ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #7 : |7| GRADUAL | อารมณ์ที่ยังคงหลงเหลือ

    • อัปเดตล่าสุด 31 พ.ค. 63



    Cr : https://www.patheos.com/blogs/keepingherkeys/2018/12/the-title-of-witch-belongs-to-me-review-of-jump-girl-the-initiation-and-art-of-a-spirit-speaker/

    “มันไม่มีเส้นทางใดที่ผ่านได้โดยไร้ซึ่งบาดแผล” | Aimer - Torches

    “ไม่คิดว่าคุณจะมาชวนผมเสียเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้นะครับ” เสียงของมุคุโร่ดังออกมาจากร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง  โกคุโยแลนด์ยังคงเป็นฐานลับของพวกเขา

    “แล้ว?” มุคุโร่เอ่ยตัดเข้าประเด็น

    ซีลอนได้ข่าวจากสายมาว่ามุคุโร่แหกคุกวินดิเช่ออกมา แต่ที่รอดกลับมาญี่ปุ่นได้จริงกลับมีเพียงจิคุสะและเคน แม้ทั้งสองจะยืนจ้องอย่างไม่เป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้ทำให้แขกผมเงินสะทกสะท้าน

    “เกลียดมาเฟียใช่ไหมล่ะ เพราะเอนทรานิโอ้” นักฆ่าเอ่ยชื่อนั้นขึ้น เงาแค้นของพวกเขาทั้งสามคน มาเฟียที่ใช้เชื้อสายของตนเองมาเป็นหนูทดลอง

    “คุฟุฟุฟุ คุณคงไม่คิดว่าจะใช้ชื่อนั้นเกลี้ยกล่อมพวกผมจริง ๆ หรอกใช่ไหม ไม่อย่างนั้นผมคงจะผิดหวัง” มุคุโร่ในร่างของนางิเหล่มองนักฆ่าที่ตนเคยแพ้ไปครั้งหนึ่ง ความต่างชั้นทำให้เขารู้ว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าตนอีกมาก แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้หรือหมดกำลังใจ กลับกัน

    เป็นแค่เด็กผู้หญิง แค่นักฆ่าที่ไม่เคยถูกทดลองกลับเติบโตแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แล้วพวกเขาล่ะ? ถ้าเอาจริงจะไปได้ไกลขนาดไหน...

    “ถ้าจะกวาดล้างมาเฟียเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวทำอะไรไม่ได้หรอกนะนายต้องมีอำนาจมากกว่านี้” ซีลอนไหวไหล่หย่อนตัวลงนั่งโซฟาเก่า ๆ เธอเหล่มองนางิที่ยังคงให้น้ำเกลืออยู่ นี่คงเป็นร่างที่มีความเหมาะสมเข้ากันได้ทั้งพลังและการรองรับจิตของมุคุโร่อย่างไม่ต้องสงสัย

    “ปีนขึ้นไปซะ อยากได้ร่างของสึนะไม่ใช่เหรอ? มาเป็นผู้พิทักษ์แหวนสายหมอกให้หมอนั่นสิ” ซีลอนแสยะยิ้มเอ่ยข้อเสนอให้อีกฝ่าย เคนร้องหาออกมาหมายจะหาเรื่องจิคุสะแปลกใจแต่ก็ห้ามเพื่อนเอาไว้ นักฆ่าอันดับสิบเอ็ดดีดแหวนอีกครึ่งในมือลงกับโต๊ะตรงกลางระหว่างพวกเธอ

    “เข้าใกล้อย่างไม่สนวิธีการเพื่อยึดร่างนั้นเข้าสักวันสินะครับ ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่คงไม่คิดว่าผมจะยอมง่ายขนาดนั้นจริงไหม? จะให้เด็กคนนี้เข้าร่วมสงครามบ้า ๆ ของพวกคุณเนี่ยนะช่างโหดร้ายกันเสียจริง” มุคุโร่หัวเราะออกมา

    “เหอะ น่าเชื่อถือตายล่ะกับคนที่ใช้ร่างชาวบ้านเป็นสิ่งของน่ะ รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าวองโกเล่น่ะเป็นจุดสูงสุดของมาเฟียในตอนนี้ ถ้าต้องการที่จะทำความสะอาดโลกเบื้องหลังล่ะก็นายจำเป็นต้องมีอำนาจที่อยู่เหนือทุกทุกคน และถ้านายเป็นสายหมอกให้พวกเรานายก็มีสิทธิ์จะใช้คนของพวกเรา ทั้งสายข่าว ทั้งทรัพยากร การกวาดล้างพวกนอกรีตไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว” ซีลอนไขว้เท้าแล้วยักไหล่

    “ไม่คิดจะให้ปฏิเสธกันเลยสินะครับ” นางิหยิบแหวนอีกครึ่งขึ้นมา เขาเพิ่งจะคุยกับเคนและจิคุสะไปว่าถึงจะออกมาได้แค่จิตโดยอาศัยเด็กคนนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่ในร่างนี้ได้ตลอด แต่เจ้าพวกนั้นก็จะยังคงติดตามเขา

    “นายรู้ดีว่าหนทางนี้มันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด” ซีลอนเหลือบมองลูกสมุนของมุคุโร่แล้วเบนสายตากลับมาที่หัวโจก

    “ก็ได้ผมตกลง แต่ว่าทางนี้เองก็จะใช้ทุกการสบโอกาสเพื่อยึดครองร่างของซาวาดะ สึนะโยชิแน่ ระวังเอาไว้เถอะครับ” เมื่อเป้าหมายตอบตกลงเธอก็หมดธุระกับที่นี่ เธอเตรียมจะลุกขึ้นจากไป

