คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : |7| GRADUAL | อารมณ์ที่ยังคงหลงเหลือ
“มันไม่มีเส้นทางใดที่ผ่านได้โดยไร้ซึ่งบาดแผล”
| Aimer - Torches
“ไม่คิดว่าคุณจะมาชวนผมเสียเป็นจริงเป็นจังขนาดนี้นะครับ”
เสียงของมุคุโร่ดังออกมาจากร่างของเด็กสาวคนหนึ่ง โกคุโยแลนด์ยังคงเป็นฐานลับของพวกเขา
“แล้ว?” มุคุโร่เอ่ยตัดเข้าประเด็น
ซีลอนได้ข่าวจากสายมาว่ามุคุโร่แหกคุกวินดิเช่ออกมา
แต่ที่รอดกลับมาญี่ปุ่นได้จริงกลับมีเพียงจิคุสะและเคน
แม้ทั้งสองจะยืนจ้องอย่างไม่เป็นมิตรแต่ก็ไม่ได้ทำให้แขกผมเงินสะทกสะท้าน
“เกลียดมาเฟียใช่ไหมล่ะ
เพราะเอนทรานิโอ้” นักฆ่าเอ่ยชื่อนั้นขึ้น เงาแค้นของพวกเขาทั้งสามคน
มาเฟียที่ใช้เชื้อสายของตนเองมาเป็นหนูทดลอง
“คุฟุฟุฟุ
คุณคงไม่คิดว่าจะใช้ชื่อนั้นเกลี้ยกล่อมพวกผมจริง ๆ หรอกใช่ไหม
ไม่อย่างนั้นผมคงจะผิดหวัง” มุคุโร่ในร่างของนางิเหล่มองนักฆ่าที่ตนเคยแพ้ไปครั้งหนึ่ง
ความต่างชั้นทำให้เขารู้ว่าบนโลกนี้ยังมีคนที่เก่งกว่าตนอีกมาก แต่มันไม่ได้ทำให้เขาท้อแท้หรือหมดกำลังใจ
กลับกัน
เป็นแค่เด็กผู้หญิง
แค่นักฆ่าที่ไม่เคยถูกทดลองกลับเติบโตแข็งแกร่งได้ขนาดนี้ แล้วพวกเขาล่ะ? ถ้าเอาจริงจะไปได้ไกลขนาดไหน...
“ถ้าจะกวาดล้างมาเฟียเป็นแค่นักฆ่าปลายแถวทำอะไรไม่ได้หรอกนะนายต้องมีอำนาจมากกว่านี้”
ซีลอนไหวไหล่หย่อนตัวลงนั่งโซฟาเก่า ๆ เธอเหล่มองนางิที่ยังคงให้น้ำเกลืออยู่
นี่คงเป็นร่างที่มีความเหมาะสมเข้ากันได้ทั้งพลังและการรองรับจิตของมุคุโร่อย่างไม่ต้องสงสัย
“ปีนขึ้นไปซะ อยากได้ร่างของสึนะไม่ใช่เหรอ?
มาเป็นผู้พิทักษ์แหวนสายหมอกให้หมอนั่นสิ” ซีลอนแสยะยิ้มเอ่ยข้อเสนอให้อีกฝ่าย
เคนร้องหาออกมาหมายจะหาเรื่องจิคุสะแปลกใจแต่ก็ห้ามเพื่อนเอาไว้
นักฆ่าอันดับสิบเอ็ดดีดแหวนอีกครึ่งในมือลงกับโต๊ะตรงกลางระหว่างพวกเธอ
“เข้าใกล้อย่างไม่สนวิธีการเพื่อยึดร่างนั้นเข้าสักวันสินะครับ
ก็น่าสนใจอยู่หรอก แต่คงไม่คิดว่าผมจะยอมง่ายขนาดนั้นจริงไหม?
จะให้เด็กคนนี้เข้าร่วมสงครามบ้า ๆ ของพวกคุณเนี่ยนะช่างโหดร้ายกันเสียจริง”
มุคุโร่หัวเราะออกมา
“เหอะ
น่าเชื่อถือตายล่ะกับคนที่ใช้ร่างชาวบ้านเป็นสิ่งของน่ะ
รู้ดีไม่ใช่เหรอว่าวองโกเล่น่ะเป็นจุดสูงสุดของมาเฟียในตอนนี้
ถ้าต้องการที่จะทำความสะอาดโลกเบื้องหลังล่ะก็นายจำเป็นต้องมีอำนาจที่อยู่เหนือทุกทุกคน
และถ้านายเป็นสายหมอกให้พวกเรานายก็มีสิทธิ์จะใช้คนของพวกเรา ทั้งสายข่าว
ทั้งทรัพยากร การกวาดล้างพวกนอกรีตไม่ได้เป็นเรื่องที่ทำไม่ได้อยู่แล้ว” ซีลอนไขว้เท้าแล้วยักไหล่
“ไม่คิดจะให้ปฏิเสธกันเลยสินะครับ”
นางิหยิบแหวนอีกครึ่งขึ้นมา
เขาเพิ่งจะคุยกับเคนและจิคุสะไปว่าถึงจะออกมาได้แค่จิตโดยอาศัยเด็กคนนี้แต่ก็ไม่ใช่ว่าเขาจะอยู่ในร่างนี้ได้ตลอด
แต่เจ้าพวกนั้นก็จะยังคงติดตามเขา
“นายรู้ดีว่าหนทางนี้มันมีประโยชน์มากกว่าที่คิด”
ซีลอนเหลือบมองลูกสมุนของมุคุโร่แล้วเบนสายตากลับมาที่หัวโจก
“ก็ได้ผมตกลง
แต่ว่าทางนี้เองก็จะใช้ทุกการสบโอกาสเพื่อยึดครองร่างของซาวาดะ สึนะโยชิแน่
ระวังเอาไว้เถอะครับ” เมื่อเป้าหมายตอบตกลงเธอก็หมดธุระกับที่นี่ เธอเตรียมจะลุกขึ้นจากไป
“เดี๋ยวก่อนคุณนักฆ่า...
