คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : บทที่ 10
ตอน โหมโรงแห่งผลกรรม
“ท่านพ่อรับนี่”
เซก้ากำหมัดเเน่นเเละพุ่งทะยานไปตรงหน้ากรานาสด้วยความเร็วราวกับกระสุนปืน
กรานาสไม่ขยับ เขากางเเขนออกเพื่อสร้างโล่ขนาดใหญ่ หมัดชนเข้ากับโล่ เเรงหมัดกระจายไปตามพื้นผิวของมัน พื้นดินใต้เท้าของกรานาสถูกทำลาย
เซก้ากระหน่ำรัวหมัดใส่โล่จนมันแตกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย กรานาสถอยหลังกลับมีเลือดไหลออกมาจากมือของเขา
“ที่เเท้ก็เป็นเจ้านี่เอง เซก้า ไอ้ลูกไม่เอาไหน”
“ถูกต้อง ข้าเอง”
กรานาสรู้ถึงตัวตนของเซก้าในที่สุด เซก้าไม่สนใจเพราะเขาไม่ได้พยายามปกปิดตัวตนตั้งแต่แรก เขาบินตามกรานาสด้วยความเร็วสูง กรานาสสร้างใบมีดขึ้นมาจากสายลม มีดสายลมนับร้อยทั้งโจมตีเเละปัดป้อง
เซก้าหลบทุกการโจมตีอย่างคล่องแคล่ว มีดสายลมพลาดเป้าทั้งหมด มีดสายลมถูกสร้างขึ้นด้วยเวทมนตร์ธาตุลม พลังทำลายของมันสามารถผ่าหินให้ขาดครึ่งได้อย่างง่ายดาย จุดเด่นอีกอย่างของมันอยู่ที่ความเร็ว เเต่สิ่งที่น่ากลัวที่สุดไม่ใช่ทั้งสองสิ่งที่กล่าวมาเเต่เป็นตัวผู้ใช้ กรานาสสามารถควบคุมใบมีดทุกเล่มได้ดั่งใจ เขาควบคุมมันราวกับว่ามันมีชีวิต
เซก้าใช้กำลังทั้งหมดเพื่อหลบมีดสายลมนับร้อย เเต่เขาไม่ได้หลบอย่างโง่งม ทุกการหลบของเขาถูกคำนวนมาเป็นอย่างดีไม่ว่าจะเป็นมุมหรือองศา มันจะทำให้มีดสายลมพลาดเป้าเเละไปชนเข้ากับบางสิ่ง ไม่ว่าจะเป็นโขดหินหรือต้นไม้ มันทำให้มีดสายลม สูญเสียพลังเเละหายไป ปริมาณมีดสายลมเริ่มลดลงเรื่อยๆ
กรานาสสังเกตเห็นสิ่งนี้เช่นกันเขาตระหนักได้ว่า เวทมนตร์ระดับ5นี้ใช้ไม่ได้ผล แถมมันยังเข้าทางเซก้าที่ต้องการเห็นเขาเผาผลาญพลังเวทย์อย่างสูญเปล่า ดังนั้นเขาจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากหยุดใช้เวทมนตร์ที่เปรียบเสมือนเอกลักษณ์ของเขาและเปลี่ยนไปใช้เวทมนตร์ชนิดอื่น
“ยอดเยี่ยม สมกับเป็นบุตรของข้าผู้นี้ บอกตามตรงข้าตกใจมาก ไม่คิดเลยว่าลูกชายของข้าจะเเข็งเเกร่งขึ้นขนาดนี้ เจ้าเกือบถึงระดับของข้าสมัยที่ยังอายุเท่าเจ้าแล้ว แต่อย่าพึ่งได้ใจบนโลกยังมีคนที่แข็งแกร่งกว่านี้มาก จงรับเวทมนตร์นี้ของข้า”
