ตอนที่ 11 : Role.10 - Run a tight Ship
Role.10 - Run a tight Ship
ข่าวการปองร้ายท่านทูตต่างดาวดังไปทั่วไม่ว่าจะในโทรทัศน์หรือช่องทางออนไลน์ การคาดเดาต่าง ๆ นานาเล่าลือไปไกลถึงความสัมพันธ์ของเขากับเอ็นเลส ซึ่งอาจทำให้การรับช่วงต่อของตำแหน่งท่านรัฐมนตรีตัวแทนจากสภาดวงดาวนั้นมีความลำเอียงต่อหน่วยงานเอกชนยักษ์ใหญ่นี่ในอนาคต
“พวกเราเป็นองค์กรคล้ายทหารรับจ้างขนาดใหญ่ ชั่วดียังไงก็ทำเพื่อปกป้องผู้คน อีกอย่างเงินของเรามาจากการจ้างวานของลูกค้าและธุรกิจเครือข่ายย่อย ไม่มีอะไรต้องกังวลหรอกว่าจะกลายเป็นเรื่องไม่ดีขึ้นมา” ดีโลไลน์นั่งกระดิกเท้าในห้องหน่วยเซทซีโร่
“แต่ว่ามันกระทบกับหุ้นนะครับ ร่วงจะแย่แล้ว... โอ๊ะ! ผมควรช้อนซื้อสินะจะได้เทขายได้ทีหลัง!” แฟร์บ่นให้ได้ยินกันทั้งห้องก่อนจะส่งเสียงตกใจแล้วเด้งตัวขึ้นมาเปิดไอดีเอของตนเพื่อทำธุรกรรมบางอย่าง
“ระวังติดดอย” ท่านประธานของพวกเขาเย้าแหย่ขำ ๆ
“หน้าที่คุณคือทำให้มันมีราคานะครับท่านประธาน!” แฟร์เหวใส่อย่างไม่คำนึงถึงฐานะตำแหน่งของตน เขาถูกจาฮาราจิกตามองครู่หนึ่งแล้วถอนหายใจออกมา
“แต่ถ้าผ่านวิกฤตครั้งนี้ไปได้ความน่าเชื่อถือของเราจะพุ่งพรวดเลยนะครับ แน่นอนว่าแซงหน้ารัฐบาลแบบไม่เห็นฝุ่น” จาฮาราขยับแว่นสายตาของตนและเหล่มองเอกสารที่ถูกกองไว้แต่คนมีอำนาจสูงสุดของบริษัทไม่ยอมเซ็น
“ฉันรู้ ฉันรู้” ร้อยตาถอนหายใจแล้วยกมือลูบหัวลูกสาวบุญธรรมที่วันนี้อุตริมานั่งตัก ดีโลไลน์ไม่ว่าอะไรเขาดีใจด้วยซ้ำที่สามารถเล่นกับเธอได้เหมือนเด็ก และจะดีกว่านี้ถ้าได้ทันเล่นกับลูกสาวรุ่นตัวเล็กตัวน้อยเดินไม่แข็ง... แต่แม้จะเป็นแมชชีนรุ่นล่าสุดบนโลกก็ไม่สามารถย้อนอายุทั้งร่างกายได้มากกว่าหนึ่งปี
“แล้ววันนี้ลูเซียสของคุณพ่อนึกยังไงถึงมานั่งตรงนี้ฮึ?” ร้อยตาคลี่ยิ้ม
“กำลังทำการทดลองและเก็บสถิติ” ลูเซียสหันไปมองบิดาบุญธรรมในปากยังคาบอมยิ้มขณะที่พิมพ์บางอย่างลงไปในแท็บเล็ตของตนเอง
“โอ้ เดี๋ยวนี้เก็บสถิติเองเป็นด้วย ลูเซียสของคุณพ่ออย่างเจ๋ง เอาล่ะกำลังทดลองเรื่องอะไรอยู่น้า” คนมีอายุเป็นเพียงตัวเลขเหล่มองจอทัชสกรีนที่เต็มไปด้วยข้อความและสถิติด้านซ้ายมือ
ลูเซียสกัดอมยิ้มเสียงดังเธอนิ่งคิดก่อนจะตอบอย่างตรงไปตรงมาและละความสนใจจากท่านประธานไปที่จอส่องแสงในมือตัวเอง
“ระดับความสัมพันธ์ของความกลัวและความรักทั้งเชิงผกผันและโดยตรง” ลูเซียสขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วปัดตารางให้ฉายออกมาเป็นโฮโลแกรมราวกับอวด รายชื่อของสมาชิกเซทซีโร่และดีโลไลน์อยู่บนนั้นรวมไปทั้งหน่วยสนับสนุนและคนที่เธอรู้จักทั้งหมด
