คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : |2| ANOMALY | พลังที่กัดกร่อน
Cr : https://s288.photobucket.com/user/vampire_gurl24/library/eye?sort=3&page=1
“หากความรักทำให้คนตาบอดล่ะก็
ฉันเดาว่าฉันเองก็คงไม่ต้องมองเห็น” | Bathtub mermaid - Mili
“แฮะ ๆ วันนี้อ่ะน้า~คุณครูที่สอนวิชาต่อสู้ก็ชมอีกแล้วล่ะเอิร์ล แล้วก็น้า~วันนี้คุณปู่จะให้เรียนกับครูคนใหม่ด้วย เจ๋งใช่ไหมล๊า~ ชมสิชมสิ” ฝาแฝดที่ทำสัญญากับตัวตนนอกระบบบางสิ่งยิ้มร่าด้วยแววตาสดใสทิ้งตัวใส่แผ่นหลังของเอิร์ลเกรย์
เพียงผู้เดียวที่ทำให้รู้สึกว่ายังคงเป็นมนุษย์
รู้สึกเหมือนยังเป็นคนปกติ
แฝดชายลูบหน้าผากและยิ้มให้ตัวเขาอีกคน
“อื้ม ๆ เก่งมาก ความพยายามของเธอสุดยอดไปเลยนะ ผมเองก็จะไม่ยอมแพ้! วันนี้ต้องให้คุณจางนีนี่ชมให้ได้เลยล่ะ!”
ต่างคนต่างมีเส้นทางที่เลือกเดิน พวกเขาไม่เหมือนกันทั้งรสนิยมอาหาร เพลง
และทัศนคติ แต่ว่าถ้าเพื่อให้อีกคนแข็งแรงปลอดภัยล่ะก็ ไม่ว่าสิ่งใดก็จะทำทั้งนั้น
เอิร์ลเกรย์รับรู้ถึงสิ่งที่แปลกไปของฝาแฝด
จากนั้นจึงรู้ว่าเกิดปรากฏการณ์ที่วิทยาศาสตร์ไม่สามารถอธิบายได้ขึ้นกับทั้งตัวเขาและฝาแฝด
สัญญาและราคาที่จ่ายไป ซีลอนไม่มีทีท่าสนใจว่าตนเองเสียเปรียบแต่อย่างใด
เสียตาขวาไปเธอก็แค่ฝึกใหม่ทั้งหมดตั้งแต่ต้น
ทั้งการเคลื่อนไหว ระยะยิง ด้วยมุมมองที่เหลืออยู่เพียงข้างเดียวทำให้ต้องขยับหัวเปลี่ยนมุมมอง
เพื่อเพิ่มทัศนวิสัยกว่าเก่าเวลาลงสนามจริง และด้วยนิสัยย้ำคิดย้ำทำของเธอที่มักจะฝึกฝนซ้ำ
ๆ จนมั่นใจว่าจะไม่พลาดแล้วทำให้ดึงศักยภาพของเธอออกมาได้อย่างดีเยี่ยม
“กลัวไหม?” เอิร์ลเกรย์หันไปถาม
“หมายถึงอะไร เวลาลงสนามน่ะเหรอ?
ฉันกลัวเสียนายไปมากกว่าอีก นอกนั้นไม่รู้สึกอะไรเลย ไม่เลยสักนิด โคตรเจ๋ง!” ซีลอนหัวเราะ
“แต่นั่นก็หมายความว่าผมเป็นจุดอ่อนเดียวของเธอนะ”
ฝาแฝดถอนหายใจ
“เพราะงั้นถ้านายไม่ออกไปไหนนอกคฤหาสน์ก็จะดีมากเลยล่ะ”
เด็กหญิงทำปากยื่นก่อนที่เสียงของผู้ดูแลประจำตัวฝาแฝดจะดังขึ้นบอกเวลาพักที่หมดลง
“ไว้เจอกันมื้อเย็นน้า~” เด็กหญิงรีบวิ่งออกไปและทิ้งท้ายเอาไว้
อลอนโซ่เดินทางมาพบรุ่นที่เก้าอีกครั้งหลังสืบข่าวมาได้
เขาพบกับเด็กหญิงหลายครั้งที่สองในเวลาไม่กี่ปีเพียงแต่ครั้งนี้มันต่างออกไป
เขาเป็นพ่อค้าอาวุธและเจ้าของบริษัทเทรดดิ้งข้ามประเทศที่ทำธุรกิจหลายอย่างเพื่อฟอกเงินและสร้างเส้นสายไม่ว่าจะทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคหรือแม้แต่ร้านสะดวกซื้อที่ซื้อแฟรนไชส์มาเพื่อหาข่าว
ด้วยเหตุที่กุมเส้นสายเอาไว้หลากหลายทำให้ตกเป็นเป้าเพ่งเล็งมากตามไปด้วย
ในโลกสีดำไม่ว่ามีชื่อเสียงดีหรือแย่ก็ล้วนเป็นฐานะที่อันตรายทั้งนั้น
ดังนั้นอลอนโซ่จึงมีสัญชาตญาณที่ฉับไวเป็นพิเศษในฐานะที่ไม่มีฝีมือในการต่อสู้ เขาจึงต้องหนีให้ไวกว่าปกติเป็นสองเท่าหรือมากกว่า
ครั้งก่อนที่เจอเด็กคนนี้ยังไม่น่ากลัวเท่าวันนี้
“เห็นใช่ไหมสิ่งที่ไม่ปกติของยัยหนูน่ะ”
รุ่นที่เก้ายิ้มเจื่อน
ซีลอนก็แค่ยืนนิ่งเอามือไพล่หลังอยู่เยื้องหน้าโต๊ะของผู้กุมอำนาจเหนือสมาชิกวองโกเล่ทั้งหมด
“ไม่ใช่หน้าของคนทั่วไป...สินะครับ”
อลอนโซ่ลูบหน้าแล้วถอนหายใจ “....ไหงถึงกลายเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย”
เขาลูบคางโยกหัวซ้ายทีขวาทีสำรวจเด็กหญิงที่จ้องตอบด้วยสายตาเฉยชา
“ไม่รู้จะดีกว่านะอลอนโซ่คุง
แล้วก็หนูซีลอน นับตั้งแต่นี้ไปอลอนโซ่จะมาสอนเรื่องหน้ากากให้กับทริคการเล่นพนัน
ส่วนอาจารย์เรื่องการต่อสู้กับยิงปืนจะมาถึงพรุ่งนี้ วันนี้ก็เรียนกับอลอนโซ่ไปก่อนนะจากนั้นค่อยปรับตารางเรียนเป็นครึ่งเช้าอาวุธครึ่งบ่ายทริคโอเคไหม?”
