คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : | 16 | UNREQUITED | เพื่อเธอ
“โฮ่~ มองออกด้วยแฮะ~” 'น่าสนุกดีนี่!' | ซีลอน
พวกเขากลับมาที่ศาลเจ้านามิโมริบาดเจ็บเพราะฐานกระแทกและตกลงมาจากที่สูงเล็กน้อยเพราะความต่างระดับของน้ำทะเลระหว่างสองที่
“เป็นอะไรไหมโชอิจิ?”
รีบอร์นเข้าไปถามไถ่อีกฝ่ายที่อยู่บนเตียงพยาบาลในฐานชั่วคราวที่ย้ายกลับมาด้วย
“อื้อ ไม่เป็นอะไรครับ...
ว่าแต่ยูนิจังเจ้าเครื่องเคลื่อนย้ายนั่นมีหลายเครื่องรึเปล่าครับ?”
อิริเอะถามสิ่งสำคัญในเวลานี้ที่สุด การที่พวกเขาย้ายกลับมาที่นี่ได้พวกเบียคุรันเองก็น่าจะทำได้เช่นกัน
“ไม่นะ
น่าจะมีแค่เครื่องเดียวเท่านั้นละค่ะ”
แม้เธอจะไม่ได้อยู่ในสภาพที่จิตใจสมบูรณ์พร้อมตลอดเวลาแต่ก็ยังพอทราบสิ่งที่เกิดขึ้นในมิลฟิโอเล่อยู่
“งั้นเหรอ!! งั้นทำลายเจ้าเครื่องนั้นทิ้งซะพวกมันจะได้ตามมาไม่ได้!” เขาตะโกนเสียงดังเพื่อบอกคนอื่นข้างนอก
โกคุเทระอาสาจัดการเพื่อทดลองใช้พลังใหม่ดูไปในตัว
เขายิงขีปนาวุธขนาดเล็กขึ้นไปทำลายส่วนหนึ่งของเครื่องเคลื่อนย้ายจนมันระเบิดและเอียงกระเท่เร่ทำทีจะตกไปด้านหลังภูเขาในป่า
ฉับพลันมันก็เลือนหายไป สัญญาณแห่งความวุ่นวายก่อตัวขึ้นอีกครั้ง
“ท่าไม่ดีละ
พวกมันคนเรียกกลับไปเพื่อใช้เคลื่อนย้ายมาที่นี่” ซีลอนเดาะลิ้นเมื่อเห็นสภาพบนฟ้า
และก็เป็นจริงดังว่าเครื่องเคลื่อนย้ายกลับมาอีกครั้งก่อนจะระเบิดกระจายทว่ามันก็พามิลฟิโอเล่กลับมาด้วย
หกตำแหน่งบนฟ้ากระจายออกไปคนละทิศก่อนที่เครื่องจะพังพินาศกลางอากาศ คงเพราะหนีจากการระเบิดเลยจำต้องแยกย้ายกันไปก่อน
“มีคนหนึ่งกำลังมาทางนี้แล้วด้วย!!” สึนะร้องขึ้นและรู้สึกปวดหัวขึ้นมาในทันที “แย่แน่! ทำไงดี!”
“เคียวซังจะไปไหนครับ!”
รองกรรมการผู้คุมกฎที่ปัจจุบันดำรงตำแหน่งมือขวาของฮิบาริตะโกนขึ้นหลังเห็นผู้เป็นนายเดินดุ่ม
ๆ ลงบันไดศาลเจ้าไปอย่างไม่บอกไม่กล่าว
“เจ้าพวกนั้นคนหนึ่งตกไปแถวโรงเรียน
ฉันจะไปขย้ำมัน”
คำตอบของฮิบาริสร้างความประจักษ์อย่างหนึ่งให้สึนะและสองเกลอโกคุเทระกับยามาโมโตะ ‘โรงเรียนนามิโมริเนี่ยสำคัญกับคุณเขาสุด ๆ ไปเลยนะนั่น’
“ผมไปด้วยครับ!” มือขวาของกรรมการคุมกฎวิ่งตามไปติด ๆ
“เคียวยะฉันไปด้วย!” ดีโน่เองก็เสนอตัวไปสมทบวิ่งตามไปกับเขาด้วย
“เอ๋! คุณดีโน่ด้วยเหรอครับ!”
สึนะตกใจขึ้นมาถึงจะรู้อยู่ว่าตั้งแต่ศึกชิงแหวนก็เป็นคุณดีโน่นี่แหละที่คอยฝึกฝนคุณฮิบาริให้
คนหนึ่งเป็นม้าพยศผู้ใจดีอีกคนเป็นกรรมการนักเรียนเอาแต่ใจทว่าพวกเขาก็ดูเข้ากันได้อย่างประหลาด
“ไม่ว่ายังไงก็ต้องสู้อยู่ดี
การที่พวกนั้นแยกกันไปคนละทางแบบนั้นก็เข้าทางและง่ายต่อเรามากกว่าละนะ”
เขาหันมายิ้มให้รุ่นน้อง
“แล้วพวกผ—”
ยังไม่ทันจะถามจบซีลอนก็คว้าหมับที่ไหล่เดชิโม่พลางโบกมือไล่ให้ดีรีบตามเคียวยะไปก่อนจะคลาดกัน
“พวกเรากลับฐานกันก่อน
เบียคุรันมันตามล่าพวกเราอยู่ หนีไปตั้งหลักแล้วหาโอกาสกำจัดพวกมันทีละตัว”
นักฆ่าหลังเก้าอี้แสยะยิ้มขึ้น
“เอะ?” สึนะหน้าซีดไป
เขามัวแต่ห่วงคนอื่นจนลืมกระทั่งว่าทั้งเขาและยูนินั้นต่างยังถูกหมายหัวทั้งคู่อยู่
“ความปลอดภัยของยูนิต้องมาเป็นอันดับแรก
มาเถอะ รีบกลับฐานและพักเท่าที่ยังพอทำได้” ซีลอนยีหัวรุ่นน้อง
พวกเขายืนส่งดีโน่เล็กน้อยก่อนจะเห็นม้าพยศลื่นกลิ้งลงไปจากบันไดศาลเจ้าเพราะแถวนั้นไม่มีโรมาริโอ้อยู่ด้วยจนแสดงอาการเป๋อออกมาให้เห็น
“งั้นพวกเราก็ไปกันเถอะ
ไปที่ฐานก่อน” สึนะตัดสินใจเชื่อตามที่ซีลอนแนะนำอย่างน้อยไม่ว่าจะเป็นเธอในยุคสมัยเขาหรืออนาคตก็ต่างมีประสบการณ์ในเรื่องแบบนี้มากกว่าตน
ไม่มีใครคัดค้าน สคอวโล่เองก็เห็นดีเห็นงามด้วยเพราะต้องการจะใช้เครื่องมือสื่อสารติดต่อไปยังวาเรีย
ณ อิตาลี่เพื่อส่งข่าวปัจจุบันให้ทราบ และคงจะดีกว่าถ้ากองกำลังในอิตาลี่ส่งกำลังเสริมมาช่วยกำลังรบวองโกเล่ของญี่ปุ่นได้อีกทาง
“แต่ว่าไม่ใช่ว่าฐานของเราถูกบุกไปแล้วเหรอ?”
สึนะผงะเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้
“ก็ไปฐานอื่นสิ
นายคิดว่าตัวเองจะสร้างฐานลับใต้ดินเอาไว้แค่ที่เดียวรึยังไง? มันก็ต้องมีหลาย ๆ
ที่ไว้สับเปลี่ยนซ่อนตัวไม่ก็ใช้เป็นตัวล่อไว้ดักศัตรูให้เข้ามาถูกเชือดอยู่แล้ว” ซีลอนยักไหล่
“อืม...ว่าไม่ได้แฮะตอนนี้เรามีแต่คนที่มาจากอดีตนี่นะ เอาเถอะเดี๋ยวฉันนำทางไปเอง
ตัวฉันในอนาคตบอกตำแหน่งฐานลับแต่ละแห่งทิ้งเอาไว้ให้ด้วย”
“คุณจาง! ปลอดภัยสินะ! ดีจัง” สึนะมีสีหน้าโล่งอกหลังเข้ามาภายในฐานใต้ดินแล้วพบกับจางนีนี่ที่รออยู่ในฐานใต้ดินแห่งนี้แล้ว
“ขอบคุณที่เป็นห่วงขอรับ! สำหรับฐานนี้นะปลอดภัยแน่นอน
หายากและยังต้องฝ่าระบบความปลอดภัยของผมเข้ามาไม่ง่ายหรอก”
เขามั่นใจในฐานลับแห่งนี้เป็นอย่างมากก่อนจะแนะนำให้ทุกคนไปพักผ่อน อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า
“ทำตัวตามสบายนะยูนิ”
รีบอร์นหันไปกล่าวกับหลานสาว เธอหลุบตามองพื้นอย่างรู้สึกผิด
“ขอโทษที่ทำให้ลำบากนะคะ...”
หากไม่จวนตัวเธอก็ไม่อยากเลือกเส้นทางนี้ที่ทั้งเสี่ยงและยากลำบาก
แต่ว่าบนหกทางมากมายที่รายล้อมพวกเขาอยู่นั้นก็ตอบได้เต็มปากเต็มคำว่าไม่มีถนนที่เรียบหรูปูให้พวกเขาผ่านไปโดยไร้ความพยายามรออยู่เลย
“ม ไม่เป็นไรหรอก!” สึนะลนลานรีบตอบเพื่อให้อีกฝ่ายไม่รู้สึกแย่ไปกว่านี้
สำหรับเขาแล้วการตัดใจเลือกปกป้องคนอื่นแล้วยอมสละพรรคพวกของตัวเองเป็นการเลือกที่กล้าหาญและหนักแน่นมาก
เพราะถ้าเป็นเขา คงไม่สามารถปล่อยมือจากทุกคนในวองโกเล่ได้
ไม่ว่าจะเป็นมุคุโร่ที่จ้องจะยึดร่างหรือซันซัสที่เคยสู้กันถึงตายไปครั้งก็ตาม
“ถูกต้องแล้วค่ะ! ศัตรูของเธอก็เหมือนศัตรูของพวกเรานั่นแหละ” ฮารุรีบออกความเห็นบ้าง
ชายคนนั้นเห็นคนอื่นเป็นเพียงสิ่งของ แค่คิดว่ายูนิต้องถูกบงการให้ทำในสิ่งที่ไม่ชอบทั้งฮารุและเคียวโกะก็ไม่เห็นด้วยแล้วที่จะปล่อยยูนิไว้ลำพังที่นั่น
“ขอบคุณนะคะ”
ยูนิยิ้มหวานให้ทั้งคู่
ซีลอนมองพวกเขาคุยกันส่วนตัวเองก็เหลือบสคอวโล่ใช้ศอกสะกิดเขาให้ตามออกมาเพื่อไปยังห้องที่เชื่อมการสื่อสารกับฐานที่อิตาลี่ได้
[อุ้ยต๊ายสคอวโล่จังยังอยู่ดีสิน้า~ ซีลอนจังก็ด้วย ว่าแต่ตัวหดลงแบบนี้คิดถึงสมัยก่อนเหมือนกันนะเนี่ย~ ทางนี้เรียบร้อยแล้วละจ้า~] ลุซซูเรียจีบปากจีบคอแชร์ข้อมูลปัจจุบันให้พวกเขาได้ทราบ
“ถ้างั้นก็รีบส่งคนมาทางนี้ด่วนเลย!” สคอวโล่โหวกเหวกใส่ตามนิสัยที่ติดตัวของเขา
[จู่ ๆ
มาบอกกันแบบนั้นเจ๊ก็จัดให้ไม่ได้หรอกน้า~]
รวีของวาเรียถอนหายใจกระดิกนิ้วก้อยใส่จอมอนิเตอร์
ซีลอนที่ยืนเยื้องออกมาด้านหลังก็กระดิกนิ้วกลับไปเป็นการสื่อสารลับตอบลุซซูเรีย
ไม่มีใครมาทั้งนั้นเรื่องคราวนี้พวกสึนะในอดีตต้องเป็นตัวหลักจัดการกันเอง
นักฆ่าหลังเก้าอี้ทราบดีจากข้อความที่ถูกทิ้งไว้โดยตัวเองในยุคสมัยนี้
และก็นึกสงสัยว่าทำไมตัวเธอในอนาคตถึงไม่ถนัดการใช้มีดปลอกเล็บกันทั้งที่เธอในตอนนี้แทบจะใช้มันแทนมีดอยู่แล้ว
“แต่เจ้าพวกเบียคุรันมันมาอยู่ที่นามิโมริแล้วนะ!” ฉลามคลั่งฉุนขาดเขาคิดว่าหากรีบรวบรัดกำจัดพวกมิลฟิโอเล่ที่เป็นเสี้ยนหนามในยุคสมัยนี้ให้หมดสิ้นไปได้
พวกเขาจะได้กลับไปใส่ใจกับการแย่งอำนาจภายในของวองโกเล่กันต่อเสียที!
