ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #32 : | 31 | Battle Royale | ศึกตัวแทน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 156
      16
      11 พ.ย. 63

    "นาน ๆ จะมีจังหวะให้ออกแรงได้เต็มที่สักที จัดเต็มเลยแล้วกันนะ~" | ซีลอน

    “ไม่ใช่ว่าเป็นใครก็ไม่รู้หรอกเหรอ? ถึงจะสามารถควบคุมพลังดึงจิตของทุกคนให้มาประชุมกันในฝันได้แต่ไม่คิดว่ามันผิดปกติไปหน่อยรึไง? ปล่อยให้เป็นอัลโกบาเลโน่มาตั้งนานเพิ่งจะมาปลดหนึ่งในพวกคุณออกให้พ้นจากคำสาป ในขณะเดียวกันก็จะมีคนหนึ่งที่เป็นอัลโกบาเลโน่ที่แข็งแกร่งที่สุดและไม่มีทางจะพ้นจากคำสาปได้? ไม่เข้าร่วมแล้วหาทางคลายคำสาปกันเองจะคุ้มเสี่ยงกว่าเร้อ?” ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอยพอฟังเวลเด้อธิบายจบเธอก็คิดว่ามันมีหลายจุดที่ขัดแย้งกันอยู่

    การที่ชายสวมหมวกเหล็กบอกว่าให้เชื่อใจเขาหากต้องการจะพ้นจากคำสาป

    เธอกลอกตาไปมาตอนนี้เธอกำลังอยู่ที่โกคุโย เพราะเวลเด้ต้องการพื้นที่ในการทดลองอุปกรณ์ใหม่ ๆ นักวิจัยสติเฟื่องคนนี้เลือกจะดึงกลุ่มนักฆ่าอิสระโกคุโยและมุคุโร่กับซีลอนมาเป็นตัวแทนของตนตั้งแต่แรกแล้ว

    ‘ถ้านี่เป็นยุคอดีตที่ฟรานยังไม่เข้าร่วมกับวาเรียเจ้าเด็กนั่นก็น่าจะมาอยู่ตรงนี้แทนฉันล่ะน้า’ ซีลอนกระดิกปลายเท้าสบายอารมณ์ไม่ได้คิดมากอะไร

    “ดูสบายใจเกินไปหน่อยไหม? ไม่สิคงต้องบอกว่าสมกับที่เป็นลูกศิษย์ของชายคนนั้น” เวลเด้เหล่มองนักฆ่าลำดับสิบต้น ๆ

    “ก็ยังไม่ถึงเวลาแข่งนี่ อีกอย่าง...สบโอกาสฆ่าได้อย่างถูกต้องทั้งที ไม่ใช่แค่วาเรียหรอกนะที่เล็งเก็บเจ้าบอสใจอ่อนนั่น มุคุโร่เองก็หาจังหวะอยู่ตลอด ได้ศึกตัวแทนของพวกคุณมาเป็นเรื่องบังหน้าพอดี ผมคงไม่ต้องออกแรงอะไรขนาดนั้นละมั้ง?” นักฆ่าสาวถอนหายใจยาว

    “ไม่หรอก เพราะว่าแผนของฉันเพื่อจะชนะเจ้ารีบอร์นในคราวนี้จำเป็นต้องมีพวกเธอทั้งคู่ นิสัยแปลก ๆ ของมุคุโร่คือสิ่งที่ฉันคาดหวัง รวมไปถึงทักษะการต่อสู้และควบคุมภาพมายาของพวกเธอด้วย” เวลเด้อธิบาย เขาง่วงกับอุปกรณ์อะไรบางอย่างบนพื้น นักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะคนนั้นกำลังแสยะยิ้มออกมา...

    “อืม... พักก่อนหน่อยดีกว่า เอาล่ะทุกคนช่วยออกไปกับฉันหน่อยได้ไหม? มีคนที่อยากจะไปประกาศสงครามด้วยหน่อยน่ะ...” เวลเด้ปัดเสื้อกาวน์

    “...ขอผ่าน ขืนไปเปรี้ยวเท้ามากกว่านี้ต้องโดนยิงเฉียดหน้าแหงเพราะงั้นถ้าจะทำก็แค่แก๊งโกคุโยเหอะ” ซีลอนตอบปัดทันทีแล้วเปลี่ยนอิริยาบถเป็นนอนบนโซฟาเก่า ๆ

    “... ทั้งที่ก็รู้ว่าจะเป็นแบบนั้นก็ยังตอบรับคำชวนของฉันอีกนะ ความละโมบของเธออาจจะไม่แพ้เจ้าไวเปอร์เลยก็ได้” เวลเด้ขยับแว่นขึ้นดั้งจมูก

