ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #34 : | 33 | Alliance | ความมุ่งมั่น

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 116
      14
      25 พ.ย. 63

    "มันก็ต้องขอปฏิเสธอยู่แล้ว" | รีบอร์น

    การต่อสู้อันโหดร้ายของวันที่สามได้เริ่มขึ้นทันทีที่นาฬิกาบอกเวลาของวันใหม่ 00.00 แม้พวกเคนจะหัวเสียออกมาให้เห็นแต่เวลเด้ไม่ได้หงุดหงิดนักเพราะคาดการณ์เอาไว้แล้ว

    “เป็นไปตามที่คาดการณ์ ไปกันเถอะ” เวลเด้ออกคำสั่งให้เคลื่อนย้ายตำแหน่งพวกเขาจะตามมุคุโร่ไปที่สวนสาธารณะใกล้ ๆ มุคุโร่ไปยืนรออยู่ก่อนแล้ว เขาได้พบกับพวกสึนะที่วิ่งออกมาจากบ้าน

    ทีมศัตรูที่ใกล้ที่สุดคือทีมของสึนะ หากเพียงปะทะกับตัวแทนของรีบอร์นมุคุโร่รู้ดีว่าเขาไม่มีอะไรให้ต้องกังวลนัก และด้วยนิสัยของบอสหัวอ่อนทำให้เขามั่นใจได้ว่าหากกลุ่มวินดิเช่ปรากฏตัวขึ้น สึนะจะยอมรับเขาเป็นพันธมิตรชั่วคราวเพื่อรับมือกับทีมที่แปดซึ่งแหกกฎทำอะไรขัดกับเจตนารมณ์อุดมการณ์ของสึนะไว้หลายอย่าง

    “มุคุโร่! ทำไมถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะ!?” สึนะผงะไปทันทีที่เห็นชัดเต็มตาว่าใครยืนอยู่ในสวนสาธารณะ สายหมอกหนุ่มไม่น่าจะมายืนในเขตนามิโมริโดยไม่มีเหตุผล “หรือว่ามีธุระอะไรที่นามิโมริงั้นเหรอ?”

    “คุฟุฟุฟุ แหม บังเอิญจังเลยนะครับ แต่ผมก็ไม่จำเป็นต้องตอบจริงไหมครับ?” มุคุโร่กระตุกยิ้มยียวน

    “ได้ข่าวว่านายก็ได้รับบาดเจ็บนี่” รีบอร์นทักขึ้น ทุกกลุ่มที่ถูกวินดิเช่ลอบจู่โจมได้รับความเสียหายอย่างไม่คาดคิด ทารกนักฆ่าประเมินมุคุโร่ในศึกนี้ถ้าไม่โชคเข้าข้างก็หนังเหนียวเคี้ยวยากเอาการถึงรอดมาได้แถมยังมีท่าทีสบาย ๆ ในเวลาแบบนี้อีก

    “หรือว่านายอยากจะสู้กับเรางั้นเหรอ?” โกคุเทระขมวดคิ้ว วายุหนุ่มเองก็คิดว่าตัวเลือกนี้เป็นเส้นทางที่ดี หากไม่มีมือที่สามอย่างวินดิเช่เข้ามาให้ปวดหัว แต่พวกเขาจะได้สู้กันจริงงั้นหรือ?

    [เริ่มการต่อสู้ เวลาต่อสู้คือ 12 นาที!] เสียงจากนาฬิกาข้อมือทุกคนดังขึ้น

    “โฮ่ สิบสองนาทีสินะครับ” มุคุโร่หมุนหอกในมือกวาดสายตาหยั่งเชิงสึนะและมือซ้ายมือขวา

    “น้อยจัง!” สึนะขมวดคิ้ว

    “อยู่นี่เองคุณมุคุโร่! อย่างที่เวลเด้พูดเป๊ะ!” เคนฉีกยิ้ม กลุ่มโกคุโยตามมาสมทบ ซีลอนหาวหวอดเกาท้ายทอยไม่มีกะจิตกะใจคิดจะลงสนามสักนิดซึ่งเป็นที่แปลกตาสำหรับยามาโมโตะและโกคุเทระมาก

    “พวกเราก็จะร่วมสู้ด้วยครับ!” เคนยกข้อมือโชนาฬิกาสมาชิกกลุ่ม

    “เตรียมใจไว้ได้เลยทีมรีบอร์น” จิคุสะเองก็ทำเช่นเดียวกันเพื่อบอกว่าสมาชิกสนามนี้จะมีพวกเขาสองคนและมุคุโร่อีกคนลงชิงชัย

    “ซีลอนไม่ลง!? ไม่สิ! นาฬิการุ่นพี่แตกเหรอ!” สึนะหน้าซีด เขารู้สึกว่าการที่เธอจะพลาดท่าจนนาฬิกาแตกแทบจะเป็นไปไม่ได้เลย

    “ไม่ลง ให้เคนลงแทน รอบนี้ฉันจะนั่งดูชัยชนะของพวกนายแบบคนขี้เกียจสุดๆ” เงาหลังเก้าอี้เดินไปที่ม้านั่งสวนแล้วใช้ตรงนั้นวางของหวานกับขวดน้ำดื่ม เอ็มเอ็มก็นั่งอยู่ด้วยเพราะไม่มีนาฬิกาแต่มาให้กำลังใจ

    “เห เห็นแบบนี้แล้วก็รู้สึกว่ารอบนี้จะไม่หนักหนาเท่าไหร่เลยแฮะ” ยามาโมโตะยิ้มร่าแผ่ออร่าเป็นมิตร พร้อมทั้งหัวเราะซื่อ ๆ ออกมา

    “หืม?” นักฆ่าอันดับหนึ่งแม้ร่างกายจะเป็นเด็กแต่ก็สัมผัสได้ถึงไฟธาตุที่แปดก่อนใครในบริเวณนั้น พวกเขาชะงักและหันไปมองที่จุดเดียว กลุ่มหมอกดำและรูหนอนกลางอากาศเป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่ากลุ่มตัวแทนของเบอบิวด้าได้ก้าวเข้ามาในสนามด้วยเช่นกัน

