ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #35 : | 34 | Curse | เจรจา

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 129
      15
      9 ธ.ค. 63

    "คนที่บ้ามันทางนั้นต่างหาก" | ซีลอน

    “ที่นี่มันที่ไหนกันละเนี่ย” หลังจากสึนะและซีลอนพุ่งตามรีบอร์นจนถูกดูดเข้าไปในหลุมดำก็โผล่มายังต่างถิ่นซึ่งไม่รู้ตำแหน่งแน่ชัดบนโลก ในถ้ำแห่งหนึ่ง

    “อ๊ากกก โครงกระดูก!!” สึนะที่ก้นจ้ำเบ้ากับพื้นมือไปสัมผัสโดนบางสิ่งเข้าพอหันไปเจอวัตถุสีนวลก็แหกปากออกมาลั่นถ้ำ

    “หนวกหูน่าบอส เอ้าลุกขึ้นซะ กะอีกแค่โครงกระดูกเอง” ซีลอนดึงแขนชายร่างเล็กขึ้นแล้วใช้ไฟฉายจากมือถือส่องไปรอบด้าน บนพื้นมีโครงกระดูกอยู่มากกว่าหนึ่งร่าง ดูโดยผ่าน ๆ ไม่อาจทราบถึงสาเหตุการตายได้

    “พวกแกตามมาด้วยสินะ น่าสนุกใช่ไหมล่ะ พวกนั้นก็น่าจะเป็นคนที่ได้รับจุกนมอัลโกบาเลโน่มาก่อนเหมือนกัน” รีบอร์นสาดไฟฉายไปยังสึนะที่ตามมาด้วยพร้อมทั้งเงาร่างของนักฆ่าหลังเก้าอี้

    “รีบอร์น! นายน่ะใจเย็นเกินไปแล้วนะ!” สึนะแสดงท่าทีร้อนรน ทั้งที่คิดว่าทารกนักฆ่านั้นเก่งมาแท้ ๆ แต่กลับถูกเบอบิวด้าพามายังสถานที่ปริศนา

    “ระดับอาจารย์ก็ต้องจงใจปล่อยให้อีกฝ่ายทำตามใจอยู่แล้วล่ะ มีวิธีตั้งมากมายจะหลบหลุมดำนั่น ปฏิกิริยาในการตอบสนองที่แท้ของท่านอาจารย์น่ะเร็วกว่านี้เยอะ” ซีลอนไหวไหล่

    “ใช่ ฉันจงใจถูกพามาเอง ก็เจ้าเบอบิวด้ามันพูดถึงเรื่องความจริงอะไรบางอย่าง ฉันอยากรู้ความจริงที่หมอนั่นพูด บางอย่างที่เกี่ยวกับจุกนมแห่งสายรุ้ง” รีบอร์นกระโดดขึ้นไปนั่งบนไหล่ของสึนะและสาดไปฉายเลออนไปยังผนังถ้ำด้านบน รูปที่ถูกวาดเอาไว้คือจุกนมทั้งเจ็ดและอักษรโบราณที่อ่านไม่ออก

    “แม้กระทั่งนายที่เป็นอัลโกบาเล่โน่ก็ไม่รู้อะไรเลยงั้นเหรอ?” สึนะเม้มปากและขมวดคิ้ว

    “ไม่รู้อะไรเลย” ทารกนักฆ่าตอบคำถามอย่างตรงไปตรงมาพลางโดดลงจากไหล่และเดินนำพวกเขา นาฬิการ้องเตือนว่าหมดเวลาการต่อสู้ก่อนจะเงียบลง

    “การต่อสู้ของวันนี้คงไม่มีแล้วล่ะ เจ้าพวกที่เหลือคงได้พักกันยาว ๆ ไม่ก็คงต้องรับมือแผนทำลายนาฬิกานอกรอบของพวกวินดิเช่อีก” ซีลอนประสานมือไว้หลังท้ายทอยแล้วเดินตามหลังรีบอร์นกับสึนะไป

    “รุ่นพี่... กลับไปจะไม่โดนว่าอะไรแน่นะครับ” สึนะเหลือบมองคนด้านหลังที่หัวเราะในลำคอเสียงทุ้ม

    “ใคร มุคุโร่เหรอ ก็คงเอ็ดบ้างแหละแต่เทียบกันแล้วแม้ว่าฉันจะเป็นรองหมอนั่นในเรื่องปริมาณไฟธาตุสำหรับนักมายา แต่ในแง่นักฆ่าฉันภาษีดีกว่านะ” เธอยักไหล่ “มาทางนี้มันน่าสนุกกว่าด้วย สำหรับฉันที่มองว่าเบอบิวด้าน่าจะเกี่ยวข้องกับคำสาปโดยตรงล่ะนะ...” หล่อนเบ้ปากแล้วมองนักฆ่าอันดับหนึ่งที่สาดไฟฉายไปตามผนังเพื่อมองหาภาพเขียนโบราณอื่น

    “ทำไมถึงมีชีวิตอยู่มาได้นานขนาดนี้ เกี่ยวข้องอะไรกับคำสาป เป็นไฟธาตุที่แปดที่มีเงื่อนไขและความรับผิดชอบในการใช้สูง แถมยังตั้งตัวเป็นผู้คุมกฎโลกมาเฟีย วงการที่แฟมิลี่เก่าแก่จะส่งมอบแหวนซึ่งมีพลังอำนาจซึ่งวิทยาศาสตร์ก็ไม่อาจจำแนกประเภทได้ มันต้องมีอะไรเกี่ยวข้องกับการต่อสู้นี่แน่ เพียงหนึ่งจะพ้นจากคำสาป อีกหนึ่งจะกลายเป็นอัลโกบาเลโน่ที่แข็งแกร่งที่สุด นั่นนะ หมายถึงเบอบิวด้านั่น เคยเข้าร่วมมาก่อนแล้วรึเปล่า? ทั้งที่ไม่ได้อยู่ฟังกติกาอะไร แต่กลับรู้ว่าต้องทำลายนาฬิกาหัวหน้าทีมจึงจะสามารถกำจัดทีมตัวแทนนั้นได้ทันที” เธอเตะกรวดบนพื้น เสียงกระทบนั้นก้องไปทั่วทางเดินในถ้ำ

    “นั่นก็...” สึนะลูบคางแล้วเงียบไป พอคิดตามแล้วการปรากฏตัวของกลุ่มตัวแทนเบอบิวด้ามีหลายอย่างที่น่าสงสัยจริงดั่งว่า และรวมไปถึงการลอบจู่โจมทำลายนาฬิกาตัวแทนอย่างชั่วร้ายอีกด้วย

    “ไม่มีกฎข้อไหนบอกว่าต้องเจ้าของต้องสวมนาฬิกาตลอดเวลา อาศัยช่องว่างนั่นไปโจมตีทีมชาวบ้านเพื่อลดจำนวนคู่แข่ง นับว่าฉลาดร้าย และกล้าบ้าบิ่นมากทีเดียวนะ สำหรับคนที่เพิ่งเคยลงแข่งครั้งแรก ขนาดฉันที่คิดวิธีนี้ออกยังไม่เสนอให้ทำเลย” เธอแสยะยิ้ม

    “หยุดคุยไร้สาระแล้วรีบ ๆ ก้าวขาเข้าพวกแก” รีบอร์นส่งเสียงขู่ลูกศิษย์ที่เริ่มเดินช้าลงเพราะการพูดคุย

    พวกเขาเดินมาพบกับรูปวาดเก่าแก่อีกหลายรูป ซึ่งเล่าถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้น