ท่านรุ่นเก้าหันไปถามเด็กหญิงยิ้ม ๆ
ซึ่งเธอก็ยิ้มและพยักหน้าแม้ว่ารอยยิ้มนั้นจะมองแล้วรู้ว่าแกล้งทำก็ตาม
“อยากจะยิ้มได้เหมือนเมื่อก่อนล่ะ
แต่ว่าถ้าไม่ใช่เอิร์ลแล้วกล้ามเนื้อหน้าไม่ค่อยให้ความร่วมมือเลยแฮะ ทั้งที่ผมก็รักและขอบคุณคุณปู่ตั้งเท่านี่”
เด็กหญิงชูสองแขนขึ้นขยายความตั้งเท่านี่ว่าเยอะขนาดไหน
ยิ้มกลวงเปล่าทำให้อลอนโซ่นวดแก้มตัวเองครางในลำคอถึงงานยากที่ได้รับมา
“งั้นคงต้องฝึกกันหนักเสียหน่อยแล้วล่ะน้า
ถ้างอแงอยากพักก็ได้เสมอเลยนะ แต่เธอก็จะเรียนจบจากฉันช้าขึ้น ไม่มีปัญหาเนอะ?”
อลอนโซ่ย่อตัวลงคุยกับเด็กหญิงที่พยักหน้าให้เขา
“ไม่ต้องห่วง
ฝึกบ่อยเท่าไหนเดี๋ยวก็เป็นไวเท่านั้นเหมือนยิงปืนนั่นแหละ” ซีลอนไม่มีปัญหากับการเรียนนอกเนื้อหาโฮมสคูล
เพราะว่าพลังเหล่านี้จะช่วยให้เธอมีชีวิตรอดในโลกเบื้องหลังกลิ่นคาวเลือดนี้
อลอนโซ่เงยหน้าไปมองชายชราหลังโต๊ะสีดำสนิท
รุ่นที่เก้าคลี่ยิ้มและเผยมือให้เขาอย่างไม่คิดมากเป็นการบอกว่าก็เธอเป็นแบบนี้คือปกติ...
“โอเค ฉันจะพยายามทำความเข้าใจหนูนะ
แต่ว่าเก่งแบบนี้อยากได้ไปอยู่ด้วยเลยแฮะ” อลอนโซ่ผิวปากอารมณ์ดี
ซีลอนโคลงหัวแล้วส่ายหน้า “ไม่ไป
ชีวิตนี้ป๋าเก็บมาเพราะงั้นคนที่ผมจะทำงานให้ก็คือป๋าเท่านั้น”
เด็กหญิงชี้ไปทางรุ่นที่เก้า
“เนี่ยเพราะหลานตัวน้อยของฉันน่ารักขนาดนี้
ถึงเรียกเธอมาช่วยสอนไงล่ะอลอนโซ่” ชายชรายิ้มเห่อหลานราวคนแก่เฝ้าบ้านทั่วไป
อลอนโซ่กระตุกยิ้มค้างอย่างหงุดหงิดกับอาการขี้อวดของชายชราได้แต่เดาะลิ้นอย่างทำอะไรไม่ได้
ซีลอนที่เริ่มเรียนการยิ้มและหัวเราะกับอลอนโซ่พบว่าช่างเป็นเรื่องยากเหลือเกินที่จะยิ้มอย่างมีความสุข
“อันที่จริงไม่ค่อยแนะนำแต่ว่ายิ้มแบบตาหยีไม่เห็นแววตาน่ะปิดบังความรู้สึกได้ดีที่สุด
ทำให้ไม่รู้ว่าคิดอะไรอยู่ แต่คงจะไม่เหมาะกับสไตล์ของคุณหนูเท่าไหร่...เรามายิ้มการค้ากันดีกว่า~” อลอนโซ่หัวเราะในลำคอแล้วลูบริมฝีปากตัวเอง
แม้เขาจะไม่ได้เด็กคนนี้มาเป็นบอดี้การ์ดตัวเองแต่ในอนาคตหากเธอทำงานเก็บกวาด บางทีก็คงช่วยเขาได้บ้างโดยการรับงานนอกเหนือแฟมิลี่ที่ไม่ขัดต่อองค์กรสังกัด
อย่างการช่วยคุ้มครองเขาเป็นครั้งคราวเพราะถือว่าเป็นพันธมิตรกัน
“ฟังดูน่าสนุกแฮะ แล้วยิ้มร้าย ๆ
ล่ะชวิ้ง ๆ”
เจ้าเด็กน้อยตื่นเต้นขึ้นนิดหน่อยแต่โดยรวมเธอก็ยังดูเสแสร้งไปหมดอยู่ดี...
“มันดูเสแสร้งไปหมดเลย...ปัญหาน่าจะเพราะทำไม่ได้แต่พยายามทำล่ะน้า
ทำไมถึงมีอาการแปลก ๆ แบบนี้นะ จะว่ากระทบกระเทือนทางจิตใจก็ไม่น่านึกถึงอารมณ์ก่อนหน้าได้สิ?”
