คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #23 : | 23 | Red herring | ย้อนเกล็ด
“ถึงจะไม่ชอบวิธีนั้นแต่ก็คงต้องตามน้ำไปสินะครับ” | มุคุโร่
ปู่เทลบอทรับงานซ่อมแหวนที่เสียหายของเหล่าวองโกเล่รวมไปทั้งอัพเกรดแหวนที่เหลือสำหรับคนที่อยู่ที่นี่ด้วย โดยใช้เลือกของพรีโม่วองโกเล่มากระตุ้นวิวัฒนการของแหวน สร้างขึ้นใหม่เป็นอาวุธสำหรับรุ่นที่สิบโดยเฉพาะ เธอไม่ได้อยู่ดูจนจบว่าหลังจากสึนะใส่ไฟลงไปในก้อนแร่แล้วมันจะกลายมาเป็นอะไรเพราะนักฆ่าหลังเก้าอี้ได้มุ่งหน้าไปหาหน่วยข่าวกรองของตนเอง
กลุ่มพันธมิตรที่ถูกลูกหลงอยู่ภายใต้การดูแลของเหล่าแพทย์สังกัดวองโกเล่เอิร์ลเกรย์ตามมาสมทบภายหลังพร้อมทีมอารักขาเพิ่มจากคฤหาสน์ เธอไม่ได้มีอำนาจมากเท่าเหล่าผู้พิทักษ์รุ่นที่เก้าแต่ก็ยังคงควบคุมคนกลุ่มใหญ่เอาไว้คอยสนับสนุนแฟมิลี่อยู่ไม่ห่าง
โคโยเต้ นูการ์ทถูกหามกลับมาหลังจากตามพวกชิม่อนไปอาการของเขาอยู่ในภาวะย่ำแย่และอาจเพราะด้วยวัย
“นี่เป็นข้อมูลทั้งหมดที่เรามีครับ” สมิธส่งแท็บเล็ตให้ซีลอนใช้เปิดดู
“ทำงานไวไม่แพ้ผู้พิทักษ์เลยนะ เอาล่ะฉันจะเรียกประชุมสองรุ่นให้พวกเธอพร้อมไหม?” การ์นัวเช่ก้มลงมามองข้ามไหล่นักฆ่าหลังเก้าอี้เพื่ออ่านข้อมูลพวกนั้นด้วย ที่พวกเขาคุ้นเคยกันดีอาจเพราะเธอทำงานมาตั้งแต่เด็กและมักจะพบกับพวกเขาบ่อยครั้งเมื่อครั้งรุ่นที่เก้ายังดำรงตำแหน่ง
“ใครเลี้ยงมาล่ะมันเลยเคยชินกับความเร็วประมาณนี้แหละช่วยไม่ได้” ซีลอนเหล่มองการ์นัวเช่ที่สอนเธอขับเรือ “...จัดการไปเองเถอะนี่เป็นเรื่องของผู้บริหารนี่เงาหลังเก้าอี้ไม่เกี่ยวสักหน่อย ผมจะไปซื้อข่าวอะไรจากอาจารย์อลอนโซ่เพิ่มไว้สึนะจะออกไปผมค่อยตามไปสมทบกับเขา” ซีลอนล้อท่าจับหมวกของชายผู้มีสมญานามพันหน้าในวงการค้าข่าวใต้ดินซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีและเป็นพันธมิตรของวองโกเล่มาหลายรุ่น ทั้งยังเป็นบริษัทเทรดดิ้งข้ามประเทศที่นำอาวุธเข้ามาอย่างถูกกฎหมายได้ อลอนโซ่เองก็สร้างเส้นทางที่จะทำให้สามารถทำงานกับวองโกเล่ต่อไปได้อย่างใสสะอาดเช่นกัน
“ถ้าอย่างนั้นไว้มติที่ประชุมออกมาจะให้ลูกน้องไปแจ้ง เธอเองก็อย่าหักโหมมาก” การ์นัวเช่ขยี้ผมสีเงินของนักฆ่าแล้วเอาข้อมูลกับลูกน้องมือดีของเธอไปใช้งานชั่วคราว
ซีลอนขึ้นมาที่ชั้นสามของปราสาทที่เช่าเอาไว้และคงต้องซ่อมกันอีกยาวก่อนจะคืนเจ้าของที่ ระหว่างที่เดินขึ้นมาก็ดันชอบเข้ากับดีไซน์การแกะสลักสองข้างราวบันไดเวียนเก่า ๆ จนเผลอคิดขึ้นมาว่าหรือจะช้อนซื้อเอาไว้ดี? แล้วก็ปล่อยเช่าคืนกำไร หลังจากนั้นอยากแวะมาเปลี่ยนบรรยากาศเมื่อไหร่ก็ได้เพราะยังไงพวกสึนะก็คงไม่ไปอยู่อิตาลี่แน่ จะซื้อหรือสร้างปราสาทเพิ่มสักหลังในครอบครองของวองโกเล่ก็คงไม่ได้กระทบกับการเงินของแฟมิลี่มากมายอะไร ยากก็แต่เรื่องสึนะจะไม่เอานี่แหละ ก็บอสหัวอ่อนแสนใจดีของเธอเป็นพวกสมถะนี่นะ...