กรานาสโบกมือ เพื่อใช้งานเวทมนตร์
เซก้าขมวดคิ้ว เวทย์นี้น่ากลัวมาก เขาเคยเผชิญหน้ากับมันตอนฝึกต่อสู้กับกรานาส มันทั้งเจ็บปวดเเละทรมาน
อากาศเริ่มหมุนวนอยู่เหนือศรีษะของกรานาส ไม่นานมันก็กลายเป็นพายุลูกใหญ่ เศษดินเเละเศษหินพัดปลิวไปทั่วทำให้ทัศนวิสัยกลายเป็นพร่ามัว
เวทมนตร์ระดับ 5 กรงขังลมมีด
โดยไม่รอช้ากรานาสส่งมันมาทางเซก้าในเสี้ยววินาที ทันใดนั้นพายุลูกใหญ่ก็กลืนกินเซก้าเข้าไป เขาตกใจมาก
“เร็วเกินไปแล้ว”
เซก้ามีปฏิกิริยาตอบสนองที่รวดเร็วกว่าคนทั่วไปมาก แต่ถึงอย่างนั้นสายตาของเขายังมองตามพายุลูกนี้ไม่ทัน วินาทีต่อมาเขาก็รู้สึกราวกับมีมีดนับหมื่นเล่มกรีดเฉือนเนื้อหนังจากทุกทิศทาง ภายในใจกลางของพายุที่บ้าคลั่งเซก้าทำได้เพียงกรีดร้องอย่างน่าเวทนา กรานาสบินร่อนมาอยู่ตรงหน้าพายุ
“อยู่ในนั้นซักพักเถอะ รอเจ้าสงบสติอารมณ์เมื่อไหร่แล้วเราค่อยมาคุยกัน ”
กรานาสถอนหายใจ เขามั่นใจว่าตอนนี้บุตรของเขากำลังได้รับบทเรียน วินาทีที่กรานาสถอนหายใจก็เป็นวินาทีเดียวกับที่เซก้ายิ้มออกมา ทันใดนั้นลำเเสงสีทองก็พุ่งออกมาจากใจกลางพายุ เมื่อกรานาสมองเห็นว่ามันคือขวานเล่มหนึ่งมันก็สายไปเสียเเล้ว ขวานพุ่งมาราวกับกระสุนปืน มันตัดผ่าไหล่ลงไปถึงกลางลำตัวของเขา
กรานาสได้รับบาดเจ็บสาหัสทันที เวทมนตร์ระดับ5ที่เขาใช้ขังเเละทรมานเซก้าหายไป เซก้าเป็นอิสระตัวของเขาชุ่มโชกไปด้วยเลือดแต่เขายังเผยรอยยิ้ม
“ท่านคิดว่าข้าจะไม่มีแผนรับมือเวทมนตร์ของท่านงั้นหรือ”
เซก้าเย้ยหยัน เขาเคยเผชิญกับเวทมนตร์นี้มาเเล้วดังนั้นเขาจึงคิดหาทางรับมือมันตั้งเเต่ที่เขาเริ่มคิดที่จะล้างเเค้น เซก้าไม่เเสดงอารมณ์ใดๆเขายกเเขนขึ้นเพื่อเรียกขวานที่ยังปักอยู่ในร่างของกรานาสกลับมา เมื่อขวานถูกดึงกลับมันส่งผลให้เลือดจำนวนมากจึงพุ่งออกมาจากบาดเเผลของกรานาส
กรานาสได้รับบาดเจ็บสาหัสหากไม่รีบรักษาเขาอาจถึงตาย
“วินาทีที่คิดว่าตนเองชนะแล้ว คือช่วงเวลาที่ต้องระมัดระวังที่สุด ท่านคือคนที่พร่ำสอนข้าเรื่องนี้ กล่าวตามตรงข้าผิดหวังมาก”