หัวหน้ากลุ่มค้าอาวุธลูบหน้าปลงตก
“ไปทำสัญญากับปีศาจมาค่า”
ซีลอนหัวเราะคิกคักที่แสนจะกลวงเปล่า “รู้นะว่าถ้าเป็นปกติก็คงทำหน้าแบบไหนหรือหัวเราะตอนไหนแต่ว่าตอนนี้พอทุกคนไม่ใช้เอิร์ลแล้วก็พาลคิดว่าไม่เห็นต้องใส่ใจเลยแฮะไปหมดเลยอ่ะ
แต่ว่าก็ยังชอบปู่ป๋าอยู่ดีนะ!”
อลอนโซ่ลูบหน้า ไม่รู้ว่าควรจะเชื่อคำพูดของเด็กเพี้ยนนี่รึเปล่า
แต่ไม่ว่ายังไงก็รับงานมาแล้วแค่สอนให้ใช้หน้ากากได้อย่างเชี่ยวชาญถูกต้องตามสถานการณ์คงไม่เหลือบ่ากว่าแรงเขานัก
“เอ้า มาลองกันสักตั้ง!”
“ลองสักตั้ง!” เด็กหญิงขานรับเป็นลูกคู่อย่างนึกสนุก
“ขยันเรียนจังนะเรา...” คนเป็นผู้ใหญ่อดไม่ได้จะนึกปลื้มระคนประหลาดใจในความขยัน
“เพราะว่าไม่มีทางลัดสำหรับความแข็งแกร่ง!” ซีลอนกำหมัดชกขึ้นในอากาศ
“ไม่รู้ว่าเรื่องอันตรายจะมาอีกเมื่อไหร่ถ้ารีบเก่งได้ก็ต้องรีบ!” เจ้าตัวฮึกเหิมขึ้นมาแกว่งแขนอารมณ์ดี ใช่
เพื่อปกป้องเอิร์ลเกรย์ไม่ว่าอะไรก็จะทำ แค่ไม่ได้วิ่งเล่นก็ไม่เห็นเป็นอะไร เธอสำรวจไปทั่วคฤหาสน์จนเบื่อแล้ว
“เข้าใจแล้ว ๆ
งั้นไปหาห้องว่างที่มีกระจกกัน เดี๋ยวสอนยิ้มเสร็จจะสอนวิธีชนะแบล็กแจ็กต่อให้”
เขาถอนหายใจและเดินตามเด็กหญิงผู้นำทางไปห้องว่างเพราะเป็นเจ้าบ้านที่รู้ทางดีกว่าเขา
อลอนโซ่ใช้คำว่าน่าขนลุกมาอธิบายตัวตนของเด็กหญิงซีลอนวัยเก้าขวบ
เธอสมาธินิ่งมาก ไม่ว่าสอนอะไรไปก็ทำได้ในเวลาไม่นาน ไม่ได้อัจฉริยะ
แต่เป็นการย้ำคิดย้ำทำจนน่ากลัว หลังจากพักเบรกซีลอนเดินไปเดินมาในห้องจากนั้นก็ไปยืนหน้ากระจกลองยิ้มหนึ่งครั้ง
แม้จะยังไม่ได้ดั่งใจก็ไม่ได้แสดงอาการหงุดหงิดเพียงแค่มุ่นคิ้วเท่านั้น
จากนั้นก็ดื่มน้ำมานั่งที่เก้าอี้ยกกระจกส่องหน้าขึ้นมาแล้วลองยิ้มอีกครั้งก็วางมันลง
ในระหว่างที่เขาสอนการคำนวณแต้มแบล็กแจ็กและการนับเลขทดจำนวนไพ่ที่เสียไปเพื่อคำนวณเวลาที่จะลงเดิมพันแล้วได้มากกว่าเสีย
เธอก็มองออกไปนอกหน้าต่างแล้วยิ้มอีกครั้งใช้ภาพสะท้อนไกล ๆ
นั่นตรวจวิธียิ้มของตัวเอง
พฤติกรรมทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นต่อกันอย่างติด
ๆ มันมีเวลาที่ถูกทิ้งช่วงเพียงแต่เท่านี้ก็ทำให้อลอนโซ่เข้าใจความคาดหวังของท่านรุ่นที่เก้าต่อซีลอน
เธอทำซ้ำ ๆ
อย่างไม่ต้องออกปากบอกให้ฝึก ทำอย่างเป็นนิสัยจนน่ากลัว
สุดท้ายจนกระทั่งสอนวิธีคำนวณความเป็นไปได้ของการเล่นแบล็กแจ็กให้เธอก็พยักหน้าอย่างว่าง่าย
ถามเขาเพื่อทวนการแบ่งหน้าไพ่เป็นตัวเลข-1 0 1 อีกครั้ง
เมื่อลองเล่นด้วยกันเพื่อเสริมสร้างความเข้าใจเธอก็เอ่ยตัวเลขที่ใช้คำนวณออกมาอย่างถูกต้อง
อลอนโซ่พ่นลมหายใจออกจมูกนึกเอ็นดูความเชื่อฟังไม่ขาดตกนั่น
“ยิ่งเห็นแบบนี้ก็ยิ่งอยากได้ไปร่วมงานน้า
ซีลอนไม่คิดจะไปกับน้าเหรอจะเลี้ยงอย่างดีเลยนะ” อลอนโซ่แซวเด็กหญิงยิ้ม ๆ
“ไม่!” เจ้าตัวปฏิเสธทันทีอย่างหนักแน่นแล้ววางเหรียญเดิมพันในตานี้
อลอนโซ่หัวเราะกับความซื่อตรงของเธอและตั้งใจสอนวิธีชนะเกมพนัน
พอท้ายเกมเจ้าตัวก็ไม่วายหยิบกระจกขึ้นมาลองยิ้มอีกรอบ
แม้จะยังไม่เป็นธรรมชาติแต่ก็เริ่มดีขึ้น
อลอนโซ่เริ่มเป็นกังวลแล้วว่าบางทีเขาคงต้องสอนให้เธอร้ายและโหดเหี้ยมกว่าที่เป็นอยู่ด้วย
บางทีแค่ยิ้มการค้าคงไม่พอกับเจ้าตัวเล็กกระหายรู้นี่
