คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #17 : | 17 | KEYSTONE | สอดแนม
“หืม? เหรอ งั้นนายคิดว่าฉันเหมาะกันอะไรล่ะ?”
| ซีลอน
“เสียเวลาเปล่า” คาบูโตะเอ่ยเหยียดเหล่าวองโกเล่ที่ยังคงพยายามที่จะดิ้นรนเขาตัดสินใจเปิดกล่องที่อกตนเอง
พลังของการนำกล่องเชื่อมกับร่างกายนั้นมีมากมายกว่าอาวุธกล่องทั่วไป
“จะใช้มันแล้วสินะโทริคาบูโตะ”
คิเคียวกันไปยกยมุมปาก บลูเบลร้องออกมาว่าขอปิดตาก่อนและหันหนีไปทางอื่น
ซีลอนหรี่ตามองปฏิกิริยาของพวกเขาและไม่คิดจะมองไปที่นักมายาของมิลฟิโอเล่เช่นกัน
หลังบอลแสงระเบิดออกปีกผีเสื้อกลางคืนคู่ใหญ่ที่มีลวดลายดวงตาก็ปรากฏต่อสายตาทุกคน
“ฮิ๊! สยองค่า!”
ฮารุร้องออกมาเดิมทีก็ไม่ถูกกับแมลงอยู่แล้ว ยิ่งมาเจอตัวเบ้อเร่อยิ่งขนลุกขนพอง
เหล่าผู้ที่สบตากับลวดลายวงกลมบนปีกนั้นต่างประสบกับอาการวิงเวียนจากภาพลวงตา
ทุกอย่างรอบตัวพวกเขาหมุนเคว้งเป็นวงกลมไม่รู้เหนือใต้ ไม่รู้ว่าพื้นอยู่ตรงไหน
“จบกันเสียที”
คาบูโตะพูดขึ้นอย่างมั่นใจ กล่องมายาของเขานั้นแข็งแกร่ง ไม่ว่าอีกฝ่ายเป็นใครเมื่อสบเข้ากับลายดวงตาบนปีกที่ดึงดูดความสนใจแต่แรกเห็นนั้นก็ต่างหลงอยู่ในนรกของภาพลวงตาจากเขา
“ภาพลวงตานี่แข็งแกร่งกว่าศึกช้อยส์ซะอีก!” สึนะมองไปรวบตัวที่หมุนบิดเบี้ยวไปไม่ว่าจะพื้นดินหรือท้องฟ้า
ขนาดแกรมม่าเองก็ประสบปัญหาว่าบนหรือล่างคือท้องฟ้ากันแน่กระนั้นก็ยังคงอุ้มท่านยูนิเอาไว้แน่น
“หึ
พลังของพวกเราน่ะเป็นสุดยอดพลังของกล่องและผู้ใช้รวมเข้าด้วยกัน
ดังนั้นใครก็ตามที่เห็นลวดลายบนปีกของคาบูโตะก็จะเริ่มสูญเสียประสาทสัมผัสทั้งห้า
ไม่สามารถแยกแยะภาพลวงตากับความจริงได้อีก” คิเคียวอธิบายด้วยความใจกว้าง
เขาเองก็มั่นใจในพลังของเพื่อนพ้องว่าเป็นหนึ่งไม่มีสองในบรรดาผู้พิทักษ์ที่แท้จริง
ซีลอนเดาะลิ้น
เธอได้ยินแต่เสียงเท่านั้นและคิเคียวก็หยุดการโจมตีลง
เขาไม่คิดจะสู้กับเธอแต่แรกแล้ว
ทั้งยังคงดูมั่นใจว่าอย่างไรคาบูโตะก็จะจัดการทุกอย่างจนจบเรื่องได้โดยตัวคนเดียว
“เปล่าประโยชน์วองโกเล่
ถ้าได้ลองมองเห็นสักครั้งหนึ่งก็ไม่มีทางหลุดออกมาได้
ต่อให้เป็นสุดยอดลางสังหรณ์ก็ช่วยนายไม่ได้” คิเคียวหัวเราะขึ้นจมูก
“บอสที่ด้านขวาของอัลโกบาเลโนภาค่ะ!”
โคลมตะโกนขึ้นสึนะก็เคลื่อนไหวไปตามอย่างไม่ลังเลผลปรากฏว่าเขาชกถูกคาบูโตะเข้าเต็ม
ๆ
“อะไรกัน บ้าน่า!” คิเคียวตกใจจนเผลอลืมตาขึ้นมา
“ล่าง! ล่างอีกค่ะ!”
โคลมเป็นเพียงคนเดียวที่คอยบอกตำแหน่งที่แท้จริงให้สึนะ “เขาหนีไปทางขวาแล้วค่ะ!”
“อะไรกัน? นกฮูกของโคลมกำลัง...”
ฟูตะงุนงงกับภาพตรงหน้าที่น่าจะไม่ใช่ภาพมายาของคาบูโตะแต่นกฮูกกล่องของโคลมนั้นกำลังเปลี่ยนรูปร่างไป
ซีลอนตัดสินใจลืมตาขึ้นและมองลงไปข้างล่าง
“ไม่ใช่แค่สึนะกับฮิบาริ...แต่โคลมก็ด้วยสินะ...”
นักฆ่าหลังเก้าอี้ยิ้มขึ้น สิ่งที่จะเอาชนะเบียคุรันได้อยู่ในยุคสมัยนี้
อาวุธกล่องวองโกเล่ อาวุธแบบเดียวกับที่รุ่นพรีโม่ใช้
ไม่ว่าจะบังเอิญหรือเพราะว่ามิตินี้กล่องวองโกเล่ถูกค้นพบและส่งสืบทอดกันมาอย่างลับ
ๆ ก็ตาม
“แกจะไปช่วยเจ้าคาบูสินะงั้นก็คงต้องผ่านฉันไปให้ได้ซะก่อน!” ซีลอนกระตุกยิ้มพุ่งเข้าใส่เต็มกำลังคิเคียวเดาะลิ้นและเหาะหนีอย่างฉิวเฉียด
อีกฝ่ายไม่น่าจะคุ้นเคยกับการต่อสู้บนอากาศ
ไม่สิพูดให้ถูกคือกลางอากาศเป็นข้อได้เปรียบของพวกเขาเหล่ามิลฟิโอเล่ในยุคสมัยนี้ แต่นักฆ่าหลังเก้าอี้คนนี้กลับเคลื่อนไหวตามเขาทันและหวิดจะโจมตีถูกหลายรอบ
ทั้งอย่างนั้นเธอก็ยังหัวเราะในลำคอ
‘ไม่ได้เอาจริง?’ คิเคียวขมวดคิ้วแน่น
“บลูเบล! ไปช่วยคาบูโตะ!”