    และครั้งนี้วินดิเช่มีถึงสามคน

    “มากันจริง ๆ ด้วย” มุคุโร่ถอนหายใจ หลังจากการปะทะนอกรอบและคำพูดของอัลโกบาเลโน่จุกนมใสเขาก็รู้ว่าเป้าหมายของเบอบิวด้าคือการชนะเท่านั้น

    “เจ้าพวกนั้น! สามคนเชียวเหรอ!” โกคุเทระขยับก้าวขึ้นขวางสึนะอย่างเคยตัวเมื่อเห็นศัตรู

    “แต่เจ้าพวกนั้นใส่นาฬิกา คราวนี้มันเป็นผู้ร่วมแข่งขัน” รีบอร์นเตือนให้ทุกคนในทีมตัวเองเห็น

    “เจ้าพวกนั้นอีกแล้วเหรอ มุคุโร่ถ้าจะสู้ก็มีแต่ต้องร่วมมือกันกับทีมรีบอร์น... พวกเราเพียงลำพังจะรับมือทีมเบอบิวด้าไม่ไหว” เวลเด้แสดงสีหน้าลังเล แม้ว่าจะไม่ชอบแต่เหตุการณ์คับขันเช่นนี้ทางเลือกย่อมมีไม่มาก

    “ไม่ครับ ผมไม่ต้องการร่วมทีมกับคนพวกนั้น” มุคุโร่ปฏิเสธออกมาอย่างเด็ดขาด “พวกเรามีทั้งเคน จิคุสะ และอุปกรณ์ของคุณ ถึงจะมีคนเอาแต่ใจไปนั่งพักระหว่างพวกเราสู้กันผลก็ไม่เปลี่ยนหรอกครับ” สายหมอกหนุ่มหันไปเหน็บแนมนักฆ่าที่ไม่ได้ลงสนามในครั้งนี้แถมยังนั่งกินของว่างหลังเที่ยงคืนอย่างอารมณ์ดีอีกต่างหาก

    “แต่ว่าพวกเราไว้ใจได้นะ” รีบอร์นเปรยขึ้น

    “แต่นายมั่นใจฉันก็จะไม่ขัด” เวลเด้ขยับแว่นแล้วยิ้มร้ายให้กับความต้องการของมุคุโร่

    ไม่ปล่อยให้มีการพูดคุยเรื่อยเปื่อยเสียเวลาไปมากกว่านี้ กลุ่มวินดิเช่สะบัดโซ่พุ่งตรงไปที่เจ้าของนาฬิกาหัวหน้าอย่างมุคุโร่และสึนะทันที การโจมตีที่ฉับพลันรุนแรงก่อให้เกิดระเบิดและกลุ่มควันบดบังทัศนวิสัย

    “สึนะ!” ยามาโมโตะยกมือบังกระแสลมกรรโชกเป็นห่วงในความปลอดภัยของบอส ไม่ต่างกับกลุ่มโกคุโยที่ตะโกนเรียนคุณมุคุโร่ด้วยเสียงของเคนและจิคุสะ

    “โฮ่... ท่าทางพวกคุณรีบจบเกมกันจังเลยนะ เล็งแต่นาฬิกาบอสท่าเดียว” มุคุโร่กล่าวออกมาหลังม่านควัน

    “ในเมื่อเป็นแบบนี้ก็คงต้องยอมตามน้ำสงบศึกระหว่างกันชั่วคราวก่อนละครับ” สายหมอกหนุ่มถอนหายใจให้นภาข้างตัวได้ยิน

    “มาร่วมมือกันชั่วคราวเถอะครับ” หอกของมุคุโร่กันโซ่เอาไว้สองเส้นในขณะที่สึนะใช้มือเปล่ารวบโซ่อีกเส้นที่พุ่งมาใส่เขาไว้ นภาเข้าโหมดไฮเปอร์ก็สุขุมขึ้น

    “ไม่มีปัญหา” สึนะตกลงร่วมพันธมิตรกับโกคุโยในทันที อุปสรรคชิ้นโตที่เข้ามาขัดขวางการต่อสู้ของพวกเราทั้งเจ็ดทีมคือทีมที่แปด และเพราะเหตุนั้น การร่วมมือกันระหว่างกลุ่มจึงเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมาอย่างชัดเจนกว่าเก่า

    “มาร่วมมือกันจัดการพวกมันก่อน” สึนะเหลือบมองโกคุเทระและยามาโมโตะที่อยู่ด้านข้างเยื้องไปด้านหลัง

    “โอ๊ส!” ยามาโมโตะคลี่ยิ้มกระชับดาบยาวในมืออย่างมั่นคง

    “ถ้าเป็นความต้องการของท่านรุ่นที่สิบผมก็ไม่มีปัญหาครับ!” โกคุเทระคาบบุหรี่และถือระเบิดเตรียมพร้อมเต็มสองมือ

    “คงต้องเป็นพันธมิตรชั่วคราวกัน เข้าใจแล้วนะครับ เคน จิคุสะ” สายหมอกออกคำสั่งกับทีมของตัวเองทันที

    “ก็ช่วยไม่ได้ละนะถ้าคุณมุคุโร่ตัดสินใจแบบนั้น” จิคุสะดันแว่นขึ้นพร้อมถือลูกดิ่งเข็มพิษในมือ

    “พวกเราก็ไม่มีปัญหาเหมือนกัน” เคนสลับชุดเขี้ยวพร้อมเข้าปะทะ

    “นี่พวกเรากำลังจะร่วมมือกันเหรอเนี่ย ไม่คิดว่าวันนี้จะมาถึงเลยนะเวลเด้” รีบอร์นหันไปมองอัลโกบาเลโน่ผมเขียวที่ถอยร่นมาใกล้ด้านหลังพวกสึนะที่รวมทีมกับมุคุโร่

