ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #40 : | 39 | Trick | นักฆ่าหลังเก้าอี้

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 179
      22
      6 ม.ค. 64

    "ถ้ามีครั้งหน้า ไม่ว่าแกอยู่ที่ไหน พวกเราจะไปล่าแก" | ซีลอน

    ในเงามืดของซอยเปลี่ยว นักฆ่าผมเงินนั่งหมุนมีดในมือเล่นฆ่าเวลา ข้อความนัดพบถูกส่งมาให้ก่อนหน้านี้ครึ่งชั่วโมง เป้าหมายของวันนี้คือพวกนักฆ่าที่ดันคิดการใหญ่เกินตัวในการลอบสังหารนภาแห่งวองโกเล่ ซึ่งกำลังมีประชุมพันธมิตรไม่ใกล้ไม่ไกลจากตรอกนี้

    เธอถอนหายใจ

    โกคุเทระสูบบุหรี่อยู่ที่เสาไฟด้านข้างอย่างหงุดหงิด เพราะตัวเขาเองไม่ได้รับเลือกให้เข้าไปในการประชุมที่ว่านี้ด้วย

    “ทำไมฉันต้องมาทำงานกับหล่อนด้วยเนี่ย...” วายุหนุ่มดูหัวเสียกว่าทุกที

    “มาพาลอะไรใส่ฉันกันล่ะ หรือนายใช้ภาพมายาได้รึไง ก็เพราะไม่ได้โคลมถึงต้องอยู่ข้างบอสแทนไม่ใช่รึไง” ซีลอนเหลือบมองเขาแล้วเริ่มเปลี่ยนจากหมุนมีดเล่นเป็นโยน

    “ชิ ซัด ๆ ไปก็จบแล้วแท้ ๆ” เขาพ่นควันออกมาเฮือกใหญ่

    “คิดเหมือนกัน ปาด ๆ ไปก็จบแล้วแท้ ๆ แต่ทำไงได้บอสอยากได้คนเบื้องหลังพวกนั้นเนี่ยน่ะสิ ...เหมือนทุกทีนั่นแหละอยากจะให้โอกาสกลับตัวสักครั้ง” ซีลอนยักไหล่

    “ช่างสมกับท่านรุ่นที่สิบ” ผู้พิทักษ์ผมเทายกมือปิดปากด้วยความปลาบปลื้ม นักฆ่ากลอกตาเบื่อหน่ายกับความภักดีแบบโอเวอร์จนเกินเหตุของชายข้างตัว

    “แล้วนี่ยามาโมโตะไปไหน?” โกคุเทระกลับมาสนใจงาน

    “เดินไปซื้อของกินเล่นมั้งเห็นบ่นว่าหิวนี่” เธอตอบปัดไม่ใส่ใจว่าใครจะไปไหน ลำพังแค่เธอก็เพียงพอกับการทำงานนี้แล้ว

    “อย่าลืมสิว่าท่านรุ่นที่สิบต้องการจับเป็น...” วายุเขม่นใส่นักฆ่า

    “หิ้วไปแค่หัวเบากว่าแท้ ๆ” เธองึมงำ

    “ได้ยิน!” ผู้พิทักษ์วายุตวาดใส่

    “ก็ไม่ได้ว่าแกหูหนวกสักหน่อย...” หล่อนเหลือบมองเขาตาขวาง

    “อะไร ๆ โมโหหิวกันเหรอ เอานี่ไปสิฉันซื้อมาเผื่อพวกนายด้วย” ยามาโมโตะกลับมาและยื่นห่อเคบับให้

    “เกือบจะดีแล้ว...” ซีลอนจับข้อมือของยามาโมโตะข้างหนึ่ง วายุหนุ่มก็ซัดหลังแหวนเข้าแสกหน้า นักฆ่านั้นลงมือแทงสีข้างซ้ำอย่างไม่รอให้อีกฝ่ายสบโอกาสหลบ

    “ก็ดีแล้วนี่ที่เผยไต๋ออกมาง่ายๆ” โกคุเทระสะบัดมือแล้วเดาะลิ้น

    กลุ่มหมอกคลายออกเผยให้เห็นถึงรูปร่างที่แท้ นักฆ่ารับจ้างใช้พลังไฟธาตุสายหมอกเข้ามาล่อลวงพวกเขาในระยะประชิด ทว่าก็โดนเก็บร่วงลงไปกองกับพื้นอย่างรวดเร็ว พวกเขามองออกแต่แรกเพราะว่ายามาโมโตะที่พวกเขารู้จักจะไม่โผล่มาจากทางด้านหลังโดยไม่ให้ซสุ้มเสียง เขามักจะส่งเสียงทักทายก่อนถึงตัวหลายเมตร 