เขาสลัดนักฆ่าหัวเงินไม่ไหวต่อให้เร่งความเร็วอีกฝ่ายก็ตามทัน
ชัดเจนแล้วว่าเธอไม่ได้ต้องการจะสู้กับเขาตั้งแต่แรกเช่นกัน แค่มาถ่วงแข้งถ่วงขาเขาไว้ไม่ให้เข้าใกล้ท่านยูนิ
“มู่ว!”
บลูเบลส่งเสียงไม่ชอบใจออกมาและแม้แต่เธอเองก็ถูกเรียวเฮกับรีบอร์นคอยก่อกวนจนเข้าใกล้พรรคพวกไม่ได้
“ความแข็งแกร่งของแฟมิลี่พวกเราไม่ใช่เบี้ยหมากที่เดินไปตามตาเดินและทำหน้าที่ของตัวเอง”
ซีลอนเอ่ยขึ้นเมื่อได้เห็นสีหน้าร้อนรนของคิเคียว
แสยะยิ้มอย่างถูกใจที่ได้เอาคืนแม้จะเป็นเวลาเพียงเล็กน้อย “ความแข็งแกร่งของพวกเราเกิดขึ้นเมื่อทุกคนร่วมมือกัน
แฟมิลี่จะมีคุณค่าก็ต้องเมื่ออยู่ด้วยกันนั่นแหละที่ทำให้วองโกเล่เป็นมาเฟียแนวหน้ามาตลอด!”
“ชักจะโมโหแล้วนะ!” บลูเบลกระชากเสื้อคลุมออกกำลังจะใช้กล่องของตัวเองคิเคียวก็รีบบินไปห้ามเธอเอาไว้
เขาประเมินแล้วว่าหากจะพาท่านยูนิกลับไปแบบไร้รอยขีดข่วนพวกเขาสามคนไม่มีกำลังเพียงพอ
คิเคียวกวาดตาสำรวจและตัดสินใจในที่สุด
“ถอยกันก่อน ขอแค่พวกเรารวมตัวกันได้ก็ไม่มีปัญหาแล้ว
ดูนั่นร่างทรงเจ้าคาบูโตะคงไม่ไหวแล้ว”
คิเคียวปรายตาไปที่คาบูโตะร่างของนักมายามิลฟิโอเล่ถูก X-BURNER สอยจนร่วง พวกเขารีบผละไปรับร่างนั้นและพาเหาะหนีไปด้วยความเร็วสูง
รีบอร์นมองสำรวจความเสียหาย
“บาดเจ็บกันเยอะน่าดู” ทารกนักฆ่าพ่นลมหายใจ ดูท่าศึกนี้จะหนักเพราะพวกมิลฟิโอเล่จะกลับมาอีกครั้งแน่หลังจากรวมตัวกันได้
ซีลอนลงมาบนพื้นแล้วยืนอยู่ข้างอาจารย์ตัวจิ๋ว
“หลังจากนี้คงต้องรับมืออีกเยอะ ย้ายที่กันก่อนเถอะ”
เธอออกความเห็นแล้วปิดกล่องสัตว์เลี้ยงของตัวเอง
“ว่าแต่แกเถอะ
ไอ้การเคลื่อนไหวแบบนี้มันอะไร”
รีบอร์นหรี่ตามองลูกศิษย์ที่นับวันความลับชักจะเยอะขึ้นทุกที
“ผลจากการเทรนนิ่งของปีศาจนั่นแหละ...
แล้วก็สัตว์กล่องนี่เป็นของไฟผสม มีแค่ผมที่ใช้ได้ เจ๋งน้อ~
แม้กระทั่งตัวผมในอนาคตเองก็เปิดกล่องนี้ไม่ได้ล่ะเห็นว่าสูญพลังไปหมดแล้ว”
นักฆ่าสาวหมุนกล่องในมือไปมา
คุณภาพด้อยกว่ากล่องวองโกเล่แต่ก็ไม่ได้ขี้ริ้วขี้เหร่นักหากเทียบกับกล่องอื่น ๆ
“แล้วนี่แกจะพาพวกเราไปหลบที่ไหน?”
รีบอร์นขมวดคิ้ว ฐานทัพก็เละไปหมดแล้ว จะอยู่ในเมืองก็เสี่ยงให้คนอื่นถูกลูกหลงอีก
“ก็ว่าจะชวนไปอยู่บ้านผมอ่ะนะ
แต่ไกลพอสมควร ไปค้างแรมในป่าสักคืนแล้วกันเนอะ?” ซีลอนยิ้มแย้มไปถึงดวงตา
เธอหมายมั่นจะพาพวกเขาเข้าไปในป่า ป่าที่ใกล้กับฐานแรกที่พวกเขามาถึง
หลังจากการเคลื่อนย้ายพรรคพวกกลุ่มใหญ่เคียวโกะกับฮารุก็ช่วยกันปฐมพยาบาลเหล่าคนที่บาดเจ็บโดยไม่แบ่งแยกรวมไปทั้งยูนิที่คอยสนับสนุนทุกคน
ซีลอนแยกตัวออกไปติดต่อกับสควอโล่ให้เขามาสมทบที่ป่านี่ในวันพรุ่งนี้พร้อมกับยามาโมโตะและดีโน่
ต้องบอกว่าเจ้าบ้าเบสบอลนั่นเซ้นท์ดีเกินคาด เพราะทันทีที่กลับไปยังฐานและไม่พบศพของฉลามคลั่งเขาก็ส่งข้อความมาหาทันทีว่ามีวิธีติดต่อสควอโล่ไหม
นักฆ่าครุ่นคิดอยู่พักก่อนจะโทรให้คนที่คฤหาสน์ไปรับพวกยามาโมโตะ
ถ้าเขารู้แล้วว่าสควอโล่ไม่เป็นอะไรบางทีคงเป็นวิธีที่ดีในการฝึกฝนระยะสั้น
และที่คฤหาสน์ของเธอข้าวของก็ครบครัน
หากจางนีนี่จะสร้างอะไรขึ้นมาเพื่อใช้อย่างฉุกเฉินก็น่าจะทำได้ไม่ยาก
เวลาเพียงวันเดียวหากไม่ฝึกซ้อมก็คงใช้ในการพักผ่อนเพื่อฟื้นฟูร่างกายอันเหนื่อยล้าจากศึกติดต่อกันหลายครั้ง
เอาเถอะบ้านของเธอเพียบพร้อมไม่ว่าจะหน่วยแพทย์หรือนักวิจัย
ในค่ำคืนแห่งการพักผ่อนก่อนพายุจะเริ่ม
ยูนิบอกว่าในรุ่งสางของวันถัดไปจะเป็นสัญญาณของการต่อสู้ครั้งสุดท้าย
“เอ๋!!! งั้นเวลาก็เหลือแค่กระจิดเดียวแล้วสิ!” สึนะยีผมตัวเองลนจนพวกแกรมม่าแปลกใจเพราะท่าทีต่างจากเมื่อเข้าไฮเปอร์โหมดชนิดหน้ามือเป็นหลังมือ
“เพิ่งมาลนเรอะ!” รีบอร์นเคาะด้ามปืนกับหัวสึนะสั่งสอนไปที
“ต้องวางแผนการรบสินะ
สภาพคนที่น่าจะทำหน้าที่นี้ไหวในตอนนี้ก็มีแต่อิริเอะ โชอิจินายสินะ”
แกรมม่าถอนหายใจเล็กน้อยวิเคราะห์ออกมาอย่างเยือกเย็น
ซีลอนนวดหัวคิ้วฟังโกคุเทระพยายามปกป้องสึนะทั้งที่เจ้าห่วยก็ยังเป็นเจ้าห่วยที่พัฒนาขึ้นมานิดหน่อย...