ควันบุหรี่โชยมาแต่ลมจากระเบียงแรงเสียจนพัดกลิ่นพวกนั้นหายไปในครู่เดียว ชายวัยกลางคนในสูทดำเชิ้ตสีน้ำตาลและผ้าพันคอขนมิ้งค์หันมาส่งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เธอราวกับรู้ว่าเธอจะมา
“ไม่เจอกันนานสีหน้าดีขึ้นนี่ยัยตัวเล็ก ครั้งนี้จะซื้ออะไรดีล่ะ?” อลอนโซ่ขยับรอยยิ้มแล้วดับบุหรี่โยนทิ้งออกไปด้านนอก เขาขยับตัวมากอดอกพิงระเบียงสีอ่อนที่ชั้นสามแล้วรอให้อีกฝ่ายเอ่ยปากถึงธุระของตนเอง ทั้งคู่เป็นอาจารย์และศิษย์ ซ้ำยังเป็นคู่ค้ากันหลายต่อหลายครั้งโดยเฉพาะสินค้าที่เรียกว่าข่าวกับอาวุธ
“อยากได้ข่าวอะไรที่ผิดปกติสมัยพรีโม่” ซีลอนไม่เกริ่นนำหรือชวนคุยอะไรไร้สาระเวลามีค่ามากในตอนนี้ เธอต้องแข่งกับพวกสึนะที่กำลังประชุมและตามออกไปให้ทัน
“สั่งซื้ออะไรยากจังนะ...” อลอนโซ่ไหวไหล่ คลายสองแขนแล้วเท้ากับระเบียงแทน
“ถ้าอย่างนั้นแหวนมายาต้องสาปที่เหลือล่ะ” ซีลอนเปลี่ยนหัวข้อข่าวไป อีกฝ่ายลูบคางตัวเองครุ่นคิด
“สี่สิบล้าน...” อลอนโซ่ต่อรองราคาออกมาด้วยรอยยิ้มการค้า คนเป็นลูกศิษย์สบถใส่ในทันทีกับการโก่งราคาอย่างหน้าเลือด “หยวนน่าข่าวที่เธอจะเอามันหายากนะ ถ้าซื้อตอนนี้จะแถมข่าวก่อนหน้าให้ทันทีที่ได้ข้อมูลมาเลยใส่สมอลทอร์คเอาไว้รอล่ะ~”
ได้ยินแบบนั้นซีลอนก็เป็นฝ่ายนิ่งคิดไปบ้างก่อนจะพยักหน้าตกลงการซื้อขาย
“ยังใช้เงินมือเติบตามเคยเลยนะคุณลูกศิษย์... ถึงเธอจะหาเงินได้เยอะก็เถอะ หัดเก็บ ๆ ไว้หน่อย” อลอนโซ่ถอนหายใจยาวพลางบ่นกระปอดกระแปดตามประสาคนมีอายุซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่มที่เลี้ยงดูเธอขึ้นมา
“หกวงที่เหลือรอด ห้าวงถูกครอบครองโดยรู้เจ้าของแน่ชัด แหวนอับโชคอยู่กับฟรานคุงแห่งวาเรีย มายากระดูกอยู่กับอัลม่าจังนักแฮกเกอร์อันดับสี่ของโลก มายาสัญญาณเจ้าของอสังหาลึกลับคาวาฮิระ ดวงตาปีศาจกับลูกแก้วมายาอยู่ที่มุคุโร่คุง เรื่องพวกนี้เธอคงรู้ดีอยู่แล้ว อยากได้มายาเขาสัตว์ไปเติมเต็มพลังมายาของเธอใช่ไหมล่ะ” อลอนโซ่ยักคิ้วหลิ่วตาให้ลูกศิษย์เพียงคนเดียวของตนก่อนจะเอ่ยต่อในทันที
“แต่ว่าแหวนวงนั้นน่ะตอนนี้ยังไม่สามารถมีผู้สืบทอดได้หรอกนะ”
“?” นักฆ่าสาวขมวดคิ้วกับคำว่าไม่สามารถมีผู้สืบทอดได้อย่างครุ่นคิด บางทีเธอคงกำลังจะเจอกับงานหนักหนาสาหัสสากรรจ์เข้าให้แล้ว
อลอนโซ่หัวเราะกับสีหน้ายุ่งยากที่เป็นความรู้สึกที่แท้จริงนั่น ขยับขาเดินไปแตะไหล่นักฆ่าที่อุตส่าห์ฟูมฟักเลี้ยงมา
“ในรุ่นพรีโม่มีคนทรยศอยู่ ...เหมือนเปลือกหอยที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยคงรูปร่างเดิมเอาไว้” ชายผมสีส้มคลี่ยิ้มร้าย ๆ ตามสไตล์และขยับหมวกทรงเดียวกับรีบอร์นของตนให้เข้าที่ กระซิบข่าวที่เกิดขึ้นเมื่อแสนนานมาแล้วก่อนเดินออกไปจากระเบียง
นักฆ่าหลังเก้าอี้ถอนหายใจยาวออกมา ศึกนี้ยังคงเป็นสิ่งที่เกินกว่าเธอจะทำอะไรเพื่อปกป้องพวกเขาโดยผู้เดียวได้ ทำได้แค่ยืนมอง รอให้มันจบลงและยื่นมือเข้าไปในท้ายที่สุด
“น่ารำคาญจริง ๆ น้าไอ้พวกสุดโต่งทางความคิดเนี่ย...” เธอเค้นหัวเราะเยาะอย่างหน่ายใจเมื่อนึกถึงภาพสีน้ำมันนั่นและพวกสึนะ สมาชิกวองโกเล่รุ่นแรกมีหน้าตาละม้ายคล้ายกับรุ่นที่สิบราวเป็นพี่น้องกัน ไม่ใช่แค่จีอ๊อตโต้กับสึนะ แต่เหมารวมไปถึงเหล่าผู้พิทักษ์ด้วย เธอเกาท้ายทอยอย่างลังเลว่าจะดำเนินแผนอย่างไรต่อไปเพื่อเอื้อสถานการณ์ให้แก่บอสของเธอที่สุด