    อีกจุดต่างที่สำคัญกว่านั้น หมอนั่นรู้ดีว่าอะไรก็ตามที่ซื้อมาฝากซีลอนจะต้องเป็นแบบไม่เผ็ด เคบับชุ่มซอสกลิ่นพริกหึ่งนับเป็นความผิดปกติที่ทำให้แยกแยะได้ในทันที

    “แล้วนี่เมื่อไหร่ตัวจริงจะมา...” หล่อนแตะร่างของชายในรูปที่สายข่าวส่งมอบให้ก่อนเริ่มงาน

    “คงเก็บกวาดอยู่ละมั้ง?” โกคุเทระไหวไหล่ลากร่างของชายคนนั้นไปซ่อนในตรอกและใช้ถุงขยะสุมบังร่างนั้นไว้ เขาจุดบุหรี่ขึ้นสูบอีกมวน

    “ชักช้าจริง ๆ ช้าแบบนี้ต้องมาพร้อมของว่างแล้วนะ ได้ยินไหมพิรุณ” ซีลอนดึงปกเสื้อของตัวเองขึ้นใกล้ปาก เครื่องดักฟังถูกซ่อนเอาไว้ในรูปแบบเข็มกลัดตกแต่ง สมอลทอร์คในหูส่งเสียงตอบรับที่ติดร่าเริงเล็กน้อย

    [แหม ทางนี้ต้องจัดการสามคนเชียวนะ ก็ต้องช้ากว่าอยู่แล้ว ตรงนั้นมีหลุดไปกี่คนล่ะ? พวกเราจัดการครบแล้วรึยัง?] เสียงของผู้พิทักษ์พิรุณดังตามอุปกรณ์สื่อสารคลอมาด้วยเสียงหัวเราะเบา ๆ ตามนิสัยของเขา

    “ปัญหาคือหลุดมาแค่หนึ่งเนี่ยสิ...” โกคุเทระขยี้ท้ายทอยตัวเองรับรู้ถึงเรื่องยุ่งยากขึ้นมา เป้าหมายของพวกเขาคราวนี้เป็นกลุ่มนักฆ่าห้าคน เก็บไปแล้วสี่ เหลือเพียงหนึ่งที่รอดสายตาไป

    “เดี๋ยวไปตามเก็บให้แล้วกัน แกก็อยู่นี่รอรับบอส” ซีลอนบิดขี้เกียจแล้วเดินออกไปจากตรอกมืด

    “อย่าหนักมือล่ะ บอสต้องการแบบมีชีวิต” โกคุเทระตะโกนไล่หลังไปเธอก็ยกมือรับรู้อย่างขอไปที

    ซีลอนมุ่งหน้าไปที่ถนนด้านหลังถัดไปสองตรอก มันเป็นซอยหลังร้านแถวนั้นที่สะท้อนแสงไฟนีออนสีสดจากป้ายโฆษณาใกล้ ๆ และที่นั่นก็มีชายคนหนึ่งยืนพิงกำแพงอยู่

    “ออกมาเดินเล่นฆ่าเวลาเหมือนกันเหรอครับ?” มุคุโร่คลี่ยิ้ม เขาเผยมือเชื้อเชิญให้เธอเข้าไปนั่งที่ฝาถังขยะใกล้ ๆ

    “ทางนั้นคงน่าเบื่อมากเลยสิ ถึงได้ทิ้งโคลมเอาไว้แล้วหนีออกมาสูดอากาศที่ไม่มีพวกมาเฟียน่ะ” เธอกระตุกยิ้มล้วงสองมือลงกระเป๋ากางเกงเดินเข้าไปใกล้

    “คุณรู้อยู่แล้วว่าผมเกลียดมาเฟียแค่ไหน แค่สูดอากาศหายใจที่เดียวกันก็ขยะแขยงแล้วครับ” สายตาเย็นชาเขาตวัดมองไปทางอื่นอย่างหงุดหงิด

    “มั่นใจจังเลยนะว่าแค่โคลมงานจะออกมาเรียบร้อย” ซีลอนพูดแหย่ ยิ้มตาปิดหยุดอยู่ตรงหน้าเขา

    “เพราะว่าเธอคือนักมายาที่ยอดเยี่ยมของผมยังไงล่ะครับ” ชายหนุ่มโอ้อวด

    นักฆ่าได้ยินเช่นนั้นก็หลุดหัวเราะออกมา ท่าทางที่ไม่ได้ระมัดระวังของหล่อนทำให้เขาสามารถลอบโจมตีเธอได้ในพริบตา เข็มยาวกว่าท่อนแขนสี่เล่มแทงทะลุทรวงอกจนนักฆ่าผมสีเงินทรุดลงไปกับพื้น แต่ก็ยังมีชีวิตอยู่