เธอกลั้นขำกับท่าทีตลกพวกนั้นอยู่หลบมุม
จนกระทั่งสึนะตัดสินใจให้อิริเอะรับหน้าที่นั้นเพราะเขาในเวลานี้มีขีดจำกัดอยู่มากทั้งเรื่องข้อมูลและประสบการณ์
ก็นับว่าเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด
“งั้นผมจะยืนยันจำนวนคนนะครับ
คนที่หมดสภาพการต่อสู้คงให้ออกไปเป็นแนวหน้าไม่ไหวก็มีโกคุเทระคุง, บาจิลคุง, รัล
มิลจิ, เรียวเฮคุง, โนซารุและทาโซรุ”
อิริเอะตัดเหล่าคนที่น่าจะรับศึกปะทะหนักไม่ไหวออกไปก่อนเพื่อความปลอดภัยของพวกเขาเอง
“อะไรกันพวกเรายังสู้ไหวนะ!” “ใช่! แผลแค่นี้จิ๊บจ๊อ—”
ปัง!! “หนวกหูเฟ้ย!” รีบอร์นยิงปืนขึ้นฟ้าตัดบทเจ้าพวกดื้อรั้นทั้งหลายจนต้องเงียบลงเพราะอัลโกบาเลโน่แห่งตะวันขู่เอาไว้ด้วยลูกปืน
“ฮะๆๆ
งั้นต่อมาพวกเรามีอาวุธกล่องอะไรอยู่กันบ้างครับตอนนี้?” อิริเอะชอบวองโกเล่แฟมิลี่กว่าที่ตัวเองคิดเอาไว้
บรรยากาศเหมือนเพื่อนฝูงและครอบครัวมันมีมากกว่ามิลฟิโอเล่ที่เขาอยู่มานานเสียอีก เขาจำได้ว่าตนเองน่าจะเห็นอาวุธกล่องของทุกคนไม่ครบจึงเอ่ยขอออกไป
นี่เป็นข้อมูลจำเป็นในการวางกลยุทธ์เขาต้องรู้ทุกอย่างของทุกคนเพื่อลำดับการโจมตีและการสนับสนุนที่สมควร
“จริงสิ ฉันจำได้ว่าเห็นโลมาพิรุณนะ
เจ้านั่นเป็นกล่องของใครกัน?” แกรมม่ารีบทักก่อนนักวางกลยุทธ์จะวางแผนอะไรต่อ
“อัลฟินของผมน่ะเหรอครับ?”
บาจิลแสดงตนว่าเป็นเจ้าของในทันทีแกรมม่าจึงหันไปคุยกับเด็กหนุ่ม
“เจ้านั่นใช้สมองส่งคลื่นสัญญาณกับสัตว์กล่องตัวอื่นโดยตรงได้แล้วหรือยัง?”
พวกเขาที่เพิ่งได้ยินเรื่องนี้เป็นครั้งแรกก็ตาโตไปตาม ๆ กัน
“เอ่อ...สัญญาณติดต่อทางสมอง?”
บาจิลทวนคำที่เพิ่งเคยได้ยินแกรมม่าถอนหายใจจำต้องอธิบายเพิ่มเพื่อให้รับรู้ข้อมูลเท่ากัน
“นี่พวกนายไม่รู้จริงดิ?
ระบบติดต่อพิเศษจะมีในสัตว์กล่องที่ฉลาดมาก ๆ เช่นโลมาพิรุณ มันเรียกว่า ‘ระบบตอบสนองเฉพาะร่วมของอาวุธกล่อง’
ใช้คลื่นสมองส่งการสื่อสารไปที่อาวุธกล่องอื่นโดยตรงเพื่อสั่งการโจมตีพิเศษหรือการโจมตีประสานร่วมกัน”
“โอะ...
ผมลืมเรื่องนี้ไปสนิทเลย” อิริเอะผงะ
“คิดไปแล้วในบันทึกก็มีเขียนเอาไว้ด้วย”
บาจิลหยิบคู่มือการข้ามเวลาออกมาจากกระเป๋าของตน
“มีแล้วก็ต้องใช้ล่ะนะ
งั้นทุกคนช่วยเปิดกล่องออกมาหน่อย” แกรมม่าตัดสินใจรวบรัดและไม่มีใครคัดค้าน
“...เห็นแบบนี้แล้วสวนสัตว์ขนาดย่อมชัด
ๆ”
ซีลอนหลุดปากออกมาเมื่อเห็นสัตว์กล่องทั้งหลายอวดโฉมจนตรงนั้นสว่างไปหมดแน่นอนว่าสัตว์กล่องของเธอก็ด้วย
อีกกาสองตัวเกาะอยู่บนไหล่ซ้ายและขวาตัวหนึ่งสีดำและอีกตัวสีขาว
นัทสึที่แสดงอาการขลาดกลัวนั้นเป็นเหยื่อชั้นดีของอุริ
แกรมม่าพ่นลมหายใจเกิดสงสัยว่าเด็กพวกนี้รอดมาจนถึงตอนนี้ได้ยังไงกันนะ?
“รุ่นพี่เองก็มีสัตว์กล่องสินะครับอีกาคู่เนี่ยผิดคาดเหมือนกันนะ...”
สึนะอุ้มนัทสึหนีอุริที่ตามมารังควานก็เห็นว่าซีลอนเองก็มีสัตว์กล่อง
“หืม?
เหรองั้นนายคิดว่าฉันเหมาะกันอะไรล่ะ?” คนที่ถูกทักยิ้มขึ้นนึกสนุกเลยถามกลับไป พอโดยย้อนถามเดชิโม่ก็ลนลานจนนักฆ่าหัวเราะในลำคอ
“พูดมาได้ไม่ว่าอะไรหรอก
ของแบบนี้บางทีก็ต้องให้คนนอกบอกจริงไหมเพราะตัวเองมองตัวเองได้ยากที่สุดยังไงล่ะ”
“เหมือน... งูละมั้งครับ
รุ่นพี่ไม่ค่อยยุ่งกับใครก่อนแต่ก็หวงของของตัวเองมาแบบว่าเหมือนงูที่ถ้าโดยก่อกวนก็พร้อมฉกถึงตายอะไรแบบนั้นน่ะครับ...”