ผมยังพูดเงื่อนไขไม่จบ พลังของผมน่ะจะสอนให้เด็กคนนี้เอง แต่กลับกันทักษะของสายหมอกนั่น
คุณต้องเป็นฝ่ายช่วยเด็กคนนี้ด้วย ผมไม่สามารถใช้ร่างนี้ได้ตลอดหรอกนะครับ
แล้วก็พวกเราเป็นสิ่งที่เก็บไว้เป็นไพ่ตายสินะ คุณถึงใช้พลังอยู่เสมอ
ถึงจะไม่รู้ว่าทำไมก็เถอะ” มุคุโร่เอ่ย
การคาดเดานั่นทำให้นักฆ่าแสยะยิ้มออกมาอย่างถูกใจในประสาทสัมผัสที่ไวเป็นเลิศ
“รู้ดีนี่มุคุโร่...ใช่ตอนนี้สายหมอกกับเมฆาเป็นไพ่ตายของพวกเรา
เผอิญว่าฉันรู้จักสายหมอกฝั่งนั่นเข้าก็เลยรู้ว่าจะต้องถูกใช้พลังจิตตรวจสอบตำแหน่งอีกครึ่งของแหวนแน่
ฉันก็เลยใช้พลังรบกวนการตรวจสอบนั่นอยู่เป็นระยะ...” ซีลอนลุกขึ้นยืน
“ก็เอาสิ จะติวเข้มให้เป็นพิเศษเลย
ถ้าเด็กคนนี้เป็นร่างสำรองของนายก็คงต้องเคี่ยวให้เป็นพิเศษหน่อยล่ะนะ~ ในฐานะไพ่ตายของวองโกเล่ครั้งนี้” เธอแบมืออย่างเกียจคร้าน
ไม่ได้คิดหวงวิชาอะไรเพราะลำพังแค่สอนทริกถึงจะมีลุ้นยื้อมาม่อนไว้ได้ แต่ผู้พิทักษ์ตัวจริงที่เธอเล็งเอาไว้ไม่ใช่โคลมแต่เป็นมุคุโร่
“ถ้าอย่างนั้นก็ฝากด้วยนะครับ”
เด็กสาวสลบลงไปกับเตียงใหม่อีกครั้งและลมหายใจสม่ำเสมอ
“พวกนายเคนกับจิคุสะใช่ไหม...
ต่อไปก็ดูแลร่างนั่นด้วยล่ะคงจำกันได้นะว่าถ้าไม่มีร่างเด็กคนนี้มุคุโร่ก็ออกมาข้างนอกไม่ได้
ไม่ต้องประคบประหงมหรอกอย่าให้ตายก็พอ” ซีลอนเกาท้ายทอยพูดคล้ายออกคำสั่ง
“ไม่ต้องมาสั่งว่าพวกฉันควรทำอะไร! หน็อย เจ้าพวกมาเฟีย!” เคนแยกเขี้ยวข่มขู่มีท่าทีเป็นปรปักษ์อย่างชัดเจน
“เรียกให้ถูกต้องควรจะเป็นนักฆ่ามากกว่านะ
แต่ก็ช่างเหอะ” ซีลอนเหลือบมองพวกเขาแล้วถอนหายใจ
“ไม่คิดว่าต้องมาทำงานเพิ่มให้พวกผู้พิทักษ์เลยน้า...
เดี๋ยวไปเรียกจากหมอนั่นทีหลังก็ได้” ซีลอนเหล่เด็กสาวบนเตียงที่คล้ายจะได้สติขึ้นมาแต่ไม่ใช่มุคุโร่แล้วจึงเดินไปหาและเอ่ยทักทาย
“ยินดีที่ได้รู้จักน้าโคลมจัง~ ผมชื่อซีลอนล่ะ
ได้ยินมาจากหมอนั่นรึยังเรื่องที่ผมจะมาช่วยสอนการใช้ภาพมายาให้เธอ”
นักฆ่าตีหน้ายิ้มแย้มเข้าใกล้เด็กสาว เธอพยักหน้าตอบกลับมา
“งั้น-ก็-มา-เริ่ม-กันเลย~” ไม่มีเวลาให้เสียแล้วซีลอนคิดอย่างนั้น ดูจะผิดการทำงานของผู้สังเกตการณ์ทั่วไป
แต่สองฝั่งที่กำลังไม่สูสีแบบนี้จะเป็นการแข่งขันที่สนุกได้ยังไงว่าไหม?
“พลังของเธอเป็นของเธอ
พลังมายาอยู่ภายใต้ความเชื่อมั่น จงอย่าลังเลในภาพที่เกิดขึ้นและเชื่อว่าทำได้ ไม่ว่าอะไรก็บันดาลให้เป็นได้ดั่งใจ
นั่นแหละคือสายหมอก พลังของการสร้างสิ่งที่ไม่มีอยู่จริงให้เกิดขึ้น
หลอกล่อประสาทสัมผัสทั้งห้าของคู่ต่อสู้ให้เห็น ได้ยิน ได้กลิ่น รู้สึก และอาจจะรสชาติเหมือนสิ่งที่อยู่ตรงหน้าเป็นของจริง...”
ซีลอนล้วงขนมในกระเป๋าเสื้อแล้วยื่นให้โคลม
เธอลังเลที่จะรับแต่ก็ขอบคุณและแกะซองลูกอมนำเข้าปากรสของผลไม้สดชื่นและกลิ่นหอมชวนให้กระปรี้กระเปร่า
“เมื่อกี้ ก็เป็นมายาน่ะนะ” ซีลอนคว้าซองลูกอมขึ้นมามันก็สลายหายไป
“!!” ไม่ใช่แค่โคลมแต่กระทั่งเคนและจิคุสะเองก็ยังตกใจ
เพราะไม่มีใครใช้พลังมายากับของเล็ก ๆ น้อย ๆ แบบนี้
“นี่เป็นการยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ชัดเจนว่องไวจริงไหม
ภาพ รส สัมผัส กลิ่น เสียงขณะแกะซอง ทุก ๆ อย่างสร้างขึ้นมาได้
ในขณะเดียวกันก็ไม่จำเป็นต้องลงรายละเอียดขนาดนั้น
เพราะจิตใจของเป้าหมายเองก็ส่งผลต่อภาพมายา” ซีลอนอธิบาย
“ปล่อยให้เป้าหมายได้เห็นในสิ่งที่อยากเห็น หลอกล่อด้วยความไม่คาดฝันบ้าง
หรือรอเวลาจะตลบหลังด้วยพลังบ้าง...”
