คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : |3| RENEGADE | เหล่านักฆ่าหัวกะทิ
Cr : https://www.pinterest.com/pin/356980707966624701/
“นั่นราวกับเป็นตัวเธอ
เมื่อครั้งวันที่ล่วงเลยมาแสนนาน” | Aimer - Sailing
*มีเนื้อหาสปอยด์ reborn! secret bullet เล่ม2บางส่วน*
ฝาแฝดอาศัยอยู่ในคฤหาสน์ก็มักจะเจอกับเหล่านักฆ่าหัวกะทิของวาเรียบ้างเป็นครั้งคราว
แต่พวกเขาไม่ค่อยได้ออกตัวทำงานนักใต้การควบคุมของอ๊อตตาเบียซึ่งกุมอำนาจอยู่
จะเรียกว่าสนิทคงพูดได้ไม่เต็มปากแต่ก็รู้จักมักจี่กันดี
ยกตัวอย่างเช่นสเปลบี สควอโล่ เพื่อนผู้ภักดีของซันซัสพี่ชายบุญธรรมของเธอ
และอาจจเป็นพี่ทางพฤตินัยของเธอด้วยอีกคนอย่างห่าง ๆ
“แกน่ะเรียนไปถึงไหนแล้ว?”
สควอโล่รู้สึกหนาวสันหลังอยู่เสมอเวลาเห็นซีลอนเหม่อลอย ทอดสายตาไกลออกไป
ในตำแหน่งที่เอิร์ลเกรย์น่าจะอยู่
เขารู้สึกว่าอาการติดแฝดของหล่อนมันหนักขึ้นทุกวันไม่มีลดลง
“หืม? เฮียหลามเองเหรอ
หมายถึงวิชาไหนน่ะ” นักฆ่าวัยเยาว์เลิกคิ้วขึ้นถามกลับ
“เหอะ
ฉันสนใจแค่ภาษาของแกเท่านั้นแหละ
นอกนั้นจำเป็นกับการดำรงชีวิตแต่ไม่ได้สำคัญกับงานนักฆ่าขนาดนั้น”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียพ่นถอนลมหายใจ นิสัยชอบเอะอะเสียงดังของเขาลดลงบ้างหากไม่ได้มีอะไรน่าขัดใจเข้ามากระตุ้น
“นอกจากภาษาอังกฤษก็อยู่ในระดับอวดป้าข้างบ้านได้ทุกหลังนั่นแหละ”
ซีลอนไหวไหล่แล้วไล่นับนิ้วรายงานผลประกอบการทางภาษาของตนเองที่สอบผ่านใบประเมินรับรองมาแล้ว
“นอกจากภาษาบ้านเกิดตอนนี้ก็มีญี่ปุ่น
เกาหลี ไทย จีน ดัตช์ ฝรั่งเศส เยอรมัน รัสเซียกำลังคิดอยู่ว่าจะเรียนดีไหม
ผมรู้สึกว่าเท่านี้ก็มาเกินความจำเป็นแล้วมั้ง” เธอเปิดโทรศัพท์มือถือให้ดูเมลกับรูปถ่ายใบรับรองทางภาษาหลากหลายแบบ
“แกเนี่ยนะ... จะด่ายังไงดีวะ
ควรจะเป็นภาษาอังกฤษอย่างแรกสิโว้ย!
ไม่ใช่ภาษาเอกลักษณ์ตามประเทศแบบนั้น!” สควอโล่หมดหนทางจะกู้คืนความสามัญของซีลอน
ไม่รู้ว่าสมองเธอมีปัญหาอะไรแต่เหมือนจะไม่ถูกโรคกับภาษาอังกฤษเป็นอย่างมาก
ได้แค่งู ๆ ปลา ๆ เท่านั้น
“เวลาคนต่างชาติเดินทางไปแล้วพูดภาษาแม่ได้ใคร
ๆ ก็รักก็เอ็นดู หลอกถามหลอกใช้ง่ายจะตายไปดีออก” เธอเห็นต่างออกมา
“แล้วถ้ามีงานที่อเมริกาแกจะทำยังไง...”
ชายตัวสูงนวดหัวคิ้วเริ่มรู้สึกปวดหัว
“ก็ไม่ทำสิถามได้ หรือถ้าจำเป็นต้องไปก็หาบัดดี้ไว้เป็นล่ามสักคน
ยังไงค่าใช้จ่ายก็เบิกได้อยู่แล้วลากคนในแฟมไปอีกสักคนขนหน้าแข้งฝ่ายการเงินไม่ร่วงหรอกน่า”
คำตอบของเด็กสาวทำให้เขาปวดกบาลหนักขึ้น
ไอ้นิสัยเป็นทองไม่รู้ร้อนนั่นไม่รู้ว่าควรจะด่าว่าลอยชาย หรือชมว่าเป็นทักษะที่ดีที่ทำให้มองความคิดความอ่านไม่ออกกันแน่
“อย่าห่วงไปเลยน่า
ไม่โดนใครเขาหลอกหรอก ระดับการเรียนนอกจากภาษาอังกฤษเองก็ข้ามชั้นไปสองปี แถมยังไม่เคยคะแนนต่ำกว่า
8 ใน 10 เลยด้วยเฮียน่ะเลิกกังวลได้แล้ว
ผมน่ะอยู่รอดได้สบาย” ซีลอนกอดอกเลิกคิ้วเป็นเชิงไม่เข้าใจความเป็นห่วงเป็นใยนั่น
สควอโล่เริ่มคิดหนักว่าควรจะให้ซีลอนเริ่มคบหาเพื่อนบ้างดีไหมเพื่อที่จะได้รู้ว่าที่เป็นมันไม่ปกติ
แต่เขาเองก็ไม่ค่อยถนัดเรื่องละเอียดอ่อนทำนองนี้นัก ในวาเรียเองพวกหัวกะทิก็ไม่มีคนปกติอยู่เสียด้วย...
“อ๊ะ รุ่นพี่มาม่อน~ ผมทำการบ้านตลาดหุ้นมาแล้วนะครับ วางไว้บนโต๊ะช่วยตรวจด้วยน้า แน่นอนว่าค่าตอบแทนก็อยู่บนโต๊ะแล้วด้วย~” ซีลอนเมื่อเห็นวัตถุสีดำบนพื้นก็ตาไวหันขวับไปทักทายทันที
นักฆ่าสายหมอกสังกัดวาเรีย
อัจฉริยะเด็กทารกผู้ถูกจุกนมต้องสาป สมาชิกวาเรียผู้หลงใหลในเงินมากที่สุดเค้นเสียงรับรู้เดินผ่านไปอย่างไม่คิดจะเข้าร่วมวงสนทนา
“เอาเถอะ
ฉันเองก็ไม่อยากจะเอ็ดแกนักเพราะแกยังไม่ใช่วาเรียเต็มตัว...
