ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ฟิคKHR/Reborn]TRICK OR TREAT~ แต่ว่าผมน่ะยังไงก็เลือกหลอกล่ะนะ~

    ลำดับตอนที่ #22 : | 22 | Spill The Beans | พันธมิตรทรยศ

    • อัปเดตล่าสุด 19 ก.ย. 63


    “ทำหน้าเหมือนจะไปฆ่าคนเลยนะครับ ฟุฟุฟุฟุ” | มุคุโร่

    ยามาโมโตะนัดเจอกับเพื่อนใหม่ที่แสนขี้อายของเขาแม้จะตัวโตผิดกับชาวบ้าน พักหลังมานี้พวกเขาเจอกันบ่อยเนื่องจากนอกเวลาคุ้มครองสึนะพวกเขาก็ไปที่สนามเบสบอลด้วย คาโอรุนั้นเป็นหนึ่งในสมาชิกจากชิม่อนแฟมิลี่ที่พักอาศัยอยู่แถวนี้ชั่วคราว วันนี้พวกเขาก็ยังเล่นเบสบอลด้วยกัน

    กริ๊ง... แหวนที่ถูกพันด้วยอะไรบางอย่างกลิ้งตกลงมาต่อหน้าผู้พิทักษ์วรุณ ยามาโมโตะเลิกคิ้วและหยิบมาขึ้นมา

    “เอ๋ ชิม่อนแฟมิลี่ก็มีแหวนสืบทอดสินะ เหมือนพวกเราเลย!” เขายิ้มสดใสรู้สึกดีใจที่แฟมิลี่พันธมิตรเองก็มีแหวนส่งทอดจากรุ่นสู่รุ่นเหมือนกัน

    “อ อื้ม!” คาโอรุลนลานที่จะรีบฉวยแหวนของตนคืนสิ่งที่ห่อหุ้มแหวนนั้นจึงหลุดออก ตราวองโกเล่ที่ถูกกากบาทและเขียนทับด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษก็ปรากฏต่อสายตาของทั้งคู่

    วินาทีนั้นคาโอรุจึงไม่มีทางเลือกอื่นอีก...

     

     

    โทรศัพท์ของซีลอนมีสายเรียกเข้าขณะที่กำลังเท้าเก้าอี้ลูกน้องหน่วยข่าวกรองที่นำข้อมูลขึ้นมอนิเตอร์ ณ ฐานลับใต้ดินวองโกเล่ แม้จะหงุดหงิดที่ถูกขัดจังหวะแต่เธอก็รับสายจากนั้นจึงมีสีหน้าเคร่งเครียดกว่าเดิม

    “เข้าใจแล้ว สถานที่เกิดเหตุล่ะ? ฉันจะไม่ไปโรงพยาบาลหรอกนะ แต่จะดูที่เกิดเหตุให้อาจารย์ต้องอยู่ที่นั่นแน่ แล้วจะส่งตามไปสมทบ ประกบสึนะให้ดีหยุดลนได้แล้วโกคุเทระ พวกเราอยู่ในโลกที่การเลือดตกยางออกมันเป็นเรื่องปกติ” นักฆ่ากดเสียงต่ำแล้วเป็นฝ่ายตัดสายทิ้งเสียเอง

    “ส่งข่าวไปบอกอัลม่า ฉันต้องการกล้องวงจรปิดทุกตัวข้างเคียงพื้นที่เกิดเหตุและข่าวสารทั้งหมดเท่าที่จะหาได้ บอกไปเลยว่าค่าใช้จ่ายทั้งหมดจะส่งเช็คไม่มีตัวเลขไปให้เขียนเอง” เธอกำชับกับลูกน้องแล้วขึ้นลิฟต์ไปยังขั้นพื้นดิน ปลดปลอกผมที่ทำด้านนอกหลอกว่าเป็นผ้าพันและมัดผมใหม่ให้แน่นขึ้นก่อนจะใส่ปลอกผมกลับเข้าที่เดิม

    “หน้าเหมือนจะไปฆ่าคนเลยนะครับ ฟุฟุฟุฟุ” มุคุโร่ทักอีกฝ่ายทันทีที่ออกจากลิฟต์สวนกับเขา

    “ถ้าอยู่แถวสถานที่เกิดเหตุก็จะเชือดเอาหัวไปเซ่นบอสอยู่หรอก แต่คนขวัญอ่อนแบบนั้นคงไม่ชอบศพเท่าคนเป็น” เธอยักยิ้มล้อเลียนหัวหน้าของตัวเองพลางเหล่มองสายหมอกที่เข้าไปในลิฟต์

    “ระวังตัวด้วยมุคุโร่ พวกกีกูก็เสร็จมันไปแล้ว” เธอให้คำเตือนกับเขาก่อนจะแยกกัน สายหมอกลูบรอยยิ้มของตนแล้วหัวเราะให้ตัวเองในเงาสะท้อนจากกระจกในลิฟต์

    “อยากให้ห่วงตัวเองมากกว่านี้อีกสักหน่อยนะครับ” เขารำพึงรำพัน พลังของเธอต่างหากที่ไม่แกร่งเหมือนเดิมสวนทางกับพวกเขาที่เก่งขึ้นทุกขณะ เก่งอย่างก้าวกระโดดเมื่อได้รับความทรงจำร่วมกับตัวเองวัยเยาว์ที่ข้ามเวลามาที่นี่ มุคุโร่ไม่ได้ผลประโยชน์อะไรนักเพราะเขาเองไม่ได้สลับตัว แต่นี่น่าจะดีกว่าเพราะขืนให้เขาในอดีตที่แสนจะปวกเปียกเพราะอยู่ในคุกน้ำมาสู้คงจะทนได้ไม่เท่าไหร่

    มุคุโร่ลงไปที่หน่วยข่าวกรองและส่งมอบข้อมูลที่เขาได้มาส่วนหนึ่ง แต่ทุกอย่างมันคงกำลังจะเริ่มในไม่ช้า ต่อให้รู้ว่าเป็นใครที่เข้ามาก่อกวนก็คงต้องปล่อยให้เป็นไปตามนั้น เขายังต้องการร่างของซาวาดะ สึนะโยชิ ยังอยากจะกวาดล้างโลกเบื้องหลังด้วยการชักใยควบคุมวองโกเล่อยู่แม้จะผ่านมานานแล้ว

     

     

    ในสถานที่เกิดเหตุซีลอนกับรีบอร์นสำรวจพื้นที่โดยรอบในห้องล็อกเกอร์ก่อนที่จะออกไปยังสนามเบสบอล พวกเขามายืมใช้สนามเบสบอลของนามิโมริเป็นบางครั้ง ยามาโมโตะเป็นที่รู้จักของเด็กในชมรมแม้จะผ่านมาหลายรุ่นแล้วว่าเป็นรุ่นพี่ฝีมือดีที่กระทั่งตอนนี้ก็ยังคงเล่นเบสบอลอยู่