“ทำไมหนูเข้าใจอะไรย๊ากยากละคะลูเซียส” ดีโลไลน์กลั้นขำตัวสั่น แต่ก็เอาเถอะในเมื่อชื่อเขาอยู่บนสุดจะหลับหูหลับตายอมให้เธอวิเคราะห์อะไรแปลก ๆ ต่อไปอีกสักระยะก็ได้
“...ความรู้สึกซับซ้อน น่ารำคาญ” เธอนิ่วคิ้ว อาซาฮีกลั้นยิ้มก่อจะหันไปขำกับรินที่ปล่อยหัวเราะก๊ากออกมาบนโซฟาใกล้ ๆ
“นี่ก็นานแล้วแต่ลูไม่ยักจะชินกับความซับซ้อนของมนุษย์อีกเหรอ” แฟร์พ่นหัวเราะแล้วยิ้มเยาะเพื่อนร่วมงาน
“สิ่งมีชีวิตที่เข้าใจยากที่สุดในจักรวาล” ลูเซียสตอบมาอีกประโยคแล้วลุกจากตักดีโลไลน์ไปนั่งตักอาซาฮีที่โซฟากลางแทนบ้าง
“แหม เพราะความหลากหลายทางชีวภาพเยอะแม้แต่ในสายพันธุ์ย่อย เพราะมีสติปัญญาสูงแต่ไม่ได้สูงไปเสียทุกคนและทุกอย่างดังนั้นมนุษย์จึงไม่สามารถทำความเข้าใจได้ด้วยองค์ความรู้แบบเดียวยังไงละคะ” อาซาฮีอ้าแขนยินดีอย่างยิ่งที่อีกฝ่ายจะมานั่งตักเธอ พลางลูบเส้นผมที่ตัดเล็มเอาอย่างลวก ๆ ของลูเซียสไม่ได้สนใจว่าเธอจะพิมพ์อะไรลงไปมากนักเพราะด้วยนิสัยสุดท้ายแล้วเดี๋ยวหญิงสาวก็คงวิ่งมาอวดเธอแทนว่าผลเป็นยังไงพร้อมทั้งขอคำวิจารณ์เพื่อแก้ไขให้การทดลองเก็บสถิติคราวหน้าดีขึ้น
“อาซาฮี...คะ เป็นไปได้ไหมว่าคนเราจะโกรธบุคคลที่สามซึ่งยุ่งเกี่ยวกับบุคคลที่สองที่เรารักแต่จริง ๆ แล้วเราไม่ได้โกรธเพราะรัก?” และแม้แต่ตอนนี้เธอก็ยังคงไม่ชินกับการพูดลงหางเสียง
“อืม... ถ้าตามบทวิจัยที่เคยมีมาก็เป็นไปได้ค่ะ แต่ว่าไม่เชิงว่าโกรธเพราะไม่ได้รักบุคคลที่สองหรอกนะคะ บางกรณีก็โกรธเพราะรักตัวเอง เพราะรักตัวเองถึงไม่ชอบที่มีคนเข้ามาวุ่นวายกับสิ่งของของตัวเอง” อาซาฮีอธิบาย คำตอบนั้นทำให้ลูเซียสขมวดคิ้วมากกว่าเดิม
เธอเทียบความรู้สึกตัวเองเป็นตัวเลข โดยมีตัวแปรเป็นเหล่าครอบครัวที่รายล้อมเธอแม้จะไร้ซึ่งสายเลือดเดียวกัน แทนค่าผลกระทบด้วยความตายหรือการสูญเสียความสามารถในการดำรงชีวิตด้วยตัวเอง
ดีโลไลน์เป็นค่าตัวเลขที่เยอะที่สุดเมื่อจินตนาการว่าต้องสูญเสียชายคนนี้ไปจากชีวิต รองลงมาด้วยหน่วยเซทซีโร่กับอาซาไร จากนั้นจึงเป็นคนที่เคยร่วมงานด้วยอื่น ๆ ผลคือกระทั่งค่าตัวเลขที่น้อยที่สุดในบรรดาคนรู้จักทุกคนของเธอไม่มีเลขศูนย์อยู่เลย
ในขณะที่เธอกำลังคิดว่าตัวเองนั้นจัดเป็นกลุ่มเพราะรักอีกฝ่ายจึงกลัว หรือเพราะรักตัวเองจึงกลัวก็ถูกดึงสติด้วยคำถามของเอเลี่ยนสาวตัวสูง
“หุหุหุ... กำลังคิดว่าตัวเองเป็นแบบไหนระหว่างเพราะให้ความสำคัญถึงโกรธที่มีมือที่สามมาทำร้ายคนคนนั้น หรือเพราะรักตัวเองมากกว่าจึงไม่ยอมให้เกิดการเปลี่ยนแปลงกับสิ่งแวดล้อมรอบตัวละก็ฉันช่วยได้นะคะ” อาซาฮีคลายปลายคิ้วที่คล้ายหนวดผีเสื้อกลางคืนปล่อยลู่ลง