แต่งานก็ต้องเป็นงานในขณะที่พวกฉันถูกสั่งแบนก็มีแต่แกกับอ๊อตตาเบียและกลุ่มย่อยหมอนั่นนี่แหละที่เคลื่อนไหวได้ในเวลานี้
น่าโมโหชะมัด” เขาตบไหล่เด็กสาวแล้วเดินกลับไปยังเขตของตน ทิ้งข้อความลับผ่านเศษกระดาษเช่นทุกทีให้กับนักฆ่ารุ่นเยาว์ที่ปีนอันดับขึ้นมาหายใจรดต้นคอพวกเขาอย่างน่าขนลุก
“มีแต่งานน่าเบื่อ”
เธอเค้นหัวเราะแล้วเผาเศษกระดาษทิ้งเดินกลับห้องไปเตรียมตัวทำงานในคืนนี้
เธอทำตัวปกติ
มันก็แค่งานเหมือนเดินไปจ่ายตลาดแล้วก็กลับมา อันที่จริงเธอน่ะเป็นเงาหลังเก้าอี้ของท่านรุ่นที่เก้า
ไม่จำเป็นต้องทำงานนักฆ่าของวาเรียด้วยซ้ำ
แต่ปู่ป๋าเองก็ดูจะดีใจที่เธอทำอย่างอื่นนอกจากรอคำสั่งของเขาผู้เดียวบ้าง
เธอที่คิดว่าหากเป็นเธอสมัยก่อนจะทำยังไง
ก็คงไม่พ้นทำตัวเอาแต่ใจบ้างให้ผู้ปกครองมองมาอย่างชื่นใจเพราะเธอว่านอนสอนง่ายเกินไป
บางทีคงจะ ‘ทื่อ’ เกินไปสำหรับการเป็นมนุษย์ปกติละมั้ง?
ซีลอนจึงตัดสินใจรับทำงานให้วาเรียบ้างเป็นครั้งคราว
ซึ่งแน่นอนว่าก็รายงานให้ท่านรุ่นที่เก้าฟังเสมอว่าไปทำอะไรมาบ้าง
ในค่ำคืนของอิตาลี่ที่มุมเมืองหนึ่ง
พื้นที่สาธารณะส่วนใหญ่มักเต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวตามฤดูกาล
ซีลอนถอนหายใจแล้วเดินกลืนไปกับฝูงชนก่อนจะเลี้ยวเข้าตรอกเล็ก ๆ
เธอลัดเลาะไปตามซอกซอยแคบ ๆ เหมือนกับเป็นเพียงสวนหลังบ้าน
ก่อนมันจะพามาถึงแหล่งกบดานของนักฆ่าฝ่ายตรงข้าม...
เดิมทีหากพวกมันไม่ได้ยื่นมือเข้าไปยุ่งกับวองโกเล่ก็คงไม่ถึงฆาตเร็วแบบนี้
“จะเล่นก็ไม่ได้สินะ...
อาคารแคบเท่ารูหนูสมกับเป็นหนูท่อจริง ๆ เพลิงไหม้... ปล้นฆ่า...
ตรงนี้ไกลจากถนนหลักออกมาไกล แถมยังเป็นย่านอาศัยที่รกร้าง...”
เธอบ่นพึมพำขณะยิงกลอนเปิดประตูเพื่อเข้าไปด้านใน กระบอกเก็บเสียงทำงานได้ดี มันจะไม่มีข้อผิดพลาดเกี่ยวกับอาวุธของเธอ
เพราะเธอจะหมั่นตรวจสอบและซ่อมบำรุงเสมอ
“ไอ้หนู แกเป็นใครวะ...”
ชายวัยกลางคนลุกขึ้นมาด้วยท่าทีคุกคามหาเรื่อง
มองปืนในมือก็พอจะรู้ว่าไม่ได้มาเช่นฉันมิตร
ซีลอนแค่ยิ้มอย่างกลวงเปล่า เพียงกดดันด้วยความผิดปกติและจ่อปากกระบอกปืนไปทางชายคนนั้น
“ไม่มีความจำเป็นที่เหยื่อต้องรู้จักชื่อของนักล่า
จริงไหม? เพราะฉันเองก็จะไม่จำแกเหมือนกัน”
เสียงเค้นหัวเราะของนักฆ่ารุ่นเยาว์สะท้อนไปในตึกทรงแคบ เธอไม่ได้ยิงหรือทำอะไรไปมากกว่าข่มขู่เพราะสัมผัสของแข็งที่หลังหัว
“ทิ้งปืนซะไอ้หนู”
พรรคพวกอีกคนอ้อมมาด้านหลังโดยออกจากประตูด้านในสุดของอีกห้องถัดไป
เธอพ่นลมหายใจอย่างเบื่อหน่ายเลื่อนกระบอกปืนช้า
ๆ ก่อนจะปล่อยและแบมือที่ว่างเปล่าออกข้างตัว
ชายด้านหลังแตะปืนไปให้ชายวัยกลางคนที่นั่งเฝ้าทางอยู่ก่อนจะสบถด่าอย่างหยาบคายว่าหละหลวม
“เอามันไปมัดไว้ด้านในเค้นให้ได้ว่ามาจากกลุ่มไหน”
คนที่ดูเป็นหัวหน้าฝีมือดีผลักผู้บุกรุกที่เป็นเพียงวัยรุ่นก่อนจะลดปืนและปิดประตูลงชั่วคราว
ทุกอย่างดูเป็นไปด้วยดี ก็แค่งานง่าย
ๆ จับเด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนมไปซ้อมจนกว่าจะยอมอ้าปากบอกว่าใครส่งมันมา
ในครัวกลิ่นหอมของอาหารง่าย ๆ
โชยออกมาพวกเราเริ่มผลัดเวรกันทานอาหารและเข้าไปซ้อมผู้บุกรุก
มันควรเป็นแบบนั้นแต่รู้สึกตัวอีกทีผิวกายก็ร้อนผ่าวแสบไหม้ฉุนจมูกอย่างไม่มีเหตุผล
ภาพตรงหน้าเปลี่ยนไปจนไม่เหลือเค้าเดิม
เพลิงโหมกระหน่ำและเขาที่นอนไร้ทางหนีอยู่ในตัวบ้านแคบ ๆ
รองเท้าหนังสีดำกับร่างเพรียวที่ยืนยิ้มนิ่ง ๆ อยู่หน้าประตู มีอะไรไม่ถูกต้อง
เหมือนโดนผีหลอก
“แกคิดว่าแกเข้ามาในบ้านหลังจากฉันพังเข้าไป
มันพลาดตั้งแต่ตรงนั้นแล้ว...เพราะที่จริงฉันเดินตามแกเข้ามา...ถึงในรัง”
ซีลอนหลุดหัวเราะออกมาแต่ก็พยายามจะกลั้นเอาไว้
เธอหายใจหลายครั้งก่อนที่จะสงบความตื่นเต้นนี้ลง
“ตราบใดที่คู่ต่อสู้เป็นคนธรรมดาก็มีแต่งานน่าเบื่อเนอะ
ว่างั้นไหม? ไม่ต้องห่วงผมไม่ยิงแกหรอก...เพราะว่าแกไม่มีทางรอดอยู่แล้ว...”