    “เดี๋ยวก่อนคุณนักฆ่า... ผมยังพูดเงื่อนไขไม่จบ พลังของผมน่ะจะสอนให้เด็กคนนี้เอง แต่กลับกันทักษะของสายหมอกนั่น คุณต้องเป็นฝ่ายช่วยเด็กคนนี้ด้วย ผมไม่สามารถใช้ร่างนี้ได้ตลอดหรอกนะครับ แล้วก็พวกเราเป็นสิ่งที่เก็บไว้เป็นไพ่ตายสินะ คุณถึงใช้พลังอยู่เสมอ ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ” มุคุโร่เอ่ย การคาดเดานั่นทำให้นักฆ่าแสยะยิ้มออกมาอย่างถูกใจในประสาทสัมผัสที่ไวเป็นเลิศ

    “รู้ดีนี่มุคุโร่...ใช่ตอนนี้สายหมอกกับเมฆาเป็นไพ่ตายของพวกเรา เผอิญว่าฉันรู้จักสายหมอกฝั่งนั่นเข้าก็เลยรู้ว่าจะต้องถูกใช้พลังจิตตรวจสอบตำแหน่งอีกครึ่งของแหวนแน่ ฉันก็เลยใช้พลังรบกวนการตรวจสอบนั่นอยู่เป็นระยะ...” ซีลอนลุกขึ้นยืน

    “ก็เอาสิ จะติวเข้มให้เป็นพิเศษเลย ถ้าเด็กคนนี้เป็นร่างสำรองของนายก็คงต้องเคี่ยวให้เป็นพิเศษหน่อยล่ะนะ~ ในฐานะไพ่ตายของวองโกเล่ครั้งนี้” เธอแบมืออย่างเกียจคร้าน ไม่ได้คิดหวงวิชาอะไรเพราะลำพังแค่สอนทริกถึงจะมีลุ้นยื้อมาม่อนไว้ได้ แต่ผู้พิทักษ์ตัวจริงที่เธอเล็งเอาไว้ไม่ใช่โคลมแต่เป็นมุคุโร่

    “ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะครับ” เด็กสาวสลบลงไปกับเตียงใหม่อีกครั้งและลมหายใจสม่ำเสมอ

    “พวกนายเคนกับจิคุสะใช่ไหม... ต่อไปก็ดูแลร่างนั่นด้วยล่ะคงจำกันได้นะว่าถ้าไม่มีร่างเด็กคนนี้มุคุโร่ก็ออกมาข้างนอกไม่ได้ ไม่ต้องประคบประหงมหรอกอย่าให้ตายก็พอ” ซีลอนเกาท้ายทอยพูดคล้ายออกคำสั่ง

    “ไม่ต้องมาสั่งว่าพวกฉันควรทำอะไร! หน็อย เจ้าพวกมาเฟีย!” เคนแยกเขี้ยวข่มขู่มีท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน

    “เรียกให้ถูกต้องควรจะเป็นนักฆ่ามากกว่านะ แต่ก็ช่างเหอะ” ซีลอนเหลือบมองพวกเขาแล้วถอนหายใจ

    “ไม่คิดว่าต้องมาทำงานเพิ่มให้พวกผู้พิทักษ์เลยน้า... เดี๋ยวไปเรียกจากหมอนั่นทีหลังก็ได้” ซีลอนเหล่เด็กสาวบนเตียงที่คล้ายจะได้สติขึ้นมาแต่ไม่ใช่มุคุโร่แล้วจึงเดินไปหาและเอ่ยทักทาย

    “ยินดีที่ได้รู้จักน้าโคลมจัง~ ผมชื่อซีลอนล่ะ ได้ยินมาจากหมอนั่นรึยังเรื่องที่ผมจะมาช่วยสอนการใช้ภาพมายาให้เธอ” นักฆ่าตีหน้ายิ้มแย้มเข้าใกล้เด็กสาว เธอพยักหน้าตอบกลับมา

    “งั้น-ก็-มา-เริ่ม-กันเลย~” ไม่มีเวลาให้เสียแล้วซีลอนคิดอย่างนั้น ดูจะผิดการทำงานของผู้สังเกตการณ์ทั่วไป แต่สองฝั่งที่กำลังไม่สูสีแบบนี้จะเป็นการแข่งขันที่สนุกได้ยังไงว่าไหม?

    “พลังของเธอเป็นของเธอ พลังมายาอยู่ภายใต้ความเชื่อมั่น จงอย่าลังเลในภาพที่เกิดขึ้นและเชื่อว่าทำได้ ไม่ว่าอะไรก็บันดาลให้เป็นได้ดั่งใจ นั่นแหละคือสายหมอก พลังของการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้เกิดขึ้น หลอกล่อประสาทสัมผัสทั้งห้าของคู่ต่อสู้ให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้สึก และอาจจะรสชาติเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นของจริง...” ซีลอนล้วงขนมในกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้โคลม เธอลังเลที่จะรับแต่ก็ขอบคุณและแกะซองลูกอมนำเข้าปากรสของผลไม้สดชื่นและกลิ่นหอมชวนให้กระปรี้กระเปร่า

    “เมื่อกี้ ก็เป็นมายาน่ะนะ” ซีลอนคว้าซองลูกอมขึ้นมามันก็สลายหายไป

    !!” ไม่ใช่แค่โคลมแต่กระทั่งเคนและจิคุสะเองก็ยังตกใจ เพราะไม่มีใครใช้พลังมายากับของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้