เซก้าพูดจบแล้วเขาก็หันหลังจากไปทันที กรานาสไม่สามารถพูดสิ่งใดอาการบาดเจ็บของเขารุนแรงเกิรไป เเต่สายตาของเขาจ้องมองเซก้าอย่างไม่อยากจะเชื่อ
“ท่านพ่อ ท่านพ่อได้รับบาดเจ็บ เร็ว รีบเข้าไปช่วย ร่วมมือกัน สกัดเซก้าไว้ ”
เหล่าบุตรธิดาของกรานาสตื่นตระหนก พวกเขาเร่งเข้ามาให้การช่วยเหลือกรานาส
บุตรธิดาของกรานาสราว50คน บินมาปิดล้อมเซก้า เเต่ดูเหมือนหลังจากที่ได้เห็นภาพการต่อสู้ก่อนหน้า พวกเขาก็เริ่มไม่มีความมั่นใจที่จะต่อสู้กับเซก้า ชายบางคนเริ่มถามคนที่อยู่ด้านข้าง
“หมอนั่นคือ เซก้า เขาเเข็งเเกร่งเป็นอันดับ1ในการเเข่งจัดอัดดับใช่ไหม เเล้วเเบบนี้เราจะเอาชนะเขาได้ยังไง”
“เจ้ามาถามข้าเเล้วจะให้ข้าไปถามเทวดาองค์ไหน”
ระหว่างที่พวกเขากำลังคุยกันเสียงของผู้หญิงก็ดังขึ้น
“พวกเจ้าทั้งหมดไม่ใช่คู่มือของเขา ไปทำหน้าที่ของพวกเจ้าซะ ที่นี่พวกเราจะจัดการเอง”
“เจ้าคือ อารีลิส อันดับที่2 ในการจัดอันดับ ถ้าเช่นนั้นเราคงเป็นได้เเค่ตัวเกะกะ ทุกคนมีงานอื่นที่เราต้องทำไปกันเถอะ”
หญิงสาวครึ่งมนุษย์ครึ่งจิ้งจอกที่ชื่อ อารีลิสพยักหน้ารับ หลังจากที่เห็นพวกเขาบินหนีไป นางหันไปพูดกับเซก้าด้วยท่าทางที่หนักเเน่น
“ไม่เจอกันนานนะพี่ชาย เจ้าคงสบายดีมากสินะถึงได้กลับมาที่นี่ วันนี้ข้าเเละพี่น้องตั้งเเต่อันดับ2ถึงอันดับ20 จะเป็นคู่ต่อสู้ให้เจ้าเอง”
“2ถึง20 ในการจัดอันดับ งั้นหรือ จะสู้เเบบ19รุม1งั้นหรือ ”
เซก้ายิ้ม
“เจ้าไม่ใช่เผ่าพันธุ์เดียวกับพวกเราอีกเเล้ว ดังนั้นนี่จึงไม่ใช่การกระทำที่เสียเกียรติ”
“อารีลิสหยุดพร่ามเเล้าเริ่มฆ่ามันให้ตายกันดีกว่า”
“ใช่เเล้วพี่สาว...มาล่าเขากัน...เหมือนครั้งก่อน”
เมื่อได้ยินประโยคนั้น สีหน้าทุกคนก็เปลี่ยนเป็นเย็นชา จิตสังหารปรากฏขึ้นในเเววตา ในโลกเเห่งนี้จิตสังหารนับเป็นพลังพิเศษชนิดหนึ่ง มันเป็นเเรงกดดันที่ถูกปล่อยออกมาเฉพาะเวลาที่คนๆหนึ่งมีความ ปราถนาที่จะฆ่าอย่างเเรงกล้า ตอนนี้จิตสังหารของทั้ง19คนมุ่งตรงไปยังเซก้า เซก้าสัมผัสถึงพวกมันได้อย่างชัดเจน มันรู้สึกเหมือนเขายืนอยู่ท่ามกลางกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยว มันเป็นความรู้สึกที่ทำให้จิตใจสั่นสะเทือน ทันใดนั้นเซก้าก็หัวเราะออกมา