[จ้า ๆ
แต่ทางนี้เองคนก็แทบจะไม่พอใช้งานอยู่แล้ว
พวกเราที่เหลือกำลังเก็บกวาดหลังจากจบศึกกับมิลฟิโอเล่ของทางอิตาลี่อยู่น้า] ลุซซูเรียยักไหล่
“ทำตอนหลังสิโว้ย! แล้วไอ้ฟรานละอยู่ไหนเราต้องใช้มายาของมันด่วน!”
[เอ๋...ฟรานเหรอ...อืมมม
รู้สึกเขาจะไปหาสาวแหน่ะ]
“หา!” ซีลอนกลั้นขำเมื่อเห็นผบ.วาเรียกำลังจะเส้นเลือดในสมองแตกตายเพราะโมโหเรื่องที่ฟรานไม่อยู่ให้ใช้งานในเวลาเร่งด่วน
‘หาสาว? แปลกแฮะ
ไม่มีข้อมูลแผ่นไหนบอกว่าฟรานมีแฟนหรือติดพันใครนะ
ผู้สนับสนุนหญิงก็มีอยู่ไม่เท่าไหร่...จะเกี่ยวกับเรื่องที่มุคุโร่พูด?’ ซีลอนทบทวนข้อมูลในสมองตัวเองเงียบ ๆ
[ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชื่อดิวบลูว์] รวีแห่งวาเรียพยายามให้ข้อมูลเท่าที่จำได้
“ได้เด็กบ้านั่น! ไปพามันมาเดี๋ยวนี้! เห้ย!!”
ไม่ทันให้ปลายสายได้โตอบมอนิเตอร์ก็ดับลง “โว้ยยย เกิดบ้าอะไรขึ้น!!” จากนั้นสัญญาณว่ามีผู้บุกรุกล้ำเข้ามาในเขตฐานก็ขึ้นแดงเต็มมอนิเตอร์ในห้อง
เสียงระเบิดกัมปนาทสนั่นไปทั่วฐานจนทุกคนต่างโผล่ออกไปจากห้อง
สคอวโล่เองก็เช่นกันแต่ทว่า
“อย่า-ขยับ”
ซีลอนคว้าเสื้อของฉลามคลั่งจิตสังหารที่ไม่ใช่ของเล่นปะทุแล่นขึ้นมาให้สคอวโล่ผงะเล่นก่อนจะหันไปเตรียมตวาดใส่คนที่คุ้นเคยกันดีแต่เด็ก
“ไอ้เปี๊—”
ซีลอนมุ่นคิ้วเห็นว่าน่ารำคาญก็ยกมือปิดปากอีกฝ่ายก่อนขยับข้อมือสร้างร่างจำลองด้วยมายาขึ้นมาของตัวเองและสคอวโล่วิ่งออกไปนอกห้องอย่างเอ็ดตะโรหลังเสียงระเบิด
“แกจะทำอะไร”
ฉลามคลั่งกดเสียงกระซิบกระซาบแทนอย่างหงุดหงิด แบบนี้ไม่ใช่วิธีของเขาสักนิด
“รู้ไหมว่าตัวเลขผู้เสียชีวิตที่รายงานไปทั้งหมดเป็นตัวเลขที่คลาดเคลื่อน?”
นักฆ่าหลังเก้าอี้ลากผบ.แห่งวาเรียให้เดินตามตนเองไปชิดผนังฟังเสียงเอะอะข้างนอกฝั่งตรงข้ามไกลออกไป
“เพิ่งได้ยินจากแกเป็นคนแรกนี่แหละ
หมายความว่ายังไง” สคอวโล่ตวัดสายตาไปมองดุ ๆ
ซีลอนยักไหล่ไม่ยี่หระแล้วอธิบายเสียงเบา
“พวกมันเล็งเก็บแต่ละคนเอาไว้แล้วตามลำดับและในวันนี้เฮียที่อยู่ที่นี่คือลำดับต่อไป
ดังนั้นผมถึงอยู่ด้วย ถึงเวลาพักจากหน้าโรงละครแล้วเฮียหลาม~” นักฆ่าหัวเงินที่ตัวเล็กกว่าเอียงคอและแสยะยิ้มร้าย
“เจ้าพวกนั้—”
“ชู่ว...
พวกสึนะรอดอยู่แล้วก็เงาของเฮียกำลังออกไปซื้อเวลาให้ คิดจะทำแบบนั้นใช่ไหมล่ะ
เพราะเฮียรู้ดีว่าพวกมันเก่งเกินมนุษย์ไปมาก พวกยามาโมโตะในเวลานี้ยังไม่อยู่ในสภาพพร้อมรบหลังจากเพิ่งจบช้อยส์มา”
ซีลอนชิงตัดบท ฉลามคลั่งแห่งวาเรียที่ถูกรู้ความในใจก็ชักสีหน้าฉุน ๆ
ไม่อยากจะยอมรับแต่คำตอบคือใช่ เขาเป็นถึงปรมาจารย์เพลงดาบรุ่นแรก
ชั่วดียังไงก็ต้องยื้อเอาไว้ให้พวกสึนะหนีไปได้แน่
“ไม่ต้องห่วงผมให้สิทธิ์ควบคุมร่างเงาเต็มที่เลย
เล่นให้สนุกแต่ว่าหลังจากนี้ผลจะเป็นยังไงเฮียต้องตามผมไปที่คฤหาสน์ของผม”
เธอไหวไหล่แล้วดึงอีกฝ่ายลงมาใกล้เพื่อทาบมือกับตาทั้งสองข้างของเขา
สคอวโล่กำลังจะโวยวายก็เข้าใจทุกอย่าง เมื่อมือเล็ก ๆ ทั้งสองผละออกเปลวไปสีเทาก็ลุกไหม้ดวงตาของสคอวโล่คล้ายแว่น
แค่คิดร่างมายาด้านนอกก็ทำตามได้ทุกกระเบียดนิ้วที่เขาจินตนาการเอาไว้
“แกจากอดีตมันร้ายได้ถึงขนาดนี้เลยเหรอวะไอ้เปี๊ยก...”