นักฆ่าแกว่งขาใช้นิ้วเคาะปลายคางตัวเองราวกับกำลังนึกอะไรอยู่
“หรือก็คือโคลมจังชอบลูกอมผลไม้สินะ
เหมือนกันเลยล่ะ~ งั้นไว้จะเอามาฝากใหม่นะ
เลคเชอร์วันนี้จบเพียงเท่านี้~
รักษาตัวอยู่จะสอนหนักไปก็คงไม่ดี ไว้เดี๋ยวจะมาช่วยฝึกอีก”
เจ้าตัวลุกขึ้นลูบผีเส้นผมสีเข้มของอีกฝ่ายแล้วเดินออกไปจากโกคุโยแลนด์
หลังจากธุระที่โกคุโยแลนด์เธอก็ไปพบกับมอเรตตี้ตามนัดคราวนี้เป็นร้านกาแฟ
เธอและเขานั่งหันหลังให้กันและต่างแสร้งคุยโทรศัพท์ เป็นมุมที่ห่างออกมาจากผู้คน
“ยังไม่มีความคืบหน้าครับ
แต่กลุ่มผู้ดูแลนอกแก๊งได้บินไปที่อิตาลี่เพื่อตามร่องรอยท่านรุ่นที่เก้าแล้ว
อย่างน้อยคงจะหาข่าวอย่างมากคงกะจะช่วยคุณท่านออกมา”
มอเรตตี้หนีบมือถือไว้กับไหล่แล้วใช้สองมือหยิบแซนด์วิชขึ้นมากิน
“ก็คงต้องปล่อยให้พวกเขาเคลื่อนไหวไป
นายยังจำแปลนหุ่นอาวุธสงครามได้ไหม” ซีลอนยกมอคค่าร้อนขึ้นจิบหลังจากที่พนักงานนำมาเสิร์ฟ
“ครับไม่มีทางลืมหรอก ฉนวนปัญหาที่เกาะมาเล่นั่นน่ะ
หรือว่าคุณหนูมีความคิดอะไรเหรอครับ?”
มอเรตตี้ขมวดคิ้วเขาไม่คิดว่าการวิจัยหุ่นอาวุธนั่นจะส่งผลอะไรกับท่านรุ่นที่เก้ามันดูไม่เกี่ยวกัน
“ไม่รู้เหมือนกันแค่รู้สึกไม่ดีเกี่ยวกับหุ่นนั่น
นายบินกลับไปช่วยพวกอิเอมิสึก็ดี...
หุ่นกระป๋องที่เฮียเขาเอามาด้วยอาจจะเป็นรุ่นปรับปรุงมันอาจจะมีอะไรผิดปกติก็ได้อีก
อีกอย่าง...ถึงจะไม่มีสุดยอดลางสังหรณ์แบบเฮียหรือสึนะ
แต่เรื่องที่ติดต่อรุ่นที่เก้าไม่ได้นี่ไม่ปกติแล้ว” ซีลอนขมวดคิ้ว
เธอไม่สบายใจถ้าเป็นเธอในสมัยก่อนละก็คงบินไปอิตาลี่ตั้งแต่เมื่อวานไม่ใจเย็นรอจนถึงตอนนี้
แต่นี่คงเป็นข้อดีของการไร้ใจละมั้ง... จะกระโตกกระตากให้เสียรูปแผนไม่ได้...
เธอยังมีมือเท้าที่เป็นสายข่าวคอยทำงานให้แทนไม่จำเป็นต้องลงสนามเองทุกครั้ง
“ไปซะแล้วดูให้แน่ใจว่าปู่ไม่เป็นอะไร”
เธอทิ้งท้ายคำสั่งเอาไว้แล้วออกไปเมื่อถ้วยกาแฟว่างเปล่า
นักฆ่าหลังเก้าอี้ของรุ่นที่เก้าได้แต่หวังว่าผู้อุปถัมภ์เธอจะไม่เป็นอะไรถึงชีวิต
เพราะหากไม่ใช่อย่างนั้นเฮียก็เฮียเถอะ
ถ้าเลือดขึ้นหน้าเธอก็จะเข้าไปงัดสักยกเหมือนกัน
สนามแข่งชิงแหวนแห่งสายหมอกเป็นโรงพละ
ซีลอนเข้ามาเยี่ยมชมการแข่งทั้งที่ตลอดมาไม่ได้เสนอหน้าเข้าร่วม
สึนะเพิ่งตื่นขึ้นโกคุเทระกับยามาโมโตะก็เข้าไปคุยด้วย
ศึกนี้เรียวเฮเองก็มาชม พวกเขายังกังขาว่าใครจะมาเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกให้พวกเขา
จึงหันไปมองซีลอนอย่างคาดหวัง
“โทษที ให้ตายฉันก็ไม่รับงานผู้พิทักษ์เด็ดขาด
ขอผ่าน แล้วก็สายหมอกของพวกนายมานู่นแล้ว” นักฆ่ายกมือปางห้ามญาติก่อนจะพยักพเยิดไปทางประตูโรงพละที่เคนกับจิคุสะเดินเข้ามาด้วยสีหน้าเอาเรื่อง
“อ๋าจริงด้วย!” ก่อนหน้านี้พวกเขาเจอกับคนที่มีทักษะการใช้มายาที่แข็งแกร่งคนหนึ่ง
มุคุโร่คนนั้น
“มาทำไมตอนนี้!” โกคุเทระเข้าใจว่าพวกเขามาในฐานะศัตรูจึงลุกขึ้นกำระเบิดแน่นพร้อมปะทะ
“พวกแกใจเย็น ๆ หน่อยพวกนี้เป็นคนพาผู้พิทักษ์มาให้ต่างหาก”
รีบอร์นทักขึ้น ซีลอนเองก็พยักหน้าสมทบ
“ไม่จริงน่า
