ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ผู้กล้าปีศาจ

    ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ 12

    • อัปเดตล่าสุด 17 ธ.ค. 66


    ตอน เผชิญหน้า ราชันย์เวทย์สองคน

    หลังจากเหล่ามนุษย์สัตว์ถูกดูดเข้าไปใน อุปกรณ์เวทย์กระแสหมอกแห่งการกักขังทำให้ตอนนี้ทั้งหมู่บ้านเหลือเพียงมิคาเอลเท่านั้น

    เขาเดินมายังกระโจมหลังหนึ่งที่เป็นสถานที่เก็บสมบัติ โดยปกติสถานที่แห่งนี้จะมียามคอยเฝ้าระวังอย่างแน่นหนา แต่เมื่อทั้งหมู่บ้านไม่เหลือใคร มิคาเอลจึงเดินเข้าไปข้างในได้อย่างง่ายดาย ภายในกระโจมเต็มไปด้วยกล่องสมบัติมากมายที่บรรจุทรัพย์สินเงินทองที่ล้ำค่า

    มิคาเอลกวาดตามองพวกมันครั้งเดียวและไม่สนใจอีก เงินทองเหล่านี้ไม่สำคัญมากนัก มันเป็นเพียงน้ำตาลบนหน้าเคก สิ่งที่เขาต้องการคืออุปกรณ์เวทย์ที่มีประโยชน์ ไม่นานนักเขาก็พบกล่องสมบัติที่แตกต่างจากกล่องอื่น เมื่อเขาเปิดดูก็พบว่ามีอุปกรณ์เวทย์หลายชิ้นบรรจุอยู่ภายใน ส่วนใหญ่ไม่ค่อยมีประโยชน์ แต่หนึ่งในนั้นทำให้มิคาเอลประหลาดใจ

    “นี่มัน…”

    อุปกรณ์เวทย์ชิ้นนี้อยู่ในรูปลักษณ์ของแก้วน้ำชา ภายนอกของมันเป็นเพียงแก้วน้ำชาธรรมดา แต่มิคาเอลรู้ว่าสิ่งนี้ล้ำค่ามาก ประโยชน์ของมันสำหรับการต่อสู้เท่ากับศูนย์ มันไม่มีความสามารถในการโจมตีหรือขังศัตรู แต่มันจะมีประโยชน์มากในระหว่างขั้นตอนการสร้างเเกนพลังเวทย์และแกนพลังกาย มิคาเอลเก็บแก้วน้ำชาไว้ใต้ผ้าคลุมของเขา เพราะมันสำคัญเกินไป ส่วนอุปกรณ์เวทย์ชิ้นอื่นเขาไม่ได้สนใจมันมากนัก มีกล่องที่คล้ายกับกล่องนี้อีกสามกล่องและเขาจะนำมันกลับไปทั้งหมด 

    ในขณะที่มิคาเอลกำลังปล้นสะดมอย่างมีความสุข เสียงบางอย่างก็ได้ดังเข้าหูของเขา มันเป็นเสียงที่เบามาก แต่เขาค่อนข้างมั่นใจว่ามันเป็นเสียงของมอนสเตอร์

    “อาจเป็นมอนสเตอร์ที่พวกมนุษย์สัตว์เก็บไว้กิน ถ้าได้พวกมันมา ก็ไม่จำเป็นต้องไปเที่ยวตามล่ามอนสเตอร์ให้เสียงเวลาอีก”

    มิคาเอลเกิดความสนใจ เขาสำรวจรอบกระโจมเก็บสมบัติหลังนี้เพราะเสียงนั้นอยู่ในบริเวณนี้ ไม่นานเขาก็พบเข้ากับประตูลงไปยังชั้นใต้ดิน มันถูกซ่อนไว้อย่างมิดชิดหากไม่มีเสียงคำรามก่อนหน้าก็ไม่มีทางเลยที่มิคาเอลจะหาประตูนี้เจอ มิคาเอลเดินลงไปภายในอย่างระมัดระวังภายใต้ผ้าคลุมสีดำมือของเขากำคริสตัลที่เป็นอุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพาเอาไว้