เธอฉีกยิ้มขึ้นมา
เป็นใบหน้าของปีศาจร้ายก้มมองความวินาศของมนุษย์ที่หมอบคลานบนพื้นพยายามส่งเสียงร้องอย่างเจ็บปวดตามเนื้อตัวไหม้เกรียม
“แกคงไม่ถึงฆาตถ้าไม่สอดมือมาแตะต้องวองโกเล่แต่แรก
ผมน่ะชื่นชมผลงานของคุณนะ แต่ว่ามันจบเท่านี้แหละ
สำหรับผู้ที่บังอาจเป็นศัตรูกับแฟมิลี่ของเรา...ลาก่อนอับดับเจ็ดสิบสี่”
เด็กสาวหันหลังออกไปจากประตูราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทางออกสุดท้ายค่อย ๆ
แง้มปิดลงอย่างเชื่องช้าโดยไม่ได้เกิดจากมือของซีลอน เธอใช้พลังทำให้มันแง้มปิดลงเองจะได้ไม่ทิ้งรอยนิ้วมืออะไรเอาไว้
ในคืนนั้นก็มีข่าวเพลิงไหม้จากการประกอบอาหารแถมเจ้าของบ้านเช่านั้นยังใช้เนื้อของเพื่อนร่วมห้องเป็นวัตถุดิบ
บางทีอาจเกิดความขัดแย้งบางอย่างเป็นแรงจูงใจ
แต่อาจจะเคราะห์กรรมซัดสาดทำให้ผู้ต้องสงสัยถูกเตาแก๊สระเบิดใส่และอยู่ในสภาพช่วยเหลือตัวเองไม่ได้กลางเพลิงไหม้
เพื่อนร่วมห้องอีกสามคนจึงอยู่ในสภาพถูกไฟคลอกอย่างหนักไปด้วย
มันถูกรายงานออกมาแบบนั้น พวกเขากำลังรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลกลาง
ตัวเธอผู้เป็นต้นตอก่อเหตุทั้งหมดนั่งกระดิกเท้าจิบกาแฟในร้านคาเฟ่ที่ทีวีกำลังรายงานเหตุแก๊สระเบิดเพลิงไหม้
ผู้เสียชีวิตสาม คนเจ็บหนักอีกหนึ่งแถมยังเป็นผู้ต้องสงสัยเหตุฆาตกรรม
นักฆ่าที่ดีไม่ใช่แค่บรรลุเป้าหมาย
แต่เป็นการสร้างเรื่องราวให้ไม่มีใครสาวถึงตัว
สร้างความเข้าใจขึ้นว่าไม่ใช่การฆาตกรรมโดยตัวของนักฆ่า
สาเหตุที่เธอยังไม่ฆ่าเป้าหมายอีกคนก็เพราะจำเป็นต้องมีการออกข่าวให้เข้าใจไปในทิศทางอุบัติเหตุเสียก่อน
ในเมื่อคนเจ็บเป็นคนร้ายเสียเองแบบนี้ ช็อกตายเพราะพิษบาดแผลในโรงพยาบาลก็จะไม่มีใครสงสัย
เธอไม่ได้เลินเล่อปล่อยให้เหยื่อรอความตายในกองไฟ
ป่านนี้หมอนั่นคงกำลังใจดีราวกับขึ้นสวรรค์ที่รอดชีวิตมาได้
นักฆ่ารุ่นเยาว์ทำเป็นไถมือถือแล้วยิ้มขึ้น
เหมือนคนธรรมดา ไม่มีอะไรแตกต่าง
เหมือนวัยรุ่นที่ออกมาหากาแฟดื่มหลังจากโหมอ่านหนังสือทอดน่องให้สบายใจก่อนจะกลับไปนอน
เธอคำนวณเวลาในใจแล้วลุกออกจากร้านมุ่งตรงไปที่โรงพยาบาลกลางเพื่อลงมือขั้นสุดท้ายให้งานนี้จบลง
ฆ่าเหยื่อที่รอดชีวิตและทำให้เป็นอาการหัวใจวายเนื่องจากทนพิษบาดแผลไม่ไหว
ซีลอนยืนยิ้มอย่างกลวงเปล่าข้างเตียงคนไข้ฉุกเฉินแววตาที่สั่นกลัวสุดชีวิตไม่ได้ทำให้เธอรู้สึกอะไรขึ้นมาแม้แต่น้อย
“ผมบอกไปแล้วใช่ไหมว่าไม่ยิงน่ะเพราะยังไงแกก็ไม่รอด...”
ใช้มายากลบตัวตนเดินผ่านใครต่อใครเข้ามาลบทิ้งรูปลักษณ์เพื่อไม่ให้ติดอยู่ในกล้องวงจรปิดตัวไหนทั้งนั้น...