    “ฉันก็คิดแบบนั้น แต่พวกเราไม่ยอมถูกฆ่าง่าย ๆ ในเกมนี้หรอก หรือไม่จริง?” นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะกระตุกยิ้ม

    “อาจารย์กับศาสตราจารย์มานั่งนี่ก็ได้นะ” ซีลอนป้องปากเรียกอัลโกบาเลโน่สองคนที่ยืนคุมเชิงอยู่ด้านหลังแนวปะทะ พวกเขามองหน้ากันก่อนที่เวลเด้จะตัดสินใจปฏิเสธไปเพราะกังวลว่าตัวเองจะต้องใช้เวลาพิเศษเพื่อปลดคำสาปและให้การสนับสนุนทีมของตัวเองอยู่ ขณะที่รีบอร์นก้าวยาว ๆ ไปที่ม้านั่งและใช้โอกาสผ่อนคลาย ปล่อยให้ลูกทีมตัวเองเคร่งเครียดกันไป

    “ดูสบายอกสบายใจกันเสียจริงนะ!” เวลเด้แยกเขี้ยวใส่ทีมคนดูทั้งสาม

    “บอกแล้วนี่ว่ามาดูชัยชนะของพวกนาย ไม่ต้องกังวลไปหรอกน่าศาสตราจารย์ มานั่งพักเหอะเดี๋ยวไพ่ตายก็มาแล้ว” ซีลอนยักไหล่แล้วดื่มน้ำอัดลมกระป๋อง เธอส่งกาแฟดำกระป๋องแบบหวานน้อยให้อาจารย์แล้วยื่นแซนวิสให้กับเอ็มเอ็ม

    “...” เวลเด้ไร้คำจะด่าก็จำเดินไปนั่งร่วมวงด้วยแม้จะกังขา ซีลอนจึงพยักพเยิดให้เขาดูการต่อสู้ด้วยตัวเอง

    หลังการจู่โจมอีกครั้งของพวกวินดิเช่โกคุเทระขึ้นหน้าเพื่อปกป้องสมาชิกคนอื่นด้วยวองโกเล่เกียร์ใหม่ ก่อรูปร่างของ SISTEMA C.A.1

    “เอาเลยโจชิม่า!” โกคุเทระให้สัญญาณ เคนก็สวมเขี้ยวกอลิล่าเหยียบโล่จากไฟวายุของโกคุเทระเป็นฐานเพื่อปาระเบิดสิบเท่าของโกคุเทระใส่กลุ่มวินดิเช่

    “ประสานการโจมตีสินะ?” เวลเด้ขมวดคิ้ว

    “ใช่ นั่นเป็นเพราะทั้งสองฝ่ายรู้เทคนิคของอีกฝ่ายเป็นอย่างดีไงล่ะ” รีบอร์นพยักหน้าแล้วนั่งชมการต่อสู้โดยไม่คิดจะเข้าไปช่วย

    หลังจากเสียงระเบิดดังสนั่นใช้โอกาสนี้ที่กลุ่มวินดิเช่จะมองเห็นรอบด้านไม่ชัดและหูอื้อไปเพราะเสียงยามาโมโตะก็โดดขึ้นมือของเคนให้นักฆ่าอิสระจากโกคุโยเขวี้ยงเขาไปกลางวงวินดิเช่ห่างออกไป ใช้กระบวนท่าของสำนักดาบประจำตระกูลตบท้ายด้วยการเคลื่อนไหวของจิคุสะเพื่อสกัดการเคลื่อนไหวของทีมศัตรูในทันที

    เมื่อกลุ่มวินดิเช่เสียจังหวะจึงเป็นโอกาสปิดฉากของสึนะที่รับช่วงโจมตีต่อเนื่องด้วยเพลิงนภา ปิดงานด้วยฝูงอีกากินซากจากภาพมายาที่กลายเป็นของจริงด้วยถุงมือของเวลเด้ เดิมทีพวกเขาตกลงกันว่านี่จะเป็นไพ่ตายที่ใช้สำหรับจัดการกลุ่มของสึนะแต่ในเมื่อมีศัตรูที่อันตรายกว่าปรากฏตัว พวกเขาก็ต้องปรับเปลี่ยนแผนที่วางหมากเอาไว้ล่วงหน้า

    มุคุโร่ยืนยิ้มกับผลงานของตัวเองฝูงอีกากินซากศพที่รุมจิกทึ้งพวกวินดิเช่ ทว่ากลับเกิดการระเบิดขึ้น สายหมอกหนุ่มเลิกคิ้ว “สงสัยจะใส่พลังมากเกินไปหน่อยก็เลยระเบิดรึเปล่านะ?”

    ไม่ว่าความจริงจะเป็นอย่างไร แต่หลังควันเหล่านั้นสภาพที่แท้จริงของวินดิเช่ก็เผยโฉมออกมา

    “เป็นไปไม่ได้!” รีบอร์นผุดลุกขึ้นทันที

    “อะไรกันเจ้าพวกนั้น!!” เวลเด้เหวลั่น

    เพราะชุดคลุม ผ้าพันแผลและหมวกถูกเผาและจิกทึ้งไปจนเกลี้ยง ใต้แถบผ้าสีขาวและเครื่องแบบดำหัวจรดเท้าร่างกายของสมาชิกกลุ่มวินดิเช่มีสภาพคล้ายศพมากกว่ามนุษย์ ร่างกายที่บิดเบี้ยว บาดแผลทั้งใหญ่และลึก และรอยเย็บของอวัยวะคนละสี ดวงตาโหลลึกและคราบแห้งคล้ายเลือดที่ไหลออกมาจากตา ผิวหนังที่เปิดจนเห็นกล้ามเนื้อข้างใต้ ดวงตาที่ไม่ได้จับจ้องไปที่พวกเขา

