ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #13 : บทที่13

    • อัปเดตล่าสุด 8 ม.ค. 67


     ตอน ทาส

    ทุกคนมีความกลัว ความกลัวเป็นสิ่งที่อยู่คู่กับมนุษย์มาตั้งแต่เกิด มันเป็นสภาวะทางจิตที่เกิดขึ้นเมื่อเรามีความรู้สึกไม่ปลอดภัยหรือพบเจอกับสิ่งที่ไม่พึงประสงค์ที่อาจส่งผลให้มีความเปลี่ยนแปลงที่ไม่คาดคิดในชีวิต แม้ความกลัวจะเป็น อารมณ์ที่น่ารำคาญ แต่มันก็ยังมีข้อดี

     มันมีบทบาทที่สำคัญในการรักษาตัวเองและระวังสิ่งต่างๆที่อาจเป็นอันตรายต่อตัวเราและยังช่วยให้มนุษย์เรียนรู้ที่จะปรับตัวและก้าวเดินไปข้างหน้า

     ความกลัวคือสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ บางคนอาจก้าวข้ามมันไปได้ บางคนอาจจะก้าวข้ามไปไม่ได้ และบางคนอาจกลัวในสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำ

    หลังจากสงครามแห่งการล้างแค้น เมืองที่ครั้งหนึ่งเคยสวยงามกลับกลายเป็นซากปรักหักพัง สถาปัตยกรรมที่ครั้งหนึ่งเคยยิ่งใหญ่พังทลายลง ควันลอยขึ้นมาจากเศษซากบ้านเมืองที่ถูกไฟเผามันปกคลุมทั่วทั้งเมืองเป็นภาพแห่งการทำลายล้างที่น่าสยดสยอง 

    เมื่อก้มมองลงไปที่พื้นก็ ปรากฏเป็นซากศพที่ทับถมกันจนแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ศพที่แย่ที่สุดอยู่ในสภาพของเหลวที่ไม่สามารถมองเป็นมนุษย์ได้อีกต่อไปศพเหล่านี้มีทั้งทหารและพลเรือนรวมกันแล้วมากกว่าสองล้านชีวิต สร้างเป็นภาพที่ชวนหลอน 

    ส่วนคนที่ยังมีชีวิตต่างแสดงใบหน้าที่ว่างเปล่าไร้ชีวิตชีวา ท่ามกลางกองซากศพชายหนุ่มในชุดคลุมสีดำม่านตาสีแดงจ้องมองไปยังหญิงสาวตรงหน้า

    “เมลล่อนพี่มาช่วยแล้ว”

    มิคาเอลเดินเข้าไปและสวมกอดน้องสาวของตน

     ในที่สุดเป้าหมายของเขาก็สำเร็จ ศัตรูทุกคนตาย เมลล่อนปลอดภัย มันทำให้มิคาเอลแสดงอารมณ์ที่เป็นสุขออกมา แต่คำพูดต่อไปของเมลล่อนกลับทำให้อารมณ์ของมิคาเอลดิ่งลง

    “ไม่คิดเลยว่าพี่จะเป็นคนที่หักหลังเพื่อนของตัวเอง และทำลายอาณาจักรที่เลี้ยงดูตัวเองมา อุส่าคิดว่าเป็นพี่ชายใจดี ที่แท้ก็แค่เปลือกนอกสินะ”

    เมลล่อนใช้แขนของนางผลักร่างของมิคาเอลออก

    “อย่ามาแตะต้องข้า เจ้าฆาตกร สวะชั่วช้า ”

    เมลล่อนด่ามิคาเอลพร้อมกับเผยสีหน้าแห่งความรังเกียจออกมา มันทำให้มิคาเอลตกใจนี่เขาฟังผิดไปรึเปล่า

    “เมลล่อนน้องพูดอะไรของน้อง ฉันมาช่วยแล้วนี่ไง”

    มิคาเอลหน้าซีด เขาสับสนอย่างมาก เกิดอะไรขึ้นกับน้องสาวที่น่ารักและสดใสของเขา

    “หุบปาก อย่ามาเรียกข้าว่าน้อง แค่ถูกผู้กล้าปีศาจอย่างเจ้าเรียกว่าเป็นน้อง ข้าก็อยากฆ่าตัวตายแล้ว แล้วอีกอย่างต้นเหตุที่ทำให้ข้าต้องถูกประหารมันคือเจ้า แล้วยังมีหน้ามาปรากฏตัวให้ข้าเห็นอีกงั้นหรือ สารเลว อย่างเจ้ามันสมควรตาย ”