    เช็คเกอร์เฟส ภูเขา คนทั้งเจ็ด และเด็กทั้งเจ็ดกับจุกนมแห่งสายรุ้ง

    “วันแห่งโชคชะตา?” รีบอร์นขมวดคิ้ว

    “หมายถึงวันอะไรเหรอ?” สึนะเลิกคิ้วมองสลับภาพกับรีบอร์น

    “ให้ตายเถอะนายนี่ไม่รู้อะไรเลยรึไง” ทารักนักฆ่าถอนหายใจ

    “ก็ไม่รู้น่ะสินายไม่เคยบอกอะไรฉันเลยนี่นา!” นภาหนุ่มโวยวายทันทีที่ถูกพูดเหมือนว่าเขาผิดทั้งที่เคยถามไปหลายครั้งแล้วแต่รีบอร์นเองนั่นแหละที่ไม่เคยเล่าอะไรให้เขาฟังเลย

    “งั้นเรอะ ดูให้ดีนั่นเช็คเกอร์เฟส แล้วนั่นก็พวกฉัน ก่อนจะมาเป็นอัลโกบาเล่โน่ทั้งเจ็ดพวกเราไม่รู้จักกันมาก่อน แต่ก็ได้รับงานชิ้นหนึ่งมาทำให้พวกเราร็จักกันในฐานะเพื่อนร่วมงานชั่วคราวจ้างวานเงินดีมาก ทุกครั้งที่ทำสำเร็จก็จะมีคำไหว้วานอื่นถัดมาให้ทำแน่นอนว่าเงินมันสูงขึ้นเรื่อย ๆ พวกเราสนุกกับงานท้าทายพวกนั้นมากและต่างเป็นทีมเวิร์คที่ดีต่อกัน จนกระทั่งงานชิ้นสุดท้ายการปีนเขาเพื่อหาสมบัติ...” รีบอร์นขยับไฟฉาย

    “แต่ปรากฏว่าเป้าหมายนั่นคือเช็คเกอร์เฟส ในตอนที่พวกเราไปถึงยอดเขาก็เจอกับแสงปริศนา พอตื่นมาก็กลายเป็นเด็กแถมมีจุกนมห้อยคออยู่เอาออกไม่ได้ด้วย” รีบอร์นถือสิ่งที่ห้อยคอตัวเองอยู่ จุกนมตะวันสีเหลืองอร่าม คือสิ่งที่เขาได้รับมาในวันที่ถูกคำสาปสายรุ้ง

    “เลออนขยายไฟหน่อย” รีบอร์นสั่งสัตว์เลี้ยงของตนรัศมีของไฟก็ใหญ่ขึ้นจนเห็นคลุมทั่วทั้งผนัง

    “วันแห่งโชคชะตาเริ่มจากตรงนั้น แต่วันสงครามตัวแทนเพิ่งจะเริ่มต้น” รีบอร์นขยับไฟฉายไปส่งอีกภาพ

    “...ภาพนี้คุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหนนะ?” สึนะมุ่นคิ้วลูบปากตัวเอง

    “หมายความว่ายังไง?! ที่ไหน!?” รีบอร์นหันขวับมาที่สึนะ

    “มันคือวัฏจักรยังไงล่ะ...” เสียงหนึ่งดังขึ้น ณ ทางออกไกลไปอีกทิศ แสงที่พาดผ่านกระทบกับทางหินและบันได เงาร่างนั้นคือชายผมยาวหยักศกสีดำตัวแทนวินดิเช่ และเบอบิวด้าบนไหล่

    “ภาพที่อยู่บนกำแพงนั้นบันทึกเรื่องราวทั้งหมดเอาไว้ก่อนที่จะถูกทำลาย...” ทารกจุกนมใสกล่าว

    “เบอบิวด้า!” สึนะตั้งการ์ดขึ้นทันทีผิดกับซีลอนที่ยังดูไม่อะไรกับฝ่ายตรงข้าม

    “พอดีเลย ฉันต้องการคุบกับนาย” รีบอร์นรีบแสดงความต้องการของตัวเอง

    “หืม? มีคนติดมาด้วยเหรอ ช่างเถอะ ก็ได้ฉันจะบอกความจริงกับนาย แต่นายต้องถอดนาฬิกาข้อมือก่อน ฉันไม่ต้องการให้เช็คเกอร์เฟสรู้เรื่องที่พวกเราคุยกัน” เบอบิวด้าสร้างเงื่อนไขขึ้น

    “ได้ไง! ไม่มีทางที่เราจะถอดนาฬิกาทั้งที่อยู่ในเขตศัตรูอยู่แล้ว! ขืนนายทำเพื่อสร้างโอกาสทำลายนาฬิกาจะว่ายังไง พวกเราไม่มีหลักประกันอะไรเลยนะ” สึนะหน้าเคร่งเครียดในทันที แม้จะอยู่ต่างถิ่นแต่เขาก็ยังคงพยายามรักษาความสุขุม

    “นั่นก็จริง แต่ถ้าจะทำลายนาฬิกาของนายมันไม่จำเป็นต้องถึงมือฉันให้พวกวินดิเช่จัดการง่ายกว่า” เบอบิวด้าพูดด้วยน้ำเสียงยโส ซึ่งก็เป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้

    ซีลอนกระตุกยิ้มแล้วขยับมือไปล้วงกระเป๋ากางเกงแทน

    “ฟังที่หมอนั่นพูดฉันว่าน่าจะไม่มีปัญหานะบอส ถ้าไม่ไว้ใจงั้นก็เก็บเอาไว้ในกล่องเก็บของของฉันไหมล่ะ?” ซีลอนหมุนเจ้ากล่องไฟธาตุก้อนเล็ก ๆ ซึ่งพัฒนาเป็นกล่องบรรจุของย่อขนาด

    “อีกอย่างถ้าหมอนั่นจะทำลายนาฬิกาละก็ คงไม่พูดพล่ามยาวขนาดนี้หรอก ด้วยนิสัยจากที่เห็นในสวนสาธารณะน่ะ” เธอกระตุกยิ้มและส่งกล่องไฟธาตุเมฆาให้กับบอสที่สูงไล่เลี่ยกัน

    “อึ๋ย กล่องของเธอก็ไม่ใช่ว่าฉันจะวางใจหรอกนะซีลอน...” สึนะนิ่วหน้า

    “แหม~ แต่ก็เป็นการตัดสินใจที่ดี!” เธอหัวเราะในลำคอแล้วเก็บกล่องกลับไป

    “ถ้าฉันไม่ตามมามันน่าจะง่ายกว่านี้น้า...” สึนะยิ้มเจื่อน

    “ไม่หรอกนายมาน่ะดีแล้ว มันจะดีกว่าถ้านายรู้เรื่องนี้ด้วย” รีบอร์นส่ายหัวเล็กน้อย เขาคิดว่าสึนะที่มีสุดยอดลางสังหรณ์จะต้องเป็นประโยชน์แน่

    “มาทางนี้สิ” เบอบิวด้าให้สัญญาณผู้แทนวินดิเช่เขาก็นำทั้งสามไป นาฬิกาถูกถอดและวางไว้บนแท่นหิน ส่วนพวกเขาก็เดินเลยมายังโถงโล่งที่พื้นถูกปูด้วยวัสดุพิเศษบางอย่าง

    ซีลอนมองไปรอบด้านสำรวจสิ่งต่าง ๆ ในโถงและขมวดคิ้ว เธอไม่สามารถติดต่อมุคุโร่ข้างนอกได้เมื่อมายืนในพื้นที่นี้