อลอนโซ่คิดว่าเขาคงต้องอยู่ฝึกยัยหนูนี่ไปอีกพักใหญ่เลยเช่าโรงแรมไม่ไกลจากที่นี่เพื่อพักผ่อน
แต่รุ่นที่เก้าบอกว่าเดินทางไปกลับตกเป็นเป้าได้ง่ายเลยให้เขาอยู่ในห้องพักแขกของคฤหาสน์ไปพลางจนกว่าซีลอนจะจบการศึกษาจากเขาทีแรกเขาก็ไม่เห็นด้วยเพราะเขาก็มีหน้าที่เป็นบอสของวีคอยู่แต่จนแล้วจนรอดก็ทนท่านรุ่นที่เก้ารบเร้าไม่ไหว
ในวันถัดมาอาจารย์สอนการต่อสู้ของซีลอนถูกเปลี่ยนคนเพราะเธอเป็นพื้นฐานหมดแล้วเหลือแค่ขัดเกลาให้เฉียบคมขึ้น
ราวกับหมากที่เลี้ยงมาเป็นอาวุธ
เธอโตมาแบบนั้น ตารางเรียนโฮมสคูลแทรกด้วยวิชาการใช้อาวุธ การต่อสู้
ตารางเรียนที่เข้มงวดไม่ได้ทำให้เด็กหญิงรู้สึกเบื่อหรือท้อแท้เพราะอาการย้ำคิดย้ำทำของเธอผลักดันให้ความสามารถพัฒนาอย่างรวดเร็ว
ถ้าอลอนโซ่สอนเธอฝึกแสร้งตีหน้าซื่อ
เธอก็จะส่องกระจกบ่อยกว่าปกติ
หรือมักหันมองเงาสะท้อนของตัวเองยามเดินผ่านหน้าต่างบานใหญ่เพื่อมองเงาสะท้อนรอยยิ้มของตนว่าเป็นไปได้อย่างธรรมชาติไหม
ถ้าอาจารย์สอนถอดประกอบปืนเธอจะเล่นมันแทนของเล่น
ถ้าอาจารย์สอนยิงปืน
เธอมักจะวนเวียนไปสนามยิงปืนเพื่อฝึกจนหมดแม็กแล้วไปทำอย่างอื่น
หลังจากนั้นอีกสักพักจึงมายิงหมดไปอีกแม็ก
หากสอนวิชาการเธอก็จะทำแบบฝึกหัดทบทวนจนเข้าใจอย่างกระจ่างแล้วผ่านการเรียนหลักสูตรของอายุตัวเองไปอย่างรวดเร็วแม้จะช้ากว่าเอิร์ลเกรย์ที่ถูกชมว่าเป็นอัจริยะวิชาการก็ตาม
ซ้ำแล้วซ้ำเล่าด้วยความกลัว
กลัวว่าจะช้าเกินไปจนไม่ได้ใช้ความสามารถอย่างเต็มศักยภาพ
เพราะกลัวสูญเสียถึงรีบที่จะปีนป่ายแม้สองมือจะเต็มไปด้วยบาดแผลเกรอะกรัง
สภาพจิตใจของซีลอนไม่ดีเท่าไหร่เมื่ออยู่ตัวคนเดียว
จนเริ่มแสดงให้เห็นผ่านทางสีหน้าและพวกผู้ใหญ่สังเกตเห็น
กลายเป็นอาการติดแฝด
ที่ชอบเดินตามเป็นเงาจนกว่าจะต้องแยกกันเรียน
เพื่อยืนยันว่าเขาจะไม่หายจากเธอไปจึงใช้สองมือกอบกุมมือของฝาแฝดเอาไว้
กลายเป็นการเสพติดไออุ่นในอุ้งมือที่เท่ากันนั้น
ภาพของฝาแฝดที่มักเดินจูงมือกันไปไหนมาไหนจึงเป็นสิ่งที่ติดตาผู้คนในคฤหาสน์วองโกเล่
ในวัยสิบขวบหลังจากจบการพัฒนาใบหน้าของ
‘คนปกติ’ กับอลอนโซ่เขาก็กลับไปทำงานกับองค์กรของตนอย่างที่หายหน้าหายตาไปนาน
ซีลอนไม่รู้จะอธิบายความรู้สึกตัวเองยังไงเมื่ออยู่ต่อหน้าอาจารย์คนใหม่ที่เด็กกว่าเธอ...
แม้จะกังขาในรูปร่างแต่ว่า... เธอรับรู้ถึงอันตราย คลุ้งกลิ่นความตายที่รายล้อมร่างของเด็กทารกในชุดสูทดำห้อยจุกนมสีเหลือง
“ดีจ้า~ ตั้งแต่นี้ต่อไปฉันจะมาฝึกแกให้กลายเป็นนักฆ่าตามคำสั่งรุ่นที่เก้า
จะไม่มีการออมมือใด ๆ หวังว่าแกจะยังมีชีวิตรอดไปจนจบการฝึกของฉันได้นะ!” ซีลอนขมวดคิ้วรู้สึกไม่ถูกชะตากับทารกนักฆ่า
แต่เธอเคยได้ยินชื่อเสียงของชายคนนี้มาบ้าง
นักฆ่าผู้ถูกจุกนมต้องสาปทำให้กลายเป็นเด็กทารก
แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังครองตำแหน่งอันดับหนึ่งเอาไว้ได้อย่างมั่นคงและไร้วี่แววผู้ท้าชิงอันดับมาหลายปี
จุดสูงสุดของนักฆ่า
นักฆ่าที่อยู่เหนือใครในโลกเบื้องหลัง
เธอรู้ว่าอัลโกบาเลโน่เป็นพันธมิตรกับวองโกเล่แต่ไม่คิดว่าจะสนิทถึงขั้นดึงตัวนักฆ่าอันดับหนึ่งมาเป็นอาจารย์ส่วนตัวได้...