    ทางลงนั้นเป็นบันไดหินที่เต็มไปด้วยฝุ่น มันยาวลงไปด้านล่างส่วนปลายทางนั้นมืดมิด อากาศเย็นลงในแต่ละก้าว เสียงคำรามของมอนสเตอร์เริ่มดังขึ้น มันไม่ใช่เสียงเดียวอีกต่อไปแต่มิคาเอลจำแนกพวกมันได้มากกว่า100เสียง หากเป็นคนอื่นพวกเขาอาจจะกลัวจนไม่กล้าลงไป แต่สำหรับมิคาเอลมันคือแหล่งฟาร์มพลังเวทย์ชั้นดี

    “ถ้าไม่อยากถูกฝูงมอนสเตอร์กระหายเลือดจับกินทั้งเป็น แนะนำว่าอย่าลงไปจะดีกว่า ”

    เสียงที่เย็นชาและทุ้มต่ำดังขึ้นด้านข้างของมิคาเอลอย่างกระทันหัน มันทำให้เขากระโดดถอยหลังด้วยความตกใจ ก่อนที่มิคาเอลจะใช้อุปกรณ์เวทย์ในมือ เขาได้มองไปเห็นใบหน้าของเจ้าของเสียง ชายคนนี้สวมชุดคลุมหนังสัตว์สีขาว เส้นผมยาวและหยิกงอ แววตาที่หยาบกระด้างและไม่สนโลกทำให้เขาดูน่ายำเกรง

    ไม่คิดเลยว่าจะเป็น มาโค

    มิคาเอลตระหนักได้ว่าเขาเคยพบกับผู้ชายคนนี้ มันเป็นช่วงเวลาสั้นๆในตอนที่เขายังเป็นผู้กล้า ปาตี้ผู้กล้าของเขาอยู่ระหว่างการเดินทางไปปราบจอมมาร พวกเขาต่างเหน็ดเหนื่อยเนื่องจากพึ่งผ่านการต่อสู้กับมอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง พวกเขาพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูพลังเวทย์อยู่ข้างแม่น้ำ แต่อยู่ๆ ชายและหญิงคู่หนึ่งก็ถูกพัดลอยมาตามน้ำในสภาพโชกเลือดโดยเฉพาะฝ่ายชายที่ได้รับบาดเจ็บสาหัส ปาตี้ผู้กล้าให้การช่วยเหลือทั้งสองคน พวกเขาได้รู้ว่าหญิงสาวคนนั้นเป็นถึงเจ้าหญิงของอาณาจักรแห่งหนึ่ง ส่วนชายที่รูปลักษณ์ราวกับคนเถื่อนมีชื่อว่า มาโค เผ่าโอเกอร์

    นี่เป็นสถานการณ์ที่เลวร้ายมาก เหตุผลที่เป็นเช่นนั้นเพราะมาโคเป็นราชันย์เวทย์และยังเป็นนักรบรับจ้าง มันมีความเป็นไปได้สูงที่เขาจะได้รับคำจ้างวานอะไรบางอย่างมาจากหมู่บ้านนี้ และถ้าหากว่าการคาดเดานี้ถูกต้อง มาโคก็อาจจะเป็นลูกน้องคนหนึ่งของจ่าฝูงกรานาส

    “ข้าเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดแล้ว ขอยอมรับเลยว่าวิธีการของเจ้ามีประสิทธิภาพสูงมาก เคลื่อนไหวเพียงสองครั้งคือ ก่อนจะเริ่มและหลังจากที่จบ เพียงสองครั้งก็ทำให้เจ้าได้รับทุกสิ่ง มันเป็นวิธีที่ชั่วช้าแต่ได้ผลดี คนที่ใช้วิธีแบบนี้มีเพียงคนเดียวที่ข้านึกได้ เจ้ารู้ไหมว่าเจ้าคล้ายกับใคร”

    มาโคหยุดก่อนจะพูดต่อ

    “จอมมาร ลูบีกัล”

    มาโคเดินตรงมาทางเขาอย่างช้าๆขณะที่พูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นเยือก

    “ข้าจะอนุญาตให้เจ้าบอกด้วยตัวเองว่าเจ้าเป็นใคร และมีเป้าหมายอะไร”

    มิคาเอลเงียบและไม่ตอบสิ่งใด ทำให้ดวงตาของมาโคกระตุกเล็กน้อย

    “ได้ ในเมื่อเจ้าไม่รับความหวังดี งั้นข้าก็จะหาคำตอบเอง ”