    “นี่เป็นการยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนว่องไวจริงไหม ภาพ รส สัมผัส กลิ่น เสียงขณะแกะซอง ทุก ๆ อย่างสร้างขึ้นมาได้ ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดขนาดนั้น เพราะจิตใจของเป้าหมายเองก็ส่งผลต่อภาพมายา” ซีลอนอธิบาย “ปล่อยให้เป้าหมายได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็น หลอกล่อด้วยความไม่คาดฝันบ้าง หรือรอเวลาจะตลบหลังด้วยพลังบ้าง...” นักฆ่าแกว่งขาใช้นิ้วเคาะปลายคางตัวเองราวกับกำลังนึกอะไรอยู่

    “หรือก็คือโคลมจังชอบลูกอมผลไม้สินะ เหมือนกันเลยล่ะ~ งั้นไว้จะเอามาฝากใหม่นะ เลคเชอร์วันนี้จบเพียงเท่านี้~ รักษาตัวอยู่จะสอนหนักไปก็คงไม่ดี ไว้เดี๋ยวจะมาช่วยฝึกอีก” เจ้าตัวลุกขึ้นลูบผีเส้นผมสีเข้มของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปจากโกคุโยแลนด์

    หลังจากธุระที่โกคุโยแลนด์เธอก็ไปพบกับมอเรตตี้ตามนัดคราวนี้เป็นร้านกาแฟ เธอและเขานั่งหันหลังให้กันและต่างแสร้งคุยโทรศัพท์ เป็นมุมที่ห่างออกมาจากผู้คน

    “ยังไม่มีความคืบหน้าครับ แต่กลุ่มผู้ดูแลนอกแก๊งได้บินไปที่อิตาลี่เพื่อตามร่องรอยท่านรุ่นที่เก้าแล้ว อย่างน้อยคงจะหาข่าวอย่างมากคงกะจะช่วยคุณท่านออกมา” มอเรตตี้หนีบมือถือไว้กับไหล่แล้วใช้สองมือหยิบแซนด์วิชขึ้นมากิน

    “ก็คงต้องปล่อยให้พวกเขาเคลื่อนไหวไป นายยังจำแปลนหุ่นอาวุธสงครามได้ไหม” ซีลอนยกมอคค่าร้อนขึ้นจิบหลังจากที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ

    “ครับไม่มีทางลืมหรอก ฉนวนปัญหาที่เกาะมาเล่นั่นน่ะ หรือว่าคุณหนูมีความคิดอะไรเหรอครับ?” มอเรตตี้ขมวดคิ้วเขาไม่คิดว่าการวิจัยหุ่นอาวุธนั่นจะส่งผลอะไรกับท่านรุ่นที่เก้ามันดูไม่เกี่ยวกัน

    “ไม่รู้เหมือนกันแค่รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับหุ่นนั่น นายบินกลับไปช่วยพวกอิเอมิสึก็ดี... หุ่นกระป๋องที่เฮียเขาเอามาด้วยอาจจะเป็นรุ่นปรับปรุงมันอาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้อีก อีกอย่าง...ถึงจะไม่มีสุดยอดลางสังหรณ์แบบเฮียหรือสึนะ แต่เรื่องที่ติดต่อรุ่นที่เก้าไม่ได้นี่ไม่ปกติแล้ว” ซีลอนขมวดคิ้ว เธอไม่สบายใจถ้าเป็นเธอในสมัยก่อนละก็คงบินไปอิตาลี่ตั้งแต่เมื่อวานไม่ใจเย็นรอจนถึงตอนนี้ แต่นี่คงเป็นข้อดีของการไร้ใจละมั้ง... จะกระโตกกระตากให้เสียรูปแผนไม่ได้... เธอยังมีมือเท้าที่เป็นสายข่าวคอยทำงานให้แทนไม่จำเป็นต้องลงสนามเองทุกครั้ง

    “ไปซะแล้วดูให้แน่ใจว่าปู่ไม่เป็นอะไร” เธอทิ้งท้ายคำสั่งเอาไว้แล้วออกไปเมื่อถ้วยกาแฟว่างเปล่า นักฆ่าหลังเก้าอี้ของรุ่นที่เก้าได้แต่หวังว่าผู้อุปถัมภ์เธอจะไม่เป็นอะไรถึงชีวิต

    เพราะหากไม่ใช่อย่างนั้นเฮียก็เฮียเถอะ ถ้าเลือดขึ้นหน้าเธอก็จะเข้าไปงัดสักยกเหมือนกัน

     


    สนามแข่งชิงแหวนแห่งสายหมอกเป็นโรงพละ ซีลอนเข้ามาเยี่ยมชมการแข่งทั้งที่ตลอดมาไม่ได้เสนอหน้าเข้าร่วม

    สึนะเพิ่งตื่นขึ้นโกคุเทระกับยามาโมโตะก็เข้าไปคุยด้วย ศึกนี้เรียวเฮเองก็มาชม พวกเขายังกังขาว่าใครจะมาเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกให้พวกเขา จึงหันไปมองซีลอนอย่างคาดหวัง

    “โทษที ให้ตายฉันก็ไม่รับงานผู้พิทักษ์เด็ดขาด ขอผ่าน แล้วก็สายหมอกของพวกนายมานู่นแล้ว” นักฆ่ายกมือปางห้ามญาติก่อนจะพยักพเยิดไปทางประตูโรงพละที่เคนกับจิคุสะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง

    “อ๋าจริงด้วย!” ก่อนหน้านี้พวกเขาเจอกับคนที่มีทักษะการใช้มายาที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง มุคุโร่คนนั้น

    “มาทำไมตอนนี้!” โกคุเทระเข้าใจว่าพวกเขามาในฐานะศัตรูจึงลุกขึ้นกำระเบิดแน่นพร้อมปะทะ

    “พวกแกใจเย็น ๆ หน่อยพวกนี้เป็นคนพาผู้พิทักษ์มาให้ต่างหาก” รีบอร์นทักขึ้น ซีลอนเองก็พยักหน้าสมทบ