    “เห~ พวกเก่ง ๆ นี่ทนทายาดนี่แฮะ น่าประทับใจจัง แต่กระจอกกว่าที่คิดเยอะเลย” มุคุโร่ก้มลงแสยะยิ้ม ใบหน้าของเขาเปลี่ยนไปเป็นคนอื่น นักฆ่ามายาเผยตัวตนออกมา เขาคือซาเทอรี่ นักฆ่าลำดับที่สามสิบ ผู้เชี่ยวชาญการปลอมตัว มือหนาจิกกระชากเส้นผมขึ้นมาเพื่อมองสำรวจใบหน้าของเงาหลังเก้าอี้ให้ชัด ๆ

    “ใบหน้าของคุณดูดีมากเลยนะ เป็นแบบที่ผมชอบเสียด้วย จะเอาไปใช้อย่างดีเลยล่ะ” เขาพูดและใช้มืออีกข้างลูบใบหน้าตัวเอง เฉพาะแค่ส่วนหัวของเขาก็เปลี่ยนไปเหมือนซีลอนราวกับคนคนเดียวกัน

    “ความสามารถต่ำลงอย่างที่เป็นข่าวลือจริงซะด้วย แต่ยังไงก็คงต้องขอบคุณคุณล่ะนะ เพราะได้ยินมาว่าบอสใหญ่ของวองโกเล่เป็นพวกหัวอ่อนเชื่อฟังเงาหลังเก้าอี้... ด้วยใบหน้าของหล่อนฉันคงใกล้กับเป้าหมายแค่เอื้อม” เขาโขกหัวของซีลอนกับกำแพงอิฐและหัวเราะ เขาบิดแขนคลายความเมื่อยล้า กระแอมอยู่ตรงนั้นเพื่อทดลองเลียนแบบเสียงของนักฆ่าผมเงินอยู่หลายหน

    เขาลองขยับท่าทางและเลียนแบบยิ้มของซีลอนเพื่อที่จะเดินกลับไปตรงจุดนัดหมายเก่าที่จีพีอาร์เอสของนักฆ่ารับจ้างคนอื่นหยุดนิ่งอยู่นานแล้ว

    “รีบทำรีบรับเงินแล้วบินไปกบดานที่สวิสดีกว่า” เขาพึมพำ พอก้าวออกจากตรอกเงาร่างของใครบางคนก็ยืนพิงเสาไฟฟ้าอยู่ด้วยรอยยิ้มอ่านยาก

    “ช้าจัง ใช้เวลาในการปรับตัวเพื่อเลียนแบบอยู่ครู่หนึ่งด้วยแฮะ มิน่าถึงไม่เนียน” ซีลอนหาวหวอด ที่จริงเธออยู่ตรงนี้มาตั้งแต่ต้นและแค่มองทุกสิ่งทุกอย่างเกิดขึ้นในตรอก

    “!!!” ซาเทอรี่ผงะและชักปืนขึ้นยิงหล่อนในทันที นักฆ่าไม่หลบ กระสุนเหล็กฝั่งลงในเนื้อ ตัวของหล่อนกระตุกไปตามแรงยิงสี่นัด เธอควรจะล้มลงไปกับพื้นเย็นในคืนที่อุณหภูมิลดต่ำ แต่กลับยังคงยืนอยู่และหัวเราะราวกับพบเจอเรื่องตลก

    “ไอ้หนู... กฎข้อแรกของนักฆ่ามายาหากคิดจะไต่แรงค์ขึ้นมา แกต้องแยกให้ออกว่าอันไหนคือของจริง” ซีลอนกระตุกยิ้มยกมือปัดเสื้อนอกของตน กระสุนทั้งหมดถูกดันออกจากผิวหล่นกระทบพื้นเสียงก้อง ราวกับเวลาคล้ายจะช้าลง นักฆ่าลำดับสามสิบเกิดความหวาดกลัวขึ้นในใจ ก่อนจะขมวดคิ้ว

    “ใช่ สีหน้านั้นแหละ ก็ดูออกนี่หว่าว่าของปลอม” เธอหัวเราะร่วน แล้วสาวเท้าเข้าใกล้เขา หยุดยืนอยู่ตรงหน้าในขณะที่ปลายเท้าแทบจะแตะกัน

    “แล้วทีนี้ แกดูออกไหมว่าฉันตรงนี้คือของจริงหรือภาพมายา” ดวงตาสีครามหรี่โค้งเป็นเสี้ยวจันทร์ รอยยิ้มใต้แสงไฟนั้นไม่ว่ามองจากมุมไหนก็เป็นดั่งปีศาจร้ายผู้ยิ้มเยาะต่อโชคชะตา

    “...” ซาเทอรี่ไม่สามารถเอ่ยโต้ตอบเธอได้ มือของเขาเย็นและเหงื่อซึมจนชุ่ม แม้ว่าจะยังกำกระบอกปืนไว้แน่นแต่เขาในเวลานี้ไร้ซึ่งความมั่นใจว่าจะสามารถเอาชนะเธอได้