สึนะตอบอ้อมแอ้ม คนที่อยู่ใกล้ ๆ ได้ยินก็ตกใจไปไม่แพ้ซีลอนทว่าเธอก็แสยะยิ้มออกมา
“เลือกได้ดีนี่ อันที่จริง...”
เธอยกแขนขึ้นให้ระนาบกับแนวพื้นดินสัตว์กล่องอีกตัวก็เลื้อยออกมาจากแขนเสื้อเชิ้ต
“นอกจากนัวร์กับเชร่าแล้วฉันก็มีสัตว์กล่องที่เป็นงูอีกตัว
แต่อย่างที่เห็น มันไม่ค่อยออกห่างจากฉันเท่าไหร่ เจ้านิกซ์ไม่เคยลงไปเลื้อยบนพื้นน่ะ...อีกอย่างตอนพัฒนาร่างเป็นอาวุธติดแขนเลยดูชอบอยู่แถวนี้กับคอไม่ปล่อย”
เจ้างูดำแลบลิ้นทักทายเด็กหนุ่มตรงหน้า
เสียงกรีดร้องโหยหวนของสึนะที่ถูกงูเลียก้องไปทั่วป่าคลอกับเสียงหัวเราะจากเจ้าของงูอย่างซีลอน
เธอปล่อยให้พวกเขาปรึกษากันไปรอบกองไฟว่าใครควรจะจับกลุ่มกับใคร
แม้ว่าโกคุเทระกับรัล มิจิ จะปะทะกับศัตรูโดยตรงไม่ได้แต่พวกเขาเป็นเจ้าของกล่อง
ยังไงก็ต้องไปอีกส่วนของป่าก่อนรุ่งสางเพื่อเตรียมตัว
เธอลูบคางและแสยะยิ้ม
ไอ้อาการชอบยิ้มร้ายกาจออกมาเงียบ ๆ
ของหล่อนนั้นเป็นหนึ่งในนิสัยที่สึนะเห็นทีไรก็อยากหันหลังวิ่ง
ดีนะที่เจ้าหล่อนไม่เคยยิ้มแบบที่มองเขาเป็นเหยื่อเลยสักครั้ง...
และเป็นได้ก็ไม่อยากจะโดนด้วย! เดชิโม่ลูบอกปลอบขวัญตัวเอง
“คนที่ต่อสู้ไม่ได้และเป็นหน่วยสนับสนุนให้อยู่ที่นี่พร้อมกับท่านยูนิ
คุณรีบอร์นและสึนะเองก็ควรอยู่ที่นี่ด้วย...” อิริเอะเริ่มวางตำแหน่งแต่ละคนและตำแหน่งในผืนป่าผ่านโฮโลแกรมแผนที่ชั่วคราวที่สร้างขึ้นอย่างลวก
ๆ จากอุปกรณ์ที่ติดไม้ติดมือมา ซีลอนเองก็เปิดนาฬิกาฉายตรงข้อมือเพื่อเข้าใจตำแหน่งไปกับพวกเขาด้วยก่อนจะถูกมองด้วยสายตามีปัญหา
“ถ้ามีก็บอกกันหน่อยสิครับ! โธ่!” อิริเอะงอแงขึ้นมาถ้าอะไรที่ไม่ต้องทำได้เขาก็ไม่อยากทำหรอก
“นั่นมันต้องโทษที่นายไม่ถามก่อนไม่ใช่รึไงหา?”
นักฆ่าตอบกลับด้วยท่าทียียวนไม่เห็นว่าเป็นความผิดของตนเอง
“กำหนดตำแหน่งต่อเถอะ ฉันต้องรู้เพื่อใช้บอกกลุ่มสนับสนุนที่จะมารวมตัวในรุ่งสาง”
นักฆ่าหลังเก้าอี้นั่งยอง ๆ ร่วมวงไปกับเขาด้วย
“ว่าแต่ถ้าเรากำจัดเขาในยุคสมัยนี้แล้วในโลกอื่น
ๆ ล่ะจะเป็นยังไง?” สึนะถามขึ้น
หากว่ากำจัดเบียคุรันในยุคนี้ได้เมื่อเขากลับไปในยุคของตัวเองไม่เท่ากับว่าต้องสู้อีกครั้งหรือ?
“ไม่ค่ะ...
การที่เขาเชื่อมต่อกับตัวเองในโลกคู่ขนานอื่นได้
ก็เท่ากับว่าแต่ละตัวตนนั้นเชื่อมถึงกันและเป็นหนึ่งเดียว
กล่าวคือหากมีใครคนใดคนหนึ่งถูกทำลาย คนที่เหลือก็จะหายไปด้วยเช่นกัน
หากพวกเราชนะทุกคนในโลกอื่น ๆ
ก็จะได้อยู่อย่างสงบสุขโดยไม่ต้องกังวลถึงเรื่องเลวร้ายอีกต่อไปค่ะ”
ยูนิอธิบายเธอเองก็มีพลังที่คล้ายกับเบียคุรันจึงสัมผัสและเข้าใจถึงเงื่อนไขบางอย่าง
สิ่งที่เธอต้องการคือเวลา
ต้องปกป้องจุกนมอัลโกบาเลโน่พวกนี้ให้ได้จนกว่าจะถึง ‘ตอนนั้น’
“มีความเป็นไปได้ว่าจะบุกมาจากสี่ทิศทางโดยมียูนิเป็นเป้าหมาย...”
ซีลอนท้วงขึ้น
“ผมก็คิดแบบนั้นครับ
พวกเขามีกันสี่คน เบียคุรันอาจจะตามมาในภายหลังเพราะสภาพร่างกายไม่ปกติ...” อิริเอะเห็นด้วยกับความคิดที่ถูกหยิบยกขึ้นมาปรึกษา
ซีลอนเห็นว่านักวางกลยุทธ์เห็นพ้องตามไปด้วยก็ไม่คิดจะอธิบายเพิ่มว่าเธอรู้สึกคันหลังอกมาสักพักเลยลองใช้พลังนอกระบบตรวจสอบทุกคนดู
ไฟมายาของคาบูโตะนั้นเหมือนจะถูกป้ายทำสัญลักษณ์เอาไว้กับยูนิ เธอเองเป็นคนพูดถึงรุ่งสางแห่งศึกตัดสิน
ดังนั้นไม่ว่าจะเพราะรู้ตัวหรือเพราะพลังในการมองเห็นอนาคตนั่น
ความเป็นไปได้ที่พวกนั้นจะรู้ตำแหน่งของพวกเขาในเวลานี้คือร้อยเปอร์เซ็นต์
กลุ่มแฟมิลี่รวมตัวกันพูดคุยจริงจังและปล่อยให้กลุ่มสาวน้อยกับเด็ก
ๆ ไปนอนกันก่อน อย่างไรก็ต้องมีเวรเฝ้ายามเผื่อเอาไว้เพื่อความปลอดภัย
ซีลอนไม่พลาดที่จะเสนอตัวเพราะไม่ได้ทำอะไรเยอะอยู่แล้ว
จนกระทั่งเวลาล่วงเลยมาประชุมสักพักซีลอนก็หันไปออกปากไล่สึนะให้ไปนอนเอาแรงก่อนที่การประชุมจะจบ
“เอ๋! แต่ว่—”
เดชิโม่ท้วงขึ้นไม่ทันจบประโยคดีก็กลืนคำลงไปในคอเมื่อเห็นแววตาเยือกเย็นของนักฆ่าหลังเก้าอี้ตนเอง
“สภาพร่างกายยังไม่ฟื้นตัว
พรุ่งนี้แกต้องปกป้องยูนิแล้วก็เป็นตัวแปรสำคัญในศึกตัดสิน
คิดว่าสามารถขนาดไหนถึงจะไม่นอนพักเอาแรงหา? สำนึกหน่อยว่าไม่ใช่คนที่ฝึกมาเป็นสิบ
ๆ ปีอย่างฉันหรือพวกแกรมม่าเพราะงั้นมีเวลาพักก็ต้องพัก เข้าใจที่ผมพูดใช่ปะบอส?”