    “ไม่จริงน่า ผู้พิทักษ์แห่งหมอกก็คือโรคุโด มุคุโร่หรอกเหรอ!!” สึนะตาโต รีบสอดส่ายสายตามองอย่างระวัง แต่ร่างที่ปรากฏหลังเคนและจิคุสะกลับเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง

    lo nego... Il mio nome e’ chrome โคลม โรคุโด”

    “ไม่ใช่มุคุโร่!?” สึนะสับสนหนักเมื่อโคลมแนะนำตัวขึ้น ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอย เธอกำชับไว้แล้วว่าต่อหน้าคนอื่น ต้องทำเป็นไม่รู้จักเธอจนกว่าเรื่องศึกชิงแหวนจะจบ ไม่อย่างนั้นถ้าโคลมถูกคาดหวังจะจัดการคู่ต่อสู้ได้ยากขึ้น ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าได้นักฆ่าสายหมอกหลังเก้าอี้รุ่นที่เก้าเป็นคนเลคเชอร์การใช้มายาให้ในระยะอันสั้น

    โกคุเทระไม่เชื่อในตัวเด็กสาว สึนะจึงออกหน้าช่วยรับแทนเพราะเขาในตอนนี้ยังไม่รู้สึกถึงมุคุโร่ บรรยากาศรอบตัวโคลมไม่ใช่สิ่งที่น่าขนลุกแบบมุคุโร่อย่างที่เขานึกเอะใจเสมอมา ความรู้สึกค่อนข้างต่างกัน ซีลอนเลิกคิ้วนับว่านี่เป็นพัฒนาการที่ดีของสึนะที่จะช่วยให้เขารอดจากการยึดร่างของมุคุโร่ในอนาคตไปได้อีก

    “ช่วยออกรับให้ด้วยเหรอ?...บอส ขอบคุณนะ” โคลมเข้าไปหอมแก้มบอสของตนซื่อ ๆ

    “ทำอะไรของหล่อนฮะ!” โกคุเทระโพล่งขึ้นมา

    “แค่ทักทาย” โคลมหันไปตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าไม่รู้สึกอะไร ซีลอนกลั้นขำ พวกเขาทะเลาะกันต่อเล็กน้อยก่อนจะให้สึนะเป็นผู้ตัดสินใจว่าโคลมมีสิทธิ์เป็นผู้พิทักษ์สายหมอกให้เขาหรือไม่ “ฉันอยากจะสู้ในฐานะผู้พิทักษ์แต่ถ้าบอสไม่ให้ ฉันก็จะทำตามที่บอสสั่ง”

    โกคุเทระยังคงมีท่าทีไม่เป็นมิตร แต่รีบอร์นเองก็ยุว่านอกจากโคลมก็ไม่มีคนอื่นแล้ว

    “งั้นเอาเป็นว่าฝากด้วยแล้วกัน” สึนะตัดสินใจออกมา ซีลอนก็ยิ้มรอดูเรื่องสนุกของแมชต์แข่งขันนี้ กระจกหน้าต่างโรงพละแตกออกพร้อมทารกนักฆ่าอีกคนที่มาพร้อมอินทรีตัวใหญ่ พวกเขาอัลโกบาเล่โนซุบซิบกันเรื่องของมาม่อนเพราะยังคาใจว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่ แต่พวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพลังของจุกนมสายหมอก

    “สนามต่อสู้ครั้งนี้จะหยิบใช้อะไรในโรงพละก็ตามสบาย เราไม่ได้ติดตั้งอะไรไว้เป็นพิเศษวางใจได้” เชคเคโล่เอ่ย

    “เอ๋ไม่มีเลยเหรอ?” สึนะท้วงขึ้นอย่างสงสัย รีบอร์นเลยอธิบายให้ฟังถึงเอกลักษณ์ของสายหมอก

    เป็นผู้ลวงตาทำให้สิ่งที่มีไม่มี และสร้างสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้นมา ลวงศัตรูให้สับสนจนจับต้องตัวจริงของแฟมิลี่ไม่ได้ คือหน้าที่ของผู้พิทักษ์สายหมอก

    “พื้นที่ของผู้ชมจะมีแสงอินฟราเรดติดตั้งเช่นเดียวกับสนามวายุขอให้ระวังด้วยค่ะ” เชคเบคโล่เอ่ยเตือนผู้ชมทั้งสองฝั่งก่อนจะส่งสัญญาณเริ่มการประลอง

    เริ่มที่โคลมทำให้พื้นแตกและยกขึ้นสูงคล้ายเป็นบริเวณไร้แรงโน้มถ่วง แต่มาม่อนเองก็เป็นผู้ใช้มายา กลเด็กเล่นพรรค์นี้จึงไม่มีผลกับทารกนักฆ่า หนวดมากมายพุ่งเข้าหาโคลมและรัดคอเอาไว้ยกขึ้นสูงอย่างต้องการให้ขาดอากาศ แต่ผิดคาดเพราะสิ่งที่มาม่อนใช้หนวดรัดกลับเป็นกะบะลูกบาส ส่วนโคลมตัวจริงอยู่ด้านหลังห่างออกมา

    อย่าให้ศัตรูรู้ตำแหน่งยืนที่ถูกต้องของตน ซีลอนเคยกล่าวเอาไว้ นี่เป็นพื้นฐานประโยชน์ของพลังสายหมอก ถ้าไม่มั่นใจว่ามีวิชาการต่อสู้ระยะประชิดที่เก่งกาจ อย่าให้ใครหน้าไหนรู้ถึงตำแหน่งที่แท้ของตน

    “เอ๋!!?”