ผู้พิทักษ์แห่งหมอกก็คือโรคุโด มุคุโร่หรอกเหรอ!!” สึนะตาโต
รีบสอดส่ายสายตามองอย่างระวัง แต่ร่างที่ปรากฏหลังเคนและจิคุสะกลับเป็นเด็กสาวคนหนึ่ง
“lo nego... Il
mio nome e’ chrome โคลม โรคุโด”
“ไม่ใช่มุคุโร่!?” สึนะสับสนหนักเมื่อโคลมแนะนำตัวขึ้น ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอย
เธอกำชับไว้แล้วว่าต่อหน้าคนอื่น ต้องทำเป็นไม่รู้จักเธอจนกว่าเรื่องศึกชิงแหวนจะจบ
ไม่อย่างนั้นถ้าโคลมถูกคาดหวังจะจัดการคู่ต่อสู้ได้ยากขึ้น ถ้าอีกฝ่ายรู้ว่าได้นักฆ่าสายหมอกหลังเก้าอี้รุ่นที่เก้าเป็นคนเลคเชอร์การใช้มายาให้ในระยะอันสั้น
โกคุเทระไม่เชื่อในตัวเด็กสาว
สึนะจึงออกหน้าช่วยรับแทนเพราะเขาในตอนนี้ยังไม่รู้สึกถึงมุคุโร่
บรรยากาศรอบตัวโคลมไม่ใช่สิ่งที่น่าขนลุกแบบมุคุโร่อย่างที่เขานึกเอะใจเสมอมา
ความรู้สึกค่อนข้างต่างกัน
ซีลอนเลิกคิ้วนับว่านี่เป็นพัฒนาการที่ดีของสึนะที่จะช่วยให้เขารอดจากการยึดร่างของมุคุโร่ในอนาคตไปได้อีก
“ช่วยออกรับให้ด้วยเหรอ?...บอส
ขอบคุณนะ” โคลมเข้าไปหอมแก้มบอสของตนซื่อ ๆ
“ทำอะไรของหล่อนฮะ!” โกคุเทระโพล่งขึ้นมา
“แค่ทักทาย”
โคลมหันไปตอบอย่างตรงไปตรงมาด้วยสีหน้าไม่รู้สึกอะไร ซีลอนกลั้นขำ
พวกเขาทะเลาะกันต่อเล็กน้อยก่อนจะให้สึนะเป็นผู้ตัดสินใจว่าโคลมมีสิทธิ์เป็นผู้พิทักษ์สายหมอกให้เขาหรือไม่
“ฉันอยากจะสู้ในฐานะผู้พิทักษ์แต่ถ้าบอสไม่ให้ ฉันก็จะทำตามที่บอสสั่ง”
โกคุเทระยังคงมีท่าทีไม่เป็นมิตร
แต่รีบอร์นเองก็ยุว่านอกจากโคลมก็ไม่มีคนอื่นแล้ว
“งั้นเอาเป็นว่าฝากด้วยแล้วกัน”
สึนะตัดสินใจออกมา ซีลอนก็ยิ้มรอดูเรื่องสนุกของแมชต์แข่งขันนี้ กระจกหน้าต่างโรงพละแตกออกพร้อมทารกนักฆ่าอีกคนที่มาพร้อมอินทรีตัวใหญ่
พวกเขาอัลโกบาเล่โนซุบซิบกันเรื่องของมาม่อนเพราะยังคาใจว่าเป็นพวกเดียวกันหรือไม่
แต่พวกเขาสัมผัสไม่ได้ถึงพลังของจุกนมสายหมอก
“สนามต่อสู้ครั้งนี้จะหยิบใช้อะไรในโรงพละก็ตามสบาย
เราไม่ได้ติดตั้งอะไรไว้เป็นพิเศษวางใจได้” เชคเคโล่เอ่ย
“เอ๋ไม่มีเลยเหรอ?”
สึนะท้วงขึ้นอย่างสงสัย รีบอร์นเลยอธิบายให้ฟังถึงเอกลักษณ์ของสายหมอก
เป็นผู้ลวงตาทำให้สิ่งที่มีไม่มี
และสร้างสิ่งที่ไม่มีให้มีขึ้นมา
ลวงศัตรูให้สับสนจนจับต้องตัวจริงของแฟมิลี่ไม่ได้ คือหน้าที่ของผู้พิทักษ์สายหมอก
“พื้นที่ของผู้ชมจะมีแสงอินฟราเรดติดตั้งเช่นเดียวกับสนามวายุขอให้ระวังด้วยค่ะ”
เชคเบคโล่เอ่ยเตือนผู้ชมทั้งสองฝั่งก่อนจะส่งสัญญาณเริ่มการประลอง
เริ่มที่โคลมทำให้พื้นแตกและยกขึ้นสูงคล้ายเป็นบริเวณไร้แรงโน้มถ่วง
แต่มาม่อนเองก็เป็นผู้ใช้มายา กลเด็กเล่นพรรค์นี้จึงไม่มีผลกับทารกนักฆ่า
หนวดมากมายพุ่งเข้าหาโคลมและรัดคอเอาไว้ยกขึ้นสูงอย่างต้องการให้ขาดอากาศ
แต่ผิดคาดเพราะสิ่งที่มาม่อนใช้หนวดรัดกลับเป็นกะบะลูกบาส
ส่วนโคลมตัวจริงอยู่ด้านหลังห่างออกมา
‘อย่าให้ศัตรูรู้ตำแหน่งยืนที่ถูกต้องของตน’ ซีลอนเคยกล่าวเอาไว้ นี่เป็นพื้นฐานประโยชน์ของพลังสายหมอก
ถ้าไม่มั่นใจว่ามีวิชาการต่อสู้ระยะประชิดที่เก่งกาจ
อย่าให้ใครหน้าไหนรู้ถึงตำแหน่งที่แท้ของตน
“เอ๋!!?”