ซีลอนคลี่ยิ้มตาปิดแบบที่ไม่ค่อยจะทำเท่าไหร่นั่นเป็นสัญญาว่าห้ามปฏิเสธ
“เข้าใจแล้ว...”
สึนะคอตกแยกไปพักอีกทางและเพราะความเหนื่อยล้าจึงผล็อยหลับไปอย่างรวดเร็ว
ตอนที่กำลังวางแผนต่อเป็นขั้นเป็นตอนโดนอิริเอะในแต่ละตำแหน่งซีลอนก็ขัดขึ้นอีกครั้ง
“เรายังไม่เคยเห็นผู้พิทักษ์อัสนีของทางนั้นเลย..ใช่ไหม?”
“! จะว่าไป...”
อิริเอะตาเบิกโพลง
“แย่แฮะ ข้อมูลไม่ครบแบบนี้”
แกรมม่านวดคางพลางช่วยคิดว่าจะมีวิธีไหนมาช่วยลบจุดอ่อนด้านข้อมูลตรงนี้ได้บ้าง
“นี่ โกคุเทระยังพกบุหรี่ปะ?”
นักฆ่าหลังเก้าอี้นึกอยากลองดีขึ้นมา
มีข้อความหลายอย่างที่เธอในยุคสมัยนี้เขียนเอาไว้เกี่ยวกับพรรคพวกที่เธอไม่รู้จักและวิธีแผลง
ๆ ในการเรียกใครบางคน
“นึกอยากลองขึ้นมารึไง?
เดี๋ยวก็สำลักหรอก” วายุรุ่นที่สิบขมวดคิ้วแต่ก็ควานหากล่องบุหรี่แล้วเขย่ามวนบุหรี่ออกมาจากซองส่งให้เธอ
แกรมม่ากับคนอื่น ๆ ได้แต่มองตาค้างโกคุเทระที่ได้ฉายาว่า ‘สโมคกิ้ง บอมบ์ ฮายาโตะ’ จะสูบบุหรี่ก็คงปกติแต่กับนักฆ่าหัวเงินตรงหน้าจู่
ๆ ก็นึกครึ่มอยากลองสูบขึ้นมาในสถานการณ์แบบนี้เนี่ยนะ?
“ให้แต่บุหรี่มาแล้วไฟละเห้ย”
ซีลอนหัวเราะในลำคอ เธอไม่ได้พกไฟแช็กเสียด้วย
เจ้าตัวคาบแล้วตบกระเป๋าตัวเองบอกว่าไม่มีสิ่งจุดไฟ
แกรมม่าลังเลเล็กน้อยเขาพกไฟแช็กเอาไว้แม้จะไม่ได้สูบก็เพื่อให้ยืมในกรณีแบบนี้แต่ที่เขาคาดหวังว่าจะเจอเป็นกรณีที่คู่เจรจาเป็นชายแก่ไม่ใช่เด็กสาวม.ปลาย
“แม้แต่คุณในอดีตก็คิดอยากจะลองสูบเหรอครับ
ไม่ให้ทำได้หรอกนะ” สายหมอกแห่งวองโกเล่ปรากฏตัวด้านหลังเอ่ยดุนักฆ่าผมเงินพร้อมกับฉวยมวนบุหรี่ลงพื้นยกปลายเท้าขยี้จนบี้แบน
“อ่ะ
เรียกหน่วยสอดแนมที่จำเป็นมาให้ละ”
ซีลอนไม่ได้ตอบอะไรมุคุโร่แล้วเผยมือไปด้านหลังใส่ชายที่ตีหน้ายักษ์ยืนค้ำหัวเธออยู่
“...”
พวกเขาไม่รู้ควรจะพูดอะไรกับเรื่องน่าแปลกใจตรงหน้า เรียกมาให้? หน่วยสอดแนม?
“คิดจะให้ผมออกไปทำงานหนักอีกแล้วสินะ?
ไม่มีความเกรงอกเกรงใจกันบ้างเลยนะครับ คนเขาเพิ่งได้ขยับตัวหลังจากต้องอยู่นอนนิ่ง
ๆ มาสิบปีแท้ ๆ” มุคุโร่ยกยิ้มกล่าวเชือดเฉือนนักฆ่าหัวเงินที่นั่งอยู่กับพื้นด้วยรอยยิ้มประชดประชัน
เขาใช้ด้ามหอกดันคางให้อีกฝ่ายเงยหน้าขึ้นมาสบตาคุยกับเขา
“คิดซะว่าวอร์มร่างกายนะเจ้าผีไร้ร่าง
จดหมายจากตัวฉันบอกให้นายจัดการรีดข้อมูลจากเจ้าพวกบุปผาอาลัยก่อนปะทะจริง
จะให้พวกมันเข้าถึงยูนิไม่ได้” เธอเหลือบไปที่สาว ๆ
ซึ่งหลับพักอยู่หลังม่านกั้นลวก ๆ
“ผมกำลังเดินทางอยู่แล้วคุณก็มาทำแบบนี้ไม่คิดว่าตัวเองเอาแต่ใจเกินไปรึยังไงครับ”
มุคุโร่ถอนหายใจ “เข้าใจแล้วครับรุ่งสางนี้จะไปสแตนบายให้
ช่วยพาสมาชิกที่ต้องใช้มาให้ครบด้วยนะครับ” สายหมอกยิ้มเชือดเฉือนใส่อีกครั้ง
หมายมั่นว่าจบเรื่องนี้เมื่อไหร่จะไปคิดดอกเบี้ยและค่าตอบแทนกับตัวซีลอนในยุคสมัยของเขาแทน
“งั้นก็ช่วยไปสมทบกับพวกเฮียทีนะ
ดีโน่ก็น่าจะใกล้ถึงแล้วด้วย” ซีลอนเคาะนิ้วกับคางตัวเองคำนวณเวลาในใจ
“ครับ
เขามาที่คฤหาสน์แล้วก็รีบร้อนออกไปทันทีที่ได้ตัวสควอโล่
บ้านพักคนตายของคุณนี่ช่างไม่เป็นความลับเอาเสียเลยนะครับ” มุคุโร่สัพยอกเล็กน้อย
“คนที่แฉเรื่องของมันออกมาไม่มีสิทธิ์มาพูดอะไรแบบนี้หรอกนะ...”