    “อย่าตกใจเวอร์ได้ป่ะ นายก็เคยเห็นมาแล้วนี่สึนะทำเป็นจำไม่ได้” ซีลอนถอนหายใจยืนล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังพวกเขา

    “การต่อสู้ระดับนี้หาดูไม่ได้ง่าย ๆ หรอกนะ” รีบอร์นเอ่ยตัดตอน

    “หรือว่า...พิภพนรกของมุคุโร่!?” สึนะชะงักและจับจ้องการประลอง ถึงจะสังหรณ์เช่นนั้นแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของมุคุโร่อยู่ดีว่าจะมาช่วยเขาทำไมกัน

    เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสามารถที่จะเคี้ยวได้ไม่ได้อ่อนฝีมือขนาดนั้นมาม่อนจึงรู้สึกคุ้มค่าที่จะใช้ไม้ตายที่เก็บซ่อนเอาไว้ โซ่ร่วงลงมา กบบนหัวก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นฮูปสเนค

    “โฮ่ ไม่ผิดแน่กบนั่นกับจุกนมสีน้ำเงินเข้ม เจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่รึ” โคโรเนโร่จ้องเขม็ง

    “กะแล้วไม่มีผิด! ตัวจริงของเจ้านั่นคืออัลโกบาเลโน่ไวเปอร์!” รีบอร์นโพล่งขึ้นอีกคน

    “แย่แน่ ๆ เจ้าเปี๊ยกนั่นคนธรรมดาสู้ไม่ไหวหรอกนะเว้ยเฮ้ย!” โคโรเนโร่ไม่เห็นด้วยที่จะให้การต่อสู้ดำเนินต่อไป

    “อย่าดูถูกกันดีกว่าโคโรเนโร่ โคลมใช่ธรรมดาที่ไหน” รีบอร์นกระตุกยิ้ม ซีลอนขยับมาขัดสมาธิอยู่หลังอาจารย์นักฆ่าของตัวเองเท้าคางยิ้ม ๆ ทั้งที่คาบอมยิ้ม

    “ถึงโคลมจะไม่ชนะน็อกก็ยื้อได้อยู่นะผมว่า แต่ว่าศึกนี้เราจะชนะแน่” นักฆ่าลำดับสิบเอ็ดฉีกยิ้มแล้วหันไปจับจ้องการประลอง

    มาม่อนที่กลายเป็นไวเปอร์ลอยขึ้นกลางอากาศ โคลมจึงอัญเชิญงูพิษด้วยพลังของมุคุโร่ออกมารัดเหยื่อกลางอากาศ

    “พิภพเดรัจฉาน!” สึนะตกใจยิ่งกว่าเดิมแต่ก็ยังสงสัยเพราะถ้ามุคุโร่สิงโคลมล่ะก็เขาจะจับสัมผัสได้ต่างออกมา มันไม่ใช่แบบนี้ แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงจิตใจโคลม ไม่ใช่จิตใจของมุคุโร่เหมือนครั้งที่หมอนั่นสิงคนอื่นคราวที่ปะทะกันนั้น โคลมสร้างเสาลาวาขึ้นมาเพื่อสกัดการหนีของไวเปอร์แต่ไม่ได้ผล

    “ต้องยอมยกนิ้วให้ภาพลวงตาเธอว่าเป็นของดีชั้นหนึ่ง ถ้าเผลอใจวูบเดียวคงเกรียมแน่ ถึงอย่างนั้นจุดอ่อนของมันก็คือภาพลวงตา!” ทารกนักฆ่าแช่แข็งพวกมันในพริบตา

    “แบบนี้จะชนะยังไง?” โกคุเทระหลุดปากออกมาอย่างไม่เข้าใจ ในเขตผู้ชมซีลอนไหวไหล่เป็นผู้อธิบายเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับพลังสายหมอกให้

    “สายหมอกคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้ มีอยู่แต่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริง ไม่มีอยู่แต่ดำรงอยู่ตรงนั้นจริง ถ้าเชื่อก็จะเป็นอย่างที่เชื่อ นั่นคืออันตรายของมายา” ซีลอนเบนสายตาให้พวกเขามองดูลานประลองไวเปอร์กำลังพูดพอดี เธอไม่ได้เชื่อดังนั้นความหนาวเย็นจึงไม่เป็นผลกับเธอ

    “การใช้ภาพลวงตาก็คือการครอบงำสมองซึ่งควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้า ยิ่งมีพลังมากการครอบงำก็รุนแรงมากขึ้น โอกาสจะถูกหลอกและความสมจริงจะยิ่งเพิ่มขึ้น การที่ผู้ควบคุมมายาถูกมายาของตนเองหลอกประสาทสัมผัส ก็หมายความว่าถูกช่วงชิงอำนาจในการควบคุมประสาทสัมผัสไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!” ไวเปอร์สร้างน้ำแข็งลามขึ้นไปบนต้นขาของโคลม แม้เธอจะหาวิธีทำลายมันได้แต่กลับถูกล้วงเข้าไปในจิตใจ ไวเปอร์จึงรับรู้ถึงความสำคัญไม่ธรรมดาของหอกปลายสามง่ามที่เธอถือครอง

    มายาจากฝ่ายวาเรียจึงทำลายมันในทันที เมื่อสื่อพลังสลายไปมายาที่สร้างอวัยวะเทียมให้โคลมก็เสื่อมพลังลงเธอไอเป็นเลือดและล้มลงนอนหน้าท้องยุบจนติดเนื้อหลัง

    “อันตรายของภาพมายาก็คือภาพมายา จะบอกว่าเพราะอาวุธคือจินตนาการจุดอ่อนก็คือจินตนาการก็ไม่ผิดนัก” ซีลอนไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร สึนะกับโกคุเทระงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว

