คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #21 : | 21 | Hot Potato | สืบทอดมรดก
“ต่อให้พลั้งปากแต่พูดออกมาก็คือพูดออกมาแล้วครับ” | มุคุโร่
“ซือคุงของแม่โตขึ้นขนาดนี้แล้วสิน้า แต่ว่าวันนี้ก็พยายามเข้านะจ๊ะ ได้ยินมาว่ามีกลุ่มผู้อพยพจากแผ่นดินไหวของเมืองข้างเคียงมาที่นามิโมริด้วยล่ะ” คุณนายนานะปัดไหล่ลูชายที่สวมสูทเต็มตัว สึนะและพรรคพวกล้วนกลายเป็นผู้ใหญ่นั้นยังคงปักหลักอาศัยอยู่ประเทศเดิม ที่ญี่ปุ่น
“ครับ ผมโตแล้วนะคุณแม่ คุณแม่เองก็อย่าฝืนตัวเองนะ ถ้าอยากไปซื้อของไกล ๆ ก็เรียกแรมโบ้หรืออี้ผิงไปด้วยก็ได้” สึนะสวมกอดมารดาแล้วถือกระเป๋าออกจากบ้านไปไม่ต่างจากมนุษย์เงินเดือนทั่วไป ผิดก็ที่บริษัทปลายทางนั้นเป็นหนึ่งในฉากหน้าของแฟมิลี่ด้วยอำนาจจากยุคสมัยของเขาซึ่งใต้ดินนั้นเป็นหนึ่งในทางเชื่อมกับฐานทัพลับของวองโกเล่ภายในเขตนามิโมริ
“วันนี้มีผู้อพยพด้วยเหรอ?” สึนะเข้ามาก็วางกระเป๋าทำงานแล้วคลายไทเล็กน้อย บรรดาพนักงานบริษัทส่วนใหญ่ก็เป็นผู้สนับสนุนและสมาชิกของวองโกเล่สาขาญี่ปุ่น
“มีข่าวลือไม่ค่อยน่าฟังด้วย” ซีลอนหาวหวอดหมุนเก้าอี้สำนักงานหันมาหานภาของแก๊ง เธอส่งซองเอกสารให้สึนะไปอ่านเอง ทั้งหมดเป็นข้อมูลและบรรดาข่าวลือหนาหูในช่วงนี้
“บาปของ...พรีโม่แห่งวองโกเล่?” สึนะอ่านทวนหัวข้อข่าวฉาวในช่วงนี้อย่างงุนงง
“เป็นประเด็นร้อนในโลกใต้ดินช่วงนี้เลยล่ะเพราะว่าที่ผ่านมาวองโกเล่นั้นเป็นมาเฟียที่ดี ค่อนข้างสะอาด และรักสงบมาโดยตลอด พอมีประเด็นนี้กับเรื่องที่เคยหักหลังเพื่อนต่างแฟมิลี่เลยทำให้ความน่าเชื่อถือลดลง... แต่ว่าพวกพันธมิตรบางกลุ่มก็ไม่ได้ใส่ใจหรอกนะ” ซีลอนไหวไหล่ เธอวิ่งข่าวกับลูกน้องมาในช่วงหนึ่งเดือนนี้หลังจากที่จบศึกกับมิลฟิโอเล่และทุกอย่างเริ่มเข้าที่เข้าทาง
เหมารวมไปถึงเรื่องแหวนและกล่องที่เป็นปัญหาอยู่ก่อนหน้านี้ด้วย พวกเขาได้ตัดสินใจส่งอาวุธกล่องวองโกเล่ไปให้ตัวเองในอดีตโลกคู่ขนานเพื่อเป็นคำขอบคุณ แหวนที่พวกเขาเลือกจะทำลายเพราะไม่ต้องการให้มิลฟิโอเล่ได้แหวนวองโกเล่ไปก็ได้กลับคืนมาจากการสิ้นสลายอำนาจของมาเล่ริง และอาวุธกล่องนั้นก็ได้เวลเด้สร้างขึ้นใหม่ซึ่งสำเร็จราวปาฏิหาริย์ แม้ว่าแต่ละกล่องจะเกิดจากความบังเอิญก็ตาม แต่นั่นก็เป็นสมมติฐานของเวลเด้เรื่องฐานพลังของโลกนี้ซึ่งอาวุธกล่องเองก็เป็นราวเส้นเลือดฝอยของทรีนิเซตเต้การที่มันขาดหายไปเพราะถูกส่งไปอีกโลกคู่ขนาน ความบังเอิญในการสร้างจึงสามารถทำให้ปาฏิหาริย์ครั้งที่สองเกิดขึ้นได้
“อ้อ แล้วก็กำลังจะมีงานขอบคุณที่ทู่ซี้สู้จนทำให้โลกนี้ไม่ต้องตกอยู่ใต้เงื้อมมือเจ้าเบียคุรันอยู่ด้วยปู่ป๋าส่งจดหมายเชิญไปอย่างเยอะ จะมีคนดังและกลุ่มเล็กกลุ่มน้อยมาร่วมงานเพียบเลยล่ะ แต่ก่อนงานเลี้ยงมีพิธีสืบทอดมรดกอ่ะนะ” ซีลอนลุกจากเก้าอี้แล้วเดินตามสึนะไปที่ห้องทำงานในบริษัท
“อึ๋ย... ไม่อยากจะคิดถึงเลย เดี๋ยวนะพิธีสืบทอดมรดก!?” คนเป็นบอสทำหน้าปูเลี่ยน จะว่าไปเพราะมีเรื่องเกิดขึ้นมากมายและเขาเองก็ขอผัดการรับสืบทอดตำแหน่งรุ่นที่สิบมาจนถึงตอนนี้... หลังจากนี้คงจะเลี่ยงไม่ได้แล้วพิธีจึงจะจัดขึ้นอย่างเป็นทางการ
“ไม่เห็นต้องกังวล ก็มีฉันเป็นบอดี้การ์ดให้อยู่ทั้งคน” ซีลอนประสานมือหลังท้ายทอยไม่มีสีหน้าลังเลในคำพูดของตนเองสักนิด
“แต่ว่า...ไม่ใช่ว่าอันดับตกลงมาจนหัวเสียไปสองวันรึไงกัน” นภาทำหน้าบูด ต้องมาทนฟังลูกน้องหลังเก้าอี้เคี้ยวอมยิ้มแตกชิ้นแล้วชิ้นเล่าเพราะหงุดหงิด ช่างเป็นทำนองที่ชวนกดดันและไม่อยากได้ยินอีก
“สองอันดับที่แซงขึ้นไปมีแต่คนในแฟมิลี่ทั้งนั้น ถึงไม่ห่วงไง” ซีลอนยักไหล่
“อ้อจริงสิ วันนี้มีจะมีคนจากชิม่อนมาเยี่ยมด้วยนะบอส” เธอทักขึ้น
“ชิม่อน???”