นักฆ่าหัวเงินหรี่ตามองจิกอีกฝ่าย
“ม หมายความว่ายังไงน่ะ?” บาจิลปะติดปะต่อเรื่องของสควอโล่ขึ้นในหัว
บ้านพักคนตาย? ดีไปรับ? ถ้าอย่างนั้นยามาโมโตะที่ไปตามหาสควอโล่ล่ะ?
“ในเมื่อใกล้จะจบเรื่องแล้วจะบอกให้ก็ได้
รายชื่อคนตายของวองโกเล่เป็นตัวเลขที่ปรุงแต่งขึ้นมา ไม่ได้ตายกันเยอะขนาดนั้น
ส่วนใหญ่ถูกเก็บกู้สับเปลี่ยนตัวกับศพปลอมแล้ว” ซีลอนลุกขึ้นปัดกางเกงยิ้ม ๆ
“หมายความว่าคุณพ่อของยามาโมโตะกับคุณรีบอร์นเองก็!” บาจิลกับโกคุเทระตื่นเต้นขึ้นมา
“ขอโทษที่ต้องดับฝันนะแต่อาจารย์รีบอร์นน่ะเสียชีวิตไปจริง
ส่วนคุณพ่อของยามะน่ะโคม่าเชียวล่ะ ถึงตอนนี้ดีขึ้นมากแล้วก็ยังคงต้องดูอาการต่อไป”
ซีลอนตัดบท พลันเมื่อเห็นสีหน้าที่ซึมลงของพวกเขาก็จำต้องอธิบายเพิ่ม “รังสีนอนทรีนิตี้มีอำนาจมากกว่าที่นายคิด
แค่ออกไปตากครู่เดียวก็เจียนตายเชียวนะ ในสภาพร่างกายที่ไม่พร้อมดันถูกตามล่าอีก
การรอดมานี่สิน่ากลัวกว่าอีกไม่คิดงั้นเหรอ...แล้วก็ในยุคสมัยของพวกเราอาจารย์ก็นั่งเจ๋ออยู่นั่นไง”
ซีลอนดีดนิ้วไปที่ทารกนักฆ่าผู้กำลังเช็กสภาพปืนของตน
“งั้นผมจะเริ่มจับกลุ่มให้ต่อนะครับ...”
อิริเอะเริ่มประชุมกลยุทธ์ต่อพร้อมทั้งให้เหล่าอาวุธกล่องลองประสานพลังดูว่าจะออกมาในรูปแบบไหนบ้าง
มุคุโร่กับซีลอนยืนจ้องทุกอย่างนิ่ง ๆ ในฐานะนักมายาที่ต้องไปช่วยหลอกศัตรูเพื่อเก็บข้อมูลก็จำเป็นจะต้องมีข้อมูลของฝั่งนี้ให้มากที่สุดเช่นกันเพื่อความสมจริง
ซีลอนหันมาตั้งใจฟังวงประชุมใหม่และออกความเห็นกับนักมายาที่อยู่ตรงนั้นข้าง
ๆ
“โกคุเทระ แกรมม่า คุณรัล...
ให้กลุ่มนี้แพ้ไหม?” นักฆ่าหัวเงินหันไปกระซิบมุคุโร่เสียงเบาปรึกษาการสร้างภาพมายากันสองคน
แม้เธอไม่รู้สึกสนิทใจกับเขาเท่าไหร่แต่งานก็ต้องเป็นงานเพราะดูท่าเขาจะสนิทกับเธอในอนาคตซะเหลือเกิน
“คงต้องอย่างนั้นครับ
ได้ข่าวมาว่าในบรรดาหกบุปผาอาลัยสามคนที่เหลือเป็นพวกเก่งพิเศษเหนือกว่าผู้บริหารคนอื่นไปมาก
การจะแพ้เพื่อให้เกิดความสมจริงในใจพวกมันก็คงต้องเลือกให้แพ้อย่างแนบเนียนที่สุด...”
ชายหนุ่มประเมินสถานการณ์
“นั่นสินะ...
ให้ใช้ท่าไม้ตาย...แล้วก็...เก็บความลับกล่องเอาไว้
ไม่สิ...จะไม่ให้รู้เลยมันจะดูแปลกเกินไปหน่อยเพราะไม่ได้ใส่สุดกำลังเหมือนคนกำลังจะถูกฆ่า...”
ซีลอนพึมพำลูบคางครุ่นคิด มุคุโร่เหล่มองแล้วยกยิ้มหัวเราะในลำคอ
“เจ้าเล่ห์เหมือนคุณในยุคสมัยนี้ไม่มีผิด...”
“งั้นฉันในอนาคตก็กระจอกลงสินะ?
ถ้ายังแค่เจ้าเล่ห์เท่าฉันก็หมายความว่าไม่ได้พัฒนาขึ้นเลย น่าผิดหวังชะมัด”
ซีลอนเบะปากรู้สึกผิดหวัง
“คุณน่ะคาดหวังกับตัวเองในอนาคตสูงไปแล้วครับ
แค่ไม่พังลงก็เก่งมากแล้ว...” มุคุโร่กอดอก
“ก็ใช่เพราะครั้งแรกที่ผมเห็นเอิร์ลและรู้สึกว่าสัญญามันไม่สมประกอบก็แทบบ้าอยู่...
แค่แอบคิดว่าจะไปได้ไกลกว่านี้เหี้ยมโหดกว่านี้อีกหน่อย...”
ซีลอนกอดอกตามพลางมองท่าประสานพลังของสัตว์กล่องที่ถูกนำมาฝึกอย่างฉุกละหุก
“แค่หลอกว่าเล่นงานจนไม่เหลือแม้แต่เถ้า
แล้วลักเอาศพของศัตรูมาทำเป็นศพปลอมฝ่ายตัวเองยังเหี้ยมโหดไม่พออีกเหรอครับ...
มาตรฐานความเหี้ยมของคุณนี่มันสูงขนาดไหนน่ะ...” สายหมอกหนุ่มถอนหายใจ
“ให้ตายสิบังคับให้ผมต้องทิ้งร่างเพื่อถอดจิตมาหานี่ก็น่าจะเหี้ยมพออยู่แล้วนะ”
“นั่นมันเป็นความต้องการของนายเองช่วยไม่ได้”
ซีลอนลอยหน้าลอยตาไม่คิดว่าเป็นความผิดของตัวเอง
“คุณเองก็ทำเพราะรู้ว่าผมจะมาหาหรอก...”