“ก็มาสิ แต่ว่าผมน่ะไม่ตายง่าย ๆ
หรอกนะอาจารย์” ซีลอนเอามือไพล่หลังฉีกยิ้มเหมือนเด็กน้อยทั่วไป ทว่าดวงตาที่กลวงเปล่าสะท้อนให้เห็นถึงเบื้องหลังรอยยิ้มที่ไม่มีคลื่นอารมณ์ใดอยู่เลย
การพบกันครั้งแรกของซีลอนและรีบอร์นเป็นการจับคู่ที่ไม่น่าเกิดขึ้นอย่างที่สุด
เพราะเมื่อบทเรียนของนักฆ่าอันดับหนึ่งผลิดอกออกผลขึ้นมา แรงค์กิ้งของโลกนักฆ่าจึงถูกเด็กคนหนึ่งในเงามืดแซงเบียดอันดับไต่ขึ้นไปราวม้ามืดอยู่ในลำดับที่
11 ด้วยวัยสิบสองปี
การฝึกของรีบอร์นได้สร้างสัตว์ประหลาดขึ้นมา
ไม่ว่าด้วยทริคหรือทักษะการใช้ปืนผสมกับไฟสายหมอกและเมฆา เธอที่พัฒนาอย่างก้าวกระโดดได้เดินเข้าสู่วงการมาเฟียในฐานะนักฆ่าที่ขึ้นตรงต่อรุ่นที่เก้า
ไม่ได้สังกัดวาเรียที่ซันซัสตั้งขึ้นเพื่อรวบรวมนักฆ่าหัวกะทิ
เธอไม่รู้ว่าพี่บุญธรรมหายไปไหน และไม่คิดจะใส่ใจวาเรียควอลิตี้นัก
เป้าหมายของเธอยังคงชัดเจน
ฆ่าพวกมันทุกตัวที่ล้ำเส้นกล้าจะแว้งกัดวองโกเล่ และฝาแฝดของเธอ
ไม่ว่าอะไรก็ทำให้ได้ทั้งนั้นกระทั่งกลายเป็นสัตว์ประหลาด
แต่ไม่มีปัญหาหรอกเพราะว่าเมื่อใดก็ตามที่เธอต้องการจะรู้สึกอย่างมนุษย์แค่กลับไปจูงมือให้ฝาแฝดลูบหัว
เธอก็เป็นเพียงคนธรรมดาได้เสมออยู่แล้ว
เธอในตอนนี้ยังคงถอดและประกอบปืนพกดัดแปลงของตัวเองด้วยสีหน้าเรียบเฉยอยู่ที่สนามยิงปืน
เมื่อทุกอย่างอยู่ในตำแหน่งที่ควรของมันก็บรรจุตลับกระสุนแล้วยิงออกไป
แรงดีดของปืนไม่ได้ทำให้ความแม่นยำของเธอน้อยลง
ทุกนัดยังคงกระจุกตัวในวงกลมสีแดงกลางเป้าซ้อม
“ไม่เข้าใจเลยจริง ๆ
ว่าแม่นขนาดนี้แล้วยังจะซ้อมต่อไปอีกทำไมคุณหนู” อ๊อตตาเบียหัวหน้าวาเรียคนปัจจุบันเอ่ยถามขึ้น
เขาอยู่รั้งตำแหน่งแทนซันซัสที่หายหน้าไป
แม้จะนานแต่เธอไม่คิดว่าปู่ป๋าจะเก็บลูกเลี้ยงคนนั้นหรอกนะ
ไม่อย่างนั้นเขาต้องบอกเธอแล้วว่าพี่ชายไปนอนอยู่ในหลุมไหนไม่ใช่ไม่อยู่ที่นี่สักพักใหญ่
“ความเคยชินล่ะมั้ง”
เด็กสาวไหวไหล่ไม่ใส่ใจปล่อยให้เป้ายิงเคลื่อนรางมากระดาษเป้ายิงตรงกลางเป็นรูพรุน
ซีลอนเปลี่ยนกระดาษเป้ายิงแล้วปล่อยให้มันกลับไปที่เดิม
เธอพิจารณากระดาษจากการซ้อมยิงครั้งนี้แล้วขยำมันทิ้งลงถังขยะอย่างไม่ใส่ใจ
“เป็นความเคยชินที่น่ากลัวนะ” อ๊อตตาเบียกล่าวสมทบ
พอเห็นศักยภาพของเด็กคนนี้เขาก็อยากจะดึงตัวเธอให้มาอยู่ในกลุ่มนักฆ่าหัวกะทิของวาเรียแต่ว่าช้าไป
เพราะตอนนี้เธอเป็นเงาหลังเก้าอี้ของท่านรุ่นที่เก้าไปเสียแล้ว
นอกจากผู้พิทักษ์และเลขาของท่านก็เห็นจะมีแต่ซีลอนนี่แหละที่ได้อยู่ในสถานที่พิเศษรับใช้ท่านผู้นั้น
“ผมไม่ใช่อัจฉริยะเพราะอย่างนั้นก็มีแต่ต้องฝึกไปจนกว่าจะดินกลบหน้าเท่านั้นแหละ”
เธอไม่ใส่ใจบาดแผลที่ได้มาจากการฝึก และเชื่อมั่นว่าความพยายามทั้งหมดที่ขัดเกลามาต้องส่งผลให้แข็งแกร่งขึ้น
การฝึกโหดราวนรกไม่ปานนั้นจะไม่ทรยศเธอแน่นอน
เพราะกลัวถึงได้กระเสือกกระสนเช่นนี้
และความกลัวของเธอก็เป็นจริงขึ้นเร็วกว่าที่หมายไว้
ไม่รู้ว่าพวกมันใช้วิธีไหนหรือใครเป็นผู้ชักใยเบื้องหลัง
เอิร์เกรย์ที่ไม่มีความสามารถในการปกป้องตัวเองนั้นถูกลักพาตัวอีกครั้ง
แม้ต่างหูส่งสัญญาณจะถูกถอดทิ้งเอาไว้แต่ว่าสีดำคลุ้งกลิ่นความตายที่ได้รับมาจากปีศาจที่เรียกขานตนเองว่ายมทูตได้มอบสิ่งที่พิเศษยิ่งกว่าเพียงพลังที่จะฆ่าพวกมันทุกตัว
“ถ้าขโมยของของนักฆ่าไปก็ต้องเตรียมใจจะโดนนักฆ่าไปตามเก็บ
นั่นแหละสิ่งที่พวกมันต้องนึกเอาไว้แล้ว” ซีลอนโกรธจัดบรรยากาศน่าขนลุกไม่แพ้ทารกนักฆ่า
“เอนทรานิโอ้เห็นจะล่มสลายก็คราวนี้...”