ในเช้าต่อมาก็มีข่าวการเสียชีวิตของชายผู้นั้นอยู่ในกรอบเล็ก
ๆ ของหนังสือพิมพ์ยามเช้า
นักฆ่าต้นเหตุกระดิกเท้าจิบกาแฟอยู่กับฝาแฝดไม่รู้ร้อนไม่รู้หนาว
พรายยิ้มที่เป็นของจริงให้ตัวเองอีกคนที่ถามเธอออกมาอย่างเป็นห่วง
“คาเฟอีนไม่ดีนะ
เปลี่ยนไปดื่มชานมไหมซีน?” เอิร์ลเกรย์ทาเนยใส่ขนมปังปิ้งให้ฝาแฝดที่นั่งร่วมโต๊ะในยามเช้าด้วยกันประจำทุกวัน
“ไว้คราวหน้าจะเปลี่ยนนะ
ผมซื้อแยมผลไม้มาฝากนายด้วยล่ะ
ยี่ห้อเก่ามันหวานใช่ไหมลองเปลี่ยนดูนะอันนี้ในโซเชี่ยลเขาบอกว่าเปรี้ยวและหวานน้อยล่ะ”
ไม่เหลือเค้าแววนักฆ่าที่มองคนทุกข์ทรมานตาไม่กะพริบหลงเหลืออยู่สักเสี้ยวเดียวราวกับเป็นคนละคน
“ขอบคุณ ไว้จะลองดูเอ้านี่เสร็จแล้วกินให้หมดก่อนไปซ้อมยิงปืนซะเดี๋ยวผมเองก็จะทานให้หมดก่อนไปเรียนกับคุณจางนีนี่เหมือนกัน”
ทั้งคู่ทานอาหารเช้าด้วยกันด้วยเมนูง่าย ๆ เครื่องดื่มง่าย ๆ
ใช้ชีวิตประจำวันไม่ต่างจากเด็กทั่วไปก่อนจะแยกย้ายกันไปคนละฝั่งคฤหาสน์
และเมื่อละจากเอิร์ลเกรย์ใบหน้าเฉยชาก็กลับคืนมาสู่ตัวตนของซีลอน
เพราะเพียงเหตุผลที่จะรู้สึกอย่างมนุษย์ทั้งหมดเดินหายไปจากสายตาแล้ว
หลังจากนั้นหลายเดือนท่านรุ่นที่เก้ากับซีลอนได้รับรายงานเรื่องปัญหาจับตัวประกันบนเกาะมาเล่
เดียโบล่า เกาะสำคัญในการปกป้องน่านน้ำของอิตาลี่ซึ่งถูกขายทอดให้เอกชนเมื่อนานมาแล้วและตอนนี้วองโกเล่ก็เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์เกาะแห่งนั้นอยู่
ปัจจุบันสร้างเป็นรีสอร์ตขนาดใหญ่เพื่อรองรับงานเลี้ยงและเป็นแหล่งรายได้อีกแห่งของแฟมิลี่
ขณะนี้อ๊อตตาเบียเป็นผู้ดูแลจัดการเรื่องบนเกาะ
เขาเป็นหัวหน้าหน่วยวาเรียหลังจากที่ซันซัสหายหน้าหายตาไป ซีลอนรู้ว่ามันมีเรื่องบางอย่างเกิดขึ้นและอาจจะไม่ดีแต่เธอก็ไม่ได้ขวนขวายอยากจะรู้
คงเพราะตอนนี้เธอไม่สมบูรณ์ความรู้สึกเป็นห่วงพี่บุญธรรมเลยไม่มีหลงเหลือ
เพียงแค่รู้อยู่แก่ใจเท่านั้นว่าถ้าเป็นเธอเมื่อก่อนก็คงห่วงแหละ
เหล่าสมาชิกนักฆ่าหัวกะทิไม่เคลื่อนไหวมานานเพราะเหตุการณ์ที่เรียกกันว่า ‘คดีกรงนก’ เธอรู้แค่เพียงว่าซันซัสก็คงโดนลงโทษอยู่ที่ไหนสักแห่ง
และสควอโล่กับคนอื่นในวาเรียก็ถูกลดบทบาทลงไปด้วยคดีในครั้งนั้น
เด็กสาวหวนนึกถึงคืนที่เขาบอกว่าไม่ต้องออกมาจากห้อง
ไม่รู้ว่าเพราะไม่อยากให้เกี่ยวข้องด้วยหรือคิดว่าพวกเธอไม่มีผลอะไรกับแผนนั่น
เธอเหล่มองปู่ป๋าที่นั่งเงียบอยู่บนเก้าอี้พนักสูง
เขาถอนหายใจนวดหัวคิ้วกับปัญหาในครั้งนี้
“มีกองกำลังไม่ทราบฝ่ายเข้าจับตัวประกันที่ห้องจัดเลี้ยงทั้ง
150
คนครับ...ต้องขออภัยเป็นอย่างสูงที่เกิดข้อผิดพลาดนี้ขึ้นผมจะขอรับผิดชอบเองครับท่านรุ่นที่
9” อ๊อตตาเบียยกมือทาบอกก้มหัวลงด้วยสีหน้ารู้สึกผิด
เขาเป็นคนหนุ่มไฟแรงที่กำลังเจริญในหน้าที่การงานสุด ๆ ก็พลาดท่ามาสะดุดกับเรื่องนี้เข้า
“มันก็ต้องเป็นความรับผิดชอบของแกอยู่แล้วนี่อ๊อตตาเบีย
เพราะแกดูแลเกาะนั่นอยู่”
ซีลอนแกว่งเท้าไปมากัดอมยิ้มที่คาบอยู่เสียงดังก้องในห้องที่เงียบลง เธอนั่งอยู่ตรงที่ว่างบนโต๊ะทำงานทางขวา
“จะเอาคนใช่ไหมล่ะ ก็จัดการไปสิ
ท่านรุ่นที่เก้าเป็นผู้รักความสงบอยู่แล้วเราต้องรักษาชีวิตแขกเป็นสำคัญเพราะแต่ละคนก็เป็นพันธมิตรและคู่ค้าทั้งนั้น”
เด็กสาวเคี้ยวอมยิ้มกร้วม ๆ
เธอเลิกคิ้วหันไปมองท่านรุ่นที่เก้าที่ไม่ได้เอ่ยขัดคำพูดของเธอแม้แต่น้อยก่อนจะหันไปมองอ๊อตตาเบียที่เม้มปากและกลับไปมีใบหน้าอย่างคนตัดสินใจได้
“เข้าใจแล้วครับ
พวกมันที่สามารถบุกเข้าไปในเกาะและจัดการกำลังพลอาวุธครบมือของเราได้ต้องมีอานุภาพมากแน่ถึงอย่างนั้นผมก็จะจัดการอย่างรวดเร็วและเสียหายน้อยที่สุดครับ”
อ๊อตตาเบียเผยรอยยิ้มคล้ายน้อยใจออกมาก่อนโค้งหัวแล้วถอยเท้าจากไปดำเนินการในทันที
ซีลอนรอจนแน่ใจว่าอ๊อตตาเบียไม่อยู่ในระยะที่จะได้ยินคำพูดในห้องนี้แล้วก็เอ่ยขึ้นหมุนอมยิ้มที่แตกแหว่งชี้ไปทางประตูห้อง
“นี่ปู่... อ๊อตตาเบียเนี่ยยังอยากจะเก็บเอาไว้อีกมะ?”
