คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : : The Sun 6 :
The
Sun 6
หนทางออก
เปลือกตาบางลืมขึ้นช้าๆยามต้องแสงอาทิตย์ของเช้าวันใหม่เผยให้เห็นดวงตากลมสีฟ้าใส
ร่างเล็กโอดครวญออกมาเบาๆกับอาการบาดเจ็บบริเวณดวงตา
ก่อนจะก้มมองลงต่ำเมื่อสัมผัสถึงความอุ่นจากฝามือของใครบางคน
เดอิดาระกำลังนั่งหลับอยู่ข้างเตียงโดยไม่ยอมปล่อยมือน้องชายให้เป็นอิสระ
รอยยิ้มบางส่งมอบไปยังคนที่หลับใหลอยู่ข้างกาย นารูโตะเกลี่ยผมนุ่มของพี่ชายขึ้นไม่ให้ตกลงมาปรกหน้าเผยให้เห็นใบหน้าหวานละม้ายคล้ายกับตัวเองไม่มีผิดเพี้ยน
“ อืม.. “ ร่างโปร่งลืมตาตื่นลุกขึ้นนั่งตามปกติพร้อมกับยกมือขึ้นขยี้ตาไปมาตามประสาคนเพิ่งตื่นนอน
เมื่อรู้สึกตัวว่ามีใครบางคนมาสัมผัสตน
“ ตื่นแล้วเหรอพี่ข้า ? “ เสียงแหบแห้งเอ่ยทักพี่ชายหลังจากลุกขึ้นนั่งเอนพิงกับขอบเตียง
“ อื้ม.. ข้าตื่น.. นารูโตะ!!
เจ้าฟื้นแล้ว เจ้า.. เจ้าฟื้นแล้ว “ อาการกึ่งกลับกึ่งตื่นของเดอิดาระหายไปในบัดดลเมื่อรู้ว่าน้องชายสุดที่รักของเขาฟื้นขึ้นมาพูดกับเขาได้อีกครั้ง
ร่างโปร่งไม่รอช้ารีบสวมกอดร่างเล็กไว้แน่นหลังจากอยู่เฝ้าไข้คนตัวเล็กมาได้เกือบหนึ่งอาทิตย์เต็ม
“ ฮึก.. ฮือ เจ้าฟื้นแล้ว ข้ากลัวมากหลังจากวันนั้นเจ้าก็หมดสติไป
ฮึก.. ใช้สมุนไพรก็แล้ว ใช้เวทย์รักษาก็แล้ว เรียกอาจารย์หมอมาก็แล้ว
แต่เจ้าก็ไม่ยอมฟื้น ข้า.. ข้านึกว่าข้าจะเสียน้องของข้าไปแล้ว ฮือออ “ น้ำตาแห่งความดีใจหลั่งไหลหยดแล้วหยดเล่าจนมันซึมชื้นเข้าไปในเสื้อของผู้เป็นน้อง
แขนเรียวโอบกอดนารูโตะไว้แน่นด้วยความคิดถึงอยู่เต็มอก
ไม่กล้าผละตัวออกราวกับว่าถ้าเขาปล่อยน้องชายเขาอาจจะต้องเสียน้องตัวเองไปตลอดชีวิต
โดยไม่กลัวเลยว่าคนตัวเล็กที่ถูกสวมกอดอยู่นั้นจะหายใจไม่ออกกับสิ่งที่ตัวเองกระทำอยู่
“ ใจเย็นๆนะ พี่ข้า ข้าไม่ได้เป็นอะไร
ไม่ร้องนะข้าอยู่นี่แล้ว “ นารูโตะกอดปลอบร่างสั่นเทาของเดอิดาระพร้อมกับยกมือลูบแผ่นหลังคนเป็นพี่ไปมาเบาๆเป็นการเรียกขวัญแม้ตัวเองจะหายใจลำบาก
ปากอิ่มคลี่ยิ้มให้กับความขี้กลัวนิสัยเด็กน้อยของพี่ชายอยู่เป็นนาน