    “ข้อที่สอง ข่าวลือมันเชื่อถือไม่ได้... แค่ความสามารถแกไต่ขึ้นมาสูงกว่านี้ไม่ได้หรอกซาเทอรี่...” ซีลอนแสยะยิ้ม “แหล่งข่าวของนายต้องเชื่อถือได้มากกว่านี้ ศึกษาข้อมูลมากกว่านี้ ใช่ฉันอันดับตก แต่แกคงลืมไปว่าระยะห่างของลำดับมันมากโข มากพอที่จะทำให้แรงค์นักฆ่าไม่มีการเลื่อนไปอีกจนกว่าใครจากลำดับไหนจะตายหรือลาวงการไป” เธอยื่นมือไปหยิบปืนของซาเทอรี่ถอดแม็กกาซีนและโยนทิ้งได้อย่างง่ายดาย

    “สุดท้าย ถ้าแกจะเป็นนักฆ่ามายา จงอย่าให้ใครรู้ว่าตัวจริงของแกอยู่ตรงไหน” เธอยกมือคล้ายจะปิดปากเพื่อหัวเราะ แต่ที่จริงก็แค่ข่มขู่ด้วยการซ่อมรอยยิ้มของนักล่าที่จงใจปิดไม่มิดเอาไว้

    “วิ่งสิ”

    ซาเทอรี่รู้สึกเหมือนขาจะพันกัน เขาออกวิ่งอย่างไม่คิดชีวิต ไม่คิดด้วยซ้ำว่าจะสานต่องานนี้ให้สำเร็จในเมื่อคนอื่นเสียท่าไปหมดแล้ว แม้ว่ามันจะเป็นการเสียงเครดิตแต่เขามั่นใจว่าหากรักษาชีวิตเอาไว้ย่อมดีกว่าตายตรงนี้ หัวใจของเขาเต้นรัวยิ่งกว่ากลอง

    ฝนฟ้าเริ่มไม่เป็นใจเทกระหน่ำลงมาในคืนที่หนาวเหน็บ ในตรอกซอกซอยที่คล้ายจะเชื่อมถึงกันหมดนักฆ่าหนุ่มก็หยุดหอบหายใจที่ตรอกเล็ก ๆ หนึ่งหลังมั่นใจว่าวิ่งมาได้ไกลพอ แต่เมื่อเงยหน้าขึ้นมาก็พบว่าเขาอยู่ในซอยตัน ซอยที่เป็นด้านหลังร้านอะไรสักอย่าง บนกำแพงมีแสงกระทบสีชมพูและฟ้านีออนจากป้ายโฆษณาใหญ่

    ที่เสาไฟ และกำแพง ถังขยะที่ปิดฝาและร่างของเงาหลังเก้าอี้ซึ่งยังคงนอนโชกเลือดอยู่ที่เดิม

    “บัดซบ!” เขาสบถออกมา เลือดในกายพลันหนาวเหน็บ รีบหันกลับไปก็พบว่าเงาหลังเก้าอี้คนเดิมที่ร่างกายสะอาดเอี่ยมกำลังจ่อปืนมาทางเขาใต้ร่มสีดำคันใหญ่

    มันเป็นปืนของเขาอย่างไม่ต้องสงสัย

    “ขอร้องล่ะ! แค่ครั้งเดียวก็ยังดี! ปล่อยผมไปเถอะ! ผมผิดเองที่รับงานนี้มาโดยไม่ได้ศึกษาให้ดีก่อน!” เขารีบขอร้องอ้อนวอน รีบคุกเข่าเข้าไปเกาะขากางเกงหล่อน

    “ถ้าแก... คิดว่านี่เป็นโชคร้าย คงต้องโทษตัวเอง เพราะว่าแฟมิลี่ที่แกเลือกหันเขี้ยวเล็บใส่มันดันเป็น 'วองโกเล่' ไงล่ะ บ๊าย~บาย~” หล่อนกระตุกยิ้มไม่มีทีท่าจะใจอ่อน ซาเทอรี่เห็นท่าไม่ดีก็รีบกลอกตาหาลู่ทางหนีอื่น ที่หน้าตรอกมีคนเดินผ่านไปมาพร้อมร่ม

    “ช่วยด้วย!!!” และมันสิ้นหวัง

    “ไม่ต้องห่วง ในคืนฟ้ารั่วแบบนี้มันจะไปมีใครที่ไหนได้ยินเสียงร้องขอความช่วยเหลือจากแกกัน? พลังของผม ก็สะดวกแบบนี้แหละ A-ddio~” หล่อนบอกลานักฆ่ารับจ้างอายุสั้นก่อนจะลั่นไกเพียงนัดเดียว มันควรจะเป็นนัดเดียวที่เจาะสมองระเบิดหลังกะโหลกของนักฆ่าลำดับที่สามสิบตายสนิท

