ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #6 : |6| NEGLECT | พายุที่เฝ้ารอ

    • อัปเดตล่าสุด 27 พ.ค. 63



    Cr : https://www.pinterest.com/pin/423619908697274642/

    “ความมืดมิดเผยออกมา แลกเปลี่ยนเพื่อความรุ่งโรจน์” | the brilliant green - Ash Like Snow

    “น่าเบื่อ—” ซีลอนเกาท้ายทอยเดาะลิ้น เพราะว่าศึกชิงแหวนใกล้เข้ามาสายข่าวจากอิตาลี่ก็ทยอยส่งรหัสลับบอกข่าวสารมาเป็นระยะ เธอยังคงเป็นผู้สังเกตการณ์ข้างสนามอยู่ คำสั่งของรุ่นที่เก้าไม่ได้เปลี่ยนแปลงลงมารวมถึงการคุ้มครองสึนะจากพวกนอกแก๊งอย่างลับ ๆ

    สึนะเจอกับบาจิลที่ย่านการค้าแถมยังเจอเข้ากับสควอโล่ด้วย แม้ว่าแหวนไปทั้งกล่องแต่ครึ่งหนึ่งเป็นของปลอม พวกมันคือฮาร์ฟริงที่ต้องประกบชิ้นส่วนที่แท้จึงจะเผยรูปร่างของมันออกมา

    ผู้ดูแลนอกแก๊งเองก็กลับมาถึงญี่ปุ่นแล้ว ซีลอนแทะอมยิ้มมองพ่อลูกโวยวายใส่กันเล็กน้อยเพราะสึนะเองก็เพิ่งจะรู้ว่าพ่อยังไม่ตาย เธอคิดว่าก็ไม่แปลก มันคงจะรู้สึกพิลึกถ้าวันหนึ่งคนที่คิดว่าตายไปแล้วกลับมาและนั่งร่วมโต๊ะอาหารในบ้าน

    “หนูซีลอน สินะ?” เออิมิสึนัดพบกับผู้สังเกตการณ์ตรงมินิมาร์ทใกล้ ๆ นักฆ่าวัยรุ่นฉีกยิ้มทั้งคาบอมยิ้ม

    “คร้าบ สำหรับคนในกลุ่มนอกแก๊งที่คอยเป็นสายข่าวให้ตลอดมาต้องขอบคุณมากเลยล่ะครับ” ไม่มีท่าทีต่อต้านหรือเป็นศัตรู ซีลอนเป็นพวกถ้าเป็นระดับหัวหน้าของวองโกเล่สั่งมาแล้วไม่เหลือบ่ากว่าแรงก็รับงานไปหมด เรื่องนี้อิเอมิสึเองก็ได้ยินผ่านหูอยู่บ่อย สายข่าวของซีลอนกับสายข่าวของเขาเองก็ร่วมงานติดต่อแลกเปลี่ยนข้อมูลกันอยู่หลายครั้ง

    “ขอบใจที่คอยเก็บกวาดดูแลทางนี้ให้ระหว่างที่ฉันไม่อยู่นะ” เขาตบหัวเด็กสาวเบา ๆ

    “เพราะปู่ป๋าสั่งมา ไม่มีปัญหาหรอก~” เธอไหวไหล่ไม่ใส่ใจนัก

    “รุ่นที่เก้าเหรอ?... คิดจะทำอะไรของเขากันนะ” ผู้ดูแลนอกแก๊งขมวดคิ้วหนัก แต่สำหรับเธอเธอรู้ดีถึงความนัยของคำพูดนั้น

    “อยากจะฟังแผนของปู่ป๋าหน่อยไหมล่ะ?” เธอกัดอมยิ้มแล้วถือก้านเอาไว้ก่อนจะเคี้ยวน้ำตาลในปาก

    “ไม่นึกว่าเงาหลังเก้าอี้เองก็จะรู้เรื่องจดหมายนั่นด้วย” ผู้มีอำนาจรองลงมาจากรุ่นที่เก้าชะงักไปเล็กน้อย

    “ไม่รู้หรอกว่าเขียนอะไรถึงกัน แต่ก็พอเดาได้นะ ความรุนแรงมันเด็ดขาดกว่าความยุติธรรมก็จริง แต่ถ้าซือคุงมีเงาของท่านผู้นั้นอยู่เบื้องหลังจะต้องช่วยผลักดันให้วองโกเล่ไปในทางที่ถูกที่ควรและยิ่งใหญ่ต่อไปได้อีกนานแน่นอน อีกอย่างปู่ป๋าเขารู้นิสัยเฮียดี แค่ลมปากมันไม่พอที่จะเป็นหลักฐานเพราะงั้น ให้เจอกับตัวง่ายกว่า จะได้เข้าใจตรงกัน” เพราะตัวเธอเองก็ไม่เคยเชื่อในสิ่งที่พวกผู้ใหญ่เรียกว่าสุดยอดลางสังหรณ์นั่น จนกระทั่งได้มาเจอของจริงกับตา “เป็นดวงตาที่สุดยอดไปเลยล่ะ~” เธอต่อท้ายในใจว่าอยากได้สุด ๆ ลงไปอย่างเงียบงัน

    “...” กระทั่งอิเอมิสึก็ไม่สามารถอดทนต่อกระแสอารมณ์ที่ว่างเปล่าของซีลอนได้เขารู้สึกอึดอัด ทั้งที่คุยอยู่ด้วยตรงหน้าแต่กลับรู้สึกเหมือนอยู่คนเดียว

    “ถ้าอย่างนั้นในฐานะผู้เฝ้าสังเกตรุ่นที่เก้าได้มีคำสั่งอื่นมาบ้างไหม?”

    “ม่ายมี แต่ว่าบอกว่าถ้าอยากเอาแต่ใจจะทำก็ได้นะ แต่ว่าเรื่องนั้นเอาไว้เวลาต้องตีกับคนนอกแก๊งดีกว่า สึนะก็ดี เฮียซันซัสก็ดี ต่างเป็นบุคลากรของพวกเรานี่นา ทำไมต้องลดกำลังรบล่ะ~ ให้อยู่คนละหน่วยก็สิ้นเรื่อง~” เธอหัวเราะในลำคอด้วยเสียงโทนเดียว

    “แบบนี้เองสินะ...” อิเอมิสึเริ่มเข้าใจเป้าหมายของท่านรุ่นที่เก้าที่ส่งจดหมายมาช้าและเขียนแบบนั้นเอาไว้เสียอีก

    “ตาแหลมอย่างที่ตาแก่ว่าเลยนะยัยหนู” อิเอมิสึหัวเราะยิ้มกว้างและตบไหล่เธอ “เอ้านี่ เห็นตาแก่บอกว่าชอบของหวานใช่ไหม? เอาไปกินสิ”

    “เย่~~ ขอบคุณน้าคุณท่านของบาจิล~” ซีลอนโดดไปมารับถุงที่มีแต่ลูกอมยี่ห้อต่าง ๆ เต็มไปหมด

    เงินน่ะมีแต่ของฟรีก็ชอบ โตมากับรุ่นพี่มาม่อนก็ทำให้ขี้งกแบบนี้แหละช่วยไม่ได้...