    “ขอบคุณที่ชม!~ แต่นอกจากงบวิจัยก็ไม่มีอะไรจะให้หรอกนะคุณเวลเด้~” ซีลอนโบกมือส่งกลุ่มโกคุโยที่เดินออกไปจากสวนสนุกร้างอย่างร่าเริง หลังจากที่ทุกอย่างเงียบลงเธอก็ครุ่นคิดถึงเรื่องงบประมาณกับการติดต่อซื้อขายอุปกรณ์สำหรับสร้างสิ่งประดิษฐ์

    เธอไม่รู้จักพวกพ่อค้ามากนัก แต่ถ้าเป็นนักเทรดดิ้งผู้ถ้ามีเงินจ่ายไม่ว่าอะไรก็จะหามาให้อย่างสุดความสามารถละก็ คงไม่พ้นชายที่ชื่อ ‘อลอนโซ่ คอนติน’

    “ฮัลโหล~ ไม่ได้ติดต่อกันสักพักได้แล้วเนอะอาจารย์~ มีของที่อยากสั่งนิดหน่อยพอจะมีเส้นสายกับพวกบริษัทผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ไม่ก็พวกวัตถุดิบงานประดิษฐ์ตั้งแต่ต้นทางบ้างไหม?” เงาหลังเก้าอี้คลี่ยิ้มอย่างปีศาจร้าย ใช้ประโยชน์จากอีกฝ่ายให้ได้มากที่สุดคือคติของเธอ ไม่ง่ายนักที่จะเจอตัวอัจฉริยะเวลเด้ ในเมื่อเขาเสนอตัวจะร่วมสร้างผลงานอันเยี่ยมยอดด้วยกัน ก็ไม่มีเหตุผลให้เธอต้องปฏิเสธการร่วมมือ

    ‘หากว่าจะสามารถกลับไปเป็นราวกับสัตว์ประหลาดได้เหมือนเก่า แล้วมีเหตุผลอะไรให้ต้องตอบไม่ล่ะ จริงไหม?’ หญิงสาวกลอกตาคำนวณความเป็นไปได้ต่าง ๆ อย่างน้อยเธอก็คิดว่าการร่วมมือกับเวลเด้ครั้งนี้จะไม่เท่าทุนหรือเข้าเนื้อแน่นอน

     

     

     

    หลังจากที่อัลโกบาเลโน่ทุกคนได้ตัวแทนอย่างแน่นอนแล้วชายผู้สวมหมวกเหล็กก็มีลูกน้องซึ่งทำหน้าที่กระจายกระเป๋าสำหรับการแข่งขัน คนเหล่านั้นส่งมอบของและอธิบายกติกาในการต่อสู้ให้เหล่าตัวแทนและทารกต้องสาปได้รับรู้ถึงกฎ

    หนึ่ง ทุกทีมจะมีนาฬิกาสามแบบ นาฬิกาของอัลโกบาเลโน่ เหล่าเด็กผู้ต้องสาปไม่สามารถเข้าร่วมการต่อสู้ได้ยกเว้นจะบอกกับนาฬิกาว่าของของขวัญ ซึ่งจะเป็นการปลดคำสาปชั่วคราวให้พวกเขาได้ใช้พลังที่แข็งแกร่งที่สุดก่อนจะกลับไปเป็นทารกต่อ

    สอง นาฬิกาของตัวแทนสองแบบซึ่งเข้าร่วมการต่อสู้ได้ แบบแรกนาฬิกาผู้นำตัวแทนหนึ่งเรือนหากเสียหายในการต่อสู้จะถือว่าทีมนั้นแพ้ทันที แบบหลังนาฬิกาของสมาชิกตัวแทนทั่วไปหากเสียหายจะถือว่าออกจากการแข่งขันเฉย ๆ และไม่สามารถร่วมต่อสู้ได้มีอยู่หกเรือนด้วยกัน

    สาม ระบบการต่อสู้จะอิงนาฬิกาเป็นหลักหนึ่งนาทีก่อนเกิดการต่อสู้นาฬิกาจะนับถอยหลัง และเปลี่ยนเป็นระยะเวลาที่อนุญาตให้ทำการต่อสู้ ทำลายนาฬิกาของทีมอื่นได้เฉพาะในเวลาแข่งขันเท่านั้น และในพื้นที่การต่อสู้ไม่จำกัดทีม สามารถสร้างพันธมิตรได้ตามใจ แต่ต้องคำนึงไว้ว่าสุดท้ายก็ต้องห้ำหั่นกันเอง และเวลาจะถูกสุ่มในทุกวัน