    ซีลอนขมวดคิ้วเมื่อเห็นปริมาณเลือดบนพื้น เธอกวาดตาสำรวจไปรอบห้องล็อกเกอร์มีรอยเท้าของเรียวเฮที่เข้ามาช่วยพยุงยามาโมโตะออกไปโรงพยาบาล ใต้ผืนเลือดใหญ่นั่นมีร่องรอยของการเขียนตัวอักษรอยู่เพราะทิศทางเลือดเพี้ยนไปจากส่วนมากในที่เกิดเหตุ

    “เดริโตโตะ?” รีบอร์นเลิกคิ้วอ่านตัวอักษรฮิรางานะบนพื้น คำคำนี้ในภาษาญี่ปุ่นนั้นไม่มีความหมาย

    “Delitto?” ซีลอนทวนขึ้นด้วยอีกสำเนียงเพราะถ้าเป็นคำของอิตาลี่แทนมันจะมีความหมายขึ้นมา

    บาปอย่างงั้นรึ?” ทารกนักฆ่าขมวดคิ้ว

    “บาปนั่นแหละ คงไม่มีอย่างอื่นนอกจากพิธีสืบทอดมรดกของวองโกเล่ ไอ้ของในกล่องนั่นคือบาปจากพรีโม่ใช่ไหมล่ะ” ลูกศิษย์นักฆ่าถอนหายใจ ข้อมูลนี้มีแค่คนในวองโกเล่มีกี่คนที่รู้ ซีลอนเป็นหนึ่งในนั้นเพราะเธอทำงานให้รุ่นที่เก้ามาโดยตลอด ได้รับทั้งความเอาใจใส่และเอ็นดูเป็นอย่างมากอาจจะในฐานะหลานอีกคน

    “กลุ่มนักฆ่าจากรัสเซียพวกกีกูก็โดนเล่นงานซะเละหลังจากเจอหางพวกที่จะมาก่อความวุ่นวายในงานพิธี” เธออธิบายพลางกอดอกพิงกรอบประตู

    “จะเอายังไงล่ะอาจารย์~ แสร้งทำเป็นไม่รู้ต่อไปให้พวกนั้นโผล่ออกมาเองดีไหม?” คนผมเงินไม่ใส่ใจเท่าไหร่ที่มีพวกมาหาเรื่องถึงหน้าประตูบ้าน

    “ต้องเป็นแบบนั้นไปก่อน...” รีบอร์นขยับปีกหมวกไม่สบอารมณ์

    “รับผลกรรมทั้งที่ไม่ได้เป็นคนทำนี่ไม่เข้าท่าเลยแฮะ” เธอเบะปากพึมพำแล้วหมุนตัวออกไปจากห้อง “ไม่ไปส่งนะ ลูกศิษย์จะไปตรวจดูสถานที่จัดงานพรุ่งนี้สักหน่อยเผื่อว่ามีอะไรจะได้สร้างเครื่องทุ่นแรงเอาไว้”

    “ฝากด้วยล่ะ” รีบอร์นเหล่มองซีลอนปล่อยให้เธอทำงานไปขณะที่เขาคงต้องไปหาเจ้าพวกนั้นที่โรงพยาบาลและอธิบายสถานการณ์ ทารกนักฆ่าตั้งใจจะปิดข้อมูลบางอย่างเอาไว้และบอกแค่เท่าที่พวกสึนะรู้แล้วฝ่ายศัตรูที่แฝงตัวอยู่จะไม่ไหวตัวทัน

    วันต่อมาในงานพิธี กลุ่มวองโกเล่รุ่นที่สิบและเหล่าผู้พิทักษ์ก็มาถึงสถานที่จัดงาน ซีลอนอยู่ดูแลความปลอดภัยใกล้ ๆ แต่ไม่ได้ช่วยโคลมในการสร้างภาพมายาผู้พิทักษ์วรุณ เธอเก่งพอจะทำมันได้ด้วยตัวเองและพอจะทำให้คนนอกไม่ทันสังเกตว่าอีกฝ่ายเป็นตัวปลอม

    “ว้าว เช่าปราสาทหมดนี่เลยเหรอ?” เรียวเฮผิวปากเมื่อยืนอยู่หน้าทางเข้า กลุ่มของรุ่นที่สิบและผู้พิทักษ์นั้นเป็นกลุ่มเดียวที่ได้รับอนุญาตให้พกอาวุธได้ เมื่อพวกเข้าเดินเข้ามา ไนโต้ ลอนซาน ที่รู้จักกับซาวาดะก็รีบเข้ามาทักทาย และเขาเป็นคนแรกที่สังเกตว่ายามาโมโตะวันนี้ดูเกร็ง ๆ กว่าทุกวัน

    ซีลอนบอกกับโคลมว่าไม่จำเป็นต้องทำให้เหมือนเป๊ะเอาแค่ตบตาพวกระดับกลางลงไปได้ก็พอ ส่วนนิสัยเจ้าคนยิ้มร่าได้ทุกวี่ทุกวันเธอก็ไกด์เอาไว้ให้นิดหน่อย เพราะโคลมไม่ได้ติดต่องานกับผู้พิทักษ์วรุณนักเลยไม่รู้นิสัยบางอย่างของเขา พวกนอกแก๊งไม่มีใครจับสังเกตได้แน่จะมีก็แต่พันธมิตรที่ร่วมศึกกันมาอย่างคาบัคโรเน่กับวาเรียที่คงจะจับไต๋ภาพมายาของโคลมได้ในทันที สำคัญก็คือหาคนที่ตกใจเมื่อเห็นยามาโมโตะอยู่ในสภาพปกติ

    นักฆ่าสาวผมเงินยืนมองแขกในสวนจากระเบียงชั้นสามแล้วถอนหายใจยาวหันหลังให้ทิวทัศน์นั่น พลางหมุนซองกระดาษรูปถ่ายที่ได้รับมาจากอัลม่าผู้ขยันขันแข็ง นักแฮกเกอร์อันดับสี่ของโลกเบื้องหลังที่ตอนนี้กลายมาเป็นพันธมิตรเงาของวองโกเล่

    ด้านในบรรจุภาพของคาโอรุที่เปื้อนเลือดในระยะรอบนอกนามิโมริ เธอเผามันทิ้งทั้งซองหลังจากที่เห็นมันแล้ว รีบอร์นไม่จำเป็นต้องเห็นเพราะเขาคาดการณ์เอาไว้อยู่แล้ว และคนอื่นก็ไม่จำเป็นต้องรู้เพราะพวกเขาจำเป็นต้องเผชิญหน้ากันในลักษณะนี้เข้าสักวัน จากเรื่องราวในอดีตที่เล่าขานกันมาว่ารุ่นพรีโม่ของวองโกเล่ซึ่งได้ทำการทรยศชิม่อนเอาไว้

    วาเรียลงจากเฮลิคอปเตอร์เข้ามายังสถานที่จัดงานโดยไร้ซึ่งผู้นำกลุ่มอย่างซันซัส ในคราวนี้เป็นผบ.ฉลามคลั่งที่ออกงานในฐานะตัวแทนคนสำคัญจากวาเรียและผู้พิทักษ์ที่เหลือ