    ยิ่งไปกว่านั้นคือจุกนมหินที่คล้องอยู่กับคอ

    “มีเรื่องให้น่าสนใจขึ้นทุกขณะแบบนี้ อยู่กับซือคุงแล้วมีแต่เรื่องจริง ๆ ด้วยละน้า~” ซีลอนออกความเห็นแล้วยิ้มแย้มไม่รู้สึกรู้สาอะไร อีกทั้งไม่ได้แสดงท่าทีตกใจเท่าไหร่ทำให้สองอัลโกบาเล่โน่ต่างเหล่มองหล่อนอย่างเอาเรื่อง

    มุคุโร่กับสึนะซุบซิบกันอย่างตกใจกลัวว่าศัตรูจะไม่ใช่มนุษย์ เพราะสภาพใต้ชุดเหล่านั้นดูไม่เหมือนคนมีเลือดเนื้อปกติเอาเสียเลย

    “สภาพนั่นมันอะไรกัน! ฉันละไม่ชอบเลย! แล้วจุกนมหินนั่นอีก! หมายความว่ายังไงวินดิเช่!!” เวลเด้ตวาดลั่น อัจฉริยะทารกตัวสั่นด้วยความโกรธและสงสัย

    “ก่อนอื่นคงต้องขอชื่นชมพวกนาย นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนเห็นรูปร่างที่แท้จริงของพวกเรา แค่มองครู๋เดียวก็รับรู้ได้เลยว่าต่างจากมนุษย์ทั่วไป” ชายผิวคล้ำตรงกลางที่ไร้ริมฝีปากพูดออกมา

    “อยากจะพูดอะไรกันแน่? แล้วพวกแกน่ะเป็นมนุษย์รึเปล่า?” รีบอร์นเท้าเอวจ้องไปที่กลุ่มวินดิเช่ไม่วางตา

    “ของที่ห้อยขอพวกแกไม่ใช่ของที่จะหาได้ทั่วไป แล้วมันคล้ายจุกนมของอัลโกบาเลโน่เอามากหวังว่าพวกแกคงจะมีคำอธิบายที่ดีสำหรับเรื่องเหล่านี้นะ...อธิบายมาซะ!” ทารกนักฆ่าหรี่ตาจับผิด

    “หากปราศจากคำอนุญาตของเบอบิวด้าพวกเราทำไม่ได้” ชายไร้ริมฝีปากตอบคำถามนั้นด้วยเงื่อนไข

    “เบอบิวด้า!” เวลเด้ขมวดคิ้วหนักกว่าเดิม “แบบนี้ยิ่งยุ่งยากหนักกว่าเก่าอีก ไม่แน่ว่าหมอนั่นอาจจะร่วมมือกับเช็คเกอร์เฟสก็ได้!” เวลเด้คิดว่าการแข่งขันนี้มีบางอย่างไม่ชอบมาพากลทว่าทันทีที่เขาออกความเห็นกลุ่มวินดิเช่ก็ตวาดลั่นทันที

    “ไม่มีทาง!!! เบอบิวด้าไม่มีทางร่วมมือกับเช็คเกอร์เฟสแน่นอน! หมอนั่นอยากเป็นอัลโกบาเลโน่ที่สุด!” ชายไร้ริมฝีปากให้เหตุผลอย่างเดือดดาล

    “อย่าพูดอะไรไปมากกว่านี้นะ” ชายอีกคนที่ไร้ผิวปิดกรามขวาก็รับขัดคอเพื่อนร่วมทีม

    “ไม่ต้องห่วงไปหรอก พวกมันได้เห็นได้ฟังพวกเราไปก็เปล่าประโยชน์ เพราะว่าพวกเราจะจัดการพวกมันทั้งหมดเอง” ชายไร้ริมฝีปากพูดอย่างมั่นใจ

    การโจมตีของวินดิเช่รุนแรงขึ้นมากและเป็นการร่วมมือกันกว่าเดิม ซ้อนการโจมตีและใช้โอกาสที่ทุกคนกำลังระวังกับชายไร้ริมฝีปาก อีกสองคนก็ส่งโซ่ผ่านทางใต้ดินไปพันธนาการพวกที่เหลือและเหวี่ยงพวกเขาโหม่งพื้นอย่างรุนแรง

    พอกำจัดการเคลื่อนไหวของลูกน้องทั้งสองทีมลงได้พวกเขาก็มุ่งเป้าไปที่สึนะและมุคุโร่

    แม้สึนะจะถ่วงเวลาให้แต่มุคุโร่ก็ไม่สามารถดึงพลังของมิติเดรัจฉานสร้างฝูงอีกากินซากศพได้รุนแรงกว่านี้แล้ว เขาเขม่นมองซีลอนนิดหน่อยก่อนจะกลับไปใส่ใจกับสนามรบตรงหน้า

    “เขาเขม่นเธอแหน่ะ...” เวลเด้มุ่นคิ้วเป็นปม เขามั่นใจว่าถ้าซีลอนลงสนามไปมันจะต้องจบสวยกว่านี้อีกแม้ว่าจะประสานการโจมตีกับพวกโกคุเทระและยามาโมโตะแบบเคนไม่ได้

    “แล้วไง ก็ตอนนี้พลังฟื้นตัวกลับมาไม่ครบแถมยังบาดเจ็บอยู่อีก ถ้าฉันจะลงสนามไปด้วยเขาก็ไม่ได้เก่งขึ้นเหมือนโคลมลงสนามด้วยหรอกนะ” ซีลอนไหวไหล่

    “หมายความว่ายังไง? ก่อนหน้านี้แกยังให้มุคุโร่ใช่ร่างอยู่เลยตอนนั้นพลังมายาหมอนั่นก็พุ่งสูงขึ้นนี่” รีบอร์นหันไปคาดคั้นลูกศิษย์หัวดื้อข้างตัว

    ซีลอนเหลือบมองศาสตราจารย์เวลเด้อย่างขอคำอนุญาตพอเขาพยักหน้าเธอก็อธิบายให้ฟังอย่างไม่ปิดบัง