    นับจากวันที่รู้กฎเวลเด้ก็ซุ่มประดิษฐ์อะไรบางอย่างที่ทำให้นักมายาผู้เป็นแกนหลักทีมตัวแทนของเขา เร็วสมกับที่เป็นนักวิทยาศาสตร์อัจฉริยะ ขอแค่มีอุปกรณ์เพียงพอเข้าจะสามารถสร้างอะไรก็ได้ที่อยากทำ

    “หวังว่าอุปกรณ์ของคุณคงจะไม่พยศขึ้นมาระหว่างการทำงานหรอกนะครับ?” มุคุโร่เลิกคิ้วมองอาวุธใหม่

    “คิดว่าฉันคนนี้เป็นใครกัน อัจฉริยะที่สร้างอาวุธกล่องให้พวกนายเชียวนะ และนี่ก็เป็นผลงานที่น่าภูมิใจอีกหนึ่งชิ้น” เวลเด้ดึงผ้าคลุมลงมาเผยโฉมอาวุธใหม่ที่จะพลิกหน้าประวัติศาสตร์ของนักมายาในวงการเดียวกัน

    “เครื่องสร้างสสารจากภาพลวงตา!” เวลเด้กอดอกเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนจะพ่นคำอธิบายยืดยาวราวกับไม่มีทางจบสิ้นให้สมาชิกที่ยืนอยู่ด้วยได้เข้าใจถึงความล้ำค่าของมัน

    “...” ซีลอนลูบคาง เธอเอียงหัวเล็กน้อยก่อนจะกระตุกยิ้มร้าย “เจ๋งนี่ ถ้ามีไอ้นี่ละก็...สนุกแน่”

     

     

     

    เป้าหมายของมุคุโร่กับซีลอนแยกกัน แม้ทั้งคู่จะเป็นนักมายาที่สู้ระยะประชิดได้แต่สไตล์ที่ชอบของทั้งสองนั้นต่างกัน ยิ่งเมื่อได้รับตัวช่วยพิเศษจากเวลเด้การจะสร้างฝันร้ายให้เกิดขึ้นในโลกจริง

    มุคุโร่ไปหาทีมของยูนิ ส่วนซีลอนแยกไปจัดการผู้ดูแลนอกแก๊ง

    “โอ้! แหม! โชคดีจังที่คุณท่านของนายไม่อยู่ด้วย ค่อยยังชั่ว!” ซีลอนโบกมือทักทายบาจิล แค่พริบตาเท่านั้นเธอก็ประชิดด้านหลังของโอเลกาโน่ผู้ช่วยหญิงของกลุ่มผู้ดูแลนอกแก๊งใต้บังคับบัญชาของอิเอมิสึ

    “อะไรน่ะ!” เธอตกใจและไหวตัวหลบได้ก่อนที่นาฬิกาจะถูกทำลาย

    “หลบได้แฮะ~ เอาเถอะเป็นถึงแนวหน้าของกลุ่มผู้ดูแลนอกแก๊งถ้าระดับต่ำกว่านี้คุณท่านของบาจิลคงไม่พามาในศึกสำคัญนี่ด้วย~ แต่ว่าผมน่ะนะ ไม่ออมมือให้หรอก~” ซีลอนเผยรอยยิ้มขี้เล่นเคลื่อนที่ด้วยความเร็วยิ่งกว่าเดิมง้างมือตวัดใส่อีกฝ่าย ปลายเล็บทั้งห้าหุ้มไว้ด้วยปลอกมีดราวกับกรงเล็บสัตว์ร้าย มือซ้ายที่ว่างก็กระชับปืนพกเล็งยิงย้อนหลังไปยังทาเมริคผู้ช่วยอีกคนในกลุ่มสมาชิกตัวแทนของโคโรเนโร่

    “มันจะได้ใจไปหน่อยแล้วเว้ยเห้ย!” ทารกนักฆ่าสไนเปอร์ที่แข็งแกร่งเป็นอันดับหนึ่งเหวลั่นด้วยเสียงเล็ก ๆ ของเด็กสามขวบ

    “ที่ผมมาสู้กับทีมคุณก็เพราะรู้หรอกว่าความเร็วของผมมันพอจะหลบเลี่ยงจากคุณได้...” นักฆ่าผมเงินยิ้มร่าโบกมือทักทายอัลโกบาเลโน่ตะวัน

    “ทาเมริค! อย่าเคลื่อนไหวโดยคิดว่าเป็นด้านหลังของหล่อน มันคือด้านหน้า!” โคโรเนโร่ตะโกนแนะนำลูกทีมของตนก่อนจะหันไปมองชายหนุ่มข้างตัวเพื่อออกคำสั่ง “บาจิลนายก็ไปช่วยพวกเขาด้วยแต่ระวังอย่าให้ตัวเองหลุดจากสมาชิกเด็ดขาด!”