    “แบบนี้ตอนศึกคัดเลือกผู้สืบทอดเธอก็ต้องกลายมาเป็นคนกลางที่แค่มองอีกครั้ง?” อิเอมิสึเปรยถาม

    “ตามนั้นครับคุณท่าน” ซีลอนพยักหน้าดูไม่ใส่ใจคู่สนทนากำลังแกะซองลูกอมเอาเข้าปาก “อาโหร่ย~~~” ขาดความรู้สึกต่อผู้อื่น แต่ความรู้สึกต่อตัวเองกับแฝดยังคงมีอยู่ครบ ยามที่เจ้าตัวเพลิดเพลินกับอาหารและขนมจึงกลายเป็นบรรยากาศราวกับเด็กคนซน ๆ คนหนึ่งไม่มากไม่น้อยไปกว่านั้น ที่จริงการคุยไปโดยให้เจ้าตัวจดจ่อกับขนมไปก็เป็นอีกวิธีที่รุ่นที่เก้าใช้กับซีลอนเพื่อเปลี่ยนความว่างเปล่าในแววตาราวคนตายนั่นให้ดูมีชีวิตขึ้นมา จะได้ไม่รู้สึกเหมือนกำลังคุยกับภาพวาด

    “แล้วมีอะไรอยากทำเป็นพิเศษไหม?” อิเอมิสึกอดอกรอฟัง เขาได้ยินมาว่าถึงจะทำตัวเป็นเงาหลังเก้าอี้แต่ความงกบุคลากรของเธอก็ทำให้ดูเหมือนเป็นคนมีเมตตาขึ้นมาด้วยเช่นกัน

    “ตั้งทีมแพทย์สนามกับกองกำลังพิเศษเผื่อเอาไว้รับคนเจ็บจากแต่ละการประลอง ไม่ว่าใครจะแพ้แต่อย่างน้อยก็จะได้ผู้สืบทอดกับผู้พิทักษ์แน่ ๆ หนึ่งทีม ถ้าเกิดซือคุงชนะก็จะได้หัวกะทิทีมวาเรียอีกหน่วยด้วย... ดูไม่ถูกกันก็จริงแต่ว่าตราบใดที่ไม่ถึงกับลอบฆ่ากันผมก็ไม่มีปัญหาหรอก เงาหลังเก้าอี้ก็คือเงาหลังเก้าอี้ ใครจะขึ้นนั่งบนเก้าอี้ก็ไม่มีผลกับผมนักหรอก” เจ้าตัวโคลงหัวไปมาพอรสชาติหวานผลไม้บนลิ้นจางหายไปหมดก็รีบแกะรสอื่นเข้าปาก

     


    ในค่ำคืนที่เด็กสามคนยังกลับไม่ถึงบ้านหน่วยล่าแรกก็ออกตระเวน กลุ่มนักฆ่าของเลวี่พบกับแรมโบ้และพวกฟูตะ แต่ยังไม่ทันจะได้ลงมืออิเอมิสึก็ระดมพลการกลับมาของโกคุเทระ เรียวเฮ และยามาโมโตะหลังจากการเคี่ยวฝึกกับอาจารย์ส่วนตัวกลับมาได้ฉิวเฉียด

    “ทุกคน!” สึนะโล่งใจเป็นอย่างมากที่แรมโบ้ อี้ผิงและฟูตะปลอดภัย

    “เจ้าอิเอมิสึ ทันเวลาพอดีเลยนะ!” รีบอร์นพ่นลมหายใจ

    นักฆ่าที่เป็นเพียงผู้สังเกตการณ์อยู่ในเงามืดห่างออกไปปล่อยให้พวกเขาพูดคุยกันอย่างเป็นห่วงก่อนที่นักฆ่าอัสนีจะกระโจนลงไปยืนตรงทางยกข้างถนน

    “ฝีมือพวกแกงั้นรึ... คู่ต่อสู้ของฉันคือคนที่มีแหวนอัสนี หรือก็คือเจ้าหนูหัวฟูตรงนั้นสินะ” เลวี่เหลือบมองผู้สืบทอดแหวนของฝั่งสึนะจ้องตอบเขาด้วยความกลัว “ใครขวางมันต้องตาย!

    “เดี๋ยวก่อนเลวี่!!” เงาอีกสามกระโจนมายืนในระดับเดียวกับนักฆ่าอัสนีจากอิตาลี่

    “ล่าคนเดียวได้ไงล่า~” ลุซซูเรียเอ่ยอย่างขี้เล่น

    “ดูท่าเจ้าของแหวนอื่นก็อยู่ด้วย” อัลโกบาเล่โน่แห่งสายหมอกเองก็เอ่ยขึ้นเมื่อกวาดตาใต้ฮู้ดดำนั่นมองไปรอบ ๆ

    “เฮ้ย! บังอาจมาหลอกกันได้นะไอ้พวกสวะ!” ฉลามคลั่งแห่งวาเรียเผยตัวตามออกมา

    “อ ออกมาแหล่ว!” สึนะตาโตผมฟูอย่างตกใจ ทว่ารองผบ.แห่งวาเรียไม่ได้สนใจเขา

    “ใครถือครองแหวนวรุณ!” เขาแหกปากออกมาเสียงดัง

    “ฉันเอง” ยามาโมโตะก้าวขึ้นหน้าเปิดเผยชนิดแหวนที่ถือครอง

    “เหอะ! แกเองเรอะ ขอแค่สามวิฉันจะสับแกเป็นชิ้น ๆ ให้ดู” การปะทะซึ่งหน้าครั้งก่อนทำให้ยามาโมโตะมีใจฮึดจนออกปากขอสืบทอดวิชาดาบจากบิดาตน ทางสควอโล่เองที่ไม่รู้เรื่องนี้ก็ไม่ได้คาดหวังว่าเจ้าหนูจากญี่ปุ่นจะช่วยทำให้เขาสนุกได้เท่าไหร่เพราะฝีมือต่างกันอยู่หลายขุม

    ซีลอนซ่อนตัวอยู่ในมายาเดินไร้เสียงฝีเท้าไปทางพวกเขา

    ซัสซัสเองก็ปรากฏตัวด้วยเช่นกันเขาจ้องอย่างกินเลือดกินเนื้อเต็มไปด้วยจิตสังหารไปทางสึนะ

