คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : |6| NEGLECT | พายุที่เฝ้ารอ
Cr : https://www.pinterest.com/pin/423619908697274642/
“ความมืดมิดเผยออกมา
แลกเปลี่ยนเพื่อความรุ่งโรจน์” | the brilliant green - Ash Like Snow
“น่าเบื่อ—”
ซีลอนเกาท้ายทอยเดาะลิ้น
เพราะว่าศึกชิงแหวนใกล้เข้ามาสายข่าวจากอิตาลี่ก็ทยอยส่งรหัสลับบอกข่าวสารมาเป็นระยะ
เธอยังคงเป็นผู้สังเกตการณ์ข้างสนามอยู่ คำสั่งของรุ่นที่เก้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงลงมารวมถึงการคุ้มครองสึนะจากพวกนอกแก๊งอย่างลับ
ๆ
สึนะเจอกับบาจิลที่ย่านการค้าแถมยังเจอเข้ากับสควอโล่ด้วย
แม้ว่าแหวนไปทั้งกล่องแต่ครึ่งหนึ่งเป็นของปลอม
พวกมันคือฮาร์ฟริงที่ต้องประกบชิ้นส่วนที่แท้จึงจะเผยรูปร่างของมันออกมา
ผู้ดูแลนอกแก๊งเองก็กลับมาถึงญี่ปุ่นแล้ว
ซีลอนแทะอมยิ้มมองพ่อลูกโวยวายใส่กันเล็กน้อยเพราะสึนะเองก็เพิ่งจะรู้ว่าพ่อยังไม่ตาย
เธอคิดว่าก็ไม่แปลก มันคงจะรู้สึกพิลึกถ้าวันหนึ่งคนที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมาและนั่งร่วมโต๊ะอาหารในบ้าน
“หนูซีลอน สินะ?”
เออิมิสึนัดพบกับผู้สังเกตการณ์ตรงมินิมาร์ทใกล้ ๆ
นักฆ่าวัยรุ่นฉีกยิ้มทั้งคาบอมยิ้ม
“คร้าบ
สำหรับคนในกลุ่มนอกแก๊งที่คอยเป็นสายข่าวให้ตลอดมาต้องขอบคุณมากเลยล่ะครับ”
ไม่มีท่าทีต่อต้านหรือเป็นศัตรู
ซีลอนเป็นพวกถ้าเป็นระดับหัวหน้าของวองโกเล่สั่งมาแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็รับงานไปหมด
เรื่องนี้อิเอมิสึเองก็ได้ยินผ่านหูอยู่บ่อย สายข่าวของซีลอนกับสายข่าวของเขาเองก็ร่วมงานติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่หลายครั้ง
“ขอบใจที่คอยเก็บกวาดดูแลทางนี้ให้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่นะ”
เขาตบหัวเด็กสาวเบา ๆ
“เพราะปู่ป๋าสั่งมา
ไม่มีปัญหาหรอก~” เธอไหวไหล่ไม่ใส่ใจนัก
“รุ่นที่เก้าเหรอ?...
คิดจะทำอะไรของเขากันนะ” ผู้ดูแลนอกแก๊งขมวดคิ้วหนัก
แต่สำหรับเธอเธอรู้ดีถึงความนัยของคำพูดนั้น
“อยากจะฟังแผนของปู่ป๋าหน่อยไหมล่ะ?”
เธอกัดอมยิ้มแล้วถือก้านเอาไว้ก่อนจะเคี้ยวน้ำตาลในปาก
“ไม่นึกว่าเงาหลังเก้าอี้เองก็จะรู้เรื่องจดหมายนั่นด้วย”
ผู้มีอำนาจรองลงมาจากรุ่นที่เก้าชะงักไปเล็กน้อย
“ไม่รู้หรอกว่าเขียนอะไรถึงกัน แต่ก็พอเดาได้นะ
ความรุนแรงมันเด็ดขาดกว่าความยุติธรรมก็จริง
แต่ถ้าซือคุงมีเงาของท่านผู้นั้นอยู่เบื้องหลังจะต้องช่วยผลักดันให้วองโกเล่ไปในทางที่ถูกที่ควรและยิ่งใหญ่ต่อไปได้อีกนานแน่นอน
อีกอย่างปู่ป๋าเขารู้นิสัยเฮียดี แค่ลมปากมันไม่พอที่จะเป็นหลักฐานเพราะงั้น
ให้เจอกับตัวง่ายกว่า จะได้เข้าใจตรงกัน”
เพราะตัวเธอเองก็ไม่เคยเชื่อในสิ่งที่พวกผู้ใหญ่เรียกว่าสุดยอดลางสังหรณ์นั่น จนกระทั่งได้มาเจอของจริงกับตา
“เป็นดวงตาที่สุดยอดไปเลยล่ะ~” เธอต่อท้ายในใจว่าอยากได้สุด
ๆ ลงไปอย่างเงียบงัน
“...” กระทั่งอิเอมิสึก็ไม่สามารถอดทนต่อกระแสอารมณ์ที่ว่างเปล่าของซีลอนได้เขารู้สึกอึดอัด
ทั้งที่คุยอยู่ด้วยตรงหน้าแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว
“ถ้าอย่างนั้นในฐานะผู้เฝ้าสังเกตรุ่นที่เก้าได้มีคำสั่งอื่นมาบ้างไหม?”
“ม่ายมี
แต่ว่าบอกว่าถ้าอยากเอาแต่ใจจะทำก็ได้นะ
แต่ว่าเรื่องนั้นเอาไว้เวลาต้องตีกับคนนอกแก๊งดีกว่า สึนะก็ดี เฮียซันซัสก็ดี
ต่างเป็นบุคลากรของพวกเรานี่นา ทำไมต้องลดกำลังรบล่ะ~ ให้อยู่คนละหน่วยก็สิ้นเรื่อง~”
เธอหัวเราะในลำคอด้วยเสียงโทนเดียว
“แบบนี้เองสินะ...” อิเอมิสึเริ่มเข้าใจเป้าหมายของท่านรุ่นที่เก้าที่ส่งจดหมายมาช้าและเขียนแบบนั้นเอาไว้เสียอีก
“ตาแหลมอย่างที่ตาแก่ว่าเลยนะยัยหนู”
อิเอมิสึหัวเราะยิ้มกว้างและตบไหล่เธอ “เอ้านี่ เห็นตาแก่บอกว่าชอบของหวานใช่ไหม?