“กลุ่มมาเฟียอีกแก๊งที่ผู้สืบทอดคนปัจจุบันเป็นคนญี่ปุ่นรุ่นราวคราวเดียวกับบอสเลยล่ะ ถ้าได้เจอกันสมัยเรียนน่าจะสนิทกันเร็วน่าดู เพราะเป็นเจ้าห่วยเหมือนกันไง” นักฆ่าที่ขึ้นตรงต่อรุ่นที่เก้าและรุ่นที่สิบยังคงปากคอเราะราย
“รุ่นพี่...มันนานมาแล้วนะครับ” เขายิ้มเจื่อนพลางหมุนลูกบิดเข้าไปในห้องทำงาน ก็เจอกับโคลมและมุคุโร่ที่เพิ่งวางกองกระดาษรายงานมากมายถมใส่โต๊ะของสึนะ
“ตอนนี้ก็ยังห่วยอยู่ หลบลูกกระสุนไม่เห็นจะทันสักที” คนหัวเงินเค้นหัวเราะขึ้นจมูก
“ผมว่าอะไรแบบนั้นน่ะนะ...มีแต่รุ่นพี่เท่านั้นแหละที่ทำได้” นภาถอนหายใจแล้วไปนั่งเก้าอี้เริ่มทำงาน สึนะจบคณะสายบริหารมาพ่วงด้วยใบประกอบการตลาด ไม่รู้ว่าตัวเขาในโลกอื่นเป็นแบบไหนแต่ในเมื่อต่อต้านการทำงานสกปรกเพื่อหมุนเงินก็จำต้องสร้างบริษัทฉากหน้าขึ้นมาใช้เป็นท่อน้ำเลี้ยงที่ใสสะอาดให้กับแก๊งของตนเอง ปูทางและทำให้มันกลับมาขาวสะอาด
“มีเรื่องไม่เว้นเดือนเลยนะครับมาเฟียของคุณน่ะ” มุคุโร่จิกกัดพวกเขาเมื่อเจ้าของห้องกับนักฆ่าหลังเก้าอี้สาวเท้าเข้ามา
“อยู่เหนือกว่าชาวบ้าน จะโดนเพ่งเล็งก็ปกติ” ซีลอนไหวไหล่อีกรอบแล้วรับซองดำมาจากมุคุโร่ พวกนี้เป็นรายชื่อเก็บกวาดเพราะเข้ามาทำงานสกปรกในเขตดูแลของวองโกเล่ จึงจำเป็นต้องทำความสะอาดให้สิ้นซาก
“หายไปทำงานสักสามชั่วโมงเดียวกลับมานะซือคุง ระหว่างนี้อยู่กับโคลมกับโกคุเทระไปก่อนแล้วกัน ไม่รู้อาจารย์หายหัวไปไหน” เมื่อรับงานมานักฆ่าก็เตรียมตัวออกไปทันทีหลังอ่านรายชื่อที่ต้องกำจัดทิ้งเสร็จ
“สักห้าชั่วโมงแล้วกันครับ” มุคุโร่เอ่ยปรับเวลา
“เพื่อเดินเล่นกับแกเพิ่มสองชั่วโมงเนี่ยนะ...” ซีลอนเลิกคิ้วหรี่ตาคล้ายจะหาเรื่องผู้พิทักษ์สายหมอก
“ร้านช็อกโกแลตโฮมเมดครับ” เขาคลี่ยิ้มตาปิดอย่างเจ้าเล่ห์
“ก็แล้วไป ได้ยินแล้วนะบอส จะไปอู้กินของหวานเพิ่มน้ำตาลในเลือดแล้วเดี๋ยวกลับมา” ซีลอนโบกซองดำใส่นภาหนุ่มที่ยิ้มเจื่อน
“อยากให้เพลา ๆ เรื่องกินหวานลงหน่อยนะเดี๋ยวเบาหวานก็ถามหาพอดี” สึนะถอนหายใจแต่ก็ไม่ได้ห้ามเพราะรู้ว่าไม่เคยได้ผล
“ไม่น่าได้แก่ตาย เพราะงั้นขอตามใจปากแล้วกัน” ซีลอนกระตุกยิ้ม หัวเราะในลำคออย่างไม่ใส่ใจ นักฆ่าที่จะได้แก่ตายนับหัวได้เลยในวงการโลกใต้ดิน และเธอ
ซีลอนใช้กล้องส่องทางไกลกวาดตาสำรวจบริเวณรอยพื้นที่เป้าหมายหลังจากทำงานเก็บกวาดเสร็จ ไม่ยากนักกับการรวบเป็นพวกพ่อค้ายาที่ไม่ได้เป็นนักฆ่าแต่อย่างใด หลังจากส่งพวกมันให้ตำรวจอย่างไร้ที่มาพร้อมหลักฐานกองหนึ่งเธอกับมุคุโร่ก็ตรวจสอบอะไรเพิ่มเติมอีกเล็กน้อย
“บาปของวองโกเล่นี่ฟังดูไม่จืดเลยนะครับ” สายหมอกหนุ่มเปิดประเด็นขึ้นมาพลางลงจากดาดฟ้ากับนักฆ่าผมเงิน