“ถ้าเกิดว่าในวินาทีวิกฤตนั้นลุกซ์สามารถทำอะไรได้เพื่อเปลี่ยนจุดจบของการสูญเสียผู้คนในตารางลุกซ์จะทำอะไรเหรอคะ?” คำถามจากเพื่อนต่างดาวไม่ได้สร้างความลังเลให้ลูเซียสในการตอบแม้แต่น้อย
ไม่ว่าจะเป็นแบบไหนเธอก็ไม่สนหรอกเพราะว่าถ้ามันจะทำให้คนที่ช่วยเหลือเธอมาตลอดนั้นรอดละก็
“เวลาน้อยก็เข้าไปขวาง เวลาเยอะก็จัดการมือที่สาม”
“งั้นเหรอคะ นั่นสิน้า~ลุกซ์ของพวกเราน่ะไม่มีทางเป็นคนที่รักแต่ตัวเองไปได้หรอกค่ะ เพราะว่าเธอน่ะใจดีกว่าที่ตัวเองคิดเยอะมากเลยนะ” อาซาฮีลูบหัวลูบแก้มหญิงสาวราวกับเธอเป็นเด็ก นิ้วเย็นนุ่มนิ่มของแขนคู่รองสัมผัสบนใบหน้าที่เล็กกว่าด้วยความรัก อาซาฮีไม่เคยมีลูกและไม่คิดจะมี เธอนึกขึ้นมาในใจตัวเองว่าหากเด็กคนนั้นน่ารักแบบลูเซียสก็คงจะดีแต่ว่าชาวดาวเธอนั้นไม่มีทางที่จะออกมาน่ารักน่าชังแบบลูเซียส พวกเขานั้นไร้ซึ่งอารมณ์ร่วมใดใด คิดทุกอย่างตามเหตุผล จึงไม่มีทั้งสีหน้าและน้ำเสียงที่หลากหลายเหมือนมนุษย์บนดาวดวงนี้ ใครเปรียบก็คงเหมือนหุ่นยนต์ที่กำลังประมวลข้อมูลมากมายเข้าระบบการทำงานมากกว่าสิ่งมีชีวิตน่ารักน่าชัง
วงแขนคู่หลักประสานกันกึ่งขังกึ่งปกป้องสาวชาวมนุษย์เอาไว้บนตัก แต่ลูเซียสไม่ได้ใส่ใจมันนักเพราะกำลังพิจารณาคำพูดของอาซาฮีอยู่
“แบบที่อยู่ในกรอบศีลธรรมน่ะเหรอ...คะ?” ลูเซียสเอียงหัวลังเลการสรุปของตน
“ถ้าหมายถึงการไว้ชีวิตผู้ต้องหาก็ใช่ค่ะ และถ้าลูเซียสรักตัวเองมากกว่าคนอื่น เธอจะไม่ยอมเจ็บตัวเพื่อคนอื่นหรอกนะคะ” รินอธิบายเสริมพลางยื่นของว่างวันนี้ให้อีกฝ่าย
“แต่มันก็เป็นงานไม่ใช่เหรอ?” สาวมนุษย์ยังคงสงสัย แล้วตรงไหนเป็นเส้นกั้นระหว่างหน้าที่กับความรู้สึกของเธอกันละ ทว่าก่อนจะได้เอ่ยถกเถียงกันไปมากกว่านี้สัญญาณไฟสีม่วงก็สว่างขึ้นที่มุมห้องพร้อมเสียงไซเรน
“เย่~ งานทีมเต็มที่ไม่เคยเจอมานาน!” แฟร์เด้งขึ้นจากโซฟาไปคว้ากระเป๋าพุ่งไปที่ห้องแต่งตัวฝั่งชายทันที จาฮาราถอนหายใจและลูบหน้าผาก ดีโลไลน์เก็บเอกสารและคว้าเป้ใบหนึ่งขึ้นไปด้วย
สีหน้าเซ่อ ๆ ของลูเซียสทำให้ทุกคนเพิ่งนึกออกว่านี่ก็เป็นครั้งแรกของภารกิจทีมเซทซีโร่อย่างเป็นทางการของเธอเช่นกัน
“ลุกซ์คะ หยิบกระเป๋าใต้โต๊ะแล้วไปที่ห้องแต่งตัวใส่บอดี้สูทใยเหนียวพิเศษกับเกราะกันกระสุนน้ำหนักเบาค่ะ” อาซาฮีคลายวงแขนแล้วอุ้มหญิงสาววางลงกับพื้น รินเองก็ต้วมเตี้ยมลากกระเป๋าเดินทางใบใหญ่เข้าไปในห้องแต่งตัวฝั่งหญิงด้วย
“ทีมเซทซีโร่ฟังคำสั่งจากท่านประธานคนเดียว... คุณพ่อต้องไปลงภาคสนามด้วยเหรอ?” ลูเซียสขมวดคิ้ว พ่อบุญธรรมของเธอดูไม่น่าจะใช่คนที่เก่งในภาคสนามสักนิด...