    “ตรงนี้เป็นเขตพิเศษซึ่งปิดกั้นทั้งคลื่นไฟฟ้าทุกอย่างและโทรจิต ก็เพื่อป้องกันไม่ให้เจ้าเช็คเกอร์เฟสสามารถเข้าถึงบทสนทนาของพวกเราได้” เบอบิวด้าอธิบายเมื่อเห็นสีหน้าสงสัยของนักฆ่าสาว เธอพยักหน้าแล้วผายมือให้เขาเป็นเชิงว่าพูดเข้าเรื่องไปได้เลย

    “เขาไม่น่าจะทำงานกับเช็คเกอร์เฟสนะรีบอร์น” สึนะพึมพำ

    “อย่างน้อยนี่ก็แสดงให้เห็นว่านายไม่ได้ร่วมมือกับเจ้าเช็คเกอร์เฟสนั่นละนะ” รีบอร์นคลายความกังวลลงบางส่วน

    “ฉันจะเริ่มจากข้อมูลง่าย ๆ อัลโกบาเลโน่ไม่ได้มีแค่เจ็ดคนอย่างที่พวกนายรู้มา เด็กทารกทั้งเจ็ดที่แข็งแกร่งที่สุดซึ่งถูกเรียกว่าอัลโกบาเลโน่ นานมาแล้วทุกยุคทุกสมัย... คือเหล่ามนุษย์ที่สละชีวิตตามคำสั่งของเช็คเกอร์เฟสสร้างขึ้นเพื่อปกป้องคุ้มครองจุกนม” เบอบิวด้าเอ่ยเสียงเรียบ ทำให้ไม่รู้ว่าเขาคิดเห็นยังไงกับเรื่องดังกล่าว

    “สละชีวิต!?” สึนะทำหน้าปูเลี่ยนขึ้นมา คนที่สละชีวิตเพื่อปกป้องจุกนมตามคำสั่งของเช็คเกอร์เฟส? แล้วเช็คเกอร์เฟสที่จริงเป็นใครกันแน่?

    “จุกนมแห่งสายรุ้งคือสมบัติที่ไม่อาจปล่อยให้ถูกทำลายลงได้ อัลโกบาเลโน่คือคนที่สามารถสละชีวิตเพื่อปกป้องพวกมันได้ราวกับชีวิตของตัวเอง ดังนั้นมันจึงเป็นงานที่คนธรรมดาจะทำไม่ได้ ต้องเป็นอัจฉริยะที่แข็งแกร่งมากเท่านั้น” เบอบิวด้าเอ่ย

    “นั่นเป็นเหตุผลว่าทำไมอัลโกบาเลโน่จึงได้ถือกำเนิดขึ้นเจ็ดคนในยุคนี้” เบอบิวด้าสรุป

    “มิน่าละไม่ว่าจะค้นประวัติย้อนไปเท่าไหร่ก็ไม่มีเบาะแสของจุกนมแห่งสายรุ้งทั้งเจ็ด...” รีบอร์นนิ่วหน้า

    “แต่ว่าอัลโกบาเลโน่ไม่อาจคงอยู่ได้ตลอดไป เมื่อผ่านไปสักพักร่างกายก็จะต่อต้านพลังของจุกนมทำให้เกิดผลข้างเคียงกับร่างกาย นั่นทำให้จำเป็นต้องมาการส่งต่อถึงรุ่นถัดไป และนั่นคือศึกตัวแทน” ทารกใต้ผ้าพันแผลอธิบายส่วนขยาย

    “ว่าไงนะ!” สึนะผงะไป รีบอร์นเองก็ตกใจไม่แพ้กัน

    “มีสองสิ่งที่คงเดิมหลงเหลือในความทรงจำของผู้คนบางส่วนเท่านั้น หนึ่งคือวันแห่งโชคชะตา และศึกตัวแทนสายรุ้ง” เบอบิวด้าถอนหายใจเล็กน้อย

    “...” ซีลอนขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม นั่นยังไม่อธิบายถึงไฟธาตุที่แปดของพวกวินดิเช่...และร่างกายที่ราวกับซากศพพวกนั้น

    “นายกำลังจะบอกว่า...วินดิเช่คืออดีตอัลโกบาเลโน่บางส่วนหลังศึกตัวแทนสายรุ้ง?” เธอหรี่ตามองอย่างจับผิด ถ้าเป็นแบบนั้นก็พอจะอธิบายเรื่องร่างกายที่ไม่แก่ไม่ตายแต่อยู่ในสภาพใกล้เคียงกับศพได้ ทั้งยังความสามารถที่แข็งแกร่งอย่างไร้ที่มา

    ไม่มีสถาบันฝึกวินดิเช่ ไม่มีข่าวการลักพาตัวหรือขายคนให้กับองค์กรผู้คุมกฎแห่งโลกใต้ดิน เช่นนั้นแล้วพวกเขาไปหาคนเก่งกาจมาจากไหน และวิธีใด ปริศนานี้ก็จะสมเหตุสมผลมากขึ้น จำนวนเพิ่มขึ้นนานทีปีหน และมาจากหนึ่งในผู้แข็งแกร่งที่สุด...

    “หัวไว... ถูกต้องแล้วถ้าเธอเกิดไวกว่านี้อีกหน่อยก็ไม่แน่ว่าจะกลายมาเป็นหนึ่งในอัลโกบาเลโน่เช่นกัน” เบอบิวด้าคล้ายจะหัวเราะแต่ก็ไม่ เขาจึงอธิบายต่อเพราะสีหน้าของสึนะนั้นตื่นตะลึงไปอย่างงงงวยเรียบร้อย

    “จุดประสงค์ที่แท้จริงของศึกตัวแทน คือการสร้างอัลโกบาเลโน่รุ่นถัดไป” ทารกใต้ผ้าพันแผลเอ่ย

    “เดี๋ยวก่อนนะถ้าเป็นอย่างนั้นจริงแล้วทำไม!? พวกนายคือคนที่พ่ายแพ้อย่างนั้นเหรอ?” สึนะขมวดคิ้ว

    “จะถูกปลดยังไงล่ะ ใครก็ตามที่ตายจุกนมจะถูกลบออก ส่วนใครก็ตามที่รอดมาได้...” เบอบิวด้าเงียบไป

    “คำสาปทั้งหมดก็จะไปรวมอยู่ที่คนผู้นั้น เข้าใจรึยัง เป้าหมายในการมีชีวิตของพวกเราคือล้างแค้น” ชายผมหยักศกคลายผ้าพันแผลทั่วร่างกายออก เผยให้เห็นถึงผิวหนังที่เข้มเทาและแผลเป็นที่อกซ้ายจนเห็นซี่โครง รวมไปทั้งจุกนมหินคล้องโซ่บนอก

    “อย่างที่ยัยหนูพูด พวกเราวินดิเช่เคยเป็นอัลโกบาเลโน่มาก่อน” เขายืนยันความคิดของซีลอน

    “มิน่าล่ะ ทั้งความแข็งแกร่ง จำนวนคน ที่มาที่ไปประวัติทั้งหมดล้วนเป็นปริศนา ไม่มีข่าวการซื้อขายทาสหรือคน ทั้งการฝึกหรือส่งตัวเข้าวินดิเช่ก็ไม่มี แต่กลับรักษามาตรฐานความแข็.แกร่งเอาไว้ได้มาตลอดทั้งที่ไม่มีข่าวเรื่องการหาหรือรับคนเข้า...” นักฆ่าหลังเก้าอี้พึมพำก่อนจะแสยะยิ้ม “คิดถูกแล้วละน้าที่ตามอาจารย์มา เรื่องที่สงสัยมานานก็ได้รู้เสียที~” เธอยิ้มและเอียงคอเล็กน้อย

    “อะไรกัน!” สึนะเหงื่อตกก่อนจะกุมขมับแล้วยกมือเมื่อนึกอะไรขึ้นได้ “ที่บอกว่าจะปลดคำสาปนั่นก็โกหกงั้นสิ!?”