“แหวนนั่นเป็นหลักฐานชั้นดีว่าสึนะกับพรีโม่เอกเส้นทางเดียวกัน เจ้านั่นเป็นคนเดียวที่จะสานต่อเจตนารมณ์ของพรีโม่ได้ แต่ว่าคงจะล้าหลังกว่าตัวเองในโลกคู่ขนานน่าดู จวนจะยี่สิบห้าถึงเพิ่งรับสืบทอดมรดก ฝั่งนั้นกลับไปคงได้รับช่วงต่อในทันที...ก็นะ ว่าไม่ได้เพราะพวกเขาถูกเราเร่งเวลาให้เป็นแบบนั้นเอง” ผลกระทบจากการย้ายของข้ามมิติทั้งกลุ่มคนและสิ่งของจำนวนมากทำให้มิติสั่นสะเทือน แผ่นดินไหวใหญ่เกิดขึ้นอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย แต่ก็ไม่ได้ประหลาดนักกับประเทศที่เป็นเกาะกลางทะเล ซึ่งญี่ปุ่นเองก็มีแผ่นดินไหวเล็กแทบทุกเดือนอยู่แล้ว
“คงต้องหาข่าวเพิ่มอย่างช่วยไม่ได้... แล้ว มีเรื่องไม่สบายใจอะไรเหรอครับปกติคุณไม่ขึ้นไปดาดฟ้าแบบนั้น” มุคุโร่เหล่มองคนข้างตัวในขณะที่พวกเขามุ่งหน้าไปที่ร้านช็อกโกแลตโฮมเมด
“...คันยุบยิบที่เครื่องในอีกแล้ว ไม่สบายใจเท่าไหร่แต่ก็ช่างเถอะ เดี๋ยวมีเรื่องค่อยแก้ยังไงก็คงไม่พ้นพวกก่อกวนก่อนงานพิธี” ซีลอนไหวไหล่ พนักงานร้านยิ้มรับลูกค้าทั้งสองที่เข้ามาในร้าน พวกเขามองตู้กระจกเย็นที่มีของหวานหลากสีเรียงรายเอาไว้อย่างสวยงามพอดีคำ
“เอารสละชิ้น แล้วก็โกโก้ร้อนกับลิ้นจี่ปั่น” นักฆ่าไม่มากความเพราะขี้เกียจนั่งไล่อ่านทีละรายชื่อ
“สั่งได้สมกับเป็นพวกใช้เงินมือเติบเชียว คิดจะกินรสละชิ้นนี่ต้องการจะเป็นเบาหวานวันนี้เสียให้ได้เลยใช่ไหมครับ?” มุคุโร่กลอกตามองหญิงสาวที่รูดการ์ดอย่างไม่ใส่ใจ
“คร้าบ~ คร้าบ เข้าใจแล้วคร้าบ ห่อกลับบ้านให้ครึ่งหนึ่งรบกวนด้วย” เธอเปลี่ยนเมนูที่จะไปเสิร์ฟบนโต๊ะ มุคุโร่หัวเราะในลำคอแล้วไปเลือกนั่งที่ชิดมุมเป็นส่วนตัวอย่างอารมณ์ดี เมื่อนักฆ่าลงนั่งเก้าอี้พวกเขาก็เปลี่ยนภาษาที่ใช้สนทนากัน
“ข่าวลือไม่ค่อยดีแต่ แฟมิลี่พันธมิตรพูดกันว่ามีแฟมิลี่หนึ่งต้องการจะทำลายพิธีสืบทอดมรดก” มุคุโร่เอ่ยออกมาเป็นภาษาสเปนอย่างลื่นไหล
“เรื่องนี้สินะถึงชวนออกมาซะไกล” ซีลอนถอนหายใจหลังจากเครื่องดื่มมาเสิร์ฟก็ยกขึ้นดื่มโดยไม่รอของหวานที่กำลังจัดใส่จานเพื่อความสวยงาม
“อยากจะชวนไปเที่ยวเฉย ๆ แบบไม่มีงานมาเกี่ยวข้องแต่คุณจะไม่ยอมตามออกมานี่สิ เป็นผู้หญิงใจร้ายเสียจริง” สายหมอกหนุ่มเลิกคิ้วแล้วยิ้มยียวน
“บอกไปแล้วนี่ว่าถ้าคิดให้ดีถึงมาชอบฉัน ถึงจะคบกันหรือไปไกลกว่านั้นแต่ก็จะไม่ยอมให้ยึดร่างสึนะได้ง่าย ๆ หรอกนะ” นักฆ่าหรี่ตามอง ไม่ว่าความสัมพันธ์ของเธอกับเขาจะพัฒนาไปไกลแค่ไหนแต่ความภักดีของเธอยังคงอยู่ที่วองโกเล่ ชีวิตที่ได้รับมาเพราะปู่ป๋าก็จะทิ้งมันเพื่อเดชิโม่ซึ่งเป็นงานของเธอ
“ไม่ช่วยจริงเหรอครับ?” มุคุโร่อมยิ้มส่งเสียงในลำคอคล้ายกำลังสนุกเสียเต็มประดา
“จะขัดขวางทุกวิถีทาง” เธอให้คำมั่นโดยไม่ลังเล ก่อนจะมองช็อกโกแลตที่มาเสิร์ฟและเมินชายตรงหน้าไปโดยสมบูรณ์
“ราสเบอร์รี่นี่เป็นผลไม้ยอดฮิตของการทำไส้ช็อกโกแลตสินะ ไม่เลวรักษารสชาติและกลิ่นไว้ได้ น่าจะใช้ไวท์ช็อกโกแลตแล้วก็ไม่ได้ใส่วนิลาลงไป ช็อกโกแลตโฮมเมดตั้งแต่ต้นทาง น่าประทับใจ” เธอชื่นชมฝีมือเชฟด้วยรอยยิ้มมีความสุข