ไม่มีสีหน้าเสียดายหรือสนใจเธอก็เป็นแบบนี้อยู่เสมอ การที่อยู่ดี ๆ จะพูดจาห้วน ๆ
หรือหยาบคายก็ไม่มีใครว่าเพราะต่างเข้าใจว่าคงซึมซับคำพูดไม่ดีจากซันซัสมาหลายปีอยู่
“ฉันเองก็คงแก่ลงไปมากแล้วสินะถึงได้เพิ่งจะสังเกตเห็น”
เขานวดหน้าผากเป็นกังวลแล้วถอนหายใจ
“แต่มีหลานพึ่งพาได้แบบนี้ก็คง่อยวางใจหน่อยนะว่าทุกอย่างจะไม่เป็นอะไร...”
ชายแก่ยิ้มลูบหัวหลานสาวที่ก้มลงมาให้ทำตามใจได้เต็มที่ด้วยสีหน้าพึงพอใจอยู่ลึก ๆ
“ถ้างั้นก็เอาตามที่ปู่วางไว้ได้เลยหลานจะคอยสนับสนุนให้เองไม่ต้องห่วง
ผมโตขึ้นมาให้พึ่งพาได้อยู่แล้วล่ะ” เธอแกว่งเท้าอีกครั้งกินอมยิ้มอย่างสบายใจ
“อ๊ะ แต่รางวัลขอเป็นช็อกโกแลตนะ~” ซีลอนโดดลงจากโต๊ะทำงานสุดหรูปัดกางเกงเล็กน้อยตามความเคยชิน
สิ่งที่อ๊อตตาเบียไม่รู้คือเหตุการณ์ครั้งนี้เขาจะไม่ได้กลับมาจากเกาะมาเล่
เดียโบล่าในฐานะหัวหน้าหน่วยวาเรียอีก
ซีลอนยืดแขนบิดขี้เกียจ
“จะอธิบายให้เฮียเข้าใจตอนตื่นมาเองปู่ไม่ต้องห่วง
แล้วก็จะใบ้สถานที่ที่จะทวงเก้าอี้คืนให้ด้วย” นักฆ่าเด็กยิ้มแย้มการค้า
เธอไม่สนว่าใครจะขึ้นเป็นรุ่นที่
10 เพราะเธอไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรมากไปกว่าภาระงานเก็บกวาดทำความสะอาด
เพราะทุกคนรู้ว่าหากจะใช้เธอเอิร์ลเกรย์คือสิ่งเดียวที่ห้ามแตะต้องอย่างเด็ดขาด
เขาจะปลอดภัยถ้าอยู่ที่นี่ แม้มันจะไม่ใช่ไปสองครั้งก็ตาม
แต่เธอก็ได้ข้อมูลคนที่ปากโป้งขายข้อมูลของพวกตนฝาแฝดให้พวกเอนทรานิโอ้แล้ว
ซันซัสที่ตื่นจากการถูกเดือดทะลุจุดศูนย์จองจำมีบรรยากาศที่ยังคงโกรธและคุกรุ่น
นักฆ่าตัวน้อยที่นั่งอยู่บนเตียงเดียวกับเขาควงมีดในมือฆ่าเวลาเล่นก่อนจะเอ่ยทักทายพี่ชายบุญธรรมที่ไม่เจอกันเสียนาน
“อรุณสวัสดิ์เฮีย
ไม่เจอหน้ากันนานแต่ก็ยังจำน้องได้ใช่ไหมล่ะ~”
ซีลอนยักยิ้มขี้เล่นได้อย่างแนบเนียนแต่ลางสังหรณ์ของซันซัสบอกว่าไม่ใช่อย่างที่เห็น
“แกเป็นใครไอ้สวะ”
ชายหนุ่มร่างโตหรี่ตามองอย่างจับผิด ใบหน้าที่มีเค้าโครงของเด็กแปดขวบแฝดนั่นเป็นซีลอนก็จริงเพราะตาที่ชั่วร้ายกว่าเอิร์ลเกรย์
แต่บรรยากาศกลับไม่ใช่ น้องบุญธรรมของเขาเป็นพวกฉอเลาะเก่งพอ ๆ กับฝีมือยิงปืน
ไม่ใช่อะไรที่น่าขนลุกแค่เพียงมองตอบมานิ่ง ๆ แบบนี้
“น้องคนดีของเฮียนั่นแหละ
แต่ว่าระหว่างที่เฮียต้องหลับไปมีหลายเรื่องเกิดขึ้นเยอะแยะเลยล่ะ~ เค้ามีเนื้อเรื่องอัปเดตแพทช์ให้เฮียหลายเรื่องเลยนะเออ!” นักฆ่ายิ้มคิกคัก
“โว๊ย! ไอ้เปี๊ยกมีอะไรถึงเรียกม—” ฉลามคลั่งที่เสียงมักมาก่อนตัวเสมออ้าปากค้างไปเมื่อเห็นชายผู้มีแผลเป็นนั่งอยู่บนเตียงด้วยสีหน้าหงุดหงิด
“ซันซัส!” สควอโล่แหกปากอย่างตกใจอีกรอบหลังปิดประตูลง
“หนวกหูเหมือนเดิมไอ้สวะ หุบปาก”
เขาหันไปสั่งเสียงต่ำและหันมามองซีลอนที่แกว่งเท้ายิ้มน้อยยิ้มใหญ่กลวง ๆ
บนเตียงของเขา “แล้วแกก็เลิกอารัมภบทได้แล้วไอ้เปี๊ยก”
สิทธิ์พิเศษของซีลอนกับเอิร์ลเกรย์ก็คือคำเรียกที่ต่างออกมาจากคนอื่น
‘ไอ้เปี๊ยก’
“งั้นเรามาเริ่มจากเรื่องที่เค้าโดนขายข้อมูลให้เอนทรานิโอ้แล้วกันเนอะ~” ซีลอนแสยะยิ้ม สควอโล่เองก็ชะงักไปเพราะไม่รู้เรื่องนี้
“แกว่าอะไรนะ? เอนทรานิโอ้! ตั้งแต่เมื่อไหร่! ตอนไหน!”