“อย่าตกใจเวอร์ได้ป่ะ
นายก็เคยเห็นมาแล้วนี่สึนะทำเป็นจำไม่ได้” ซีลอนถอนหายใจยืนล้วงกระเป๋าอยู่ด้านหลังพวกเขา
“การต่อสู้ระดับนี้หาดูไม่ได้ง่าย
ๆ หรอกนะ” รีบอร์นเอ่ยตัดตอน
“หรือว่า...พิภพนรกของมุคุโร่!?” สึนะชะงักและจับจ้องการประลอง
ถึงจะสังหรณ์เช่นนั้นแต่เขาก็ยังไม่เข้าใจการกระทำของมุคุโร่อยู่ดีว่าจะมาช่วยเขาทำไมกัน
เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายสามารถที่จะเคี้ยวได้ไม่ได้อ่อนฝีมือขนาดนั้นมาม่อนจึงรู้สึกคุ้มค่าที่จะใช้ไม้ตายที่เก็บซ่อนเอาไว้
โซ่ร่วงลงมา กบบนหัวก็เปลี่ยนรูปร่างไปเป็นฮูปสเนค
“โฮ่
ไม่ผิดแน่กบนั่นกับจุกนมสีน้ำเงินเข้ม เจ้านั่นยังมีชีวิตอยู่รึ”
โคโรเนโร่จ้องเขม็ง
“กะแล้วไม่มีผิด! ตัวจริงของเจ้านั่นคืออัลโกบาเลโน่ไวเปอร์!”
รีบอร์นโพล่งขึ้นอีกคน
“แย่แน่ ๆ เจ้าเปี๊ยกนั่นคนธรรมดาสู้ไม่ไหวหรอกนะเว้ยเฮ้ย!” โคโรเนโร่ไม่เห็นด้วยที่จะให้การต่อสู้ดำเนินต่อไป
“อย่าดูถูกกันดีกว่าโคโรเนโร่
โคลมใช่ธรรมดาที่ไหน” รีบอร์นกระตุกยิ้ม ซีลอนขยับมาขัดสมาธิอยู่หลังอาจารย์นักฆ่าของตัวเองเท้าคางยิ้ม
ๆ ทั้งที่คาบอมยิ้ม
“ถึงโคลมจะไม่ชนะน็อกก็ยื้อได้อยู่นะผมว่า
แต่ว่าศึกนี้เราจะชนะแน่” นักฆ่าลำดับสิบเอ็ดฉีกยิ้มแล้วหันไปจับจ้องการประลอง
มาม่อนที่กลายเป็นไวเปอร์ลอยขึ้นกลางอากาศ
โคลมจึงอัญเชิญงูพิษด้วยพลังของมุคุโร่ออกมารัดเหยื่อกลางอากาศ
“พิภพเดรัจฉาน!” สึนะตกใจยิ่งกว่าเดิมแต่ก็ยังสงสัยเพราะถ้ามุคุโร่สิงโคลมล่ะก็เขาจะจับสัมผัสได้ต่างออกมา
มันไม่ใช่แบบนี้ แม้แต่ตอนนี้เขาก็ยังรับรู้ได้ถึงจิตใจโคลม ไม่ใช่จิตใจของมุคุโร่เหมือนครั้งที่หมอนั่นสิงคนอื่นคราวที่ปะทะกันนั้น
โคลมสร้างเสาลาวาขึ้นมาเพื่อสกัดการหนีของไวเปอร์แต่ไม่ได้ผล
“ต้องยอมยกนิ้วให้ภาพลวงตาเธอว่าเป็นของดีชั้นหนึ่ง
ถ้าเผลอใจวูบเดียวคงเกรียมแน่ ถึงอย่างนั้นจุดอ่อนของมันก็คือภาพลวงตา!” ทารกนักฆ่าแช่แข็งพวกมันในพริบตา
“แบบนี้จะชนะยังไง?”
โกคุเทระหลุดปากออกมาอย่างไม่เข้าใจ ในเขตผู้ชมซีลอนไหวไหล่เป็นผู้อธิบายเรื่องที่พวกเขาไม่เข้าใจเกี่ยวกับพลังสายหมอกให้
“สายหมอกคือสิ่งที่จับต้องไม่ได้
มีอยู่แต่ไม่ได้อยู่ตรงนั้นจริง ไม่มีอยู่แต่ดำรงอยู่ตรงนั้นจริง
ถ้าเชื่อก็จะเป็นอย่างที่เชื่อ นั่นคืออันตรายของมายา”
ซีลอนเบนสายตาให้พวกเขามองดูลานประลองไวเปอร์กำลังพูดพอดี
เธอไม่ได้เชื่อดังนั้นความหนาวเย็นจึงไม่เป็นผลกับเธอ
“การใช้ภาพลวงตาก็คือการครอบงำสมองซึ่งควบคุมประสาทสัมผัสทั้งห้า
ยิ่งมีพลังมากการครอบงำก็รุนแรงมากขึ้น
โอกาสจะถูกหลอกและความสมจริงจะยิ่งเพิ่มขึ้น การที่ผู้ควบคุมมายาถูกมายาของตนเองหลอกประสาทสัมผัส
ก็หมายความว่าถูกช่วงชิงอำนาจในการควบคุมประสาทสัมผัสไปแล้วอย่างสิ้นเชิง!” ไวเปอร์สร้างน้ำแข็งลามขึ้นไปบนต้นขาของโคลม
แม้เธอจะหาวิธีทำลายมันได้แต่กลับถูกล้วงเข้าไปในจิตใจ ไวเปอร์จึงรับรู้ถึงความสำคัญไม่ธรรมดาของหอกปลายสามง่ามที่เธอถือครอง
มายาจากฝ่ายวาเรียจึงทำลายมันในทันที
เมื่อสื่อพลังสลายไปมายาที่สร้างอวัยวะเทียมให้โคลมก็เสื่อมพลังลงเธอไอเป็นเลือดและล้มลงนอนหน้าท้องยุบจนติดเนื้อหลัง
“อันตรายของภาพมายาก็คือภาพมายา
จะบอกว่าเพราะอาวุธคือจินตนาการจุดอ่อนก็คือจินตนาการก็ไม่ผิดนัก”
ซีลอนไม่ได้มีท่าทีตกใจอะไร สึนะกับโกคุเทระงงเป็นไก่ตาแตกไปแล้ว
“ไม่อยากจะเชื่อ! ยื้อชีวิตเอาด้วยการสร้างอวัยวะภายในจากภาพลวงตาเนี่ยนะ!” ไวเปอร์สำรวจฝ่ายตรงข้ามด้วยพลังจึงเข้าใจในที่สุด
“สร้างของที่ไม่มีให้มีอยู่ตรงนั้น
ที่เหลือก็ขึ้นกับว่าจะใช้ประโยชน์มันยังไง” นักฆ่าหัวเงินอธิบายเพิ่ม
“รุ่นพี่นี่ไม่ใช่เวลาอธิบายแล้วนะ!” สึนะเข้าไปคว้าไหล่ซีลอนที่ยังนั่งสบายใจ
“ท่านมุคุโร่ ฉันอยากจะเป็นกำลังให้...”