“ใช่แล้วค่ะ ทีมเต็มของเราเซทซีโร่มีท่านประธานอยู่ด้วย แล้วก็มีพวกเราอีกหกคนรวมเป็นเจ็ด” อาซาฮีไล้มือไปตามราวชุดและหยิบเครื่องแบบเต็มยศให้ลูเซียสมันถูกวัดขนาดและตัดมาเพื่อหญิงสาวนานแล้ว
“ผ้าทอใยพิเศษจากแมลงต่างดาว ยืดหยุ่นดี ไม่ติดไฟ ไม่เปียกน้ำ และแทงไม่เข้า แต่ถ้าจะเป็นเส้นใยที่ทนทานเป็นพิเศษก็ไม่ได้หมายความว่าจะทำตัวมุทะลุได้นะคะลุกซ์” ชาวต่างดาวตัวสูงอธิบายคุณภาพของเส้นใยสีดำลูเซียสเปลี่ยนบอดี้สูทไปเป็นตัวออกภาคสนามและสวมเกราะกันกระสุนชนิดเบาพิเศษ คาดกระเป๋าอุปกรณ์ที่เอวและต้นขา ซองปืนพกขนาดเล็กถูกรัดเอาไว้ที่ข้อเท้าและใต้รักแร้ เส้น ดาบจากโลหะพิเศษเล่มคาดไว้ที่หลังสะโพกเหมือนด้ามดาบเลเซอร์ความร้อนสูง
[ภารกิจระดับอันตราย SET ZERO ขอให้ออกปฏิบัติภารกิจเขตเหนือของโดม ถนนไซปรัส เกิดจลาจลมิวแทนท์ก่อการร้ายไม่ทราบฝ่าย ยังไม่มีหน่วยงานไหนเข้าถึงเนื่องจากถนนถูกปิดกั้นด้วยซากรถจากการระเบิดและเพลิง โปรดออกตัวในทันที โรงจอดอัลฟ่า ขอย้ำ...]
[ทีมต่อต้านอัคคีภัยจากมิวแทนท์หน่วย F1 โปรดออกตัวทันที โรงจอดอัลฟ่า ขอย้ำ...]
เครื่องฉายโฮโลแกรมผู้สื่อข่าวพร้อมโดรนบันทึกภาพจากสำนักข่าวทั่วกรุงแห่กันไปที่เกิดเหตุหลังได้รับรายงาน บ้างก็หลังได้ยินเสียงระเบิดกึกก้อง ถนนเขตเหนือแตะกระจายรถสาธารณะหลายคันพลิกคว่ำโดยภายในมีผู้บาดเจ็บติดค้าง มันเป็นเหมือนนรกสำหรับเหยื่อ
“ส่ง F1 N1 กระจายกำลังผสมไปกับกู้ชีพและตำรวจของรัฐบาล เซทซีโร่แยกตัวกันไปรวมกับทีมอื่น อาซาฮีวิเคราะห์แผน รินตรวจสอบผังอาคารใกล้เคียงกับสภาพรถบัส แฟร์กับลูเซียสช่วยเหลืออพยพ จาฮารากับฉันจะให้การสนับสนุนการปะทะ” ท่านประธานเอ็นเลสออกคำสั่งอย่างรวดเร็ว พนักงานเอกชนเคลื่อนตัวเป็นระเบียบแยกกันไปโดยมีเจ้าหน้าที่ช่วยเหลือประกบอยู่ด้วยซึ่งเป็นผู้มีพลังจิตในการเคลื่อนย้ายสิ่งของคอยสร้างกำบังชั่วคราวให้เจ้าหน้าที่เริ่มติดตั้งอุปกรณ์สื่อสารระยะสั้นและเต็นท์พยาบาลรองรับผู้บาดเจ็บเพื่อปฐมพยาบาลก่อนส่งตัวต่อ