    “ใช่ หมอนั่นโกหกชัด ๆ การแข่งนี่เพื่อหาผู้แข็งแกร่งมารับช่วงต่อ ถึงจะสามารถกลับไปยังร่างที่แท้ได้...ก็ต้องรอดชีวิตจากคำสาปก่อนและ...จะกลายเป็นแบบนี้” เขาเปิดผ้าพันแผลบนหน้าออก ผิวหนังที่หายไปเนื้อสีแดงคล้ำ มีแค่เสี้ยวใบหน้าของเขาเท่านั้นที่ยังคงดูเป็นมนุษย์

    “ฉันก็ว่าแล้วว่ามันแปลกๆ...” รีบอร์นก้มลงเล็กน้อยพลางขยับปีกหมวก “ฉันไม่เคยเชื่ออยู่แล้วว่าคนชนะจะคลายคำสาปได้ แถมยังรู้ว่าเจ้าเช็คเกอร์เฟสนั่นมันโกหก และสุดท้ายถ้าฉันจะเป็นแบบนั้นขอตายแบบหมาข้างถนนเสียยังจะดีกว่า”

    “รีบอร์น...” สึนะมองทารกนักฆ่าบนไหล่

    “ไม่เอาน่าอาจารย์ มันต้องมีวิธีสิ นี่มันศตวรรษที่เท่าไหร่กันแล้ว ขอแค่ทุ่มงบวิจัยและทรัพยากรคนเราต้องได้อะไรมาบ้างล่ะ” ซีลอนกอดอก

    “ฉันกะไว้แล้วว่านายมีอะไรพิเศษรีบอร์น...” เบอบิวด้าเอ่ย

    “แล้วทำไมนายถึงเข้าร่วมทั้งที่รู้อยู่แล้วล่ะ?” รีบอร์นถามเจาะประเด็นที่เขาสงสัย

    “มีแค่ทีมชนะเท่านั้นจะได้เข้าใกล้เช็คเกอร์เฟส ฉันต้องการจะฆ่ามัน ดังนั้นจำต้องชนะเท่านั้น นอกจากนี้เช็คเกอร์เฟสมันมีพลังในการลบตัวตน ฉันไม่สามารถหามันได้ในช่วงเวลาอื่นเหนือศึกสายรุ้งเลย ฉันรู้ว่านายคงพยายามหาตัวหมอนั้นเหมือนกัน” ทารกใต้ผ้าพันแผลมีน้ำเสียงหงุดหงิด

    “ใช่ และไม่เจออะไรเลย” รีบอร์นตอบกลับท่าทีฉุน ๆ

    “และเพื่อการนี้ ฉันต้องการพลังของนายรีบอร์น... ได้โปรดช่วยฉันเถอะ เพื่อขัดขวางโศกนาฏกรรมที่จะซ้ำรอย ขอร้องล่ะ” ทารกใต้ผ้าพันแผลยื่นมาออกมา คาดหวังว่าจะได้รับคำตอบตกลง หลังจากที่ตะวันผู้แข็งแกร่งได้รับรู้เรื่องราวที่แท้จริงทั้งหมด

    “... แล้วทำไมต้องเป็นรีบอร์นล่ะนายก็น่าจะเห็นนี่ว่าฟงกับโคโรเนโร่แข็งแกร่งเหมือนกัน” ทว่าสึนะยังไม่คลายความหวาดระแวงลง

    “ฉันไม่ได้เลือกรีบอร์นเพราะแค่แข็งแกร่งหรอกนะ มันเป็นเรื่องที่เริ่มมาตั้งแต่บรรพบุรุษของพวกนาย เส้นทางที่สืบทอดรับต่อมา...” เบอบิวด้าชี้ไปที่สึนะ

    “เอ๋? ฉัน!?” นภาหนุ่มผงะเล็กน้อย

    “ใช่ นายนั่นแหละ นายเหมือนพรีโม่มากเขาก็ไม่เก่งทั้งกีฬาและการเรียน แต่เมื่อได้ครูสอนพิเศษนายก็เติบโตอย่างรวดเร็ว การทดสอบแรกก็คือศึกกับมุคุโร่” เบอบิวด้าดีดนิ้วอุปกรณ์ในถ้ำก็ฉายภาพของเรื่องสมัยสึนะอยู่ม.ต้นขึ้นมากลางอากาศ

    “นั่นมันนานมาก ๆ แล้วนะ!” บอสของวองโกเล่ยิ้มเจื่อนรู้สึกความเป็นส่วนตัวของเขาถูกรุกล้ำยังไงชอบกล

    “ตอนที่นายอ่อนแอ กลับพัฒนามาได้อย่างปาฏิหาริย์ และยังมีอีกหลายครั้งหลายครา การต่อสู้เสี่ยงตายกับแซนซัส ศึกอนาคตกับเบียคุรัน ไหนจะการปะทะกับชิม่อนและเดม่อน หลังจากได้เห็นพัฒนาการและความสามารถของนายในตอนนี้เห็นได้ชัดว่านายเป็นภัยต่อวินดิเช่ ในเรื่องความสามารถเหล่านั้นฉันขอยอมรับในตัวนาย” เบอบิวด้าเอ่ย

    “และยังไม่รวมกับการดึงศํกยภาพที่รีบอร์นทำกับโคลมและมุคุโร่จนทำให้พวกเขาล้มวินดิเช่ได้ถึงสองคน แม้จะไม่โดดเด่นจนใครจับสังเกตได้ แต่นายเป็นคนผลักดันศักยภาพที่ซุกซ่อนอยู่ในตัวผู้คนรีบอร์น ฉันไม่เคยเห็นอัลโกบาเลโน่แบบนี้มาก่อน นั่นเป็นเหตุผลทั้งหมดของฉันที่ฉันต้องการนาย” เบอบิวด้าเปิดใจพูดออกมาทั้งหมด

    ซีลอนยังคงยิ้มไม่รู้สึกรู้สาเฝ้ารอคำอธิบายส่วนถัดไปซึ่งจากที่เหลือบมองเองอาจารย์ของเธอก็ยังคงรอให้อีกฝ่ายเปิดปากพูด แต่เบอบิวด้าก็ไม่ได้กล่าวถึงมัน

    “นายเองก็ประหลาดไม่แพ้กันหรอก” รีบอร์นกระตุ้นด้วยคำพูด

    เบอบิวด้าจึงพูดต่อคล้ายบ่นให้ฟัง “ขอล่ะ อย่าเห็นฉันเป็นอะไรแบบนั้นเลย ฉันก็แค่ทำตามอารมณ์ตอนนั้นแล้วฉันเองก็อยู่มานานมาก จึงเข้าใจว่าไม่ว่ายุคสมัยไหนก็จะมีคนพยายามไม่ทำตามกฎดังนั้นฉันถึงฆ่าเวลาด้วยการสร้างกฎขึ้นมา”