    มือของมาโคยื่นออกมาเพื่อเปิดผ้าคลุมที่ปกปิดใบหน้าของมิคาเอลเอาไว้ ภาพที่เห็นทำให้ร่างกายของเขากลายเป็นแข็งค้าง

    “ จะ เจ้าก็คือ มิคาเอลงั้นหรือ”

    ไม่มีการพลิกล็อกใดๆ ใบหน้าที่มาโคเห็นก็คือใบหน้าที่แท้จริงของมิคาเอล

    “ บ้าไปแล้ว มนุษย์ที่ตายแล้วจะฟื้นคืนชีพได้ยังไง ”

    มาโคเบิกตากว้างด้วยความประหลาดใจ กล้ามเนื้อทุกมัดบนใบหน้าของเขาเกร็งราวกับน้ำแข็งด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่ความคิดของเขาพุ่งชนกันอย่างบ้าคลั่ง

    เวทมนตร์แปลงโฉมงั้นหรือ

    มาโคคิดและใช้มือกำไปที่ใบหน้าของมิคาเอลอย่างรุนแรง

    เวทมนตร์ ระดับ 5 โฉมหน้าในอดีต

    แสงส่องประกายขึ้นในมือของเขา แต่เมื่อเขาดึงมือออก ใบหน้าของมิคาเอลก็ยังเหมือนเดิม

    “ไม่ได้ แปลงโฉมใบหน้า”

    เวทมนตร์นี้เป็นเวทมนตร์ที่จะมองทะลุการ ปลอมตัว การศัลยกรรมหรือแปลงโฉมด้วยเวทมนต์ มันจะเผยให้เห็นถึงโฉมหน้าที่แท้จริงเท่านั้น นี่เป็นสาเหตุที่มิคาเอลไม่มีความคิดที่จะแปลงโฉมใบหน้าตัวเองแต่แรก เพราะต่อหน้ามาโคที่เป็นราชันย์เวทย์มันไร้ประโยชน์โดยสิ้นเชิง

    ในมุมมืดชายแก่ปรากฏขึ้นมาอย่างลึกลับ ทั้งมิคาเอลและมาโคต่างมองไปทางชายแก่คนนั้นโดยที่ไม่แปลกใจ

    “โฮ่ๆๆ ให้ข้าผู้นี้ร่วมสนทนาด้วยคนได้หรือไม่”

    “พ่อค้า ที่นี่ไม่ใช่เขตร้านค้าของเจ้า ”

    มาโคพูด ชายคนนี้สวมชุดสูทสีดำและมีหมวกทรงสูง เขาคือพ่อค้าที่ประจำอยู่ในหมู่บ้านมนุษย์สัตว์แห่งนี้ เขายิ้มทักทายมาโคพอเป็นพิธีและหันมาพูดกับมิคาเอลด้วยท่าทางจริงจัง

    “ท่านรู้หรือไม่ว่าการกระทำที่โง่เขลาของท่านทำให้ธุรกิจของข้าเสียหาย หากไม่มีลูกค้าก็ไม่มีร้านค้า ”

    มิคาเอลยังคงเงียบแต่มาโคถามขึ้น

    “พูดแบบนั้นแสดงว่าเจ้ารู้จักกับไอ้คนที่หน้าเหมือนมิคาเอลนี่สินะ มันเป็นใคร ทำไมหน้าของมันถึงได้เหมือนกับมิคาเอลอย่างกับฝาแฝดแบบนี้” มาโคถาม แม้จะเห็นใบหน้าของมิคาเอลแต่มาโคยังไม่ปักใจเชื่อ เขาต้องการพิสูจน์ การที่พ่อค้าพูดกับมิคาเอลราวกับรู้จักกันมาก่อนมันก็ชัดเจนแล้วว่าพ่อค้ารู้ถึงตัวตนที่แท้จริงของเขา

    มิคาเอลคิดว่าพ่อค้าจะพูดความจริงออกไป สิ่งที่หน้าแปลกคือ พ่อค้าที่มีท่าทางไม่พอใจมิคาเอล แต่เมื่อได้ยินคำถามของมาโค พ่อค้ากลับไม่ตอบและยังพยายามเบี่ยงประเด็น เมื่อเห็นว่าพ่อค้าไม่ยอมตอบคำถามของตน มาโคโกรธมากแต่เขาก็ไม่สามารถบังคับ

    “ได้ ไม่เป็นไร งั้นข้าจะเค้นคำตอบด้วยวิธีของตัวเอง”

    มาโคทำตามสิ่งที่พูด เขาปล่อยจิตสังหารที่รุนแรงเพื่อกดทับร่างกายเเละจิตใจของมิคาเอล

    อึก!