จนเดอิดาระเป็นฝ่ายผละตัวออกจากนารูโตะเพราะนึกอะไรบางอย่างขึ้นมาได้
“ จริงสิ!..เจ้าหิวมั้ย ? หลับไปตั้งหลายวันไม่มีอะไรตกถึงท้องเลย
ตอนนี้หน้าเจ้าซูบไปหมด อยากได้อะไรเดี๋ยวข้าไปเตรียมให้นะ “ มือเรียวสัมผัสเข้าที่แก้มเล็กด้วยความห่วงใยพยายามข่มใจไม่ให้ตัวเองร้องไห้กับสภาพซูบโทรมของน้องชาย
“ ข้า ยังไม่หิวน่ะ “
“ เจ้าต้องกินนะ จะได้หายไวไวไงรู้มั้ย
“
“ ข้าไม่เป็นอะไร.. เอ่อ.. ถ้าอย่างนั้น
ข้าขอซุปสักถ้วยจะได้มั้ย ? “ คำพูดปฏิเสธรีบเปลี่ยนไปเป็นการขอร้องเมื่อดวงตากลมมองเห็นใบหน้าซึมเศร้าจากคนตรงหน้า
เดอิดาระยิ้มกว้างกับคำพูดใหม่ของนารูโตะพร้อมกับพยักหน้ารัวเป็นอันเข้าใจ
“ ได้ ได้สิ ได้เลย
เดี๋ยวข้าไปเตรียมมาให้เจ้า เจ้ารอข้าเดี๋ยวเดียวนะ เดี๋ยวข้าจะรีบมา “
“ เอ่อ.. พี่ข้า “ ยังไม่ทันที่เดอิดาระจะวิ่งพ้นออกจากห้องไปเขาก็ถูกน้องชายเรียกไว้เสียก่อน
“ หื้ม.. ? ว่าไง ?
อยากได้อะไรเพิ่มเหรอ ? “
“ เอ่อ... แล้วองครักษ์ของข้าล่ะ? “ คนเป็นนายนึกห่วงถามไถ่ถึงร่างสูงหลังจากให้ดื่มเลือดจนตัวเองสลบไป
“ ... “
“ องครักษ์ของข้าเป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยใช่มั้ย
? “ นารูโตะถามย้ำอีกครั้งเมื่อไม่ได้ยินคำตอบหลุดออกมาจากปากพี่ชาย
“ อื้ม.. องครักษ์เจ้าปลอดภัยดี “
“ ...อย่างนั้นหรอกเหรอ “
ความรู้สึกใจชื้นเหมือนก้อนหินที่แบกไว้ถูกยกออกแล่นเข้ามาท่วงที พร้อมกับถอนลมหายใจออกมาเบาๆอย่างโล่งอก
ปากอิ่มคลี่ยิ้มก่อนจะยกมือลูบคลำที่ต้นคอตัวเองเบาๆทำให้สัมผัสรอยแผลที่ร่างสูงทิ้งไว้ให้
หัวสมองนึกย้อนไปถึงช่วงที่องครักษ์ของตนฝังรอยเขี้ยวลงมาบนตัว
“ งั้นเดี๋ยวข้ามานะ “
“ อื้อ “
นารูโตะมองเดอิดาระเดินออกไปจากห้องจนประตูแนบสนิท
ดวงตากลมมองสิ่งต่างๆรอบห้องรับรู้ได้ถึงอาการผิดปกติของร่างกายอย่างชัดเจน ก่อนจะค่อยๆลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่หน้ากระจกบานใหญ่
มือเรียวยกขึ้นสัมผัสบานกระจกที่สะท้อนภาพตัวเองอยู่เบื้องหน้า ใบหน้าของเขาซูบลงไปมากอย่างที่พี่ชายบอก
ริมฝีปากแห้งเผือดเพราะขาดน้ำกับผ้าคาดตาข้างขวาที่คาดปิดไว้เพราะไม่สามารถมองเห็นได้อีกต่อไป