เอาไปกินสิ”
“เย่~~ ขอบคุณน้าคุณท่านของบาจิล~”
ซีลอนโดดไปมารับถุงที่มีแต่ลูกอมยี่ห้อต่าง ๆ เต็มไปหมด
เงินน่ะมีแต่ของฟรีก็ชอบ
โตมากับรุ่นพี่มาม่อนก็ทำให้ขี้งกแบบนี้แหละช่วยไม่ได้...
“แบบนี้ตอนศึกคัดเลือกผู้สืบทอดเธอก็ต้องกลายมาเป็นคนกลางที่แค่มองอีกครั้ง?”
อิเอมิสึเปรยถาม
“ตามนั้นครับคุณท่าน”
ซีลอนพยักหน้าดูไม่ใส่ใจคู่สนทนากำลังแกะซองลูกอมเอาเข้าปาก “อาโหร่ย~~~” ขาดความรู้สึกต่อผู้อื่น แต่ความรู้สึกต่อตัวเองกับแฝดยังคงมีอยู่ครบ
ยามที่เจ้าตัวเพลิดเพลินกับอาหารและขนมจึงกลายเป็นบรรยากาศราวกับเด็กคนซน ๆ
คนหนึ่งไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น
ที่จริงการคุยไปโดยให้เจ้าตัวจดจ่อกับขนมไปก็เป็นอีกวิธีที่รุ่นที่เก้าใช้กับซีลอนเพื่อเปลี่ยนความว่างเปล่าในแววตาราวคนตายนั่นให้ดูมีชีวิตขึ้นมา
จะได้ไม่รู้สึกเหมือนกำลังคุยกับภาพวาด
“แล้วมีอะไรอยากทำเป็นพิเศษไหม?”
อิเอมิสึกอดอกรอฟัง
เขาได้ยินมาว่าถึงจะทำตัวเป็นเงาหลังเก้าอี้แต่ความงกบุคลากรของเธอก็ทำให้ดูเหมือนเป็นคนมีเมตตาขึ้นมาด้วยเช่นกัน
“ตั้งทีมแพทย์สนามกับกองกำลังพิเศษเผื่อเอาไว้รับคนเจ็บจากแต่ละการประลอง
ไม่ว่าใครจะแพ้แต่อย่างน้อยก็จะได้ผู้สืบทอดกับผู้พิทักษ์แน่ ๆ หนึ่งทีม
ถ้าเกิดซือคุงชนะก็จะได้หัวกะทิทีมวาเรียอีกหน่วยด้วย...
ดูไม่ถูกกันก็จริงแต่ว่าตราบใดที่ไม่ถึงกับลอบฆ่ากันผมก็ไม่มีปัญหาหรอก
เงาหลังเก้าอี้ก็คือเงาหลังเก้าอี้ ใครจะขึ้นนั่งบนเก้าอี้ก็ไม่มีผลกับผมนักหรอก”
เจ้าตัวโคลงหัวไปมาพอรสชาติหวานผลไม้บนลิ้นจางหายไปหมดก็รีบแกะรสอื่นเข้าปาก
ในค่ำคืนที่เด็กสามคนยังกลับไม่ถึงบ้านหน่วยล่าแรกก็ออกตระเวน
กลุ่มนักฆ่าของเลวี่พบกับแรมโบ้และพวกฟูตะ
แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมืออิเอมิสึก็ระดมพลการกลับมาของโกคุเทระ เรียวเฮ
และยามาโมโตะหลังจากการเคี่ยวฝึกกับอาจารย์ส่วนตัวกลับมาได้ฉิวเฉียด
“ทุกคน!” สึนะโล่งใจเป็นอย่างมากที่แรมโบ้ อี้ผิงและฟูตะปลอดภัย
“เจ้าอิเอมิสึ ทันเวลาพอดีเลยนะ!” รีบอร์นพ่นลมหายใจ
นักฆ่าที่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อยู่ในเงามืดห่างออกไปปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นห่วงก่อนที่นักฆ่าอัสนีจะกระโจนลงไปยืนตรงทางยกข้างถนน
“ฝีมือพวกแกงั้นรึ... คู่ต่อสู้ของฉันคือคนที่มีแหวนอัสนี
หรือก็คือเจ้าหนูหัวฟูตรงนั้นสินะ” เลวี่เหลือบมองผู้สืบทอดแหวนของฝั่งสึนะจ้องตอบเขาด้วยความกลัว
“ใครขวางมันต้องตาย!”