    “ครับ!” เปลวไฟสีฟ้าของพิรุณกลางหน้าผากของบาจิลพร้อมโลมาพิรุณเข้าสู่สนามรบโดยมีเป้าหมายเป็นนักฆ่าเพียงคนเดียวที่กล้ามาท้าทายกลุ่มของเขา

    “ตัดสินใจได้ดี!” ซีลอนหัวเราะก้องอย่างสนุกสนาน เอี่ยวหัวหลบกระสุนจากผู้ดูแลนอกแก๊งสาวและหลบคมอาวุธจากผู้ช่วยหนุ่มด้านหลัง เมื่อได้คำแนะนำจากอัลโกบาเลโน่ทาเมริคก็เข้าใจถึงความหมาย

    แม้จะเป็นด้านหลังก็ตามเงาหลังเก้าอี้คนนี้คล้ายจะไม่มีจุดอ่อนเลยเธอยังคงหลบและเคลื่อนไหวราวกับประจันหน้ากับเขา ด้วยปืนเพียงกระบอกเดียวและลวดก็เพียงพอจะสกัดไม่ให้เขาเข้าถึงนาฬิกาบนข้อมือของหล่อน กลับกันด้วยการลอบกัด หลายต่อหลายครั้งที่กระสุนของซีลอนเฉียดนาฬิกาตัวแทนของเขาราวกับหยอกล้อว่าหากเธอต้องการจะยิงให้แตกเมื่อไหร่ก็ได้

    สำหรับซีลอนแล้วสไตล์การต่อสู้ของผู้ดูแลนอกแก๊งสาวน่าสนใจกว่าทาเมริค...

    และกับบาจิลนักฆ่าเพียงเหลือบมองเป็นระยะเท่านั้น

    มายาของซีลอนสร้างตัวเองอีกคนขึ้นมากระโจนใส่ชายหนุ่มผู้ครอบครองไฟพิรุณ

    “ดูอารมณ์ดีมากกว่าปกติอีกนะครับเนี่ย” บาจิลเหงื่อตกใช้กาตาร์กันมีดยาวของนักฆ่าเอาไว้ทันท่วงทีแต่ไม่ทันได้ปัดออกก็ต้องรีบตั้งการ์ดรับแรงกระแทกของด้ามมีดที่ทุบเข้าขมับ

    “นายก็รู้ว่างานที่เหมาะกันฉันไม่ใช่เดินตามท้องฟ้าที่สดใส...” ซีลอนคลี่ยิ้มพูดคุยอย่างสบายอกสบายใจราวกับเจอเพื่อนเก่า

    บาจิลยิ้มเจื่อนเพราะเข้าใจถึงความหมายของมันดี อัจฉริยะนักฆ่านอกจากเบลเฟกอลแล้วซีลอนคืออีกคนที่น่ากลัว แต่มันไม่ใช่ความอัจฉริยะที่ได้มาเพราะมันสมองราวกับสวรรค์ประทานพรมาให้ แต่เพราะความมุมานะและอาการย้ำคิดย้ำทำฝึกฝนอย่างซ้ำ ๆ จนราวกับคนวิกลจริตของหล่อนสมัยก่อน ความพยายามที่ทำให้คนกลายเป็นสัตว์ประหลาด...

    “นานมากแล้วผมที่ไม่ได้ทำงานสนุก ๆ เพราะไม่ว่าจะหน้าไหนก็มีแต่พวกนักฆ่าปลายแถว” ซีลอนเอ่ยขึ้นอีกครั้ง นึกถึงสึนะชายผู้นำทางวองโกเล่ไปในอนาคตแบบที่เขาชอบ การนองเลือดที่ไม่ใช่นิสัยของเขาจึงเป็นเรื่องที่แทบจะไม่มีเลย ยกเว้นก็แต่กลุ่มวาเรียจะเคลื่อนไหวกันเองเพราะได้ข่าวหนอนบ่อนไส้หรือกลุ่มที่ต่อต้านท้าทายอำนาจในอิตาลี่

    และเพราะแบบนั้นเงาหลังเก้าอี้จึงเกิดอาการคิดถึงวันคืนในสนามรบอันดุเดือดขึ้นมา

    ‘ศึกตัวแทนที่เป็นข้ออ้างของเฮียกับมุคุโร่เพื่อใช้ฆ่าสึนะ กับผมแล้วก็เป็นข้ออ้างในการไม่ยั้งมือทั้งที่ทำตัวเรียบร้อยมาตลอดเช่นกัน’ ดวงตาสีไพลินหรี่โค้งเพราะรอยยิ้ม

    “!!!” บาจิลที่รู้จักกับซีลอนในระดับหนึ่งผงะและรีบเปลี่ยนจากการรุกประชิดเป็นทิ้งระยะห่างทันที