“คิดซะว่าไปเดินเล่นนอกสถานที่แล้วกัน...” ซีลอนกลอกตาตัดสินใจในที่สุด
เธอเดินลงไปที่ครัวก็เจอเข้ากับแรมโบ้และอี้ผิงที่กำลังช่วยเตรียมของว่างให้พวกสึนะ “โอ๊ะ ที่อุ้มอยู่นั่นมันอะไรน่ะ” ซีลอนเหลือบมองหมวกกันน็อกสีดำที่มีเขาแหลมทรงแปลก ๆ
“พี่ซีน! ดูสิ!” แรมโบ้วัยสิบห้าอุ้มอวดหมวกกันน็อก “นี่เป็นวองโกเล่เกียร์ของผมล่ะ!” เขายิ้มแย้มด้วยสีหน้าไร้เดียงสา แรมโบ้ที่โตขึ้นมาสุภาพขึ้นแล้วก็ตัวสูงขึ้น เมื่อครู่ตอนที่เข้ามาในงานเขาไม่ได้เดินอยู่กับบอสถึงไม่โดนเอ็นมะทำร้าย
“รุ่นปรับใหม่สร้างและกลายลักษณะไปในแบบที่เหมาะสมกับผู้ใช้ที่สุดสินะ? น่าสนใจนี่ ผู้พิทักษ์ทุกคนคงเหมือนกันได้ของเล่นใหม่...แต่ก็นะพวกเราก็จะยี่สิบห้าแล้วคงรีแอคชั่นไม่เยอะเท่านาย อ๊ะ นี่เจ้ามุคุโร่รู้รึยังว่าว่าโคลมถูกพาไป เขาเพิ่งรู้ต้องฉุนแน่” เธอเพิ่งจะนึกได้ก็โทรสายเข้ามือถืออีกฝ่ายริงโทนเจ้าของเครื่องก็ดังขึ้นที่ทางเดิน อี้ผิงรีบจ้ำออกไปจากครัวส่วนแรมโบ้ก็หน้าซีดสวมหมวกกันน็อกแน่น
ผู้พิทักษ์สายหมอกปรากฏตัวพร้อมความหงุดหงิดผ่านทางสีหน้า เขาโกรธที่ใครบางคนไม่ยอมยื้อช่วยไม่ให้โคลมถูกพาตัวไป
“คิดจะบอกเรื่องนี้กับผมเมื่อไหร่ครับ?” ชายหนุ่มเขม่นใส่นักฆ่าผมเงินที่กำลังหยิบของกินใส่ตะกร้าราวกับจะไปปิกนิก
“ตอนที่โทร มันฉุกละหุกน่ะ แล้วก็เตรียมข้าวของสำหรับค้างแรมด้วยนายก็ต้องไปกับพวกเขา มีเกาะอยู่ห่างจากญี่ปุ่นไม่เท่าไหร่” เธอพูดไปทั้งที่ในปากยังคาบแอปเปิลกระต่ายที่เตรียมเอาไว้ให้แขกช่วงหลังพิธีส่งมอบแต่ดันชวดเสียก่อน
“ถึงจะยอมเป็นผู้พิทักษ์ก็เพื่อหาวิธีใช้ร่างของซาวาดะ แต่ผมจะไม่เข้าไปสุมหัวหรือนอนพักอ้างแรมกับพวกมาเฟียที่ผมเกลียดหรอกนะ” มุคุโร่ยื่นคำขาดทำให้อีกฝ่ายต้องหันมาย่นคิ้วใส่
“แล้วแกจะไปช่วยโคลมยังไง” ซีลอนย่นคิ้วกลับ ผู้พิทักษ์อัสนีค่อย ๆ ย่องออกจากครัวไปโดยเงียบที่สุดอยู่ที่นี่ต่อไปเป็นเขาก็ห้ามสองคนนี้ทะเลาะกันไม่ไหวหรอกก็นักมายาอันดับต้น ๆ ทั้งคู่ แถมยังเป็นพวกใช้อาวุธเก่งแรมโบ้ผู้ไม่อยากถูกลูกหลงรีบเผ่นไปในทันที
“ไม่ใช่ว่านี่เป็นความรับผิดชอบของคุณหรอกเหรอครับ? ได้ข่าวว่าตอนซาวาดะกับพรรคพวกถูกอัดปางตายคุณก็แค่นั่งดูเฉย ๆ เหี้ยมกว่าที่จินตนาการเอาไว้เสียอีกนะ” มุคุโร่กอดอกแล้วปรายตามาตะกร้าปิกนิกที่หล่อนปิดฝาลง
“ศึกครั้งนี้ฉันยื่นมือเข้าไปไม่ได้” ซีลอนพูดอย่างตรงไปตรงมา “แต่เดิมตำแหน่งเงาหลังเก้าอี้เป็นแค่นักฆ่าที่ทำตามคำสั่งของคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ การจะยื่นมือเข้าไปช่วยไม่ใช่หน้าที่ของฉัน และอย่างยิ่งในกรณีนี้... มันเป็นเรื่องที่พวกนายต้องสะสางให้จบ” เธอหันไปจ้องคู่สนทนาแล้วกอดอกพิงสะโพกกับเคาท์เตอร์กลางครัวพร้อมจะคุยกันอีกยาวในเมื่อมุคุโร่เท้ามือกับตู้เย็นบังทางออกเธอที่ใกล้ประตูที่สุดเอาไว้
“ลองบอกเหตุผลมาสักสามข้อที่จะทำให้ผมทำตามที่คุณพูดหน่อยสิครับ?” มุคุโร่พ่นลมหายใจออกจมูกยกมือนวดหัวคิ้ว เขาไม่ชอบทำงานร่วมกับพวกสึนะเลยสักนิด เหยาะแหยะ อ่อนแอ ใจดีเกินไป เป็นมาเฟียแบบที่เขาเกลียดแท้ ๆ แต่นิสัยพวกนั้นไม่เหมือนมาเฟียสักนิดเดียว