    ปืนกระบอกนี้เป็นของซาเทอรี่ แต่กระสุนเป็นของเธอ ชายหนุ่มล้มลงและหลับสนิทด้วยฤทธิ์ของยาสลบรุนแรง

    “แหม ผมนี่ก็ใจร้อนไปหน่อยเนอะ น่าจะบอกก่อนว่าแกพลาดตรงไหนบ้าง แต่มันก็ตั้งแต่ทั้งประโยคทักทายกับรอยยิ้มและการเรียกโคลมเลยล่ะนะ ทำการบ้านมาน้อย แต่ดันหลงระเริงในพลังสายหมอกของตัวเอง ขนาดพวกฉันจะสร้างพรรคพวกฝ่ายเดียวกันขึ้นมา ยังไม่ค่อยอยากจะคุมให้ภาพมายาได้ออกปากพูดคุยเลย...” หล่อนแสยะยิ้มลบรอยนิ้วมือบนปืน เอามันไปด้วยพร้อมกันลากนักฆ่ารับจ้างที่หลุดแหกลับไปที่จุดนัดพบ

    สายฝนที่ตกลงอย่างบ้าคลั่งหยุดลงเสียดื้อ ๆ ทั้งเสียงอึกทึกของฟ้าฝน หยดน้ำจากฟ้า เหล่าน้ำที่เจิ่งนองกับพื้น คนเดินผ่านไปมา ศพปลอมของตัวเอง และร่มคันนั้นในมือก็เลือกหายไปเพราะเป็นเพียงภาพมายา

    “ทางนี้จัดการเสร็จแล้ว กำลังจะกลับไปสมทบ น่าเสียดายจังอยากจะลองกระสุนลูกปรายที่ได้มากประเทศเพื่อนบ้านสักหน่อย...” เธอบ่นกระปอดกระแปด

    [ขืนลองใช้สึนะได้เอ็ดเธอไปสามวันเจ็ดวันแน่] ยามาโมโตะกล่าวขำ ๆ

    [อย่ามาใช้อาวุธผิดกฎหมายในเขตของรุ่นที่สิบสิฟะ!] โกคุเทระตวาดผ่านอุปกรณ์สื่อสาร

    “ผิดกฎหมายแต่มีคนทำขายเรื่อย ๆ นะอาวุธสงครามพวกนี้น่ะ” ซีลอนเบ้ปาก

    [มันก็เพราะมีพวกนอกคอกคอยซื้อไม่ใช่รึไง!] วายุหนุ่มฉุนขึ้นมา

    “พูดตามตรง ประสิทธิภาพลูกปรายจากพวกพ่อค้าอาวุธยังไม่ถูกใจฉันเท่าไหร่ ของที่แล็บอาวุธใต้สังกัดของฉันทำมันรุนแรงกว่าอีก แต่นี่ได้มาเป็นของขวัญตอนสานสัมพันธมิตร ขืนไม่ได้ใช้ก็ไม่มีหน้าไปตอบพอดีว่ามันดีหรือไม่ดี” ซีลอนยักไหล่โตอบกับสองผู้พิทักษ์

    ไม่นานนักเธอก็กลับมารวมพล ยามาโมโตะเองก็อยู่ตรงนั้นแล้วเขากำลังต่อบุหรี่กับวายุขี้หงุดหงิดอยู่

    “มาสักที เอ้านี่!” พิรุณโยนของว่างอุ่น ๆ ให้นักฆ่าที่ลากร่างใครบางคนมาด้วย

    “ขอบใจ กำลังหิวเลย” เธอว่าแล้วเปิดห่อแฮมเบอเกอร์กินทันที

    “...เวลาแบบนี้ยังจะกินลงอีกนะ” วายุเขม่นตา

    “หิวก็กิน มีอะไรผิดปกติรึไง” นักฆ่าตีหน้ายุ่ง

    “...” โกคุเทระเหลือบมองกองคนรอบตัวพวกเขาที่คล้ายจะเป็นศพแต่ยังหายใจอยู่

    “ไม่ใช่ศพสักหน่อย พูดก็พูดเหอะต่อให้นั่งอยู่กลางซากศพฉันก็ไม่มีปัญหาถ้าจะกินอาหารหรอกนะ” นักฆ่าหัวเราะพลางเคี้ยวอาหารไปด้วย

    พวกเขาคุยกันสักพักสึนะและผู้พิทักษ์สายหมอกทั้งชายหญิงจึงเดินประกบเขาออกมาจากหลังร้านแห่งหนึ่ง

    “ฉันละไม่ชอบคนพวกนั้นเลย...” สึนะคลายไทรอบคอตัวเองหลังถอนหายใจ

    “คนที่ไม่ได้ทำอะไรอย่างคุณไม่มีสิทธิ์มาบ่นหรอกนะครับ” มุคุโร่ก้าวยาว ๆ ไปยืนอยู่ข้างนักฆ่าของเขาและเมินนภาด้วยอารมณ์โกรธ