    “ว้า~ มีคนรู้ตัวหนึ่งแฮะ~” เธอกล่าวด้วยน้ำเสียงติดตลก นักฆ่าอีกร่างแม้จะมือเป็นระวิงกับการโจมตีและปัดป้องโอเลกาโน่ด้านหน้า และทาเมริคด้านหลังกลับไม่แสดงอาการกลัวหรือร้อนรนออกมา

    รอยยิ้มของเธอเกิดขึ้นพร้อมระเบิดกัมปนาท พื้นใต้เท้าของทั้งสามปะทุขึ้นฟ้าส่งกลุ่มควันโขมงและเศษดินที่โปรยปรายลงมาราวกับฝน

    “คุณโอเลกาโน่! คุณทาเมริค! เป็นอะไรไหมครับ!” บาจิลรีบร้องเรียกชื่อของทั้งสองแต่เงาร่างที่ยืนอยู่ในม่านควันกลับไม่มีใครยืนอยู่เลย ทว่าร่างที่ล้มไปกับพื้นมีเพียงสองผู้ดูแลนอกแก๊ง นาฬิกาของทั้งคู่แตกกระจาย ร่างกายได้รับบาดเจ็บจากแรงระเบิดแต่ก็ไม่ถึงกับแหลกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยเพราะซีลอนต้องการเพียงทำลายนาฬิกา

    เธอสร้างกับระเบิดใต้ดินขึ้นมาหลังจากพวกเขาทั้งคู่อยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสม แสร้งทำให้รู้สึกว่าระเบิดมันแรงถึงตายแต่ที่จริงก็เพื่อใช้บดบังทัศนวิสัยของทั้งพวกเขาและเหยี่ยวของโคโรเนโร่ ทารกนักฆ่าชกต้นไม้อย่างเจ็บใจเขาไม่ทันได้ใช้ ‘ของขวัญ’ จากนาฬิกา เมื่อเทียบกันแล้วทีมของเวลเด้ที่มีแต่นักมายาไม่น่าจะแข็งแกร่งมากนัก กระทั่งซีลอนเองที่เข้าร่วมด้วยก็ไม่ได้อยู่ในอันดับที่สูงกว่าพวกเขาในทำเนียบนักฆ่าทั่วโลก...

    “ฉันจะเก็บนายเอาไว้ให้สึนะเจอเอง ถูกสั่งมาว่าให้ลดจำนวน งั้นก็เหลือพวกคนเก่งเอาไว้เป็นตัวแปรสำคัญในเกม แบบนี้จะเข้มข้นขึ้นจริงไหม?” นักฆ่าที่ยืนอยู่กับเขาแสยะยิ้มชั่วร้าย เธอเคาะนาฬิกาให้ดูเวลาที่หมดลงแล้วยกนิ้วทาบริมฝีปากตัวเองก่อนจะเลือนหายไป แหลกสลายราวกับม่านหมอก จางไปในอากาศหลงเหลือเพียงเสียงทิ้งท้าย

    “ขอให้สนุกกับแมตช์หน้านะทีมโคโรเนโร่ ผมน่ะรอดูอยู่! กระสุนหมู่ที่หากไม่ใช่ยอดฝีมือก็ไม่สามารถหลบพ้นนั่น!” เสียงหัวเราะคิกคักของหล่อนเบาบางจนหายไปจากตรงนั้น ไม่มีร่องรอย ไม่หลงเหลือจิตสังหารอยู่อีก

    “ได้ไง!” บาจิลตื่นตะลึง เขาจำได้ว่าการวาร์ปเป็นพลังนอกรีตของซีลอนที่ถูกริบคืนไปแล้วเมื่อสัญญาสิ้นสุดลง

    เขามั่นใจว่าซีลอนที่สู้กับเขาเมื่อครู่เป็นตัวจริง แล้วทำไมจู่ ๆ ถึงหายไปได้อย่างไร้ร่องรอย?

    คำตอบของเขาเจ้าคนขี้เล่นชั่วร้ายที่ห่างออกมาจากตรงนั้นลุกขึ้นบิดขี้เกียจ บนม้านั่งมีเครปเย็นที่หมดแล้วกับกาแฟกระป๋องเปล่า

    “หลอกไปได้หนึ่ง ที่เหลือก็ไปรวมกลุ่มสินะ” ซีลอนหาวหวอด

    “ส่งร่างมายาไปสู้เนี่ยรู้สึกไม่ค่อยสะใจเท่าไหร่เลยแฮะ แต่ก็ช่างเถอะ ยังต้องทำให้พวกนั้นเข้าใจว่าเราวาร์ปได้ไปก่อนจะได้ไม่กล้ามาตีสุ่มสี่สุ่มห้า” ซีลอนโยนเศษกระดาษห่อเครปลงถังขยะไปพร้อมกระป๋องก่อนจะกับไปที่สวนสนุกร้าง