“เดี๋ยวก่อนเลวี่!!” เงาอีกสามกระโจนมายืนในระดับเดียวกับนักฆ่าอัสนีจากอิตาลี่
“ล่าคนเดียวได้ไงล่า~” ลุซซูเรียเอ่ยอย่างขี้เล่น
“ดูท่าเจ้าของแหวนอื่นก็อยู่ด้วย”
อัลโกบาเล่โน่แห่งสายหมอกเองก็เอ่ยขึ้นเมื่อกวาดตาใต้ฮู้ดดำนั่นมองไปรอบ ๆ
“เฮ้ย! บังอาจมาหลอกกันได้นะไอ้พวกสวะ!”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเผยตัวตามออกมา
“อ ออกมาแหล่ว!” สึนะตาโตผมฟูอย่างตกใจ ทว่ารองผบ.แห่งวาเรียไม่ได้สนใจเขา
“ใครถือครองแหวนวรุณ!” เขาแหกปากออกมาเสียงดัง
“ฉันเอง”
ยามาโมโตะก้าวขึ้นหน้าเปิดเผยชนิดแหวนที่ถือครอง
“เหอะ! แกเองเรอะ ขอแค่สามวิฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ ให้ดู”
การปะทะซึ่งหน้าครั้งก่อนทำให้ยามาโมโตะมีใจฮึดจนออกปากขอสืบทอดวิชาดาบจากบิดาตน
ทางสควอโล่เองที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าหนูจากญี่ปุ่นจะช่วยทำให้เขาสนุกได้เท่าไหร่เพราะฝีมือต่างกันอยู่หลายขุม
ซีลอนซ่อนตัวอยู่ในมายาเดินไร้เสียงฝีเท้าไปทางพวกเขา
ซัสซัสเองก็ปรากฏตัวด้วยเช่นกันเขาจ้องอย่างกินเลือดกินเนื้อเต็มไปด้วยจิตสังหารไปทางสึนะ
“ซาวาดะ สึนะโยชิ...ตายไปซะ!” ประกายเพลิงลั่นบนฝ่ามือที่เต็มไปด้วยแผลของซันซัส
“บอสจะใช้ไอ้นั่นเลยเรอะ!” ลุซซูเรียขนลุกมองอย่างตื่นตูม
“คิดจะฆ่าพวกเราไปด้วยรึไงเนี่ย!!” ฉลามคลั่งแหกปากออกมา
“แย่แล้วรีบหนีเร็ว!” รีบอร์นตะโกนออกมาด้วยร่างเล็กจ้อย
เงาดำหนึ่งสายพาดผ่านและย้อมปิดประกายไฟเหล่านั้น
ร่างของนักฆ่าหลังเก้าอี้ผู้นำวองโกเล่ปรากฏตัวขึ้นอีกคน
“ม่ายเจอกันนานเลยนะเฮีย~ แต่คงปล่อยให้ฆ่าไม่ได้หรอกนะ~”
รอยยิ้มกลวงเปล่ากับเส้นผมสีเงิน
“รุ่นพี่!” “...ไอ้เปี๊ยก แก...” สึนะทรุดลงถอนหายใจอย่างโล่งอก
ส่วนซันซัสจ้องเขม็งไปที่น้องบุญธรรม
เธอก็ยังคงไร้ความหวาดกลัวเหมือนทุกครั้งไม่ว่าจะจ้องยังไง และเหมือนมองรูปภาพไม่ได้หมายถึงว่าสวยงามแต่หมายถึงกลวงเปล่า
ยืนอยู่แต่กลับสัมผัสเค้าอารมณ์ใดใดไม่ได้เลย
ทั้งที่ประสานสายตาแต่กลับรู้สึกว่าไม่ได้ถูกมองอยู่สักนิด
“คร้าบ ๆ โทษที ๆ
พอดีว่ามีคำสั่งด่วนใหม่เข้ามาน่ะน้าทุกคน~”
ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอยโดดลงไปตรงถนนหมุนตัวเผยมือไปยังความมืดถัดออกไป
มีเงาร่างของคนยืนอยู่ “เชิญประกาศเลยครับผม~”
“พอแค่นั่นแหละซันซัส...
จากนี้ต่อไปฉันจะขอเป็นคนดำเนินเรื่องเอง” ทั้งฝั่งสึนะและวาเรียตื่นตัวต่างกันไป
โกคุเทระตกใจที่สึเรียกอิเอมิสึว่าพ่อ ส่วนสควอโล่กลับหันดาบใส่ผู้ดูแลนอกแก๊ง
“ซันซัส ลูกน้องของนายคิดจะหันดาบใส่ผู้ดูแลนอกแก๊งเรอะ”
อิเอมิสึเตือนนิ่ง ๆ จิตสังหารก่อตัวอย่างรุนแรงจนรู้สึกหายใจไม่ออก แต่ไม่ได้มีผลกับนักฆ่าผมเงินที่ยังคงกินลูกอมอย่าอารมณ์ดีผิดสถานการณ์
เธอปรบมือเสียงดังสนั่นด้วยพลังการขยายจำนวนของไฟเมฆาเพื่อดึงความสนใจของทุกคนกลับมาจากจิตสังหารของซันซัสและอิเอมิสึ
“คือว่าจะรีบกลับไปนอนอ่ะ
อย่าเพิ่งแผ่จิตสังหารได้ปะ รีบ ๆ ประกาศคำสั่งปู่ป๋าได้แล้วน่า”
สึนะตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อรุ่นพี่ที่ดูไม่อ่านสถานการณ์ทำตัวไม่อ่านบรรยากาศหนักกว่าที่ผ่าน
ๆ มา ซีลอนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงหันไปมองซันซัส
“เนี่ยมาว่าคนอื่นชอบอารัมภบทเฮียก็ทำ
การแผ่จิตสังหารคืออารัมภบท” เจ้าตัวแสยะยิ้มท้าทายเคี้ยวลูกอมแตกเสียงดัง
ความกดดันหายไปในพริบตา
ซันซัสมีสีหน้าหงุดหงิดออกมาให้เห็นแต่ไร้ซึ่งจิตสังหารแล้ว เขากำลังรำคาญ...