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกเจ้านะ...ประเมินตัวเองสูงไปหน่อยแล้วมั้ง”
คำพูดนี้ทำให้พี่น้องทั้ง19คนสัมผัสได้ถึงการดูถูกอย่างชัดเจน เส้นเลือดปูดขึ้นตามร่างกายพวกเขา ก่อนหน้านี้พวกเขาต่างถูกเซก้ากดขี่ วันนี้คือวันที่พวกเขาจะได้ปลดปล่อยความอัดอั้นของตนเองออกมา
“ เตรียมตัวตายซะ”
“อยากรู้จริงๆว่าแกจะทนพวกเราได้นานแค่ไหน”
“ระวังตัวด้วยหากไม่ไหวให้ถอยทันที ทุกคนโจมตีได้”
การต่อสู้ที่ชุลมุนวุ่นวายเริ่มขึ้น เวทมนตร์ประเภทโจมตีหลายสิบสายมุ่งเป้าที่จะสังหารเซก้า เซก้าไม่สนใจพวกมันเขาทำเพียงยืนอยู่กับที่ เเละปล่อยให้การโจมตีทั้งหมดโดนตัว ผลลัพธ์คือเซก้ายังยืนอยู่โดยไร้บาดเเผล
เหล่าพี่น้องต่างกัดฟันด้วยความอับอายราวกับกำลังโดนดูถูก การต่อสู้เริ่มได้ไม่นานมันก็เริ่มส่งสัญญาณให้เห็นว่าฝ่ายไหนเหนือกว่า
“โธ่เว้ย! ทำไมเวทย์เสริมพลังของมันถึงได้เเข็งเเกร่งขนาดนั้นได้กัน ”
“ใช่ คราวก่อนยังโดนพวกเราเล่นงานจนเกือบตายไม่ใช่รึไง”
“ทุกคนใจเย็นก่อน เซก้าเคลื่อนไหวแล้ว”
อารีลิสรีบพูดเตื่อนขึ้นมา ในทันทีเซก้าทะยานร่างไปยังเหล่าพี่น้องเเละเปิดฉากโจมตีอย่างหนักหน่วง เซก้ามีพลังกายที่เหนือกว่ากระทั่งกรานาส เมื่อเขามีโอกาสเข้าประชิดตัว เพียงเวลาไม่นานพี่น้องทั้ง19คนก็พ่ายเเพ้ ทุกคนนอนหมดสภาพอยู่บนพื้น เเต่ละคนจะมี อวัยวะหนึ่งอย่างที่หัก บางคนเเขนหัก บางคนหาหัก เซก้าก้มมองไปยังเท้าของตัวเอง ตอนนี้เขากำลังเหยียบศรีษะของชายครึ่งมนุษย์ครึ่งเหยี่ยว เขาจำได้ว่าชายคนนี้อยู่ในอันดับที่9 เเละเคยเกือบฆ่าเขาในการลอบโจมตีครั้งก่อน
“ข้าบอกไปเเล้วว่าพวกเจ้าประเมินตัวเองสูงเกินไป แต่พวกเจ้าก็ไม่ฟัง ความผิดพลาดที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของพวกเจ้าคือ ไม่เปิดร่างปลดปล่อยสายเลือดเเต่เเรก ดังนั้นมันจึงได้จบลงรวดเร็วเช่นนี้”
เซก้าออกเเรงที่เท้ามากขึ้นส่งผลให้มนุษย์เหยี่ยวกรีดร้องออกมา
“สาระเลวเอ๊ย!”