รุ่นที่เก้ากำไม้เท้าแน่น เขาไม่ได้ออกปากห้าม ไม่แม้แต่จะรั้ง
“อยากบอกว่าอย่าเจ็บตัวกลับมา...
แต่สำหรับหลานแล้วกับแค่แก๊งที่ไม่มีสมาชิกติดแรงค์กิ้งสิบอันดับแรกคงไม่คณามือจริงไหม?”
ท่านรุ่นที่เก้าให้ท้ายเธอไปกวาดล้างพวกมันเต็มที่
“อื้ม! ปู่ป๋าเข้าใจถูกแล้ว ไม่ระคายมือผมหรอก เดี๋ยวก็กลับมาแล้วล่ะ
พร้อมเอิร์ลที่ปลอดภัย” เธอเอียงคอแล้วยิ้มตาหยี
ยิ้มเสแสร้งที่แนบเนียนเป็นใบหน้าของคนอารมณ์ดีคนหนึ่ง
“งั้นจะให้วาเรียเคลื่อนไหวไหม?”
ท่านรุ่นที่เก้าเหล่มองอ๊อตตาเบียผู้เป็นบอสใหญ่ของวาเรียในขณะนี้
“แค่ผมก็พอ
คนเยอะเคลื่อนไหวลำบาก งั้นผมไปนะ ไม่มีปัญหาใช่ไหมถ้าผมจะฆ่าให้หมด?”
เธอย้ำอีกครั้งแหวนโซ่สีเงินรอบนิ้วกลางก็เผยควันดำอ้อยอิ่งออกมา
“พวกเราไม่ได้เห็นด้วยกับองค์กรที่มีแล็บเถื่อนใช้มนุษย์เป็นหนูทดลองอยู่แล้ว
ยิ่งมาทำเรื่องไม่ดีในอิตาลี่ของพวกเราไปทำความสะอาดเสียหน่อยน่าจะดีกับเรามากกว่า”
ชายชราพยักหน้าเธอก็หายไปจากตรงนั้น
ถูกรายล้อมด้วยควันดำเข้มคลุ้งคล้ายหมึกที่หยดและม้วนลงในน้ำสะอาด ไม่มีทั้งจิตสังหารรุนแรงและตัวตนอยู่ตรงนั้น
หายวับไปในทันทีเหมือนภาพตัดต่อ
“...กลายเป็นว่าหลานตัวน้อยดูจะคุมยากกว่าซันซัสของฉันอีกนะ”
รุ่นที่เก้ารำพึงออกมา เขาถอนหายใจและยิ้ม
“แต่ว่าความภักดีนั่นก็มั่นคงไม่สั่นคลอนจริง
ๆ นะครับน่าชื่นชม” อ๊อตตาเบียเอ่ย
‘บาดแผลบนแผ่นหลังของนักดาบคือความอัปยศ! เพราะมันหมายความว่าแกหนีออกจากการต่อสู้ยังไงล่ะ!’
‘แต่ละคนก็มีกลวิธีของตัวเอง’
ซีลอนเดินทอดน่องไปในฐานของศัตรูด้วยสีหน้าเบื่อหน่าย
ไม่ต้องแสร้งยิ้มหรือหัวเราะ ไม่ต้องตีสีหน้าเป็นคนปกติ
“ผู้บุ—” เธอชิงฆ่าพวกยามก่อนที่จะตะโกนจนจบประโยคเสียอีก
ปืนดัดแปลงเก็บเสียงที่ช่วยประหยัดเวลาให้เธอ และทำให้งานง่ายขึ้นมาก
“น่าเบื่อจัง
ไม่มีเก่งกว่านี้แล้วเหรอ...” เธอถอนหายใจเดินผ่านซากศพมากมาย
จำนวนไม่ใช่ปัญหาสำหรับเธอ
และแม้ว่าการใช้พลังสีดำนี้จะส่งผลร้ายกับเธอมากกว่าผลดีก็ตาม
เธอไม่คิดว่าตัวเองจะมีชีวิตอยู่จนแก่หรอก
ก็ในเมื่อโลกใบนี้นอกจากเอิร์ลก็ไม่มีอะไรน่าสนุกอีกเลย
เธอสาวเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อสัมผัสของฝาแฝดหยุดลงในห้องหนึ่ง
“ทำให้ฉูดฉาดหน่อยดีไหมน้า~” เธอแสยะยิ้มแล้วไหวไหล่ “แค่ฆ่าธรรมดาคงเกลื่อนเกินไปสร้างลายเซ็นเอาไว้ดีไหมนะ?”