“รวบรัดเลยแล้วกันนะ
ฉันไม่เห็นด้วยกับรุ่นที่เก้าผู้อนุญาตให้พวกนายออกมาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้เลยคัดค้านการรับตำแหน่งของนายไป
และนี่คือคำสั่งที่เพิ่งจะส่งกลับมาเมื่อกี้”
อิเอมิสึชูกระบอกเอกสารสองอันให้ทุกคนเห็น
“พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ทำไมพ่อเกี่ยวด้วยล่ะ!” สึนะกระวนกระวายขึ้นมาอย่างร้อนใจ
แค่ตัวเองกับเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับมาเฟียก็แย่แล้วนี่มีคุณพ่อด้วยอีกคน
สำหรับเขาที่เป็นคนปกตินั้นรู้สึกร้อนใจกว่าเก่า
“ผู้ดูแลนอกแก๊งคือชื่อตำแหน่งของอิเอมิสึ...คนของวองโกเล่แต่ก็ไม่ใช่คนของวองโกเล่
ในยามปกติเป็นคนนอกแต่ในเวลาคับขันจะเป็นผู้มีอำนาจรองมาจากหัวหน้าแก๊ง”
รีบอร์นเป็นผู้อธิบายให้ทุกคนตรงนั้นเข้าใจ
“แล้วก็มีสิทธิ์เลือกผู้สืบทอดรุ่นต่อไปเทียบเท่าหัวหน้าแก๊ง
นั่นคือเหตุผลที่พวกนายได้แหวนไปแค่ครึ่งเดียวยังไงล่ะ” ซีลอนออกปากอธิบายต่อ “ต้องรวมฮาร์ฟริงแบบเดียวกันสองชิ้นเพื่อกลายเป็นแหวนสืบทอดตำแหน่งที่แท้”
นักฆ่าสาวเดินไปหยิบคำสั่งแผ่นหนึ่งไปส่งให้กับมือซันซัสส่วนบาจิลเป็นผู้ส่งมอบอีกฉบับให้สึนะเอง
“ปกติแล้วการที่หัวหน้าแก๊งกับผู้ดูแลนอกแก๊งเลือกผู้สืบทอดคนละคนกันไม่ค่อยเกิดขึ้นหรอกนะ”
รีบอร์นสรุปเรื่องราว
ไฟดับเครื่องชนปรากฏขึ้นเมื่อคลี่กระดาษออกมา
“นั่นคือตราเพลิงมรณะของรุ่นที่เก้า
เป็นคำสั่งของแท้แน่นอน” มาม่อนรับรองเอกสาร
“หว๋า
ภาษาอิตาลี่พรึบเลยจะอ่านยังไงล่ะเนี่ย”
สึนะที่เลิ่กลั่กก็ได้อิเอมิสึหัวเราะในลำคอเป็นผู้เล่าความโดยสรุปให้ฟัง
“จนบัดนี้ ฉันคิดว่าผู้ที่คู่ควรจะเป็นผู้สืบทอด
ก็คือลูกชายของอิเอมิสึ ซาวาดะ สึนะโยชิ จึงได้ดำเนินการเช่นนั้นมาโดยตลอด
แต่ไม่นานมานี้ไม่แน่ว่าอาจเพราะความชราของฉันหรือไร
ลางสังหรณ์ของฉันจึงได้เสื่อมถอยลง จนได้พบกับผู้สืบทอดอื่นที่เหมาะสมยิ่งกว่า
ซึ่งนั่นก็คือซันซัสลูกชายของฉันเอง เขาคู่ควรจะเป็นรุ่นที่ 10 แต่นั่นก็อาจทำให้มีผู้ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้
และอิเอมิสึได้ปฏิเสธจะมอบแหวนอีกครึ่งให้
แต่กระนั้นแล้วฉันก็ไม่ต้องการให้คนในแฟมิลี่มาเข่นฆ่ากันเองโดยไร้เหตุผล
ดังนั้นจึงขอเริ่มการดวลแบบฉบับวองโกเล่เพื่อที่ทุกคนจะยอมรับ”
ผู้ดูแลนอกแก๊งได้อ่านความในจดหมายเป็นภาษาญี่ปุ่น
“พูดง่าย ๆ ก็คือ
คนที่ครองแหวนวงเดียวกันจะต้องดวลกันแบบตัวต่อตัว”
ซีลอนรวบรัดข้อมูลทั้งหมดเป็นประโยคเดียว
“ให้ผู้ครอบครองแหวนวงเดียวกันสู้กันตัวต่อตัว!!??” สึนะร้องลั่นอย่างตกใจ เพราะเขาเองไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะเลยสักนิด
บรรยากาศของซันซัสชัดเจนมากว่าเอาถึงตาย มันต่างออกมาจากที่เขาเคยเผชิญ
ระดับอยู่สูงกว่ามุคุโร่เสียอีก
“ใช่
ที่เหลือเขียนว่าให้รอคำสั่ง” อิเอมิสึเอ่ย ซีลอนไหวไหล่ป้องปากหาว
“คำสั่ง?”
โกคุเทระทวนคำอย่างสับสน
“ขอโทษที่ให้รอค่ะ” สาวปริศนาสองคนที่รูปร่างหน้าตานอกหน้ากากคล้ายกันมากปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมประกาศตน “ศึกชิงแหวนครั้งนี้ พวกเราจะเป็นกรรมการให้เองค่ะ”
“พวกเราเป็นคนของเชคเบคโลซึ่งสังกัดขึ้นตรงต่อรุ่นที่เก้า
เรื่องที่พวกเราเป็นผู้กำหนดในศึกชิงแหวนให้ถือซะว่าเป็นความเห็นโดยตรงจากรุ่นที่เก้า
ท่านรุ่นที่เก้ากล่าวว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าทุกคนในแฟมิลี่ยอมรับ
ท่านซันซัสคัดค้านไหมคะ?...ขอบพระคุณมากค่ะ”
เธอถามและเว้นวรรคไปเมื่อซันซัสไม่ได้คัดค้านจึงรวบรัดเป็นการยอมรับ
แม้อิเอมิสึจะค้านแต่ก็ไม่ถูกยอมรับเพราะเชคเบคโลรับคำสั่งจากรุ่นที่เก้าเพียงผู้เดียวเธอกล่าวเช่นนั้น
“สถานที่คือโรงเรียนนามิโมริ
รายละเอียดปลีกย่อยจะอธิบายให้ฟังทีหลัง แล้วพบกันที่โรงเรียนนามิโมริพรุ่งนี้เวลา
23 นาฬิกา...ลาก่อน”
สองสาวเชคเบคโลหายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนคำรั้งของใครทั้งนั้น
จากทั้งพวกของซันซัสจึงแยกตัวออกไปด้วย
ในเช้าวันถัดมาซีลอนพิงระเบียงทางเดินระหว่างอาคารกับฝาแฝดเธอเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เขาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง
“อือ... เป็นห่วงรุ่นที่เก้าจัง”
เอิร์ลเกรย์ขมวดคิ้วรู้สึกไม่สบายใจ
“เพราะเขารักสงบมาก
การตัดสินใจนี้ดูแปลกใช่ไหมล่ะ... แต่ผมกลบเกลื่อนกับผู้ดูแลนอกแก๊งไปแล้ว
แต่ว่าท่านอาจารย์คงสะกิดใจแหละก็ปู่ป๋าไม่ชอบการวิวาทนี่นา
ตอนที่ผมไม่ได้อยู่อิตาลี่เฮียอาจจะลงมือทำอะไรไปก็ได้จริงปะ
แต่ว่าสายข่าวกลับไม่มีรายงานอะไรเลย คงต้องหวังให้ไม่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นอ่ะนะ”
ซีลอนเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเป่าออกมา
“นั่นสินะ แต่ว่าผมก็ตาแหลมอยู่หรอกสึนะต้องได้เป็นแน่
รุ่นที่สิบน่ะ” เอิร์ลเกรย์กอดอกยิ้ม ๆ
“ลางสังหรณ์เหรอ...