    “ทำไมจะไม่ทำอะไร...” สึนะยิ้มเจื่อนแต่ก็ไม่ได้ชวนทะเลาะต่อ

    “บอสคะ ถ้าอย่างนั้นพวกเรากลับกันเลยดีไหม?” โคลมทักขึ้นในเมื่อทุกคนเหนื่อยกันมากแล้ว

    “ยังก่อน ฉันต้องการคุยกับพวกเขา” สึนะก้มมองเหล่านักฆ่าที่สิ้นสภาพ เขาถอนหายใจแล้วลูบหน้าเครียด ๆ

    “เบามือกว่านี้ไม่ได้กันรึไง” นภามองหน้าไล่ทีละคนตั้งแต่รุ่นพี่ ไปจนถึงเพื่อนสนิททั้งสอง

    “ก็ว่าจะเขามือกว่านี้อยู่หรอกแต่ เจ้าหมอนั่นปลอมเป็นยามาโมโตะ ส่วนเจ้านี่ก็เป็นมุคุโร่ ปลอมไม่เนียนยังหลุดไต๋ออกมาง่าย ๆ อีกเลยพลั้งมือหนักเพราะรำคาญ” ซีลอนชี้นักฆ่าคนแรกที่เธอเจอและคนที่เธอแยกไปจัดการ

    “โฮ่ น่าดีใจจริงที่ถึงกับแยกออกได้ง่าย ๆ” มุคุโร่ลูบคางเหล่มองหล่อน

    “วิธียิ้มไม่เหมือน นายไม่เรียกโคลมว่านักมายาที่ยอดเยี่ยมของผมหรอก มันต้อง ‘โคลมที่น่ารักของผม’ ไม่ก็ ‘นักรบตัวน้อยผู้เก่งกาจของผม’ ต่างหาก ไอ้หมอนี่ไม่ได้เลียนแบบได้เหมือนทุกจุด พลังมายาก็ห่วยแตก” เธอแย้งออกมา

    “คือ... เขาตื่นอยู่นะ...” สึนะยกมือตบหน้าผากรู้สึกสงสารนักฆ่าที่ถูกรวบตัวแล้วโดนหาว่าห่วยแตก

    “ห่วยก็คือห่วย จะให้มาใจดีพูดว่า อ๋อไม่หรอก ฉันแค่เก่งกว่านายเท่านั้นเอง ไม่ใช่นิสัยของฉันสักนิด” ซีลอนกอดอก “จะเอายังไง รีดข้อมูลต่อเลยไหม?” เธอปรายตามองพวกนักฆ่าที่ถูกส่งมา

    “เรียกว่าคุยดีกว่าครับ บางทีพวกเขาอาจจะโดนหลอกมา คนที่คุ้นเคยกับโลกเบื้องหลังดีไม่มีทางไม่รู้จักความน่ากลัวของรุ่นพี่หรอก... แล้วก็ไม่มีทางหันมาแว้งกัดวองโกเล่ของพวกเราด้วย เอาเป็นว่าผมจะแค่ถามไถ่เท่านั้นครับ ไม่รีดข้อมูล” สึนะแบมือทั้งสองว่าเขาไร้ซึ่งแผนจะทรมานเชลยในมือ

    “ใจดีเกินไปแล้ว เดี๋ยวก็ถูกพวกมันกลับมาฆ่าเข้าสักวัน” เงาหลังเก้าอี้เดินไปนวดไหล่ของบอสหนุ่ม หยอกล้อด้วยการปาดนิ้วเข้าที่เส้นเลือดใหญ่บนลำคอของเขา

    “เพราะว่ารุ่นพี่จะคอยดูแลคุ้มกันผมอยู่ในเงามืดใช่ไหมล่ะครับ ผมไม่กลัวจะถูกลอบสังหารหรอก แล้วก็พวกเราตั้งใจจะผลักดันวองโกเล่ให้เป็นเหมือนรุ่นพรีโม่ ดังนั้นความยากลำบากแค่นี้สบายมาก!” สึนะคลี่ยิ้มเขาไว้วางใจเงาหลังเก้าอี้ของตัวเองมาก

    เวลาหลายปีที่ผ่านมาแม้จะถูกข่มขู่หรือหยอกล้อแรง ๆ แต่ซีลอนก็ไม่มีท่าทีจะฆ่าเขาจริง ๆ จัง ๆ สิ่งที่เธอทำคือการปกป้องเขาจากในเงามืด จากหลังเก้าอี้ที่เขานั่ง เมื่อรับรู้ถึงอันตรายและมีเธออยู่ใกล้ ๆ ได้สติอีกทีศัตรูผู้เป็นอันตรายก็ลงไปกองแทบเท้าเขาแล้ว

    อันดับของซีลอนตกลงก็จริง เพราะมีคนที่เก่งกาจกว่า พลังอำนาจจากไฟธาตุมากกว่า ทว่าเมื่อเทียบกับพวกคนธรรมดาที่ไม่อาจใช้พลังเหล่านี้ ก็เหมือนผู้ใหญ่รังแกเด็ก...