มิวแทนท์จำพวก Telekinesis เป็นหนึ่งในจำพวกกลุ่มพลังจิตหาตัวได้ง่ายและมีอยู่ทั่วไปส่วนมากเป็นระดับฮาดาร์ซึ่งใช้ได้ไม่เกินห้าครั้งต่อวัน พวกเขาส่วนใหญ่ไม่มากก็น้อยทำงานเกี่ยวกับการขนย้ายสิ่งของ พนักงานส่วนใหญ่ของเอ็นเลสก็เป็นเช่นนั้น แต่จำเพาะกับทีมภาคสนามพวกเขาจะเป็นระดับเวก้าซึ่งถูกคัดคุณภาพมาให้มีจำนวนการใช้พลังจิตต่อวันอย่างต่ำคือสิบครั้ง ให้เหมาะสมกับงานภาคสนามที่ไม่รู้ว่าจะเกิดอะไรเหนือการควบคุมขึ้นฉุกเฉินหรือไม่ เรียกได้ว่าเอ็นเลสนั้นเป็นผู้กรุยทางยุคใหม่ของชาวมิวแทนท์ประเภทพลังจิตยกของแสนดาษดื่นก็ว่าได้
“รถบัสขวางทางไม่ต้องเคลื่อนย้ายค่ะ โครงสร้างไม่เสียหายอะไรมาก ตัวที่นั่งสามารถพังได้เลยไม่เป็นปัญหา ทีมช่วยเหลือรบกวนเร็วหน่อยนะคะสำหรับรถบัสคันสีฟ้า แบตเตอรี่ท้ายรถสภาพไม่ดีนักมีความเสี่ยงจะระเบิดสูง กรุณาเร่งรัดให้เสร็จภายในสิบห้านาทีด้วยค่ะ” รินพูดคุยกับปลายสายที่อุปกรณ์สื่อสารส่งไปถึง เสียงลอดออกมาเป็นคำว่ารับทราบก่อนที่เธอจะเปลี่ยนช่องการสนทนาและพูดถึงโรงสร้างอาคารใกล้เคียงที่มีความเสี่ยงจะถล่มและให้พวกเขาเลี่ยงบริเวณนั้นเอาไว้
“วุ่นวายใช่ไหม?” แฟร์ประสานมือโอบร่างผู้บาดเจ็บเพื่อดึงออกมาจากหน้าต่าง เขาน่าจะพุ่งทะลุกระจกออกมาหลังการพลิกคว่ำ ดีที่กระจกรถโดยสารในสมัยนี้เป็นกระจกพิเศษซึ่งเมื่อแตกจะแหลกละเอียดคล้ายทรายทำให้ไม่เกิดคมแหลมสร้างบาดแผลให้กับผู้ประสบเหตุไปมากกว่าการฟกช้ำหรือถลอก หลังจากเอ่ยถามเขาก็ไม่ได้รอให้เธอตอบเหมือนอย่างทุกที “ทำใจให้ชินซะละ แล้วก็เมื่อใดก็ตามที่พวกเราลงสนามครบทีมนั่นหมายความว่างานนั้นมีคนต้องจับตายอยู่ ทั้งเราและรัฐบาลต่างหมายหัวคนพวกนั้น ไม่สำคัญว่าใครถึงตัวก่อนหรือฝ่ายไหนจะเป็นคนที่ทำสำเร็จ แต่ต้องช่วยปกป้องกันและกันให้ได้”
ลูเซียสลังเลว่าจะใช้พลังจิตของตนกับการช่วยยกซากเสาไฟที่ล้มลงนี้ออกหรือไม่แฟร์ก็ยกมือเสียก่อน สัญลักษณ์ที่เขาแสดงด้วยนิ้วนั้นเป็นการเรียกกลุ่มยกของให้มาช่วยทางนี้ พนักงานคนนั้นเห็นก็ทราบเนื้องานของตัวเองในทันที เธอติดต่อไปหาทีมแพทย์ภาคสนามเพื่อขอเตียงขนย้ายผู้บาดเจ็บหนักที่น่าจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญในการขนย้ายไม่ให้กระดูกสันหลังกระทบกระเทือนจนอาการหนักกว่าเก่า
“ลู ฉันสั่ง ห้ า ม เ ล ย น ะ ห้ามใช้พลังจิตที่เวลานั้นมีคนอื่นใช้ได้อยู่ใกล้เคียงหรือกำลังจะมาถึงถ้ามันไม่เกี่ยวข้องกับชีวิตของเธอ ตัวประกันหรือเหยื่อ” แฟร์กำชับน้องใหม่ที่ยังต้องเรียนรู้อะไรอีกเยอะ