มุคุโร่เลิกคิ้วเหลือบมองคนข้างตัว
“ก็ใช่
เพราะในสมุดมันเขียนว่าวิธีอัญเชิญผีไร้ร่างฉบับรวบรัด ‘จงหาบุหรี่สูบสักมวนเดี๋ยวก็โผล่มาให้เห็นเอง’
นายทำให้ฉันในอนาคตนิสัยเสียเอง นั่นเป็นผลที่นายต้องรับผิดชอบ” เธอแสยะยิ้ม
ถ้าไม่เกิดขึ้นบ่อยจนน่าโมโหก็เป็นคงรหัสที่ตกลงกันอย่างลับ ๆ ดังนั้นจะมาโทษเธอในตอนนี้ไม่ได้หรอกนะ
“พลังของฟรานจะไหวไหมนั่น” ซีลอนถอนหายใจเล็กน้อย
เธอในอดีตไม่รู้จักนักมายาที่ชื่อฟรานสักนิด
ข้อมูลที่มีให้จากตัวเองในอนาคตก็ไม่ได้พูดถึงไว้มากแค่บอกว่าเป็นพรรคพวกปากเสียที่ใช้การได้ดี
“เขาเป็นหนึ่งในสามนักมายาที่หลอกวินดิเช่ได้เลยนะครับสบายใจได้
ร่วมกับผมและอาจจะคุณพวกเราสามารถสร้างอาณาเขตมายาได้กว้างและสมจริงจนไม่เป็นปัญหาแน่นอนครับ
รวมถึงซ่อนพวกเขาได้แนบเนียนด้วย” มุคุโร่เสริมความเชื่อมั่นให้ซีลอน
เธอนิ่งฟังทุกอย่างจากอิริเอะและตัดสินใจบอกออกไป
“ทุกคนต้องแพ้เพื่อใช้ท่าไม้ตายออกมาในท้ายที่สุดดึงความสนใจของพวกมัน
ฉันกับมุคุโร่ต้องเคยเห็นพวกมันมาก่อนถ้าจะเลียนแบบได้...ดังนั้นกิวด้ง กังการิว แล้วก็โกคุเทระ
พวกนายลองใช้ท่าที่แรงที่สุดออกมาหน่อยซิ?”
นักฆ่าหลังเก้าอี้แสยะยิ้มไม่น่าไว้ใจขึ้นจนโกคุเทระร้อน ๆ หนาว ๆ
เขาพอจะรู้หรอกว่าที่ไล่สึนะไปนอนไม่ใช่แค่พักแต่ต้องการไม่ให้รู้แผนโดยละเอียดหลังจากนี้เพราะสึนะดูออกง่ายเกินไป
ในรุ่งสางมิลฟิโอเล่กระจายตัวไปคนละทิศเพื่อตีกรอบบุกชิงตัวท่านยูนิจากวองโกเล่
ซาคุโร่เคลื่อนที่ด้วยความไวสูงจากไอพ่นที่รองเท้า
ก่อนที่เขาจะเจอกับการดักจู่โจมในป่าโดยซามูซ่าตะขาบเมฆาของรัล มิจิ
และตามด้วยลูกดิ่งจิ้งจอกสายฟ้ากับเลเซอร์วายุของโกคุเทระติดกันอย่างไม่ต้องการให้ตั้งตัว
ทว่าชายที่มีบาดแผลสาหัสกลับหัวเราะเยาะและหมุนแหวนกับกล่องบนอกซ้ายของตน
ตวาดด้วยน้ำเสียงเดือดดาล
“เดซี่กับโทริคาบูโตะน่ะมันคนละระดับกับพวกฉัน
ไอ้พวกงี่เง่า!!!”
ในพริบตาซาคุโร่ก็จัดการกับแกรมม่าและรัลมิจิจนเจ็บหนักได้
เขาหันมาหาโกคุเทระที่น่าจะมีกล่องวองโกเล่พิเศษอยู่เหมือนผู้พิทักษ์คนอื่นพลางยั่วเย้าเพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะชนะตนที่ผสานร่างกับกล่องและกลายเป็นครึ่งไดโนเสาร์ไปได้
ระดับพลังมันต่างกันอย่างเห็นได้ชัด สัตว์ในยุคสมัยนี้กับสัตว์ตัวโตที่มีเขี้ยวเล็บแสนโหดร้ายในอดีต
“ต่อให้แกไม่บอกหรอก! อุริ! เปลี่ยนร่าง!”
ลูกแมวขู่แฟ่ใส่ซาคุโร่ก่อนที่รูปร่างของมันจะเปลี่ยนไปพร้อมพลังไฟวายุลุกโชน
อาวุธที่เหมือนกับวองโกเล่รุ่นแรก
‘ธนูG’ ศาสตราคู่ใจชายที่เป็นดั่งพายุโหมกระหน่ำแห่งพรีโม่วองโกเล่
การปะทะดุเดือดระหว่างทั้งคู่ตกอยู่ในสายตาของนักมายาทั้งสามที่ยืนควบคุมทั้งการเคลื่อนไหวและคอยส่งสัญญาณให้โกคุเทระยิงธนูเพลิงวายุออกไปจริง
ๆ พร้อมกันพลังมายาที่สวมทับเอาไว้อยู่
“เห็นแบบนี้แล้วรู้สึกว่าการที่meไม่สู้กับเธอเนี่ยเป็นเรื่องที่คิดถูกที่สุดแล้วล่ะคร้าบ” ฟรานบ่นออกมา
เขาเป็นนักมายาก็จริงแต่ไอ้การใช้อย่างละเอียดอ่อนน่าปวดหัวแบบที่ซีลอนใช้ไม่ค่อยตรงกับสไตล์ของเขาเท่าไหร่
“โทษทีที่สไตล์ต่างนะ แต่จะหลอกคนก็ต้องเก็บรายละเอียดให้รอบคอบที่สุดสิ
ยิ่งอีกฝ่ายเป็นพวกเซ้นท์ดีสัญชาตญาณแรง ไม่ตั้งใจเดี๋ยวจะความแตกเอา”
ซีลอนยักไหล่ “ต่อไปก็ใกล้คิวพวกเฮียแล้วนา แต่บางทีอาจจะไม่ต้องออกแรงเพราะเดี๋ยวเราจะล่อให้พวกนั้นใช้พลังออกมา
ไม่น่าจะปะทะกันแรงจนต้องให้ยิงอาวุธจริงออกไป?” เธอโคลงหัวลูบคางครุ่นคิดระหว่างที่มองภาพตรงหน้าที่บลูเบลผสานร่างกับกล่องแล้วกลายเป็นเงือกที่หางเป็นไดโนเสาร์ใต้น้ำโบราณ
พลังพิรุธของเธอค่อนข้างแรงพอตัวแต่สิ่งที่ใช้ออกมาไม่มีผลชำระล้างดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องใช้พลังนอกรีตเพิ่มเพื่อสร้างม่านป้องกันฤทธิ์สลายพลังมายา
บอลพลังของบลูเบลและซาคุโร่ปะทะเข้ากับการป้องกันจากวาเรียอย่างพอดิบพอดี
“อะไรน่ะ!” คนที่ยังคงหลงติดในมายาตกใจและหันไปอีกทาง
กลุ่มวาเรียตามมาสมทบด้วยท่าทีหยิ่งผยอง
“เอ...