    “ซาวาดะ สึนะโยชิ...ตายไปซะ!” ประกายเพลิงลั่นบนฝ่ามือที่เต็มไปด้วยแผลของซันซัส

    “บอสจะใช้ไอ้นั่นเลยเรอะ!” ลุซซูเรียขนลุกมองอย่างตื่นตูม

    “คิดจะฆ่าพวกเราไปด้วยรึไงเนี่ย!!” ฉลามคลั่งแหกปากออกมา

    “แย่แล้วรีบหนีเร็ว!” รีบอร์นตะโกนออกมาด้วยร่างเล็กจ้อย

    เงาดำหนึ่งสายพาดผ่านและย้อมปิดประกายไฟเหล่านั้น ร่างของนักฆ่าหลังเก้าอี้ผู้นำวองโกเล่ปรากฏตัวขึ้นอีกคน

    “ม่ายเจอกันนานเลยนะเฮีย~ แต่คงปล่อยให้ฆ่าไม่ได้หรอกนะ~” รอยยิ้มกลวงเปล่ากับเส้นผมสีเงิน

    “รุ่นพี่!” “...ไอ้เปี๊ยก แก...” สึนะทรุดลงถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนซันซัสจ้องเขม็งไปที่น้องบุญธรรม เธอก็ยังคงไร้ความหวาดกลัวเหมือนทุกครั้งไม่ว่าจะจ้องยังไง และเหมือนมองรูปภาพไม่ได้หมายถึงว่าสวยงามแต่หมายถึงกลวงเปล่า ยืนอยู่แต่กลับสัมผัสเค้าอารมณ์ใดใดไม่ได้เลย ทั้งที่ประสานสายตาแต่กลับรู้สึกว่าไม่ได้ถูกมองอยู่สักนิด

    “คร้าบ ๆ โทษที ๆ พอดีว่ามีคำสั่งด่วนใหม่เข้ามาน่ะน้าทุกคน~” ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอยโดดลงไปตรงถนนหมุนตัวเผยมือไปยังความมืดถัดออกไป มีเงาร่างของคนยืนอยู่ “เชิญประกาศเลยครับผม~

    “พอแค่นั่นแหละซันซัส... จากนี้ต่อไปฉันจะขอเป็นคนดำเนินเรื่องเอง” ทั้งฝั่งสึนะและวาเรียตื่นตัวต่างกันไป โกคุเทระตกใจที่สึเรียกอิเอมิสึว่าพ่อ ส่วนสควอโล่กลับหันดาบใส่ผู้ดูแลนอกแก๊ง

    “ซันซัส ลูกน้องของนายคิดจะหันดาบใส่ผู้ดูแลนอกแก๊งเรอะ” อิเอมิสึเตือนนิ่ง ๆ จิตสังหารก่อตัวอย่างรุนแรงจนรู้สึกหายใจไม่ออก แต่ไม่ได้มีผลกับนักฆ่าผมเงินที่ยังคงกินลูกอมอย่าอารมณ์ดีผิดสถานการณ์

    เธอปรบมือเสียงดังสนั่นด้วยพลังการขยายจำนวนของไฟเมฆาเพื่อดึงความสนใจของทุกคนกลับมาจากจิตสังหารของซันซัสและอิเอมิสึ

    “คือว่าจะรีบกลับไปนอนอ่ะ อย่าเพิ่งแผ่จิตสังหารได้ปะ รีบ ๆ ประกาศคำสั่งปู่ป๋าได้แล้วน่า” สึนะตกใจหนักเข้าไปอีกเมื่อรุ่นพี่ที่ดูไม่อ่านสถานการณ์ทำตัวไม่อ่านบรรยากาศหนักกว่าที่ผ่าน ๆ มา ซีลอนสองมือล้วงกระเป๋ากางเกงหันไปมองซันซัส

    “เนี่ยมาว่าคนอื่นชอบอารัมภบทเฮียก็ทำ การแผ่จิตสังหารคืออารัมภบท” เจ้าตัวแสยะยิ้มท้าทายเคี้ยวลูกอมแตกเสียงดัง ความกดดันหายไปในพริบตา ซันซัสมีสีหน้าหงุดหงิดออกมาให้เห็นแต่ไร้ซึ่งจิตสังหารแล้ว เขากำลังรำคาญ...

    “รวบรัดเลยแล้วกันนะ ฉันไม่เห็นด้วยกับรุ่นที่เก้าผู้อนุญาตให้พวกนายออกมาทำอะไรตามใจชอบแบบนี้เลยคัดค้านการรับตำแหน่งของนายไป และนี่คือคำสั่งที่เพิ่งจะส่งกลับมาเมื่อกี้” อิเอมิสึชูกระบอกเอกสารสองอันให้ทุกคนเห็น

    “พูดอะไรไม่เห็นจะรู้เรื่องเลย ทำไมพ่อเกี่ยวด้วยล่ะ!” สึนะกระวนกระวายขึ้นมาอย่างร้อนใจ แค่ตัวเองกับเพื่อนเข้ามาเกี่ยวข้องกับมาเฟียก็แย่แล้วนี่มีคุณพ่อด้วยอีกคน สำหรับเขาที่เป็นคนปกตินั้นรู้สึกร้อนใจกว่าเก่า

    “ผู้ดูแลนอกแก๊งคือชื่อตำแหน่งของอิเอมิสึ...คนของวองโกเล่แต่ก็ไม่ใช่คนของวองโกเล่ ในยามปกติเป็นคนนอกแต่ในเวลาคับขันจะเป็นผู้มีอำนาจรองมาจากหัวหน้าแก๊ง” รีบอร์นเป็นผู้อธิบายให้ทุกคนตรงนั้นเข้าใจ

    “แล้วก็มีสิทธิ์เลือกผู้สืบทอดรุ่นต่อไปเทียบเท่าหัวหน้าแก๊ง นั่นคือเหตุผลที่พวกนายได้แหวนไปแค่ครึ่งเดียวยังไงล่ะ” ซีลอนออกปากอธิบายต่อ “ต้องรวมฮาร์ฟริงแบบเดียวกันสองชิ้นเพื่อกลายเป็นแหวนสืบทอดตำแหน่งที่แท้” นักฆ่าสาวเดินไปหยิบคำสั่งแผ่นหนึ่งไปส่งให้กับมือซันซัสส่วนบาจิลเป็นผู้ส่งมอบอีกฉบับให้สึนะเอง

    “ปกติแล้วการที่หัวหน้าแก๊งกับผู้ดูแลนอกแก๊งเลือกผู้สืบทอดคนละคนกันไม่ค่อยเกิดขึ้นหรอกนะ” รีบอร์นสรุปเรื่องราว

    ไฟดับเครื่องชนปรากฏขึ้นเมื่อคลี่กระดาษออกมา

    “นั่นคือตราเพลิงมรณะของรุ่นที่เก้า เป็นคำสั่งของแท้แน่นอน” มาม่อนรับรองเอกสาร

    “หว๋า ภาษาอิตาลี่พรึบเลยจะอ่านยังไงล่ะเนี่ย” สึนะที่เลิ่กลั่กก็ได้อิเอมิสึหัวเราะในลำคอเป็นผู้เล่าความโดยสรุปให้ฟัง