ผมก็อยากมีบ้างจังน้า” ซีลอนเอ่ยยานคาง
“เธอมีสัมผัสที่ฉับไวกับสัญชาตญาณเร็วเป็นพิเศษอยู่แล้วนี่
จะมีทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ” เขากล่าวแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางโบกมือให้รุ่นน้องที่โบกทักทายตอนเดินผ่านมา
“!”
ซีลอนหันหลังและคว้าตัวแฝดซ่อนไว้หลังตัวเองในทันที
เพล้ง!
“ขอโทษครับ!!!” ลูกเบสบอลที่พุ่งทะลุกระจกเข้ามาถูกรับเอาไว้ด้วยมือเปล่าเปื้อนเลือด
เด็กชมรมเบสบอลที่มีซ้อมเช้ารีบวิ่งเข้ามาในอาคาร
“ซีลอน!” เอิร์ลเกรย์เบิกตากว้างรีบเข้าไปไถ่ถามฝาแฝดอย่างเป็นห่วงทั้งที่มือสั่น
“นายมีแผลไหม?
ไม่โดนเศษกระจกตรงไหนใช่ไหม!?” เธอไม่สนใจมือตัวเองและกวาดตามองฝาแฝดอย่างร้อนรน
“เธอต่างหากที่ต้องห่วงตัวเองน่ะ
มือเป็นแผลแล้วนะ!! ห่วงตัวเองหน่อยสิ!” เอิร์ลเกรย์ตะคอกกลับมา
ใช้สองมือประคองใบหน้าที่คล้ายกันมากอย่างนึกโมโห
ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างตกอกตกใจเพราะแฝดชายผู้นั้นปกติจะเรียบร้อยอยู่เสมอ
และไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธมาก่อน
“...ขอโทษนะแต่ว่าฉันทนให้นายโดนอะไรไม่ได้หรอกนะ”
เธอคลี่ยิ้มพิงหัวกับไหล่ของฝาแฝดที่ตัวเท่ากัน
ใช่ ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นตัวเองอีกคนมีบาดแผลไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม
ยิ่งนานวันก็ยิ่งยึดติด
แค่คิดว่าเอิร์ลเกรย์จะได้รับบาดเจ็บก็กังวลจนแทบเป็นบ้า...
บางทีเธอก็คงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ
เธอเอียงหัวเล็กน้อยทอดสายตามองไกลออกไปอย่างเลื่อนลอย กลวงเปล่า ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดก่อนจะกลายมาเป็นความบ้าคลั่งของการวิตกจริต
“ไปหาจามาลกัน
เผื่อนายโดนกระจกบาดตรงไหน” ซีลอนผละตัวออกมาแล้วเอ่ยขึ้นในที่สุดดึงแขนข้างหนึ่งของเอิร์ลบังคับให้ตามไปด้วย
“จริง ๆ เลย” เขาถอนหายใจ
รุ่นน้องที่กระวีกระวาดวิ่งขึ้นมาเก็บบอลก็หน้าเสียเล็กน้อยเมื่อเห็นมือเปื้อนเลือดของรุ่นพี่สาว
“ขอโทษครับ”
เขารับบอลจากซีลอนมันเปื้อนและมีเศษกระจกติดเพราะเลือดเล็กน้อย
“อย่า-ให้มี-คราวหน้า” เธอขู่รุ่นน้องเอาไว้เสียงเย็นทั้งที่ตั้งใจจะไม่ใช้จิตสังหารข่มขู่นักเรียนแต่ก็เผลอทำลงไปเพราะโกรธ
โกรธมาก
จะไม่ให้ อะไร มายุ่มย่าม
บังอาจสร้างบาดแผลกับเขาทั้งนั้น เพราะว่าที่เธอเลือกจะยังมีชีวิตก็เพราะเขา
เพราะเขาเท่านั้น เหตุผลเดียวที่ยังคงดิ้นรนอยู่จนถึงตอนนี้
“จามาลดูให้หน่อยว่ามีแผลกระจกบาดไหม”
ทันทีที่เข้าไปในห้องพยาบาลซีลอนก็เอ่ยปากทันที
อาจารย์ห้องพยาบาลรีบสไลด์เก้าอี้มารับคนป่วยถึงหน้าประตู
“ไหน ๆ เจ็บตรงไหน?”