ฉลามคลั่งเหงื่อแตกพลั่ก ถึงจะไม่ใช่กงการอะไรของเขาแต่ก็ยอมรับว่ามอบความรู้สึกเป็นห่วงให้เด็กที่อายุห่างกว่าเกือบสิบปีนี่เหมือนกัน
ตอนเด็ก ๆ เจอทีไรก็มาเกาะแข้งเกาะขาไม่กลัวตาย เขาเลยชอบความใจกล้าของพวกแฝดเข้าให้
“เฮียนี่ก็หนวกหูจังวะ
ฟังให้จบก่อนดิเฮ้ย” ซีลอนเบะปากยกนิ้วแคะหูล้อเลียนเป็นความไม่เคารพบางจังหวะ
ถึงจะอายุห่างกันแต่เพราะเธอความคิดโตกว่าวัยแถมตอนนี้ยังไม่เหมือนเดิม
ความไม่แยแสไม่สนสี่สนแปดทะลุมาตรฐานคนปกติไปไกลโข
“ถ้าแกยังไม่เลิกแหกปากอีกนะไอ้สวะ...”
ซัสซัสเคาะที่เขี่ยบุหรี่บนโต๊ะข้างหัวเตียงเป็นอันรู้กันว่าเขาจะขว้างให้เงียบเอง
สควอโล่ชักสีหน้าหงุดหงิดแล้วกอดอกตีหน้าถมึงทึง
“แฮะๆ ชอบเวลาเฮียหลามโดนดุจัง แหม
งี้ต้องยุให้ตีกันบ่อย ๆ แล้วสิเนี่ย” เธอฉีกยิ้มเทหัวไปข้างรอยยิ้มวิกลนั่นกลับไม่กลวงเปล่าแบบยิ้มขี้เล่นก่อนหน้า
“เอนทรานิโอ้มันฉาวโฉ่เรื่องแล็บทดลองผิดมนุษย์กับการทดลองขัดต่อศีลธรรม
กระทั่งหนูทดลองเองจับลูกหลานในแฟมิลี่มาลอง—”
“เข้าประเด็น ไอ้เปี๊ยก”
ซันซัสย้ำอีกครั้ง นักฆ่าตัวเล็กสุดในห้องก็ไหวไหล่เลิกเกริ่นนำ
“ผมโดนฉีดสารกระตุ้น
ไม่รู้มันได้ผลหรือผิดพลาดผมก็เลยมีไฟธาตุทั้งเจ็ด และเพราะเอิร์ลเกรย์ถูกยิงตาย ตัวผมที่ไม่สามารถควบคุมไฟธาตุเพื่อรักษาเขาได้เลยแลกมันไปห้ากับชีวิตของเขา
แล้วก็ได้ของแถมมานิดหน่อย~
ผมน่ะเชื่อว่าตัวเองได้ทำสัญญากับปีศาจมาล่ะ เพราะงั้นนอกจากแฝดที่รักของผมก็ยังได้ไอ้นี่มาด้วย”
เธอแบมือโชว์พลังสีดำที่คลุ้งออกมาคล้ายหมึกม้วนตัวในน้ำแต่กลับลอยขึ้นสูงดั่งควัน
“...แกโกหก”
ซันซัสตีหน้ายักษ์เป็นสัญญาณว่าถ้ายังไม่มีคำอธิบายนอกจากสควอโล่แล้วเขาจะเขวี้ยงจานเขี่ยบุหรี่กระเบื้องใส่เธออีกคนแน่
“เฮียอ่ะ
เรื่องนี้รู้กันหยิบมือเอง
ก็ได้ให้เฮียกับเฮียรู้เพิ่มอีกสองไม่น่ามีปัญหาอะไรกับผมอยู่แล้ว”
ซีลอนยกนิ้วแตะคางเป็นจังหวะเพื่อครุ่นคิดเธอเก็บพลังของเธอไปแล้วเริ่มเล่าใหม่
ทั้งพลัง เรื่องที่ตอนนี้ใช้ได้สองธาตุจากเจ็ด
และหนึ่งจากนอกระบบ เหตุผลที่เอิร์ลตายและสิ่งที่เธอเสียไปเพื่อแลกเขากลับมา
ใช้นิ้วจากทั้งสองมือจรดเป็นรูปหัวใจที่กลางอกด้วยใบหน้าขี้เล่นแสนเสแสร้งอย่างจงใจให้เห็นถึงความผิดปกติ
“สาเหตุที่ผมดูกลวงก็เพราะว่าทุก
ๆ อารมณ์ ที่มีความรักเป็นส่วนประกอบไม่ว่าจะมากหรือน้อยมันถูกทำให้หายไปทั้งหมด
เพราะมันถูกแลกกับการต่อลมหายใจให้เอิร์ล
ที่เฮียคิดว่าผมไม่ใช่ผมและน่าขนลุกก็คงจะเพราะจุดนี้ละมั้ง”
และเรื่องที่เพราะร่างกายนี้เป็นมนุษย์จึงทนการใช้พลังที่รุนแรงมากนั่นไม่ได้
เธอเลยแลกตาขวากับแหวนเพื่อรักษาเสถียรภาพพลังไฟธาตุในร่างกายตนกับแฝด
น่ายินดีที่มันรวมไปถึงการไม่ต้องรับรู้ถึงความเจ็บปวดกับของเหลวสีดำที่เกาะตามเซลล์บนใบหน้าด้านขวาอีกด้วย
“ผมน่ะ
กลับมาจากความตายเพื่อกลายเป็นสัตว์ประหลาด เพื่อปกป้องเอิร์ล
และเอิร์ลเองก็ยังคงรักบ้านแห่งนี้เพราะงั้นเพื่อบ้านที่เอิร์ลรักแล้วผมก็จะทุ่มสุดตัวเป็นดาบและโล่ให้กับวองโกเล่...”
ซีลอนลดมือลงพร้อมคลายรอยยิ้มออก
ในเมื่อเข้าใจก็ไม่จำเป็นต้องแสร้งมีใบหน้าเหมือนคนปกติอีก
“ที่ตอนเด็ก ๆ
เคยบอกว่าจะเข้าวาเรียให้ได้ถึงกับพยายามเรียนตั้งเจ็ดภาษามามันไม่เสียเปล่าหรอก
แต่ว่าตอนนี้ผมทำงานเป็นเงาหลังเก้าอี้ให้ปู่น่ะ
เพราะงั้นคงร่วมกับวาเรียของเฮียไม่ได้แล้วนะ
ผมเป็นนักฆ่าคนกลางน่ะที่ขึ้นตรงต่อหัวคนเดียว
อีกอย่างก็อย่างที่บอกนั่นแหละใครจะเป็นรุ่นถัดไปผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอยู่แล้ว
ก็ทำงานนักฆ่าตามสั่งหัวนายใหญ่เหมือนเดิมใช่ไหมล่ะ?”