    “จนบัดนี้ ฉันคิดว่าผู้ที่คู่ควรจะเป็นผู้สืบทอด ก็คือลูกชายของอิเอมิสึ ซาวาดะ สึนะโยชิ จึงได้ดำเนินการเช่นนั้นมาโดยตลอด แต่ไม่นานมานี้ไม่แน่ว่าอาจเพราะความชราของฉันหรือไร ลางสังหรณ์ของฉันจึงได้เสื่อมถอยลง จนได้พบกับผู้สืบทอดอื่นที่เหมาะสมยิ่งกว่า ซึ่งนั่นก็คือซันซัสลูกชายของฉันเอง เขาคู่ควรจะเป็นรุ่นที่ 10 แต่นั่นก็อาจทำให้มีผู้ไม่พอใจกับการเปลี่ยนแปลงนี้ และอิเอมิสึได้ปฏิเสธจะมอบแหวนอีกครึ่งให้ แต่กระนั้นแล้วฉันก็ไม่ต้องการให้คนในแฟมิลี่มาเข่นฆ่ากันเองโดยไร้เหตุผล ดังนั้นจึงขอเริ่มการดวลแบบฉบับวองโกเล่เพื่อที่ทุกคนจะยอมรับ” ผู้ดูแลนอกแก๊งได้อ่านความในจดหมายเป็นภาษาญี่ปุ่น

    “พูดง่าย ๆ ก็คือ คนที่ครองแหวนวงเดียวกันจะต้องดวลกันแบบตัวต่อตัว” ซีลอนรวบรัดข้อมูลทั้งหมดเป็นประโยคเดียว

    “ให้ผู้ครอบครองแหวนวงเดียวกันสู้กันตัวต่อตัว!!??” สึนะร้องลั่นอย่างตกใจ เพราะเขาเองไม่มีความมั่นใจว่าจะชนะเลยสักนิด บรรยากาศของซันซัสชัดเจนมากว่าเอาถึงตาย มันต่างออกมาจากที่เขาเคยเผชิญ ระดับอยู่สูงกว่ามุคุโร่เสียอีก

    “ใช่ ที่เหลือเขียนว่าให้รอคำสั่ง” อิเอมิสึเอ่ย ซีลอนไหวไหล่ป้องปากหาว

    “คำสั่ง?” โกคุเทระทวนคำอย่างสับสน

    “ขอโทษที่ให้รอค่ะ” สาวปริศนาสองคนที่รูปร่างหน้าตานอกหน้ากากคล้ายกันมากปรากฏตัวขึ้นมาพร้อมประกาศตน “ศึกชิงแหวนครั้งนี้ พวกเราจะเป็นกรรมการให้เองค่ะ”

    “พวกเราเป็นคนของเชคเบคโลซึ่งสังกัดขึ้นตรงต่อรุ่นที่เก้า เรื่องที่พวกเราเป็นผู้กำหนดในศึกชิงแหวนให้ถือซะว่าเป็นความเห็นโดยตรงจากรุ่นที่เก้า ท่านรุ่นที่เก้ากล่าวว่าจะเป็นการดีที่สุดถ้าทุกคนในแฟมิลี่ยอมรับ ท่านซันซัสคัดค้านไหมคะ?...ขอบพระคุณมากค่ะ” เธอถามและเว้นวรรคไปเมื่อซันซัสไม่ได้คัดค้านจึงรวบรัดเป็นการยอมรับ

    แม้อิเอมิสึจะค้านแต่ก็ไม่ถูกยอมรับเพราะเชคเบคโลรับคำสั่งจากรุ่นที่เก้าเพียงผู้เดียวเธอกล่าวเช่นนั้น

    “สถานที่คือโรงเรียนนามิโมริ รายละเอียดปลีกย่อยจะอธิบายให้ฟังทีหลัง แล้วพบกันที่โรงเรียนนามิโมริพรุ่งนี้เวลา 23 นาฬิกา...ลาก่อน” สองสาวเชคเบคโลหายไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนคำรั้งของใครทั้งนั้น จากทั้งพวกของซันซัสจึงแยกตัวออกไปด้วย



    ในเช้าวันถัดมาซีลอนพิงระเบียงทางเดินระหว่างอาคารกับฝาแฝดเธอเล่าเรื่องเมื่อคืนให้เขาฟังอย่างไม่คิดจะปิดบัง

    “อือ... เป็นห่วงรุ่นที่เก้าจัง” เอิร์ลเกรย์ขมวดคิ้วรู้สึกไม่สบายใจ

    “เพราะเขารักสงบมาก การตัดสินใจนี้ดูแปลกใช่ไหมล่ะ... แต่ผมกลบเกลื่อนกับผู้ดูแลนอกแก๊งไปแล้ว แต่ว่าท่านอาจารย์คงสะกิดใจแหละก็ปู่ป๋าไม่ชอบการวิวาทนี่นา ตอนที่ผมไม่ได้อยู่อิตาลี่เฮียอาจจะลงมือทำอะไรไปก็ได้จริงปะ แต่ว่าสายข่าวกลับไม่มีรายงานอะไรเลย คงต้องหวังให้ไม่มีอะไรแปลก ๆ เกิดขึ้นอ่ะนะ” ซีลอนเคี้ยวหมากฝรั่งแล้วเป่าออกมา

    “นั่นสินะ แต่ว่าผมก็ตาแหลมอยู่หรอกสึนะต้องได้เป็นแน่ รุ่นที่สิบน่ะ” เอิร์ลเกรย์กอดอกยิ้ม ๆ

    “ลางสังหรณ์เหรอ... ผมก็อยากมีบ้างจังน้า” ซีลอนเอ่ยยานคาง

    “เธอมีสัมผัสที่ฉับไวกับสัญชาตญาณเร็วเป็นพิเศษอยู่แล้วนี่ จะมีทุกอย่างไม่ได้หรอกนะ” เขากล่าวแล้วหัวเราะเบา ๆ พลางโบกมือให้รุ่นน้องที่โบกทักทายตอนเดินผ่านมา

    !” ซีลอนหันหลังและคว้าตัวแฝดซ่อนไว้หลังตัวเองในทันที

    เพล้ง!