นักฆ่าอันดับสิบเอ็ดพึมพำและระเบิดประตูห้องทดลองกระจุยด้วยระเบิดพกพาขนาดเล็กกับพลังไฟเมฆานิดหน่อย
เสียงโครมครามและควันไหม้โขมงทำให้สปริงเกอร์ทำงาน
“อะไรวะ”
“หรือว่าผู้บุ—”
ในม่านควันเธอส่งพลังสีดำนั่นลากพวกนักวิจัยตรึงกับพื้นและปิดปากเอาไว้
“โดนจับมาต้มยำทำแกงแบบนี้ไม่น่าสนุกเลยน้า~” เธอยกยิ้มขี้เล่นให้กับฝาแฝดที่ยังคงหลับไม่ได้สติ “อ๊ะ ยังหลับอยู่หรอกเหรอ
งั้นผมก็ขอให้คุณฝันดีนะแฝด” เธอคลี่ยิ้มพิมพ์ใจอย่างโล่งอก
“งั้นมาทำธุระตรงนี้ให้เสร็จแล้วกลับบ้านเรากับดีกว่าเอิร์ล...
ลืมไปว่านายหลับอยู่ งั้นผมก็อำมหิตได้อย่างเต็มที่สินะ ดีจังเลย! เรามา...เริ่มแก้แค้นกันเถอะ!”
เด็กสาวเอามือไพล่หลังหันมาเผชิญหน้ากับเหล่านักวิจัยที่เหงื่อแตกซีดเผือดด้วยความกลัว
แล็บทดลองของเอนทรานิโอ้กำลังทดลองสร้างพลังใหม่
ๆ เพื่อต่อยอดวิวัฒนาการของมนุษย์กล่าวก็คือหาทางต่อกรกับพลังเหนือธรรมชาติบางจำพวกอย่างไฟธาตุของมาเฟียบางกลุ่ม
และเพื่อค้นหาอาวุธอื่นนอกจากปืนและระเบิด
ซีลอนเผยมือออกข้างตัวด้วยรอยยิ้มกลวง
ๆ “ทาด๊า~ มาเริ่มการผ่าตัดกันดีกว่าน้า~
ผ่าท้องแล้วเอาเครื่องในออกมาจากนั้นก็ตัดหัวแล้วใส่เข้าไป ปากก็ยัดพวกอุปกรณ์การแพทย์ในห้องนี้เอาไว้แล้วกันเนอะ
ต้องออกมาดูดีแน่~... ว่างั้นไหม?” เธอฉีกยิ้มและลืมตามองเหล่านักวิจัยเถื่อน
สีฟ้าเรืองแสงที่ราวกับสัตว์ร้ายนั่นทอประกายความตื่นเต้นเอาไว้อย่างเต็มเปี่ยม
เสียงกรีดร้องดังทะลุออกไปด้านนอกเพราะว่านักฆ่าตัวน้อยไม่แม้แต่จะปรานีอย่างการทำให้สลบหรือฉีดยาชา
ทุกขั้นตอนเกิดขึ้นขณะที่พวกเขายังตื่นและมีสติครบ
แต่เธอก็ไม่ได้ใส่ใจนักว่าจะมีหมอคนไหนกลัวจนเป็นลมไปก่อนจะถูกผ่าเล่น
เธอไม่ได้มือเปื้อนแม้แต่น้อย ควันดำที่เป็นพลังนอกรีตนั้นได้กลายเป็นมือจัดการทุกอย่างตามความต้องการในใจอันดำมืด
ทว่ายิ่งใช้พลังไปมากเท่าไหร่กระบอกตาขวาก็ยิ่งชามากขึ้นเท่านั้น
รับรู้ถึงสิ่งที่เย็นเยือกแผ่ไปตามเส้นเลือดฝอยใต้ผิวหน้า ร่องรอยสีดำของมลทินรุกรานไปตามกระแสโลหิตและเซลล์ย้อมพวกมันให้เห็นสีดำอย่างผิดปกติ
วันนี้เอนทรานิโอ้ไม่ได้ทำการทดลองเพียงแล็บเดียวอีกฝั่งของตึกเองก็กำลังปลูกถ่ายอวัยวะพิเศษใส่เด็กทดลองเช่นกัน
มันคงถึงคราวล่มสลายเพราะทั้งสองห้องทดลองถูกฆ่าตายโดยมีต้นเหตุมาจากเด็กที่พวกเขาจับตัวมาทดลอง
ซีลอนที่เล่นศพจนพอใจก็แบกฝาแฝดขึ้นไหล่
เธอรู้ว่าอีกฟากมีคนกำลังสู้กันแต่มันไม่ใช่เรื่องของเธอ
ในเมื่อเธอได้ตัวเอิร์ลเกรย์มาแล้วก็ไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี่อีก
ความมืดที่โอบล้อมพาเธอกลับไปยังสถานที่ที่ตนเรียกว่าเป็นบ้าน
สะอาด เงียบเชียบ และรวดเร็ว
เดิมทีคิดจะยิงแสกหน้าพวกมันเพียงแต่คิดไม่ถึงเหมือนกันว่าพอได้เห็นสภาพฝาแฝดที่หลับสนิทมัดเอาไว้กับเตียงผ่าตัดก็โกรธขึ้นมาอย่างที่ไม่ได้เป็นมานาน
จะถูกเอาไปอีกแล้ว
แต่ครั้งนี้เธอจะเอื้อมมือไปไขว่คว้าเอิร์ลเอาไว้
ครั้งนี้ตัวเองอีกคนยังหัวใจเต้นอยู่ แต่ถึงอย่างนั้นความโกรธก็ไม่ทุเลาลง
เธอไม่รู้ว่าควรจัดการกับอารมณ์อันบ้าคลั่งภายในตัวเองอย่างไรให้มันสงบลง
คิดว่าได้อาละวาดเสียหน่อยก็คงดีขึ้น ทว่าในทรวงอกของเธอก็ยังคงหนักอึ้ง
ซีลอนยังไม่เข้าใจความหมายของอารมณ์ตนเอง
ไม่รู้ว่ามันเรียกว่าอะไร
มันไม่ได้แย่
เพียงแต่เธอที่อยู่อย่างคนไม่รู้สึกรู้สาอะไรมานานพอได้ใจเต้นกลับยิ่งกระอักกระอ่วน...