    พวกระดับต่ำเซ็งแซ่กันถึงระดับความกดดันที่ฝ่ายวาเรียยังไม่ทันจะได้แผ่ออกมาก็ระแวงตัวกันไปเอง ซีลอนมองคนพวกนั้นแล้วยิ้มเยาะ ต่างจากพวกระดับสูงที่สงวนท่าทีและเพียงมองสังเกตการณ์เงียบ ๆ ในงานมีแฟมิลี่มากมายมารวมตัวทั้งกลุ่มมาเฟีย และนักฆ่าจากทั่วโลกเพื่อเป็นสักขีพยานในการรับสืบทอดมรดกของวองโกเล่

    กลุ่มตัวแทนแขกหญิงบางคนตื่นเต้นกับบอสคาบัคโรเน่ ส่วนพวกผู้ชายก็สนใจความน่าเกรงขามของหน่วยวาเรียกลุ่มนักฆ่าหัวกะทิใต้สังกัดวองโกเล่ มีคนอยู่มากที่คิดว่าซันซัสจะได้ขึ้นเป็นเดชิโม่ ทว่าสึนะผู้ดูปวกเปียกกลับได้รับตำแหน่งนั้นไปแทน

    “นายนี่ไม่เปลี่ยนเลยนะ แล้ว...ซันซัสล่ะ?” ดีโน่หันไปทักทายสควอโล่

    “มาก็บ้าแล้วเฟ้ย!! บอสของพวกเราไม่มีทางมาหรอก!” ฉลามคลั่งเหวลั่นใส่เพื่อนสมัยเด็กทันที

    “แล้วนี่แกคงไม่ได้โดดฝึกหรอกนะ” พิรุณแห่งวาเรียสะบัดหน้าไปถามพิรุณของเดชิโม่ ยามาโมโตะมายายิ้มเหมือนทุกที แต่คำตอบนั้นต่างออกไป

    “แฮะๆ แน่นอนว่าไม่อยู่แล้วน่า” ทั้งดีและสควอโล่พร้อมใจกันจับไหล่สึนะคนละข้างบีบให้แยกตัวออกมาคุย

    “ยามาโมโตะ ทาเคชิ อยู่ที่ไหน?” ผบ.วาเรียถลึงตาใส่อย่างเคร่งเครียดกระซิบกระซาบเพราะตัวจริงมันไม่เคยจะตอบแบบนี้หรอก

    “เราไม่บังคับนายหรอก แต่ถ้ามีปัญหาบอกมาทางนี้ก็พร้อมจะช่วย เข้าใจนะสึนะ?” ดีโน่กระซิบ ก่อนที่ทั้งคู่จะผละออกไปและกล่าวว่าไว้เจอกันใหม่

    “...พลังของฉันอ่อนไปรึเปล่านะ?” โคลมขมวดคิ้วเมื่อรู้ตัวทั้งสองคนดูออก แต่มาม่อนก็ลอยมาใกล้และเอ่ยชมอีกฝ่าย

    “เธอทำได้ดีแล้ว เจ้าพวกนั้นมันอยู่ในระดับที่แยกแยะภาะลวงตาได้เพราะงั้นมั่นใจในตัวเองไว้เถอะ เธอกดพลังเอาไว้ใช่ไหมล่ะ” มาม่อนพ่นลมหายใจออกจมูกหยิ่ง ๆ

    “ค่ะ คุณซีลอนบอกว่าทำให้อยู่ในระดับกลางค่อนไปสูงก็พอไม่ต้องทำถึงขนาดให้ระดับสูงก็แยกไม่ออก” โคลมตอบอีกฝ่ายเสียงเบา

    “งั้นเรอะ ยัยนั่นคงรู้กลุ่มศัตรูแล้วล่ะว่าเป็นใคร ก็ดี ออมพลังเอาไว้เผื่อต้องใช้ในการปะทะ อย่าพึ่งไปบอกใครว่าเธอหรือซีลอนรู้เรื่องนี้แล้ว” นักมายาทารกลอยกลับไปหาเบลและเข้าไปในงานพร้อมกลุ่มวาเรีย โคลมกระชับหอกสามง่ามแน่นขึ้นด้วยความประหม่า 

    “ขอบคุณค่ะ” เธอหันไปพูดกับมาม่อนอีกฝ่ายก็โบกมือให้อย่างไม่ใส่ใจและกำลังทะเลาะกับเบล

    ไม่ไกลกันนั้นกลุ่มของเอ็นมะก็ถูกพันธมิตรเล็ก ๆ อีกกลุ่มหาเรื่องเพราะบอกว่าไม่เคยได้ยินชื่อของชิม่อนมาก่อน สึนะกับเพื่อนจึงช่วยแยกเขาไปที่โส่วนตัวอีกฝั่งของสวนเพื่อความปลอดภัยและพูดคุยกันเล็กน้อย

    ฮิบาริตามมาสมทบเป็นคนสุดท้ายท่าทีเหมือนไม่เต็มใจมาแต่ปากก็กล่าวว่ามีคนทำร้ายอดีตนักเรียนนามิโมริแสดงว่าไม่รู้ว่าเขตนี้ใครเป็นคนคุมกฎ คงต้องสั่งสอนให้รู้เสียบ้าง เพราะยังไงถึงจะเข้าร่วมกับวองโกเล่เมฆาผู้ลอยชายนั้นก็ยังเป็นกลุ่มผู้มีอิทธิพลในเขตนามิโมริที่ใหญ่ที่สุดอีกด้วย

    พิธีสืบทอดมรดกแห่งบาปนั้นถูกจัดขึ้นในโถงของปราสาทหลัก ทางเดินปูพรมสีเลือดนกรูปตัวทีและรุ่นที่เก้าผู้ยืนถือกล่องอยู่ตรงทางสามแพร่งของพรม

    “ต่อไปนี้จะเป็นพิธีส่งทอดมรดกวองโกเล่จากมือของวองโกเล่นูโน่ ให้แก่วองโกเล่เดชิโม่” ผู้ประกาศลำดับพิธีการเอ่ยออกไมค์ สึนะและเพื่อนเดินตรงไปหาท่านรุ่นที่เก้า

    “เดชิโม่... ฉันขอมอบมันให้เธอ” ท่านรุ่นที่เก้าส่งกล่องที่มีขวดเลือดถูกผนึกเอาไว้ภายในแต่ยังไม่ทันที่สึนะจะรับมาลำโพงก็เกิดเสียงรบกวนดังสนั่นกรีดประสาทหูผู้อยู่ในปราสาททั้งหมด

    ซีลอนที่นั่งอยู่บนเชนเดอเรียใช้อุปกรณ์อุดหูและเฝ้ามองสถานการณ์ต่อไปอย่างเงียบ ๆ ใต้ร่มสีเทาจากไฟมายา เธอสูญเสียพลังนอกระบบไปแต่พลังไฟผสมของสายหมอกและเมฆานั้นยังมีอยู่ แม้ว่าคุณภาพจะเทียบพลังนอกระบบไม่ติดแต่ก็สร้างของที่คล้ายกันขึ้นมาได้

