามันค่อยๆห่อหุ้มร่างกายของเขา ผ้าที่ถูกสร้างโดยพลังเวทย์ปรับเปลี่ยนรูปร่างกลายเป็นเสื้อคลุมสีแดงสดสวมอยู่บนตัวของฟิลิป
พื้นที่โดยรอบส่งกลินเหม็นไหม้พร้อมกับรัศมีพลังที่ไม่อาจหยุดยั้ง ร่างของฟิลิปลอยขึ้นกลางอากาศราวกับเทพแห่งเปลวเพลิงได้จุติลงบนร่างเขา
“พวกแก ตายไปให้หมด เวทย์ผสานระดับ 7 ”
ฟิลิปยื่นแขนออกมาด้านหน้า เกิดพลังงานที่บิดเบี้ยวขึ้นในฝ่ามือของเขา พลังที่เกิดขึ้นนั้นปั่นป่วนและไม่สามารถระบุได้ว่าเป็นเวทมนตร์ประเภทอะไร เพียงแต่มันราวกับจะลบทุกสรรพสิ่งออกไปจากเส้นทาง
“คิดว่าเจ้าเป็นราชันย์เวทย์ที่ใช้อาภรณ์มนตราได้คนเดียวรึไง ผู้อาวุโสทั้ง 20 คน แสดงให้คนทรยศเห็นว่าสภาผู้อาวุโสไม่อาจถูกหยามเกียรติ ”
ผู้อาวุโสทั้ง 20 คนอยู่ในขั้น ราชันย์เวทย์เช่นเดียวกับฟิลิปพวกเขาต่างเรียกเสื้อคลุมที่คล้ายกับของฟิลิปออกมาแต่รูปร่างของมันต่างเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัว
ฟิลิปไม่ได้สนใจคนเหล่านั้น พลังที่ฝ่ามือของเขายิ่งเวลาผ่านไปพลังของมันก็ยิ่งพุ่งสูงขึ้น มันมีลักษณะคล้ายลูกบาศก์แต่มันส่งความร้อนราวกับดวงอาทิตย์ออกมา
“ช่างน่าผิดหวัง ตระกูลพรรค์นี้มันสมควรถูกลบ เพลิงลบล้าง”
ราวกับเวลาได้หยุดลงทั่วบริเวณกลายเป็นเงียบสงัดโลกเปลี่ยนเป็นสีขาวดำ ลูกบาศก์จากที่เคยมีขนาดเท่ามือมนุษย์ได้ขยายตัวออกอย่างรวดเร็ว มันกลืนกินโต๊ะด้านหน้า กลืนกินเหล่าผู้อาวุโส และสุดท้ายมันก็กลืนกินทั้งปราสาท ลูกบาศก์ไม่ได้เกิดการระเบิดที่ยิ่งใหญ่แต่ทุกสิ่งที่มันสัมผัสจะหายไปอย่างไร้ร่องรอย
ในเช้าวันต่อมาผู้คนจึงได้รับข่าว ปราสาทของตระกูลมาร์ควิสฟิลิปถูกลบหายไปอย่างน่าพิศวง มีผู้เสียชีวิตมากมาย ส่วนคนที่รอดต่างอยู่ในอาการตื่นกลัวจนไม่ยอมเปิดปากพูดอะไร
พลังทำลายระดับนี้จอมเวทย์ทุกคนต่างรู้ดีว่าสิ่งนี้เกิดจาก เวทมนตร์เฉพาะตัวที่แข็งแกร่งที่สุดของฟิลิปเพลิงลบล้าง เรื่องราวของฟิลิปถูกพูดถึงอย่างเผ็ดร้อน ทั้งหัวข้อที่ทำไมเขาถึงทำลายตระกูลของตัวเอง หัวข้อที่พี่สาวของเขาซิลเวียตรอมใจตายเนื่องจากบาดแผลทางจิตใจ สิ่งนี้ถูกเปิดเผยโดยจอมเวทย์ที่มีทักษะสืบสวน และจากทั้งหมดมันโยงมาถึงดยุคบาบาเรียส
ทุกคนต่างรู้ดีว่าชายคนนี้คือต้นเหตุที่ทำให้เกิดเรื่องราวน่าสลดเกี่ยวกับซิลเวีย
เหล่าจอมเวทย์ไม่ต้องใช้สมองก็เดาออกว่าฟิลิปจะต้องไปเยี่ยมดยุคบาบาเรียสอย่างแน่นอน สถานะมาร์ควิสของเขาถูกอาณาจักรเรเซลยกเลิก ตอนนี้ฟิลิปกลายเป็นฆาตกรหลบหนี ที่อาณาจักรเรเซลต้องการตัว
จบ
ความคิดเห็น