“ชอบก็ดีแล้วครับ” มุคุโร่ยิ้มอ่อนใจดื่มลิ้นจี่ปั่น ต่างคนต่างรู้รสนิยมและเมนูโปรดของอีกฝ่าย เป็นอีกความพัฒนาของระยะห่างก็พูดได้เต็มปาก แล้วก็นิสัยการกินที่ไม่ลืมแบ่งครึ่งหนึ่งให้เขาจะว่าน่ารักหรือไม่รู้ว่าทำจนเคยชินไปแล้วเพราะปกติซีลอนคงไปไหนมาไหนกับฝาแฝด เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าตรงจุดนี้ควรจะดีใจด้วยไหม... เอาไว้เขาไปถามเอิร์ลเอาสักวันแล้วกัน
เวลานั่งพักของพวกเขาหมดไปอย่างรวดเร็ว เมื่อกลับมาถึงฐานเจ้าคนใช้เงินเหมือนกระดาษก็วางกล่องช็อกโกแลตไว้กลางห้องประชุมที่จัดตั้งขึ้นอย่างฉุกละหุกโดยมีสมาชิกประชุมเป็นสมาชิกจากชิม่อนแฟมิลี่บางคนและสมาชิกวองโกเล่แฟมิลี่มี่ก็ขาดบางคนไปเช่นกัน
นภาของวองโกเล่ลูบหน้าอย่างปลงตกเขารู้ว่าสั่งทุกคนไม่ได้ก็จริงแต่ไม่คิดว่าจะสมาชิกขาดกะทันหันแบบนี้ มุคุโร่อยู่ในตึกแต่เขาไม่ปรากฏตัวในห้องประชุมด้วย ซีลอนที่เป็นนักฆ่าหลังเก้าอี้โน้มตัวลงมาจากด้านหลังของแขกเพื่อวางจานของให้คล้ายพ่อบ้านเพราะวันนี้เธอใส่สูทกับกางเกง แน่นอนว่าคงแอบมีกินไปสักชิ้นสองชิ้นด้วยเพื่อให้จำนวนของหวานทั้งห้องได้อย่างเท่ากัน สึนะคลับคล้ายคลับคลาว่าตอนที่เห็นของฝากมันมีจำนวนมากกว่าคนในห้อง
สึนะรับรู้ได้ถึงบางอย่างจากเอ็นมะที่คล้ายกับตัวเองในอดีตมาก มากเสียจนไม่คิดว่าจะมีคนอื่นที่เป็นแบบเขาอยู่อีก คนที่ได้รับสืบทอดตำแหน่งอย่างไม่เต็มใจนัก
“ยินดีที่ได้รู้จักนะแล้วก็ ในระหว่างการแลกเปลี่ยนนี้พวกนายคิดซะว่าที่นี่เป็นสถานที่ของตัวเองได้เลยนะ” สึนะพูดและติดประหม่า ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่ต้องมานั่งเก้าอี้ตรงนี้ก็รู้สึกไม่ชินเอาเสียเลย
“อืม... ขอบคุณนะ หวังว่าพวกเราคงได้แลกเปลี่ยนความรู้ที่ดีต่อกัน...” เอ็นมะพูดเสียงค่อย เขาเป็นคนที่ดูตกเป็นเหยื่อได้ง่าย ไม่มีความมั่นใจในตัวเองและมืดมน แต่สึนะก็ไม่มีท่าทีรังเกียจหรือเห็นว่ามันประหลาด บางทีถ้าเขาไม่เจอกับรีบอร์น ไม่ได้เจอกันทุกคนเขาอาจจะเป็นเหมือนเอ็นมะกระทั่งในเวลานี้ เพราะว่าพบผู้คนมากมายที่คอยผลักดันแผ่นหลังของเขาละคอยให้กำลังใจ เขาถึงเติบโตมาเป็นตัวเองในปัจจุบันนี้ได้ และหวังว่าเอ็นมะเองก็จะสามารถมีแววตาเปล่งประกายด้วยความมั่นใจได้ในสักวัน
หลังจากพูดคุยกันถึงระยะเวลาที่จะทำการแลกเปลี่ยนพนักงานชั่วคราวเพราะในเขตข้างเคียงอาคารถล่มจากเหตุแผ่นดินไหวไปหลายตึกซึ่งตึกที่เป็นฐานทำงานของแฟมิลี่ชิม่อนก็พังลงมาเช่นกัน ในฐานะพันธมิตรวองโกเล่จึงไม่ลังเลที่จะรับพวกเขาเข้ามาชั่วคราวเพื่อให้ความช่วยเหลือ
ในช่วงท้ายของการพูดคุยจบลงบอสของชิม่อนกับวองโกเล่ก็ลุกขึ้นจับมือกัน เอ็นมะยิ้มเล็กน้อยดูผ่อนคลายขึ้น
จากนั้นในเวลาที่ทุกคนกำลังจะปรบมือซีลอนก็โผล่ไปที่ทั้งคู่แล้วกดหัวลงแทบโขกโต๊ะ รวดเร็วและไม่มีการบอกล่วงหน้าจนใจคนโดนกดหัวทั้งคู่หล่นไปถึงตาตุ่ม
เพล้ง!!