“เข้าใจแล้ว” ลูเซียสตอบรับในทันทีและเข้าใจว่าเขากำลังหมายถึงให้เธอเก็บจำกัดการใช้งานของมิวแทนท์ไว้กับพลังจิตชนิดอื่นของเธอที่อาจต้องใช้กับการปะทะซึ่งหน้า
“เข้าใจว่าอะไร?” แฟร์กอดอกหรี่ตาจ้อง ทันทีทันใดนั้นจุดและลำแสงสีแดงที่เธอเห็นเพียงคนเดียวก็ปรากฏอีกพาดผ่านใบหน้าของแฟร์ ในเสี้ยววินาทีตัวเลือกตอบสนองของลูเซียสจึงเป็นการเตะตัดขาเพื่อนร่วมงานและหันไปเผชิญหน้ากับบางสิ่งที่พุ่งมา เธอชักดาบเลเซอร์ออกมาตัดวัตถุมุ่งร้ายได้อย่างเฉียดฉิว อิฐก่อนเท่าหัวกระเด็นแยกเป็นสองทางพุ่งไปกระแทกกับซากรถบัส
พลังจิตยกสิ่งของหรือควบคุมแรงโน้มถ่วง? ลูเซียสประเมินสีสันจากมิวแทนท์ที่บงการวัตถุเมื่อครู่จากอีกฟากของถนน
“แฟร์... บอกกำลังเตรียมสร้างบาเรียทุกเมื่อ” น้ำเสียงของเธอเคร่งเครียด เหงื่อเย็นไหลด้วยความรู้สึกของสัญชาตญาณที่ทำหน้าที่ก่อนการวิเคราะห์จากสมอง
“เจ้าเสื้อส้มนั่นทำไม?” แฟร์รู้สึกถึงท่าทีที่ผิดปกติของเพื่อนร่วมงานได้ก็ติดต่อไปทางหน่วยสนับสนุนห่างออกไปด้านหลังทันทีด้วยความเชื่อใจ
“ฉันไม่เคยเห็นสีพลังจิตแบบนั้น...” เธอเอ่ยออกมาในที่สุด
“หา! ว่าไงนะ! เป็นไปไม่ได้พวกเราเกณฑ์มิวแทนท์ทุกประเภทที่มีมาให้เธอแยกแยะเฉดสีประเภทพลัง จะไม่เคยเห็นได้ยังไง!?” แฟร์ร้องเสียงหลง
[พวกนายเสียงดังเกินไปแล้วแนวหลังเสียขวัญหมด] ดีโลไลน์ถอนหายใจสื่อสารมาทางอุปกรณ์ขนาดเล็กที่หูของทั้งคู่
[มีสิพลังจิตที่พวกเราไม่เคยพามาให้ลูเซียสเห็นน่ะ ถ้าไม่ใช่พวกลักลอบข้ามโดมผิดกฎหมายก็เป็นพวกปลอมแปลงประเภทพลังจิตของตัวเอง มีพลังจิตหายากระดับควบคุมหกประเภทที่ไม่เคยพามาให้เจอเพราะไม่พบในระบบ ส่วนที่อันตรายกับภาคสามมีสี่ประเภท พวกปรับเปลี่ยนองค์ประกอบระดับดีเอ็นเอ พวกควบคุมอนุภาคเลือด พวกพลังหักล้างพลังจิต และสุดท้าย...พวกมีพลังจิตมุ่งทำลาย] สี่ในหกประเภทหายากและต้องควบคุมเพราะการใช้งานอันตราย เสี่ยงเป็นภัย
[ถ้าเป็นสองประเภทแรกห้ามเข้าใกล้ในระยะสิบเมตรเด็ดขาด] ท่านประธานกำชับอย่างชัดเจนถึงอันตรายที่พวกเขาน่าจะไม่เคยเจอมาก่อน
“หัวหน้าใช้ร้อยตาส่องได้ปะ?” แฟร์ยิ้มแห้งนึกอยากให้คนคุ้มกะลาหัวทำให้ทุกอย่างง่ายขึ้น
[ไม่ต้องห่วงพวกนายผ่านมันไปได้ แค่วุ่นวายระดับพระกาฬ...]