     

     

     

    [ทำได้ดีมากครับทุกคน! ประกาศนี้จะถูกส่งไปให้สมาชิกศึกตัวแทนที่ยังเหลืออยู่ในตอนนี้]

    [ผมคือตัวแทนผู้จัดการศึกตัวแทนสีรุ้ง เช็คเกอร์เฟสครับ]

    [หลังจบการต่อสู้ทุกครั้งเราจะประกาศการจัดอันดับ แต้มและสมาชิกที่หลงเหลือ เชิญดูที่โฮโลแกรมบนนาฬิกาข้อมือได้เลย]

     

    ทีมรีบอร์น จัดการ0 ถูกจัดการ1 เหลือ6

    ทีมโคโรเนโร่ จัดการ0 ถูกจัดการ2 เหลือ5 

    ทีมมาม่อน จัดการ0 ถูกจัดการ0 เหลือ7

    ทีมเวลเด้ จัดการ5 ถูกจัดการ1 เหลือ6

    ทีมสคัล จัดการ0 ถูกจัดการ0 เหลือ7

    ทีมฟง จัดการ1 ถูกจัดการ0 เหลือ1

    ทีมยูนิ จัดการ1 ถูกจัดการ3 เหลือ4

     

    “เจ๋ง!!” ซีลอนเหวี่ยงหมัดอย่างอารมณ์ดี พรุ่งนี้น่าจะเก็บกวาดง่ายขึ้นด้วยการกระจายไปทำลายนาฬิกาของทีมอื่นเพื่อให้สมดุลไม่เสียไปนักจนกลายเป็นทีมอื่นร่วมมือกับกำจัดทีมเวลเด้

    “หึหึหึหึ ผลเป็นไปตามคาดต่างหากครับ ด้วยพลังของอัจฉริยะอย่างผมร่วมมือกับสุดยอดนักมายาอย่างพวกคุณ ไม่มีทีมไหนจะขัดขวางเราได้หรอกครับ” เวลเด้ตบกล่องสองใบที่สลักตัว M และ S เอาไว้บนฝากล่อง

    “แค่วันแรกก็จัดการได้ตั้งห้าคน นำคะแนนโด่ง และยังเป็นการบอกกระแสเกมว่าพวกเราคุมเอาไว้หมดแล้ว” มุคุโร่กอดอกอยู่ข้างหน้าต่าง

    “ไม่คิดว่าภาพลวงตาของนายจะสุดยอดขนาดนี้มุคุโร่ ต้องมองใหม่เสียแล้ว” ทารกอัจฉริยะเท้าเอวเอ่ยชมหัวหน้าตัวแทนของตน

    “ที่น่าประทับใจคืออุปกรณ์ของคุณต่างหากศาสตราจารย์เวลเด้” สายหมอกถ่อมตนและหัวเราะในลำคอด้วยสำเนียงเอกลักษณ์

    ‘เป็นการสนทนาที่ไม่เห็นความจริงใจสักกะผีก...’ ซีลอนที่พักสายตาอยู่บนโซฟาขมวดคิ้วพยายามกลั้นยิ้มเพราะคิดว่ามันตลกเอามาก

    “จะว่าไปตื่นอยู่สินะครับ ถ้ายังไงพรุ่งนี้ไปด้วยกันหน่อยนะครับ มาช่วยกันหน่อยผมอยากจะลองอะไรบางอย่าง” มุคุโร่หันไปมองโซฟาเก่ามีเพียงกลุ่มผมสีเงินกับปลายเท้าที่เกินออกมา ส่วนฝั่งตรงข้ามเอ็มเอ็มที่ออกจากการแข่งขันนั่งกินไอติมกับเคนที่กำลังเงยหน้ามองไปยังหัวหน้ากลุ่มโกคุโยของตน

    “คิดแผนอะไรไว้สินะ ไม่มีปัญหา นาน ๆ จะมีจังหวะให้ได้ออกแรงเต็มที่สักที จัดเต็มเลยแล้วกันนะ~” นักฆ่าผมเงินหัวเราะในลำคออย่างถูกใจ

    “น่าสนใจนี่ครับงั้นผมไปด้วย” เวลเด้หันขวับมาในทันที

    “เป้าหมายล่ะ?” ซีลอนเลิกคิ้วถามขึ้นโดยไม่ลุกจากการโซฟา

    “คิดว่ายังไงล่ะครับคุณน่าจะพอเดาได้นะ? สืบมาแล้วนี่ครับ?” มุคุโร่โคลงหัวตอบอย่างไม่ยี่หระ