    “ไม่ใช่เรื่องนั้น นายเป็นใคร นายต่างจากพวกวินดิเช่ นายมีจุกนมใสเบอบิวด้า...” รีบอร์นพูดจี้สิ่งที่อีกฝ่ายไม่ได้กล่าวถึงเลย

    “...ฉันเป็นอัลโกบาเลโน่คนเดียวที่เช็คเกอร์เฟสเชื่อว่าจะใช้งานได้ แต่ฉันไม่ยอมให้หมอนั่นดึงพลังของจุกนมคืนไป” เบอบิวด้าตอบคำถามนั่นอย่างใจเย็น

    “ไม่ยอมอย่างนั้นเหรอ?” รีบอร์นทวนคำนึกสงสัยขึ้นมา

    “ฉันไม่ยอมรับการดึงพลังกลับไป แม้ว่าจุกนมจะว่างเปล่าจากธาตุทั้งเจ็ดฉันที่ไร้สิ้นสุดนั้นก็ได้ค้นพบพลังไฟธาตุที่แปด ไฟแห่งรัตติกาล...” ทารกใต้ผ้าพันแผลแบสองมือออกให้เห็นกลุ่มหมอกดำที่คล้ายทั้งควันและหมึก

    “พลังนั่นแบบเดียวกับเดม่อนและวินดิเช่เลยนี่...” สึนะเห็นพวกมันอย่างชัดเจนก็ลูบคางครุ่นคิด

    “ในตอนที่หลบหนีจากความตาย ฉันตามหาผู้ที่จะสามารถมาปลดปล่อยฉัน กลุ่มของเหล่าผู้ที่เต็มไปด้วยความอาฆาตพยาบาทอย่างที่สุด รวบรวมโดยฉัน เหล่าผู้มีความแค้น... ก่อตั้งกลายเป็นวินดิเช่ ผู้คุมกฎแห่งโลกมาเฟีย” เบอบิวด้าสรุปเรื่องราวขององค์กรใต้ชุดคลุมดำและผ้าพันแผลทั่วทั้งตัว

    “...แล้วทำไมต้องเป็นมาเฟียล่ะ?” สึนะขมวดคิ้วข้องใจ รีบอร์นเองก็ถูกนภาหนุ่มชักจูงให้คล้อยตามไปด้วยอย่างเผอเรอ

    “นั่นสิเช็คเกอร์เฟสและอัลโกบาเลโน่ไม่ใช่มาเฟียสักหน่อย” รีบอร์นเห็นด้วยกับนภา แต่...

    “เผื่ออาจารย์จะลืมไปนะว่าจุกนมสายรุ้งมันเป็นส่วนประกอบของทรีนิเซตเต้ ซึ่งอีกสองส่วนที่เหลือมันดันตกอยู่ในการคุ้มครองของแฟมิลี่มาเฟียสองกลุ่ม...” ซีลอนนวดหัวคิ้ว

    “ถูกต้อง... ชักจะเข้าใจความรู้สึกเสียดายของเจ้าเดม่อนแล้วสิเนี่ย...” เบอบิวด้าถอนหายใจเล็กน้อย

    “โทษที พวกนายไม่ได้เก็บฉันกับแฝดมาแบบปู่ป๋า เพราะฉะนั้นไอ้การจะเปลี่ยนคนสวามิภักดิ์อะไรนั่น เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด” ซีลอนผายมือออกข้างแล้วยิ้มซน

    “ที่จริงทั้งจุกนมสายรุ้ง แหวนมาเร่ริงและวองโกเล่ที่ตอนนี้กลายเป็นวองโกเล่เกียร์นั้นคือสิ่งที่รักษาสมดุลโลกและอยู่ภายใต้การดูแลของเช็คเกอร์เฟส” เบอบิวด้าเปิดเผยข้อมูลสำคัญอีกก้อนหนึ่ง

    “ถ้าพูดถึงจุดเชื่อมโยงงั้นก็หมายความว่าอาจจะควบคุมแหวนมาเล่และวองโกเล่เกียร์ผ่านจุกนมสายรุ้งรึเปล่านะ” รีบอร์นขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม

    “ฉันรู้เรื่องนี้มาจากคนทรงเจ้าก่อนที่พวกมันจะถูกสร้างขึ้น และจุกนมทั้งเจ็ดมอบให้เช็คเกอร์เฟส ส่วนแหวนทั้งสองเซตถูกมอบให้บอสมาเฟีย”

    “ต่อมาคนคนนั้นก็ได้ก่อตั้งวองโกเล่แฟมิลี่ และจิลลิโอเนโร่แฟมิลี่ คนทรงคนนั้นคือเซฟิร่าบรรพบุรุษของยูนิ และพรีโม่จีอ๊อตโต้บรรพบุรุษของนายยังไงล่ะซาวาดะคุง ฉันตั้งวินดิเช่ขึ้นก็เพื่อจับตามองการควบคุมพลังของทรีนิเซตเต้ เพราะคิดว่าถ้าจับตาดูละก็จะต้องได้เจอกับเช็คเกอร์เฟสแน่ มันยังไม่ใช่เรื่องราวทั้งหมด แต่ก็เป็นความจริง” เบอบิวด้ากล่าวถึงที่มาที่ไปของทรีนิเซตเต้จากความทรงจำของตัวเอง ผู้คอยเฝ้ามองโลกจากในมุมมืดมาแสนนาน

    "งั้นฉันขอถามคำถามสุดท้าย" รีบอร์นตีสีหน้าจริงจัง "ถ้าเกิดเอาชนะเช็คเกอร์เฟสได้อัลโกบาเลโน่รุ่นปัจจุบันจะเป็นยังไง?"

    "พวกนายจะตาย" เบอบิวด้าให้คำตอบได้ในทันทีโดยไม่คิดจะปิดบังพร้อมทั้งให้สาเหตุของผลลัพธ์นั่น

    “การเอาชนะและฆ่าเช็คเกอร์เฟสเป็นดั่งการล้างระบบ นั่นจะทำให้อัลโกบาเลโน่หายไปด้วยเช่นกัน แม้ว่ามันจะหมายถึงฉันด้วยก็ตาม แต่ฉันจะไม่ตายเด็ดขาดหากไม่ได้ล้างแค้น!” เบอบิวด้ามุ่งมั่นไม่สั่นคลอนแม้ปลายทางที่รอเขาอยู่จะเป็นความตาย

    “งั้นนั่นก็เป็นปัญหาแล้วล่ะถึงฉันจะยอมแต่ยูนิกับคนอื่นอาจจะไม่ เรื่องนี้ฉันไม่สามารถตัดสินใจคนเดียวได้” รีบอร์นถอนหายใจ

    “นายก็รู้ว่างานใหญ่จำเป็นต้องมีคนเสียสละ” เบอบิวด้าชักน้ำเสียงเล็กน้อย

    “แต่ฉันไม่ยอมรับ...” สึนะนิ่วหน้า “การล้างแค้นของนายที่ทำให้อัลโกบาเลโน่คนอื่นต้องตายน่ะฉันไม่ยอมรับ!” สึนะตวาดขึ้นในที่สุด ซีลอนยิ้มค้างแล้วกลั้นหัวเราะอยู่ด้านหลัง

    “ประหลาดใจจริงนะที่นายไม่ยอมรับเนี่ย” เบอบิวด้าเอ่ยประชดประชันนภาแห่งวองโกเล่

    “ทำเกินไปหน่อยน้า” รีบอร์นประเมินให้ลูกศิษย์ของเขายังคงต้องได้รับการฝึกฝนอีกหน่อย