และหลังเสียงแตกของกระจกกับเสียงโต๊ะถูกอะไรบางอย่างปักใส่จึงได้เข้าใจว่าเงาหลังเก้าอี้ทำอะไรอยู่
“ไม่มีสัญชาตญาณการเอาตัวรอดทั้งคู่เลยแฮะ...” เธอพึมพำแล้วหันไปทางหน้าต่างปลดปืนพกเล็กในสูทพย่างสามขุมไปพลางสวมกระบอกเก็บเสียงเพื่อเตรียมการสวนกลับ
มีดติดโซ่ถูกกระชากกลับออกไปด้านนอก
“เดี๋ยวกลับมา” เธอทิ้งท้ายเอาไว้และกระโจนออกไปจากหน้าต่าง
“นี่มันชั้นห้านะ!!!” สึนะหันไปเหว เขาลืมไปเลยว่าเธอใช้อาวุธกล่องได้แล้วแล้วก็พกไปทุกที่เพราะไม่เคยประมาท
“พวกไหนน่ะ?” ยามาโมโตะตีหน้าเครียด
“หน็อย! เล็งช่วงเวลาอ่อนไหวงั้นเหรอ! กล้ามากที่ใช้โอกาสช่วงเจรจากับพันธมิตร!” โกคุเทระปราดไปเกาะหน้าต่างเขาแทบจะโยกตัวหลบไม่ทันเพราะนักฆ่าใช้เวลาพริบตาเดียวก็กระโดดกลับเข้ามาในห้องประชุมเท้าแทบจะเหยียบบนหน้าของเขา
“ยัยบ้า! เอาอีกแล้วนะ!” มือขวาสบถออกมาอย่างหัวร้อนเพราะพื้นรองเท้าใครบางคนเพิ่งจะเฉียดหน้าเขาไป
“คนขวางหน้าต่างเองต่างหากที่ผิด ก็รู้อยู่แล้วว่าฉันจะกลับเข้ามาทางเดิม” ซีลอนไหวไหล่ไม่คิดว่าเป็นความผิดของตนสักนิด
“แบบนี้ต้องเพิ่มมาตรการป้องกันพื้นที่ใกล้เคียงก่อนที่พิธีจะเริ่มด้วยสินะ จะมีตัวแทนจากแฟมิลี่มากมายมาร่วมงานจะให้ขายหน้าไม่ได้เด็ดขาด!” โกคุเทระถูกปลุกไฟในตัวขึ้นมาก็แข็งขันในการทำงานคุ้มครองก่อนจะมีการจัดพิธีสืบทอดมรดกขึ้น
ซีลอนมองท่าทีกระตือรือร้นนั่นด้วยสายตาเวทนา
“เดี๋ยวเถอะสายตานั่นมันอะไร!” มือขวาของรุ่นที่สิบคิ้วกระตุก
“ไม่ค่อยอยากได้ยินประโยคนั้นจากคนที่ไม่ทันรับมือการลอบสังหารเท่าไหร่” เธอยักไหล่แล้วเดินหนีอย่างไม่ต้องการจะต่อล้อต่อเถียงด้วยและโบกมือลาลวก ๆ
“กลับมาก่อนสิซีลอน! นี่มันเรื่องคอขาดบาดตายของท่านรุ่นที่สิบนะ!” โกคุเทระหันไปคว้าไหล่ แต่นักฆ่าก็เบี่ยงหลบอย่างไม่อยากยุ่งยาก
“จัดการกันไปเถอะไอ้เรื่องคุ้มครองอะไรนั่นถ้าอยากทำ จะไปเก็บกวาดสักหน่อยพวกนายก็ตั้งเวรไปเองแล้วกัน ยังไงทางฉันก็ทำหน้าที่แทบตลอดเวลาอยู่แล้วไม่อยากได้งานยืนเฝ้าเพิ่มหรอกนะก๊กคุง” นักฆ่าหลังเก้าอี้เดินออกไปจากห้องอย่างไม่รีบร้อนท่ามกลางสายตาเหวอ ๆ ของแต่ละคน
“มาพูดเอาแต่ใจอะไรตอนนี้กันเล่า!” ผู้พิทักษ์วายุขยี้หัวอย่างหงุดหงิด
“เอาน่า ๆ โกคุเทระคุง รุ่นพี่ก็เป็นแบบนี้แหละแต่ก็มักจะพึ่งพาได้เสมอเพราะงั้นไม่เป็นอะไรหรอกนะ ฉันก็ดูแลตัวเองได้” นภาคนใจอ่อนปรามเพื่อนสนิทให้ใจเย็นลง
เอ็นมะที่มองทุกอย่างแล้วลอบถอนหายใจเล็กน้อย เขาไม่เห็นว่าสึนะจะดูแลตัวเองได้สักนิด เมื่อครู่ผู้หญิงผมเงินคนนั้นเป็นคนแรกที่ไวต่อการลอบสังหารที่สุดรวมทั้งช่วยเขาเอาไว้ด้วยอย่างไม่เกี่ยงแฟมิลี่ ถึงวิธีการจะห้วนและไร้มารยาท ทว่าในสถานการณ์คับขันก็ได้ผลดีเยี่ยม ชายหนุ่มลูบหลังหัวตัวเองหวนนึกถึงการตอบที่รวดเร็วเมื่อครู่ เธอเป็นนักฆ่าที่ไวมาก ไวกว่าที่คิดมาก...