รับมือและไม่ได้นึกรักความรู้สึกนี้
แต่เธอเชื่อมโยงมันได้
คงจะต่างจากคนอื่นไปมากแต่คงเป็นความยินดีละมั้งที่ลุกไหวอยู่ระหว่างปอดทั้งสอง
เพราะขั้วอารมณ์เธอนั้นด้านชา ให้ความสำคัญกับฝาแฝดเพียงคนเดียว
แม้จะเป็นแบบนั้นซีลอนก็มีปณิธานที่แน่วแน่ในการรับใช้วองโกเล่ผู้ให้ชีวิตใหม่แก่เธอและเอิร์ลเกรย์
อารมณ์ยินดีที่สองมือสามารถปกป้องสิ่งสำคัญเอาไว้ได้
เสียงหัวเราะที่หลุดออกมาโดยไม่ตั้งตัวทำให้รุ่นที่เก้ากับอ๊อตตาเบียสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อเด็กสาวกลับมาถึงและปรากฏตัวในห้องทำงาน
ความคิดความอ่านของซีลอนเป็นผู้ใหญ่กว่าอายุเพราะต้องดิ้นรนมีชีวิตรอด
ยิ่งก้าวไปได้ไวกว่าคนอื่นก็แข็งแกร่งได้มากกว่าเท่านั้น
เธอจึงเข้าใจในเวลาต่อมาได้ทันทีว่านี่คืออันตรายของผู้ที่อยู่สูงกว่าผู้อื่น
เธอกำลังหลงใหลในอำนาจที่มี
อำนาจมากพอจะฆ่าพวกมันทุกคนที่บังอาจเสนอหน้ายุ่มย่ามกับผู้เป็นดั่งวิญญาณอีกครึ่งดวง
“ผมกลับมาแล้วล่ะ~ แล้วก็ถล่มแล็บไปแต่ไม่ได้ทำลายฐานหรอกนะเพราะดูเหมือนว่าแล็บอีกฟากก็มีคนมาตามสั่งสอนพวกมันเหมือนกัน”
ซีลอนรายงานด้วยรอยยิ้มยังคงแบกฝาแฝดไว้แน่น
ดวงตาที่เรืองแสงสีครามจางจนหายไปเมื่อเธอไม่ได้ใช้พลังสีดำ
เธอเริ่มเข้าใจถ้อยคำของปีศาจที่อวดอ้างให้เรียกขานว่ายมทูต
‘พิษร้ายของคำลวงสุดท้ายจะเป็นตัวตนของเจ้า
พิษร้ายของอำนาจสะท้อนกลับใส่ผู้ควบคุม พิษร้ายของความรู้สึกแผดเผาไร้ความยุติธรรม’
ถ้อยคำงดงามที่ไม่ได้ถูกแปลความหมายอย่างถ่องแท้คือคำใบ้ในการควบคุมควันดำที่เมื่อสัมผัสสิ่งใดจะเหลวยิ่งกว่าน้ำมันดิน
พลังนี้ไม่ใช่ของเธอทั้งอำนาจแก่กล้าของไฟมายาเมื่อรวมเข้ากับพลังนอกรีตนี้มีแต่จะกัดกินร่างกายให้เสื่อมสลายโดยเริ่มจากตาขวา
หากหลงใหลในอำนาจที่พยศดั่งสัตว์ร้ายสักวันคงจะต้องถูกมันควบคุมแน่
และความรู้สึกในอกนี้กลับทำให้การยับยั้งช่างใจ
ระวังที่จะไม่ใช้พลังนอกรีตมากจนเกินไปล้มเหลว
เพราะหลงใหลในอำนาจเหนือการควบคุม
เงาดำที่บันดาลความตายให้ศัตรูดั่งปรารถนา
โดยที่ไม่รู้...ถึงอีกความหมายที่แท้ของถ้อยคำนั้น
ซีลอนได้เลือกจะย่างเท้าลงไปในบึงสีดำ
ยินยอมให้ร่างกายถูกฉาบย้อมไปด้วยมลทินและบาปมหันต์
มือที่เปื้อนเลือดไปครั้งไม่อาจกลับมาสะอาด
เช่นนั้นแล้วในระหว่างที่ก้าวไปสู่ความพินาศ
ระหว่างทางที่ยังงดงามนั้นเธอจะมองพวกมันให้เต็มอิ่ม จนกว่าจะถึงเวลาที่ดวงตาทั้งสองข้างไม่สามารถรับรู้สิ่งใดได้อีกต่อไป
เอิร์ลเกรย์ถูกพาไปห้องพยาบาลโดยมีซีลอนตามติดไม่ห่างด้วยสีหน้ามีความสุข
ครั้งนี้เธอชนะโชคชะตา
เด็กน้อยฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดี และในครั้งต่อ ๆ ไป ก็จะชนะเช่นนี้อีกครั้งแล้วครั้งเล่าเพราะว่าความพยายามของเธอมันประสบผลสำเร็จ
ดังนั้นต่อจากนี้นอกจากซ้อมจนกว่าตายกันไปข้างก็ไม่มีวิธีอื่นแล้ว
ความคิดเห็น