    “คืองี้นะอาจารย์ แต่ละคนมีคลื่นความเข้ากันได้ไม่เหมือนกัน ในบรรดานักมายาที่พวกเรารู้จักทั้งหมดคนที่พลังเข้ากับมุคุโร่ได้มีฟราน แต่หมอนั่นอยู่ทีมวาเรีย โคลมที่ยังไม่มา และมีผมซึ่งติดเงื่อนไขในการเสริมพลัง โคลมกับฟรานขอแค่ประสานพลังก็ทำให้ภาพมายาของมุคุโร่แรงขึ้นเป็นสองเท่าได้ แต่ผมน่ะจะเสริมพลังให้มุคุโร่ได้ก็ต่อเมื่อผมโดนสิง ซึ่งนั่นทำให้หน่วยจู่โจมหายไปหนึ่ง ถึงได้บอกไงว่าต่อให้ผมลงไปก็ไม่มีประโยชน์” ซีลอนยกขานั่งไขว่ห้างแล้วเอนหลังพิงพนักเก้าอี้

    “ข้อจำกัดจากรูปแบบการใช้งานสินะ... ถ้าเป็นแบบนั้นได้ฟรานหรือโคลมมาช่วยจะสามารถเป็นกำลังได้มากกว่าแกลงไปจริง ๆ นั่นแหละ” รีบอร์นลูบคางครุ่นคิดถึงข้อดีข้อเสียความเข้ากันทางพลังสายหมอกของพวกเขา

    “ใช่ม๊า~ อีกอย่างนะร่างของผม ผมจะใช้เอง แค่มองดูจะไปสนุกอะไร ถ้าสบโอกาสได้ใช้พลังมายามากกว่าปกติผมก็อยากเป็นคนควบคุมนะไม่ใช่นั่งดูข้างใน~” นักฆ่าเผยรอยยิ้มซน ๆ ออกมา

    สถานการณ์ของการต่อสู้วินดิเช่เป็นฝ่ายได้เปรียบ คาดไม่ถึงว่าพลังของกลุ่มผู้คุมกฎโลกใต้ดินจะรุนแรงถึงเพียงนี้ แม้จะจับมือร่วมกันเผชิญหน้าระหว่างนภาและสายหมอกกลับไม่สามารถต่อกรได้ อีกากินซากศพของมุคุโร่ถูกทำลายตัวแล้วตัวเล่าในขณะที่สึนะเองก็ถูกโซ่ปลายแหลมบีบให้ต้องถอยร่นออกมา

    ในเวลาวิกฤตที่เวลเด้และรีบอร์นต่างมองหน้ากันอย่างตึงเครียดไม่แน่ใจว่าควรออกไปช่วยดีไหม สมาชิกคนที่เจ็ดของทีมรีบอร์นก็ปรากฏตัว...

    “ให้ฉันได้ช่วยคุณได้ไหมคะ?” โคลมใช้หอกเป็นไม้พยุงให้ตัวเองเดินออกมาที่ไกล ๆ ได้ แม้สีหน้าไม่สู้ดีของหล่อนจะชัดเจนอยู่บนหน้าแต่ดวงตากลับเต็มไปด้วยความเด็ดเดี่ยวอย่างคนผู้หนึ่งที่ตกตะกอนความคิดบางอย่างมาดีแล้ว

    “ฉันอยากจะสู้ด้วยเหมือนกัน” โคลมสูดหายใจเข้า

    “ยัยบ้านั่นเอาจริงเหรอ!” เอ็มเอ็มกัดริมฝีปากจ้องโคลมตาโต

    “โคลม!?” สึนะหันมาทันที เขาจำได้ว่าเธออยู่ในสภาพร่อแร่ที่โณงพยาบาลไม่ใช่เหรอ?

    “แน่นอน เพราะเธอคือตัวแทนของฉันยังไงล่ะ” รีบอร์นกระตุกยิ้ม

    “โคลม! เธอไหวแน่นะ! ไม่ใช่ว่าอวัยวะภายในหายไปหมดหรอกเหรอ!?” สึนะละสายตาจากพวกวินดิเช่ และประโยคดังกล่าวทำให้กลุ่มตัวแทนทีมแปดแสดงท่าทีตกใจ ซึ่งอาการพวกนั้นอยู่ในสายตาของซีลอนทั้งหมด

    “...โคลมเอานี่ไปใช้!” ซีลอนป้องปากตะโกนแล้วปาถุงมือใส่สายหมอกสาว

    “จะบ้าเหรอร่างกายแบบนั้นจะไม่ไหวเอานะ!” เวลเด้เหวลั่นใส่นักฆ่าผมเงิน

    “ไม่ลองจะรู้ได้ไงว่าไม่ไหว ศาสตราจารย์เป็นนักวิทยาศาสตร์ไม่ใช่เหรอ อย่าตัดความเป็นไปได้ออกสิ~” ซีลอนแสยะยิ้มก่อนจะหันไปใช้สายตาบอกให้พวกเขาสังเกตพวกวินดิเช่ พวกเขายืนนิ่งไม่ขยับเหมือนหุ่นที่ถูกกดปุ่มหยุดทำงาน

    “อะไรกัน...” เวลเด้ขมวดคิ้ว พวกเขารู้สึกระวังตัวกว่าปกติแม้พวกวินดิเช่จะไม่ขยับตัวก็ตาม มันแปลก...