สคอวโล่หันมาแสยะยิ้มอย่างถูกใจ
ตอนแรกเขาจะออกไปเองเพราะเขารู้ดีว่าร่างมายาฝีมือไม่มีทางเหมือนเขาร้อยเปอร์เซ็นต์แต่มาอีหรอบนี้จึงวางใจขึ้นมาและพอจะยอมทำตามแผนของซีลอนได้
“เจ้าปีศาจนั่นสอนทริกให้ก้าวข้ามความคิดกรอบของมนุษย์ไปน่ะ
ก็เลยสร้างวิชานี้ขึ้นมาใหม่” เธอเค้นยิ้มกอดอกยืนอยู่ข้าง ๆ
เพื่อรอให้ความช่วยเหลือหลังจากนี้ ตามการประเมินและเสียงเอะอะข้างนอกคนที่ตามมาพวกเธอมาคือซาคุโร่
ผู้ใช้เพลิงวายุ ชายที่แช่ลาวาได้อย่างไม่รู้สึกรู้สาอะไร น้ำน้อยไม่อาจหาญดับไฟยิ่งเป็นหิวเหลวด้วยแล้วละก็ทำได้เพียงฉาบผิวหน้าให้แข็งแห้งเท่านั้น
เมื่อไหร่ที่ปริออกหินแดงระอุข้างในก็พร้อมทะลักทลายออกมาสร้างความเสียหายเป็นวงกว้าง
“แล้วมันจะไม่สังเกตถึงฉันกับแกเหรอวะ?”
สคอวโล่ชักไม่แน่ใจ ดูจากสายตาของร่างมายาเจ้าซาคุโร่นี่มีประสาทสัมผัสที่ดีเยี่ยมเกินมนุษย์มนา
“คนที่ฝึกมาเพื่อค้นหาเพียงสิ่งที่อยู่ใต้อำนาจทรีนิเซตเต้ก็จะค้นหาได้แค่สิ่งที่อยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ของโลกเท่านั้น”
เธอชี้นิ้วขึ้นไปเหนือหัวของตน ร่วมควันสีดำลอยเอื่อยอยู่ราวกับใช้ต่างตัวส่งคลื่นรบกวนเรดาห์ของศัตรู
“พวกมันไม่เคยตามหาผมได้ ผบ.ก็รู้ ตราบใดที่ใช้งานพลังนอกรีตนี่”
หล่อนกรีดยิ้มร้าย คิดจะงัดข้อกับคนที่เก่งกว่าก็ต้องทุ่มสุดกำลัง
เหมือนที่เธอกำลังทำอยู่
เทหมดหน้าตักเพื่อจัดเตรียมและช่วยเหลือคนที่ตายลงไปจากเวที
“ไม่รู้จะด่าหรือเอ็ดแกยังไงดีแล้วนะ
ใช้พลังนอกระบบนั่นให้มันน้อยลงหน่อย”
สคอวโล่กัดฟันสั่งสอนนักมายาที่ดื้อที่สุดเท่าที่เขาเคยพบมาข้างกาย
“โว้ย!!! พายูนิออกจากฐานแล้วก็รีบหนีไปซะ! ไปให้ไกลที่สุด!!” สคอวโล่กัดฟันตะโกนออกไปพร้อมร่างมายาข้างนอก “แก ไอ้เวรเอ้ย!” สบถยังไม่ทันขาดคำระเบิดเพลิงขนาดใหญ่ก็ลุกไหม้ไปทุกตารางนิ้วของฐานลับ
ทุกทางออกอากาศมีไฟพวยพุ่งออกมา ต่อให้เป็นผู้พิทักษ์ที่มีการป้องกันแข็งแกร่งแค่ไหนแต่แรงระเบิดขนาดนี้ก็คงกันได้ไม่นานและถูกไฟคลอกแน่
ถ้าใช้การป้องกันเพื่อต้านทานไฟเหล่านั้นล่ะนะ...
สคอวโล่เซไปในความมืดที่ไม่สะท้อนสิ่งใดออกมาสู่สายตาครู่เดียวเท่านั้นในวินาทีที่ไฟจะถึงตัวพวกเขารอบด้านก็เปลี่ยนไปเป็นห้องรับแขกหรูหราที่สะอาดเรียบร้อย
“ที่นี่...”
สคอวโล่ขมวดคิ้วหันไปมองเด็กสาวข้างตัว พลังของเธอยังคงน่ากลัวเสมอหากเลือกยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม
“คฤหาสน์ของผมเอง
ยังอยู่ในญี่ปุ่นนั่นแหละ แต่เป็นชื่อของคนอื่น
ซ่อนเอาไว้แนบเนียนชนิดที่ว่าต่อให้พลิกแผ่นดินหาในนามผู้เกี่ยวข้องของทั้งวองโกเล่วาเรียหรือแม้แต่แฟมิลี่พันธมิตรก็ไม่มีทางเจอที่นี่”
ซีลอนก้าวเท้าแล้วหมุนตัวเพื่อเผชิญหน้ากับผบ.แห่งวาเรียที่ตอนนี้มีสถานะเป็นผู้เสียชีวิตในศึกแห่งอนาคต...
“ยินดีต้อนรับสู่คฤหาสน์คนตายที่จนกว่าจะจบสงครามห้ามโผล่หน้าออกไปให้คนเป็นบนเวทีเห็น!” เธอกางแขนออกข้างแล้วยิ้มยิงฟันอย่างอารมณ์ดี เธอชอบอุดมการณ์ของตัวเองในอนาคต
เก็บกวาดหลังจบเรื่อง? ไม่
เธอจะใช้แบบแผนของสึนะและเอิร์ลเกรย์ที่คาดเดาเหตุการณ์ล่วงหน้าเอาไว้และไล่ปกป้องสมาชิกกับผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดให้ยังคงมีชีวิตในคฤหาสน์ของเธอ
กรงของเธอ...