ตอนนี้เขาเห็นทุกอย่างได้ด้วยตาข้างซ้ายเพียงข้างเดียว
ความเสียใจจุกเข้าที่ลำคอจนไม่สามารถเปล่งเสียงออกมาได้
ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นพยายามอดกลั้นความเจ็บปวดในสิ่งที่กำลังเผชิญอยู่ตอนนี้
หากแต่หยาดน้ำใสกลับไหลลงมาไม่อาจข่มใจไหวกับสภาพร่างกายของตัวเอง
“ ข้า.. กลัว “
คำพูดบางเบาเอ่ยออกมา
พลันหัวสมองก็ทำให้นึกไปถึงใครบางคน ดวงตากลมกระพริบถี่เรียกสติให้กลับคืนมา
จัดการปาดป้ายน้ำตาหลังจากนึกขึ้นได้ว่าสิ่งที่ต้องทำต่อจากนี้คืออะไร
นารูโตะเปิดตู้เสื้อผ้าหยิบผ้าคลุมสวมใส่ก่อนจะเดินออกมาจากห้อง
ขายาวจ้ำก้าวเดินไปข้างหน้าเพียงอย่างเดียวไม่สนใจบรรดาคนรับใช้ที่เขามาหมายจะหยุดไว้เพราะร่างกายยังไม่ฟื้นดี
ในหัวนึกถึงแต่คนที่คอยปกป้องตัวเองจนเดินมาถึงบันไดที่จะพาไปสู่ยอดหอคอยของปราสาท
“ ว่าแล้วเชียวว่าท่านต้องมาที่นี่ ?
“ ชายหนุ่มเอ่ยทักทายผู้มาใหม่หลังจากยืนกอดอกพิงกำแพงอยู่นาน
ร่างสูงรู้ดีว่าน้องชายของเดอิดาระจะต้องมาที่นี่มันเลยทำให้เขาต้องมายืนดักรอคนตัวเล็กอยู่แบบนี้
“ เฮ้อ อ่า... เจ้าเองเหรอซาโซริ
เจ้าทำข้าตกใจหมด “ มือเรียวที่ยกแนบบริเวณหน้าอกลดหย่อนลงเมื่อรู้ว่าใครเป็นคนทำให้เขาตกใจ
“ เจ้าเป็นยังไงบ้าง ? “
“ ข้าก็ปกติดีนะ “ คำตอบของนารูโตะเผลอทำให้หมาป่าหนุ่มหลุดหัวเราะออกมาจากลำคอ
“
แต่ทำไมจากที่ข้าเห็นสภาพเจ้าในตอนนี้ เจ้าดูไม่โอเคสักเท่าไหร่ “
มือหนายกขึ้นสัมผัสเข้าแก้มเนียนที่ซูบผอมลงอย่างชัดเจนก่อนจะใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเบาๆบริเวณรอบดวงตาข้างขวาที่มีผ้าคาดตาปิดอยู่
“ ฮะฮะฮะ... คงเป็นเพราะข้าหลับนานเกินไปหน่อยเลยไม่มีอะไรลงท้องน่ะ
ว่าแต่เจ้ามาทำอะไรที่นี่? “
คนถูกถามลดมือลงจากใบหน้าหวานก่อนจะเงยขึ้นไปมองยอดหอคอยของปราสาท
“ แล้วท่านล่ะมาทำอะไร ? “ ร่างสูงไม่ตอบคำถามแต่กลับถามคำถามกลับคืนไป
“ ข้ามาช่วยซาสึเกะ “ กลีบปากบางยกยิ้มเมื่อได้ยินคำตอบจากนารูโตะ
“ งั้นข้าก็คงมาช่วยท่าน “
“ ช่วยข้า ? “
“ ไปกันเถอะ... “ ซาโซริไม่ได้ไขข้อสงสัยให้กับคนตัวเล็ก