“ไม่ได้ช่วยให้สงบใจขึ้นเลยน้า...” แฟร์หน้าเบี้ยวไปกับความมั่นใจของบอสตัวเอง
“ช่วยไม่ได้ มีแต่ต้องลุยนี่” ลูเซียสขมวดคิ้วกระชับดาบเลเซอร์ในมือและจ้องกลับไปยังอีกฝ่าย เบิกตาให้กว้างที่สุดอย่างต้องการจดจำทุกรายละเอียดแม้แต่การขยับเพียงเล็กน้อย
“ฝากเก็บพวกซุ่มยิงทีนะแฟร์” เธอทิ้งท้ายแล้วพุ่งทะยานออกไปนอกแนวกำบังท่ามกลางที่โล่ง กระสุนจากไรเฟิลตรงมายังกะโหลกเล็ก ๆ ทว่าพวกมันกลับถูกปัดออกไปราวกับแมลงวันที่เพียงสร้างความรำคาญให้เท่านั้น ความเร็วของสองแขนเล็ก ๆ มากเสียจนเกิดเป็นภาพมัว
กระสุนที่ยิงมานั้นถูกปัดไปยังจุดใกล้เคียงกับที่มากระสุนแต่ละแห่งด้วยความชำนาญ ทำให้แฟร์ที่ช่างสังเกตเข้าใจคำทิ้งท้ายของหญิงสาวผู้ออกตัวไปก่อนตกลงแผนมากกว่าแค่เก็บนักซุ่มยิงตามรายทางอันมุ่งไปสู่หัวโจกชุดสีส้มแสบตา
“เฮ้อ... ถ้าไม่ใช่ว่าทุกอย่างคุณคำนวณเอาไว้ทั้งหมดแล้วผมน่ะจะไม่มีทางยอมทำตามเด็ดขาดเลยนะรู้ไหม” ดีโลโลน์เม้มปากแล้วกดเสียงหงุดหงิดกับเครื่องสื่อสารขนาดเล็ก มันตรงไปยังปลายสายที่นั่งรอในรถหุ้มเกราะใกล้ ๆ
เอเลี่ยนหนุ่มผู้รอเวลาปรากฏตัวคลี่ยิ้ม [เธอเป็นตัวแปรสำคัญและอย่างยิ่ง เป็นคนที่พวกมันต้องการจะได้คืนไป]
การจลาจลหยุดลงเมื่อลูเซียสและชายในชุดสีส้มปะทะกันอย่างรุนแรง ดาบฟาดดาบหมัดแลกหมัด ไม่มีการลดราวาศอกเพียงเพราะคู่ต่อสู้เป็นหญิง รอบด้านหยุดกราดกระสุนลงเพราะพวกเขาไวเกินไปจนแม้แต่ฝั่งเดียวกันยังไม่กล้าลั่นกระสุน มันอาจจะโดนพวกเดียวกันแทนศัตรู
ลูเซียสไม่เห็นคู่ต่อสู้ของตนใช้พลังจิตตั้งแต่เธอเข้าประชิดเขามีแต่ถอยร่นจนห่างจากกลุ่มของเอ็นเลสกับรัฐบาลไปทุกที
‘กับดัก?’ เธอฉุกคิดขึ้นมาและเมื่อแววตาที่ซื่อตรงนั้นเปลี่ยนไปคู่ต่อสู้จึงฉีกยิ้มร้าย หัวเราะขึ้นจมูกราวเย้ยหยัน
“คำแรกที่จะบอกคงเป็นน่าชื่นชมที่เก่งพอตัวจนเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่เลย” ชายในชุดส้มโยกตัวหลบวิถีดาบและตวัดเท้าเตะเสย ลูเซียสมัวแต่สนใจคำพูดของเขาจนเคลื่อนไหวผิดจังหวะไปจุดหนึ่งนั่นทำให้เธอถูกเข่าอัดเข้าท้องเต็ม ๆ
ทว่าตัวทดลองจากแล็บอย่างเธอมันทนทายาดกว่าทั้งมิวแทนท์หรือไฮบริด
“ช่วยทำให้มันง่ายด้วยการรีบแพ้สักทีจะได้ไหม?” เขาถอนหายใจสาวเท้าเข้าใกล้ไม่รอให้ลูเซียสตั้งตัวได้ดั่งหวังก็กระแทกด้ามดาบใส่ น่าเสียดายที่ทางเขาก็ไม่เป็นดั่งหวังเช่นกันเพราะเธอดันไวพอจะเบี่ยงหลบไม่ให้ถูกแผลเก่าได้
“ฉันละประทับใจจริง ๆ ที่ได้สู้กับเด็กปั้นของเอ็นเลส” เขาแสยะยิ้ม ถอยเท้าหลบการสวนกลับของลูเซียสที่ตวัดเลเซอร์ร้อนระอุเฉียดคอเขาไปนิดเดียวจนผ้าไหม้ม้วนเป็นสีดำ เผยให้เห็นปลอกคอที่ฝั่งเข้าไปในเนื้อแปลกตา