“หมายความว่าจนกว่าเจ้าพวกนั้นจะชนะฉันก็พักร้อนยาว
ๆ ในบ้านพักของแกสินะ?” สคอวโล่เข้าใจสถานการณ์ได้เร็วมากก็มุ่นคิ้ว
“เจ้าพวกนั้นจะไหวเหรอ...” เขายังคงเป็นห่วงพวกเด็ก ๆ ที่มาจากอดีต
ความสามารถครึ่ง ๆ กลาง ๆ ที่ถูกขัดเกลาจนดูดีขึ้นเหล่านั้นยังไม่มากพอจะชนะ
ถึงกังวล
“ไม่ต้องห่วง
ยามาโมโตะที่เสียทั้งพ่อและอาจารย์อย่างเฮียไปคงเลือดขึ้นหน้าและเข้มงวดกับตัวเองมากขึ้น
เท่านี้ก็ยกระดับเขาได้หนึ่งคน ส่วนคนอื่น ๆ นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนตายต่อหน้าแถมยังเป็นเฮียทั้งเก่งทั้งโหดขนาดนี้พวกเขาจะรู้ตัวแล้วว่าต่อให้มีเวลาเพียงยี่สิบสามสิบนาทีเพื่อพักและเร่งฝึกพวกเขาก็จะเค้นทุกความสามารถเพื่อพัฒนาตนเอง
เพื่อไม่ให้มีใครต้องตายอีก นั่นแหละจุดเด่นของพวกสึนะ ใจดีและอ่อนต่อโลกเกินไป”
ซีลอนอธิบาย
เธอพาสคอวโล่ออกมานอกห้องรับรองแล้วเปิดม่านหน้าต่างให้เห็นสภาพด้านนอกที่เป็นไร่สวนไปเสียครึ่ง
อีกครึ่งเป็นป่า
“นี่เป็นเขตของเพื่อนทางไกลของผมเอง
เป็นเจ้าของไร่หลายประเทศธุรกิจหลักคือส่งออกผลผลิตทางการเกษตร
ไม่มีมาเฟียคนไหนมาปลูกผักจริงไหมเฮีย แถมยังมีเส้นสายกับทหารที่นี่เลยอยู่นอกเหนือการค้นหาของพวกมัน
และคงคิดว่าคฤหาสน์หลังนี้เตรียมไว้ต้อนรับทูตทางการเมืองและทหารยศใหญ่ที่อยากมาพักร้อน
ไม่ใช่พวกเราเหล่าคนที่อาศัยในเงามืด...ในโลกเบื้องหลัง”
เธอกระตุกยิ้มแล้วปิดม่านลง
“อยากจะนอนห้องไหนก็ตามสบาย
อาหารมีเชฟคอยดูแล อยากทำกินเองก็ไม่มีปัญหา โถงพยาบาลอยู่ชั้นหนึ่ง
มีชั้นใต้ดินอีกสองชั้นเป็นห้องพักและห้องเทรนนิ่ง มีทางหนีใต้ดิน ประตูกรอบสี่เหลี่ยมข้างในจะเตรียมของใช้สำหรับผู้ชายเอาไว้เฮียเลือกตามใจเหอะ
แล้วก็กฎของที่นี่มีข้อเดียว...” ซีลอนไล่สายตาไปตามระเบียงทางเดิน
“ห้ามรังแกคนป่วย...”
เธอยิ้มแย้ม
“เหอะ คนที่กล้าแตะฝาแฝดของแกมีแต่พวกไร้สมองทั้งนั้นแหละไอ้เปี๊ยก”
สคอวโล่เค้นหัวเราะขึ้นจมูก “เอาเหอะ จะทำตัวให้คุ้มค่ากับการพักร้อนแล้วกัน
แล้วแกจะเอายังไงต่อ?” ฉลามคลั่งหรี่ตามองเด็กสาวเจ้าบ้าน
“กลับไปสลับตัวกับร่างมายาแล้วดำเนินละครองก์นี้ต่อไป...
เพื่อปูไปสู่... ชัยชนะของวองโกเล่ เพื่อเอิร์ล เพื่อตัวผมในยุคสมัยนี้”
ซีลอนในอดีตมีสายตาอาฆาตและแน่วแน่ เธอกะพริบตาหลายครั้งเพื่อปรับอารมณ์เสียใหม่
“คนป่วยไม่ได้มีแต่เอิร์ลเกรย์หรอกนะ...
มีเจ้ามุคุโร่ด้วยแต่...” เธอลังเลไปว่าจะพูดดีไหม
เพราะก็ไม่แน่ใจเหมือนกันว่าอีกฝ่ายดำเนินการไปถึงขั้นไหนแล้ว
“แต่?”
ชายตัวสูงทวนคำนั่นพลางเลิกคิ้ว
“ไม่รู้ว่าหมอนั่นอยู่ในแผนขั้นไหนแล้วแต่ถ้ายังอยู่ที่นี่ก็คงอยู่ในร่างเอิร์ลนั่นแหละวานให้หมอนั่นใช้ร่างของฝาแฝดเพื่อทำกายภาพร่างกายที่นอนติดเตียงมานานอยู่”
เธอพาเขาเดินลงไปที่ชั้นล่างอาคารปีกซ้ายเป็นโถงพยาบาล อาคารฝั่งปีกขวาเป็นห้องรับแขกใหญ่ที่มีประตูไปสู่เรือนกระจกที่ปลูกไว้ติดบ้าน
“แกหมดเงินกับที่นี่ไปเท่าไหร่เนี่ย...”
สคอวโล่มองข้าวของราคาแพงหูฉี่ไม่ว่าจะเป็นเฟอร์นิเจอร์ไปจนถึงของใช้ตกแต่งอื่น ๆ
เขาเคยคิดว่ามันเป็นคนเลี้ยงง่ายไม่เรื่องมาก
แต่ดูเหมือนหลังจากเห็นบ้านของเจ้าตัวคงต้องคิดใหม่ ไอ้เปี๊ยกนี้มันอยู่เป็นตราบใดที่ถูกเลี้ยงก็จะหัวอ่อนว่าง่าย
ไม่มากความและยอมรับในสิ่งที่ได้มาโดยไม่เสียอะไรแลกไปแต่โดยดี
“ไม่รู้สิไม่เคยนับเลย เงินน่ะโยนลงไปในตลาดหุ้นเดี๋ยวก็งอกกลับมาแล้วนี่”
ซีลอนยักไหล่ ทุกครั้งที่กลับมาบ้านหลังนี้สิ่งที่ทำเป็นอันดับแรกก็คือมาหาฝาแฝดของตนแม้ว่าจะถูกใครบางคนสิงอยู่ก็ตาม
“โอยะ มีคนต้องลงจากเวทีเพิ่มอีกคนแล้วเหรอครับเนี่ย
น่าตกใจมากนะครับที่คุณเลือกให้เป็นเขา” เอิร์ลเกรย์บนเตียงคนไข้พูดด้วยน้ำเสียงที่เปลี่ยนไป
สคอวโล่ขนลุกขึ้นมาเพราะตาขวาของฝาแฝดชายนั้นกลายเป็นสีแดงและมีหมายเลขอยู่ข้างในแบบเดียวกับผู้พิทักษ์สายหมอกของวองโกเล่
“ฉันไม่ได้เลือก
ทุกคนเลือกกันเองทั้งนั้นว่าจะทำอะไร ก็แค่ไปรับมาก่อนจะตายเข้าจริง ๆ
แล้วแกน่ะขั้นต่อไปถึงไหนแล้ว” ซีลอนทำหน้าเหม็นเบื่อใส่
รู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นคนอื่นควบคุมร่างกายของฝาแฝดเอาไว้
แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะคุยด้วยเหตุผลไม่รู้เรื่อง
ตัวเธอเองรู้ดีกว่าใครว่าการที่ให้มุคุโร่สิงร่างของเอิร์ลเกรย์เพื่อขยับร่างกายเตรียมพร้อมการฟื้นขึ้นมาในอนาคตนั้นสำคัญกว่า
“กลัวการจับจ้องของเอิร์ลที่รักของผมเสียเถอะ
เพราะว่ารู้นิสัยของทุกคนก็เลยคาดเดาได้ง่ายว่าเลือกจะทำอะไรลงไปบ้างยังไงล่ะ~” ซีลอนยกยิ้มอารมณ์ดี ฝาแฝดของเธอน่ะเก่งที่สุด ไม่ว่าจะเรื่องไหน ๆ
ก็เป็นอัจฉริยะมาเกิดอย่างไม่ต้องสงสัย
“...เอาล่ะ อวดตัวเองอีกคนมากพอแล้ว
หมอตรวจร่างกายผบ.ด้วยนะ แล้วก็ถ้าเกิดพวกเขาจะตีกันก็ยิงผบ.ได้เลย จะไปทำงานต่อละ
ถ้ามีใครถึงคิวต้องเป็นคนตายเดี๋ยวจะหิ้วกลับมาทิ้งไว้ที่นี่เพิ่มแล้วกันนะ”
ซีลอนหันไปสั่งกลุ่มแพทย์ที่ทำงานอยู่ในคฤหาสน์แล้วทิ้งสคอวโล่ไว้ตรงนั้นไม่สนใจเสียงโวยวายเบื้องหลัง
เธอแสยะยิ้มเมื่อออกมาจากห้องเพราะร่างมายาอีกคอยส่งความเคลื่อนไหวของอีกฝั่งให้ผ่านทางสมองเจอกับคนน่าสนใจเข้าให้
“คุณรู้ทุกอย่างเกี่ยวกับพวกเราได้ยังไงน่ะ?”