    ระเบิดเกิดขึ้นทุกทิศทางหลังจากที่ผู้เข้าร่วมล้มลงเพราะเสียงแหลมบาดหูจากลำโพง การก่อความวุ่นวายในงานพิธีสืบทอดมรดกเกิดขึ้นอย่างที่ทุกคนคาดการณ์รวมไปทั้งรุ่นที่เก้า เหล่าผู้พิทักษ์จึงหันหลังใส่กันล้อมกรอบเพื่อปกป้องมรดกและรุ่นที่เก้าในทันทีท่ามกลางม่านควันระเบิด

    แต่เพราะเสียงแหลมรบกวนก่อนหน้าทำให้ประสาทการได้ยินของพวกเขาถูกลดทอนความสามารถลงไปชั่วขณะ ควันฟุ้งสร้างขึ้นเพื่อทำลายทัศนียภาพโดยรอบเพื่อการฉกชิงมรดกนั่น ประกายแสงจากอาวุธทำให้เหล่าผู้พิทักษ์รุ่นเก้าใช้การปกป้องแนววงกลมด้วยไฟธาตุสร้างกำแพงอันแข็งแกร่งขึ้นมา ทางวาเรียที่เห็นแสงสว่างทั้งหกสีนั้นจึงคลายความกังวลลง

    “รุ่นที่เก้าปล่อยผู้พิทักษ์จัดการไป!” สควอโล่ตะโกนสั่งบรรดาลูกน้องที่กำลังจะเคลื่อนไหวเข้าไปใกล้รุ่นที่เก้าให้คุ้มกันแขกแทนแม้จะไม่ได้สั่งอยู่ในประโยค

    “โรมาริโอ้ คุ้มกันแขกด้วย!” บอสแห่งคาบัคโรเน่ตะโกนสั่งอีกคนเพราะกลัวลูกน้องที่มาด้วยไม่ได้ยินจากอาการหูอื้อในตอนนี้

    “รุ่นที่เก้า! เป็นอะไรไหมครับ!” สึนะรีบเข้าไปหาอีกฝ่ายเมื่อหมอกจางลง

    “ไม่เป็นไรแค่ถลอกน่ะ” ชายแก่ยิ้มและออกคำสั่งหลังจากที่บาปนั้นแตกลงกับพื้น

    “สั่งปิดทางเข้าออกทั้งหมด อย่าให้ใครหนีออกไปได้” สิ้นเสียงของชายชราผู้พิทักษ์อีกสองคนใกล้ ๆ ก็ติดต่อกับพรรคพวกที่เตรียมตัวอยู่ก่อนแล้ว

    “ปิดทางเข้าออกทั้งหมดเริ่มการวิเคราะห์จากกล้องได้” ชายที่มีลายสักจิ้งเหลนบนแก้มกดปุ่มสื่อสารกับอุปกรณ์ที่หูเขาคือโบรว์ นีเอ จูเนียร์ผู้พิทักษ์รวีในรุ่นที่เก้า

    “ทุกอย่างเป็นไปตามแผนไม่ควรใช้เวลาเกินห้านาทีนะ” ชายอีกคนผู้มีแผลเป็นกากบาทบนแก้มก็กำชับย้ำลงไปยังพวกระดับล่าง และเขาก็คือผู้พิทักษ์วรุณของรุ่นที่เก้าซนิสเทน บราบันเตอร์

    “เป็นไปตามแผน?” สึนะทวนคำอย่างงงงวย พวกเขามัวแต่หาคนร้ายที่ทำร้ายยามาโมโตะในงานโดยไม่ทันคิดเลยว่ากลุ่มพวกนั้นก็มีเป้าหมายเป็นมรดกจะลงมือทำลายมันแบบนี้

    “ดูเหมือนสิ่งที่พวกมันต้องการคือการทำลาย ‘บาป’ นะ” รีบอร์นจ้องหลอดแก้วที่แตกบนพรม

    “ท่าทางจะเป็นแบบนั้น...” รุ่นที่เก้าพยักหน้า

    “ต แต่มรดกสืบทอดของวองโกเล่” สึนะละล่ำละลัก

    “ไม่ต้องห่วงสึนะคุง นี่เป็นของปลอมทำเลียนแบบขึ้นมาเพื่อล่อคนร้ายอยู่แล้ว” รุ่นที่เก้ายิ้มแย้ม “ของจริงอยู่ในตู้นิรภัยห้องถัดไปที่คุ้มครองด้วยไฟธาตุทั้งเจ็ดของพวกเรา ไม่สามารถทำลายได้ด้วยอาวุธหรือพลังไฟแน่นอน”

    “แผนเจ๋งมาก ท่านรุ่นที่เก้าสุดยอดไปเลย!” โกคุเทระยิ้มแป้นเบาใจไปเปราะหนึ่งว่าพิธีจะยังคงมีต่อไป

    “ไม่ว่าอย่างไรก็ต้องจับตัวให้ได้ นี่เป็นวิธีแสดงความรับผิดชอบยามาโมโตะจากฉัน...” ชายชราสีหน้าเคร่งเครียดขึ้น

    ดีใจกันได้ไม่เท่าไหร่พวกเขาก็ต้องเครียดกันอีกครั้ง

    “แย่แล้วครับ! ตู้นิรภัยถูกทำลาย!!” ผู้พิทักษ์อัสนีรุ่นนูโน่เปิดประตูแล้วรายงานเสียงดัง มันแทบเป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีคนฝ่าพลังคุ้มกันทั้งเจ็ดธาตุเพื่อเข้าถึงตู้ได้ ทว่าเรื่องที่ไม่น่าเกิดขึ้นก็เกิดไปแล้ว

    “เป็นไปไม่ได้!” รุ่นที่เก้าผุดลุกขึ้นยืนทันที พวกเขามั่นใจในระดับการป้องกันมากในเวลาอันสั้นแบบนี้ใช้วิธีแบบไหนถึงได้ทำลายการคุ้มกันของเพลิงทั้งเจ็ดเข้าไปได้

    “!? ใครน่ะ!!” การ์นัวเช่คิดหนักหลังจากรายงานเขากำลังหันกลับออกมาจากห้องก็สัมผัสได้ถึงกระแสลมที่ผิดเพี้ยนไปในห้องจึงหันไปชักปืนใส่กลุ่มควัน ทว่า

    “!” ปืนในมือของเขาแตกออกเป็นส่วน ๆ อย่างประหลาด พลังจิตแบบมาม่อน? จากนั้นลิ่มน้ำแข็งจำนวนมากก็พุ่งเข้าใส่เขาโดยไม่รอให้ได้ตั้งตัวแม้จะใช้เพลิงวายุในการสร้างโล่ขึ้นมาก็ไม่อาจกันพวกมันได้หมดจนผู้พิทักษ์อีกคนเข้ามาช่วยดึงให้เขาหมอบหลบ

    ไกลออกไปกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบและทำลายพิธีรับสืบทอดมรดกนั้นกลับเป็นชิม่อนแฟมิลี่ที่ออกปากจะช่วยคุ้มครองจนถึงวันพิธีจบลง

    “อ เอ็นมะ..คุง?” สึนะหาเสียงตัวเองไม่เจอ

    ชายในผมสีแดงเข้มชูหลอดเลือดบาปแห่งวองโกเล่ขึ้นมาและเอ่ยด้วยท่าทีเหนื่อยล้าเต็มที

    “พวกเราได้บาปกลับมาแล้ว เลือดหลอดนี้จะเป็นของชิม่อนแฟมิลี่” เขาว่าเช่นนั้น

    “หมายความว่ายังไง” รีบอร์นขมวดคิ้ว กระทั่งรุ่นที่เก้าและคนอื่น ๆ ก็ตื่นตะลึงไปตามกันและตามไม่ทัน

    อเดลไฮด์ถอนหายใจ “ตอนนี้พวกนายควรจะรู้ตัวได้แล้วนะว่าเป้าหมายของพวกเราตั้งแต่แรกก็คือเพื่อชิงบาปยังไงล่ะ”

    พวกเขารู้สึกหนาวไปถึงขั้วหัวใจ พนักงานที่คอยพูดคุยยิ้มให้กันทุกวันทำหน้าที่คุ้มกันสึนะในฐานะแฟมิลี่พันธมิตรมาโดยตลอดอย่างพวกชิม่อนกลับเป็นคนร้ายที่ทำยามาโมโตะเกือบตาย

    สึนะหน้าซีดเต็มไปด้วยความไม่เข้าใจ กระนั้นก็จะยังคงถามทั้งที่รู้คำตอบดีอยู่แล้ว “ถ้าอย่างนั้น คนที่ทำร้าย...ยามาโมโตะ”

    “เป็นพวกเราเองนั่นแหละ” เอ็นมะให้คำตอบในสิ่งที่ทุกคนก็ต่างรู้ดีแก่ใจ “เพราะพวกเราต้องการสิ่งนี้” และเปิดขวดแก้วเพื่อราดมันลงบนแหวนที่ถูกปิดผนึกมาแสนนาน

    “เพื่อฟื้นคืนพลัง” แหวนบนนิ้วของเอ็นมะเปลี่ยนรูปร่างไปเป็นถุงมือเกราะ แถบอักขระสีดำออร่าแดงบางอย่างวิ่งวนรอบตัวพวกเขาราวกับปกป้องไฟดับเครื่องชนบนหน้าผากของเอ็นมะเปล่งประกายลุกโชนขึ้นเป็นสัญลักษณ์ของหัวหน้าแก๊ง “และเพื่อการแก้แค้นของพวกเราต่อวองโกเล่” เอ็นมะมองอีกฝ่ายด้วยสายตาปลาตาย

    “ทำไมล่ะ... ทำไมกัน!!” สึนะตวาดถามไฟนภาสีส้มก็ปรากฏขึ้นบนหน้าผากของเขาเป็นการตอบสนองและไม่เข้าใจถึงสาเหตุที่ต้องทำร้ายยามาโมโตะจนเกือบเสียชีวิต

    เอ็นมะถอนหายใจเล็กน้อย “เขาเป็นผู้พิทักษ์วองโกเล่ ก็เป็นการชดใช้ที่สมควรแล้ว”

    “อะไรนะ!” สึนะไม่มีทางทำความเข้าใจเรื่องนี้แน่ ถึงวองโกเล่จะเป็นคนที่ก่อเรื่องเอาไว้แต่มาเก็บกับเพื่อนของเขาที่ไม่ได้ทำอะไรให้ นั่นเป็นสิ่งที่นภาหนุ่มยอมรับไม่ได้

    อเดลไฮด์พูดออกมาเอือม ๆ “เดิมทีแผนของเราก็ไม่ได้ต้องการให้ผู้พิทักษ์เป็นอะไรไปก่อนชิงบาปมาได้หรอกนะ แต่ในมื่อสอดรู้ถึงแผนการของพวกเราก็มีแต่ต้องกำจัดทิ้งให้พ้นทาง...ก็เหมือนกลุ่มกีกูยังไงล่ะ” เธอกล่าวเหมือนมันเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ทั่วไปในสังคม แต่คำพูดของอเดลไฮด์ยิ่งทำให้สึนะโกรธมากเข้าไปอีก

    สิ่งที่ชิม่อนไม่รู้ก็คือสึนะไม่ได้เป็นมาเฟียเต็มตัวทั้งกายและใจอย่างที่พวกเขาคิดสักนิด

    “ว่าไงนะ! พวกแกนี่เองที่เก็บพันธมิตรกีกู!” ผู้พิทักษ์วายุโคโยเต้ นูการ์ทในรุ่นที่เก้าเหวลั่นอย่างโมโห ข่าวพันธมิตรวองโกเล่ถูกโจมตีกระจายไปทั่ว ไม่เพียงทำให้ความน่าเชื่อถือลดลงแต่ยังทำให้มีบางกลุ่มระแคะระคายถึงศัตรูใหม่และเริ่มไม่ไว้วางใจวองโกเล่

    “ก็ยามาโมโตะ ทาเคะชิดันไปรู้แผนการของมิซูโนะ คาโอรุของเราเข้า แล้วก็ชิม่อนริงด้วย” อเดลไฮด์อธิบายต่อ หล่อนไม่มีเหตุผลต้องปิดบังอะไรอีกต่อไปและพวกเขาก็สมควรจะรับรู้ทุกอย่างก่อนที่พวกเธอจะดำเนินการแก้แค้นที่ชิม่อนแฟมิลี่รอคอยมาแสนนาน

    “ไม่เคยได้ยินมาก่อนเลย” รุ่นที่เก้าสีหน้าเคร่งเครียด

    “ก็ไม่แปลกหรอกเพราะชิม่อนริงนั้นเป็นสมบัติล้ำค่าของชิม่อนแฟมิลี่ที่หลับใหลอยู่ใต้ดินลึก ใครจะไปรู้ว่าพวกมันจะโผล่ขึ้นมาหลังแผ่นดินไหว” อเดลไฮด์กล่าวถึงที่มาของแหวนเรียบ ๆ เรียวเฮกับสึนะขมวดคิ้วเพราะแผ่นดินไหว? การกระทำเพื่อกำจัดเบียคุรันของพวกเขาส่งผลให้แฟมิลี่ซึ่งมีประวัติยาวนานอีกกลุ่มได้รับสมบัติที่ตื่นขึ้นจากการหลับใหล

    “คำสั่งที่ให้ลูกหลานปกป้องหลุมฝันศพของพรีโม่แห่งชิม่อน โคซาร์ท ชิม่อน นั้นถูกส่งต่อมารุ่นต่อรุ่น และแผ่นดินไหวนั่นก็ได้ทำให้สมบัติหลุดออกมาจากหลุมศพของท่านโคซาร์ท ชิม่อน” พวกเขาล้วนสวมแหวนคนละวงที่มีผ้าพันเอาไว้