“...” ซีลอนกลอกตาไปครู่หนึ่ง “ร่างที่นายใช้อยู่ที่เกาะนั่นโคลมของผมอย่างนู้นอย่างนี้ไม่โผล่ไปช่วยสิแปลก ต้องทำหน้าที่ผู้พิทักษ์สายหมอก แล้วก็ฉันมีเรื่องอยากให้ช่วยที่เกาะนั่น”
“เรื่อง?” มุคุโร่ขมวดคิ้วในประโยคสุดท้ายหลังจากแอบขำกับเหตุผลข้อแรกที่คล้ายจะประชดประชันเขาเล็กน้อย
“เฮลริงวงสุดท้าย มายาเขาสัตว์” แน่นอนว่าเธอไม่ชอบแพ้ การที่ทุ่มทุกอย่างหมดหน้าตักจนได้เอิร์ลเกรย์สุดที่รักผลมันก็เป็นที่น่าพอใจ จะมีอะไรราคาแพงไปกว่าชีวิตดังนั้นไม่ว่าจ่ายอะไรแลกไปก็ย่อมคุ้มค่า แต่ว่าหากมีโอกาสจะแข็งแกร่งขึ้นได้ไม่ว่าเล็กน้อยแค่ไหนก็ล้วนเป็นเรื่องคุ้มเสี่ยงจะลงทุน
“...พูดกันตามตรงแล้วถึงคุณจะได้มายาเขาสัตว์มาก็ไม่น่าจะชนะผมเหรอนะครับ...” มุคุโร่ไตร่ตรองถึงพลังระหว่างพวกเขาแล้วตัดสินใจห้ามตั้งแต่เนิ่น ๆ เธอจะได้ไม่ผิดหวังแล้วพาลหงุดหงิดมากนัก
“ชิ...” เป็นไปดั่งคาดว่านักฆ่าหลังเก้าอี้อยากจะแกร่งขึ้นกว่านี้
“งั้นก็ช่างเหอะ แกไม่ต้องไปแล้ว” เธอเดาะลิ้นแล้วโบกมืออย่างขอไปที
“คิดว่าเรื่องนั้นคงไม่ได้หรอกนะครับ ไม่ใช่ว่าเพราะเขาพาโคลมไปผมถึงยิ่งต้องปรากฏตัวรึไงครับ?” มุคุโร่ยักไหล่เดินอ้อมไปเปิดตะกร้าที่ซีลอนเตรียมเอาไว้ พวกมันเต็มไปด้วยอาหารแห้งและขนมปัง จะมีก็ข้าวโพดสดที่ต่างออกไปจากเมนูอื่น ๆ
“ไม่ใช่เพราะโคลมดูหิ้วง่ายปากเสียงน้อยที่สุดรึไง...ไม่สิเดี๋ยวก่อนนะหรือว่า... นายได้ข่าวมาแล้ว?” ซีลอนขมวดคิ้วหวังว่าสิ่งที่เขาได้มาจะไม่ใช่อย่างที่เธอคิด
“ครับถึงจะไม่มากเท่าไหร่แต่ก็พอคงทำให้คุณพอใจได้” มุคุโร่ยื่นเศษกระดาษหลายแผ่นให้กับนักฆ่าสาว พวกมันเป็นรูปและข้อความสั้น ๆ ต่าง ๆ
“โคซาร์ท ชิม่อนไม่ได้ตายและยังมีชีวิตอยู่โดยเก็บไว้เป็นความลับมาจนถึงตอนนี้” มุคุโร่เอ่ยยืนยันว่าประวัติศาสตร์ระหว่างวองโกเล่และชิม่อนมีบางสิ่งผิดพลาด
“โดยปกติแล้วเงียบหายไปเพียงสามถึงสี่รุ่นก็มากพอกับการปลอมแปลงตัวตนเพื่อออกมาจากเงามืดแล้ว เขามีเหตุผลอะไร” เธอไม่ได้สนใจมุคุโร่ที่หยิบพวกลูกอมกับช็อกโกแลตลงไปในตะกร้าเพิ่มอีกเพราะมัวแต่กลั่นกรองข้อมูลส่วนตัวที่ได้รับมาทั้งหมด
“เกาะลับ ดินแดนศักดิ์สิทธิ์ของชิม่อน การสืบทอดรักษาหลุมฝังศพ...” เธอพึมพำแล้วไถข้อความที่ลูกน้องทยอยส่งมาจากรายงานเท่าที่จะเจอในคลังอิตาลี่
“มีคนที่ไม่อยากให้ความจริงถูกเปิดเผย แต่ประโยชน์ล่ะ?” ซีลอนขมวดคิ้วก่อนจะเห็นว่าพ่อสายหมอกตัวดีเล่นใส่ของกินเล่นลงไปในตะกร้าจนพูน
“ไม่ได้ไปปิกนิกนะ...” เธอเหล่มองลูกอมลิ้นจี่กับช็อกโกแลตหลายห่อในตะกร้า
“คุณไปเป็นคนดูพวกเราสู้กันฟังยังไงก็ไปปิกนิกข้างสนามแข่งครับ แล้วก็ถึงจะไม่ชอบวิธีนั้นแต่ก็คงต้องตามน้ำไปสินะครับ ไอ้วิธีที่คุณชอบพูดว่าถ้าไม่ทำประมาณนี้เดี๋ยวอีกฝ่ายจะรู้ตัวเอาน่ะ” มุคุโร่กรีดยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา
“แหวนวงที่หกฉันเอามาไม่ได้แล้วแฮะ” ซีลอนเกาท้ายทอยหลังจากรู้ว่าจะเกิดอะไรขึ้นที่เกาะ
“ล้มเลิกการจะหาทางเอาชนะผมได้ก็ดีครับทางนี้จะได้เมื่อเหนื่อยรับมือตามมุมตึกอีก เข้ามาแต่ละทีอย่างกับโจร ไม่สิ ต้องชมว่าสมกับที่เป็นนักฆ่าถึงซ่อนตัวในเงาได้อย่างแนบเนียนสินะครับคุฟุฟุฟุฟุ” สายหมอกหนุ่มสัพยอกคนผมเงินแล้วหัวเราะ มันก็สนุกอยู่หรอกกับการได้สู้ด้วยโดยเฉพาะเธอที่เหมือนจะเก่งขึ้นทุกครั้งที่ได้ลับคม แต่ว่าเขาอยากให้อีกฝ่ายพึ่งพาเขามากกว่านี้อีกหน่อย...