ยามาโมโตะมองลุงคาวาฮิระอย่างตื่นเต้น สึนะเองก็สงสัยเหมือนกัน
“อ๊ะ เรื่องนั้นเอาไว้ก่อน เมื่อกี้เหมือนเห็นเด็กสองคนวิ่งไปที่โรงเรียนนามิโมรินี่ใช่พวกเดียวกับเธอรึเปล่า?”
ลุงคาวาฮิระถามขึ้นใช้ตะเกียบชี้ไปในทิศที่ตั้งของโรงเรียนดังประจำเขต
“ส สองคน! ต้องเป็นคุณฮิบาริกับคุณดีโน่แน่ ๆ ครับ!
พวกเขาคงจะไปขัดการหนึ่งในหกบุปผาอาลัยที่ตกลงไปแถวนั้น”
สึนะที่พูดทุกอย่างออกไปเกลี้ยงทำให้ซีลอนร่างมายายกมือลูบหน้าตัวเองเครียด ๆ
บอสหัวอ่อนของเธอนี่นะ... ทั้งที่ตอนนี้ยังยืนยันสถานะอีกฝ่ายไม่ได้ว่าเป็นใครมาจากไหน
แถมยังไม่รู้ด้วยว่าหลังจากนี้จะเป็นมิตรหรือศัตรู
การยื่นมือเข้าช่วยเหลือครั้งหนึ่งไม่ได้หมายความว่าอีกฝ่ายจะอยู่ฝั่งเดียวกับกันกับเราด้วย
“จะไม่เป็นอะไรแน่เรอะ?”
ลุงคาวาฮิระย้อนถามทำให้เหล่าเด็ก ๆ ในร้านต่างมองกันอย่างสงสัย “เจ้าคนที่พวกนั้นจะเจอน่ะไม่ใช่กระจอกหรอกนะ”
เขาอธิบายเพิ่ม
“แล้วก็นั่นนะ ไม่เป็นอะไรแน่รึใช้พลังมายาอย่างต่อเนื่องแบบนั้นน่ะ” ลุงคาวาฮิระชี้ตะเกียบไปที่ซีลอน พวกเขาที่วิ่งมาด้วยกันทำหน้าสงสัยไม่ได้เอะใจแม้แต่น้อย
“โฮ่~ มองออกด้วยแฮะ~”
นักฆ่าหลังเก้าอี้ที่กอดอกยืนพิงโซฟายกมือขึ้นลูบกรามตัวเองด้วยรอยยิ้มเสียสติที่ควบคุมไม่ได้
“ร รุ่นพี่???”
สึนะขมวดคิ้วอันที่จริงเขาก็รู้สึกว่ามีตรงไหนของรุ่นพี่แปลกไปแต่อธิบายไม่ถูก ซีลอนเหลือบมองสึนะแล้วยิ้มร้ายออกมา
“ดูท่าเดชิโม่ตรงนี้ก็ใช้การได้นี่แค่ไม่มั่นใจเลยเลือกจะไม่พูดงั้นสิ?
ก็ไม่เลวนะจะให้คะแนนสักหน่อยแล้วกัน ใช่แล้ว...ตัวผมตรงนี้ไม่ใช่ร่างจริงหรอกนะ
เป็นพลังมายาขั้นสูงน่ะ เจ๋งไปเลยใช่ไหมล่ะ~
พอดีว่ามีธุระด่วนนิดหน่อยก็เลยจำต้องแยกไปอีกทางแต่ว่าผมจะกลับไปสมทบเดี๋ยวนี้แหละ”
เธอพูดเช่นนั้นก่อนที่ร่างกายจะไหววูบปรากฏให้เห็นลักษณะของไฟสายหมอกผสมกับไฟเมฆาคล้ายลุกไหม้อยู่ทั้งตัวก่อนที่ซีลอนอีกคนจะก้าวเท้าออกมาจากความว่างเปล่า
และเมื่อเธอผู้เป็นตัวจริงเสียงจริงมายืนอยู่ร่างมายาก็สลายไป
“มองออกได้ยังไงกันนะ
ผมคิดว่านี่จะแนบเนียนที่สุดแล้วซะอีก อืม...คงจะดูถูกเฮลริงของคุณเกินไปหน่อย
มันมีพลังเกี่ยวกับการสร้างและลบพวกสัญญาณอะไรแบบนั้นสิ?”