    มิคาเอลรู้สึกราวกับตัวเองกำลังแบกรถทั้งคัน กล้ามเนื้อเขาเกร็งเส้นเลือดเขาปูดโปน จิตสังหารของมาโคกำลังกดทับร่างกายของเขา มิคาเอลทนรับน้ำหนักไว้ได้เพียงชั่วครู่ วินาทีต่อมาร่างของเขาก็ทรุดลง พื้นดินใต้เท้าของมิคาเอลแตกออก

    “ฟังข้าให้ดี ไม่ว่าเจ้าจะเป็นมิคาเอลตัวจริงหรือไม่ แค่ดูก็รู้ว่าเจ้าเป็นเพียงผู้ใช้เวทย์สามัญ ส่วนข้าเป็นราชันย์เวทย์ รู้ใช่ไหมว่าข้าสามารถฆ่าเจ้าได้ง่ายๆ”

    มิคาเอลจ้องมองกลับมาโดยไม่กล่าวสิ่งใด แต่ในใจเขากำลังร้อนรน อีกนิดเดียว อีกนิดเดียวเท่านั้น

    “เอาหละ สามวิ ภายในสามวิ จงตอบคำถามของข้าแล้วข้าจะไว้ชีวิต บอกมาว่าเจ้าเป็นใคร เกี่ยวข้องอะไรกับมิคาเอล”

    หนึ่ง สอง สาม หลังจากที่มาโคนับถึงสาม เขาเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและมาปรากฏตัวตรงหน้ามิคาเอล ชี้นิ้วที่อัดแน่นไปด้วยพลังเวทย์ตรงมายังหน้าผากของเขาเพื่อหวังสังหาร

    บัดซบ อีกนิดเดียวเท่านั้น ไม่มีทางเลือกแล้ว

    มิคาเอลตะโกนในใจ

    “โรสลิน ภรรยาของเจ้า”

    มิคาเอลตะโกนขึ้นมาอย่างกระทันหัน นิ้วที่กำลังสัมผัสหน้าผากของเขาหยุดลง

    พูดต่อไป มาโคแสดงสีหน้าราวกับเห็นผี มิคาเอลพูดต่อด้วยน้ำเสียงที่ราบเรียบ

    “เจ้าหญิงโรสลิน แห่งอาณาจักรแคสซานดร้า หญิงสาวผู้ถูกกำหนดให้ต้องแต่งงานกับกษัตริย์ซึ่งก็คืออาแท้ๆของนาง นางไม่เต็มใจแต่ทำได้แค่ยอมรับ แต่หนึ่งวันก่อนเข้าพิธีนางกลับหายตัวไป อาณาจักรแคสซานดร้าประกาศว่านางถูกลักพาตัวและถูกสังหารโดยนักรบรับจ้างที่ชื่อว่ามาโค

    แต่นั่นเป็นข่าวปลอมที่มาโคจงใจสร้างขึ้น เพื่อให้อาณาจักรหยุดไล่ล่าโรสลิน ในความเป็นจริงนางยังไม่ตาย มาโคซ่อนตัวนางไว้ในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางทิศใต้ โดยให้นางใช้รูปลักษณ์ของสามัญชน และใช้ชีวิตอย่างอิสระ นายและนางแต่งงานกันและให้กำเนิดบุตร แต่นายเป็นถึงฆาตกรที่สังหารว่าที่ภรรยาของราชาดังนั้นจึงถูกตามล่า เพื่อความปลอดภัยของครอบครัว นายจึงต้องแยกตัวออกมาใช้ชีวิตสันโดษ และคอยหลบคนที่ตามล่า มีส่วนไหนที่ฉันพูดผิดไหม”

    มาโคยืนนิ่งราวกับรูปปั้น ปากของเขาอ้าค้าง แววตาเต็มไปด้วยความไม่อยากจะเชื่อ ในขณะที่มิคาเอลลอบสังเกตปฏิกิริยาของมาโค ในใจของเขารู้สึกผ่อนคลายลงเล็กน้อย ตอนนี้เขาเปิดเผยตัวตนออกไปแล้วโดยแลกกับการยื้อชีวิต หลังจากนี้ไม่ว่าอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด

    “คนที่รู้ความลับเรื่องนี้มีเพียงคนในปาตี้ผู้กล้าที่ข้าไว้ใจเท่านั้น เจ้าคือมิคาเอล”

    “ ฉันรู้ว่ามันยากจะเชื่อ แต่นายก็เห็นมันกับตาตัวเองแล้ว”

    ในเมื่อตัวตนของมิคาเอลถูกเปิดเผยแล้ว เขาก็ต้องใช้มันให้เกิดประโยชน์สูงสุด เมื่อความจริงอยู่ตรงหน้า มาโคก็ทำได้เพียงต้องเชื่อสิ่งที่เห็นเท่านั้น

    ในเมื่อผู้กล้ายังมีชีวิต ถ้าหากข้านำเรื่องนี้ไปบอกอาณาจักรเรเซลแล้วให้อาณาจักรเรเซลไกล่เกลี่ยเรื่องของข้ากับอาณาจักรแคสซานดร้าให้จะเป็นอย่างไร ความคิดนี้ผุดขึ้นมาในหัวของมาโคอย่างไม่อาจควบคุม แต่ในตอนนั้นเองที่เขานึกไปถึงคำพูดของมิคาเอล ก่อนจะขมวดคิ้ว

    “เป็นแบบนี้เอง เจ้าเล่ห์ยิ่งนัก นี่นะหรือคนที่เป็นผู้กล้าของมวลมนุษย์ แกเอาภรรยาของข้าเป็นตัวประกัน”

    มาโคกัดฟันพูด ในคำพูดของมิคาเอลก่อนหน้านี้มีความนัยแฝงอยู่ เขาได้เปิดเผยความลับที่โรสลินยังมีชีวิตและยังรวมไปถึงที่ซ่อนตัวของนาง สิ่งนี้หมายถึงอะไร ในความเข้าใจของมาโค สิ่งนี้คือคำข่มขู่ ในสถานการณ์ที่เหมือนไม่มีอะไร ในความเป็นจริง มิคาเอลได้ถือมีดจี้คอของโรสลินเอาไว้ 

    กล่าวคือ หากมาโคแพร่งพรายเรื่องการคืนชีพของมิคาเอล มิคาเอลก็จะเปิดเผยเรื่องที่โรสลินยังมีชีวิตรวมถึงที่ซ่อนตัวของนางออกไปเช่นกัน และหากอาณาจักรแคสซานดร้ารู้ว่าโรสลินให้กำเนิดบุตรกับเขา ชะตากรรมของนางจะจบลงอย่างไร มันคงไม่พ้นการถูกทั้งอาณาจักรประนามและจบลงด้วยการถูกแขวนคอ

    “โฮ่ๆเหนือความคาดหมาย เป็นแผนที่ยอดเยี่ยมมาก ท่านจับจุดอ่อนของท่านมาโคได้อย่างแม่นยำ ถึงข้าจะไม่ชอบท่านแต่ก็ต้องยอมรับจริงๆ”

    พ่อค้ากล่าวชื่นชมมิคาเอล

    ในสถานการณ์ที่น่าอึดอัดนี้มาโคที่เคยมีท่าทีดุร้ายราวกับยักได้แสยะยิ้มออกมา

    “มิคาเอล ไม่คิดเลยว่าผู้กล้าอย่างเจ้าจะคิดแผนที่ชั่วช้านี้ขึ้นมาได้ แต่ในสายตาของคนในโลกใต้ดินอย่างข้าเจ้ามันเป็นแค่มือใหม่ แผนของเจ้าถือว่าใช้ได้ แต่มันลัดขั้นตอน”

    “หมายความว่าไง”

    สีหน้าของมิคาเอลเปลี่ยนไป และเริ่มทบทวนแผนของตนเอง

    “หึๆ ฮ่าฮ่าฮ่า โง่รึไง ก็หมายความว่า ก่อนที่จะไปถึงขั้นตอนนั้นเจ้าต้องมีชีวิตรอดไปจากจุดนี้ให้ได้ก่อนยังไงละ เพราะหากข้าฆ่าเจ้าให้ตายซะตรงนี้หรือไม่ก็เปลี่ยนเจ้าเป็นทาสซะ ก็จะไม่มีใครแพร่งพรายเรื่องของข้าไม่ใช่รึไง ”