    เอ็นมะมองหลอดเลือดในมือและอธิบายส่วนสำคัญที่สุด

    “และกุญแจที่จะปลุกแหวนก็คือเลือดของบอสชิม่อนรุ่นแรก โคซาร์ท ชิม่อน ที่พวกนายเก็บเอาไว้และเรียกว่าบาปยังไงล่ะ” 

    “เลือดของชิม่อน เป็นไปได้ยังไง!?” ผู้พิทักษ์รุ่นที่เก้าตะโกนขึ้นอย่างสงสัยพวกเขารับสืบทอดสิ่งนี้มาต่อกันแต่ก็ไม่มีส่วนไหนกล่าวถึงว่ามันเป็นของของแฟมิลี่พันธมิตร

    “จะบอกว่ามรดกของวองโกเล่เป็นเลือดของชิม่อนรุ่นที่หนึ่งเนี่ยนะ!” โกคุเทระฉุนขึ้นมาเพราะไม่เชื่อ

    “รุ่นที่เก้าจริงรึเปล่า” รีบอร์นหน้าครึ้มหันไปถามชายชรา

    “เท่าที่รู้ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องนี้มาก่อน” นูโน่นภาเอ่ยเสียงเครียด “ตอนที่ฉันได้รับมันมาจากอ๊อคทาโว่(รุ่นที่8)ท่านบอกว่ามันเป็นเลือดในศึกที่ไม่มีวันลืม”

    “จะงี่เง่าไปถึงไหน นั่นก็แสดงถึงความเน่าเฟะในองค์กรแกแล้วว่าต้องการจะปิดบังและเลือกลืมเลือนอดีตที่ทำผิดเอาไว้กับพวกเรา” อเดลไฮด์กดเสียงเย็น

    “หมายความว่ายังไง!” โคโยเต้ขึ้นเสียง

    “เฮอะ ฉันจะเล่าอะไรให้ฟังก็แล้วกัน ในสมัยรุ่นที่หนึ่งชิม่อนแฟมิลี่ต่อสู้เคียงบ่าเคียงไหล่เหมือนพี่น้องกับพรีโม่แห่งวองโกเล่ แม้แต่ในหมู่ผู้พิทักษ์กลับเป็นท่านชิม่อนก็เป็นคนที่พรีโม่ของนายสนิทที่สุด ต่อมาวองโกเล่มีแผนจะพิชิตดินแดนทั้งหมดในยุโรป พวกเขาดำเนินแผนการโค่นแฟมิลี่ที่แข็งแกร่งที่สุดในเวลานั้น และเพื่อบรรลุเป้าหมายจึงเลือกให้โคซาร์ทเป็นนกต่อ รุ่นที่หนึ่งของเราจึงนำกำลังห้าสิบนายสู่สนามรบที่มีศัตรูนับหมื่นตามแผนเพื่อถ่วงเวลาและรอกำลังเสริม....แต่กำลังเสริมจากวองโกเล่มันไม่มีอยู่จริงสุดท้ายแล้วบอสก็ตกอยู่ในวงล้อมศัตรูถูกฆ่าอย่างเหี้ยมโหดแม้แต่ร่างกายก็ถูกฉีกเป็นชิ้นๆ” สายตาของอเดลไฮด์เต็มไปด้วยความโกรธไม่ต่างกัน

    “บอสรุ่นแรกของชิม่อน... ถูกวองโกเล่ทรยศแล้วก็ตายจากไปทั้งอย่างนั้น” เอ็นมะเขม่นตาจ้องนภาผู้ดูอ่อนโยนใจดี

    “ปิดซ่อนความจริงยังไม่พอ... พวกแกยังคงตามล่าสมาชิกชิม่อนที่เหลือและกล่าวว่าลงมือโดยพลการ ขับไล่พวกเรา ทำให้พวกเราถูกดูถูกจากวงการมาเฟียต้องพบกับนรก ถูกตราหน้าว่าเป็นอาชญากรต้องหลบซ่อนไม่ได้พบแสงสว่าง” อเดลไฮด์กำหมัดแน่น

    “เดี๋ยวก่อนนะ ฉันไม่เคยได้ยินเรื่องแบบนี้เลย ข่าวกรองของเราบอกว่าชิม่อนหายตัวไประหว่างเดินทางข้ามประเทศ!” ท่านรุ่นที่เก้าเป็นฝ่ายตกใจและเห็นจุดย้อนแย้งมากมายในเรื่องราวที่ถูกเล่ามา

    “กะแล้วว่าต้องพูดแบบนี้ ไม่เห็นรู้เรื่องเลย~ ไม่เคยได้ยินเลย~” คาโต้ จูลี่ ชายใส่หมวกแสยะยิ้มไม่คิดจะเชื่อคำพูดเหล่านั้นและย้ำคำว่าพวกวองโกเล่ดีแต่หลบเลี่ยงความผิดของตน

    “แล้วนายล่ะสึนะคุง ในร่างกายของนายมีเลือดของวองโกเล่ที่ทรยศพวกเราอยู่” เอ็นมะจ้องเขม็ง

    “หา!! แกว่าอะไรนะ!” โกคุเทระตวาดเสียงดังและก้าวขึ้นไปแต่ก็ถูกสึนะยกมือห้ามเอาไว้และก้าวเข้าหาอีกฝ่ายเสียเอง

    “เรื่องที่มีเลือดวองโกเล่ไหลเวียนอยู่ในร่างฉันคงปฏิเสธไม่ได้ เหมือนกันกับการที่ฉันไม่สามารถพิสูจน์เหตุการณ์ในอดีตระหว่างชิม่อนและวองโกเล่ได้ แต่มีอยู่เรื่องหนึ่งที่ฉันมั่นใจและสาบานได้...วองโกเล่รุ่นที่หนึ่งไม่ใช่ชายที่จะทำอะไรแบบนั้นแน่”

    “พูดอย่างกับเคยเจอมาแล้ว ไร้สาระ!” อาโอบะ โคโยะเถียงในทันที กับชายในอดีตหลายร้อยปีจะไปสามารถยืนยันได้ยังไงว่าคนคนนั้นไม่ใช่ชายที่ทรยศผู้อื่นเพื่อความรุ่งโรจน์ของตน

    “พวกเราไม่ขอรับฟังคำกล่าวอ้างนั่น ที่ต้องการจะพูดก็มีแค่...” อเดลไฮด์ไม่สนใจสิ่งที่สึนะเอ่ยออกมาอย่างมั่นใจนั่นเพราะทางพวกเธอเองก็มั่นใจในความตายของท่านโฮซาร์ทเช่นกัน

    “ชิม่อนแฟมิลี่ขอประกาศสงครามอย่างเป็นทางการกับวองโกเล่” เอ็นมะเอ่ยขึ้นต่อจากอเดลไฮด์