สร้างเฮียเด็กกว่าตัวจริงไปปะนะ?”
ซีลอนขมวดคิ้วแล้วหันไปหาบอสวาเรียที่เอนหลังบนไลเกอร์เผือกของตน
“น่ารำคาญจะทำอะไรก็รีบ ๆ
จัดการซะ อุตส่าห์มารอสมทบกลับต้องรอพวกแกยื้อเวลาเอาข้อมูลมาเพิ่มอีก”
ซันซัสตวัดสายตาดุ ๆ ไปหานักฆ่าเด็กสาว
“แถมไม่ยอมบอกกันสักคำว่าผบ.ยังไม่ตาย
อดสั่งการเลยเชียว~” ลูซซูเรียยู่ปากเสียดาย
“อดแย่งตำแหน่งเลยน้า~ ชิชิชิชิ” เบลประสานมือหลังคอ
“คิดว่าจะได้เป็นข้ารับใช้เพียงคนเดียวของบอสแล้วซะอีก
เจ็บใจนัก!” กระทั่งเลวี่ก็เป็นไปอีกคน
“หน็อยเจ้าพวกบ้า! ตายซะเถอะ!”
โกคุเทระยิ้มเจื่อนกับสภาพวาเรียที่ยังคงมีแต่คนไม่ปกติและวุ่นวายแต่เสียงโหวกเหวกเหล่านั้นก็ไม่ส่งผลออกไปด้านนอกเพราะร่มสีดำที่หมุนไปมาลอยอย่างอ้อนอิงเหนือหัวพวกเขาหลายคัน
ในเขตมายาห่างที่ออกมาจากจุดต่อสู้
โกคุเทระจึงส่งข้อมูลให้สึนะในเวลาที่เหมาะสมว่าวาเรียตามมาช่วยเหลือในการต่อต้านมิลฟิโอเล่
“ได้ยินผมไหมครับท่านรุ่นที่สิบ”
โกคุเทระปรับอุปกรณ์สื่อสารและเรียกปลายสาย
[โกคุเทระคุง! ตรงนั้นเกิดอะไรขึ้นดูท่ามันจะหนักขึ้นเรื่อย ๆ เลยนะ!] สึนะตะโกนกลับมาอย่างตกใจ
“พวกเราถูกช่วยเอาไว้โดยกลุ่มวาเรียครับ
ตอนนี้กำลังปะทะกับซาคุโร่และบลูเบล”
[เอ๋!! ถ้างั้นระเบิดนั่นก็!]
“ครับ
ยังคงเป็นพวกวุ่นวายเหมือนเดิม ภายใต้ชื่อของวองโกเล่พวกเขาจะช่วยเราครับ
ซันซัสพูดไว้น่ะครับ”
โกคุเทระหยีตาจากเสียงตะโกนด้วยความตกใจของรุ่นที่สิบแล้วหัวเราะแห้ง
ถัดออกไปในเวลาเดียวกันก็เกิดระเบิดที่ทะเลสาบ
ซีลอนหันไปทางนั้นและใส่ใจกับภาพมายาที่ห่างออกไปเธอทิ้งร่างแยกของตัวเองเอาไว้เพื่อควบคุมทางไกล
กลุ่มของบาจิลกับเรียวเฮรวมไปถึงพี่น้องนักฆ่ากำลังลอบโจมตีคิเคียวแต่ไม่สำเร็จ
ซึ่งก็เป็นไปตามลำดับที่วางแผนกันเอาไว้ว่าล่อให้พวกมันมารวมกันและเปิดเผยพลังของตนเอง
แต่ดูเหมือนคิเคียวคิดจะรีบจบปัญหาเพื่อบุกไปชิงตัวท่านยูนิจึงเปิดกล่องอาวุธฝูงแร็พเตอร์เมฆา
เล่นประหยัดเวลาด้วยจำนวนถึงกระนั้นฝั่งของวองโกเล่ก็ยังมีท่าไม้ตายที่เหมาะสมกับสถานการณ์แบบนี้อยู่เธอควบคุมให้มายาของเรียวเฮพูดปลุกใจแรมโบ้ถึงแม่ของสึนะ
ถ้าอยากเจอก็ต้องทำอะไรสักอย่าง และนั่นคือเหตุผลของการเปิดกล่องของแรมโบ้
กิวด้งออกมาในสภาพอาวุธอัสนี
Corna Fulmine!!
สายฟ้ามากมายกระจายตัวไปยังทิศทางต่าง
ๆ ทำลายฝูงแร็พเตอร์เมฆาในครั้งเดียว แต่ก็ส่งผลให้แรมโบ้สิ้นพลังสลบไป เด็กตัวเล็ก
ๆ ให้สร้างพลิกผันวิกฤตก็นับว่าน่าประหลาดใจพอแล้วไม่จำเป็นต้องยืดเยื้อให้เกิดความเกินคาดอะไรอีก
และเพราะอย่างนั้นคิเคียวที่ติดอยู่กับสถานการณ์ติดพันก็หมุนแหวนเปิดกล่องที่อกเข้าสู่สถานะร่างผสานกับอาวุธกล่องไปอีกคน
“ร่างกายของฉันผสานเข้ากับไฟเมฆาเพื่อเพิ่มสัตว์ร้ายอย่างสไปโนซอรัส
และเพราะอย่างนั้นทำให้พวกมันมีรูปร่างที่ไม่แน่นอนยังไงล่ะ ไม่อยากจะพูดหรอกนะ
แต่ว่า... ฉันนี่แหละคนที่ครอบครองพลังที่ร้ายกาจที่สุดในหกบุปผาอาลัยทั้งหมด!”
คิเคียวหัวเราะเยาะ มองกลุ่มลอบโจมตีที่ต้องหลบคมเขี้ยวของเขาจนหมอบราบไปกับพื้นอย่างไร้หนทางต่อสู้
โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงความจริงที่ว่าข้อมูลการต่อสู้ของเขากลายเป็นสิ่งที่ตกอยู่ในกำมือของพวกวองโกเล่เรียบร้อย
เดี๋ยวพอจบจะไล่แก้ชื่อสควอโล่ที่นิ้วพันนะคะ 5555555 รวมทั้งรีไรต์ด้วย อืม แต่ก็คงจะอีกสักพักเลยละค่ะ
แต่ว่าพวกเธอก็น่ารักคนละแบบ(ฮา)
แล้วก็ตอนแรกคิดว่าจะลงตอนพร้อมกับรูปวาดเล่นทุกบท แต่พอเขียนเข้าจริง ๆ ไม่มีเวลาพอให้วาดรูปเล่นประกอบทุกบทหรอกหนา 55555 บ้าจริงงงงงง
ความคิดเห็น