‘ทำได้ดีมากแล้วล่ะโคลมที่น่ารักของผม
หลับพักสักงับก่อนเถอะ’
“!!!”
สึนะสะดุ้งเฮือกเมื่อสัมผัสได้ถึงจิตใจของมุคุโร่ที่เป็นเอกลักษณ์ ซีลอนไม่มีสุดยอดลางสังหรณ์ก็ได้แต่ลับประสาทให้คมที่สุดเพื่อสังเกตความแตกต่างของโคลมกับมุคุโร่และเมื่อสึนะเหงื่อออกมองไปข้างหน้าอย่างระแวงเธอจะรู้ทันทีว่าถึงเวลาสลับผู้ควบคุมร่างของนางิแล้ว...
หมอกมากมายรวมตัวกันรอบร่างกายที่นอนล้มลงพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอของชายผู้เป็นเจ้าของดวงตาทดลองสีแดง
พลังของการกลับมาจากปลายสุดของวัฏสงสาร
“เสียงของผู้ชาย?”
ไวเปอร์ไม่เข้าใจเพราะโคลมสิ้นสภาพการต่อสู้ไปเป็นแน่แท้แล้วท่ามกลางสายคนทุกคน
แต่...
“ได้ทีก็อวดเบ่งใหญ่เชียวนะ
ไอ้พวกมาเฟียเอ๊ย” ร่างที่ปรากฏหลังม่านหมอกหมุนเป็นบอลอย่างบ้าคลั่งคือโรคุโด มุคุโร่
“มุคุโร่ปลอดภัยดีเหรอ!?” สึนะโพล่งถามออกไปตามนิสัย
เพราะเขาเห็นอีกฝ่ายถูกวินดิเช่ลากไปต่อหน้าต่อตา
“ไม่ได้เจอกันเสียนาน ผมกลับมาแล้ว...จากปลายสุดของวัฏสงสารน่ะนะ”
เขาหันมาเหล่มองผู้ชมฝั่งสึนะ
ไวเปอร์ที่กระเด็นออกไปกลับขึ้นมาลอยตัว
นึกขึ้นได้ถึงข่าวกรองล่าสุดและสับสน “ได้ยินว่าแหกคุกล้มเหลวจนโดนจับขังไว้ในห้องที่แน่นหนาเข้มงวดที่สุดนี่”
“คุฟุฟุฟุ ข่าวกรองของหน่วยลอบสังหารวองโกเล่ที่ภูมิใจนักหนาช่างไม่ได้เรื่องเอาซะเลย”
เขาเหล่มองซีลอนคล้ายจะสัพยอกผ่านทางศัตรู เขาหันไปมองไวเปอร์และยกตกโอ้อวดปั่นป่วนความมั่นใจของอีกฝ่าย
“ผมก็อยู่ตรงหน้าแล้วนี่ไง”
“ฉันจะเปิดโปงแกเองว่าก็เป็นแค่พลังที่ผู้หญิงคนนั้นสร้างขึ้นมา!” ไวเปอร์ใช้พายุหิมะถล่มใส่อย่างไม่อ้อมค้อม พวกผู้ชมโดนผลกระทบไปด้วย
“บอกไม่จำเอาซะเลยซือคุง
นายมีดวงตานั่นก็ไม่น่าจะโดนหลอกเอาง่าย ๆ สิ”
ซีลอนถายหายใจดูไม่ทุกข์ร้อนกับอากาศที่กำลังจะติดลบ
“ผมไม่ได้เป็นผู้ใช้มายาแบบรุ่นพี่นี่นา
อย่าทำเป็นลืมได้ไหมเนี่ย” สึนะตาเหลือกใส่กอดตัวเองไปไม่ต่างกับบาจิลและเรียวเฮ
“เฮ้อ...ก็นะ หิมะที่ไหน
นุ่นต่างหาก” ซีลอนปัดมือไปมาเกล็ดขาวที่พัดโหมกลับค่อย ๆ ลอยละล่องมาสัมผัสปลายจมูกแต่ละคน
“ก็นะแต่เดี๋ยวพอเชื่อก็ยุ่งยากฉันอีก ลบภาพลวงตาในเขตผู้ชมเลยแล้วกัน
เดี๋ยวก็จบแล้วถึงจะเป็นรุ่นพี่มาม่อนที่กลายเป็นไวเปอร์
ผมคิดว่าก็ไม่สามารถชนะมุคุโร่ได้หรอกนะ” เธอปรบมือสร้างจุดสนใจขึ้นในเขตผู้ชมอากาศในเขตอินฟราเรดจึงอุ่นขึ้นและกลับไปเป็นปกติ
ที่ด้านนอกไวเปอร์ได้แช่แข็งมุคุโร่และพุ่งเข้าไปหวังทุบให้แหลกแต่กลับถูกสายบัวรัด
ดอกตูมเบ่งบานออก
“มีศิลปินชะมัด”
นักฆ่าลำดับสิบเอ็ดสัพยอกคนในสนามประลอง
“คุฟุฟุฟุ ไม่ได้แข็งทื่อไร้ความงดงามแบบภาพมายาของคุณหรอกนะครับ”
มุคุโร่ตอบและสลายน้ำแข็งรอบตัวเองให้หายไป โกคุเทระเหล่มองรุ่นพี่นักฆ่าที่ดูจะรู้จักกับศัตรูเก่าอย่างระแวง
“เอ้า มัวชักช้าตัวจะมีรูเอานะครับอัลโกบาเลโน่”
เขาเคาะปลายหอกกับมือเบา ๆ ท่าทีเป็นต่อและเหนือกว่านั่นสร้างแรงกดดันไร้รูปร่างให้ศัตรูได้เป็นอย่างดี
ไวเปอร์แตกตัวและพุ่งเข้าหลอกล่อแต่มุคุโร่กลับใช้เพลิงและหอกตวัดผ่าร่างเล็ก ๆ
นั่น
“ฮึ่ย! ผู้ใช้มายาที่ไหนหยิบอาวุธสู้ตรง ๆ กัน!”