    “ทำไมถึงไม่ยอมรับล่ะ?” เบอบิวด้าเอ่ยถามตรงประเด็นเผื่อว่าเขาจะสามารถหาทางออกอื่นเพื่อให้อีกฝ่ายยอมตกลงช่วยเหลือเขาได้

    “นายจะทำยังไงสึนะ?” รีบอร์นเอ่ยถามเป็นการชี้ทางให้ตอบ ซึ่งเขาก็รู้อยู่แล้วว่าลูกศิษย์แสนใจดีของตนเองจะเลือกเดินไปในเส้นทางที่ถูกแสงแดดสาดส่องอย่างอบอุ่นเท่านั้น ทางที่จะไม่ต้องเสียอะไรไปจากมือสักอย่างเยี่ยงคนโลภโมโทสันที่สุด

    “ฉันจะไม่ยอมให้นายชนะในศึกตัวแทนสายรุ้งนี้แน่! แล้วก็จะหาทางอื่นดู!” สึนะตัดสินใจลงไปแล้ว เงาหลังเก้าอี้กับอาจารย์ของเขาก็ได้แต่ยิ้มอย่างรู้ว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้

    “ทิ้งโอกาสไปซะได้นะ...” ชายผมหยักศกเอ่ยเสียงต่ำ เพียงพริบตาเขาก็เคลื่อนย้ายมาหาสึนะพร้อมโจมตี ติดก็แต่นักฆ่าผมเงินที่ตามมาด้วยไม่ยอมให้เป็นแบบนั้น

    “คิดจะแตะต้องบอสทั้งที่อยู่ในสายตาของเงาหลังเก้าอี้ก็ต้องข้ามศพฉันไปก่อนละนะ” เธอแสยะยิ้มดันมีดในมือผลักหมัดรัดโซ่ของอีกฝ่ายออกไป

    “ไม่ดีเลยนะแจ็คเกอร์คุง ต้องขอโทษแทนหมอนี่ด้วยเขาคงไม่ได้ตั้งใจให้อภัยเขาเถอะนะ” เบอบิวด้าเอ่ย แจ็คเกอร์ไม่ได้พูดอะไรแค่เขม่นมองมาอย่างเอาเรื่องเท่านั้น

    “เหอะ ถ้าจงใจหัวคงหลุดเลยละมั้ง?” ซีลอนค่อนแคะกลับแล้วเท้าเอว เธอซ่อนมือที่สั่นชาเอาไว้ด้านหลังของตน รีบอร์นที่สังเกตเห็นก็ตัดสินใจให้คำตอบแก่เบอบิวด้า

    “คำตอบของฉันนะเบอบิวด้า การต่อรองของเราจบเพียงเท่านี้ เพราะฉันจะทำตามความต้องการของสึนะลูกศิษย์ของฉัน” รีบอร์นเอ่ยเสียงดัง

    “ไม่คิดว่านายก็จะเป็นบ้าไปด้วยนะรีบอร์น” เบอบิวด้าสถบเล็กน้อย

    “คนที่บ้าน่ะทางนั้นต่างหาก เฝ้าหลบซ่อนอยู่หลายร้อยปีแต่กลับไม่คิดหาหนทางอื่นในการทำลายระบบส่งต่อนั่นทิ้งนอกจากฆ่าเช็คเกอร์เฟสซึ่งจะทำให้อัลโกบาเลโน่หายไปด้วย ทั้งที่รู้ว่าทำแบบนั้นสมดุลของโลกจะพังทลายลงไปยังจะเลือกทางนั้นอยู่อีก” ซีลอนส่งเสียงขึ้นจมูก “แล้วก็นะ ไอ้การคิดว่าไม่มีทางอื่นทั้งที่ตัวเองก็รอดจากความตายแล้วได้ไฟธาตุที่แปดขึ้นมาอย่างปาฏิหาริย์น่ะ ทั้งที่ได้สัมผัสกับเส้นทางใหม่ที่ไม่คิดว่าจะมีแล้วแท้ ๆ แต่กลับเลือกเชื่อว่านอกจากหนทางนี้แล้วไม่มีทางอื่นจะทำลายระบบส่งต่อคำสาปน่ะ บ้าสิ้นดี” นักฆ่าหัวเงินแยกเขี้ยว ก่อนจะแสยะยิ้มคล้ายเจอเรื่องสนุก

    “ตอนแรกก็กังวลนิดหน่อย แต่ตอนนี้ฉันอยู่กับบอส สองต่อหนึ่งไม่นับพวกทารกต้องสาป ศึกนี้พวกฉันอาจจะชนะก็ได้จริงไหม?” เธอเย้าแหย่อีกฝ่ายหวังให้สิ้นสมาธิไตร่ตรองและพุ่งเข้ามาอย่างไม่ยั้งคิดเพราะว่าคนที่สู้โดยไม่ระวังหน้าระวังหลังมักจะจัดการได้ง่าย ไม่ว่าคนคนนั้นจะแข็งแกร่งแค่ไหนก็ตาม

    “หลบไปก่อนเบอบิวด้า” แจ็คเกอร์แนะนำให้อัลโกบาเลโน่ต้องสาปบนไหล่ของตนออกจากเขตประลอง

    “คงไม่ต้องบอกก็พอจะรู้ นายแข็งแกร่งที่สุดสินะ” ซีลอนกระตุกยิ้ม

    “อย่าประมาททั้งแกทั้งสึนะ...” รีบอร์นเอ่ยเตือนและหลบฉากออกไปเช่นกัน

    “รู้อยู่แล้ว/รับทราบ!” สึนะและซีลอนขานรับขึ้นพร้อมกัน ในวินาทีที่ปลดปล่อยพลังไฟและพุ่งตัวออกไปอย่างรวดเร็ว

    แจ็คเกอร์ก็อยู่ด้านหลังของพวกเขาเสียแล้ว แต่หากจะพูดเรื่องความไวดั่งปีศาจ วองโกเล่ก็มีไพ่ตายที่ชื่อว่าเงาหลังเก้าอี้อยู่

    “ค่อยคุ้มค่าให้น่าสนุกหน่อย!” ซีลอนแยกเขี้ยวหมุนตัวกลับไปต้านการโจมตีของแจ็คเกอร์ได้อย่างฉิวเฉียดแต่ด้วยแรงที่น้อยกว่าจึงทำให้มือที่ต้านรับสั่นชาคล้ายฟาดเข้ากับหินแข็ง ในชั่ววินาทีที่ซีลอนชะงักเขาก็หันไปเล่นงานสึนะที่ไม่ทันระวังตัวจนไถลไปกับพื้น

    เสี้ยววินาทีที่ขยับอีกครั้งก็กลับมาซัดซีลอนซ้ำอย่างไร้ความปรานี และแม้จะเป็นอีกครั้งที่กันการโจมตีเอาไว้ได้ ทว่าความรุนแรงของหมัดนี้ทำให้ซีลอนกระเด็นไปซบผนังถ้ำอย่างรุนแรง

    “พอได้แล้วแจ็คเกอร์... แค่นี้พวกเขาก็น่าจะรู้แล้วว่าไม่มีทางเอาชนะพวกเราได้” เบอบิวด้าลอยไปลอยมา