เขาจับฉุดข้อมือบางให้เดินขึ้นบันไดตามขึ้นมาเรื่อยๆ
เป้าหมายของทั้งสองคนที่มุ่งไปในตอนนี้คือยอดหอคอยด้านบนสุดของปราสาท
ซึ่งบนนั้นไม่มีใครรู้เลยว่ามันคืออะไร นอกเสียจากคนในราชวงศ์
ขั้นบันไดเล็กลาดชั้นเป็นร้อยๆขั้นนำพามาให้ทั้งคู่เดินขึ้นมาด้านบน
ซึ่งมันเป็นสถานที่ที่เขาทั้งสองตั้งใจจะมาที่นี่
กำแพงหินแกร่งถูกทำเป็นห้องขนาดกว้างล้อมรอบไปด้วยเถาวัลย์ ไม่มีแม้ช่องหน้าต่างให้อากาศได้ถ่ายเท
จะมีเพียงแค่ประตูบานสูงที่ถูกคล้องด้วยแม่กุญแจขนาดใหญ่ยักษ์กับช่องสี่เหลี่ยมเล็กๆบนประตูโดยมีแท่งเหล็กตั้งกั้นเอาไว้เพื่อให้ลมเข้าไปได้เท่านั้น
สถานที่แห่งนี้ก็คือที่กักกัน
หรือว่าคุกสำหรับองค์รักษ์ที่ไม่ได้อยู่ภายใต้การครอบครองของชาวเวทย์มนต์
“ ข้าขอถามท่านหน่อยได้มั้ย ? “
ซาโซริเอ่ยปากหลังจากยืนมองบานประตูมาได้สักพัก
“ หื้ม.. ? ถามอะไรล่ะ ? “ นารูโตะหันไปมองดวงตาเรียวสวย
“
ท่านรู้ได้ยังไงว่าองครักษ์ท่านอยู่ที่นี่ “
“ เพราะว่า.. ข้าจำได้ “
“ ... “
“ ข้าจำเหตุการณ์นั้นได้ก่อนที่เจ้าจะถูกขังอยู่ที่นี่ “
หัวใจอสูรแกว่งไปชั่วขณะหลังจากได้ยินคำตอบออกมาจากปากอิ่ม
พลันเหตุการณ์ที่ไม่อยากจดจำได้ลอยเข้ามาในหัวราวกับถูกกดปุ่มสวิตช์ให้ทำงานอัตโนมัติ
ภาพแผ่นหลังบางที่โดนเขาตวัดเล็บเข้ากลางหลังจนเลือดข้นไหลออกมาไม่หยุด กลายเป็นบาดแผลที่เขาสร้างขึ้นมาจนมันเป็นตราบาปบาดลึกไปจนถึงหัวใจเมื่อเขานึกถึงมัน..
“ ซาโซริ... ซาโซริ.. “
ร่างสูงหันหน้าไปมองนารูโตะหลังจากรู้สึกตัวเมื่อได้ยินคนตัวเล็กขานชื่อเขา
“ โทษทีๆ พอดีข้ามัวแต่คิดอะไรนิดหน่อยน่ะ “
“ นี่เจ้ายังไม่ลืมอดีตพวกนั้นอีกเหรอ ? “ คนถูกจี้จุดหยุดชะงักไปชั่วครู่
นัยน์ตาสวยคมก้มลงมองใบหน้าหวานที่มองมาอยู่เช่นกัน ทำให้เขาต้องกวาดสายตาไปมองอย่างอื่นแทน
“ เรื่องแบบนั้นข้าลืมมันไม่ลงหรอก.. “
“ ข้าเข้าใจเจ้านะแต่.. “
“ เราอย่าเสียเวลาเลย รีบไปช่วยคนของท่านก่อนเถอะ “
ร่างสูงรีบเปลี่ยนเรื่องเดินดุ่มๆไปที่หน้าประหูห้องขังเรียกคนที่อยู่ด้านหลังถอนหายใจออกมาเบาๆ