    “โคซาร์ท เอ็นมะ ขอรับสืบทอดขึ้นเป็นรุ่นที่สิบของชิม่อนแฟมิลี่ และจะขอล้างแค้นกับวองโกเล่นับตั้งแต่บัดนี้” เอ็นมะกล่าวคำปฏิญาณและสาบานที่จะล้างแค้นให้กับอดีตอันขมขื่นของชิม่อนแฟมิลี่ซึ่งถูกวองโกเล่ป้ายสี “เพราะฉันจะกู้คืนชื่อเสียงและศักดิ์ศรีของชิม่อนแฟมิลี่” หลังจากคำพูดของเอ็นมะจบลงผู้พิทักษ์ด้านหลังก็สวมแหวน อเดลไฮด์ก้าวออกมาเล็กน้อยและเปิดการโจมตีทันที เพลิงเจ็ดสีที่มีบางอย่างต่างออกไปนั้นเข้าระเบิดเป็นวงกว้างกินอาณาบริเวณในโถงไปเกือบทั้งหมด

    แต่ทั้งนูโน่และเดชิโม่ก็ปลอดภัยอยู่หลังโล่วายุจากกล่องอาวุธของโกคุเทระที่เปิดใช้ SISTEMA C.A.I.

    “อ่อนหัดชะมัดไฟของวองโกเล่”

    “หน็อย ว่าไงนะ!” โกคุเทระฉุนขาดเถียงกลับไปอย่างหาเรื่องเมื่อได้ยินอเดลไฮด์ถากถาง จากนั้นจึงเป็นเสียงของบรรดาผู้พิทักษ์ของเอ็นมะทยอยพูดคนละประโยคสองประโยคตามกัน

    “รู้ไหมทำไมพรีโม่วองโกเล่ถึงอยากให้ชิม่อนหายไปจากโลก...”

    “เพราะบรรพบุรุษของพวกเรามีพลังที่เป็นคู่แข่งกับวองโกเล่ได้ยังไงล่ะ”

    “ถึงได้กลัวขึ้นมา”

    “กลัวพลังที่ทัดเทียมกับเพลิงแห่งนภาทั้งเจ็ด”

    “กลัวในเพลิงปฐพีทั้งเจ็ดนี่ยังไงล่ะ” เอ็นมะเอ่ยจบประโยค พวกเขาถูกห่อหุ้มด้วยเพลิงปฐพีและอาวุธแปลกตา ยืนเผชิญหน้ากับกลุ่มเดชิโม่วองโกเล่

    “ที่จริงแค่ฉันคนเดียวก็น่าจะจัดการพวกนายได้หมดแล้ว” เอ็นมะขยับมือประเมินพลังตัวเอง โกคุเทระที่จุดเดือดต่ำที่สุดก้าวออกมาด้วยความร้อนรุ่มในใจจากนั้นก็กลายเป็นเหยื่อของพลังปฐพีจากเอ็นมะ เขาทำอย่างที่พูดไล่ใช้พลังกระแทกทุกคนทั้งเดชิโม่และนูโน่ไปติดกำแพงจนบุบเป็นหลุมกว้างด้วยพลังแรงโมถ่วง

    ทำการชำระแค้นอย่างเบาในการจัดการผู้พิทักษ์และทำลายแหวนทั้งห้าวงที่อยู่ที่นั่น ก่อนจากไปพร้อมพาโคลมที่ไม่ได้สติไปด้วย

    ภายหลังความเสียหายทีมแพทย์จึงรีบเข้ามาดูแลการฟกช้ำที่อาจรุนแรงถึงกระดูกซี่โครงหัก เมื่อพวกเขาตื่นขึ้นมาก็พบว่าแหวนทั้งหมดถูกทำลายไปแล้ว

    รีบอร์นเงียบนิ่งเขากระชับปืนในมือยิงปืนขึ้นไปเฉียดแชนเดอเรียหนึ่งนัด “...ฉันรู้ว่าแกอยู่ข้างบนซีลอน ลงมา” 

    สิ้นเสียงของทารกนักฆ่าร่างของลูกศิษย์ไฟผสมก็เลือนออกมาจากอากาศ เลิกหลบซ่อนในมายาพรางกาย เธอร่อนลงมาท่ามกลางสถานการณ์วิกฤตด้วยรอยยิ้มมากเล่ห์

    “ทำไมแกไม่ช่วยสึนะ แกเป็นเงาหลังเก้าอี้ของเขา” รีบอร์กดเสียงต่ำเหมือนจะระเบิดได้ทุกเมื่อ แต่สำหรับซีลอนแล้วก็แค่คำเตือนเพียงเบาบาง

    “ก็พวกเขาจะไม่ตายหรอกก็เลยไม่ได้ออกมาน่ะ แค่สังเกตการณ์อย่างทุกทีไง~” ซีลอนหัวเราะในลำคอ

    “คำพูดของประจักษ์พยานทั้งสองฝั่งต่างบอกว่าอีกฝ่ายนั่นแหละที่ผิด ถ้าไม่โกหกสักฝั่งมันก็ยังมีความเป็นไปได้อื่นอีก” ซีลอนกล่าวและยกยิ้ม

    “ไม่โกหกทั้งคู่ก็พูดความจริงทั้งคู่ยังไงล่ะ” ซีลอนฉีกยิ้มร้าย

    “แต่เท่าที่รู้...” ไม่ปล่อยให้วิสคอนตินผู้พิทักษ์เมฆาของรุ่นเก้าเอ่ยจบหล่อนก็ตัดบทเขาอีก

    “แต่เท่าที่รู้ก็คือเราไม่ได้ทรยศชิม่อนก่อน ข้อมูลก็ถูกทำลายหายไปบางส่วนในช่วงเปลี่ยนถ่ายรุ่น โต ๆ กันแล้วแต่อีกฝั่งดูจะไม่มีใครเอะใจ เพราะงั้นผมว่าปล่อยให้สู้กันก็ไม่มีปัญหาหรอก เพราะว่าจบศึกนี้ก็จะได้พันธมิตรที่แข็งแกร่งเพิ่มมาอีกกลุ่มยังไงล่ะ” เธอเผยมือออกข้างทีเล่นทีจริง

    “พวกเราก็แค่มีหนอนตั้งแต่รุ่นที่หนึ่งคอยปั่นหัวให้วองโกเล่ผิดใจกับชิม่อน เพราะถ้าทั้งสองแฟมิลี่เป็นจับมือกลุ่มพี่กลุ่มน้องขึ้นมาก็จะไม่มีใครสามารถเป็นคู่ต่อสู้ของพวกเขาได้อีก” เธอประสานมือหลังคอไม่มีท่าทีร้อนรน

    “นายต้องไปเคลียร์กับชิม่อน ทั้งหนี้ของยามาโมโตะแล้วก็ไขความเข้าใจผิดนั่น ตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้วใช่ไหมล่ะ? เจ้าบอสใจอ่อน” ซีลอนหัวเราะในลำคอเอ่ยสัพยอกหัวหน้าของตน