ซีลอนประสานมือหลังหัวแล้วเผยออกข้างแสดงท่าทียังไงก็ได้อิเรื่อยเฉื่อยแฉะใส่พวกเขา
“อ้อ
ผมว่าหัวกะทิวาเรียบางคนก็ตงิดใจแหละว่าเกิดอะไรขึ้น ตื่นมาคราวนี้ผมมีเรื่องน่าสนุกให้เฮียไปเล่นด้วยน้า~ จำอ๊อตตาเบียได้ไหม
หมอนั่นรอดอยู่คนเดียวในขณะที่คนอื่นโดนโทษแบนของวองโกเล่ไปพักใหญ่...ผมว่าเฮียคงอยากได้ยินจากสควอโล่มากกว่าเพราะผมยังเด็กอยู่อาจจะไม่น่าเชื่อถือเท่าไหร่
ส่วนเรื่องสนุกน่ะตอนนี้ไอ้เจ้าแว่นนั่นดูแลมาเล่เดียโบล่าตอนนี้มันกลายเป็นเกาะรีสอร์ตที่ใช้รองรับงานเลี้ยงกับพันธมิตรแล้วก็เป็นแหล่งเงินใหม่ของเรากำลังโดน
‘กองกำลังไม่ทราบฝ่าย’
บุกรุกและจับคนในงานเป็นตัวประกันหมอนั่นว่างั้นนะ
แต่ว่านี่คือข้อมูลที่ผมสืบมาได้จากคนของผมเอง...” ซีลอนลุกขึ้นจากเตียง
“ไอ้อ๊อตตาเบียมันรู้ว่าพวกยกพลขึ้นบนยึดเกาะเราเป็นใคร
แต่กลับรายงานว่าไม่ทราบฝ่าย ผมก็เริ่มไม่ทราบฝ่ายของหมอนั่นเหมือนกันนะ
ไม่ต้องห่วง เรื่องที่เฮียจะแก้แค้นหมอนั่นหรือลูกน้องหมอนั่น
ปู่ไม่ห้ามหรอกถ้าเฮียไม่ทำเดี๋ยวก็ถึงมือผมอยู่ดี แต่ผมว่าเฮียคงอยากฆ่าคนทรยศกับมือตัวเองมากกว่าจริงไหม?”
เธอสาวเท้าไปที่ประตู
“มันจะเริ่มงานในมะรืนค่ำ
กองกำลังเฮียไวกว่าเป็นไหน ๆ ไปแย่งผลงานแล้วก็ทวงคืนวาเรียมาเลย
ผมจะจัดรายชื่อลูกน้องที่ถึงเก็บไปก็ไม่มีปัญหาไปให้ในหน่วยที่หมอนั่นเรียกไปที่เกาะเอง”
เธอแสยะยิ้มรู้สึกสะใจเสียเต็มประดาที่ไม่ต้องลงมือเองทุกอย่างก็จะออกมาเรียบร้อยแน่นอน
“แกจะเอาอะไร...”
ซันซัสหรี่ตามอง
“คำยืนยันว่าจะไม่มีใครของอ๊อตตาวิโอกลับมาอีก
แล้วผมจะใส่คนทรยศที่กล้าขายผมให้เอนทรานิโอ้ลงไปในทีมวันนั้นด้วย
แล้วก็...เหมือนหมอนั่นจะมีสัญญาอะไรกับพวกที่ยึดเกาะเรานะ
ไม่รู้ว่าอาวุธหรือยารุ่นใหม่ แต่พอขัดผลประโยชน์กันก็เลยทำตัวโง่ ๆ ใส่พวกเรา”
เธอแง้มประตูปิดและจะจากไปสควอโล่ก็รั้งเอาไว้ก่อน
“แกพูดมาตั้งมากขนาดนี้ส่งข้อมูลมาเดี๋ยวฉันจัดการเอง”
ฉลามคลั่งแห่งวาเรียนอกจากเป็นรองหัวหน้าแล้วก็ยังเป็นคนที่ซันซัสไว้ใจที่สุดแม้จะปากแข็งไปหน่อยก็ตาม
“เห~ ให้เท่าไหร่ล่ะ ข้อมูลชุดนี้ผมทำมาขายปู่ที่ตาฟางเลยนะ ไม่ฟรีนะเออ~” นักฆ่าสาวเค้นหัวเราะผ่านจมูกแกล้งแหย่อย่างสนใจปฏิกิริยาตอบสนอง
“ว่ามา! ฉันไม่เชื่อว่าแกจะขออะไรที่ให้กันไม่ได้!” สควอโล่เข้าใจแนวคิดของเด็กสาวเป็นอย่างดี
แม้เพิ่งจะมารู้ว่าไอ้ที่แปลกไปไม่ใช่อาการทางจิตหลังจากป่วยฉับพลันแต่เป็นเรื่องที่ใหญ่โตกว่านั้น
“บัญชีธนาคารแบบพร้อมเล่นหุ้นได้โดยไม่ใช่ชื่อผมแต่เป็นสิทธิ์ของผมกับเอิร์ล
เอาสองบัญชีนะอันนึงกระแสรายวันไว้ฝากเงินอย่างเดียวขอดอกเบี้ยสูงสุด
อีกอันไว้เล่นหุ้นโอนไปมาบ่อยดอกเบี้ยช่างมัน” ซีลอนคลี่ยิ้มเจ้าเล่ห์
“ของแบบนี้แกไปขอท่านรุ่นที่เก้าท่านก็คงไม่ว่าแกหรอกมั้ง”
“ไม่อ่ะ เดี๋ยวปู่ถามว่าเงินไม่พอเหรอเอาไปอีกสิมากกว่าแหง
เอาบัญชีนี่แหละดีแล้ว จะได้งอกเงินเองใช้สุรุ่ยสุร่ายเท่าไหร่ก็ได้
เดี๋ยวผมทำเอกสารไว้ห้องเฮียหลามก่อนก็ได้ค่อยจ่ายผมทีหลัง แต่ถ้าจ่ายช้าดอกเบี้ยเป็นไวน์แดงชาโต
พาลเมร์สัปดาห์ละขวดนะตกลงป่ะ? ตกลงชะ? ดีเลย”
เจ้าตัวตอบเองเออเองแล้วหายหัวไปจากหน้าห้องซันซัสทันทีโดยไม่สนเสียงโวยวายและของแตกจากห้องพี่ชายบุญธรรม
หลังจากนั้นก่อนศึกชิงแหวนราวหนึ่งสัปดาห์ก็เกิดเหตุการณ์ที่เรียกว่า
‘ปฏิบัติการณ์เกาะเมล่าเดียโบล่า’
ซัสซัสได้ใช้สมาชิกหัวกะทิของวาเรียบุกยึดเกาะกลับคืนมาจากกองกำลังไม่ทราบฝ่ายได้สำเร็จและสังหารอ๊อตตาเบียไม่เหลือแม้แต่เถ้าถ่านกับลูกน้องจนสิ้น
เขาได้กลับมาเป็นส่วนหนึ่งของวองโกเล่อีกครั้งในฐานะหัวหน้าของหน่วยนักฆ่าวาเรีย
ขณะเดียวกันซีลอนที่เพียงให้ข้อมูลและรอฟังข่าวดีที่จะมีคนทรยศตายก็ได้รับคำสั่งใหม่จากรุ่นที่เก้าโดยตรง
ทั้งยังออกเดินทางไปกับฝาแฝดโดยทิ้งช่องทางติดต่อกับจดหมายแจ้งงานนักฆ่าที่จะรับจากวาเรียแต่สถานที่ต้องเป็นญี่ปุ่นเท่านั้น
นั่นก็เพราะว่า...