    “ทีมที่จับมือเป็นพันธมิตรกัน ยูนิกับรีบอร์น...” ซีลอนกระตุกยิ้ม เธอไม่แคร์ว่าจะต้องสู้กับอาจารย์เพราะเขาคืนร่างได้ไม่ถึงนาที ปะทะกันตัวต่อตัวคงไม่ไหวที่จะหวังเอาชนะ แต่ถ้าเพื่อยื้อถ่วงเวลาล่ะก็ไม่มีใครลูกเล่นกับรีบอร์นเยอะเท่าเธออีกแล้ว

    “คุฟุฟุฟุฟุฟุฟุ หวังว่าพรุ่งนี้จะเข้มข้นอย่างที่คุณหวังนะครับ เพราะทีมอื่นคงไม่สาแก่ใจคุณมากเท่ากลุ่มนั้นอีกแล้ว” มุคุโร่คลี่ยิ้มการค้า ยิ้มที่หาความจริงใจไม่มี

    เขารู้ว่าจนถึงตอนนี้ซีลอนก็ยังแค้นและไม่ชอบหน้าเบียคุรันอยู่ แต่ระดับพลังที่ถูกทิ้งห่างในตอนนี้ไม้จะมีอุปกรณ์ก็อาจเอื้อมไปทึ้งหัวเทวดาเสียของอย่างเบียคุรันลงมาได้

    “ชิ นายก็สู้ไปเถอะเรื่องลอบกัดน่ะฉันจัดการเอง” ซีลอนเด้งตัวขึ้นจากโซฟาเธอพาดแขนกับโซฟาหันมาแสยะยิ้มให้มุคุโร่อย่างรู้กัน

     

     

     

    ในวันถัดมาช่วงบ่ายแก่มุคุโร่ ซีลอน และเวลเด้ ลอบตามสึนะไปยังคฤหาสน์หลังหนึ่ง ดูท่าว่าพวกเขาจะประชุมกันที่นี่ ที่เหลือก็รอแค่เวลาเริ่มการปะทะเท่านั้น เครกับจิคุสะรอสมทบอยู่ไม่ไกลเตรียมเข้าปะทะทุกเมื่อ

    และเมื่อตะวันโรยฟ้านาฬิกาจึงนับถอยหลัง

    “...” ซีลอนเปิดกระเป๋าที่ต้นขาหยิบเอากล้องส่องนกขนาดเล็กมาใช้ ระยะไม่ไกลเท่ากล้องส่องทางไกลดัดแปลงแต่ก็มากพอจะใช้ดูใครบางคนที่ลอยตัวอยู่เหนือคฤหาสน์อย่างสว่างไสว

    “ผู้นำตัวแทนทั้งคู่แหง สึนะกับเจ้ากล้วยไม้นั่น” ซีลอนรายงานสถานการณ์เท่าที่เห็นภายนอก “โกคุเทระอยู่กับยามาโมโตะ แล้วก็ททีมของยูนิสองคนกระจายกำลังอยู่ไม่ไกลกันนัก คงกะใช้วิธีตั้งรับมากกว่า”

    “คุฟุฟุฟุฟุฟุ ดูท่าก็คงจะรู้ตัวนะครับว่าพวกเราจะมา ถ้าอย่างนั้น...มาเริ่มกันเลยดีไหม?” มุคุโร่ยกยิ้มเสตามามองนักฆ๋าข้างตัว

    “จัดให้หนัก...” เธอกระตุกยิ้ม ทั้งคู่แยกกันและให้เวลเด้อยู่ซ่อนสังเกตจากบนต้นไม้ห่างออกไปไกลพอที่จะไม่ถูกลูกหลง

    “ดึงสายตาพวกนั้นด้วยครับ” มุคุโร่วานหญิงสาวจากอุปกรณ์สื่อสาร

    “ไม่ต้องห่วง” นักฆ่าสาวใช้พลังมายาและเมฆา เมื่อจับคู่กับอุปกรณ์ของเวลเด้การสร้างภาพลวงตาให้เป็นของจริงก็ทำง่ายราวกับเสก

    ภาพชัดเท่าไหร่รายละเอียดก็มากเท่านั้น องค์ความรู้ชัดเจนเท่าไหร่วัสดุก็แม่นยำไม่ต่างจากของจริงไปด้วย เสาไฟฟ้าไร้สายมากมายปรากฏขึ้นรอบคฤหาสน์เพื่อดึงสายตาและความสนใจของทุกคนที่นั่นละจากตำแหน่งเฝ้าระวัง

    เพียงพริบตาก็มากพอจะให้แฝงตัวเข้าไปแล้ว

    คิเคียวออกมาทำลายเสาไฟฟ้าทิ้งทันที จากการแฝงตัวเข้าไปใกล้นักฆ่าเห็นลำแสงยิงไปด้านนอกที่ถนน และด้วยความว่อกแว่กนั่นเองทำให้มุคุโร่แฝงตัวไปใกล้หนึ่งในสมาชิกได้