    “ไม่อยากจะเชื่อ! ยื้อชีวิตเอาด้วยการสร้างอวัยวะภายในจากภาพลวงตาเนี่ยนะ!” ไวเปอร์สำรวจฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังจึงเข้าใจในที่สุด

    “สร้างของที่ไม่มีให้มีอยู่ตรงนั้น ที่เหลือก็ขึ้นกับว่าจะใช้ประโยชน์มันยังไง” นักฆ่าหัวเงินอธิบายเพิ่ม

    “รุ่นพี่นี่ไม่ใช่เวลาอธิบายแล้วนะ!” สึนะเข้าไปคว้าไหล่ซีลอนที่ยังนั่งสบายใจ

    “ท่านมุคุโร่ ฉันอยากจะเป็นกำลังให้...”

    ทำได้ดีมากแล้วล่ะโคลมที่น่ารักของผม หลับพักสักงับก่อนเถอะ

    !!!” สึนะสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตใจของมุคุโร่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซีลอนไม่มีสุดยอดลางสังหรณ์ก็ได้แต่ลับประสาทให้คมที่สุดเพื่อสังเกตความแตกต่างของโคลมกับมุคุโร่และเมื่อสึนะเหงื่อออกมองไปข้างหน้าอย่างระแวงเธอจะรู้ทันทีว่าถึงเวลาสลับผู้ควบคุมร่างของนางิแล้ว...

    หมอกมากมายรวมตัวกันรอบร่างกายที่นอนล้มลงพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอของชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาทดลองสีแดง พลังของการกลับมาจากปลายสุดของวัฏสงสาร

    “เสียงของผู้ชาย?” ไวเปอร์ไม่เข้าใจเพราะโคลมสิ้นสภาพการต่อสู้ไปเป็นแน่แท้แล้วท่ามกลางสายคนทุกคน แต่...

    “ได้ทีก็อวดเบ่งใหญ่เชียวนะ ไอ้พวกมาเฟียเอ๊ย” ร่างที่ปรากฏหลังม่านหมอกหมุนเป็นบอลอย่างบ้าคลั่งคือโรคุโด มุคุโร่

    “มุคุโร่ปลอดภัยดีเหรอ!?” สึนะโพล่งถามออกไปตามนิสัย เพราะเขาเห็นอีกฝ่ายถูกวินดิเช่ลากไปต่อหน้าต่อตา

    “ไม่ได้เจอกันเสียนาน ผมกลับมาแล้ว...จากปลายสุดของวัฏสงสารน่ะนะ” เขาหันมาเหล่มองผู้ชมฝั่งสึนะ

    ไวเปอร์ที่กระเด็นออกไปกลับขึ้นมาลอยตัว นึกขึ้นได้ถึงข่าวกรองล่าสุดและสับสน “ได้ยินว่าแหกคุกล้มเหลวจนโดนจับขังไว้ในห้องที่แน่นหนาเข้มงวดที่สุดนี่”

    “คุฟุฟุฟุ ข่าวกรองของหน่วยลอบสังหารวองโกเล่ที่ภูมิใจนักหนาช่างไม่ได้เรื่องเอาซะเลย” เขาเหล่มองซีลอนคล้ายจะสัพยอกผ่านทางศัตรู เขาหันไปมองไวเปอร์และยกตกโอ้อวดปั่นป่วนความมั่นใจของอีกฝ่าย “ผมก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง”

    “ฉันจะเปิดโปงแกเองว่าก็เป็นแค่พลังที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นมา!” ไวเปอร์ใช้พายุหิมะถล่มใส่อย่างไม่อ้อมค้อม พวกผู้ชมโดนผลกระทบไปด้วย

    “บอกไม่จำเอาซะเลยซือคุง นายมีดวงตานั่นก็ไม่น่าจะโดนหลอกเอาง่าย ๆ สิ” ซีลอนถายหายใจดูไม่ทุกข์ร้อนกับอากาศที่กำลังจะติดลบ

    “ผมไม่ได้เป็นผู้ใช้มายาแบบรุ่นพี่นี่นา อย่าทำเป็นลืมได้ไหมเนี่ย” สึนะตาเหลือกใส่กอดตัวเองไปไม่ต่างกับบาจิลและเรียวเฮ

    “เฮ้อ...ก็นะ หิมะที่ไหน นุ่นต่างหาก” ซีลอนปัดมือไปมาเกล็ดขาวที่พัดโหมกลับค่อย ๆ ลอยละล่องมาสัมผัสปลายจมูกแต่ละคน “ก็นะแต่เดี๋ยวพอเชื่อก็ยุ่งยากฉันอีก ลบภาพลวงตาในเขตผู้ชมเลยแล้วกัน เดี๋ยวก็จบแล้วถึงจะเป็นรุ่นพี่มาม่อนที่กลายเป็นไวเปอร์ ผมคิดว่าก็ไม่สามารถชนะมุคุโร่ได้หรอกนะ” เธอปรบมือสร้างจุดสนใจขึ้นในเขตผู้ชมอากาศในเขตอินฟราเรดจึงอุ่นขึ้นและกลับไปเป็นปกติ

    ที่ด้านนอกไวเปอร์ได้แช่แข็งมุคุโร่และพุ่งเข้าไปหวังทุบให้แหลกแต่กลับถูกสายบัวรัด ดอกตูมเบ่งบานออก