    “ขอโทษครับ!!!” ลูกเบสบอลที่พุ่งทะลุกระจกเข้ามาถูกรับเอาไว้ด้วยมือเปล่าเปื้อนเลือด เด็กชมรมเบสบอลที่มีซ้อมเช้ารีบวิ่งเข้ามาในอาคาร

    “ซีลอน!” เอิร์ลเกรย์เบิกตากว้างรีบเข้าไปไถ่ถามฝาแฝดอย่างเป็นห่วงทั้งที่มือสั่น

    “นายมีแผลไหม? ไม่โดนเศษกระจกตรงไหนใช่ไหม!?” เธอไม่สนใจมือตัวเองและกวาดตามองฝาแฝดอย่างร้อนรน

    “เธอต่างหากที่ต้องห่วงตัวเองน่ะ มือเป็นแผลแล้วนะ!! ห่วงตัวเองหน่อยสิ!” เอิร์ลเกรย์ตะคอกกลับมา ใช้สองมือประคองใบหน้าที่คล้ายกันมากอย่างนึกโมโห ทั้งเพื่อนทั้งรุ่นน้องที่อยู่ใกล้ ๆ ต่างตกอกตกใจเพราะแฝดชายผู้นั้นปกติจะเรียบร้อยอยู่เสมอ และไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธมาก่อน

    “...ขอโทษนะแต่ว่าฉันทนให้นายโดนอะไรไม่ได้หรอกนะ” เธอคลี่ยิ้มพิงหัวกับไหล่ของฝาแฝดที่ตัวเท่ากัน

    ใช่ ทนไม่ได้หรอกที่จะเห็นตัวเองอีกคนมีบาดแผลไม่ว่าจะเล็กน้อยแค่ไหนก็ตาม ยิ่งนานวันก็ยิ่งยึดติด แค่คิดว่าเอิร์ลเกรย์จะได้รับบาดเจ็บก็กังวลจนแทบเป็นบ้า... บางทีเธอก็คงเป็นบ้าไปแล้วจริง ๆ เธอเอียงหัวเล็กน้อยทอดสายตามองไกลออกไปอย่างเลื่อนลอย กลวงเปล่า ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดก่อนจะกลายมาเป็นความบ้าคลั่งของการวิตกจริต

    “ไปหาจามาลกัน เผื่อนายโดนกระจกบาดตรงไหน” ซีลอนผละตัวออกมาแล้วเอ่ยขึ้นในที่สุดดึงแขนข้างหนึ่งของเอิร์ลบังคับให้ตามไปด้วย

    “จริง ๆ เลย” เขาถอนหายใจ รุ่นน้องที่กระวีกระวาดวิ่งขึ้นมาเก็บบอลก็หน้าเสียเล็กน้อยเมื่อเห็นมือเปื้อนเลือดของรุ่นพี่สาว

    “ขอโทษครับ” เขารับบอลจากซีลอนมันเปื้อนและมีเศษกระจกติดเพราะเลือดเล็กน้อย

    “อย่า-ให้มี-คราวหน้า” เธอขู่รุ่นน้องเอาไว้เสียงเย็นทั้งที่ตั้งใจจะไม่ใช้จิตสังหารข่มขู่นักเรียนแต่ก็เผลอทำลงไปเพราะโกรธ โกรธมาก

    จะไม่ให้ อะไร มายุ่มย่าม บังอาจสร้างบาดแผลกับเขาทั้งนั้น เพราะว่าที่เธอเลือกจะยังมีชีวิตก็เพราะเขา เพราะเขาเท่านั้น เหตุผลเดียวที่ยังคงดิ้นรนอยู่จนถึงตอนนี้

    “จามาลดูให้หน่อยว่ามีแผลกระจกบาดไหม” ทันทีที่เข้าไปในห้องพยาบาลซีลอนก็เอ่ยปากทันที อาจารย์ห้องพยาบาลรีบสไลด์เก้าอี้มารับคนป่วยถึงหน้าประตู

    “ไหน ๆ เจ็บตรงไหน?” เจ้าหมอชีกอรีบอ้าแขนใส่แต่ซีลอนกลับดันเอิร์ลเกรย์ใส่เขาแทนเสียงั้น

    “ไม่อยากรักษาผู้ชายเลยน้า” เขาบ่นอุบอิบแต่ไม่เหมือนกับพวกสึนะ เขายอมตรวจให้แต่โดยดี จามาลเคยเจอกับคู่แฝดมาก่อน เขาอยู่ในทีมแพทย์ที่คอยตรวจสุขภาพเด็กทั้งสองด้วยเพราะว่าหลังจากเหตุการณ์จุดประกายไฟธาตุนั้นไฟธาตุของทั้งคู่ก็ตื่นขึ้นมาและค่อนข้างเป็นเคสอันตราย ซีลอนเล่าให้เขาฟังว่าไปเจออะไรมาและเรื่องแหวนก็ด้วยแน่นอน เมื่อถอดมันออกออร่าไฟธาตุที่เครื่องวัดตรวจสอบได้มีมากเกินกว่าร่างกายมนุษย์จะรับไหว หรือก็คือพวกเขาจะตายอย่างแน่นอนถ้าเกิดไม่ได้แหวนประหลาดพวกนั้นช่วยเอาไว้

    อีกปัญหาคือแม้ซีลอนจะเป็นเพียงเด็กผู้หญิง แต่เธอไม่เหมือนเบียงกี้หรือคนอื่น ๆ ที่ปัดป้องให้พ้นตัว เจ้าเด็กนี่เล็งจุดตายแบบไม่เคยออมมือกันเลย จามาลจึงรู้ว่าตัวเองหยอกเล่นได้แค่เท่าไหร่

    แน่นอนว่ารู้ปัญหาสุขภาพทางจิตที่มีแต่จะแย่ลงของซีลอนด้วย เธอจะหลุดการยับยั้งอารมณ์ทุกครั้งที่เอิร์ลเกรย์ได้รับอันตราย

    “เอาล่ะ ๆ งั้นนั่งลงทั้งคู่เลย” เขาสไลด์ไปมาในห้องพยาบาลด้วยเก้าอี้แล้วหยิบหยูกยาสารพัดมาทำแผลให้เด็กสาวที่ได้รับบาดเจ็บรวมทั้งตรวจเด็กหนุ่มเพื่อให้ฝาแฝดอีกคนสบายใจว่าไม่มีตรงไหนผิดปกติ

    “ใจเย็นลงรึยัง เอิร์ลเกรย์ไม่มีแผลตรงไหนเชื่อใจได้เลยฉันเป็นหมอฝีมือดีไว้ใจได้เลย” จามาลเอ่ยเรียบเรียงความเชื่อมั่นของซีลอนเสียใหม่ ไม่จำเป็นต้องปลอบว่าอย่ากลัวหรือกังวล เพราะมันไม่เคยได้ผล ที่ต้องทำก็แค่เพิ่มความมั่นใจให้เด็กสาวเท่านั้นว่าไม่มีอะไร มันผ่านไปแล้ว ไม่มีผลกระทบอะไรตกค้างอยู่กับฝาแฝดของเธอ

     