ดวงตาสีไพลินวาววับไปด้วยความสนใจใคร่รู้
คล้ายเป็นแววตาของสัตว์ป่าที่กำลังเล็งเหยื่อมากกว่ามองอย่างเป็นมิตร
“ซีลอน” รีบอร์นเอ่ยเอ็ดลูกศิษย์
เธอจึงยิ้มแป้นกลบซ่อนความรู้สึกผ่านแววตาและยักไหล่เลิกทำท่าทีน่ากลัวในสายตาคนอื่น
“แหม แค่ตื่นเต้นนิดหน่อยเอง
ไม่ใช่ว่าทุกวันจะได้เจอคนเก่ง ๆ และมีของเจ๋ง ๆ นี่นา~” ซีลอนโคลงหัวไม่คิดมาก
เอาเถอะจากที่เห็นว่าสามารถหลอกให้ซาคุโร่ตามสัญญาณเก๊ไปได้ไกลก็นับว่าคู่ควรจะผูกมิตรเอาไว้
[สึนะได้ยินไหม?]
ดีโน่ติดต่อมาทางอุปกรณ์สื่อสารที่สึกับกับโกคุเทระสวมอยู่จากนั้นจึงรายงานผลการจับกุมเดซี่ที่โรงเรียนนามิโมริได้โดยฮิบาริที่ใช้อาวุธกล่องวองโกเล่
รวมทั้งประโยคที่หลุดปากออกมาว่าท่านเบียคุรันไม่เคยเห็นพูดถึงมาก่อนเรื่องอาวุธกล่องฉบับวองโกเล่
นั่นย้ำให้พวกเขาเข้าใจว่าทำไมต้องข้ามกาลเวลามาในยุคสมัยนี้ที่มีเงื่อนไขในการเอาชนะเบียคุรันได้อยู่
“ครับ...ครับ จริงเหรอเนี่ย! ทุกคน!เขาบอกว่าคุณฮิบาริสู่กับหนึ่งในหกบุปผาอาลัยที่ชื่อเดซี่ชนะด้วยล่ะ!”
“ว้าว สุดยอดไปเลยฮาฮิ๊!”
ท่ามกลางเสียงดีใจของทุกคนรีบอร์นก็ขยับปีกหมวกยิ้ม
ๆ “ดูท่าตอนนี้คงจะไม่อยู่ในภาวะคับขันแล้วนะ” ประกอบกับซาคุโร่ก็เคลื่อนไหวไกลออกไป
พวกเขายังมีเวลามากพอจะคิดแผนและตั้งรับ หรือเลือกจะตอบโต้กลับ
“งั้นจะปิดร้านสักหน่อยน้าพวกเธอใช้ที่นี่กันได้ตามสบาย
ฉันมีธุระต้องไปทำ” ลุงคาวาฮิระทิ้งท้ายเอาไว้ไม่ยอมตอบคำถามและออกจากร้านไปทิ้งให้พวกสึนะได้ใช้ที่นี่หลบพักชั่วคราว
“ไปซะแล้ว...”
สึนะมองประตูร้านที่ปิดลง
เขาทั้งสงสัยและอยากรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นใครกันแน่ถึงช่วยพวกเขาเอาไว้
“ถ้าไม่ว่าอะไรฉันจะกลับไปดูที่ฐานหน่อยนะ”
ยามาโมโตะตัดสินใจจะย้อนกลับไปดู
“เอาจริงเหรอ?
จะย้อนกลับไปที่ฐานน่ะ?” สึนะหันไปร้องเอ๋เสียงดังและถามอย่างกังวล
สภาพการระเบิดที่เปลวไฟปะทุออกมาจากทุกปล่องทางออกอากาศแบบนั้นจางนีนี่ก็วิเคราะห์ไว้แล้วว่าเป็นแรงระเบิดมหาศาล
“ฮะๆ อย่าห้ามกันเลย
เจ้านั่นน่ะสคอวโล่เชียวนะ เพราะงั้นฉันเชื่อว่าไม่เป็นอะไรง่าย ๆ หรอก
ยังไงก็อยากกลับไปดูให้เห็นกับตาน่ะ” ยามาโมที่ตัดสินใจแน่วแน่แล้วยิ้มออกมาอย่างมาดมั่น
“ขอโทษทีนะแต่ฉันคงไปกับนายไม่ได้...”
สึนะยังคงพะว้าพะวังเรื่องยูนิ เขาต้องปกป้องเธอตามคำสัญญา คงทิ้งยูนิหรือพาไปด้วยไม่ได้เพราะจะตกเป็นเป้าหมายเอา
“ไม่ต้องห่วงหรอกน่า มีฉันอยู่ด้วยทั้งคน”
เบียงกี้ตัดสินใจไปยืนข้างยามาโมโตะตามด้วยจางนีนี่และสปาน่า
“ไม่ต้องห่วงครับเดี๋ยวผมพาเข้าทางลับเอง!” จางนีนี่ยกนิ้วโป้งขึ้น เขามั่นใจว่าทางเข้าลับน่าจะยังไม่ถูกเผาป่าราบไปพร้อมระเบิด
“น่าตกใจนะครับเนี่ย ผมคิดว่าคุณจางจะกลัวจนไม่กล้ากลับไปเสียอีก”
ฟูตะทำตาโต
“พูดอะไรอย่างนั้นครับ
ฐานทัพวองโกเล่เป็นผลงานที่ผมแลกมาด้วยหยาดเหงื่อแรงกายของผมนะ! ถ้าไม่กลับไปดูให้เห็นกับตาวันนี้คงนอนไม่หลับแน่!”
จางนีนี่เถียงกลับในทันที
แน่นอนว่าเขากลัวแต่ด้วยในฐานะนักวิจัยมือหนึ่งของวองโกเล่แล้ว
เขาต้องกลับไปเก็บข้อมูลความเสียหายเพื่อใช้ปรับปรุงฐานลับใหม่!
หลังจากตกลงฝ่ายที่อยู่ที่ร้านและกลุ่มย่อยที่กลับไปตรวจสอบฐานลับสึนะก็รีบคว้าคุณแรมโบ้ที่จะเนียนออกไปจากร้านลุงคาวาฮิระ
เขารู้สึกถึงอะไรบางอย่างไม่ชอบมาพากลแต่เพราะไม่เห็นความผิดปกติจึงกลับเข้าร้านไปเพื่อปรึกษาแผนต่อจากนี้
“...” ซีลอนขมวดคิ้วรู้สึกคันยิบ
ๆ ในทรวงอกเหมือนมีบางอย่างผิดปกติแต่มองไม่เห็น เธอกวาดตามองไปรอบร้านแต่ก็ไม่เห็นอะไรผิดปกติ...
แม้จะพยายามประสาทสัมผัสของไฟมายาก็ไม่รับรู้ถึงอะไร
นั่นทำให้หลังจากที่คาบูโตะแสดงตัวว่าแสร้งเป็นแรมโบ้เพื่อเข้าใกล้และลักพาตัวยูนิออกไปนอกร้านสร้างความวิตกให้กับเธอเป็นอย่างมาก
‘มองไม่เห็น?