    ‘พวกนั้นมีความสามารถในการสื่อสารทางจิตกับเบอบิวด้า?’ ซีลอนพูดขึ้นในหัวของมุคุโร่

    ‘โอยะ เดี๋ยวนี้สามารถติดต่อหาผมได้แบบนี้แล้วสินะครับน่าชื่นชมจริง ๆ แต่ไม่ว่าจะใช่หรือไม่ก็ต้องจับตาดูพวกเขาเอาไว้อยู่ดี’ มุคุโร่โต้ตอบการสื่อสารที่เป็นความลับระหว่างพวกเขา

    “มุคุโร่ทำไมถึงไม่ช่วยล่ะ!?” สึนะหันไปถามผู้พิทักษ์สายหมอก “ทำไมถึงไม่ใช้มายาสร้างอวัยวะภายในให้เธอ? พอออกจากคุกได้เธอก็ไม่จำเป็นแล้วงั้นเหรอ!? นี่! ฟังอยู่รึเปล่า” สึนะขมวดคิ้วทำหน้ามึนตึงใส่ชายหนุ่มผมยาวนั่นทำให้ซีลอนกลั้นขำอยู่นอกสนาม

    “น่ารำคาญจริง ๆ อย่ายุ่งเรื่องของคนอื่นสักทีจะได้ไหมครับ?” มุคุโร่หลับตาแล้วถอนหายใจอย่างระอา

    “เย็นไว้นะบอส ที่จริงแล้วโคลมต่างหากที่ไม่ยอมรับภาพมายาของมุคุโร่น่ะ” ซีลอนยักไหล่แล้วเป็นฝ่ายอธิบายแทน

    “เอ๊ะ!?” สึนะชะงักไปไม่ต่างกับเอ็มเอ็ม “แต่ทำไมล่ะ!?” สึนะเผยสีหน้าไม่เข้าใจออกมา

    “มันเป็นการพัฒนาครั้งใหญ่ของโคลมนะ” รีบอร์นโดดลงจากเก้าอี้แล้วหันไปคุยกับสึนะ “เจ้าโง่ลืมเรื่องก่อนหน้านี้ไปแล้วรึไง ที่เราสู้กับเดม่อนน่ะ” รีบอร์นอยากจะเขกกะโหลกสึนะขึ้นมาแต่ก็ห้ามใจไว้ก่อนเพราะเขายังอยู่ในสนามแข่งขัน

    “นี่คงเป็นครั้งที่โคลมมองเห็นมุคุโร่จากภายนอก ชะตาของพวกเขาไม่มีอะไรเกี่ยวข้องกันแล้วเมื่อมุคุโร่ได้ร่างคืนมาก อีกอย่าง นายน่าจะจำได้เพราะเงาหลังเก้าอี้ของนายเป็นคนพูดเองนี่” รีบอร์นกระตุกยิ้ม

    “เพราะพวกเราเหมือนกันมาก ดังนั้นไม่ว่าโคลมจะตัดสินใจยังไงฉันก็จะสนับสนุน” ซีลอนคลี่ยิ้ม “ร่างนี้ได้ผู้มีพระคุณช่วยไว้ จะยอมให้ถูกใช้เป็นหมากเพื่อทำร้ายผู้มีพระคุณได้ยังไงจริงไหม? และในเมื่อเป็นแบบนั้นโคลมเลยมีแต่ต้องพยายามและอยู่ให้ได้โดยไม่พึ่งมายาของมุคุโร่ยังไงล่ะเจ้าบอสหัวอ่อน และพอเกิดเรื่องนี้โคลมที่น่ารักของพวกเราก็เลยคิดขึ้นมาได้ ต่อจากนี้เธอสามารถที่จะเป็นตัวเองได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นเพียงภาชนะอีกต่อไปแล้ว” นักฆ่าผมเงินกระดิกเท้าดูอารมณ์ดี

    “เพราะแบบนี้นายถึงส่งไม่พาโคลมเข้ากลุ่มตัวแทนเวลเด้สินะ...” สึนะหันไปมองสายหมอกด้วยสายตาขอโทษที่คิดเองเออเองไปก่อน

    “ผมต้องการให้โคลมมาเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งให้กับผม แต่เธอก็ยังคงปฏิเสธภาพมายาที่ผมสร้างให้นั่นทำให้เธออ่อนแอลงเรื่อย ๆ ถึงซีลอนจะช่วยพูดโคลมก็ตัดสินใจอย่างแน่วแน่ไปแล้ว และซีลอนเองก็ไม่ยอมสร้างอวัยวะภายในให้เธอแทนผมอีกด้วย...” มุคุโร่เหลือบมองหญิงสาวผมเงินห่างออกไป เจ้าตัวยิ้มแย้มดูอารมณ์ดีผิดสถานการณ์มาก

    “กองกำลัง! นี่นาย!” สึนะตวาดใส่ชายตาสองสี

    “แล้วผมก็พบว่าเธอเหมาะที่จะเป็นนักรบมากกว่า โคลมได้เข้าร่วมกับพวกคุณและกลายมาเป็นกำลังให้กับผม ต้องขอขอบคุณคุณในเรื่องนี้” มุคุโร่กับสึนะเถียงกัน รีบอร์นก็เลยเล่าว่าเขาไปคุยกับโคลมที่โรงพยาบาลมา เป็นเขาเองที่เป็นคนกระตุ้นให้โคลมรีบตัดสินใจเลือกทางของตัวเอง

    โคลมกำหอกแน่นและรวบรวมพลังสายหมอกของตัวเอง เธอต่างจากเมื่อก่อนแล้วนับสิบปีที่อยู่ร่วมกับทุกคนเรียนรู้ที่ค่อย ๆ สร้างอวัยวะภายในเล็ก ๆ น้อย ๆ กับซีลอนที่คอยสอนเธออย่างลับ ๆ แม้โดยปกติแล้วจะเป็นพลังของมุคุโร่ที่เป็นอวัยวะภายในของเธอเสมอมาก็ตาม

    แต่เมื่อมาถึงจุดเปลี่ยนเธอก็ตัดสินใจ ตั้งแต่ที่สายสัมพันธ์ของพวกเธอขาดลงในศึกที่สู้กับเดม่อน เธอจึงเข้าใจว่าหากอยากจะเป็นกำลังที่แข็งแกร่งให้ผู้มีพระคุณและพวกพ้องที่เธอรัก เธอจะต้องยืนหยัดด้วยกำลังของตัวเองเพื่อไม่ให้กลายมาเป็นจุดอ่อน หรือข้อต่อรองเพื่อใช้เอาเปรียบครอบครัวที่เธอรัก

    “เธอทำได้เห็นไหม” รีบอร์นคลี่ยิ้มอย่างโล่งอก ซีลอนที่นั่งบนม้านั่งแสยะยิ้มขึ้นเฝ้ารอที่จะได้เห็นพลังสองเท่าจากปกติของทั้งคู่

    “ท่านมุคุโร่...”