    ในช่วงค่ำอิเอมิสึกับบาจิลลอบทำร้ายคนเฝ้าลาดตระเวนรอบโรงเรียนนามิโมริเพื่อไม่ให้ข้างในถูกตัดขาดจากโลกภายนอก พวกเขาทั้งคู่พบเข้ากับซีลอนที่ยืนประจำตำแหน่งอยู่ด้วย

    แน่นอนว่าคงไม่ดีถ้าเกิดการปะทะกัน

    นักฆ่ารุ่นเยาว์กัดลูกอมแตกเสียงดังคล้ายกำลังอารมณ์เสีย บาจิลที่อายุไล่เลี่ยกันผงะไปในทันทีที่จิตสังหารไร้ที่มาห้อมล้อมเขาไว้

    “เย็นไว้บาจิล นี่แหละลักษณะพิเศษของยัยหนู” อิเอมิสึยิ้มสู้แม้จะเหงื่อออกไม่ต่างกัน บาจิลเคยได้ยินมาบ้างว่าซีลอนเป็นอัจฉริยะนักฆ่าคนที่สองของวองโกเล่รุ่นนี้ แต่ไม่นึกว่าจะขนาดแผ่จิตสังหารได้รุนแรงขนาดนี้ทั้งที่อายุน้อย จิตสังหารที่เป็นบรรยากาศไม่ได้พุ่งตรงมาอย่างหมายตา น่ากลัวกว่าจิตสังหารปกติทั่วไปเพราะมันไม่คล้ายมนุษย์เท่าไหร่

    “ไม่มีอารมณ์จะเล่นด้วยหรอกนะ...จะผ่านก็รีบไป” เธอไม่ขยับออกจากตำแหน่งเหล่มองพวกเขา

    “เป็นคำสั่งของรุ่นที่เก้าไม่ใช่รึที่ให้เฝ้าคุ้มกันตัดขาดโลกข้างในน่ะ” อิเอมิสึแปลกใจ แต่ไม่ยอมลดการระวังตัวลง

    “ผมฟังแค่คำสั่งจากปากรุ่นที่เก้าโดยตรงเท่านั้น คำสั่งที่บอกว่าเขาสั่งลงมาผมไม่ทำหรอกนะ แค่ทำเป็นทำเท่านั้นแหละ” เธอว่าไปตามตรงอย่างไม่เห็นความสำคัญ

    “เดี๋ยวก่อน... ก่อนจะผ่านทางเตรียมหน่วยพยาบาลแล้วรึยัง เจ้าหุ่นกระป๋องนั่น น่าหงุดหงิดชะมัดไม่รู้ทำไมระวังไว้หน่อยก็ดี” เธอเอ่ยเตือนผู้ดูแลนอกแก๊งแล้วไม่ใส่ใจพวกเขา แต่ก็ยังไม่ได้เลิกแผ่จิตสังหารคลุมไปทั่ว

    “รับรองไม่พลาดแน่” อิเอมิสึกระตุกยิ้มก่อนจะผ่านทางไปกับบาจิล

    “ทำไมปู่ไม่รับสายผมวะ...” ความหงุดหงิดที่ติดต่อผู้ปกครองไม่ได้ทำให้อารมณ์เดือดดาลในใจเธอยิ่งทวีความรุนแรง บวกกับเรื่องเมื่อเช้าที่เอิร์ลเกรย์เกือบโดนลูกหลงจากนักกีฬาโรงเรียนทำให้เธอไม่มีอารมณ์จะไปดูพวกเขาแข่งขันกัน

    คืนนี้เป็นศึกปะทะของผู้พิทักษ์อรุณ แน่นอนว่าฝั่งไหนชนะก็ได้ทั้งนั้น แต่ถ้าฝั่งสึนะชนะขึ้นมาวองโกเล่ก็จะได้ประโยชน์มากหน่อย

    เสียงดังจากทางลานแข่งดังออกมา ซีลอนกลอกตาไปทั่วอย่างเซ็งจับจิต เธอคิดว่าซันซัสคงเล่นสกปรกอะไรเข้าให้ แต่ฝั่งเธอไม่มีข่าวอะไรมาสาวไส้เฮียเพราะอย่างนั้นจะเคลื่อนไหวก่อนก็ดูจะเป็นการแหวกหญ้าให้งูตื่นไปหน่อย ให้เขาคิดว่าเธอไม่ได้ใส่ใจปู่ป๋าอะไรขนาดนั้นน่าจะเป็นการดีกว่า



    วันถัด ๆ มาซีลอนพยายามสงบสติอารมณ์ตัวเองที่แปรปรวนแต่เธอก็ไม่ได้เข้าเป็นผู้ชมของการแข่งขันครั้งล่าสุดอีกเช่นเคย และเพิ่งมารับรู้บทสรุปจากอาจารย์รีบอร์นเช้าก่อนการประลองครั้งที่สามแทน

    เธอมั่นใจแล้วว่าวาเรียเล่นอะไรตุกติก แต่ผู้ดูแลนอกแก๊งก็เคลื่อนไหวแล้วสู้เธอรอเคลื่อนไหวหลังจากนี้ดีกว่า

    “หายไปไหนมาไม่มาดูพวกเราแข่ง” โกคุเทระถามซีลอนที่อยู่ในห้องพยาบาลกับจามาล แม้จะแปลกใจที่จามาลไม่มีท่าทีชีกออย่างทุกทีแต่เขาไม่มีเวลาจะสนใจแล้ว

    “ไม่มีอารมณ์... ว่าแต่แกเถอะฝึกไปถึงไหนแล้ว” นักฆ่าที่โตกว่าเพียงปีค่อนแคะ

    “ก็กำลังเตรียมฝึกอยู่เนี่ย” เขาว่าพลางพับเครื่องบินกระดาษพลางถกเถียงกับจามาลขณะที่ซีลอนเองก็แค่ทำความสะอาดแผลที่มืออยู่เงียบ ๆ

    “ฟังใส่กะลาไว้ล่ะถ้าฝึกไม้ตายไม่สำเร็จฉันไม่ให้ไปแข่ง” จามาลซีเรียสขึ้นมาผิดกับก่อนหน้านี้

    “พูดอะไรน่ะ! อย่ามาพูดบ้าๆ!” โกคุเทระเหวลั่นใส่ครูฝึกของตนทันที

    “นี่บอกรุ่นน้องเธอหน่อยซิว่ากำลังจะไปเจอกับอะไร” จามาลเท้าคางหน้าบึ้งตึง

    “แกเรียกฉันว่าอัจฉริยะนักฆ่าอันดับสองใช่ไหม... คู่แข่งแกน่ะคืออันดับหนึ่งของแฟมิลี่ เจ้าชายนักเชือด ในหมู่วาเรียด้วยกันถือว่าเป็นหัวกะทิแนวหน้า ลำพังถ้าวัดกันแค่พรสวรรค์หมอนั่นเก่งที่สุดในวาเรียอย่างไม่ต้องสงสัย” ซีลอนอธิบายเหลือบมองด้วยสายตาไม่รู้สึกอะไร และเป็นครั้งแรกที่โกคุเทระจับสังเกตถึงแววตาที่ว่างเปล่าของอีกฝ่ายได้