นารูโตะส่ายหน้ากับความจมปรักอยู่กับอดีตของหมาป่าหนุ่มแต่ดวงตากลมนั้นกลับฉายแววความเป็นห่วงอย่างเห็นได้ชัด
คนตัวเล็กยืนมองร่างสูงจัดการกับแม่กุญแจยักษ์ที่คล้องประตูไว้จนมันหักออกมาเป็นสองท่อนภายในเวลาไม่กี่นาที
นารูโตะเดินเข้าไปใกล้กับประตูเหล็กนั้นก่อนจะยกมือขึ้นมาสัมผัสบานประตูเบาๆ
เปลือกตาบางปิดสนิทเพื่อทำสมาธิจดจ่อกับสิ่งตรงหน้าก่อนจะลืมขึ้นมาตามปกติ
“ อืม.. ท่านพ่อไม่ได้ร่ายเวทย์เอาไว้ เจ้าช่วยเปิดมันให้ข้าหน่อยได้มั้ย
? “
ซาโซริพยักหน้า
มือแกร่งสัมผัสเข้าที่บานประตูเหล็กหนาแล้วออกแรงผลักมันช้าๆจนประตูขูดเข้ากับพื้นปูน
เสียงบาดแก้วหูดังพร้อมๆกันกับที่บานประตูค่อยๆอ้าออกทีละนิด
หลังจากประตูเปิดกว้างพอที่จะทำให้เขาทั้งคู่เข้าไปได้
ซาโซริจึงหยุดแรงที่ดันประตูออกไป นารูโตะไม่รอช้ารีบวิ่งเข้าไปด้านในทันทีโดยมีหมาป่าหนุ่มเดินตามไปติดๆ
“ ซาสึเกะ “
เสียงใสของคนตัวเล็กแผ่วเบาราวกับเสียงพ่นลมหายใจ ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่นมาพร้อมกับความเจ็บเพราะฟันที่ขบกัด
ภาพเบื้องหน้าของนารูโตะกำลังทำให้เขาหยุดนิ่งจนลืมหายใจ คนตัวเล็กเริ่มออกเดินไปทีละก้าวก่อนจะเปลี่ยนเป็นวิ่งเข้าไปหาองครักษ์ของตัวเอง
“ ซาสึเกะ.. “
“ ... “
“ ซาสึเกะ “ คนถูกเรียกยังนิ่งเงียบทำให้ผู้เป็นนายเริ่มเขย่าแขน
ความกังวลวิ่งเข้ามาซุมอยู่เต็มอกเมื่อนารูโตะไม่เห็นปฏิกิริยาตอบกลับของซาสึเกะแม้แต่น้อย
ทำให้คนตัวเล็กต้องออกแรงเขย่าแขนร่างสูงอีกรอบจนได้ยินเสียงโซ่ตรวนที่คลองไว้กับข้อมือหนา
“ ซาโซริ ซาสึเกะไม่ตอบข้าเลย “
ในเมื่อทำอะไรไม่ได้จึงขอความช่วยเหลือจากคนข้างๆ
แต่ดูเหมือนว่าหมาป่าหนุ่มก็คิดอะไรไม่ออกเหมือนกัน
เขาไม่รู้ว่าซาสึเกะเป็นอะไรและก็ไม่แน่ใจว่าการที่เขาเป็นแบบนี้เกิดมาจากการจองจำไม่ให้เห็นเดือนเห็นตะวันมาหลายชั่วยามหรือเพราะเลือดของคนตัวเล็กข้างหน้าเขาที่เข้าไปเป็นส่วนหนึ่งในร่างกาย
และที่สำคัญ คนไร้เรี่ยวแรงตรงหน้านี้ไม่เหมือนกับเขา
“ ข้าก็ไม่รู้จะช่วยท่านยังไงเหมือนกัน ขอโทษนะ “
ใบหน้าหวานหมองลงหลังจากได้ยินสิ่งที่คนข้างๆบอก นารูโตะพยักหน้าเข้าใจก่อนจะโบกสะบัดมือ