    “มีศิลปินชะมัด” นักฆ่าลำดับสิบเอ็ดสัพยอกคนในสนามประลอง

    “คุฟุฟุฟุ ไม่ได้แข็งทื่อไร้ความงดงามแบบภาพมายาของคุณหรอกนะครับ” มุคุโร่ตอบและสลายน้ำแข็งรอบตัวเองให้หายไป โกคุเทระเหล่มองรุ่นพี่นักฆ่าที่ดูจะรู้จักกับศัตรูเก่าอย่างระแวง

    “เอ้า มัวชักช้าตัวจะมีรูเอานะครับอัลโกบาเลโน่” เขาเคาะปลายหอกกับมือเบา ๆ ท่าทีเป็นต่อและเหนือกว่านั่นสร้างแรงกดดันไร้รูปร่างให้ศัตรูได้เป็นอย่างดี ไวเปอร์แตกตัวและพุ่งเข้าหลอกล่อแต่มุคุโร่กลับใช้เพลิงและหอกตวัดผ่าร่างเล็ก ๆ นั่น

    “ฮึ่ย! ผู้ใช้มายาที่ไหนหยิบอาวุธสู้ตรง ๆ กัน!” ไวเปอร์ตวาดออกมาอย่างขัดใจ

    “โฮ่... ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่นักฆ่าหัวเงินตรงนั้นก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่หรอกครับ แถมยังเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าอีกต่างหาก” แน่นอนว่าไม่ใช่คำชม แต่ก็อดจะเอ่ยพาดพิงถึงไม่ได้ ผู้ใช้มายาไม่หยิบอาวุธ? งั้นเขาคงตายตั้งแต่ปะทะกับซีลอนสมัยสิบสองขวบแล้วกระมั้ง เธอคนนั้นที่ใช้ทั้งพลังมายาผสมเมฆานั่น หยิบจับทั้งปืนทั้งมีดแถมยังงัดท่อเหล็กมาแทนพลองเพื่อฟาดกับเขาอีกต่างหาก

    “จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ” ซีลอนไหวไหล่ไม่ได้ใส่ใจนัก

    “แกนี่มันนอกคอกขึ้นทุกวันนะ...” รีบอร์นขมวดคิ้วใส่

    “ถ้าแยกประสาทกับสมาธิได้ทำไมเราจะใช้ทั้งมายาและอาวุธพร้อมกันไม่ได้ล่ะครับ ผมน่ะไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอกนะ ถ้าสามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ ทำไมถึงเลือกจะไม่ปีนขึ้นไปกันล่ะ!” เธอฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช่ สามารถควบคุมหลอกหลอนประสาทของคู่ต่อสู้ได้ด้วยมายา แถมยังลอบฆ่าได้นิ่ม ๆ เพราะทักษะอาวุธกับความสามารถเชิงนักฆ่า เอกลักษณ์ของนักฆ่าลำดับสิบเอ็ดคือทั้งที่สร้างภาพมายาแต่กลับเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากนักฆ่าในเงามืด ซ่อนแฝงตัวในมายา สร้างสถานการณ์ และเชือดอีกฝ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้โดนมายาหลอกตาย

    ไวเปอร์ใส่พลังสุดเกียร์หมุนโรงพละเข้าไปเหมือนหลุมดำ คล้ายมิติบิดเบี้ยว เหล่าผู้ชมล้มกันไปตาม ๆ กันจากพื้นที่โค้งเว้า ผิดก็แต่อัลโกบาเลโน่สองคนที่ปลอดภัยดีด้วยนกตัวใหญ่ช่วยไว้และนักฆ่าหัวเงินที่ยืนชมการต่อสู้อย่างไม่รู้สึกอะไร

    สึนะเริ่มออกอาการปวดหัวส่วนคนอื่นเริ่มพะอืดพะอมคลื่นไส้ ผลมาจากการถูกหลอนประสาททั้งห้าเป็นเวลานานจากภาพมายา

    นักฆ่าสาวเหล่มองสึนะที่ทรุดลง “อุก! มีบางอย่างไหลเข้ามาในหัว!นี่มัน...ความทรงจำ!’ ไม่ว่าเพราะมุคุโร่ยอมให้เขาเห็นหรือเพราะพลังของสุดยอดลางสังหรณ์ที่ถูกกระตุ้นจากพลังมายาตรงหน้าสึนะจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้าที่มุคุโร่แหกคุกออกมาแต่พวกที่รอดกลับมาแค่เคนและจิคุสะ ทั้งภาพที่มุคุโร่ใช้ร่างของนางิเพื่อใช้แค่ดวงจิตออกมาโลกภายนอกหรือจะที่ซีลอนยื่นข้อเสนอให้มุคุโร่พร้อมแหวนอีกครึ่ง

    “ร รุ่นพี่...” สึนะหันไปมองซีลอนที่ยืนเลิกคิ้วให้เขา

    มุคุโร่ชนะไวเปอร์ได้อย่างขาดลอยและยังได้แหวนอีกครึ่งมาจากไวเปอร์ด้วย

    “ยังหรอกน่า!” ไวเปอร์รวมกลับมาเป็นทารกหลังกระจัดกระจายไปด้วยการโจมตีของมุคุโร่ ชายผู้เกลียดมาเฟียเข้ากระดูกดำจึงคืนประโยคทั้งวลีอย่างยอกย้อน

    “คงจะรู้สินะครับ ว่าการที่ผู้ควบคุมมายาถูกมายาของตนเองหลอกประสาทสัมผัส หมายความว่าถูกช่วงชิงอำนาจในการควบคุมประสาทสัมผัสไปแล้วอย่างสิ้นเชิง...” มุคุโร่เลิกคิ้วกระตุกรอยยิ้มมุมปาก อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป แฟนทาสม่ารัดคอไวเปอร์