    เสียงหัวเราะของมาโคดังก้องกังวาน มันเต็มไปด้วยการเหน็บแนมและการเยาะเย้ย สีหน้าของมิคาเอลดูมืดมนท่าทางราวกับผู้ชนะได้หายไปอย่างไร้ร่องรอย มาโคมองแผนการของเขาอย่างทะลุปรุโปร่ง และหาช่องโหวตจากแผนการของเขาย้อนมาเล่นงานตัวเขาเอง ถูกต้อง หากเขาตายลงตรงนี้ ความลับของมาโคก็จะยังอยู่ต่อไป โรสลินก็จะไม่ถูกตามล่าโดยอาณาจักรแคสซานดร้า การข่มขู่ของเขาก็จะไร้ความหมาย ส่วนเขาก็จะตายลงอย่างหมาขี้แพ้

    “โอ้ โฮ่ๆ ท่านมาโคพูดแบบนั้นก็ทำให้ข้ากลัวแย่สิ เพราะตอนนี้ข้าก็รู้ความลับนั่นแล้ว ท่านจะฆ่าปิดปากข้าอีกคนงั้นหรือ”

    พ่อค้าพูดติดตลกออกมา

    “ไม่ๆ พ่อค้าอย่างพวกเจ้าเป็นข้อยกเว้น ไว้ข้าจะจ่ายเงินค่าปิดปากให้เอง ”

    “ท่านมาโคช่างฉลาดหลักแหลม เช่นนั้นข้าก็ยินดีทำธุรกรรมอย่างยิ่ง โฮ่ๆๆ”

    หลังจากนั้นทั้งสองก็พูดคุยกันอย่างสนุกปากโดยที่ยกยอกันไปมาและทำราวกับมิคาเอลเป็นเพียงตัวประกอบที่นอนรอความตาย โดยหารู้ไม่ว่า สีหน้าที่เคยสิ้นหวังของมิคาเอลเริ่มมีรอยยิ้มแห่งชัยชนะปรากฏขึ้น ระยะเวลาเตรียมพร้อมของ อุปกรณ์เวทย์เคลื่อนย้ายแบบพกพาคือสองนาทีซึ่งตอนนี้มันครบแล้ว วินาทีต่อมาอากาศด้านหลังของมิคาเอลได้บิดตัวเป็นเกลียว มันหมุนเป็นวงกลมและส่งออร่าของการฉีกมิติออกมา อุปกรณ์เวทเคลื่อนย้ายแบบพกพาเตรียมการเคลื่อนย้ายเสร็จสิ้น

    “เอาหละ แค่วันนี้วันเดียวก็ได้ดูละครลิงเยอะขนาดนี้แล้ว งั้น ฉันกลับก่อนนะ”

    มิคาเอลพูดเยาะเย้ย ก่อนจะลุกยืน เขาลุกขึ้นเฉยๆราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ราวกับไม่ได้มีจิตสังหารที่รุนแรงของขั้นราชันย์กดทับร่าง เหตุผลที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะจิตสังหารจะมีผลก็ต่อเมื่ออีกฝ่ายรู้สึกกลัวมัน แต่จิตสังหารแค่นี้ของมาโคไม่ได้ทำให้มิคาเอลรู้สึกกลัวเลยซักนิด

    “มาโคอย่าทำอะไรโง่ๆโดยใช้แต่อารมณ์ตัดสิน ลาก่อน”

    มิคาเอลพูดส่งท้ายก่อนจะหันหลังพุ่งเข้าใส่วังวนอากาศด้านหลัง ท่ามกลางสายตาตกตะลึงและอ้าปากค้างของมาโคและพ่อค้า ทั้งสองคนไม่เคยจินตนาการถึงภาพที่ผู้ใช้เวทย์สามัญสามารถหนีไปจากราชันย์เวทย์สองคนได้ แต่ก่อนที่จะได้ทำอะไรมิคาเอลก็เข้าไปในวังวนอากาศได้ครึ่งตัวแล้ว มิคาเอลรู้สึกขอบคุณทักษะการแสดงของตนเอง การที่เกิดผลลัพธ์เช่นนี้ได้ ล้วนมาจากทักษะด้านการแสดงที่ยอดเยี่ยมของเขา