    “รู้ดีซะจริงนะ อย่าลดการ์ดลงมากล่ะ นายคงไม่ลืมนะว่าใครบางคนยังมีเป้าหมายเดิมอยู่” ซีลอนชี้ไปที่สายหมอกหนุ่ม เธอเดินกลับไปยืนข้างเขา

    “รู้น่า...” นภาลูบหน้ารู้สึกเหนื่อยขึ้นมาในใจ แต่เขาก็รู้ดีว่าตราบใดที่พวกเขาทะเลาะกันเองภายใน นั่นแหละคือสัญญาณของความสงบสุข

    เพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่มีศัตรูจากภายนอกบุกรุกหมายจะทำลายวองโกเล่ พวกเขาก็จะกลับมาร่วมมือกันราวกับความบาดหมางที่มีก่อนหน้าและที่แล้วมาเป็นเพียงการหลอกล่อเล่นตลก

    “งั้นก็พยายามเข้านะ ฉันจะไปหาราเม็งกินแล้วกลับบ้านละ” ซีลอนยกมือขึ้นบอกลาทุกคนตรงนั้น

    “เดินทางกลับดี ๆ นะครับ” สึนะค้อมหัวให้เล็กน้อย คนที่เหลือยังอยู่กับนภา ยกเว้นสายหมอกหนุ่มที่หันหลังเดินกลับไปพร้อมกับนักฆ่าเพราะทางเดียวกัน

    สึนะหันกลับมาที่นักฆ่ารับจ้างทั้งห้าคนและยิ้มอย่างอบอุ่น “เอาล่ะครับ พวกเรามาคุยกันต่อดีกว่าพวกคุณจะได้รีบกลับไปทำแผล ไม่ทราบว่าผู้ว่าจ้างเป็นใครเหรอครับ?” ดวงตาสีส้มในความมืดราวกับจะเรืองแสงขึ้นมา

    “เหอะ ใครจะไปบอกข้อมูลกับเด็กเมื่อวานซืนอย่างแก” นักฆ่ามากวัยในกลุ่มนั้นถมน้ำลายใส่รองเท้าหนังมันเงาของบอสวองโกเล่ วายุเลือดขึ้นหน้าก็เท้าไวกระทืบตอบแทนความสกปรกของมันไปสองสามที

    ในระหว่างที่สึนะหันไปมองชายคนนั้นด้วยสีหน้าลำบากใจเพราะจะบอกให้โกคุเทระหยุดก็ไม่ทันแล้ววายุหนุ่มหยุดก่อนเขาจะออกปากห้ามเสียอีก ซาเทอรี่ก็พุ่งตัวไปยังสึนะพร้อมมีดเล่มเล็กในมือหมายมั่นว่าอย่างน้อยก็ต้องทำให้บาดเจ็บสาหัสให้ได้ นักฆ่าผมเงินคนนั้นไม่อยู่แล้ว เขามองโดยรอบอย่างถี่ถ้วน

    ทว่ามือที่คว้าจับข้อมือของเขากลับเป็นนักฆ่าผมเงินคนเดิมจากด้านหลังของสึนะ

    “แกนี่มันไม่จำเลยนะว่าระดับของแกมันต่ำเรี่ยดินขนาดไหน...” ซีลอนกระตุกยิ้ม แสร้งตีหน้าร่าเริงพร้อมกับทักทายซาเทอรี่อีกครั้ง “trick or trick เจอกันอีกแล้วนะลำดับที่สามสิบ” หล่อนบิดข้อมือของอีกฝ่ายแล้วดึงให้เสียหลังก้นจ้ำเบ้าลงพื้น สึนะลูบหน้านึกเสียใจที่ไม่ได้ไล่ไปเป็นจริงเป็นจัง

    “อย่างที่คุณพูดไว้เลย พลังมายาต่ำจนน่าสงสารว่าโดนใครหลอกให้เข้ามาโลกฝั่งนี้” มุคุโร่เอ่ยผสมโรง