อเดลไฮด์หันไปพูดคุยกับพรรคพวกและเอ็นมะครู่หนึ่งก็ก้าวเท้าออกมาเจรจาเป็นตัวแทน
“พวกเราคุยกันแล้ว จากเหตุการณ์เมื่อครู่ในระหว่างการแลกเปลี่ยนชั่วคราวจนกว่าจะจบพิธีสืบทอดมรดก จะขอทำหน้าที่เป็นหนึ่งในกลุ่มคุ้มครองเพื่อให้พิธีดำเนินไปอย่างเรียบร้อยเอง” เธอพูดอย่างตรงไปตรงมา
“เอ๋! ต แต่ว่าพวกเธอเป็นแขก” สึนะเลิ่กลั่ก
“จะช่วยกันสินะ! ขอรับความตั้งใจพวกนั้นไว้แล้วกัน! ถ้าอย่างนั้นฉันจะจัดทีมให้เอง โดยแบ่งพื้นที่รับผิดชอบกับคนที่ทักษะสอดคล้องกันไป ขอบคุณพวกนายมาก!” โกคุเทระยิ้มร่าหันไปเจรจาต่อ สึนะยื้อแขนเพื่อนสนิทเอาไว้อย่างไร้ความหมายเพราะวายุหนุ่มนั้นกำลังพูดถึงตารางวันเวลาและการจับคู่ของสมาชิกผู้พิทักษ์ทั้งสองฝ่ายในการวางกำลังรอบบริษัทและพื้นที่ใกล้เคียงเพื่อคุ้มครองพื้นที่สาธารณะปกป้องคนบริสุทธิ์ไปด้วย
“คุ้มครองพื้นที่รอบนอกด้วยเหรอ?” อเดลไฮด์แปลกใจขึ้นมาหลังจากได้รับการแจกแจงแผนที่คร่าว ๆ ของนามิโมริให้ดูผ่านเครื่องฉายกับผนังห้อง
“เพราะว่าท่านรุ่นที่สิบของพวกเราเป็นคนใจดีมากยังไงล่ะ” โกคุเทระหันมาตอบด้วยความภาคภูมิใจ
“พอเถอะน่าโกคุเทระคุงน่าอายออกแล้วก็พวกเรานะมีกำลังมากกว่าคนธรรมดาใช่ไหมล่ะ... จะให้มีคนมาโดนลูกหลงเพราะคนจากโลกเบื้องหลังเพราะฉัน ฉันไม่เอาด้วยหรอก...” สึนะกุมมือของตัวเอง เขาไม่เคยชอบสิ่งที่ได้รับสืบทอดมา แต่ก็หลายครั้งที่รุ่นที่เก้ากล่าวเอาไว้ว่าเพราะว่าเขาเป็นตัวเองแบบนี้ถึงได้เหมาะจะเป็นรุ่นที่สิบ เหมาะจะนำวองโกเล่
อเดลไฮด์ไม่เปลี่ยนสีหน้าจากปกติแค่เหลือบมองท่าทางไม่มั่นใจในตัวเองนั่นก่อนจะมองเอ็นมะ พวกเขาคล้ายกันมาก แต่ทว่าพวกเขาก็จะไม่เปลี่ยนความตั้งใจที่เดินทางมาร่วมพิธีรับมรดกในครั้งนี้
“เข้าใจแล้ว จะช่วยสอดส่องให้ตามที่ได้รับมอบหมายเอง... พวกเราจะทำให้สึนะได้เข้าพิธีสืบทอดมรดกอย่างปลอดภัยเอง” อเดลไฮด์ให้คำมั่น
ซีลอนที่ยืนพิงกำแพงอยู่นอกห้องฟังพวกเขาคุยกันเงียบ ๆ
‘ไม่ใช่คนจากชิม่อนเหรอ น่าแปลกแฮะ’ ซีลอนกลอกตาแล้วเดินอย่างไร้เสียงฝีเท้าออกไปจากบริเวณนั้นก่อนจะลงบันไดหนีไฟแทนลิฟต์
“ไม่ไว้ใจพวกนั้นสินะครับ” มุคุโร่ทักขึ้นเขาเท้าราวบันไดอยู่เหนือเธอขึ้นไปอีกชั้น
“ผู้พิทักษ์พวกนั้นดูไม่ตกใจตอนถูกลอบสังหารเลย...ไม่รู้เพราะมั่นใจความปลอดภัยในวองโกเล่หรืออะไร... เอาเถอะ ไว้แยกเขี้ยวเมื่อไหร่ค่อยจัดการเอาเสียตอนนั้นก็ได้” เธอตอบอย่างเย่อหยิ่ง
“แล้ว...คนที่เป็นนักฆ่ารับจ้างนั่น?” สายหมอกทวนถามเพราะเห็นเธอออกไปด้านนอกครู่หนึ่ง และโยนร่างของคนก่อกวนเข้าทางลานสูบบุหรี่ เธอก้าวลงไปที่ชานพักเปิดประตูไปสู่ลานที่ว่าของชั้นสี่ ย่อตัวลงสำรวจร่างของนักฆ่ารับจ้างที่หมดสติ
“รอยสัก... อันโดส ไม่สิ...เปสกาแฟมิลี่มากกว่า” ซีลอนขมวดคิ้ว
“กลุ่มนักฆ่ารับจ้าง...แล้วก็กระสุนมรณะแบบดัดแปลงรึเปล่านะ” เธอไม่มั่นใจถึงเหตุผลที่อีกฝ่ายขยายร่างด้วยพลังเพลิงเมฆาเท่าไหร่ แต่คงไม่มีเหตุผลอื่นนอกจากกระสุนพิเศษ นักฆ่าหลังเก้าอี้โทรศัพท์ไปที่หน่วยเก็บกวาดให้ขึ้นมาจัดการนักฆ่าที่เผยอหน้ากล้าลอบกัดบอสแห่งวองโกเล่ที่ลานสูบบุหรี่ชั้นสี่ เมื่อเห็นว่ากลุ่มสนับสนุนเข้ามาจัดการฉีดยาสลบเพิ่มเพื่อความปลอดภัยระหว่างขนย้ายก็เบาใจแล้วลงไปชั้นล่างด้วยทางหนีไฟอีกครั้ง