    “แต่แหวน...” สึนะมองเศษแหวนที่โบรว์เก็บกู้มาใส่ถาดกำมะหยี่พวกมันแหลกละเอียด

    “นี่ฉันทำอะไรลงไป... ถ้าเกิดฉันพยายามหาข้อมูลเรื่องมรดกมากกว่านี้อีกหน่อย...” รุ่นที่เก้าหน้าหมองลงด้วยความรู้สึกผิด เขาเพิ่งทำให้วองโกเล่ล่มสลายไปในรอยต่อรุ่นของเขากับสึนะ... ทำลายแหวน ทำลายมรดก และกำลังจะถูกชิม่อนทำลาย เขาลูบหน้าอย่างเหนื่อยล้า 

    “พวกเธอเป็นความหวังเดียวที่จะเอาชนะชิม่อนได้และมีพลังที่ได้มาหลังจากศึกกับมิลฟิโอเล่นั่น แต่ตาแก่อย่างฉันกลับทำมันพัง แหวนวองโกเล่แตกหมดแล้ว... ความหวังเพียงหนึ่งเดียวของเราถูกทำลาย ทั้งหมดมันเป็นความผิดของฉัน...จะชดใช้ทั้งชีวิตยังไงก็คงไม่พอ” แผ่นหลังของชายชรานั้นดูอ่อนแรง

    ซีลอนย่องไปก้มมองปู่ป๋าด้วยรอยยิ้มขัดกับบรรยากาศทั้งกดดันและโศกเศร้า

    “ไม่เอาน่าปู่ป๋า มันไม่ล่มสลายลงเสียหน่อย!” เธอกางแขนขึ้นและหัวเราะเจ้าเล่ห์ เธอรู้ว่ามครบางคนเพิ่งจะมาถึงงานแม้จะช้าไปมากก็ตาม 

    “มีความหวังอยู่ในมือก็จงอย่าปล่อยให้มันหลุดลอยไป ข้ามองเห็นแสงสว่างในตัวพวกเจ้า...เจ้าดูแก่ลงไปเยอะนะรุ่นที่เก้า” ชายชราที่มากวัยกว่ารุ่นที่เก้าเดินทางมาด้วยไม้เท้าในชุดผ้าคลุมพื้นเมืองเก่า ๆ และสวมผ้าคาดพาดปิดดวงตาทั้งสอง

    “ท่านปู่เทลบอท!” รุ่นที่เก้าตื่นเต้นเมื่อได้เจออีกฝ่ายบางทีพวกเขาอาจจะยังมีหวัง

    “ฉันมาสายเพราะมัวแต่ให้อาหารแกะน่ะ...” เขายิ้มแย้มหัวเราะเบา ๆ

    สึนะกับเพื่อน ๆ ต่างสงสัยในแขกคนใหม่ ก่อนที่ซีลอนจะให้คำตอบว่าเขาเป็นช่างตีเหล็กเก่าแก่ของวองโกเล่ เป็นสุดยอดฝีมือที่ช่างเทคนิคสมัยใหม่เลียนแบบเทคนิคสมัยเก่าไม่ได้ ว่ากันว่าอยู่มาตั้งแต่พรีโม่รุ่นแรก ละพอได้ยินดังนั้นพวกสึนะก็ร้องเสียงหลงกันเพราะก็น่าจะเป็นหลักร้อยปีมาแล้ว

    เขาสามารถตอบได้ทันทีว่าแหวนถูกทำลายลงด้วยอะไร และการที่เขาสามารถซ่อมแซมมันได้นั่นสร้างความตกใจให้กับทุกคน

    รีบอร์นที่ยืนห่างออกมาหรี่ตามองซีลอนที่ยืนปล่อยให้พวกเขาปรึกษาและตื่นเต้นกันเรื่องแหวนวองโกเล่จะสามารถแก้ไขได้ เขาโดดขึ้นไปนั่งบนไหล่นักฆ่าสาว

    “แกรู้?” ทารกนักฆ่าจ้องลูกศิษย์เขม็ง

    “รู้หรือไม่รู้กันน้า~ แต่ที่แน่ ๆ เจ้าเดชิโม่ใจอ่อนนั่นน่ะดวงแข็งจะตาย นี่ไม่ใช่จุดจบของวองโกเล่หรอก แล้วก็...” เธอเว้นวรรคไปอีกเล็กน้อย

    “เท่าที่รู้ตอนนี้ในชิม่อนก็มีหนอนแบบเดียวกับเมื่อสมัยรุ่นแรกด้วย” ดวงตาสีไพลินของเธอโค้งเป็นเสี้ยวจันทร์ เธอกำลังจะเจอเรื่องสนุกอีกแล้ว แม้ว่าจะทำได้แค่เฝ้าสังเกตการณ์อย่างเงาหลังเก้าอี้ที่จะไม่เข้าไปยุ่มย่ามกับศึกของนภาและผู้พิทักษ์โดยตรง

    “...ไอ้ลูกศิษย์เวร”

    “แหม~ ขอน้อมรับคำชมไว้ด้วยความภาคภูมิใจเลยขอบอก~ คนคนนั้นในภาพสีน้ำมันน่ะทรยศใครไม่เป็นหรอก...แต่ถ้าเป็นผู้พิทักษ์สายหมอกของรุ่นแรกก็น่าจะทำอะไรแบบนี้ได้อยู่นะ” ซีลอนกลอกตาเล่าอะไรบางอย่างออกไปอย่างไม่ใส่ใจ ภาพสีน้ำมันของนภาและผู้พิทักษ์ที่หลงเหลือจากเพลิงไหม้ภาพเดียวในคฤหาสน์ที่ถูกเก็บรักษาเอาไว้อย่างดีที่อิตาลี่

    ‘เปลือกหอยสืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นโดยคงรูปร่างเดิมเอาไว้’

    ชะตากรรมจะมาบรรจบในรุ่นที่พวกเขากลับมามีรูปร่างเดิมอีกครั้ง นั่นคือความหมายที่ซีลอนตีความจากบทเพลงของยูนิ มันมีเรื่องที่พวกเขาต้องสะสางให้จบสิ้นในยุคสมัยนี้ เปลือกหอยที่คงรูปร่างเดิม พรีโม่กับเดชิโม่

     

    Spill The Beans เป็นสำนวนที่หมายถึง เปิดเผยความจริง/ทำความลับรั่วไหล

    ไม่มีภาพบทค่ะไม่ไหวฮือออออ เดี๋ยวไม่ทันเวลา ตอนที่อ่านชอบปู่เทลบอทมากๆแล้วก็แบบปู่อยู่มาตั้งแต่รุ่นหนึ่ง ว้าวซ่าาาา อายุเท่าไหร่ค๊า 555555555 แต่ที่แน่ ๆ มาช้าเพราะให้อาหารแกะ ปู่ต้องอยู่ในทุ่งกว้างแบบชนเผ่าเก่า ๆ แน่เลย มีความโบฮีเมี่ยนธีมตั้งแต่แววที่อยู่จรดการแต่งกาย

    *แอบเข้ามาแก้คำผิดนิดหน่อย

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×