“ไม่ได้ล้มเลิกแต่แหวนมันมีเจ้าของอยู่ ในรุ่นพรีโม่มีคนทรยศ จะว่าคล้ายกับเดชิโม่ก็ไม่ใช่ เพราะว่านายมันไม่แทงใครลับหลังหรอกจริงไหม มันเหมือนกับพวกที่นายเกลียด ดังนั้นถ้าจะเอาชนะก็ต้องทำให้เห็นซึ่งหน้า ชนิดที่ว่าไม่สามารถปฏิเสธความพ่ายแพ้ได้” เธอสบตาสองสีคู่สวย เขาคลี่ยิ้มอ่อนเพราะว่าที่อีกฝ่ายพูดมานั่นคือสิ่งที่เขาเป็น
“คงมีแค่คุณที่เข้าใจละมั้งครับ แล้วก็ซาวาดะกับโคลม ที่รู้ว่าผมไม่ได้ช่วยเพราะแค่รู้สึกอยากเล่นเป็นคนดีขึ้นมา...” ประกายแววตาของเขาอันตรายขึ้นมาวูบหนึ่งก่อนหายไป มุคุโร่จ้องดวงตาสีไพลินที่มีเพียงข้างเดียวกลับ
“อืม ไม่ได้หวังให้อยู่ดี ๆ มาเป็นเทวดาน้อยอย่างซือคุงหรอก แต่นายคงไม่ได้เอาชนะหมอนั่นเร็ว ๆ นี้เพราะเดี๋ยวก็จะทิ้งห่างนายไปแบบไม่เห็นฝุ่นอีกรอบ” ซีลอนพูดจาตรงไปตรงมาไม่มีการให้กำลังใจหรือยกยอสายหมอกแม้แต่น้อย มุคุโร่นึกฉุนก็กระแทกเสียงต่ำไม่สบอารมณ์
“เดี๋ยวเถอะครับ... ใช่สิผมน่ะไม่ใช่ซือคุงที่น่ารักอะไรของคุณนั่นหรอก ไม่มีทางเหมือนด้วย...อย่างเด็ดขาด” ซีลอนได้ยินแบบนั้นก็นั่งบนเคาท์เตอร์บาร์แล้วเอื้อมไปยีผมน้ำเงินสวยของอีกฝ่ายที่เริ่มทำสีหน้าไม่ถูก
“อืม ไม่ใช่หรอก ซือคุงก็รักแบบซือคุงไง นายก็น่ารักในแบบของนาย ถ้าเหมือนกันฉันก็ไม่ชอบนายหรอกจริงไหม?” นักฆ่าสาวไม่ยี่หระกับการพูดแบบขวานผ่าซาก เป็นฝ่ายมุคุโร่เสียเองที่ชะงักแล้วหน้าขึ้นสีแทน เขาแสดงสีหน้าคล้ายจะหงุดหงิดออกมาเพราะดูเหมือนจะเผลอใจเต้นไม่เป็นจังหวะไปกับคำพูดของอีกฝ่ายอีกแล้ว
“คุณนี่มัน...” มุคุโร่คิ้วกระตุกพยายามฝืนไม่ให้ตัวเองยิ้มพลางลูบสางผมตัวเองให้เรียบร้อย
“ไปเก็บของค้างแรมสักสามสี่วัน นายอยู่บนเรือไปก่อนค่อยตามไปสมทบ...อ้อแล้วก็วองโกเล่เกียร์...” ซีลอนนึกถึงอาวุธรุ่นอัพเกรดของสายหมอกแล้วก็หันไปถามเขาทางสายตา
“ไม่ครับยังไม่ได้แตะต้อง ถ้าจะตามน้ำแล้วผมก็ต้องไม่รู้เรื่องให้ถึงที่สุดจริงไหม? การเอาตัวโคลมไปแสดงว่าพวกนั้นยังไม่รู้ว่าผมกลับมาจากต่างประเทศแล้ว ถึงใช้โคลมมาบีบให้ผมปรากฏตัวด้วยการสิงร่างของสาวน้อยที่ห่างออกไป” มุคุโร่วิเคราะห์ออกมา
“งั้นทางนี้ก็ต้องเตรียมเรือเล็กถังน้ำมันเก๊กับกระเป๋าเก๊เท้งเต้งไว้กลางทะเลช่วงที่นายจะมาแค่จิตสินะ” ซีลอนพ่นลมหายใจนวกหัวคิ้ว “เอาเถอะมาตามน้ำไปให้สุดกัน ไม่อยากนึกถึงวิธีที่เจ้านั่นใช้เพื่อมีชีวิตมาจนถึงทุกวันนี้เลยแฮะ แล้วยิ่งไม่มีประวัติการใช้งานแบบนายด้วย” ซีลอนเหล่มองอีกฝ่ายอย่างหมั่นไส้
“รู้ขนาดนี้แล้วไม่บอกพวกเขาไปละครับว่ามันเป็นการตบตาของคนเพียงคนเดียว คนที่ร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์วองโกเล่” มุคุโร่กระตุกยิ้มยื่นหน้าเข้าไปใกล้นักฆ่าสาว
“พอดีว่าจะทำลายสถิติแล้วขึ้นทำเนียบคนที่ร้ายที่สุดในประวัติศาสตร์วองโกเล่แทนอ่ะนะ เพราะงั้นขอผ่าน...แต่ว่าถ้าเป็นแบบนั้นไม่เท่ากับว่าอีกฝ่ายเล็งย้อนมาใช้ร่างของนายที่ว่างเปล่าแทนหรอกเหรอ?” ซีลอนขมวดคิ้ว ถ้าหากผู้พิทักษ์สายหมอกรุ่นแรกยังมีตัวตนอยู่ละก็เขาก็ต้องเป็นผีไร้ร่างถูกต้องไหม?