    เมลล่อนตะคอกด้วยความโกรธ เสียงนี้ดังก้องไปทั่วสนามรบ 

    คำพูดแต่ละคำมันช่างทิ่มแทงจิตใจของมิคาเอล ไหล่ของเขาเริ่มทรุดลง อารมณ์จากสูงสุดดิ่งลงสู่จุดต่ำสุดในไม่กี่วินาที มันทำให้มิคาเอลช็อคจนตัวแข็งค้าง

     น้องสาวที่เป็นครอบครัวเพียงหนึ่งเดียวในโลกใบนี้ คนที่เขายอมทำทุกอย่างเพื่อช่วยชีวิต ตอนนี้นางกลับกำลังด่าทอเขาราวกับเป็นฆาตกรที่สมควรตาย มิคาเอลดึงดาบออกมาจากฝัก

     การเคลื่อนไหวนี้ทำให้เมลล่อนหวาดกลัว แต่สิ่งที่มิคาเอลทำก็คือชี้มันไปที่คอของตัวเอง ใบหน้าของเขาเปื้อนไปด้วยน้ำมูกและน้ำตา เขาดันดาบเข้าหาตัวเพื่อที่จะแทงทะลุคอหอยตัวเอง บนโลกใบนี้เขาไม่มีอะไรเหลือแล้ว

     ในจังหวะที่ดาบกำลังจะปักลำคอ มิคาเอลหยุดมืออย่างกระทันหัน

    “เกือบไปแล้ว”

    เขาขว้างดาบในมือทิ้ง การแสดงออกของเขาเปลี่ยนแปลงไป จากที่เคยมีอารมณ์ที่หลากหลาย ตอนนี้มันเหลือเพียงใบหน้าที่นิ่งสงบราวกับไม่มีสิ่งใดบนโลกที่เขาสนใจ ม่านตาสีแดงเลือดของเขาฉายรัศมีความเย็นยะเยือกจนทำให้ผู้ที่สบตาต้องสั่นสะท้าน มันเย็นชาถึงขั้นที่ทำให้ผู้คนรู้สึกหวาดกลัว

    ”ดีจริงๆที่สติของเรากลับมาได้ทันเวลา หากช้ากว่านี้อีกนิดเดียวเราคงถูกความฝันบ้าๆนี้หลอกให้ฆ่าตัวตาย”

    มิคาเอลคิดมันทำให้แผ่นหลังของเขาชุ่มไปด้วยเหงื่อ ถูกต้องที่ๆเขาอยู่ตอนนี้คือในความฝันไม่ใช่ความจริง 

    ทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นถูกสร้างมาจากเวทมนตร์ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็อันตรายอย่างมาก หากตายในความฝันก็เท่ากับตายในชีวิตจริง ส่วนคนที่ใช้เวทมนตร์นี้ก็ไม่ใช่ใครอื่น พ่อค้าสาขาโฮเอมมัลลอส

    ในความเป็นจริง ณ ปัจจุบัน ร่างของมิคาเอลยังคงหมดสติอยู่ในร้านค้าสาขาโฮเอมเพราะเขาถูกการโจมตีของมาโค

     ส่วนความฝันนี้ก็เป็นเพียงเวทมนตร์รักษาประเภทหนึ่งเท่านั้น มันคือการกระตุ้นการทำงานของร่างกายให้ร่างกายตื่นตัวขณะหมดสติ โดยใช้ความฝัน และต้องเป็นฝันร้ายเท่านั้น ยิ่งฝันร้ายร่างกายก็จะยิ่งรักษาตัวเองได้เร็ว 

    ความลับอีกอย่างของวิธีการนี้คือ มันจะส่งผลกระทบระยะยาวให้แก่ร่างกาย หลังจากนี้ร่างกายของเขาจะรักษาตัวเองเร็วขึ้นในอัตราที่เรียกได้ว่ามองเห็นได้ด้วยตาเปล่า

    “พ่อค้าคนนี้ทำได้ไม่เลวเลย”

    มิคาเอลไม่โกรธกับสิ่งที่เกิดขึ้น เวทมนตร์นี้จะมอบฝันร้ายให้แก่คนที่โดนโดยอ้างอิงจากความกลัวของแต่ละบุคคล ส่วนของมิคาเอลก็คือกลัวการที่น้องสาวจะเชื่อว่าเขาคือคนร้ายจริงๆ

     ก่อนหน้านี้ที่เขาร้องไห้ฟูมฟายก่อนจะได้สติก็คือตัวเขาจริงๆ มันมีความทรงจำ อารมณ์ความรู้สึก และนิสัยเหมือนตัวจริงทุกอย่าง เพียงแต่มันจะถูกชักจูงให้เดินไปตามทิศทางที่ความฝันกำหนด