    “หมอนั่นอาจจะเอากลับไปคิดใหม่ มันสำคัญที่ว่าเวลาไหนควรจะกล้าหาญ หรือยอมสยบ เพราะว่าการต่อสู้ก็รู้ผลกันอยู่ สำหรับพวกเราทั้งคู่การเจรจาจึงเป็นตัวเลือกที่ดี ...เอาล่ะรีบอร์นคุงฉันอยากให้นายกลับไปคิดใหม่เกี่ยวกับเรื่องที่จะเข้ามาเป็นพวกของฉัน เมื่อการต่อสู้ครั้งถัดไปเริ่มฉันจะขอฟังคำตอบของพวกนาย เราจะได้เจอกันอีก...และฉันอยากจะบอกอะไรให้นายได้รู้ว่า... ไม่ว่าจะได้รับคำเชิญจากฉันหรือไม่ นายก็ต้องตายอยู่ดีรีบอร์น” เบอบิวด้าทิ้งท้ายเอาไว้และไปเกาะไหล่แจ็คเกอร์เช่นเดิม

    “ประตูทางออกอยู่นี่ พวกนายแค่ต้องใช้พลังไฟเพื่อเปิดมัน ลาก่อน” แจ็คเกอร์เดินไปยังมุมมืดระหว่างเสาเพื่อบอกให้รู้ถึงตำแหน่งประตูและจากไปพร้อมอัลโกบาเลโน่บนไหล่

    หลังจบการต่อสู้ด้วยเวลาเพียงเสี้ยววินาที พวกเขากลับไปที่แท่นเพื่อหยิบนาฬิกา รีบอร์นจึงตักเตือนลูกศิษย์ของเขา

    “อย่าทำแบบนี้อีกนะสึนะ นายไม่จำเป็นต้องมาตายเพื่อพวกเรา แกด้วยการสู้กับคนที่ไม่เคยรู้ข้อมูลให้รับมือไม่สมเป็นแกเลยสักนิด” ทารกนักฆ่าเอ็ดสึนะเสร็จก็หันไปว่าซีลอนต่อ

    เธอไหวไหล่ไม่แยแส “เห็นพลังไฟรัตติกาลแล้วมันหงุดหงิดนี่หว่า” เธอพูดราวกับไม่ใช่ความผิดของตนเอง แต่ครั้งนี้เธอประมาทเกินไปจริง ๆ ทว่าก็ได้ข้อมูลเรื่องความเร็วของพวกมันที่แข็งแกร่งที่สุดมาเพิ่ม เธอทำเมินการทะเลาะกันของรีบอร์นที่ไม่เห็นด้วยกับการที่สึนะจะเข้ามาก้าวก่ายปัญหาของอัลโกบาเลโน่ในครั้งนี้ ส่วนสึนะเองก็คิดว่ามันจะเป็นเหมือนทุกครั้งที่เขาสามารถเอาชนะวินดิเช่ได้ ในสุดท้ายที่ปาฏิหาริย์เกิดขึ้น รีบอร์นสามารถดึงศักยภาพของคนรอบข้างออกมาได้ในวินาทีวิกฤต

    พวกเขากลับมาที่สวนสาธารณะอีกครั้ง ยังเหลือเวลเด้ ฟง และยูนิ ที่อยู่กับโคโรเนโร่เฝ้ารอการกลับมาของรีบอร์น แต่หลังจากสภาพการบาดเจ็บช่วยไม่ได้ที่ทุกคนต้องถูกหามไปส่งโรงหมอก่อนจึงเหลือไม่กี่คนที่ต้องคุยสะสางเรื่องที่หายไปให้กระจ่าง

    ผลการแข่งขันล่าสุดเหลือเพียงทีมของมาม่อน รีบอร์น เวลเด้ ยูนิ และเบอบิวด้า สมาชิกที่เปลี่ยนจำนวนไปคือทีมของเบอบิวด้าที่ถูกกำจัดไปสามคน

    “อย่าเพิ่งพูดถึงการแข่ง นายหายไปไหนมาคุยอะไรกับเจ้านั่น เรื่องนี้ต่างหากที่พวกฉันอยากรู้!” เวลเด้เหวลั่นพลางกอดอก

    “ก็ได้ ๆ ฉันก็กำลังจะอธิบาย สุดท้ายแล้วพวกเราก็ต้องตาย เอาล่ะไปหาที่คุยกับเถอะแค่เฉพาะอัลโกบาเลโน่ โทรเรียกมาม่อนมาด้วย” รีบอร์นตัดสินใจ

    “เดี๋ยวสิ! ถ้าพวกวินดิเช่กลับมาถล่มอีกล่ะ!” เอ็มเอ็มร้อนรนขึ้นมา

    “ไม่ต้องห่วงวันนี้พวกมันไม่มาแล้ว เจอกันอีกครั้ง คือการปะทะในวันพรุ่งนี้” ซีลอนเป็นผู้ตอบคำถามแทน “นอนเถอะเอ็มเอ็มเก็บแรงไว้ ฉันจะไปหามุคุโร่สักหน่อย” ซีลอนหาวหวอดเริ่มบิดขี้เกียจ

    “ถ้าคุณว่าแบบนั้นละก็นะ” เอ็มเอ็มแม้จะกลัวอยู่บ้างแต่เมื่อได้คนที่แข็งแกร่งซึ่งไปกับรีบอร์นยืนยันและทารกนักฆ่าพยักหน้าก็คลายความกังวลลง “แล้วพวกคุณคุยอะไรกับพวกมันบ้างคะ?” เอ็มเอ็มสุภาพขึ้นอีกระดับเพราะว่าซีลอนเองก็มักจ้างวานนักฆ่าอิสระอยู่บ้างด้วยเม็ดเงินก้อนโต ไม่แปลกที่เธอจะทำดีและพร้อมถูกเรียกใช้งานเสมอ

    “...ถ้าแผนใหม่ถูกอนุมัติฉันถึงเล่าให้เธอฟังได้... ใช่ไหมอาจารย์?” ซีลอนหันไปถามทารกนักฆ่า รีบอร์นขมวดคิ้ว ท่าทีของลูกศิษย์สายตรงของเขานั้นแทบจะไร้ความกังวล นั่นสร้างความสงสัยให้กับรีบอร์นเป็นอย่างมากแต่เขาก็พยักหน้า

    “อาจารย์ว่างั้นแน่ะเพราะงั้นก็พักแล้วเลิกคิดเรื่องศึกสายรุ้งสักวันยาว ๆ ได้เลยนะเอ็มเอ็ม ฝากบอกพวกเคนกับจิคุสะด้วย”

    “จริงด้วย! คุณซีลอน ท่านมุคุโร่เข—” เอ็มเอ็มต้องบอกเธอเรื่องที่มุคุโร่ไม่ได้ตามพวกยามาโมโตะไปที่โรงพยาบาลด้วย

    “ไม่อยู่โรงบาลแต่อยู่โกคุโยกับแฝดของฉัน... สินะ?” ซีลอนต่อให้จบประโยคแทน “ไม่ต้องห่วง รู้อยู่แล้วล่ะก็หมอนั่นเกลียดโรงพยาบาลเอาการอยู่หรอก” เธอไหวไหล่

    “ค่ะ...ถ้าอย่างนั้นราตรีสวัสดิ์นะคะ” เอ็มเอ็มถอนหายใจเล็กน้อยแต่ก็โล่งใจอีกเปราะว่าเธอจะไม่โดนคุณชายขี้ประชดถลึงตาใส่เพราะว่าไม่ได้แจ้งให้นักฆ่าหัวเงินบางคนทราบ

    “ขอบใจ ไปเถอะ ฉันก็จะไปคุยแล้วนอนพักเหมือนกัน” ซีลอนกระตุกยิ้มหายจากตรงนั้นไปด้วยพลังมายาขั้นสูงที่ตอนนี้กลับไปใช้การเคลื่อนย้ายระยะไกลได้อีกครั้ง