    ด้วยการเคลื่อนไหวของนักฆ่าสายหมอกไม่ยากเย็นอะไรเลยกับการสร้างจรวดระเบิดหรือมิสไซล์ขนาดเล็กเพื่อล็อกเป้าหมายทุกหัวจรวดไปที่คฤหาสน์

    “อยากเล่นอะไรแบบนี้มานานแล้ว!” ซีลอนหัวเราะคิกคักในเงามืด ที่จริงภายนอกดูค่อนข้างรุนแรงแต่อานุภาพของมันเทียบเท่าเพียงระเบิดขนาดย่อมเท่านั้น เธอไม่ได้จะฆ่าแค่ดึงสายตาและความสนใจ ไม่อย่างนั้นนักฆ่าอย่างเธอยังมีวิธีอีกมากมายที่จะใช้ลอบสังหารคนกลุ่มใหญ่

    “คิเคียวอยู่นอกระยะสายตาแล้วจัดการซาคุโร่ซะ...” ซีลอนกรีดยิ้ม เรื่องมักง่ายทีเมื่อฉุละหุก็จะไม่สังเกตกันยิ่งอีกฝ่ายเป็นนักสู้ไม่ใช้นักฆ่าด้วยแล้วล่ะก็...

    ซีลอนสวมแว่นมองกลางคืนเมื่อเห็นมุคุโร่ใช้มายาคลุมร่างปลอมเป็นคิเคียวเข้าไปคุยและรั้งซาคุโร่เอาไว้อย่างแนบเนียนก็หลุดหัวเราะออกมา เธอรู้ว่ามันจะสำเร็จจึงไม่ได้ดูต่อและรีบไปยังตำแหน่งต่อไปเพื่อดำเนินแผนการก่อกวน แต่ก็ทิ้งร่างมายาเอาไว้เผื่อฉุกเฉินซึ่งมันก็เป็นอย่างนั้นจริง ๆ

    ซาคุโร่โกรธจัด ร่างมายาของซีลอนจึงปลอมเป็นหนึ่งในผู้วางกลยุทธ์จากชายหมวกเหล็กเพื่อย้ำว่าเมื่อนาฬิกาของสมาชิกพัง คนคนนั้นต้องยุติการต่อสู้และออกจากเขตสนามไป

    ซีลอนในตำแหน่งห่างออกไปยังได้ยินเสียงคำรามของเคนที่ตวาดใส่ใครบางคนไม่ให้มายุ่งกับท่านมุคุโร่ หลังจากนั้นไม่นานแรปเตอร์กล่องของคิเคียวก็ชูคอไปทั่วบริเวณคฤหาสน์

    “เหมือนตอนนั้นเลยแฮะ แต่ก็นะคงยอมให้ข่มขวัญไม่ได้” ซีลอนประกบมือ เสียงดังชั่วครู่นั้นราวกับสัญญาณสร้างมายา เธอเพิ่มจำนวนมิสไซล์อีกครั้งและกะปริมาณความรุนแรงให้ต่างจากรอบแรกเพราะต้องการกำจัดอาวุธกล่องให้หมดไปไม่ใช่แค่สร้างควันและแสงจ้าอย่างเดียว

    ซีลอนคอยสร้างภาพมายาลอบกัดและเพิ่มโอกาสที่มุคุโร่จะเข้าถึงนาฬิกาของทีมอื่นได้

    ทว่าในวินาทีนั้นเองขนคอเธอก็ลุกชันอย่างไม่ทราบสาเหตุ เมื่อหันไปก็เห็นประกายแสงที่ยอดเขาทิศหนึ่งลำแสงสีเหลืองอร่ามเป็นเส้นตรงระเบิดและพุ่งมายังคฤหาสน์

    “แม็กซิมั่นไรเฟิล!? บอกว่าอยากเห็นแต่ไม่ใช่แมตช์นี้โว๊ย!!!” นักฆ่าเหวลั่นแล้ววิ่งไปทางคฤหาสน์ทันที

    ทว่าลำแสงพวกนั้นก็แตกกระจายออกราวยี่สิบจุดพุ่งเข้าหานาฬิกาข้อมือของใครหลายคนอย่างแม่นยำรวมทั้งเธอด้วย

     

    Battle Royale เนี่ยพูดโดยรวมจะหมายถึงการต่อสู้ที่มีคู่ประลองหลายคนในสนามและสู้กันจนกว่าจะเหลือแค่คนเดียวที่อยู่รอดเป็นคนสุดท้ายคือผู้ชนะค่ะ

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×