เจ้าหมอชีกอรีบอ้าแขนใส่แต่ซีลอนกลับดันเอิร์ลเกรย์ใส่เขาแทนเสียงั้น
“ไม่อยากรักษาผู้ชายเลยน้า”
เขาบ่นอุบอิบแต่ไม่เหมือนกับพวกสึนะ เขายอมตรวจให้แต่โดยดี
จามาลเคยเจอกับคู่แฝดมาก่อน
เขาอยู่ในทีมแพทย์ที่คอยตรวจสุขภาพเด็กทั้งสองด้วยเพราะว่าหลังจากเหตุการณ์จุดประกายไฟธาตุนั้นไฟธาตุของทั้งคู่ก็ตื่นขึ้นมาและค่อนข้างเป็นเคสอันตราย
ซีลอนเล่าให้เขาฟังว่าไปเจออะไรมาและเรื่องแหวนก็ด้วยแน่นอน
เมื่อถอดมันออกออร่าไฟธาตุที่เครื่องวัดตรวจสอบได้มีมากเกินกว่าร่างกายมนุษย์จะรับไหว
หรือก็คือพวกเขาจะตายอย่างแน่นอนถ้าเกิดไม่ได้แหวนประหลาดพวกนั้นช่วยเอาไว้
อีกปัญหาคือแม้ซีลอนจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิง
แต่เธอไม่เหมือนเบียงกี้หรือคนอื่น ๆ ที่ปัดป้องให้พ้นตัว
เจ้าเด็กนี่เล็งจุดตายแบบไม่เคยออมมือกันเลย
จามาลจึงรู้ว่าตัวเองหยอกเล่นได้แค่เท่าไหร่
แน่นอนว่ารู้ปัญหาสุขภาพทางจิตที่มีแต่จะแย่ลงของซีลอนด้วย
เธอจะหลุดการยับยั้งอารมณ์ทุกครั้งที่เอิร์ลเกรย์ได้รับอันตราย
“เอาล่ะ ๆ งั้นนั่งลงทั้งคู่เลย”
เขาสไลด์ไปมาในห้องพยาบาลด้วยเก้าอี้แล้วหยิบหยูกยาสารพัดมาทำแผลให้เด็กสาวที่ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งตรวจเด็กหนุ่มเพื่อให้ฝาแฝดอีกคนสบายใจว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติ
“ใจเย็นลงรึยัง
เอิร์ลเกรย์ไม่มีแผลตรงไหนเชื่อใจได้เลยฉันเป็นหมอฝีมือดีไว้ใจได้เลย”
จามาลเอ่ยเรียบเรียงความเชื่อมั่นของซีลอนเสียใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลอบว่าอย่ากลัวหรือกังวล
เพราะมันไม่เคยได้ผล ที่ต้องทำก็แค่เพิ่มความมั่นใจให้เด็กสาวเท่านั้นว่าไม่มีอะไร
มันผ่านไปแล้ว ไม่มีผลกระทบอะไรตกค้างอยู่กับฝาแฝดของเธอ
ในช่วงค่ำอิเอมิสึกับบาจิลลอบทำร้ายคนเฝ้าลาดตระเวนรอบโรงเรียนนามิโมริเพื่อไม่ให้ข้างในถูกตัดขาดจากโลกภายนอก
พวกเขาทั้งคู่พบเข้ากับซีลอนที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ด้วย
แน่นอนว่าคงไม่ดีถ้าเกิดการปะทะกัน
นักฆ่ารุ่นเยาว์กัดลูกอมแตกเสียงดังคล้ายกำลังอารมณ์เสีย
บาจิลที่อายุไล่เลี่ยกันผงะไปในทันทีที่จิตสังหารไร้ที่มาห้อมล้อมเขาไว้
“เย็นไว้บาจิล
นี่แหละลักษณะพิเศษของยัยหนู” อิเอมิสึยิ้มสู้แม้จะเหงื่อออกไม่ต่างกัน
บาจิลเคยได้ยินมาบ้างว่าซีลอนเป็นอัจฉริยะนักฆ่าคนที่สองของวองโกเล่รุ่นนี้
แต่ไม่นึกว่าจะขนาดแผ่จิตสังหารได้รุนแรงขนาดนี้ทั้งที่อายุน้อย
จิตสังหารที่เป็นบรรยากาศไม่ได้พุ่งตรงมาอย่างหมายตา
น่ากลัวกว่าจิตสังหารปกติทั่วไปเพราะมันไม่คล้ายมนุษย์เท่าไหร่
“ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยหรอกนะ...จะผ่านก็รีบไป”
เธอไม่ขยับออกจากตำแหน่งเหล่มองพวกเขา
“เป็นคำสั่งของรุ่นที่เก้าไม่ใช่รึที่ให้เฝ้าคุ้มกันตัดขาดโลกข้างในน่ะ”
อิเอมิสึแปลกใจ แต่ไม่ยอมลดการระวังตัวลง
“ผมฟังแค่คำสั่งจากปากรุ่นที่เก้าโดยตรงเท่านั้น
คำสั่งที่บอกว่าเขาสั่งลงมาผมไม่ทำหรอกนะ แค่ทำเป็นทำเท่านั้นแหละ” เธอว่าไปตามตรงอย่างไม่เห็นความสำคัญ
“เดี๋ยวก่อน...
ก่อนจะผ่านทางเตรียมหน่วยพยาบาลแล้วรึยัง เจ้าหุ่นกระป๋องนั่น
น่าหงุดหงิดชะมัดไม่รู้ทำไมระวังไว้หน่อยก็ดี”
เธอเอ่ยเตือนผู้ดูแลนอกแก๊งแล้วไม่ใส่ใจพวกเขา
แต่ก็ยังไม่ได้เลิกแผ่จิตสังหารคลุมไปทั่ว
“รับรองไม่พลาดแน่”
อิเอมิสึกระตุกยิ้มก่อนจะผ่านทางไปกับบาจิล
“ทำไมปู่ไม่รับสายผมวะ...”