    ในสถานการณ์ที่ศัตรูเหนือกว่าอย่างสมบูรณ์เรานั้นทำอะไรไม่ได้มาก หากเคลื่อนไหวพลาดเท่ากับตาย หากต่อต้านก็เท่ากับตาย ทางเดียวที่จะรอดคือการ กดตัวเองให้ต่ำ ทำตัวเองให้ดูโง่ และยกย่องให้ศัตรูคิดว่าตัวเองฉลาด และสุดท้ายด้วยธรรมชาติของมนุษย์อีกฝ่ายจะถูกสิ่งที่เรียกว่าอัตตาครอบงำจนเปิดเผยช่องว่างให้เราเห็น 

    นิสัยตามธรรมชาติของมิคาเอลคือคนช่างสังเกต เขาพูดน้อยแต่สังเกตหนัก หากไม่สังเกตุให้ดีก็จะไม่มีทางรู้เลยว่าศัตรูมีนิสัยแบบไหน และจะเอาวิธีไหนมารับมือ มิคาเอลพบว่ามาโคเป็นคนที่รักครอบครัวและเสียสละขณะเดียวกันก็เป็นคนหัวรุนแรงและหยิ่งในศักดิ์ศรี ดังนั้นมิคาเอลจึงนำนิสัยเหล่านี้มาใช้ประโยชน์ เขาเริ่มจากการข่มขู่อีกฝ่ายด้วยจุดอ่อนนั่นคือภรรยาและลูก โดยที่จงใจทิ้งช่องโหว่ไว้ในแผนการ เมื่อมาโคเห็นช่องโหว่นี้ก็คิดว่ามิคาเอลพลาดเพราะความอ่อนต่อโลกของตัวเอง ในจุดนี้สิ่งที่เกิดขึ้นกับมาโคก็คือ เขาจะรู้สึกว่าตัวเองอยู่เหนือมิคาเอลอย่างสมบูรณ์

     หลังจากนี้ก็ง่ายมาก เพียงเล่นตามน้ำไป โดยแสร้งทำเป็นหมดหนทาง และโกรธกับความโง่ของตัวเองเพื่อให้อีกฝ่ายเชื่อว่าตัวเขานั้นไม่เป็นภัยคุกคามอีกต่อไป เมื่อมาโคมั่นใจว่าภรรยาและลูกของตนปลอดภัย ทำให้เขาลดความระมัดระวังลง โดยที่ไม่รู้เลยว่าแรงจูงใจซ่อนเร้นของมิคาเอลคือการถ่วงเวลาและหาจังหวะหลบหนี ในท้ายที่สุดเขาก็ทำสำเร็จ

    “ ต่อหน้าพวกเราเนี่ยนะ แย่แล้วเขากำลังจะหนี”

    ทั้งสองตกใจ

    “ เขาจงใจถ่วงเวลาพวกเราตั้งแต่แรก ข้าจะหยุดเขาเอง”

    เวทมนตร์ประเภทเวลาระดับ4 ดึงเวลา

    พ่อค้ายกมือขึ้นและกำอากาศที่ว่างเปล่า เวทมนตร์ประเภทเวลาของเขาถูกใช้งาน มันทำให้ความเร็วในการเคลื่อนที่ของมิคาเอวลดลงอย่างฉับพลัน เขาเคลื่อนไหวช้าไม่ต่างจากเต่า เขาตกใจมากแต่มันไม่มีทางเลือกนอกจากเดินต่อไป มิคาเอลใช้แรงทั้งหมดเพื่อนำร่างของตัวเองเข้าไปภายในวังวนอากาศ

    เวทย์บีบอัด และ เวทย์เร่งความเร็ว ระดับ5

    มาโคยกหินขนาดเท่ารถ เเละบีบอัดจนมันเล็กลงก่อนจะส่งมันพุ่งออกไปด้วยความเร็วราวกับกระสุนสไนเปอร์ กระสุนทะลวงหน้าอกของมิคาเอลและทะลุออกอีกฝั่ง เลือดสาดกระจายอย่างเชื่องช้าเพราะผลของเวทมนตร์ประเภทเวลาของพ่อค้า แต่กาลเวลาเดินตรงไปด้านหน้าเสมอ ไม่มีใครหยุดเวลาได้อย่างสมบูรณ์ เวทมนตร์ของพ่อค้าทำได้เพียงดึงเวลาให้ช้าลง แต่มันไม่อาจหยุดเวลา ในที่สุดมิคาเอลก็ผ่านเข้าไปในวังวนอากาศทั้งตัว ก่อนที่ทั้งสองคนจะเคลื่อนไหวใดๆวังวนอากาศก็จางหายไป