ทันใดนั้นกุญแจดอกใหญ่เก่าคร่ำครึก็ปรากฏออกมาลอยอยู่กลางอากาศก่อนจะตกลงใส่มือเรียว
“ ทะ.. ท่านจะทำอะไรน่ะ ? “ ซาโซริถามเสียงสูง
“ ข้าก็จะช่วยเขาน่ะสิ “ ไม่พูดเปล่าเจ้าตัวยังใช้กุญแจที่ร่ายออกมาไข้เข้าไปในรูกุญแจเหล็กที่คล้องแขนขององครักษ์ตัวเองไปด้วย
“ ท่าน.. ท่านทำแบบนี้ไม่ได้นะ หากองค์ราชารู้.. “
“ รู้แล้วจะทำไม? “
“ ท่านก็จะ.. “
“ จะอะไร ? “
“ จะโดนลงโทษน่ะสิ “
“ ช่างสิ ถ้าข้าโดนลงโทษแล้วเขาเป็นอิสระแทนเขาข้าก็ยอม “
“ แต่องค์ราชา.. จิ๊ โอ๊ยยยยยย ท่านทำข้าสติแตกแล้วเห็นมั้ย “ ซาโซริใช้มือขยี้ผมตัวเองจนมันฟูฟ่อง
ใบหน้าเรียวมองไปที่คนจอมดื้อก่อนจะยืนกอดอกทำหน้าบูดใส่
“ ล้มเลิกความตั้งใจของท่านเถอะ เดี๋ยวองค์ราชาก็ปล่อยเขาเองแหละ “ ดวงตาคมปลายตามองคนตัวเล็กที่กำลังช่วยเหลือลูกชายหัวหน้าเผ่า
ไม่สนใจเลยว่าตัวเองก็เพิ่งฟื้นขึ้นมา
“ ตกลงเจ้ามาช่วยข้าหรือมาขัดข้ากันแน่ ถ้าเจ้าไม่ช่วยเจ้าก็เลิกพูดมากได้แล้ว
“
“ ข้าก็มาช่วย แต่ข้าไม่ได้บอกว่าจะพานักโทษหนี “
“ ซาสึเกะไม่ใช่นักโทษ เข้าเป็นองครักษ์ข้า! “
“ ตอนนี้ก็ถือว่าเป็นนักโทษนั่นแหละ อ๊ะ..! “ ซาโซริรีบจับแขนซาสึเกะมาคล้องขอตัวเองทันทีเมื่อเห็นว่านารูโตะแบกร่างสูงคนเดียวจนเกือบจะล้ม
“ ขอบใจนะ “ ถึงแม้ว่าจะเคืองอสูรหนุ่มอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณเมื่อเขายื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ
นารูโตะกับซาโซริช่วยกับพาร่างไร้เรี่ยวแรงของซาสึเกะมานอนแผ่บนพื้น
ร่างกายที่แข็งแรงของร่างสูงในตอนนี้กลับไม่มีแรงที่จะยืนได้ด้วยตัวเอง ตามเนื้อตัวมีคราบเลือดเกรอะกรังเพราะบาดแผลที่ได้มาจากการต่อสู้
หัวเข่าทั้งสองข้างช้ำเป็นจ้ำเกิดจากการคุกเข้าที่ต้องรับน้ำหนักตัวไว้ตลอดหลังจากที่ถูกจับกุมมาอยู่ในที่แห่งนี้
สภาพของร่างสูงแทบจะไม่เหลือเค้าของคราบอสูรราตรีแม้เพียงนิด
ละอองสีเหลืองนวลแผ่ประกายออกมาจากปลายไม้เท้ากายสิทธิ์ลอยคละคลุ้งไปคลุมร่างเปลือยเปล่าของร่างสูง
บาดแหลที่ยังเปิดอ้าจนเห็นเนื้อค่อยๆสมานเข้าหากันจนปิดสนิทไม่ทิ้งคราบเลือดใดๆทั้งสิ้นบนร่างขององครักษ์