ความหงุดหงิดที่ติดต่อผู้ปกครองไม่ได้ทำให้อารมณ์เดือดดาลในใจเธอยิ่งทวีความรุนแรง
บวกกับเรื่องเมื่อเช้าที่เอิร์ลเกรย์เกือบโดนลูกหลงจากนักกีฬาโรงเรียนทำให้เธอไม่มีอารมณ์จะไปดูพวกเขาแข่งขันกัน
คืนนี้เป็นศึกปะทะของผู้พิทักษ์อรุณ
แน่นอนว่าฝั่งไหนชนะก็ได้ทั้งนั้น
แต่ถ้าฝั่งสึนะชนะขึ้นมาวองโกเล่ก็จะได้ประโยชน์มากหน่อย
เสียงดังจากทางลานแข่งดังออกมา
ซีลอนกลอกตาไปทั่วอย่างเซ็งจับจิต เธอคิดว่าซันซัสคงเล่นสกปรกอะไรเข้าให้
แต่ฝั่งเธอไม่มีข่าวอะไรมาสาวไส้เฮียเพราะอย่างนั้นจะเคลื่อนไหวก่อนก็ดูจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นไปหน่อย
ให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้ใส่ใจปู่ป๋าอะไรขนาดนั้นน่าจะเป็นการดีกว่า
วันถัด ๆ มาซีลอนพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองที่แปรปรวนแต่เธอก็ไม่ได้เข้าเป็นผู้ชมของการแข่งขันครั้งล่าสุดอีกเช่นเคย
และเพิ่งมารับรู้บทสรุปจากอาจารย์รีบอร์นเช้าก่อนการประลองครั้งที่สามแทน
เธอมั่นใจแล้วว่าวาเรียเล่นอะไรตุกติก
แต่ผู้ดูแลนอกแก๊งก็เคลื่อนไหวแล้วสู้เธอรอเคลื่อนไหวหลังจากนี้ดีกว่า
“หายไปไหนมาไม่มาดูพวกเราแข่ง”
โกคุเทระถามซีลอนที่อยู่ในห้องพยาบาลกับจามาล
แม้จะแปลกใจที่จามาลไม่มีท่าทีชีกออย่างทุกทีแต่เขาไม่มีเวลาจะสนใจแล้ว
“ไม่มีอารมณ์...
ว่าแต่แกเถอะฝึกไปถึงไหนแล้ว” นักฆ่าที่โตกว่าเพียงปีค่อนแคะ
“ก็กำลังเตรียมฝึกอยู่เนี่ย”
เขาว่าพลางพับเครื่องบินกระดาษพลางถกเถียงกับจามาลขณะที่ซีลอนเองก็แค่ทำความสะอาดแผลที่มืออยู่เงียบ
ๆ
“ฟังใส่กะลาไว้ล่ะถ้าฝึกไม้ตายไม่สำเร็จฉันไม่ให้ไปแข่ง”
จามาลซีเรียสขึ้นมาผิดกับก่อนหน้านี้
“พูดอะไรน่ะ! อย่ามาพูดบ้าๆ!” โกคุเทระเหวลั่นใส่ครูฝึกของตนทันที
“นี่บอกรุ่นน้องเธอหน่อยซิว่ากำลังจะไปเจอกับอะไร”
จามาลเท้าคางหน้าบึ้งตึง
“แกเรียกฉันว่าอัจฉริยะนักฆ่าอันดับสองใช่ไหม...
คู่แข่งแกน่ะคืออันดับหนึ่งของแฟมิลี่ เจ้าชายนักเชือด
ในหมู่วาเรียด้วยกันถือว่าเป็นหัวกะทิแนวหน้า
ลำพังถ้าวัดกันแค่พรสวรรค์หมอนั่นเก่งที่สุดในวาเรียอย่างไม่ต้องสงสัย” ซีลอนอธิบายเหลือบมองด้วยสายตาไม่รู้สึกอะไร
และเป็นครั้งแรกที่โกคุเทระจับสังเกตถึงแววตาที่ว่างเปล่าของอีกฝ่ายได้
“อย่างที่ยัยหนูว่า
เจ้าเบลเฟกอลนั่นเป็นเป็นตัวอันตรายเพราะอย่างนั้นถ้าแกฝึกไม่สำเร็จฉันจะไม่ให้แกไป”
จามาลยื่นคำขาด
“เพราะงั้นก็ฝึกไปจนกว่าจะร่างแหลกซะถ้าอยากไปแข่ง”
ซีลอนลุกขึ้นหลังพันผ้าพันแผลมือตัวเองเสร็จเดินไปยื่นให้จามาลตรวจเขาแก้ผ้าพันแผลเล็กน้อยให้แน่นขึ้นแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกลับห้องเรียนไป
“จะว่าไปก็รู้สึกแปลกยัยรุ่นพี่นั่นก็ผู้หญิงไม่ใช่เรอะ!” โกคุเทระเพิ่งได้สติว่าจามาลที่ไม่หลีหญิงหรือเข้าไปลวนลามชาวบ้านคือสิ่งที่ผิดปกติ!
“พูดอะไรน่าเกลียดน่าโกคุเทระยัยหนูซีลอนใช่ผู้หญิงที่ไหน
ปีศาจนักฆ่าต่างหาก” เขาโบกมือปฏิเสธทันทีแสร้งทำสีหน้าพะอืดพะอม นี่เป็นวิธีการบ่ายเบี่ยงของจามาลที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องของซีลอนที่มีปัญหาสุขภาพจิต
แม้เขาจะเชียร์และอยู่ข้างรีบอร์นว่าพวกสึนะจะได้เป็นผู้สืบทอดแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอนข้อมูลของคนภายในจึงจำเป็นต้องเหยียบเอาไว้ให้มิด
“หา?”