     ความรู้สึกมันเหมือนกับเขาลืมเหตุการณ์ในความเป็นจริง และเชื่อว่าความฝันคือสิ่งที่เกิดขึ้นจริงในชีวิต และสติจะกลับมาก็ต่อเมื่อรู้ว่าตอนนี้ตนเองกำลังอยู่ในความฝันเท่านั้น ก่อนหน้านี้มิคาเอลก็รู้สึกตัวว่าโลกนี้คือความฝันมันทำให้เขาเรียกคืนสติของตนกลับมาได้ 

    มันเหมือนจะง่ายแต่ความจริงนั้นตรงกันข้าม หากจะให้บรรยาย มันก็เหมือนกับให้เชื่อว่า ตัวเราในชีวิตจริง วันเวลาที่เราเคยใช้มา ความทรงจำทุกอย่าง ทุกสิ่งเป็นเพียงแค่ความฝัน เป็นโลกจินตภาพที่สมองสร้างขึ้นมา มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเชื่อแบบนั้นอย่างสุดใจ

     มันคือเหตุผลที่ทำให้เวทมนตร์นี้เป็นเวทมนตร์ต้องห้าม ลำดับที่สาม ขณะเดียวกันก็เป็นเวทมนตร์รักษาที่ส่งผลถาวรลำดับที่สองบนโลกเช่นเดียวกัน

    การที่พ่อค้าใช้เวทมนต์นี้กับเขาก็เป็นเพราะเขาเป็นคนบอกเองว่า ให้ใช้ทุกวิถีทางเพื่อให้ร่างกายเขาหายดีในครึ่งวัน

    “ฮ่าฮ่าฮ่า เจ้าฆาตกร ไม่ฆ่าตัวตายแล้วรึไง”

    เมลล่อนส่งเสียงหัวเราะออกมา มิคาเอลไม่ตอบสนองทางอารมณ์ แต่ร่างกายของเขาหายไปจากจุดเดิมและไปปรากฏตัวอีกครั้งด้านหน้าเมลล่อนในระยะหนึ่งก้าว

    “เจ้าจะทำอะไร”

    เมลล่อนตื่นตระหนกและถามออกมาตามสัญชาตญาณ

    “จะให้ฉันทำอะไรได้อีกก็ฆ่าไง”

    มิคาเอลตอบ

    เขาใช้มือแทนมีด ฟันลำคอของเมลล่อนจนกระเด็นขึ้นฟ้า โดยที่สายตายังเต็มไปด้วยความตกใจ

    “ถึงจะเป็นแค่ความฝันก็เถอะ แต่เราลงมือฆ่าน้องตัวเองได้อย่างไม่ลังเลเลย แบบนี้จะเป็นอะไรรึเปล่านะ”

    มิคาเอลคิดพรางมองเลือดสดๆในมือของตน

    อยู่ๆโลกก็มืดลง ความฝันสิ้นสุดลงแล้ว 

    มิคาเอลลืมตาขึ้นสิ่งแรกที่เห็นคือเพดานไม้ที่เป็นของร้านค้าตลาดมืดที่คุ้นเคย มิคาเอลไม่นอนต่อหลังจากตรวจร่างกายเสร็จเขาก็ลุกออกจากเตียงทันที

     เขานอนไปครึ่งวันแสดงว่า วันนี้เป็นวันที่สี่หลังจากฟื้นคืนชีพ มีเวลาอีกหนึ่งวันก่อนที่เขตแดนเวทย์เคลื่อนย้ายจะเสร็จสมบูรณ์ มิคาเอลไปพูดคุยกับพ่อค้าเล็กน้อยเพื่อบอกว่าเขาต้องการห้องฝึกซ้อมการต่อสู้ และเนื้อมอนสเตอร์จำนวนมหาศาล แน่นอนว่าจดค่าใช้จ่ายใส่บัญชีไว้

    มิคาเอลมาถึงห้องฝึกซ้อมซึ่งเป็นห้องสี่เหลี่ยมสีขาวสร้างจากวัสดุที่สามารถทนต่อเวทมนตร์ หลังจากนั้นเขาก็นำมนุษย์สัตว์ตัวหนึ่งออกมาจาก อุปกรณ์เวทย์กระแสหมอกแห่งการกักขัง

     มนุษย์สัตว์คนนี้เป็นประชาชนธรรมดาที่อยู่ในขั้นผู้ใช้เวทย์สามัญ มิคาเอลไม่รอช้าและเริ่มใช้เวทมนตร์ที่เตรียมเอาไว้ทันที ปริมาณพลังเวทย์ของเขาลดลงอย่างต่อเนื่อง