“ก็คงจะแบบนั้นละครับ แต่นั่นก็เป็นเรื่องที่คุณกับซาวาดะต้องหาวิธีจัดการ เพราะถ้าผมไม่รอดพวกคุณก็คงไม่” มุคุโร่ไหวไหล่
“เออ งั้นไม่ขอปริปากบอกอะไรเหมือนศึกชิงแหวนแล้วกัน” นักฆ่าบ่นงึมงำจัดอาหารแห้งและกระติกกรองน้ำใส่เป้อีกใบ
“มั่นใจในบอสของตัวเองเสียเหลือเกินนะครับ ทั้งที่เขาแพ้เบียคุรันจนต้องหาตัวเองในอดีตมาเอาชนะ” ถ้าลำพังเป็นเขาตัดสินใจละก็ไม่ขอร่วมลงแผนทำตามน้ำเด็ดขาด ข้อมูลอะไรก็ไม่มี แต่กลับคิดเข้าข้างตัวเองว่าวองโกเล่จะชนะชิม่อนได้ทั้งที่เพิ่งถูกทำลายแหวนมาหมาด ๆ
“มันเปลี่ยนไปแล้วตอนนี้พวกเขามีความทรงจำของกันและกัน... อีกอย่างจบเรื่องนี้ลงนายคงแปลกใจว่าเราได้ใครมาเป็นพันธมิตรเพิ่ม” ซีลอนทิ้งท้ายเป็นปริศนาเอาไว้ก่อนหิ้วทั้งเป้และตะกร้าจากไป
ผู้พิทักษ์สายหมอกหนุ่มรั้งแขนของนักฆ่าหลังเก้าอี้เอาไว้
“ค่าข่าวละครับ?” เขายิ้มหวานไม่มีท่าทีจะปล่อยเธอไปง่าย ๆ
“ไว้รวบทีเดียวหลังกลับมาจากเกาะ” ซีลอนยังคงเป็นนักฆ่าที่ชอบผลัดจ่ายหนี้กับคนสนิทอยู่เช่นเคย
“น่าตีจริง ๆ ให้ตาย... เอางั้นก็ได้ครับถ้าอย่างนั้นจะเขียนใบลายื่นให้ก็แล้วกัน” เขาข่มขู่เธอด้วยแววตาพราวระยับ
“ไหน ๆ จะเขียนใบลาไว้ไปเที่ยวกันสักหน่อยไหม มัลดีฟส์เป็นไง?” เธอไหวไหล่ไม่คิดมากเรื่องคำขู่แล้วชวนเขาไปพักร้อนไกลจากญี่ปุ่น
“แค่คุณกับผม?” แน่นอนว่าเขาถูกเธอกระตุ้นความสนใจให้หัวข้อสนทนาใหม่อีกครั้ง ถ้าเป็นแบบนั้นค่อยไปเก็บดอกเบี้ยต่าง ๆ นานา ที่มัลดีฟส์ก็ไม่เลวเท่าไหร่
“อยากให้ไปทั้งแก๊งเลยมากกว่าทั้งวองโกเล่และชิม่อน” คนเอ่ยชวนไม่ได้รู้เลยว่าทำชายหนุ่มเริ่มหงุดหงิดอีกรอบ
“หึ เป็นเงาที่รักคนนั่งเก้าอี้เสียเหลือเกินนะครับ” เขากอดอกพ่นลมหายใจออกจมูกฉุน ๆ
“ทำงานหนักก็ต้องพัก อีกอย่างถ้าบอสไปทุกคนก็ได้ไปด้วยแบบไม่เสียค่าใช้จ่าย... ไม่คิดงั้นเหรอ?” นักฆ่าผมเงินแสยะยิ้มแล้วแทรกตัวหลบสายหมอกหนุ่มออกไปจากครัว มุคุโร่มองรอยยิ้มนั่นก็คิดขึ้นมาในใจว่าถ้ามีใครจะสามารถเป็นคนทรยศเหมือนรุ่นพรีโม่ได้ละก็คนคนนั้นคงต้องเป็นคนที่ยืนอยู่หลังสึนะอย่างไม่ต้องสงสัย แต่ว่าเหตุผลที่จะทำให้เธอทรยศวองโกเล่แฟมิลี่น่ะมันไม่มีอีกต่อไปแล้ว ถึงได้ปลอดภัยอยู่ทุกวันนี้
เรือสำราญใหญ่สามลำที่เต็มไปด้วยกำลังพลและทีมสนับสนุนแล่นอยู่บนน่านน้ำเหนือประเทศญี่ปุ่นขึ้นไป พวกเขามุ่งหน้าไปยังเกาะที่ไม่ปรากฏบนแผนที่ จนกระทั่งเมื่อมาถึงกลับไม่เห็นวี่แววของเกาะทั้งที่ตำแหน่งพิกัดที่ถูกบันทึกนั้นน่าจะถูกต้อง
“เรือหยุดแล้ว ถึงแล้วเหรอ?” เรียวเฮมีหน้างุนงง เขามองไปทางไหนก็ไม่เห็นเกาะสักนิดแม้แต่โขดหินยังไม่มี
“ถึงจะไม่เห็นอะไรก็ตามแต่นี่มันสมัยไหนแล้ว เกาะที่ไม่ถูกค้นพบจากดาวเทียมมันเป็นไปไม่ได้หรอก คงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากมายาพรางตาคลุมเกาะเอาไว้...ถ้าไม่ใช่พลังของผู้คนก็คงเป็นเครื่องมือขนาดใหญ่ทีเดียว” สึนะในวัยยี่สิบห้านั้นรอบคอบและคิดให้มากขึ้น
เขามั่นใจว่าจีอ๊อตโต้ผู้เป็นพรีโม่วองโกเล่นั้นเขาไม่ใช่คนที่จะหลอกใช้คนอื่นเป็นหมากเบี้ย
“แสงนั่น... อากาศกำลังแตก? ภาพมายาจริงๆสินะ” สึนะทวนสิ่งที่เห็นออกมาเป็นคำพูด และนั่นเป็นไปตามคำคาดการณ์ของเขา ทั้งที่จะปิดเกาะจนกว่าพลังจะฟื้นฟูครบสมบูรณ์ก็ได้แต่พวกเอ็นมะเลือกจะเปิดเกาะท้าทายพวกเขา