    “บัดซบ!” ซาเทอรี่สบถออกมาแม้จะขืนตัวแต่ก็ต้านแรงของนักฆ่าหญิงไม่ได้อย่างประหลาด

    “แกเข้ามาทีหลังแหง จำใส่กะลาหัวเอาไว้ วองโกเล่ไม่ใช่กลุ่มที่ใครจะหันมาเผยอคมเขี้ยวใส่ได้ ไปบอกนายแกซะว่าครั้งนี้บอสของพวกเราใจดีจะไม่เอาความ แต่ถ้ามีครั้งหน้า ไม่ว่าแกอยู่ที่ไหน พวกเราจะไปล่าแก” รอยยิ้มวิกลของเธอทำให้เขาหนาวสันหลัง มือซีดนั้นปล่อยข้อมือนักฆ่าหน้าใหม่ให้เป็นอิสระ

    “อย่าไปขู่เขาสิครับ แค่รับงานนี้มันก็ตอบตัวมันเองอยู่แล้วว่าเขาน่ะเป็นหน้าใหม่... คนที่อยู่โลกเบื้องหลังมาแต่แรกไม่ว่าใครก็รู้จักยี่สิบอันดับแรกกันทั้งนั้น แล้วก็รู้ดีว่ากลุ่มไหนยุ่งด้วยไม่ได้” มุคุโร่เยาะเย้ยถากถางอย่างสุภาพหันไปกระตุกยิ้มสังเวชนักฆ่าที่ถูกเงาหลังเก้าอี้หยอกเสียแรง

    “หยุดหลอกพวกเขาเหมือนผีสักทีได้ไหม ทั้งคู่เลย” สึนะหันไปเอ็ดนักมายาสองคนด้านหลังตนเอง

    “เห๋ ยากจัง” ซีลอนกลอกตา

    “นั่นสิครับ ขออะไรพิสดารเสียจริง พวกเราเป็นนักมายานะครับ สิ่งแรกที่ต้องทำให้ได้คือห้ามให้คนอื่นรู้ตำแหน่งที่แท้จริงของตัวเองเพื่อดึงศักยภาพของศัตรูออกมาให้ได้มากที่สุด” มุคุโร่พยักหน้าเห็นด้วยกับคนรักของตน เขารีบสมทบด้วยประโยคยืดยาว

    “รีบคุยไปเหอะน่า คิดซะว่าฉันไม่ได้อยู่ตรงนี้” ซีลอนกอดอก “บอสยังนั่งเก้าอี้อยู่เงาจะไปไหนได้ นายสะสางต่อให้จบเถอะ” เธอกระตุกยิ้มแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนคอนเดนเซอร์แอร์ใกล้ ๆ

    สำหรับนักฆ่ารับจ้างคืนนี้ยังอีกยาวไกล แม้คนที่น่ากลัวที่สุดจะไม่ได้ลงมือแต่ก็จับจ้องพวกเขาอยู่ด้านหลังนภาผู้อ่อนโยน และด้านหน้าของบอสผู้น่ารักก็ดันมีมือขวาที่เท้าหนัก และมือซ้ายที่ดูเป็นมิตรแต่หมัดหนักไม่แพ้กันหากพวกเขามีท่าทีจะทำอะไรสึนะ

    “ไม่ต้องปิดบังหรอก มันขึ้นกับเวลาเท่านั้นว่าพวกแกจะพูด หรือพรรคพวกของพวกเราจะสืบจนรู้ก่อนว่าใครส่งพวกแกมา” โกคุเทระทิ้งมวนบุหรี่และขยี้มันด้วยปลายเท้า เขาดูกำลังจะหมดความอดทนลงทุกเมื่อ

    ซีลอนที่อยู่หลังพวกเขาอีกทีก็หันไปสนใจโคลมและแบ่งลูกอมกับเธอเพื่อใช้ฆ่าเวลา

    “ของผมล่ะครับ...” มุคุโร่รีบท้วง

    “ไม่ลืมหรอกน่า” นักฆ่าเบะปากควานหาลูกอมในกระเป๋าแล้วส่งห่อสีขาวแดงซึ่งเป็นรสลิ้นจี่ให้ มุคุโร่อารมณ์ดีขึ้นทันตา เขาจะทำเป็นมองข้ามเรื่องน่าหงุดหงิดของวันนี้ไปก็แล้วกัน

     

     

    ตอนหน้าเป็นตอนสุดท้ายแล้วนะคะ ดีใจที่ได้เขียนเรื่องนี้มาก ๆ แม้ว่าช่วงกลางเรื่องซีลอนจะไม่ได้ทำอะไรนอกจากเฝ้าสังเกตการณ์เพราะไม่ใช่หนึ่งในผู้พิทักษ์ก็ตาม

    ช่วงเวลาที่ได้เขียนถึงซีลอนเป็นความทรงจำที่ดีมาก เหมือนได้สานฝันตัวเองวัยเด็ก(ที่สร้างไว้แต่ไม่ได้เขียนสักที/ฮา) จะทิ้งไปหายระยะหนึ่งถึงกลับมารีไรท์นะคะ ไม่ก็อาจจะรีไรท์หลังรีไรท์ฟิคป่วยดาบเสร็จต่อไปเลย

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×