ไวเปอร์ตวาดออกมาอย่างขัดใจ
“โฮ่...
ถึงจะพูดแบบนั้นก็เถอะแต่นักฆ่าหัวเงินตรงนั้นก็ไม่ต่างจากผมเท่าไหร่หรอกครับ
แถมยังเป็นสัตว์ประหลาดยิ่งกว่าอีกต่างหาก” แน่นอนว่าไม่ใช่คำชม
แต่ก็อดจะเอ่ยพาดพิงถึงไม่ได้ ผู้ใช้มายาไม่หยิบอาวุธ?
งั้นเขาคงตายตั้งแต่ปะทะกับซีลอนสมัยสิบสองขวบแล้วกระมั้ง
เธอคนนั้นที่ใช้ทั้งพลังมายาผสมเมฆานั่น หยิบจับทั้งปืนทั้งมีดแถมยังงัดท่อเหล็กมาแทนพลองเพื่อฟาดกับเขาอีกต่างหาก
“จะถือว่าเป็นคำชมแล้วกันนะ”
ซีลอนไหวไหล่ไม่ได้ใส่ใจนัก
“แกนี่มันนอกคอกขึ้นทุกวันนะ...”
รีบอร์นขมวดคิ้วใส่
“ถ้าแยกประสาทกับสมาธิได้ทำไมเราจะใช้ทั้งมายาและอาวุธพร้อมกันไม่ได้ล่ะครับ
ผมน่ะไม่ยอมรับเรื่องนี้หรอกนะ ถ้าสามารถที่จะแข็งแกร่งขึ้นได้ ทำไมถึงเลือกจะไม่ปีนขึ้นไปกันล่ะ!” เธอฉีกยิ้มเจ้าเล่ห์ ใช่
สามารถควบคุมหลอกหลอนประสาทของคู่ต่อสู้ได้ด้วยมายา แถมยังลอบฆ่าได้นิ่ม ๆ
เพราะทักษะอาวุธกับความสามารถเชิงนักฆ่า เอกลักษณ์ของนักฆ่าลำดับสิบเอ็ดคือทั้งที่สร้างภาพมายาแต่กลับเคลื่อนไหวได้ไม่ต่างจากนักฆ่าในเงามืด ซ่อนแฝงตัวในมายา สร้างสถานการณ์ และเชือดอีกฝ่ายได้โดยไม่จำเป็นต้องรอให้โดนมายาหลอกตาย
ไวเปอร์ใส่พลังสุดเกียร์หมุนโรงพละเข้าไปเหมือนหลุมดำ
คล้ายมิติบิดเบี้ยว เหล่าผู้ชมล้มกันไปตาม ๆ กันจากพื้นที่โค้งเว้า
ผิดก็แต่อัลโกบาเลโน่สองคนที่ปลอดภัยดีด้วยนกตัวใหญ่ช่วยไว้และนักฆ่าหัวเงินที่ยืนชมการต่อสู้อย่างไม่รู้สึกอะไร
สึนะเริ่มออกอาการปวดหัวส่วนคนอื่นเริ่มพะอืดพะอมคลื่นไส้
ผลมาจากการถูกหลอนประสาททั้งห้าเป็นเวลานานจากภาพมายา
นักฆ่าสาวเหล่มองสึนะที่ทรุดลง “อุก! มีบางอย่างไหลเข้ามาในหัว!” ‘นี่มัน...ความทรงจำ!’ ไม่ว่าเพราะมุคุโร่ยอมให้เขาเห็นหรือเพราะพลังของสุดยอดลางสังหรณ์ที่ถูกกระตุ้นจากพลังมายาตรงหน้าสึนะจึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมดก่อนหน้าที่มุคุโร่แหกคุกออกมาแต่พวกที่รอดกลับมาแค่เคนและจิคุสะ
ทั้งภาพที่มุคุโร่ใช้ร่างของนางิเพื่อใช้แค่ดวงจิตออกมาโลกภายนอกหรือจะที่ซีลอนยื่นข้อเสนอให้มุคุโร่พร้อมแหวนอีกครึ่ง
“ร รุ่นพี่...” สึนะหันไปมองซีลอนที่ยืนเลิกคิ้วให้เขา
มุคุโร่ชนะไวเปอร์ได้อย่างขาดลอยและยังได้แหวนอีกครึ่งมาจากไวเปอร์ด้วย
“ยังหรอกน่า!” ไวเปอร์รวมกลับมาเป็นทารกหลังกระจัดกระจายไปด้วยการโจมตีของมุคุโร่ ชายผู้เกลียดมาเฟียเข้ากระดูกดำจึงคืนประโยคทั้งวลีอย่างยอกย้อน
“คงจะรู้สินะครับ ว่าการที่ผู้ควบคุมมายาถูกมายาของตนเองหลอกประสาทสัมผัส
หมายความว่าถูกช่วงชิงอำนาจในการควบคุมประสาทสัมผัสไปแล้วอย่างสิ้นเชิง...” มุคุโร่เลิกคิ้วกระตุกรอยยิ้มมุมปาก
อีกฝ่ายไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาอีกต่อไป แฟนทาสม่ารัดคอไวเปอร์
“เอ้าแสดงพลังให้ดูหน่อยสิครับ! เป็นยังไงบ้างล่ะโลกของผมน่ะ” พลังมายาของมุคุโร่นั้นเหี้ยมโหดรุนแรงกว่า
คล้ายกับเขาส่งพลังกลายเป็นควันเข้าไปทางปากของไวเปอร์ก่อนที่ร่างนั้นจะปูดบวมจนระเบิดออกเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อย
“สาเหตุที่คุณแพ้มีอยู่เรื่องเดียว
นั่นก็คือคู่ต่อสู้คือผม” เขาทิ้งท้ายไว้อย่างยโส ยโสคล้ายนักฆ่าแถวนี้บางคน
ไวเปอร์ร้องลั่นและระเบิดหายไป
มุคุโร่ประกบแหวนทั้งสองส่วนให้กรรมการ
“แหวนสายหมอกตกเป็นของโคลม
โดคุโร่ ถือว่าผู้ชนะครั้งนี้คือโคลม โดคุโร่!”