    “เขาหนีไปได้จริงๆ ”

    พ่อค้าถอนหายใจ

    “พ่อค้า เเกะรอยได้ไหม”

    มาโคถามขึ้นด้วยใบหน้าเรียบเฉย

    “ หากข้าดูไม่ผิด นั่นเป็นอุปกรณ์เวทย์ที่ศูนย์ใหญ่สร้างขึ้นมา มันเเทบไม่ทิ้งร่องรอยเหลือไว้ ”

    พ่อค้าตอบอย่างเย็นชา

    “ เฮ้อ ช่างเถอะ ”

    “ท่านมาโคไม่กังวลงั้นหรือ”

    พ่อค้าถามเมื่อเห็นว่ามาโคดูสุขุมเกินไปในสถานการณ์นี้

    “ไม่มีอะไรต้องกังวน เขาเป็นคนข่มขู่ข้า เขาคงไม่โง่พอจะทำผิดซะเอง หากข้าไม่เปิดเผยเรื่องของเขา เขาก็จะไม่เปิดเผยเรื่องของข้า ”

    มาโคถอนหายใจอย่างหมดหนทาง

    สุดท้ายทุกอย่างก็จบลงที่แผนของมิคาเอล แผนที่เขาเคยดูถูกและคิดว่ามันมีช่องโหว่

    “เอาหล่ะในเมื่อตามตัวไม่ได้ แกะรอยไม่ได้ งั้นก็ถึงทางตันเเล้ว พ่อค้าสาขาฮิลปราส เจ้าต้องเป็นพยานให้ข้า บอกกับกิลนักรบรับจ้างว่าข้าทำงานเต็มที่เเล้ว เเต่คนร้ายยังรอดไปได้ แสดงว่าข้าไม่ได้ทำผิดพันธะสัญญา ”

    “ข้างั้นรึ โธ่ เอาตามนั้นก็ได้ ”

    พ่อค้าก็ไม่ได้โกรธอะไรมิคาเอลขนาดนั้น เพราะมันไม่ใช่เรื่องใหญ่สำหรับเขาที่หมู่บ้านฮิลปราสถูกทำลาย เขาเพียงรอคำตัดสินจากศูนย์ใหญ่และไปประจำการที่เมืองใหม่

    “ถ้างั้น เเสดงว่าทรัพย์สินที่เหลือของหมู่บ้านก็จะเป็นค้าจ้างของข้า เจ้าเห็นด้วยไหม”

    มาโคยิ้ม

    “เเล้วเเต่เจ้าเถอะ ข้าเหนื่อยแล้ว”

    ในร้านค้าตลาดมืดสาขาโฮเอม ร่างของมิคาเอลล้มลงกับพื้นไม้ ในขณะที่เลือดจำนวนมากไหลออกจากรูกลางหน้าอก

    “พ่อค้า ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนรักษาฉันให้เสร็จภายในครึ่งวัน”

    มิคาเอลกล่าวด้วยเสียงที่เบาราวกับกระซิบเนื่องจากหน้าอกเขาเป็นรู

    “อืม ยังไงดีละ จะรักษาดีไหม ข้าไม่ใช่คนรับใช้ของท่านด้วยสิ”

    ชายชราร่างอ้วนจ้องมองมิคาเอลด้วยรอยยิ้ม ซึ่งมันเป็นรอยยิ้มแสร้งทำที่น่ากลัวมาก ระยะนี้มัลลอสถูกมิคาเอลใช้ทำโน่นทำนี่ราวกับคนรับใช้ มันทำให้เขาไม่สบอารมณ์เท่สไหร่นัก เมื่อมีโอกาสเขาจึงใช้มันเพื่อแสดงถึงจุดยืนระหว่างมิคาเอลและตัวเขา มันไม่ใช่แบบเจ้านายลูกน้อง แต่เป็นการร่วมมือที่ได้ผลประโยชน์ทั้งสองฝ่าย แบบพ่อค้า และลูกค้า

    จบ

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×