    เมื่อเขาใช้เวทมนตร์มนุษย์สัตว์ก็กรีดร้องออกมาอย่างทรมานเขาพยายามดิ้นขัดขืนอย่างสุดกำลัง เม็ดเหงื่อไหลออกมาจากหน้าผากของมิคาเอล เพราะเขากำลังเพ่งสมาธิทั้งหมดไปกับการใช้เวทมนตร์ เวทมนตร์ที่เขาใช้ทั้งซับซ้อนและมีหลากหลายประเภท 

    หลังจากผ่านไป20นาที มิคาเอลก็ยิ้มออกมา มนุษย์สัตว์คนนั้นคุกเข่าทำความเคารพอยู่ต่อหน้าเขา

    “นายท่าน ชีวิตของข้าเป็นของท่าน ทาสผู้นี้พร้อมทำตามทุกคำสั่งของท่าน เพียงเอ่ยปาก”

    มนุษย์สัตว์แสดงความภักดีต่อมิคาเอล

    “สำเร็จตั้งแต่ครั้งแรกเลยงั้นหรือ”

    เวทมนตร์ที่มิคาเอลใช้มีมากกว่าสามสิบชนิดส่วนใหญ่เป็นเวทมนตร์ระดับหนึ่ง แกนกลางของมันเป็นเวทมนตร์ระดับสองมันส่งผลหลายประการ 

    ประการแรกคือการล้างสมอง ประการที่สองคือทำสัญญาทาส สิ่งนี้ทำให้มนุษย์สัตว์ไม่สามารถขัดคำสั่งเขาได้ ประการที่สามคือข้อที่สำคัญที่สุด เชื่อมโยงวิญญาณ นอกนั้นก็เป็นเวทมนตร์ประเภทสนับสนุนที่ไม่จำเป็นต้องพูดถึง

    ทั้งหมดนี้ทำให้เขาได้รับทาสที่ซื่อสัตย์ มิคาเอลทำซ้ำกระบวนการเดิม เขาเรียกมนุษย์สัตว์ออกมาและใช้เวทย์ทำให้มนุษย์สัตว์กลายเป็นทาส

    หลังจากผ่านไป2ชั่วโมง พลังเวทย์ของเขาก็ลดลงถึงจุดที่น่าเป็นห่วง ก่อนหน้านี้เขามีพลังเวทย์เกือบ100หน่วย แต่ตอนนี้มันเหลือเพียง 5 หน่วย มิคาเอลไม่เสียดาย การลงทุนครั้งนี้ถือเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับแผนการของเขา 

    มีมนุษย์สัตว์ห้าคนคุกเข่าอยู่ตรงหน้าเขา

    มิคาเอลใช้อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพาเพื่อเคลื่อนย้ายไปยังมอนสเตอร์สเปชป่าสนอีกคครั้งโดยที่ครั้งนี้มีมนุษย์สัตว์ล้อมรอบเขาราวกับเป็นบอดี้การ์ด

    “เลือกมอนสเตอร์ระดับFหนึ่งตัวแล้วช่วยกันฆ่ามัน”

    มิคาเอลสั่ง มนุษย์สัตว์ทำตามอย่างเชื่อฟัง พวกเขาหยิ่บอาวุธออกมาและวิ่งเข้าใส่มอนสเตอร์สี่ขาที่มีรูปร่างเหมือนหมียัก

     การต่อสู้เป็นไปอย่างยากลำบากในช่วงแรกแต่มันก็เป็นสิ่งที่มิคาเอลคาดการเอาไว้เพราะเขายังต้องใช้เวลาทำความคุ้นเคยกับการควบคุมทาสครั้งแรก เพราะต้องรู้ก่อนว่าเขาไม่เคยควบคุมทาสมาก่อน นามของผู้กล้าทำให้เขาไม่สามารถทำเรื่องอย่างการครอบครองทาสได้และหลังจากที่มิคาเอลเริ่มชินกับการควบคุมทาส มนุษย์สัตว์ก็กลายเป็นฝ่ายไล่ต้อนหมียัก

     สิ่งที่สำคัญที่สุดในการบงการทาสคือ ต้องมีจิตใจที่เข้มเเข็งกว่าทาส ไม่เช่นนั้นทาสจะหลุดจากการควบคุมและหันกลับมาเล่นงานเจ้านาย ในส่วนนี้มิคาเอลไม่มีทางพลาดแน่นอน

     คิดว่าจิตใจของเขาอยู่ในระดับใดหลังจากฟื้นคืนชีพ คำตอบคือ ยังคงเหมือนเดิมกับตอนที่เขายังเป็นผู้กล้า จิตใจของเขาอยู่ในจุดสูงสุดของโลกเท่าที่จะเป็นไปได้ มันจึงไม่ใช่ปัญหาที่จะควบคุมมนุษย์สัตว์เหล่านี้


    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×