ตอนนั้นเองที่ขนนกสีน้ำตาลของเขาเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเเดงพร้อมกับมีออร่าสีแดงปะทุออกมาจากร่างกาย ต่อมาเขาก็ออกเเรงเพื่อให้ตัวเองหลุดจากเท้าของเซก้า เขาบินขึ้นไปบนท้องฟ้า หลังจากที่เส้นขนเปลี่ยนเป็นสีเเดง ทั้งพลังเเละความเร็วของมนุษย์เหยี่ยวก็เพิ่มสูงขึ้น มันมากกว่าเดิมหลายเท่า พลังนี้คือพลังเฉพาะของเผ่ามนุษย์สัตว์ มันถูกเรียกว่า ปลดปล่อยสายเลือดหลังจากนั้นทุกคนก็เริ่มเปิดร่างปลดปล่อยสายเลือด ร่างกายของพวกเขาแผ่ออร่าพลังที่ทรงพลังออกมา
“อย่าอวดดีให้มันมากนัก เกมจะเปลี่ยนไปหลังจากนี้ ”
อารีลิสมีเลือดไหลออกมาจากมุมปาก นางใช้ร่างปลดปล่อยสายเลือดเเละพุ่งเข้าหาเซก้าเป็นคนเเรก ในการต่อสู้รอบนี้ทั้ง19คนสามารถต่อสู้กับเซก้าได้อย่างเท่าเทียมโดยไม่รู้ว่าใครได้เปรียบหรือเสียเปรียบ การเปิดร่างปลดปล่อยสายเลือดหมายความว่า มนุษย์สัตว์ได้เข้าสู่การต่อสู้ที่แลกด้วยชีวิต
เซก้ารู้สึกถึงเเรงกดดันที่เพิ่มขึ้น ดังนั้นเขาจึงหยิบอาวุธคู่กายออกมา ขวานเปร่งเเสงสว่างไสวลายสลักรูปเสือปรากฏขึ้นที่ใบขวาน เซก้ากลับมาเป็นฝ่ายได้เปรียบทันที เวทมนตร์ทุกชนิดที่พุ่งเข้ามาจะถูกขวานทำลายทิ้งทั้งหมด ทั้ง19คนร่วมมือกันเเต่ยังตกเป็นรอง เซก้าพบโอกาศเข้าประชิดตัวอารีลิส เขาใช้เวทย์เสริมพลังระดับ 5 ให้กับขวานเเละเตรียมจะฟันลงไป ในช่วงเวลาเเห่งความเป็นความตายของอารีลิสเสียงสายหนึ่งดังเข้าหูเซก้า
จงฟังคำสั่ง ทิ้งขวานซะ
วินาทีต่อมาร่างกายของเซก้าก็เเข็งค้างกลางอากาศ ทำให้อารีลิสมีเวลาบินหนี เซก้าประหลาดใจเขาลองออกเเรงมากขึ้นเเต่ร่างกายเขายังไม่ยอมขยับ ความคิดของเซก้าเริ่มยุ่งเหยิง อยู่ๆเขาก็รู้สึกรังเกียจขวานในมือ เขาอยากจะโยนขวานทิ้ง
“นี่มันเวทมนตร์ประเภทใด มันไม่ได้ส่งผลต่อร่างกายเเต่มันส่งผลกับความคิด มันกำลังออกคำสั่งความคิดของข้างั้นหรือ
***
มิคาเอลยกคิ้วขึ้น หลังจากมองดูการต่อสู้อยู่นาน ในที่สุดเขาก็พบสิ่งที่น่าสนใจ
“ เวทย์ประเภทคำสั่ง น่าประทับใจ มีน้อยคนที่รู้ถึงการมีอยู่ของเวทมนตร์ประเภทคำสั่ง เเละยิ่งน้อยกว่าที่จะรู้จักสูตรเวทย์ของมัน ”
เวทย์ประเภทคำสั่ง คุณสมบัติหลักของมันก็คือการ ออกคำสั่ง ให้ใครบางคนหรือหลายคนทำตามคำสั่งอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง ถึงจุดนี้ มิคาเอลนึกไปถึงเรื่องเล่าของเซก้าที่บอกว่า ภรรยาคนหนึ่งเข้าไปพบกับกรานาสหลังจากนั้น กรานาสก็ขับไล่เซก้าออกจากหมู่บ้าน มันชัดเจนมากว่าภรรยาคนนั้นคือคนที่ใช้เวทมนตร์ประเภทคำสั่ง กับกรานาส
หรืออาจจะไม่ใช่?