รอยฟกช้ำต่างๆจางหายไปไม่เหลือร่องลอยการต่อสู้รวมไปถึงใบหน้าเรียวซีดก็กลับมามีชีวิตชีวาขึ้นอีกครั้ง
แม้เวทย์มนต์ที่นารูโตะจะช่วยรักษาบาดแผลให้หายไปเป็นปลิดทิ้ง
แต่ดวงตาสีนิลก็ยังคงไร้แววเฉกเช่นเดิมไม่เปลี่ยนแปลง
ซาสึเกะนอนนิ่งไม่ไวติงใดใดทั้งสิ้นราวกับคนไม่มีชีวิต
“ ซาโซริ.. “
“ หื้ม ? “
“ ข้ากลัว “ เสียงหวานสั่นเครือเสียจนซาโซริรับรู้ได้
มันเลยทำให้เขาตัดสินใจพาคนตัวเล็กเข้ามาสวมกอดเพื่อปลอบใจ
ความรู้สึกนี้เขาเข้าใจเป็นอย่างดีว่าเพราะอะไร
ทำไมคนที่เขาสวมกอดอยู่ถึงต้องเสียใจแบบนี้
“ ถ้าเป็นเจ้า... ถ้าคนที่นอนอยู่ตรงนี่เป็นท่านพี่เจ้าจะทำยังไง? “ ทำถามที่ถูกส่งมาพลอยทำให้ร่างสูงชะงัก
“ ถ้าเป็นข้า.. ข้าจะช่วยเขาให้ได้แม้ว่าจะต้องแลกด้วยชีวิตข้าก็ยอม
“ น้ำเสียงอ่อนโยนถูกส่งไปให้นารูโตะ ดวงตาคมฉายแววเศร้าเมื่อนึกถึงใบหน้าหวานของคนที่คอยอยู่กับเขาตลอดเวลา
จนทำให้เขาเริ่มเปลี่ยนไปกลายเป็นคนละคน
นารูโตะผละตัวออกมาจากซาโซริแล้วมองไปที่องครักษ์ของตน
“
ตอนนี้ข้าก็คิดเช่นนั้นเหมือนกันกับเจ้า “ ฝ่ามืออ่อนนุ่มเอื้อมสัมผัสเข้าที่แก้มเรียวของอสูรตนเอง
ดวงตากลมฉายแววมีความหวังขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนที่หัวสมองจะตัดสินใจอะไรบางอย่างได้
แม้ว่ามันอาจจะเป็นอันตรายสำหรับตัวเอง
“ ซาโซริ ข้ามีอะไรอยากจะให้เจ้าช่วย “
“ อะไรเหรอ ? “
“ พาข้าไปที่ที่เผ่าหมาป่าอาศัยอยู่ที
“
TALK
โอ๊ยยยยยยยยยย...
มาแล้ววววววววววววววว เก๊ารู้ว่ารอเก๊านานมากกกก เค้ากลับมาแย้ววว โฮ TT กลับมาแบบสั้นๆตันๆด้วยนะ แอร้
ห่างหายไปนานเลยสำหรับเรื่องนี้ ไรต์ก็ยัง งงๆ ว่าพิมพ์เนื้อเรื่องต่อกันละเปล่า
ฮ่าๆๆ ก็ขอบคุณที่รอแล้วก็ติดตามอยู่นะคะ ดีใจมากๆเลย
ตอนนี้ปิดเทอมแล้วพิมพ์ฟิคที่เขียนสองเรื่องสลับกันจนหัวจะหมุน (เอื้ออออ
ฉันผิดเองที่ดองนิยายมากไป)แถมแนวเรื่องก็ไม่ได้เข้ากันเล้ยยยยย
อารมณ์มั่วหมดตีกันกระจายยยย ตายๆ ฮ่าๆๆ ชีวิตลูกชายหัวหน้าเผ่าหมาป่าช่างอาภัพนัก
ป.ล. เจอกันตอนหน้าจ้า J (เดี๋ยวจะรีบมาต่อให้นะตัว)
ความคิดเห็น