บ้าน่า! ฉันคนนี้เนี่ยนะมองไม่เห็น!’
นักฆ่าหัวเงินกัดฟันรู้สึกถูกหยามหน้าอย่างที่สุด เธอกล้าพูดกว่าเก่งกว่าใครทั้งนั้นในกลุ่มสึนะตอนนี้
แต่ยังคงห่างจากพวกหกบุปผาอาลัย? ตัวคนที่อันตรายที่สุดของยุคสมัยอยู่ล้ำหน้าไปอีกกี่ร้อยก้าวกัน!
“ไม่จริงน่า!” “ยูนิ!!”
““ไม่มีทางให้ออกไปได้หรอก!”” ทั้งโกคุเทระและบาจิลประสานอาวุธหันเพื่อตอบคาบูโตะแต่สายหมอกแห่งหกบุปผาอาลัยพังประตูร้านออกไปและลอยตัวอยู่กับพรรคพวก
ซึ่งคือคิเคียวและบลูเบล
“หกบุปผาอาลัย!!”
“ทำได้ดีมากโทริคาบูโตะพาท่านยูนิไปหานายท่านตรงนี้พวกเร—
!!!” คิเคียวยังไม่ทันออกคำสั่งเสร็จปลายเล็บคมจากเหล็กกล้าก็พุ่งเข้าใส่จนเขาต้องไหวหลบก่อนจะโดนแทงเข้าลำคอ!
“ชิ” ซีลอนเดาะลิ้น
ไม่ได้หยุดเคลื่อนไหวเพียงเพราะการโจมตีแรกพลาด เธอตวัดเขาเตะเสยอีกฝ่ายทันทีที่กรงเล็บพลาดเป้าหมายไป
เธอที่ลอยตัวอยู่ได้เพราะพลังไฟที่อัดแน่นจนเห็นรูปร่างอยู่หลังสะโพกปีกสีดำสนิทของอีกา สัตว์กล่องในรูปแบบอุปกรณ์เสริมของเธอ ผสมกับพลังนอกระบบนั่นรากไม้สีดำจึงเลื้อยพันผิวหนังมากขึ้นจนลามมือถึงข้อมือขวานอกแขนเชิ้ตยาว
“ได้เห็นอะไรดี ๆ
แล้วสิ ถ้าสีดำนั้นกลืนเธอจนหมดคงจะหมดก๊อกสินะ!” คิเคียวหันไปใส่พลังโจมตีซีลอนที่ลอยตัวขึ้นมาโต้ตอบเขาและปล่อยให้บลูเบลเปิดอาวุธกล่องปากเปลือกหอยระเบิดใส่พวกสึนะด้านล่าง
หน้าที่ของพวกเขาคือยื้อเวลาให้คาบูโตะพาท่านยูนิกลับไปหาเจ้านายแค่นั้นก็เพียงพอ
เปรี้ยง! ลูกดิ่งสีดำที่ห้อมล้อมด้วยสายฟ้าไร้ที่มาเข้าผ่าเข้าร่างโทริคาบูโตะจนมายาสลายไป
ยูนิร่วงลงมากลางอากาศและเห็นวัตถุสีดำนั่นเต็มตา จิ้งจอกอาวุธกล่องอัสนี!
“บิสเจ็ต!?” ยูนิจำพวกมันได้
“บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ?
องค์หญิง” แกรมม่าปรากฏตัวสู่สนามรบพร้อมลูกน้องอีกสองคนเพื่อปกป้องบอสเพียงหนึ่งเดียวแห่งจิโลเนโรแฟมิลี่
“แกรมม่า! โนซารุ! ทาซารุ!”
ยูนิร้องด้วยความดีใจพวกพ้องของเธอยังมีชีวิตรอด!
“บ้าน่าพวกแบล็กสเปลสมควรถูกกำจัดทั้งหมดหลังจากเคลื่อนย้ายฐานทัพเมโลเน่แล้วสิ!” คิเคียวพยายามสลัดซีลอนเพื่อไปช่วยโทริคาบูโตะ
น่าหงุดหงิดมากทั้งที่ข้อมูลการต่อสู้ของนักฆ่าหลังเก้าอี้พวกเขาก็ได้รับมาทั้งหมดแล้วแต่ตอนนี้กลับใช้วิชาที่ต่างออกไป
“มัวแต่โอ้เอ้อะไรอยู่หะคาบูโตะ! รีบไปชิงหัวยูนิกลับมาเซ่!!”
บลูเบลขึ้นเสียงใส่สมาชิกหกบุปผาอาลัยอีกคน
กายของเขาฟุ้งหมอกและพุ่งไปหายูนิ
ผ่านการประสานของพี่น้องนักฆ่าไปได้อย่างง่ายเลยและทำร้ายพวกเขาด้วยการโจมตีครั้งเดียวสาหัสร่วงลงสู่พื้นข้างล่าง
แม้แต่จิ้งจอกดำคู่ของแกรมม่าก็ต้านทานเอาไว้ไม่อยู่ สายฟ้าสีม่วงเหงื่อซึม
แต่ไม่ว่ายังไงเขาก็ต้องปกป้องเด็กสาวในอ้อมแขนของตนเองเอาไว้ให้ได้จึงทุ่มสุดตัวเพื่อปล่อยพลังอัสนีออกมาจากแหวนแฟมิลี่
“หึ...
ไฟแค่นั้นทำอะไรไม่ได้หรอก” คิเคียวที่เหลือบสายตาไปมองสนามรบอีกแห่ง เสี้ยววินาทีที่ละสายตานั้นเองกรงเล็บของซีลอนจึงเข้าถึงตัวเขาสร้างปากแผลยาวและรอยเลือดสีแดงเข้มทะลักออกมาได้
ยิ้มวิกลที่แสดงถึงความลิงโลดของนักฆ่าหัวเงินเกิดขึ้นพร้อมเสียงหัวเราะในลำคอ
เป็นวินาทีเดียวกับที่สึนะเข้าไปขวางชกเสยคาบูโตะจนกระเด็นไปอีกทาง
““มองไปทางไหนน่ะ คู่ต่อสู้ของแก
อยู่ทางนี้”” เสียงของสึนะและซีลอนดังขึ้นในประโยคเดียวกันและต่างมุ่งมั่นจะเอาชนะเมื่อต้องประจันหน้ากับคู่ต่อสู้ที่เหนือชั้นกว่า
ความคิดเห็น