***
ด้วยประสบการณ์เซก้าเริ่มมองหาตัวผู้ใช้เวทมนตน์
เพียงไม่นานเขาก็พบเข้ากับหญิงวัยกลางคนผู้หนึ่ง นางเป็นมนุษย์จิ้งจอก นางคือผู้ที่ใช้เวทมนตร์นี้กับเขา เซก้าจำได้ว่านางคือมารดาของอารีลิส ที่ชื่อว่า อารีน่า
“อย่าต่อต้านเเล้ววางอาวุธลงซะ ”
อารีน่าพูด
“ที่เเท้เป็นเจ้า นังชั่ว เจ้าใช้เวทมนตร์ประหลาดเหมือนที่ใช้กับข้าตอนนี้เพื่อควบคุมท่านพ่อ เจ้าคงอยากให้อารีลิสลูกของเจ้าขึ้นเป็นจ่าฝูง ”
เซก้าตะโกนอย่างเดือดดาล ขวานกำลังหลุดจากมือของเขา ถ้าจะพูดให้ถูกคือ เขากำลังปล่อยมือจากขวานด้วยตัวเอง เขาพยายามอยู่หลายวิธีแต่ก็ไม่สามารถทำลายเวทมนตร์นี้
“เชื่อข้าเถอะ เซก้าที่ข้าทำเพราะมันจำเป็น ข้ามีเหตุผล”
“เจ้ามีเหตุผล…ใช่ข้าเชื่อ ทุกคนต่างมีเหตุผลในการกระทำของตัวเอง ข้าเข้าใจ…และไม่สนใจ จำไว้ให้ดี หลังจากนี้ข้าจะ ฆ่าเจ้า! ”
“หมู่บ้านของเราถูกกดดัน มนุษย์ชุดขาวมาที่นี่หลายครั้ง พวกนั้นข่มขู่เรา เเละทุกคนอาจถูกฆ่า ”
“งั้นหรือ งั้นเเสดงว่าหมู่บ้านของเรามันก็ตกต่ำถึงขั้นนี้เเล้ว เช่นนั้นเพื่อปกป้องเกียรติของมนุษย์สัตว์ ข้าจะทำลายหมู่บ้านนี้ก่อนที่พวกมนุษย์จะทำลายมันเอง”
เซก้าคำรามออกมา ร่างกายเปลี่ยนเป็นสีทองที่ดูศักดิ์สิทธิ์ เขาเข้าสู่ร่างปลดปล่อยสายเลือด พลังโดยรวมพุ่งสูงขึ้นในระดับที่น่าหวาดกลัว มันเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องเมื่อถึงจุดหนึ่ง เวทมนตร์ประเภทคำสั่งก็เริ่มส่งสัญญาณแห่งการพังทลาย
“เเม่ถ่วงเวลาให้แล้วหลังจากนี้ก็ขึ้นอยู่กับพวกเจ้า ”
เวทมนตร์คำสั่งของนางถูกทำลายทำให้นางหมดสติเเละล้มลง แต่เป้าหมายที่เเท้จริงของนางคือถ่วงเวลาให้ลูกของนางทั้ง19คนมีเวลารักษาบาดแผล คนทั่ง19รักษาบาดแผลของตนเองได้ในระดับหนึ่ง พวกเขาเริ่มโจมตีเซก้าอีกครั้งในทุกทิศทาง เเต่ไม่ว่าจะใช้การโจมตีเเบบไหน เซก้าก็ทำเพียงรับมันด้วยร่างกายที่เเข็งเเกร่ง ขวานในมือของเขา กวัดแกว่งเพื่อตัดเเขนเเละขาของเหล่าพี่น้อง เหล่าพี่น้องพ่ายเเพ้อย่างง่ายดายหลังจากที่เซก้าเข้าสู่ร่างปลดปล่อยสายเลือด
“ฝ่ายเรามีเเค่ ผู้ชำนาญเวทย์กับจอมขมังเวทย์เท่านั้น เเต่เขา...เข้าถึงขั้น ...ราชันย์เวทย์เเล้ว เราจะต่อสู้กับเขา...ได้ยังไง”