    “อย่างที่ยัยหนูว่า เจ้าเบลเฟกอลนั่นเป็นเป็นตัวอันตรายเพราะอย่างนั้นถ้าแกฝึกไม่สำเร็จฉันจะไม่ให้แกไป” จามาลยื่นคำขาด

    “เพราะงั้นก็ฝึกไปจนกว่าจะร่างแหลกซะถ้าอยากไปแข่ง” ซีลอนลุกขึ้นหลังพันผ้าพันแผลมือตัวเองเสร็จเดินไปยื่นให้จามาลตรวจเขาแก้ผ้าพันแผลเล็กน้อยให้แน่นขึ้นแล้วปล่อยให้อีกฝ่ายกลับห้องเรียนไป

    “จะว่าไปก็รู้สึกแปลกยัยรุ่นพี่นั่นก็ผู้หญิงไม่ใช่เรอะ!” โกคุเทระเพิ่งได้สติว่าจามาลที่ไม่หลีหญิงหรือเข้าไปลวนลามชาวบ้านคือสิ่งที่ผิดปกติ!

    “พูดอะไรน่าเกลียดน่าโกคุเทระยัยหนูซีลอนใช่ผู้หญิงที่ไหน ปีศาจนักฆ่าต่างหาก” เขาโบกมือปฏิเสธทันทีแสร้งทำสีหน้าพะอืดพะอม นี่เป็นวิธีการบ่ายเบี่ยงของจามาลที่จะไม่พูดต่อถึงเรื่องของซีลอนที่มีปัญหาสุขภาพจิต แม้เขาจะเชียร์และอยู่ข้างรีบอร์นว่าพวกสึนะจะได้เป็นผู้สืบทอดแต่ตอนนี้ไม่มีอะไรแน่นอนข้อมูลของคนภายในจึงจำเป็นต้องเหยียบเอาไว้ให้มิด

    “หา?”

     


    ในค่ำของการประลองครั้งที่สามหลังจากวาเรียถอนตัวกลับไป ดีโน่กับโรมาริโอ้และซีลอนก็เข้ามาพบกับพวกเขา

    เป็นเรื่องแปลกที่ซีลอนจะมาพร้อมบอสของแฟมิลี่พันธมิตรแบบนี้แต่เธอก็ยังคงทำตัวอิเรื่อยเฉื่อยแฉะเช่นเคย ดีโน่พูดถึงเรื่องการฝึกของฮิบาริที่ก้าวหน้าขึ้นและความน่ากลัวของหมอนั่น เป็นอย่างที่ซีลอนคาดเดาเจ้ากรรมการคุมกฎเป็นพวกเติบโตได้อย่างไร้ขีดจำกัดขึ้นอยู่กับประสบการณ์ต่อสู้ของตน เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานของพรสวรรค์ในการซึมซับและพรแสวงของการฝึกฝนก็ว่าได้

    “มีเรื่องที่ฉันต้องบอกนายเกี่ยวกับสควอโล่ ยามาโมโตะ หมอนั่นที่จริงแล้วเคยเป็นว่าที่หัวหน้าของวาเรีย” บอสคาบัคโลเน่สีหน้าจริงจังขึ้นและเล่าเรื่องของตัวเองกับสควอโล่ที่รับรู้มาให้ผู้ครองแหวนวรุณครึ่งซีกฟัง

    “ผลงานของหมอนั่นตั้งแต่เข้าวาเรียก็เป็นที่หนึ่งมาตลอด ใคร ๆ ก็เชื่อสุดใจว่าเขาจะได้ขึ้นเป็นหัวหน้ารุ่นต่อไป” ดีโน่ว่า

    “แต่ตำแหน่งหัวหน้ากลับเป็นของซันซัน ท ทำไมล่ะ!?” สึนะแย้งขึ้นกับความไม่ถูกต้องนี้

    “ไม่รู้” ผู้คาบข่าวมาบอกส่ายหน้า

    “เอ๋!?” สึนะยิ่งงงหนักเข้าไปใหญ่

    “เฮียน่ะเต็มไปด้วยปริศนา บางเรื่องก็ไม่มีใครรู้ ความจริงก็อยู่ในเงามืดที่ถูกปิดบัง” ซีลอนเสริมขึ้นหลังจากเงียบมานาน สองมือล้วงกระเป๋าสีหน้าเรียบเฉย เธอเห็นด้วยที่ดีโน่จะมาบอกจุดแข็งของสควอโล่ให้คู่แข่งของเขาทราบ

    “พูดตรง ๆ เลยแล้วกันนะยามาโมโตะ สควอโล่เป็นคนที่เคยถล่มสำนักดาบมาแล้วหลายต่อหลายสำนัก ถ้าหวังพึ่งเพลงดาบของสำนักก็จะไม่มีวันชนะ” ดีทิ้งท้ายเอาไว้ ซีลอนเองก็เข้าไปคุยกับรีบอร์นเป็นการส่งข่าวที่ได้มาจากอิตาลี่แน่นอนว่าสึนะกับเพื่อน ๆ ไม่ได้อยู่ในกลุ่มคนที่จะให้รับรู้ได้

    “งี้เองสินะ แล้วแกล่ะจะทำยังไง” รีบอร์นเหล่มองลูกศิษย์นักฆ่าสายตรงของตน

    “เหอะ มาลูบคมกันแบบนี้ผมก็เทหวยทุ่มลงข้างสึนะสิถามได้ นอกจากเอิร์ลเกรย์แล้วคนที่ห้ามแตะต้องถัดมาก็คือปู่ป๋าอยู่แล้ว ผมถึงทำตามแค่คำสั่งจากปากเขาโดยตรงเท่านั้นไง” ซีลอนแสยะยิ้ม

    “พรุ่งนี้พยายามเข้านะ บางทีผมคงไม่ได้มาเชียร์ มีงานที่ต้องไปทำน่ะ” ซีลอนโบกมือให้ยามาโมโตะแล้วก้มลงตบบ่าโกคุเทระ

    “ส่วนนายโกคุเทระได้เท่านี้ก็เก่งแล้ว นับตามประสบการณ์ตรงจะให้สักแปดคะแนนก็แล้วกันนะ” เจ้าตัวพึมพำออกมา