“เอ็นมะกำลังรอพวกเราเพื่อจบเรื่องนี้อยู่” สึนะพ่นลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน เขาไม่อยากสู้กับเพื่อน เอ็นมะไม่ใช่ศัตรูของเขา และเขาก็มั่นใจมากว่าพรีโม่ไม่ได้ทรยศชิม่อน รุ่นพี่ซีลอนบอกว่าสุดยอดลางสังหรณ์ของเขามันทำงานได้ดีแล้วก็จงเชื่อมั่นในมันและไปปรับความเข้าใจกับเอ็นมะที่หน้ามืดตามัวไปกับการแก้แค้นซะเขาก็จะทำแบบนั้น
“เอาเรือเล็กไปกันเถอะ เรือสำราญคงเข้าไปทางหาดไม่ได้” สึนะหันหลังกลับไปโดยมีลูกน้องรุ่นที่เก้านำทางไปที่เรือเล็ก เป้สำหรับข้างแรมในป่า ถุงนอนและอาหารกับของใช้จำเป็นถูกจัดเตรียมเอาไว้หมดแล้ว
ซีลอนลงมานั่งในเรือด้วยพร้อมกับแรมโบ้
“รุ่นพี่ก็จะไปด้วยสินะครับ ไม่ต้องก็ได้นะ...” สึนะรู้สึกเกรงอกเกรงใจที่อีกฝ่ายต้องไปพักอ้างแรมในป่ากับพวกเขาที่มีแต่ผู้ชาย และในศึกนี้เขาคิดว่าเธอคงไม่ต้องลงมือ มันเป็นเรื่องที่พวกเขาต้องสะสางเท่านั้น
“คิดซะว่าฉันเป็นวอร์เปเปอร์แล้วกัน ยังไงก็ควรมีคนที่ใช้กระเป๋าพยาบาลเป็นใช่ไหมล่ะ แล้วก็กางเต็นท์จุดไฟ” นักฆ่าเอ่ยแขวะเหมือนทุกที
“โธ่ รุ่นพี่ครับผมกับโกคุเทระดูเหมือนตั้งเต็นท์ไม่เป็นรึไง” สึนะหัวเราะแห้ง
“เอาน่า ฉันไม่สอดมือเข้าไปยุ่งเรื่องของพวกนายหรอกเพราะว่ามาในฐานะนักสังเกตการณ์น่ะ เหมือนอาจารย์นั่นแหละ” เธอบุ้ยปากไปทางทารกนักฆ่าที่ไม่โตขึ้นเลยแม้จะผ่านมานานแค่ไหน
“ปากดี จมน้ำตายตอนนี้เลยดีไหม?” รีบอร์นขยับซองปืนไม่ไว้หน้าลูกศิษย์
“อย่าพาลดิอาจารย์ รู้น่าว่าคันไม้คันมือจะแย่แต่ผู้สังเกตการณ์สองคนย่อมเก็บรายละเอียดได้ดีกว่าคนเดียวจริงไหมล่ะ?” นั่นเป็นคำอ้างของหล่อนเพื่อใช้ตัวเองเป็นตัวบอกตำแหน่งสำหรับคนที่จะมาสมทบในภายหลังก็เท่านั้นและเธอยังอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักหน่อย ว่าผีที่ทนอยู่มาถึงตอนนี้จะมีฝีมือระดับไหน
เมื่อไปถึงบนหาดพวกเขาก็เข็นเรือยางไว้สูงห่างจากน้ำทะเลเพื่อกันไม่ให้ถูกน้ำขึ้นซัดไปก่อนจะมุ่งหน้าเดินเท้าเข้าไปในเกาะจนกระทั่งเจอกับพวกชิม่อนเข้าที่ยืนอยู่ริมผาอันเป็นซากบันไดระเกะระกะ
พูดคุยคล้ายหยอกล้อเชิงข่มขู่กันครู่เดียวคนประสาทไวที่สุดในกลุ่มอย่างรีบอร์นกับซีลอนก็สะบัดหน้าไปทางเดียวกัน
“เดี๋ยวก่อน... ทำไมถึงอยู่ที่นี่ ผู้คุมกฎมาทำอะไรในเวลาแบบนี้กัน?” ทารกนักฆ่าคิ้วกระตุก แขกไม่ได้รับเชิญที่พวกเขามาเฟียให้ความยำเกรงที่สุดในโลกเบื้องหลัง
“วินดิเช่...” ซีลอนเหงื่อไหลซึมเมื่อปะทะกับแรงกดดันพิเศษของกลุ่มผู้คุมกฎมาเฟีย เอ่ยถึงชื่อของกลุ่มคนที่ไม่ว่าใครก็ต่างไม่อยากมีเรื่องบาดหมางด้วย ชายสามคนในชุดคลุมยาวสีดำหมวกทรงสูง ถุงมือ และผ้าพันใบหน้าจนไม่สามารถบอกอัตลักษณ์ได้ว่าเป็นใครโผล่ออกมาจากลุ่มหมอกบนเชิงผาสูงขึ้นไปอีก
“ฉันไม่ได้เชิญพวกนายมา... หรือพวกนายต้องการจะพาพวกวองโกเล่ไป?” เอ็นมะเหลือบมองกลุ่มแขกที่รุกล้ำเกาะส่วนตัวของชิม่อนแฟมิลี่อย่างไม่เป็นมิตร
“เปล่าเลย... พวกเรามาเพื่อล้างแค้น พวกเรานั้นมีแต่ความชิงชัง และมาที่นี่ก็เพื่อจุดประสงค์เดียว... ทำให้คำสาบานของวองโกเล่ จีอ๊อตโต้ และ ชิม่อน โคซาร์ท ให้สำเร็จ...” หนึ่งในกลุ่มวินดิเช่เอ่ยด้วยเสียงราบเรียบ
นั่นทำให้สึนะและเอ็นมะสนใจขึ้นมาบ้าง คำสาบานของทั้งคู่? ในแง่ไหนกันล่ะ
“จีอ๊อตกับโคซาร์ทเป็นเพื่อนสนิทกัน... แต่ไม่อยากเชื่อเลยว่าทั้งสองคนจะสู้กันเอง พวกเราจึงมาล้างแค้น” วินดิเช่ย้ำคำ
“ต้องเข้าใจอะไรผิดกันแน่ๆ” สึนะยังคงเชื่อมั่นในพรีโม่ของแฟมิลี่ตนเองนภาผู้นั้นไม่เหมือามาเฟียคนอื่น
“ไม่หรอก...” เอ็นมะปฏิเสธคำพูดของนภารุ่นสิบจากวองโกเล่เขายังเชื่อมั่นสิ่งที่เขาได้รับรู้มาโดยตลอด