“ด้วยความไวแค่นี้คิดจริง ๆ งั้นเหรอว่าจะชนะ” เขาหลุบตามองต่ำและตวัดขึ้นสบตาลูเซียส คลี่ยิ้มอย่างโล่งอกผิดปกติวิสัย
“ฉันพูดทั้งหมดไปตั้งแต่แรกแล้ว” เขาเงยหน้าขึ้นเล็กน้อยกลอกตามองฟ้าและขยับทั้งร่างกายไม่ทิ้งจังหวะการตอบโต้ฝีดาบของลูเซียส
เธอจ้องเขาไม่วางตารวมไปทั้งปลอกคอนั่น
“แกมันน่ารำคาญ” ลูเซียสคำรามเสียงต่ำ เร่งความไวของตนขึ้นและทำการปลดอาวุธอีกฝ่ายโดยไม่ลังเลที่จะเฉือนข้อมือเขาลึกไปเกือบถึงกระดูก เลือดสีข้นพุ่งออกมาพร้อมความมืดเข้าครองสายตา
ร่างที่สลบลงไปกับพื้นจากการถูกกระแทกในจุดเฉพาะที่คอนั้นคือหนึ่งในกลุ่มจลาจล ลูเซียสเห็นจุดและลำแสงแดงจากปลอกคอของเขาอีกครั้ง และคราวนี้เธอเข้าใจแล้วว่าจะต้องจัดการยังไง
กระแสไฟฟ้าลั่นไปตามปลายนิ้วเธอคว้าปลอกคอนั่นแล้วช็อตมันอย่างรุนแรง ที่จริงชายคนนี้ควรจะถูกไฟฟ้าย่างสดไปพร้อมปลอกคอประหลาดแต่การควบคุมไฟฟ้าของลูเซียสนั้นทำได้กระทั่งนำวิถีไฟฟ้าให้อยู่แต่ในพื้นที่ที่ต้องการได้ มันพังลงและแตกออก จึงเผยความโหดร้ายผิดมนุษย์ให้เห็น เหล็กแหลมเจาะลึกเข้าไปในคออาจเชื่อมถึงประสาทหลักหลังคอ
ลูเซียสะกดเปลี่ยนช่องสื่อสารและออกคำสั่งออกไป “ตรงนี้มีเหยื่ออีกหนึ่งเอาเปลมา จะคุ้มกันให้จนกว่าจะถึงรถ”
--------------------------
ช่วงทอร์ค ตอนนี้น่ะนะเลทแบบอ๊ากกกกกกกกกกกกกกก 55555555555555555 เลทมาสองวัน! เป็นอาทิตย์ที่ออกนอกบ้านบ่อยมากเลยฝืนนั่งพิมพ์แบบติดๆขัดๆตามทรีตที่วางเอาไว้คร่าวๆแล้วก็ลบๆแก้ๆแบบ…อืมมมม หรือจะเปลี่ยนทรีตดีนะ แต่ว่าตามไกด์มันก็จะพิมพ์ง่ายขึ้นแต่เอ…ด้วยนิสัยลุกซ์แล้วอ่ะนะน่าจะฉีกไปอีกทาง โอเคค่ะลูก ไปเลยโกๆ เต็มที่
กลายเป็นว่าเรื่องนี้อาจจะเปลี่ยนมาลงวันศุกร์ดึกๆแทนนะคะ อัพติดกันสองวันแล้วพอมีเรื่องให้ออกนอกบ้านแบบไม่บอกไม่กล่าวเวลาพิมพ์เลยหดหายไปเยอะเลย orz
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

53 ความคิดเห็น
-
#37 zutto (จากตอนที่ 11)วันที่ 5 ธันวาคม 2563 / 13:10ว้าวววว#370
-
#15 faza205317 (จากตอนที่ 11)วันที่ 29 สิงหาคม 2563 / 00:45เรื่องราววันนี้บู๊แหลกมากค่าาาา#151
-
#15-1 DarkSoul.(จากตอนที่ 11)29 สิงหาคม 2563 / 20:10ไหนๆก็เป็นแผนกบู๊แล้วต้องใช้ลูเซียสให้คุ้มค่า! ฮาาาาาาา#15-1
-
-
#14 faza205317 (จากตอนที่ 11)วันที่ 29 สิงหาคม 2563 / 00:26มาแล้วววว มาช้าเพราะอ่านหนังสืออยู่ 5555#141
-
#14-1 DarkSoul.(จากตอนที่ 11)29 สิงหาคม 2563 / 20:03ขยันทบทวนจัง พยายามเข้านะคะ> u < เป็นกำลังใจให้น้า#14-1
-