คราวนี้มุคุโร่มายืนรอที่ชานบันไดในชั้นเดียวกันแทน
“เดี๋ยวนี้กลายเป็นพวกไม่กล้าฆ่าตามซาวาดะ สึนะโยชิไปแล้วเหรอครับ ฟุฟุฟุฟุ” สายหมอกหัวเราะคล้ายล้อเลียนอีกฝ่าย
“แค่ไม่ฆ่าในย่านที่บอสอยู่ใกล้เท่านั้นแหละ ถึงจะห่วยแต่จมูกไวอย่างกับมด...กลิ่นเลือดคงแรงเกินไปสำหรับสิ่งมีชีวิตไทป์เหยื่อละมั้ง” เธอแสยะยิ้มเมื่อพูดถึงบอสที่อ่อนโยนเกินไปของตนพลางเหล่มองอีกฝ่าย
“ว่าแต่แกเถอะ ไม่ไปอยู่กับโคลมจะดีเหรอ เห็นว่าวันนี้มีคนแต่งตัวคล้ายพวกชิม่อนเดินตามอยู่แหน่ะ” ซีลอนหยิบมือถือแล้วเปิดข้อความจากลูกน้องที่เป็นแก๊งวิ่งข่าวให้อีกฝ่ายดู
“ฟุฟุฟุฟุ เพราะว่าโคลมของผมน่ะเก่งแล้วยังไงล่ะครับ ถ้าเป็นตัวเธอในสิบปีก่อนก็คงห่วงอยู่หรอก แต่โคลมของผมในยุคสมัยนี้เล่นใช้อาวุธได้ชำนาญเพราะมีคุณเป็นครูสอนพิเศษให้ แค่สตอกเกอร์ธรรมดาทำอะไรสายหมอกที่น่ารักของวองโกเล่ไม่ได้หรอกครับ” เขายิ้มเจ้าเล่ห์
“จะว่าไปการที่คุณแลกข่าวกับผมแบบนี้แสดงว่าอยากจะได้ข่าวของฝั่งผมด้วยสินะ แต่ว่าจ่ายแค่นั้นน่ะไม่พอหรอกนะครับ” มุคุโร่ต่อรองด้วยรอยยิ้ม
“จะเอาอะไร?” ซีลอนถามกลับห้วน ๆ
“ตอนนี้ผมใช้ร่างของตัวเองแล้วเพราะงั้นก็ทำอะไรที่มากกว่ากอดได้แล้วใช่ไหมล่ะ?” มุคุโร่โน้มใบหน้าลงมาใกล้ เขายิ้มร้าย ๆ และดูอารมณ์ดีกว่าที่ผ่านมา
“ก็ตามนั้น ไม่คิดว่าจะจำได้...ตอนนั้นไม่น่าพลั้งปากเพราะรำคาญเลยแฮะ” ซีลอนกลอกตาอย่างไม่ใส่ใจ
“ต่อให้พลั้งปากแต่พูดออกมาก็คือพูดออกมาแล้วครับ” สายหมอกยิ้มไม่ยอมลดราวาศอกให้
“ก็เอาสิ ตามใจ” นักฆ่ายักไหล่ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อย ต่างฝ่ายก็ต่างโตพอจะซื่อสัตย์ต่อตัวเองแล้ว
อุณหภูมิที่เย็นกว่าของถุงมือหนังสัมผัสลงบนแก้มของนักฆ่าประคองให้เงยขึ้นมา คล้ายกับลังเลอยู่นานทั้งที่ใบหน้าใกล้กันไม่ถึงคืบ ต่อให้ผ่านอะไรมามากมาย ต่อให้กลับมาจากความตายครั้งแล้วครั้งเล่า กลับรู้สึกประหม่าเมื่ออยู่ต่อหน้าหญิงสาวที่ค่อนข้างเป็นปักเจกพิเศษคนนี้และไม่เหมือนผู้หญิงเท่าไหร่
ดวงตาสีไพลินสบกันนิ่งไม่ไหวติงหรือลังเล ในความเงียบนั้นเองฝ่ายหญิงจึงตัดรำคาญด้วยการขบปากอีกฝ่ายแทบจมเขี้ยว
“โอ้ย! เดี๋ยวเถอะครับ” มุคุโร่หัวเราะออกมาอย่างประหลาด รู้สึกจั๊กจี้ในใจไม่น้อย ทั้งตกใจทั้งนึกขำขึ้นมา
“เห็นเตรียมใจนาน ก็เลยเริ่มให้ไงพ่อสายหมอก” ซีลอนแสยะยิ้มแล้วหัวเราะในลำคอ จะจูบเธอก็ต้องกล้าหน่อย ในเมื่ออนุญาตแล้วจะทำเธอก็ไม่มีปัญหา
“จะไม่เขินเสียหน่อย?” เขาตั้งคำถามแล้วแตะสัมผัสอย่างนุ่มนวลที่กลีบปากของอีกฝ่าย
“สีหน้าของฉันคือหน้ากากที่ถอดไม่ออก จำได้ไหม” นักฆ่าเลิกคิ้วยิ้มยียวนเอียงหัวเล็กน้อย เธอเลื่อนมือของสายหมอกจากแก้มของตนไปที่ลำคอของตัวเอง เส้นเลือดใหญ่ที่เต้นเป็นจังหวะนั้นเร็วกว่าทุกที
“นี่คือการเขินของคุณ?” ไม่แปลกใจเท่าไหร่กับอาการเขินที่ไม่แสดงออก สิ่งที่ทำให้เขาตกใจคือการที่ซีลอนยอมให้เขาสัมผัสจุดตายของตัวเอง