ในค่ำของการประลองครั้งที่สามหลังจากวาเรียถอนตัวกลับไป
ดีโน่กับโรมาริโอ้และซีลอนก็เข้ามาพบกับพวกเขา
เป็นเรื่องแปลกที่ซีลอนจะมาพร้อมบอสของแฟมิลี่พันธมิตรแบบนี้แต่เธอก็ยังคงทำตัวอิเรื่อยเฉื่อยแฉะเช่นเคย
ดีโน่พูดถึงเรื่องการฝึกของฮิบาริที่ก้าวหน้าขึ้นและความน่ากลัวของหมอนั่น
เป็นอย่างที่ซีลอนคาดเดาเจ้ากรรมการคุมกฎเป็นพวกเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ต่อสู้ของตน
เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานของพรสวรรค์ในการซึมซับและพรแสวงของการฝึกฝนก็ว่าได้
“มีเรื่องที่ฉันต้องบอกนายเกี่ยวกับสควอโล่
ยามาโมโตะ หมอนั่นที่จริงแล้วเคยเป็นว่าที่หัวหน้าของวาเรีย” บอสคาบัคโลเน่สีหน้าจริงจังขึ้นและเล่าเรื่องของตัวเองกับสควอโล่ที่รับรู้มาให้ผู้ครองแหวนวรุณครึ่งซีกฟัง
“ผลงานของหมอนั่นตั้งแต่เข้าวาเรียก็เป็นที่หนึ่งมาตลอด
ใคร ๆ ก็เชื่อสุดใจว่าเขาจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้ารุ่นต่อไป” ดีโน่ว่า
“แต่ตำแหน่งหัวหน้ากลับเป็นของซันซัน
ท ทำไมล่ะ!?” สึนะแย้งขึ้นกับความไม่ถูกต้องนี้
“ไม่รู้”
ผู้คาบข่าวมาบอกส่ายหน้า
“เอ๋!?” สึนะยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่
“เฮียน่ะเต็มไปด้วยปริศนา บางเรื่องก็ไม่มีใครรู้
ความจริงก็อยู่ในเงามืดที่ถูกปิดบัง” ซีลอนเสริมขึ้นหลังจากเงียบมานาน
สองมือล้วงกระเป๋าสีหน้าเรียบเฉย
เธอเห็นด้วยที่ดีโน่จะมาบอกจุดแข็งของสควอโล่ให้คู่แข่งของเขาทราบ
“พูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะยามาโมโตะ
สควอโล่เป็นคนที่เคยถล่มสำนักดาบมาแล้วหลายต่อหลายสำนัก
ถ้าหวังพึ่งเพลงดาบของสำนักก็จะไม่มีวันชนะ” ดีทิ้งท้ายเอาไว้
ซีลอนเองก็เข้าไปคุยกับรีบอร์นเป็นการส่งข่าวที่ได้มาจากอิตาลี่แน่นอนว่าสึนะกับเพื่อน
ๆ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่จะให้รับรู้ได้
“งี้เองสินะ แล้วแกล่ะจะทำยังไง”
รีบอร์นเหล่มองลูกศิษย์นักฆ่าสายตรงของตน
“เหอะ
มาลูบคมกันแบบนี้ผมก็เทหวยทุ่มลงข้างสึนะสิถามได้
นอกจากเอิร์ลเกรย์แล้วคนที่ห้ามแตะต้องถัดมาก็คือปู่ป๋าอยู่แล้ว
ผมถึงทำตามแค่คำสั่งจากปากเขาโดยตรงเท่านั้นไง” ซีลอนแสยะยิ้ม
“พรุ่งนี้พยายามเข้านะ
บางทีผมคงไม่ได้มาเชียร์ มีงานที่ต้องไปทำน่ะ”
ซีลอนโบกมือให้ยามาโมโตะแล้วก้มลงตบบ่าโกคุเทระ
“ส่วนนายโกคุเทระได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว
นับตามประสบการณ์ตรงจะให้สักแปดคะแนนก็แล้วกันนะ” เจ้าตัวพึมพำออกมา
“เดี๋ยวก่อนแปดคะแนนหมายความว่าไงน่ะ!” ผู้ตั้งตนเป็นมือขวารุ่นที่สิบโวยขึ้น
“ก็ตามที่พูดนั่นแหละ
เทียบกับเบลแล้วไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่แต่ประสาทแกไวดีที่รู้ทริกของเบลได้ทัน
บวกคะแนนเรื่องไม่งี่เง่าจ้องจะเอาแต่แหวนจนทิ้งชีวิต
ลบสองเรื่องที่แพ้และโดนเจ้าเบลหลอกให้เชื่อคำพูดงี่เง่านั่น”
ซีลอนชูนิ้วขึ้นมาทั้งสิบก่อนจะหักไปสอง
“หมายความว่ารู้อยู่แล้วงั้นเรอะ! ทำไมไม่บอกกันเล่า!”
ท่ามกลางเสียงโวยวายและเสียงตกใจนักฆ่าหลังเก้าอี้ท่านรุ่นที่เก้าก็หัวเราะออกมา
“ถ้าคิดแต่จะพึ่งข่าวสารจากฉันแสดงว่าแกเองก็ไม่ได้เก่งอะไรจริงไหม
ในโลกเบื้องหลังบางทีข่าวมันก็ไปไม่ทันเหตุการณ์หรอกนะ
มีแต่ต้องเก่งจนสามารถแก้ไขวิกฤตเฉพาะหน้าเอาตัวรอดไปให้ได้ก่อน
โลกของพวกเราที่อยู่ก็เป็นแบบนี้แหละ จามาลบอกนายไปแล้วนี่
คนที่มัวแต่งอมืองอเท้าทำตามคำสอนหรือรอให้คนมาช่วยส่วนใหญ่ก็ตายไวทั้งนั้น”
ดวงตาสีไพลินคล้ายจะวาวเรือแสงขึ้นในความมืดครู่หนึ่ง พร้อมกับจิตสังหารท่วมท้นแต่ไม่ได้มุ่งไปที่ใครเป็นพิเศษสมกับที่ฝึกมาจากนักฆ่าอันดับหนึ่ง
รอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มอยู่กับดวงตาที่จ้องมาแต่รู้สึกราวกับถูกมองทะลุผ่านไป
บรรยากาศของลำดับสิบเอ็ดถ้าวัดแรงค์กิ้งเพียงแค่จิตสังหารแล้วเป็นความน่ากลัวเหนือมนุษย์เป็นอันดับสี่เท่านั้น
“อย่ายั่วโมโหฉันดีกว่านะโกคุเทระคุง~ เผอิญว่าช่วงนี้ฉันมีแต่เรื่องที่ทำให้อารมณ์ไม่ดี~
จามาลไม่ได้เตือนเรื่องของฉันหรอกเหรอ งั้นจงไปถามเขาเอา...สักวันแล้วกันนะ”
จบหน้าที่ส่งข่าวเธอก็หายไปจากตรงนั้นด้วยพลังของสายหมอก ทิ้งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจเอาไว้ขณะที่แตะนิ้วกับริมฝีปากตัวเองด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน
ความคิดเห็น