    “กำลังอยู่เลยครับโคลม เธอก้าวผ่านมันมาได้แล้ว ผมรอวันที่เธอจะกลายมาเป็นนักรบที่แข็งแกร่งของผมอยู่เลย” สายหมอกหนุ่มกระตุกยิ้ม “แม้ว่าสถานการณ์ตอนนี้จะลำบากอยู่บ้าง แต่ผมต้องการจะกำจัดพวกวินดิเช่ด้วยพลังไฟทั้งหมดที่เรามีพอจะทำได้ไหมครับ?” เขาบอกความต้องการของตัวเองสายหมอกสาวก็พยักหน้าอย่างแข็งขัน

    เพราะพลังของนักมายาทั้งสองรวมกัน ฝูงอีกากินซากของมุคุโร่จึงมีพัฒนาการจนเห็นได้ด้วยตาเปล่า และพลังในการทำลายล้างก็สูงตามไปด้วย

    “นั่นเป็นคอมโบเทคนิคที่ระดับสูงกว่าร่วมมือกับฟรานอีกนะนั่น” ซีลอนยกมือพนมมือแล้วใช้นิ้วโป้งดันคางตัวเองจ้องมองการเคลื่อนไหวของคลื่นไฟธาตุมายารุนแรง

    “ได้ยินแบบนั้นก็คุ้มค่า...” รีบอร์นกระตุกยิ้มแล้วขยับหมวก

    แขนของสมาชิกทีมเบอบิวด้าทั้งสาม ถูกอีกกาโฉบทึ้งและทำลายนาฬิกาข้อมือไปอย่างรวดเร็ว

    และนั่นทำให้ข้อสันนิษฐานของซีลอนได้คำตอบกลับมาเช่นกัน

    “ร่างกายของเจ้าพวกนั้นไม่มีเลือด?”

    มีหนึ่งในพวกนั้นไม่ยอมจบศึกลงแม้ว่านาฬิกาจะถูกทำลาย เขาพุ่งตรงเข้ามาโจมตีนักมายาทั้งสองที่สูญพลังสิ้น แต่ก่อนจะถึงตัวซีลอนกับสึนะก็มายืนขวางไว้ทันท่วงทีหมัดนภากับเคียวสีดำขนาดใหญ่ที่ปัดการโจมตีราวกระสุนความเร็วเสียงนั้นได้

    “แกไม่มีนาฬิกาแล้ว นั่นหมายความว่าฉันคนนี้ก็ซัดแกได้เหมือนกัน” นักฆ่าผมเงินยิ้มเหี้ยมแล้วหมุนเคียวเล่มโตเปลี่ยนให้มันกลายไปเป็นมีดซึ่งเป็นอาวุธที่คุ้นมือเธอที่สุด

    เป้าหมายของวินดิเช่มีเพียงอย่างเดียว นาฬิกาหัวหน้ากลุ่ม เห็นดังนั้นเขาจึงพุ่งเป้าไปที่สึนะแทน นภาหนุ่มต่อสู้อย่างยากลำบากเพราะต้องปกป้องนาฬิกาบอสไปด้วยแต่เมื่อซีลอนจะขยับตัวไปช่วยก็ถูกรีบอร์นเรียกให้อยู่เฉยไว้

    “ไม่ต้องไปช่วย แกอยู่ตรงนี้ปกป้องคนอื่นก็พอ” ทารักนักฆ่าเผยความต้องการของตนอย่างตรงไปตรงมา

    “...หรือว่า” ซีลอนขมวดคิ้ว “เน่ อาจารย์ คุณยอมเข้าร่วมศึกไร้สิ่งยืนยันว่าเจ้าเช็กเกอร์เฟสจะคลายคำสาปให้จริงนี้ ก็เพื่อใช้มันเป็นข้ออ้างในการฝึกสึนะสินะ?” ซีลอนหรี่ตามองทารกนักฆ่า

    “ไหวพริบดี” รีบอร์นเอ่ยชมลูกศิษย์สายตรงของตน

    “งั้นจะรอดูชัยชนะของเจ้าบอสหัวอ่อนก็แล้วกัน” ซีลอนสลายพลังมายาที่สร้างมีดสีดำคมปลาบออก

    สึนะกับตัวแทนทีมเบอบิวด้าสู้กันบนอากาศด้วยความรุนแรงและเร็ว แต่ฝ่ายที่เสียเปรียบก็คือสึนะที่มีกังวลตรงข้อมือของตนเอง

    “หยุดทำบ้า ๆ สักทีเจ้าโง่! สู้แบบไม่ต้องสนใจเรื่องนาฬิกาซะ! แค่เอาชนะด้วยพลังของแกก็พอ!” รีบอร์นตะโกนขึ้นไปอย่างเหลืออดเมื่อการเคลื่อนไหวของสึนะขาดความเฉียบคมและทื่อลงเรื่อย ๆ

    “พูดอะไรน่ะรีบอร์น! แบบนี้คำสาปของนายก็ไม่มีทางหายนะสิ!” สึนะตาโตเท่าไข่ห่าน เขาไม่ยากแพ้เพราะต้องการจะช่วยให้อาจารย์ของตัวเองหลุดพ้นจากคำสาปอัลโกบาเลโน่

    “แต่ฉันก็มีสิ่งที่ยอมไม่ได้เหมือนกัน อย่ามาแพ้ด้วยท่าทีอ่อนแอแบบนี้นะเฟ้ย!” รีบอร์นพูดด้วยน้ำเสียงหงุดหงิดก่อนที่เขาจะถอนหายใจ

    “ตอนแรกฉันก็จะปฏิเสธศึกนี้ไป แต่ฉันยังจำได้ว่าต้องทำให้แกแข็งแกร่งขึ้นไปอีก สงครามนี้มันจะดีกับนายถ้านายได้ร่วมการแข่งขันด้วย ฉันถึงยอมก้าวขาลงมาในเรื่องบ้า ๆ นี่ ดังนั้นถ้านายมาแพ้เพราะเรื่องอะไรแบบนี้ละก็ ฉันจะไม่มีวันยอมรับนายแน่ สึนะ” ทารกนักฆ่าขมวดคิ้ว “เข้าใจแล้วใช่ไหม?”