นักฆ่าจะไม่เปิดช่องโหว่ให้ใครทั้งนั้น เขามองมาตลอดถึงเข้าใจการตอบสนองของซีลอนที่แม้จะยอมให้เรียวเฮหรือยามาโมโตะคล้องคอแต่ต้องเป็นการพาดแขนเท่านั้น ไม่ใช่การสัมผัสด้วยมือ ไม่ใช่ที่คอ คาง อกและท้อง หรือกระทั่งต้นขาที่เป็นมุมของเส้นเลือดใหญ่ เธอระมัดระวังไม่ให้ใครหรืออะไรเข้าใกล้จุดตายของตัวเองโดยอัตโนมัติ เหมือนเติบโตมาด้วยการถูกฝึกซ้ำ ๆ เหมือนเวลาที่เธอมักจะทำอะไรครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับถูกโปรแกรมเอาไว้ ยิ่งเวลาเหม่อลอยก็จะย้ำคิดย้ำทำมากขึ้น
“เรียกว่าการเขินของร่างกายในส่วนที่ควบคุมไม่ได้จะดีกว่า” นักฆ่าเค้นหัวเราะ เธอไว้ใจเขามากพอตัวถึงยอมให้ใช้มือสัมผัสลำคอของตนได้
มุคุโร่ลูบมือกับลำคอโล่งเนียนด้วยความลังเลดันคางให้เชิดขึ้นแล้วโน้มหน้าลงไปอีกครั้ง ส่วนสูงของพวกเขาต่างกันไม่มากนักเลยไม่จำเป็นต้องก้มเยอะ... เว้นเวลาเขาดันเธอหลังติดผนังล่ะนะ เพราะเมื่อหลังชนฝานักฆ่าจะย่อเข่าเล็กน้อย ดูเหมือนยอมรับหรือพ่ายแพ้ แต่สายหมอกรู้ดีว่านั่นคือท่าเตรียมพร้อมที่จะสวนกลับอย่างรุนแรง ถ้าทำอะไรที่ดูเป็นการคุกคามโดยที่เธอไม่ยินยอมล่ะก็คงถูกคล้องคอแล้วทิ้งน้ำหนักตัวเพื่อกระชากให้หัวโขกผนังเลือดอาบแน่...
ผู้พิทักษ์สายหมอกนึกถึงคำคำหนึ่งเสมอ ‘นักฆ่ายังคงเป็นนักฆ่าอยู่วันยังค่ำ’ พ่อค้าอาวุธที่ชื่ออลนโซ่กรีดรอยยิ้มไม่น่าไว้ใจและเอ่ยคำเตือนนี้กับเขาเมื่อพบกันในงานเจรจาแลกเปลี่ยนข่าว สายหมอกรู้ดีว่าชายมีอายุตรงหน้าคืออาจารย์คนแรกของซีลอน นักข่าวและพ่อค้าอาวุธที่มีสมญานามว่าชายพันหน้า คำเตือนถึงสายหมอกว่าต่อให้ไว้ใจอีกฝ่ายมากแค่ไหนก็อย่าลืมสัญชาตญาณนักฆ่าของซีลอนจนเผอเรอทำอะไรที่จะไปกระตุ้นการตอบสนองอัตโนมัติของหล่อนเข้าให้
ผู้พิทักษ์สายหมอกจำไม่ได้ว่าจูบเธอไปกี่ครั้งถึงเลิกเพราะใจจะวายเสียเอง ไม่รู้ตั้งแต่ครั้งที่เท่าไหร่ถึงกลายเป็นจูบอันลึกซึ้งจนรสชาติของช็อกโกแลตที่เพิ่งกินไปติดปลายลิ้นเขามาด้วย
แต่คงสร้างความรำคาญให้นักฆ่าที่หน้าขึ้นสีไม่น้อยเธอถึงพยายามดันเขาออกแล้วเอ่ยปากปราม “พอได้แล้ว”
“มีสีหน้าของคนปกติด้วยนะครับคุณน่ะ...เก่งขึ้นเยอะแล้วนี่” เขาเลิกคิ้วจากนั้นจึงยิ้มออกมาอย่างเอ็นดู
“ในภาษานักฆ่าต้องบอกว่าอ่อนแอลงต่างหาก” เธอพ่นลมหายใจออกจมูกคล้ายหงุดหงิด
“ครับ ๆ แต่คงไม่ต้องห่วงคุณหรอกมั้งกระทั่งนักฆ่าที่ลอบเข้ามาใกล้ก็ยังมีคุณเป็นคนแรกที่สัมผัสได้” มุคุโร่กระชับแขนโอบเอวอีกฝ่าย
“อย่าลืมไปสืบงานมาด้วย”
“ชิ”
“ไม่ลืมหรอกนะ ไปสืบมาด้วย เรื่องของชิม่อนน่ะไม่ว่าจะตอนนี้หรือเมื่อรุ่นพรีโม่ก็ตาม”
Hot Potato เป็นสำนวนภาษาอังกฤษหมายถึง ประเด็นร้อนแรง เป็นที่วิพากย์วิจารณ์ในสังคม
ภาพแถมค่ะ ,,U u U,, มีส่วนที่เทรซ(ลอกลาย)เบสท่าแจกสำหรับวาดเล่นของคุณ @kikiririchan
*เพิ่มเติมคำแปลแอคให้ เขาบอกว่าแจกสำหรับวาดเล่นค่ะ ปรับเปลี่ยนท่าและรายละเอียดได้ แต่ห้ามแอบอ้างว่าคิดขึ้นเองหรือแจกอันที่ดัดแปลงต่ออีกทอด(ถ้ากูเกิ้ลแปลไม่ผิดนะคะ)
https://mobile.twitter.com/kikiririchan/status/999169880627732480
ความคิดเห็น