หญิงสาวคนหนึ่งพูดด้วยเสียงที่แหบพร่าก่อนจะหมดสติลงเพราะเลือดออกมากเกินไป
หลังจากจัดการทั้ง19คน เซก้ามองไปยังทิศทางหนึ่ง มนุษย์สัตว์กว่า1000คนรวมตัวกันเพื่อทำอะไรบางอย่าง เซก้าสังเกตเห็นว่าคนเหล่านี้คือชาวบ้าน คนที่ระดับต่ำที่สุดอยู่ในขั้นผู้ชำนาญเวทย์ เซก้ายังพบคนที่เขาคุ้นเคยเป็นอย่างดีอยู่ในกลุ่มนี้ พี่น้องของเขานอกจากทั้ง19คนแล้ว คนอื่นๆรวมอยู่ในกลุ่มนี้ทั้งหมด
“ไอ้สาระเลว แกไม่มีสิทธิ์เรียกตัวเองว่ามนุษย์สัตว์อีก จงตายด้วยเวทมนตร์ผสานของพวกเราทุกคนซะ ”
ลำเเสงสีทองขนาดใหญ่ถูกยิงออกมาจากทิศทางของกลุ่มคน เซก้าตกใจก่อนจะใช้พลังเวทย์ครึ่งหนึ่งจากทั้งหมดเพื่อสร้างเป็นเกราะป้องกันไว้ตรงหน้า ลำเเสงที่ทรงพลังนั้นทะลุทะลวงทุกสิ่ง มันทำลายเกราะป้องกันกว่าสิบชั้นลงอย่างง่ายดาย ลำแสงสีทองเเห่งคำพิพากษามาถึงตัวเซก้า ผู้คนเห็นเพียงลำแสงทะลวงร่างของเซก้าและทะลุออกด้านหลัง
“สำเร็จ…เอ๊ะ!”
มนุษย์สัตว์ทั้งพันคนยังไม่ทันได้ดีใจ เสียงคำรามเเห่งความโกรธก็ดังขึ้น เซก้าลอยอยู่จุดเดิม ลำแสงเมื่อครู่ทะลวงร่างกายซีกซ้ายของเขาทำให้ไหล่เเละแขนซ้ายถูกทำลาย เลือดปริมาณมหาศาลไหลออกมา เซก้าไม่สนใจแผลนี้เเละเริ่มเป็นฝ่ายโจมตี
มันไม่ใช่การต่อสู้ที่ดุเดือดอะไร เเต่เป็นการทำร้ายอยู่ฝ่ายเดียว การโจมตีที่ทำให้เขาเสียเเขนก่อนหน้านี้ เป็นการรวมพลังของคนกว่าพันคน เเต่หากนับเฉพาะพลังการต่อสู้ส่วนบุคคลเซก้านั้นเหนือกว่าอย่างไม่อาจเทียบ เพียงไม่นาน มนุษย์สัตว์ที่เป็นระดับหัวกระทิของหมู่บ้านก็พ่ายเเพ้ พวกเขาอยู่ในสภาพที่ไม่ต่างจากทั้ง19คน
ใจกลางของหมู่บ้านตอนนี้พื้นดินเต็มไปด้วยหลุมลึกที่เกิดจากการต่อสู้ เศษดินเเละหินกระจัดกระจายไปทุกทิศทาง เซก้ายืนอยู่ท่ามกลางสนามรบที่เงียบเชียบ กลิ่นคาวของเลือดลอยเข้าจมูก สายตาของเขากวาดมองไปทั่ว ชิ้นส่วนร่างกายและอวัยวะกระจัดกระจายอยู่บนพื้นราวกับชิ้นส่วนจิ๊กซอว์ที่ถูกทิ้ง สายตาของเขาผสมผสานระหว่างความเหนื่อยล้าและความพึงพอใจ เขายืนเป็นสักขีพยานให้กับการล้างเเค้นของตนเอง
“ฮ่าฮ่าฮ่า พวกอ่อนแอ ดีเเต่เรื่องคิดแผนชั่วไปวันๆ นี่คือผลของการกระทำที่โง่เง่าของพวกเจ้า ”
เขาหัวเราะอย่างสะใจ ในตอนนี้นับได้ว่าการล้างเเค้นของเขาประสบความสำเร็จแล้ว
จบ
ความคิดเห็น