    “เดี๋ยวก่อนแปดคะแนนหมายความว่าไงน่ะ!” ผู้ตั้งตนเป็นมือขวารุ่นที่สิบโวยขึ้น

    “ก็ตามที่พูดนั่นแหละ เทียบกับเบลแล้วไม่ได้หวือหวาเท่าไหร่แต่ประสาทแกไวดีที่รู้ทริกของเบลได้ทัน บวกคะแนนเรื่องไม่งี่เง่าจ้องจะเอาแต่แหวนจนทิ้งชีวิต ลบสองเรื่องที่แพ้และโดนเจ้าเบลหลอกให้เชื่อคำพูดงี่เง่านั่น” ซีลอนชูนิ้วขึ้นมาทั้งสิบก่อนจะหักไปสอง

    “หมายความว่ารู้อยู่แล้วงั้นเรอะ! ทำไมไม่บอกกันเล่า!” ท่ามกลางเสียงโวยวายและเสียงตกใจนักฆ่าหลังเก้าอี้ท่านรุ่นที่เก้าก็หัวเราะออกมา

    “ถ้าคิดแต่จะพึ่งข่าวสารจากฉันแสดงว่าแกเองก็ไม่ได้เก่งอะไรจริงไหม ในโลกเบื้องหลังบางทีข่าวมันก็ไปไม่ทันเหตุการณ์หรอกนะ มีแต่ต้องเก่งจนสามารถแก้ไขวิกฤตเฉพาะหน้าเอาตัวรอดไปให้ได้ก่อน โลกของพวกเราที่อยู่ก็เป็นแบบนี้แหละ จามาลบอกนายไปแล้วนี่ คนที่มัวแต่งอมืองอเท้าทำตามคำสอนหรือรอให้คนมาช่วยส่วนใหญ่ก็ตายไวทั้งนั้น” ดวงตาสีไพลินคล้ายจะวาวเรือแสงขึ้นในความมืดครู่หนึ่ง พร้อมกับจิตสังหารท่วมท้นแต่ไม่ได้มุ่งไปที่ใครเป็นพิเศษสมกับที่ฝึกมาจากนักฆ่าอันดับหนึ่ง

    รอยยิ้มที่ไม่ได้ยิ้มอยู่กับดวงตาที่จ้องมาแต่รู้สึกราวกับถูกมองทะลุผ่านไป

    บรรยากาศของลำดับสิบเอ็ดถ้าวัดแรงค์กิ้งเพียงแค่จิตสังหารแล้วเป็นความน่ากลัวเหนือมนุษย์เป็นอันดับสี่เท่านั้น

    “อย่ายั่วโมโหฉันดีกว่านะโกคุเทระคุง~ เผอิญว่าช่วงนี้ฉันมีแต่เรื่องที่ทำให้อารมณ์ไม่ดี~ จามาลไม่ได้เตือนเรื่องของฉันหรอกเหรอ งั้นจงไปถามเขาเอา...สักวันแล้วกันนะ” จบหน้าที่ส่งข่าวเธอก็หายไปจากตรงนั้นด้วยพลังของสายหมอก ทิ้งรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจเอาไว้ขณะที่แตะนิ้วกับริมฝีปากตัวเองด้วยรอยยิ้มเย้ยหยัน


    NEGLECT หมายถึง ไม่สนใจ ค่ะ
    สังเกตว่าชื่อบทภาษาอังกฤษจะเป็นสิ่งที่เป็นองค์ประกอบของซีลอนอย่างลึก ๆ บ้าง เบื้องตื้นให้เห็นได้ง่าย ๆ บ้างค่ะ
    หากเทียบกับยูเมะโจชิคนอื่น ๆ ในบ้านที่ชอบพาไปจิ้นกับตัวละครอฟช.เรื่องอื่น ๆ แล้ว ซีลอนเป็นคาร์ฯที่เราพูดได้ว่าชอบที่สุดก็ว่าได้
    ค่อนข้างมีความเป็นมนุษย์ที่มีความรู้สึกรุนแรงมาก ๆ รักใครก็รักมาก เกลียดก็เกลียดมาก ไม่สนใจก็จะไม่ชายตาแล
    ตราบใดที่ให้ผลประโยชน์ก็จะปั้นหน้ายิ้มใส่ได้เสมอ แต่ลึก ๆ แล้วไม่รู้สึกอะไรเลยถ้าไม่ใช่เอิร์ลเกรย์
    คือนางก็รู้นะว่าถ้าตัวเองเป็นคน "ปกติ" จะเป็นไปในแนวทางไหนแต่ไม่ทำ
    ชอบความย้อนแย้งของนาง <3

    รู้สึกเสียดายที่ไทป์เฟซมีให้เลือกไม่มากไม่งั้นนิยายคงให้อารมณ์ได้อีกเยอะเพราะบางประโยคในเวิร์ดเราใช้ไนท์แมร์ล่ะค่ะ 555555
    จะเป็นตัวหนังสือเหมือนขูดจนเป็นข้อความได้อารมณ์จิตสังหารไม่ก็น้ำเสียงไม่ปกติได้ดีทีเดียว U u U

    นอกเรื่อง
    เมื่อไม่นานมานี้ได้ฟังเพลงNightcore(กลุ่มคนที่นำเพลงต่างๆมาปรับเสียงคนร้องจากชายเป็นหญิงหรือหญิงเป็นชาย
    และเร่งเมโลดี้หรืออาจจะปรับเบสให้หนักขึ้น) เพลงนึงชอบบรรยากาศมาก
    แต่หลับตาฟังแล้วเออเห้ยหรือนี่อาจจะเป็น CV ของซีลอนก็เป็นได้ค่ะ 55555
    คิดอยู่นานแล้วว่าเป็นผู้หญิงเสียงทุ้มหน่อย ๆ และติดนิสัยชอบกดเสียงทุ้มเข้าไปอีกจะได้ใกล้กับเสียงของแฝด
    เสียงปกติของซีลอนจะเป็นช่วงนาที 2:12 แนวดนตรีที่เจ้าตัวชอบก็ป๊อบกับร็อก 
    ถ้านึกครึ้มก็อาจจะร้องเพลงตามใจตัวเองแต่ถ้าแฝดอยากฟังก็จะร้องให้ฟังเสมอ
    https://www.youtube.com/watch?v=Gv2ys9FjGEU
    ส่วน CV ของเอิร์ลเกรย์ก็คือต้นฉบับเพลงค่ะคิดว่าใกล้เคียงกับที่จินตนาการเอาไว้ที่สุดแล้ว เป็นผู้ชายเสียงนุ่ม
    แต่รายนี้ไม่ค่อยฟังเพลงร็อกเท่าไหร่อย่างมากก็ป๊อบ ปกติจะฟังเพลงช้า ๆ หรือเพลงบรรเลงมากกว่า
    แต่ว่าเขาก็ชอบเวลาร้องเพลงกับแฝดบางทีถ้าเป็นเพลงเดียวกันเขาก็จะร้องปรับให้ซอร์ฟลงไม่มีว้าก
    https://www.youtube.com/watch?v=HxqKZ9xKjTg
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×