    “...” สึนะเงียบไปเขาก้มหน้าลงคล้ายทบทวนความคิดตัวเอง

    และจากนั้น แววตาสีส้มเพลิงก็เปลี่ยนไปเป็นความมุ่งมั่นเด็ดเดี่ยวราวกับคนตัดสินใจได้แล้ว

    “เข้าใจแล้ว จงอย่ากังวลกับข้อมือและสู้สุดกำลังเหมือนที่ผ่านมา” สึนะเลิกจะชนกับอีกฝ่ายตรง ๆ ใช้ทั้งความเร็วและเพลิงนภาในการเคลื่อนที่ล้อไปกับทิศทางของศัตรูเพื่อเข้าใกล้และฉวยโอกาสเอาชนะในพริบตา

    พอจับทางได้ทุกอย่างก็จบลงอย่างรวดเร็วผิดจากก่อนหน้า บ่งบอกว่าที่จริงแล้วสึนะก็มีสายตาที่ดีเยี่ยมในการวิเคราะห์ ส่วนรีบอร์นก็ครอบครองวาทศิลป์เป็นเลิศซึ่งจะดึงให้คนใต้ปกครองของเขาพัฒนาขึ้นได้อย่างรวดเร็ว

    หลังจากลงมาที่พื้นสึนะก็เกาท้ายทอยยิ้มเก้อ หากไม่ได้พะว้าพะวังกับข้อมือตัวเอง การตัดสินคงจบไปนานแล้ว

    ในชั่วขณะที่ทุกคนโล่งอกและยิ้มให้กันนั้นเองพลังไฟธาตุที่แปดก็ปรากฏขึ้นอีกครั้ง ห่างออกไป รูหนอนสีดำพร้อมกับร่างของเบอบิวด้าบนไหล่ของวินดิเช่ผู้มีผมยาวสีดำ ทั้งคู่ที่อยู่ในความทรงจำของจีอ๊อตโต้และซาร์ท อายุขัยยาวนานคงพูดได้ไม่เต็มปากว่าเป็นมนุษย์...

    “จุกนมกำลังส่องแสง!?” เวลเด้ผงะไป ที่คอของพวกเขาสัญลักษณ์แห่งอัลโกบาเลโน่กำลังตอบสนองต่อจุกนมใสที่คอของเบอบิวด้า

    “ถึงจะกำจัดขยะไปได้ก็ตาม...แต่สายตาของฉันมันไม่มีทางมองพลาดไปแน่นอน” เบอบิวด้ากล่าวออกมาอย่างเยือกเย็น จิตสังหารจำนวนมากล้นทะลัก

    “เบอบิวด้า วอน วิทเท่นสไตน์” รีบอร์นเรียกชื่อเต็มของแขกผู้มาเยือน ถ้าสู้ในตอนนี้พวกเขาเสียเปรียบแน่

    “นี่ ซาวาดะ สึนะโยชิ นายชักจะเหมือนพรีโม่จีอ๊อตโต้เข้าไปทุกทีแล้วนะ...แต่เรื่องนายเอาไว้ทีหลังฉันไม่มีธุระกับนาย ฉันต้องการจะคุยกับรีบอร์น...” เบอบิวด้าหันไปหาคนที่เขาต้องการจะคุยและเมินเฉยต่อท่าทีของคนอื่นในบริเวณนั้นทันที

    “ต้องการอะไร” รีบอร์นเท้าเอวถามกลับ แน่นอนว่าถ้าพูดอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาเขาจะปฏิเสธแน่นอน

    “ฉันต้องการจะเชื้อเชิญนาย... มาเข้าร่วมกันฉัน” สิ้นคำของเบอบิวด้าทุกคนทั้งตกใจและสงสัย

    “ในฐานะพันธมิตร?” รีบอร์นทวนความต้องการอย่างสงสัย

    “ไม่ แค่นาย แค่นายเท่านั้นเพื่อทีมของฉัน” เบอบิวด้าเอ่ย

    “ที่นายถามนี่ยังมีสติดีอยู่รึเปล่าเนี่ย มันก็ต้องขอปฏิเสธอยู่แล้ว” รีบอร์นย่นคิ้วหงุดหงิด

    “ก็กะไว้แล้วล่ะ แต่นายต้องรู้หนึ่งเรื่อง คือนายไม่มีความสามารถพอจะปฏิเสธฉัน” เบอบิวด้าชูนิ้วขึ้น หลุมดำปรากฏขึ้นข้างหัวของรีบอร์นและดูดเขาเข้าไป

    สึนะและซีลอนที่ไหวตัวทันและใกล้ที่สุดต่างก็ตกใจและเอื้อมมือไปคว้าทารกนักฆ่าไว้

    ““รีบอร์น!!/อาจารย์!!””

    “เดี๋ยว คุณจะทะเล่อทะล่าแบบนั้นไม่ได้นะ!” มุคุโร่ตวาดเสียงดังและเอื้อมมือไปคว้าแขนของนักฆ่าผมเงินแต่เขายังช้าเกินไป

     

    Alliance หมายถึง พันธมิตรค่ะ

    ฟิคนี้เดินทางมาไกลทีเดียวใกล้จบภาคสายรุ้งแล้ว!

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×