“มันมีคำสาบานระหว่างพวกเขา... ใครที่แพ้จะต้องถูกจองจำในคุกน้ำตลอดชีวิต” แน่นอนว่าวินดิเช่ไม่ฟังคำค้านของสึนะ เอ็นมะเองกลับเห็นด้วยกับวิธีการนี้ ถ้าแค่ชนะและฆ่าไม่ได้... การขังเอาไว้ในสถานที่มืดมิดเย็นชืดตลอดกาลมันน่าจะเป็นการกระทำที่คืนสนองบาปแก่เหล่าวองโกเล่ที่ทำกับชิม่อนเอาไว้ได้
“ฉันตกลง...” เอ็นมะเอ่ยปากยินยอมข้อตกลงของผู้คุมกฎโลกมาเฟีย และเมื่อมีคำยินยอมจากหนึ่งฝ่ายวินดิเช่จึงเอ่ยตัดบทเพิ่มเริ่มจับตามองพวกเขาในฐานะกรรมการคนกลาง
“เช่นนั้นทุกอย่างก็จะเริ่มขึ้น การต่อสู้ของจีอ๊อตโต้และโคซาร์ท ณ บัดนี้” วินดิเช่ถอยหลังคล้ายจะหายเข้าไปในหมอกก็หันกลับมาอีกครั้งเพื่อให้เข้าใจตรงกัน
“เพื่อไม่ให้สับสน เราจึงขอแจ้ง พวกเราไม่ใช่ผู้ตัดสินการต่อสู้ครั้งนี้ พวกเราคือผู้คุมกฎจึงจะไม่ฟังคำสั่งจากคุณคนใดทั้งนั้น และพวกเราแค่เพียงรอคอยให้มีผู้แพ้ในศึกนี้เท่านั้น”
“เดี๋ยวก่อน! แล้วจะตัดสินด้วยวิธีไหนยังไงกับผู้แพ้ล่ะ!” อเดลไฮด์ตะโกนย้อนถาม น่าแปลกที่แม้อยู่ห่างออกไปแต่เสียงของวินดิเช่นั้นชัดเจนราวไม่ได้อยู่บนเชิงผา ขณะที่พวกเขาต้องตะโกนโตอบ
“การเดิมพันครั้งนี้คือความภาคภูมิใจ... ดังนั้น ผู้แพ้จะต้องเสียความภาคภูมิใจไปจนหมดสิ้น”
‘ความภาคภูมิใจ ทั้งหมด?’ ซีลอนทวนคำคำนั้นในใจแล้วเหลือบมองสึนะกับผู้พิทักษ์ที่เหลืออยู่
‘คงต้องเร่งให้ทางนั้นรีบส่งตัวยามาโมโตะมาที่นี่ซะแล้ว’ เธอกลอกตาคิด พลางนึกเล่นเรื่อยเปื่อย ผู้พิทักษ์แต่ละคนมีความภาคภูมิใจต่างกันและสำหรับโกคุเทระคงเป็นตำแหน่งมือขวาอย่างไม่ต้องสงสัย และในส่วนของสึนะก็คงเป็นพวกพ้องรอบกายที่คอยสนับสนุนแม้ว่าเขาจะอ่อนแอ
สำหรับเธอความภาคภูมิใจก็มีเพียงเรื่องเดียว กำหนดชะตาตัวเองถ้ารู้ว่าเปลี่ยนมันได้ก็จะทุ่มหมดหน้าตักและถ้าไม่รู้ถึงวิธีการพลิกผันโชคชะตาก็จะทุ่มสุดกำลังเพื่อหาหนทางในความมืดมิดนั่น ภาคภูมิใจในความรั้นของตัวเองและฝาแฝด
“ประวัติศาสตร์ของชิม่อนเริ่มที่เกาะแห่งนี้ ประวัติศาสตร์ที่ขมขื่นเจ็บปวด สู้กันตัวต่อตัวเพื่อไปยังจุดหมายปลายทาง พวกเราจะรออยู่ที่นั่น” เอ็นมะเลือกวิธีการให้เหล่าแขกผู้มาเยือนยังรังของเขา เลือกวิธีที่จะให้สึนะเจ็บปวดที่สุดด้วยการหักแขนขาที่ชื่อว่าผู้พิทักษ์ของเขาทีละข้าง ให้ตายทั้งเป็นเมื่อเห็นเพื่อนและครอบครัวตายต่อหน้าเหมือนกับที่เขาเผชิญ
เขาเรียกมันว่าการแก้แค้น ถลำลึกและก้าวลงไปในโคลนแห่งความอาฆาตโดยที่ไม่รู้ว่าตัวเองก็เลือกเส้นทางที่ไม่ต่างจากคนที่เขานั้นเกลียดชังนักหนา
ซีลอนมองวิธีการของเอ็นมะและสะท้อนขึ้นมาในใจ แก้แค้นของเอ็นมะกับมุคุโร่มันต่างกันมาก มากอย่างไม่อาจเปรียบทั้งที่มีความแค้นสุมเต็มอกเช่นเดียวกัน คนผู้หนึ่งเลือกจะใช้วิธีเดียวกันย้อนเกล็ดคืนสนอง อีกคนเลือกจะไม่ใช่วิธีเดียวกันกับคนที่ตัวเองเกลียดไปจัดการต้นตอความชิงชังเหล่านั้น
‘จะเรียกว่าเพราะโตและรอบคอบหรือเพราะทิฐิสูงดีนะ?’ ซีลอนกระตุกยิ้มใต้มือที่ยกขึ้นลูบหน้าราวกับคิดหนัก
‘แต่ความหัวแข็งนั่นแหละนี่น่าเอ็นดู การแก้แค้นโดยใช้วิธีที่รุนแรงเบ็ดเสร็จเด็ดขาดและขาวสะอาดยิ่งกว่า’
Red herring หมายถึงข้อมูลที่ทำให้เข้าใจผิด, ข้อมูลที่ทำให้หลงผิด
ตอนนี้ยังสถิติมาช้าเช่นเคยเอื้อะะะ นั่งไล่อ่านรีบอร์นใหม่ช่วงศึกชิม่อนแล้วก็คิดว่าจะเปลี่ยนตรงไหนบ้างถ้าเกิดมันเป็นอีกยุคสมัย สุดท้ายแล้วก็เลยลงเอยประมาณนี้ค่ะ!
ความคิดเห็น