“เดี๋ยวสิไม่เห็นต้องทำขนาดนั้นเลยนี่!” สึนะไม่เห็นด้วยกับการฆ่าอีกฝ่ายทั้งที่เป็นศัตรู
““ขนาดนี้แล้วยังจะเห็นใจศัตรูอีก/เหรอครับ””
ซีลอนกับมุคุโร่ทวนถามอย่างพร้อมเพรียง สายหมอกหนุ่มหัวเราะในลำคอเล็กน้อยกล่าวต่อ
“คุณนี่มันจะใจอ่อนไปถึงไหนนะซาวาดะ สึนะโยชิ” มุคุโร่พ่นลมหายใจเล็กน้อย เขาได้ยินมาจากที่ซีลอนเล่าให้โคลมฟังถึงเรื่องของบอสจอมใจอ่อน
มาเฟียที่ต่างออกมา
อาจจะดีก็ได้แต่จะชั่วมากชั่วน้อยเขาก็ยังเป็นมาเฟียที่ตนเกลียดอยู่ดี
“ไม่ต้องห่วง...ละมั้งครับ”
มุคุโร่หันหน้าไปมองหน้าต่างโรงพละ “เด็กคนนั้นหนีไปแล้ว
เหมือนจะแบ่งพลังเอาไว้สำหรับใช้หนีแต่แรกแล้ว เป็นอัลโกบาเลที่ร้ายจริงๆ”
“โกร่ามอสก้า...หลังจบศึกชิงแหวนกำจัดมาม่อนซะ”
ซันซัสเอ่ยคำสั่งหับหุ่น มันตอบรับด้วยการพ่นไอน้ำออกมาทางหน้ากากฟืดใหญ่
“ให้ตายสิคุณนี่มันด้านมืดของมาเฟียชัด
ๆ เลยนะครับซันซัส แผนการร้ายของคุณขนาดผมยังผวาเลย” สายหมอกเอ่ยเย้าหันหลังเดินกลับไป
ชั่ววูบจิตสังหารปะทุขึ้นและถูกกลบฝังไปอย่างรวดเร็ว
คนที่เผลอไผลปล่อยมันออกมาแสร้งยิ้มซื่อไม่รู้เรื่องราวอะไรปากคาบก้านอมยิ้มที่หมดไว้คาปาก
“แต่ผมไม่คิดจะเข้าไปยุ่งด้วยหรอกนะเพราะผมไม่ใช่คนดีอะไร
แต่จะขอเตือนเอาไว้เรื่องหนึ่ง...อย่ารังแกผู้สืบทอดที่อ่อนแอกว่าคุณให้มากจะดีกว่านะ”
มุคุโร่เหล่มองซันซัส
เคนกับจิคุสะกล่าวชื่นชมมุคุโร่ที่กลับมาใกล้เขตผู้ชมที่นำอินฟราเรดออกแล้ว
“แก! ยังจะมีหน้าโผล่มาอีกเรอะ!” โกคุเทระควักระเบิดออกมาเต็มสองมือ
“ระวังตัวเอาไว้ก็ดีแล้วครับ
เพราะผมเองไม่ได้คิดจะสนิทสนมกับพวกมาเฟียสักนิด...การที่ผมยอมเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกเพราะว่ามันง่ายในการยึดครองร่างของคุณมากกว่า
ซาวาดะ สึนะโยชิ” เขาโชว์แหวนขึ้นและยิ้มมุมปาก
“นี่แก!” “เดี๋ยวก่อนโกคุเทระคุง!” สึนะสัมผัสได้ถึงสิ่งที่ต่างออกไป
มุคุโร่ไม่ได้เป็นผู้พิทักษ์ให้เขาเพราะแค่มันง่ายต่อการช่วงชิงร่าง
“ยังไงก็ขอบคุณนะ” สึนะสบตาต่างสีและเอ่ยอย่างจริงใจ
“หึ...ผมชักจะเหนื่อยแล้วยังไงก็ฝากเด็กคนนี้ด้วย...”
“เดี๋ยว! บอกมาก สิ่งที่นายรู้ แผนนั่น!”
ซีลอนเข้าไปคว้าคอเสื้อของมุคุโร่แต่ที่อยู่ในมือกลายเป็นเครื่องแบบโกคุโยของนางิไปแล้ว
พริบตาก่อนจะล้มลงมุคุโร่แสยะยิ้มตอบเธอเสียงดังขึ้นมาในหัว
‘หึ ลองจ่ายผมมาสิครับ ข่าวน่ะไม่มีฟรีหรอกจริงไหม?’
ความคิดเห็น