“ฉันอยากให้ซาวาดะ สึนะโยชิเป็นหัวหน้าวองโกเล่รุ่นที่
10 ...แต่ว่าซันซัสคงจะไม่ยอมล่ะนะ จนกว่าเรื่องศึกชิงแหวนคงต้องให้ช่วยคุ้มครองเขาอยู่ห่าง
ๆ แล้วล่ะ” รุ่นที่เก้าเอนหลังกับเก้าอี้ตัวใหญ่
หลานสาวที่นั่งตรงกรอบหน้าต่างไหวไหล่แล้วลุกเดินออกมาจากตรงนั้น
ซีลอนในวัยสิบห้าปีถูกไหว้วานในฐานะเงาหลังเก้าอี้ท่านรุ่นที่เก้าให้ไปช่วยคุ้มครองเด็กคนหนึ่งอยู่ห่าง
ๆ จะเข้าหาก็ได้ปู่ป๋าไม่ได้ว่าอะไร
“ผมไม่มีความเห็นอะไรหรอกเพราะไม่ว่าใครจะเป็นรุ่นถัดไปผมก็ไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียอะไรอยู่ดี”
ซีลอนยิ้มการค้าโบกมือไปมาบอกว่าตนไม่ได้ใส่ใจ
“แต่ว่าถ้าเป็นคำสั่งปู่ป๋าก็จะทำให้ด้วยความยินดี! อย่าให้ตายก่อนศึกชิงแหวนหรือระหว่างศึกโดยการลอบสังหารแค่นี้ใช่ไหม?
สบายมาก~” ถึงจะเป็นนักฆ่าแต่เธอไม่เหมือนคนของวาเรียที่ทำแต่งานฆ่าและเก็บกวาด
เธอรับงานคุ้มครองด้วย
เพียงแต่ต้องเป็นสมาชิกแฟมิลี่หรือพันธมิตรตามที่รุ่นเก้าสั่งให้เธอไปทำเท่านั้น
“แล้วก็ปู่น่ะนะคิดว่าซีลอนกับเอิร์ลเกรย์น่ะไปรู้จักสังคมคนธรรมดาบ้างก็ดี
เลยจัดการทำเรื่องเข้าเรียนให้ที่นามิโมริแล้ว บ้านกับเอกสารอะไรเองก็เรียบร้อย
ไปเรียนรู้การแฝงตัวให้ดูเป็นคนธรรมดาบ้าน ๆ ซะอันนี้เป็นการบ้านส่วนตัว”
ท่านรุ่นที่เก้ายกยิ้มทีใบหน้าก็เกิดริ้วรอยมากมายตามอายุร่างกายของเขา
“อื้ม! แล้วผมกับเอิร์ลจะถ่ายรูปเพื่อนมาอวดให้เยอะ ๆ เลย”
เธอยิ้มตาปิดแสดงสีหน้าดีใจออกมาได้อย่างเป็นธรรมชาติจนไม่สามารถแยกแยะอารมณ์ที่แท้จริงได้
หลายปีมานี้หน้ากากของซีลอนแข็งแกร่งขึ้นมาก
มากขนาดที่ก็หลอกสควอโล่มาได้หลายปี
ยกเว้นซันซัสที่ตื่นขึ้นมาก็จับได้ในทันทีว่าหน้าของเธอมันเสแสร้ง
ไม่รู้ว่าเขามีสุดยอดลางสังหรณ์หรืออย่างไรแต่เธอก็ไม่คิดจะใส่ใจมันเพิ่มไปมากกว่านี้
“งั้นผมจะรับงานที่มีปลายทางเป็นญี่ปุ่นระหว่างฝึกกลมกลืนกับเด็กวัยรุ่นทั่วไปด้วยปู่ป๋าสั่งมาได้เลยน้า~”
ซีลอนทิ้งท้ายเอาไว้ทำความเคารพด้วยความนึกสนุกและออกมาจากห้องทำงานของท่านรุ่นที่เก้า
เอิร์ลเกรย์เองก็ออกจากห้องวิจัยกลับมายังห้องนอนพร้อมฝาแฝดและเริ่มเก็บของเพราะคำสั่งเองก็ส่งตรงไปถึงเขาเช่นกัน
“น่าตื่นเต้นจังเนอะ
ญี่ปุ่นงั้นเหรอที่นั่นเห็นว่าอาหารอร่อยเพียบเลยล่ะ เรามาศึกษาวัฒนธรรม อาหาร
แล้วก็พวกเทศกาลกันเถอะซีน!”
“อื้ม! ผมน่ะจะไปเที่ยวกับเอิร์ลทุกที่เลยล่ะ มาถ่ายรูปกันเยอะ ๆ เลยเนอะ!”
ตราบใดที่อยู่ด้วยกันก็จะมีมนุษย์ฝาแฝดสองคนที่ส่งยิ้มแลกเปลี่ยนกันไม่สิ้นสุด
นักฆ่ากระชับฝ่ามือของนักวิจัยให้แน่นขึ้นและเดินทางไปยังประเทศบนเกาะแห่งหนึ่งเพื่อเรียนรู้การเป็นคนธรรมดาและมีเพื่อนธรรมดา
ความคิดเห็น