     

     

    เธอทิ้งตัวลงที่โซฟาข้างมุคุโร่ เขาได้รับการทำแผลอย่างดีจากเอิร์ลเกรย์ที่เดินเหินไปมาในโกคุโยด้วยสองขา

    “ช้ามากครับ” มุคุโร่คิ้วกระตุก

    “ก็ไปหาเรื่องสนุกกับอาจารย์มาช่วยไม่ได้ แต่ได้รู้อะไรดี ๆ มาเยอะเลยล่ะ” เธอยักไหล่ เอิร์ลเกรย์ก็เดินลงมานั่งอีกข้างของซีลอนแล้วห่มผ้าผืนโตด้วยกัน

    “แต่สีหน้าปลอดโปร่งแบบนี้ได้แผนรับมือเอาไว้แล้วสินะ” เอิร์ลเกรย์ยิ้มหวานลูบแก้มของฝาแฝดอย่างรักใคร่ เขาเป็นห่วงซีลอนมากทีเดียว

    “จริงสิ ได้แผลถลอกมาทำแผลให้หน่อย” ซีลอนนึกขึ้นได้ก็เด้งตัวแล้วหันหลังให้แฝดพลางเลิกเสื้อขึ้น

    “ให้ตายเถอะบอกแล้วไงว่าเวลามีแผลให้จัดการทันที เมื่อกี้จะหลับไปทั้งแบบนี้เป็นนิสัยที่ไม่ดีเอาซะเลยนะ” เขาเอ็ดแล้วลุกไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาทำแผลให้ฝาแฝดสาวบนโซฟา

    “มีเรื่องจะพูดไหมครับ?” มุคุโร่ยิ้มหวานอีกคน ยิ้มหวานที่หมายถึงโมโหมาก

    “... ขอโทษที่ทำให้เป็นห่วงนะ แต่ว่าการมุทะลุครั้งนี้ก็ทำให้ได้ข้อมูลมาเพียบ ศึกนี้น่ะ เวลเด้จะชนะไม่ได้หรอกนะ แต่เป็นพวกเราทุกคน” ซีลอนเอ่ยขึ้น

    “คุณหมายความว่ายังไง?” มุคุโร่ขมวดคิ้ว ซีลอนจึงเล่าเรื่องคร่าว ๆ ให้ฟังระหว่างทำแผลไปพลาง ความจริงทั้งหมดเบื้องหลังจุกนมแห่งสายรุ้ง สายหมอกหนุ่มนิ่งฟังสีหน้าเคร่งเครียด

    “คุณคิดว่าเป็นไปได้สักเท่าไหร่?” เขายังไม่อยากจะเชื่อเต็มร้อยแต่สภาพราวคนตายใต้ผ้าพันแผลนั่นและจุกนมหินที่คล้องโซ่ของคนพวกนั้นทำให้เรื่องราวที่ได้ฟังมีน้ำหนักขึ้น

    “เก้าสิบ ส่วนวิธีเอาชนะด้วยกันเดี๋ยวเอาไว้อีกสักพักบอสก็คงตกตะกอนแล้วมาขอความร่วมมือเองนั่นแหละ” ซีลอนยักไหล่ เอิร์ลเกรย์ถอนหายใจพอทำแผลให้เสร็จก็ดึงเสื้อของแฝดลงเช่นเดิม

    “หมายความว่าจะแพ้ไม่ได้ จะชนะก็ไม่ได้ ต้องยื้อเวลาไปจนกว่าจะรู้หนทางอื่นเพื่อไม่ถ่ายทอดให้รุ่นถัดไปสินะ แต่เวลาของพวกอาจารย์ผมว่าคงเหลือไม่มากแล้ว พลังของจุกนมแห่งสายรุ้งรุนแรงกว่ามาเล่หรือวองโกเล่ ดังนั้นพวกเขาที่ติดอยู่ในร่างนั้นและรับพลังงานมาเป็นระยะเวลายาวนานน่าจะมีผลกระทบกับร่างกายไม่มากก็น้อย ไม่อย่างนั้นคงไม่ยอมตกลงร่วมศึกนี้ทั้งที่มีช่องโหว่และจุดขัดแย้งเต็มไปหมดหรอก” เอิร์ลเกรย์ปิดปล่องปฐมพยาบาลแล้วซุกตัวนอนกับฝาแฝดอย่างคิดถึง ซีลอนเองก็ไม่ปฏิเสธความอบอุ่นที่คุ้นเคยมาตั้งแต่ยังเด็ก

    “นี่... ผมน่ะ ยังนั่งอยู่ตรงนี้นะ” มุคุโร่คิ้วกระตุก

    “ไม่เอาน่าพ่อหนุ่ม อย่าน้อยใจสิ มาพักสายตามา จนกว่าสึนะจะมาแล้วค่อยไปนอนจริง ๆ เอาละไหล่ฉันยังว่างอยู่อีกข้าง อย่าคิดเล็กคิดน้อยแล้วพักสายตาซะ” ซีลอนกวักมือเรียกอีกฝ่ายให้เข้ามาซบได้อย่างไม่เขินอาย

    “...” มุคุโร่ลูบหน้าไปไม่เป็นแต่ก็ทำตามนั้น ในเมื่อเขาจะได้ผลประโยชน์ก็ไม่มีเหตุผลอะไรให้ปฏิเสธ

    “นภาของคุณคงหัวเสียน่าดูนะครับถ้ารู้ว่าคุณคิดนำเขาไปก่อนแต่กลับไม่ยอมบอกใบ้อะไรเลย” สายหมอกกระตุกยิ้ม เขาพักสายตาและหัวเราะในลำคอเล็กน้อย

    “คนไม่ถามต่างหากที่ผิด ก็รู้ว่าฉันมันพวกพร้อมหาช่องโหว่ของกฎเพื่อไม่ทำตามอยู่แล้ว อีกอย่างถ้าบอกชี้นำ สึนะก็จะไม่ได้ความเด็ดขาดในการตัดสินใจ ดังนั้นเขาต้องคิดได้ด้วยตัวเอง ถึงจะมีอำนาจพอดึงทีมอื่นมาได้...” ซีลอนหลุบตาลงพิงหัวกับมุคุโร่

    “อีกไม่นาน ก็จะจบลงแล้ว...” เธอพึมพำ

    “หลังจากนั้นก็จะได้พักเงียบ ๆ แล้วสินะครับ” มุคุโร่ตอบรับเบา ๆ

    “ใช่... หวังว่านะ” เธอไม่ได้พูดอะไรอีก ปล่อยให้ความเงียบครอบคลุมโกคุโย

    และรอ รอให้สึนะมาขอคุยด้วยกับหัวหน้าทีมตัวแทนเวลเด้...

    ศึกนี้แค่พวกเขาแยกกันไม่สามารถต่อกรกับวินดิเช่ได้ แต่ถ้าอาศัยช่องว่างของกฎละก็ ก็ไม่แน่ว่าอาจจะสร้างปาฏิหาริย์ขึ้นมาอีกครั้ง

     

    Curse หมายถึง คำสาป

    ช่วงนี้ใครเล่นเกนชิขอให้เปิดได้จงหลี่นะคะ เพราะเราเองก็รอเปิดแพนธ่อมเกมอาร์คไนท์เช่นกัน รออยู่นะโยสตาร์เธอเอาตู้ดักมาขวางทางบ่อยเหลือเกิน กลัวใจตัวเองจะเก็บเพชรแดงไม่อยู่/กัดฟัน

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×