    “เอ้าแสดงพลังให้ดูหน่อยสิครับ! เป็นยังไงบ้างล่ะโลกของผมน่ะ” พลังมายาของมุคุโร่นั้นเหี้ยมโหดรุนแรงกว่า คล้ายกับเขาส่งพลังกลายเป็นควันเข้าไปทางปากของไวเปอร์ก่อนที่ร่างนั้นจะปูดบวมจนระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย

    “สาเหตุที่คุณแพ้มีอยู่เรื่องเดียว นั่นก็คือคู่ต่อสู้คือผม” เขาทิ้งท้ายไว้อย่างยโส ยโสคล้ายนักฆ่าแถวนี้บางคน

    ไวเปอร์ร้องลั่นและระเบิดหายไป มุคุโร่ประกบแหวนทั้งสองส่วนให้กรรมการ

    “แหวนสายหมอกตกเป็นของโคลม โดคุโร่ ถือว่าผู้ชนะครั้งนี้คือโคลม โดคุโร่!

    “เดี๋ยวสิไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลยนี่!” สึนะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าอีกฝ่ายทั้งที่เป็นศัตรู

    ““ขนาดนี้แล้วยังจะเห็นใจศัตรูอีก/เหรอครับ”” ซีลอนกับมุคุโร่ทวนถามอย่างพร้อมเพรียง สายหมอกหนุ่มหัวเราะในลำคอเล็กน้อยกล่าวต่อ “คุณนี่มันจะใจอ่อนไปถึงไหนนะซาวาดะ สึนะโยชิ” มุคุโร่พ่นลมหายใจเล็กน้อย เขาได้ยินมาจากที่ซีลอนเล่าให้โคลมฟังถึงเรื่องของบอสจอมใจอ่อน

    มาเฟียที่ต่างออกมา อาจจะดีก็ได้แต่จะชั่วมากชั่วน้อยเขาก็ยังเป็นมาเฟียที่ตนเกลียดอยู่ดี

    “ไม่ต้องห่วง...ละมั้งครับ” มุคุโร่หันหน้าไปมองหน้าต่างโรงพละ “เด็กคนนั้นหนีไปแล้ว เหมือนจะแบ่งพลังเอาไว้สำหรับใช้หนีแต่แรกแล้ว เป็นอัลโกบาเลที่ร้ายจริงๆ”

    “โกร่ามอสก้า...หลังจบศึกชิงแหวนกำจัดมาม่อนซะ” ซันซัสเอ่ยคำสั่งหับหุ่น มันตอบรับด้วยการพ่นไอน้ำออกมาทางหน้ากากฟืดใหญ่

    “ให้ตายสิคุณนี่มันด้านมืดของมาเฟียชัด ๆ เลยนะครับซันซัส แผนการร้ายของคุณขนาดผมยังผวาเลย” สายหมอกเอ่ยเย้าหันหลังเดินกลับไป

    ชั่ววูบจิตสังหารปะทุขึ้นและถูกกลบฝังไปอย่างรวดเร็ว คนที่เผลอไผลปล่อยมันออกมาแสร้งยิ้มซื่อไม่รู้เรื่องราวอะไรปากคาบก้านอมยิ้มที่หมดไว้คาปาก

    “แต่ผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วยหรอกนะเพราะผมไม่ใช่คนดีอะไร แต่จะขอเตือนเอาไว้เรื่องหนึ่ง...อย่ารังแกผู้สืบทอดที่อ่อนแอกว่าคุณให้มากจะดีกว่านะ” มุคุโร่เหล่มองซันซัส

    เคนกับจิคุสะกล่าวชื่นชมมุคุโร่ที่กลับมาใกล้เขตผู้ชมที่นำอินฟราเรดออกแล้ว

    “แก! ยังจะมีหน้าโผล่มาอีกเรอะ!” โกคุเทระควักระเบิดออกมาเต็มสองมือ

    “ระวังตัวเอาไว้ก็ดีแล้วครับ เพราะผมเองไม่ได้คิดจะสนิทสนมกับพวกมาเฟียสักนิด...การที่ผมยอมเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกเพราะว่ามันง่ายในการยึดครองร่างของคุณมากกว่า ซาวาดะ สึนะโยชิ” เขาโชว์แหวนขึ้นและยิ้มมุมปาก

    “นี่แก!” “เดี๋ยวก่อนโกคุเทระคุง!” สึนะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ต่างออกไป มุคุโร่ไม่ได้เป็นผู้พิทักษ์ให้เขาเพราะแค่มันง่ายต่อการช่วงชิงร่าง

    “ยังไงก็ขอบคุณนะ” สึนะสบตาต่างสีและเอ่ยอย่างจริงใจ

    “หึ...ผมชักจะเหนื่อยแล้วยังไงก็ฝากเด็กคนนี้ด้วย...”

    “เดี๋ยว! บอกมาก สิ่งที่นายรู้ แผนนั่น!” ซีลอนเข้าไปคว้าคอเสื้อของมุคุโร่แต่ที่อยู่ในมือกลายเป็นเครื่องแบบโกคุโยของนางิไปแล้ว พริบตาก่อนจะล้มลงมุคุโร่แสยะยิ้มตอบเธอเสียงดังขึ้นมาในหัว

    หึ ลองจ่ายผมมาสิครับ ข่าวน่ะไม่มีฟรีหรอกจริงไหม?


    GRADUAL หมายถึง ทีละเล็กทีละน้อย
    อะไรทีละเล็กละน้อยกันน้า /หัวเราะ/
    มีตอนสำรองแล้ววีคนี้เลยมาแถมอีกบทล่ะ 555555
    เจอกับตอน 8 วันพุธหน้าน้า~~~ ช่วงปะทกับโกร่ามอสก้าเป็นบทที่ 8 ล่ะ~ 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×